อโกด้าเปิดตัวกิจกรรม ลุ้นรางวัลทริปฮันนีมูนในฝัน สำหรับคู่รักเพศเดียวกัน เพื่อเฉลิมฉลองกฎหมายสมรสเท่าเทียมในไทย

อโกด้า แพลตฟอร์มดิจิทัลสำหรับการท่องเที่ยว ร่วมเฉลิมฉลองการบังคับใช้กฎหมายสมรสเท่าเทียมที่กำลังจะเกิดขึ้นในประเทศไทย โดยจัดการแข่งขัน #AgodaLoveWins มอบรางวัลเป็นทริปดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์มูลค่าสูงถึง 350,000 บาท ให้กับคู่รักจากกลุ่มผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ

การแข่งขัน #AgodaLoveWins เปิดโอกาสให้คู่รักจากกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศเข้าร่วมโดยการแบ่งปันเรื่องราวความรักและจุดหมายปลายทางในฝันสำหรับไปดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ เพื่อชิงบัตรกำนัลมูลค่าสูงถึง 350,000 บาท ทั้งนี้คู่รักสามารถเข้าร่วมการแข่งขันได้ง่าย ๆ โดยเพียงแค่แบ่งปันรูปภาพหรือวิดีโอของตัวเอง พร้อมคำบรรยายเกี่ยวกับเรื่องราวความรักและเหตุผลในการเลือกจุดหมายปลายทางในฝัน โดยสามารถแบ่งปันผลงานได้ทาง Facebook, Instagram หรือ TikTok พร้อมแท็กอโกด้าและใช้แฮชแท็ก #AgodaLoveWins

ปิติโชค จุลภมรศรี ผู้อำนวยการอาวุโสของอโกด้า กล่าวว่า “ที่อโกด้า เราเฉลิมฉลองความรักที่สวยงามทุกรูปแบบ และภูมิใจที่ได้สนับสนุนกลุ่ม LGBTQIA+ ผ่านโครงการต่าง ๆ เช่น การเป็นพันธมิตรด้านการท่องเที่ยวอย่างเป็นทางการของบางกอก ไพรด์ (Bangkok Pride) และการจัดการแข่งขัน #AgodaLoveWins สิ่งเหล่านี้เป็นการแสดงจุดยืนในการสัุบสนุนกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศของเรา ให้การเริ่มต้นใหม่เต็มไปด้วยความสุขและสามารถสร้างความทรงจำที่ไม่อาจลืมเลือน เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้เห็นเรื่องราวดี ๆ ที่สร้างแรงบันดาลใจ และจุดหมายปลายทางในฝันที่คู่รักได้แบ่งปันกับเรา”

ผู้เข้าแข่งขันจะต้องเป็นคู่รักเพศเดียวกัน มีสัญชาติไทยอย่างน้อยหนึ่งคน และจะต้องจดทะเบียนสมรสภายในวันที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2568 คู่รักที่ชนะจะได้รับรางวัลเป็นการดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ก่อนวันที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2568  โดยแพลตฟอร์มอโกด้ามีตัวเลือกที่พักมากกว่า 4.5 ล้านแห่งทั่วโลก เที่ยวบินกว่า 130,000 เที่ยวบิน และกิจกรรมมากกว่า 300,000 กิจกรรม ที่คู่รักสามารถเลือกทำได้ระหว่างทริปดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ในครั้งนี้

การแข่งขัน #AgodaLoveWins ของอโกด้าเป็นการแสดงถึงความมุ่งมั่นในการส่งเสริมความหลากหลายทางเพศและสนับสนุนชุมชน LGBTQIA+ สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการเข้าร่วม สามารถเยี่ยมชมได้ที่เว็บไซต์ของการแข่งขัน

อโกด้าได้ทำการเปิดตัวการแข่งขันหลังจากที่ได้ทำการศึกษาและพบว่ากฎหมายสมรสเท่าเทียมที่จะมีผลบังคับใช้ในประเทศไทยนี้ จะสามารถดึงนักท่องเที่ยวเข้ามาในประเทศไทยเพิ่มขึ้นมากขึ้นอีก 4 ล้านคนต่อปี และสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวเกือบ 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายใน 2 ปีหลังจากกฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผลบังคับใช้ในประเทศไทย

การศึกษา ได้ประมาณการโอกาสทางเศรษฐกิจที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจากการที่ประเทศไทยบังคับใช้กฎหมายสมรสเท่าเทียมในวันที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2568 โดยประเทศไทยจะเป็นประเทศแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่เพศเดียวกันสามารถแต่งงานกันได้อย่างถูกกฎหมาย และเป็นประเทศที่สามในเอเชียต่อจากไต้หวันที่ประกาศกฎหมายนี้ในปีพ.ศ. 2562 และเนปาลเมื่อปีที่แล้ว โครงการนี้จะทำให้ประเทศไทยสามารถดึงดูดส่วนแบ่งที่ใหญ่ขึ้นจากตลาดการท่องเที่ยวของกลุ่ม LGBTQIA+ ซึ่งมีมูลค่ามากกว่า 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี