ทริปดื่มด่ำทัศนียภาพอันงดงามของเฮียวโกะ

จังหวัดเฮียวโกะ มอบทัศนียภาพอันงดงามมากมาย ทั้งปราสาทโครงสร้างไม้สูงตระหง่านอวดรูปโฉมสีขาวสง่างาม ทัศนียภาพยามราตรีแสนงดงามมูลค่าล้านดอลลาร์ และหนึ่งในน้ำวนขนาดใหญ่ระดับโลก ทิวทัศน์อันน่าทึ่งเหล่านี้สะท้อนถึงความกลมกลืนระหว่างศิลปะของธรรมชาติ ความชาญฉลาดของคนรุ่นก่อน และความทุ่มเทของผู้ที่อนุรักษ์สิ่งเหล่านี้ไว้ในปัจจุบัน

ดูที่เที่ยวสุดฮิตใกล้โกเบและเฮียวโกะ

เยี่ยมชม “ปราสาทกลางเวหา” ที่โอบล้อมด้วยทะเลหมอกยามเช้าตรู่ปลายฤดูใบไม้ร่วง

ปราสาททาเคดะ (เครดิตภาพถ่าย: เมืองอาซาโกะ จังหวัดเฮียวโกะ)

ปราสาททาเคดะ ตั้งตระหง่านอยู่บนยอดเขาโคะโจ เมืองอาซาโกะ จังหวัดเฮียวโกะ เนื่องจากมีลักษณะที่ดูคล้ายเสือกำลังหมอบ ที่นี่จึงมีชื่อเรียกอื่นๆ อีกว่า “ปราสาทโทระฟุสึ” และ “ปราสาทโคงะ” (ปราสาทเสือหมอบ) ปราสาทแห่งนี้สร้างขึ้นในช่วงปีค.ศ. 1443 และมีการสร้างกำแพงหินในช่วงปีค.ศ. 1585 โดยกำแพงหินของที่นี่เป็นหนึ่งในไม่กี่แห่งที่ยังคงหลงเหลืออยู่ในสภาพสมบูรณ์ ปราสาทแห่งนี้จึงได้รับสมญานามว่าเป็น “มาชูปิกชูของญี่ปุ่น”

อุทยานนิโนะมารูกลางทะเลหมอก (เครดิตภาพถ่าย: เมืองอาซาโกะ จังหวัดเฮียวโกะ)

ภาพของปราสาททาเคดะซึ่งโอบล้อมด้วยทะเลหมอกที่ลอยฟุ้งขึ้นมาจากแม่น้ำมารุยามะบริเวณเชิงเขาทำให้ที่นี่ได้รับการขนานนามว่า “ปราสาทกลางเวหา” โดยสามารถรับชมทัศนียภาพอันงดงามราวภาพฝันเช่นนี้ได้ตั้งแต่ช่วงพระอาทิตย์ขึ้นจนถึงประมาณ 8 โมงเช้าในวันที่อากาศแจ่มใสเป็นพิเศษในช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วง นักท่องเที่ยวนิยมชมทิวทัศน์ดังกล่าวจากบริเวณฐานหอคอยปราสาททาเคดะหรืออุทยานธรรมชาติริตสึรินเคียวบนฝั่งภูเขาอาซาโกะที่อยู่ตรงข้าม ทั้งนี้อย่าลืมนำไฟฉาย ชุดกันฝน และอุปกรณ์กันหนาวติดตัวไปด้วย

ปราสาทมรดกโลกที่ผสานความงามสง่าและประโยชน์ใช้สอยได้อย่างลงตัว

ปราสาทฮิเมจิ

หากปราสาททาเคดะคือเสือ ปราสาทฮิเมจิ ก็คือนกกระยางขาว จากสถานีชินโอซากา เดินทางด้วยรถไฟชินคังเซ็นประมาณ 30 นาที แล้วออกทางประตูปราสาทฮิเมจิ (ประตูทิศเหนือ) ของสถานี JR ฮิเมจิ ก็จะได้พบกับปราสาทฮิเมจิอันสูงตระหง่าน โดดเด่นด้วยหอคอยปราสาทฉาบปูนขาวสูงเหนือพื้นดิน 6 ชั้นพร้อมชั้นใต้ดิน 1 ชั้นที่ดูราวกับนกกระยางขาวสยายปีก จึงมีชื่อเล่นว่า “ปราสาทกระยางขาว”

ปราสาทฮิเมจิเริ่มต้นจากการเป็นป้อมปราการที่สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1333 และได้รับการต่อเติมหลายครั้งภายใต้การปกครองของเจ้าเมืองรุ่นต่อๆ มา จนกระทั่งมีรูปลักษณ์ดังเช่นปัจจุบันในปี ค.ศ. 1618 ความเป็นเลิศทางสถาปัตยกรรม โครงสร้างที่ได้รับการอนุรักษ์อย่างดี และกลไกการป้องกันที่เป็นเอกลักษณ์ของปราสาทญี่ปุ่น ทำให้ปราสาทฮิเมจิได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกในปี ค.ศ. 1993 ซึ่งถือเป็นแห่งแรกในญี่ปุ่นเลยด้วย

นับตั้งแต่สร้างปราสาทล่วงมา 400 ปี ปราสาทแห่งนี้ก็ยังคงงดงามไม่เสื่อมคลาย ซึ่งเป็นผลมาจากความพยายามในการอนุรักษ์ของชาวบ้านในท้องถิ่นและช่างฝีมือผู้เชี่ยวชาญที่ได้บูรณะปราสาทโดยใช้เทคนิคดั้งเดิม ปราสาทฮิเมจิยังคงเป็นสัญลักษณ์แห่งความภาคภูมิใจของจังหวัดเฮียวโกะ

ในยามค่ำคืน ปราสาทจะถูกประดับไฟอย่างงดงามภายใต้การออกแบบและดูแลโดยโมโตโกะ อิชิอิ นักออกแบบแสงชื่อดัง ตั้งแต่พระอาทิตย์ตกจนถึงเที่ยงคืน แสงไฟอ่อนๆ จะส่องสว่างทั่วปราสาท พร้อมเอฟเฟกต์พิเศษตามฤดูกาลที่จัดแสดงในเวลา 20.00 น. และ 21.00 น. หลังจากนั้นก็อย่าลืมไปแช่น้ำร้อนผ่อนคลายที่ชิโอตะออนเซ็นที่อยู่บริเวณใกล้เคียง เพื่อปิดท้ายค่ำคืนอย่างสมบูรณ์แบบ

จุดชมทัศนียภาพยามราตรีชั้นเลิศของญี่ปุ่นที่สามารถรับชมแสงสีของตัวเมืองและท่าเรือโกเบได้อย่างเต็มตา

ทิวทัศน์ยามค่ำคืน “มูลค่าล้านดอลลาร์” ของ โกเบ ถือเป็นหนึ่งในทิวทัศน์ที่มีชื่อเสียงที่สุดของญี่ปุ่น นักท่องเที่ยวสามารถชื่นชมแสงไฟระยิบระยับของเมืองโกเบและโอซาก้าจาก ภูเขามายะ ได้ ซึ่งวิวแสงไฟยามค่ำคืนนั้นงดงามราวกับมีอัญมณีจำนวนมหาศาลโปรยปรายอยู่ทั่วผืนดิน

จุดชมวิวคิคุเสะได ภูเขามายะ

จุดชมวิวยามราตรีที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือคิคุเซได โดยใช้การเดินทางผสมผสานระหว่างกระเช้าลอยฟ้า รถราง หรือรถยนต์เนื่องจากมีที่จอดรถอยู่ใกล้เคียง อากาศบริสุทธิ์บนภูเขาช่วยเพิ่มความเพลิดเพลินให้กับประสบการณ์ชมวิวนี้ และทิวทัศน์อันงดงามนี้ก็ดึงดูดทั้งคู่รักและนักท่องเที่ยวตลอดทั้งปี นอกจากนี้ยังสามารถชมทิวทัศน์ยามค่ำคืนที่คล้ายกันได้จาก ภูเขาร็อกโค ซึ่งเดินทางไปได้โดยรถบัสและกระเช้าลอยฟ้า อีกทั้งยังมีรถรางที่เชื่อมต่อภูเขาร็อคโคกับ อาริมะออนเซ็น ทำให้นักท่องเที่ยวสามารถเพลิดเพลินกับความงามของธรรมชาติควบคู่ไปกับการแช่น้ำพุร้อนเพื่อการผ่อนคลายได้

ค้นหาที่พักใกล้น้ำพุร้อนอาริมะ

ชมทัศนียภาพอันงดงามจากสะพานแขวนขนาดใหญ่ระดับโลก

สะพานอาคาชิไคเคียว

สะพานอาคาชิไคเคียวเชื่อมระหว่างเมืองโกเบกับ เกาะอาวาจิ มีความยาวทั้งหมด 3911 เมตร และมีหอคอยหลักสูง 298 เมตร จึงเป็นสะพานแขวนที่มีขนาดใหญ่ระดับโลกอันน่าภาคภูมิใจ สะพานที่กว้างใหญ่และงดงามแห่งนี้ถือเป็นสัญลักษณ์ของจังหวัดเฮียวโกะ

สะพานแห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของทางหลวงที่เชื่อมระหว่างเกาะฮอนชูและชิโกกุ จึงเป็นจุดยอดนิยมสำหรับการขับรถชมวิวและการท่องเที่ยว นอกจากนี้บริเวณไมโกะซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของสะพานฝั่งโกเบ ยังมีชื่อเสียงในเรื่องชายฝั่งทะเลที่งดงามอีกด้วย เหมาะกับการออกมาเดินเล่นและสัมผัสกับสายลมทะเลที่สดชื่น พร้อมทั้งเพลิดเพลินกับทิวทัศน์มหาสมุทรอันตระการตา

เส้นทางเดิน Maiko Marine Promenade

บริเวณสะพานโป๊ะฝั่งเมืองโกเบเป็นที่ตั้งของทางเดินเล่นแบบวนรอบ “Maiko Marine Promenade” ซึ่งเป็นทางเดินวงกลมที่สร้างขึ้นภายในโครงสร้างของสะพาน เดินทางสะดวกโดยใช้เวลาเดิน 5 นาทีจากสถานีไมโกะ สถานที่แห่งนี้มีนิทรรศการที่อธิบายเกี่ยวกับการก่อสร้างสะพาน และยังมี Tom’s Cafe ซึ่งเป็นคาเฟ่-ร้านอาหารที่มองเห็นวิวพาโนรามา ทางเดินยาว 317 เมตรนี้มอบประสบการณ์ให้ผู้มาเยือนได้เพลิดเพลินกับการเดินกลางเวหาเหนือผืนน้ำทะเล จึงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมอีกแห่งหนึ่ง

จากความสูงประมาณ 47 เมตร คุณจะได้เพลิดเพลินกับทิวทัศน์อันงดงามและน่าตื่นตาตื่นใจของช่องแคบอาคาชิ อันเป็นประสบการณ์ที่หาได้เฉพาะจากบนสะพานแห่งนี้เท่านั้น!

ปรากฏการณ์น้ำวนทรงพลังระดับโลกอันเกิดจากการสร้างสรรค์ของธรรมชาติ

น้ำวนแห่งช่องแคบนารุโตะ

เมื่อข้ามไปยังอีกฝั่งของเกาะอาวาจิ ตรงข้ามกับช่องแคบอาคาชิ ก็จะพบกับช่องแคบนารุโตะ ซึ่งตั้งอยู่ระหว่าง เมืองมินามิ-อาวาจิ ในจังหวัดเฮียวโกะ และเมืองนารุโตะในจังหวัดโทคุชิมะ ในช่วงน้ำขึ้นน้ำลงของฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วง (ประมาณช่วงพระจันทร์เต็มดวงและพระจันทร์ใหม่) บริเวณนี้จะเกิดน้ำวนที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีเส้นผ่านศูนย์กลางกว้างถึง 20 เมตร

น้ำวนเป็นปรากฎการณ์ที่เกิดจากการปะทะกันของกระแสน้ำที่ไหลช้าและไหลเร็ว ช่องแคบนารุโตะแห่งนี้มีน้ำทะเลที่ไหลวนด้วยความเร็วสูงท่ามกลางกระแสน้ำที่ไหลเอื่อยทั้งสองด้าน ซึ่งเป็นสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเกิดน้ำวนเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากความเร็วของกระแสน้ำจะแตกต่างกันไปในแต่ละวัน จึงส่งผลให้ความแรงและขนาดของน้ำวนแตกต่างกันไปในแต่ละวันด้วย

เรือชมน้ำวน “อุสุชิโอะครุยส์” จากท่าเรือฟุกุระ เกาะอาวาจิ มีบริการล่องเรือที่สามารถชมน้ำวนได้อย่างใกล้ชิดเป็นเวลาประมาณ 60 นาที เนื่องจากเป็นเรือขนาดใหญ่ไม่ค่อยโคลงเคลง เด็กและผู้สูงอายุจึงสามารถโดยสารได้อย่างสบายใจ ออกเดินทางผจญภัยเพื่อชมความมหัศจรรย์ทางธรรมชาตินี้ จากนั้นผ่อนคลายที่สุโมโตะออนเซ็นหรือมินามิ-อาวาจิออนเซ็นบนเกาะอาวาจิ ซึ่งมีวิวเห็นท้องทะเลอยู่ตรงหน้า การเดินทางครั้งนี้คือประสบการณ์ที่สามารถสัมผัสทะเลได้ในหลากหลายรูปแบบ

ทุ่งหญ้าสุสุคิอันกว้างใหญ่ไพศาลแห่งญี่ปุ่นตะวันตก ณ ที่ราบสูงโทโนะมิเนะ

ที่ราบสูงโทโนะมิเนะในฤดูร้อน

ที่ราบสูงโทโนะมิเนะตั้งอยู่ใน เมืองคามิคาวะ จังหวัดเฮียวโกะ ถือเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานธรรมชาติประจำจังหวัดที่ตั้งอยู่บนความสูง 800–900 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล พื้นที่แห่งนี้เคยเป็นฉากหลังของภาพยนตร์และละครหลายเรื่อง รวมถึงภาพยนตร์โรแมนติกดราม่าเรื่อง Norwegian Wood ในปี 2010 ที่ราบสูงแห่งนี้มีเส้นทางเดินที่ได้รับการดูแลอย่างดี โดยมีเส้นทางยอดนิยมระยะทางไป-กลับ 3 กิโลเมตรที่นำไปยังจุดชมวิว

ที่ราบสูงโทโนะมิเนะในฤดูใบไม้ร่วง

ที่ราบสูงโทโนะมิเนะเป็นที่รู้จักในฐานะหนึ่งในแหล่งหญ้าสูงสุสุคิที่โดดเด่นที่สุดในภูมิภาคคันไซ ช่วงเวลาที่น่าชมที่สุดครอบคลุมตั้งแต่ปลายเดือนกันยายนจนถึงต้นเดือนพฤศจิกายน โดยในช่วงปลายเดือนตุลาคม ทุ่งหญ้าประมาณ 90 เฮกตาร์แห่งนี้จะเปลี่ยนเป็นสีทองอร่าม สร้างทิวทัศน์ที่งดงามราวกับภาพวาด ทั้งนี้นักท่องเที่ยวสามารถชมทิวทัศน์ทุ่งหญ้าได้จากระเบียงชมวิวของ “ศูนย์แลกเปลี่ยนเรียนรู้ธรรมชาติโทโนะมิเนะ” ที่ตั้งอยู่ในบริเวณทางเข้าที่ราบสูง

ช่วงกลางเดือนตุลาคมถึงต้นเดือนพฤศจิกายนจะมีรถบัสวิ่งตรงจากสถานี JR เทระมาเอะ ทั้งนี้จะปิดการสัญจรในช่วงเดือนธันวาคมถึงเดือนมีนาคมเนื่องจากมีหิมะตกหนา