วัดใกล้กรุงเทพ | ทริปไหว้พระทำบุญแบบไปเช้าเย็นกลับ

หากใครกำลังมองหาเดย์ทริปดีๆ ใกล้ กรุงเทพ แบบที่เดินทางสะดวก ไปเช้าเย็นกลับได้ แถมยังเที่ยวแล้วได้เย็นอกเย็นใจไปกับการไหว้พระขอพร เรามี 10 วัดใกล้กรุงเทพมาให้ปักหมุดกัน ซึ่งสายมูคอนเฟิร์มว่าศักดิ์สิทธิ์ ส่วนสายบุญก็ยืนยันว่าวัดสวยงาม ร่มรื่น เหมาะแก่การไปใช้เวลาดีๆ ที่สำคัญขับรถจากกรุงเทพไปได้ง่ายๆ เพียง 1 – 3 ชั่วโมงเท่านั้น

ส่วนใครที่อยากสำรวจวัดและสถานที่ศักดิ์สิทธิ์อื่นๆ ทั้งในกรุงเทพฯ และทั่วประเทศไทย เรามีอีบุ๊กน่าสนใจที่รวบรวมไฮไลต์สถานที่ศักดิ์สิทธิ์และวัดทั่วไทยมาให้แล้ว สามารถดาวน์โหลดฟรีด้านล่างได้เลย

วัดหลวงพ่อโสธร – ฉะเชิงเทรา

นอกจากวัดหลวงพ่อโสธร (วัดโสธรวรารามวรวิหาร) ที่ ฉะเชิงเทรา จะเป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองและคู่ใจคนไทยมานานแสนนานแล้ว ยังเป็นหนึ่งในวัดที่สวยที่สุดของไทยด้วย ตั้งแต่ด้านนอกไปจนถึงภายในของวัด โดยเฉพาะพระอุโบสถหินอ่อนที่ข้างในมีงานจิตรกรรมบนพื้น ผนัง เสาหิน ไปจนถึงเพดาน ส่วนองค์หลวงพ่อพุทธโสธรนั้นตามประวัติแล้วเป็นพระพุทธรูปที่ลอยมาตามน้ำ แล้วได้รับการอัญเชิญมาประดิษฐานที่วัดนี้ จากนั้นก็มีคนมากราบไว้ขอพรจำนวนมาก ทั้งเรื่องสุขภาพ โชคลาภ และการงาน จนหลายคนสมหวังตามสิ่งที่ปรารถนา ความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อโสธรจึงเป็นที่พูดถึงมาทุกยุค เพราะฉะนั้นเราแนะนำให้ปักหมุดวัดหลวงพ่อโสธรไว้แล้วมาชมความงดงาม พร้อมทำบุญ และสักการะสิ่งศักดิ์เพื่อเสริมสิริมงคลชีวิตกัน

วัดหลวงพ่อโสธรอยู่ในตัวเมืองฉะเชิงเทรา ใช้เวลาขับรถจากกรุงเทพเพียง 1.30 – 2 ชั่วโมง วันจันทร์ – ศุกร์เปิดเวลา 07.00 – 16.30 น. ส่วนเสาร์ – อาทิตย์เปิด 07.00 – 17.00 น.

วัดพระศรีอารย์ – ราชบุรี

ราชบุรี เป็นอีกจังหวัดที่เดินทางสะดวก ใช้เวลาขับรถจากกรุงเทพไม่เกิน 2 ชั่วโมง ส่วนวัดที่ไม่อยากให้พลาดคือวัดพระศรีอารย์ในตัวเมือง โพธาราม เอกลักษณ์ของวัดคือ “อุโบสถทองคำร้อยล้าน” ที่ใช้เวลาสร้างนานถึง 37 ปี ดูเผินๆ อาจเป็นโบสถ์ทองคำธรรมดา แต่จริงๆ แล้วรายละเอียดที่ประดับอยู่เป็นงานปูนปั้นทั้งหมด ซึ่งปัจจุบันหาดูยากมากๆ ส่วนพระพุทธรูปในวัดก็พบได้ยากเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น “พระพุทธรูปหยกขาว” และ “พระศรีอารย์” ที่มีตาลปัตรอยู่ตรงหน้าพระพุทธรูปเลย นอกจากนี้สายมูทั้งหลายยังจะได้ไหว้ขอพรท้าวเวสสุวรรณองค์ใหญ่ที่เพิ่งสร้างเมื่อปีพ.ศ.2563 ด้วย ซึ่งหลายคนประสบความสำเร็จจากการขอพรและโชคลาภจากท่านมาแล้ว

วัดพระศรีอารย์เปิดทุกวันตั้งแต่ 07.00 – 17.00 น. ถ้าใครมาเที่ยวตรงกับวันจันทร์และวันศุกร์ ขากลับแวะเดิน “ตลาดนัดวัดศรีอารย์” ตลาดเล็กๆ ของชาวบ้านที่เปิดบ่าย 3 – 6 โมงเย็นได้ด้วยนะ

ศาลเจ้าหน่าจาซาไท้จื้อ – ชลบุรี

เปลี่ยนฟีลมาเที่ยวศาลเจ้าแบบจีนกันบ้างที่ ศาลเจ้าหน่าจาซาไท้จื้อ หรือมีชื่อไทยเพราะๆ ว่าวิหารเทพสถิตพระกิติเฉลิม ตั้งอยู่ที่ อ่างศิลา อีกพื้นที่ท่องเที่ยวที่มีทุกอย่างครบครัน ศาลเจ้าหน่าจาซาไท้จื้อ เป็นวิหาร 4 ชั้น มีเทพเจ้าศักดิ์สิทธิ์ประดิษฐานจำนวนมาก แต่องค์สำคัญที่ห้ามพลาดคือเทพเจ้าหน่าจา (หรือที่หลายคนเรียกว่าเทพเจ้านาจา) เทพผู้เฝ้าประตูสวรรค์ และเชื่อกันว่าพระองค์ดลบันดาลให้ชีวิตเราประสบความสำเร็จได้ ไม่ว่าจะเรื่องงาน เรื่องเรียน หรือค้าขาย นอกจากนี้ในศาลเจ้ายังมี “เง็กเซียนฮ่องเต้” ให้กราบไหว้เสริมบารมีกันด้วย ส่วนใครอยู่ในช่วงปีชงแนะนำให้ขึ้นไปยังชั้น 4 เพื่อไหว้ไท้ส่วยเอี้ยให้พระองค์ช่วยดูแลคุ้มครองดวงชะตาของเรา ปิดท้ายด้วยหนึ่งกิมมิกที่เป็นองค์ประกอบสำคัญของการตกแต่งศาลเจ้าแห่งนี้คือ การประดับมังกรไว้มากถึง 2,840 ตัว! มีความเชื่อว่าถ้าคนเกิดปีมะโรงมาไหว้เจ้าที่นี่ก็จะมีแต่เรื่องเฮงๆ ปังๆ กันไปยาวๆ

ศาลเจ้าหน่าจาซาไท้จื้อเปิดทุกวันตั้งแต่ 08.00 – 17.00 น. (เสาร์ – อาทิตย์เปิดถึง 18.00 น.) อยู่บนถนนเลียบชายหาด (ระหว่างทางจากอ่างศิลาไปเขาสามมุข) ใช้เวลาเดินทางจากกรุงเทพราวๆ 1 ชั่วโมงเท่านั้น

วัดบางกุ้ง – สมุทรสงคราม

ขับรถจากกรุงเทพประมาณ 1 ชั่วโมงเศษก็จะถึง วัดบางกุ้ง ซึ่งอยู่ไม่ไกลจาก อัมพวา เลย ภาพจำของวัดเก่าแก่อายุเกือบ 260 ปีแห่งนี้คือโบสถ์ปรกโพธิ์หรือโบสถ์ที่มีรากและต้นโพธิ์ขึ้นปกคลุม ภายในมี “หลวงพ่อนิลมณี” ที่ชาวบ้านศรัทธาประดิษฐานอยู่ หลายคนเชื่อว่าการเดินลอดประตูโบสถ์นี้ไปกราบไหว้หลวงพ่อเป็นการสะเดาะเคราะห์ได้ทางหนึ่ง ส่วนสถานที่ศักดิ์สิทธิ์อีกแห่งในวัดบางกุ้งคือ “ศาลนางไม้เจ้าจอม” ที่ว่ากันว่าขอพรได้ทั้งเรื่องโชคลาภ และการงาน

วัดบางกุ้งเปิดให้เข้าไปทำบุญและกราบไหว้ขอพรกันได้ทุกวันตั้งแต่ 08.00 – 16.30 น. ส่วนโบสถ์ปรกโพธิ์เปิดตลอด 24 ชั่วโมง

วัดแม่นางปลื้ม – อยุธยา

อยุธยา ขึ้นชื่อว่าเป็นจังหวัดที่มีวัดให้เที่ยวเยอะมาก แถมยังอยู่ใกล้กรุงเทพ เดินทางสะดวก ไปเช้าเย็นกลับได้แบบสบายๆ แต่วัดหนึ่งที่อาจไม่ได้อยู่ในลิสต์แลนด์มาร์กของคนส่วนใหญ่ แต่ร่มรื่น สงบ และดีงามมากๆ จนเราอยากแนะนำให้ลองแวะไปคือวัดแม่นางปลื้ม ที่ทั้งสวยทั้งขลัง มีเสน่ห์โดดเด่นจริงๆ ไล่ตั้งแต่ซุ้มประตูโบราณที่อยู่ตรงกับใจกลางของวิหารเก่า มองเห็นพระประธาน “หลวงพ่อขาว” องค์สีขาวอยู่ภายใน ส่วนภายนอกวิหารมีเจดีย์ทรงกลม ที่บริเวณฐานมีสิงห์ล้อมรอบอยู่ 36 ตัว เป็นลักษณะเจดีย์ที่ในอยุธยาหลงเหลือเพียง 2 องค์เท่านั้น
แวะมาทำบุญ ถวายสังฆทาน และกราบไหว้พระเพื่อเสริมสิริมงคลชีวิตกันได้ที่วัดแม่นางปลื้มทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09.00 – 17.00 น.

วัดม่วง – อ่างทอง

ถ้าพูดถึงวัดดังแห่งจังหวัดอ่างทอง ชื่อของวัดม่วงต้องผุดขึ้นมาเป็นชื่อแรกแน่นอน เพราะนอกจากจะเดินทางสะดวก อยู่ไม่ไกลกรุงเทพแล้ว ยังมีพระพุทธรูป (องค์นั่ง) ที่ใหญ่ติดอันดับโลกอยู่ด้วย นั่นคือหลวงพ่อใหญ่หรือพระพุทธมหานวมินทร์ศากยมุนีศรีวิเศษชัยชาญ ซึ่งเมื่อมาถึงแล้วแนะนำให้เข้าคิวเพื่อขอพรด้วย เชื่อกันว่าถ้าเราขอพรและสัมผัสนิ้วของหลวงพ่อใหญ่ ท่านจะประทานพรให้เราสมหวัง นอกจากนี้ ภายในวัดม่วงยังมีวิหารของเทพเจ้าจีน และการจำลองสวรรค์-นรกตามพระไตรปิฎก รวมถึงเปิดเป็นสถานปฏิบัติธรรมสำหรับคนทั่วไปด้วย

วัดม่วงเปิดให้เข้ามาทำบุญ และสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกวันตั้งแต่ 06.00 – 18.00 น.

วัดบ้านถ้ำ – กาญจนบุรี

ขับรถชิลล์ๆ จากกรุงเทพราว 2 ชั่วโมงนิดๆ เราก็จะได้เที่ยวทั้งวัด ชมวิวจากมุมสูง และเก็บภาพธรรมชาติสวยๆ ไปพร้อมกันที่วัดบ้านถ้ำ ณ อำเภอ ท่าม่วง จังหวัด กาญจนบุรี ซึ่งพิกัดของวัดก็ตามชื่อวัดบ้านถ้ำเลย คืออยู่ในถ้ำบนเขา เราต้องขึ้นบันไดเข้าปากมังกรไปก่อนที่จะเข้าสู่ถ้ำที่เรียกว่า “คูหามังกรสวรรค์” ด้านในมีพระพุทธรูปองค์ศักดิ์สิทธิ์ให้ได้กราบไหว้ขอพรกัน บริเวณรอบๆ ยังมีถ้ำหินงอกหินย้อย และถ้ำอื่นๆ อีกมากมายให้เราได้เที่ยว และด้วยความที่วัดบ้านถ้ำตั้งอยู่บนเขาและติดริมน้ำ เราก็สามารถสูดอากาศสดชื่นพร้อมชมวิวไปด้วยในตัว ได้ทั้งบุญและได้เบรกจากชีวิตวุ่นๆ ด้วย

วัดบ้านถ้ำสามารถเดินทางจากกรุงเทพแบบไปเช้าเย็นกลับได้สบายๆ เปิดทุกวันตั้งแต่ 07.30 – 17.00 น.

วัดพระพุทธบาท – สระบุรี

ที่มาของชื่อ วัดพระพุทธบาท ก็มาจากการพบรอยพระพุทธบาทขนาดใหญ่ตั้งแต่ปีพ.ศ.2167 จากนั้นเลยสร้างวัดกับมณฑปครอบไว้ และเปิดให้คนได้มาสักการะกับปิดทองกันเรื่อยมา จนกลายเป็นอีกวัดสำคัญของคนไทยและจังหวัด สระบุรี สิ่งพิเศษนอกจากรอยพระพุทธบาทก็คือตัวมณฑปประดับยอดปราสาท 7 ชั้นที่สวยงามทุกมุม ส่วนทางขึ้นไปก็งดงามด้วยบันไดเงิน บันไดทอง และบันไดแก้ว เชื่อกันว่าถ้าเราได้เดินขึ้นไปบันไดไปสักการะรอยพระพุทธบาท ก็จะช่วยเสริมสิริมงคลให้ชีวิตได้ด้วย

วัดพระพุทธบาทเปิดทุกวันตั้งแต่ 08.30 – 16.30 น.

เขาคิชฌกูฏ – จันทบุรี

ทุกปีเราจะได้เห็นภาพผู้คนมากมาย ไม่ว่าจะสายมูหรือสายบุญพร้อมใจกันเดินทางขึ้นไปยัง เขาคิชฌกูฏ แลนด์มาร์กประจำ จันทบุรี ที่มีทั้งรอยพระพุทธบาทให้สักการะและหินรูปบาตรคว่ำริมหน้าผา ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ และด้วยความที่เป็นพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์บริเวณเขาคิชฌกูฏ จึงมีอีกหลายจุดให้เราได้ไหว้ขอพรกัน ไม่ว่าจะเป็นท้าวเวสสุวรรณ หลวงปู่นัง พระนอนหิน พระเจดีย์ ฯลฯ ส่วนการเดินทางนั้น ใครที่ขับรถส่วนตัวไปต้องจอดไว้ที่ วัดพระบาทพลวง แล้วเลือกได้ตามอัธยาศัยว่าจะเดินขึ้นไป หรือใช้บริการรถสาธารณะที่มีวิ่งรับ-ส่งตลอด 24 ชั่วโมง อย่าลืมเช็กช่วงเวลาเปิด-ปิดเขาประจำปีก่อนเดินทางไปเขาคิชฌกูฏด้วยนะ

วัดท่าซุง – อุทัยธานี

ยกตำแหน่งวัดสวยสุดประจำจังหวัด อุทัยธานี ให้วัดท่าซุงหรือวัดจันทารามไปเลย ไฮไลต์สำคัญคือ “วิหารแก้ว 100 เมตร” แสนวิจิตร ที่มีพระพุทธชินราชกับโลงแก้วหลวงพ่อฤาษีลิงดำให้เราได้กราบไหว้ขอพรกัน ซึ่งเป็นที่เลื่องลือในเรื่องของโชคลาภและความร่ำรวย นอกจากนี้ยังมี “ปราสาททองคำ” 3 ชั้น กับ “วิหารสมเด็จองค์ปฐม” เป็นอีกสองสถาปัตยกรรมสวยๆ ของวัดท่าซุงด้วย

วัดท่าซุงอยู่ในตัวเมืองอุทัยธานี จึงเดินทางสะดวกมาก แต่อาจต้องวางแผนเรื่องเวลาดีๆ เพราะในวัดมีช่วงเวลาเปิด-ปิดต่างกัน “วิหารแก้ว” เปิด 09.00 – 11.30น. กับ 14.00 – 16.00 น. “วิหารสมเด็จองค์ปฐม” เปิด 09.00 – 10.30 น. กับ 13.00 – 16.00 น. และ “ปราสาททองคำ” เปิด 08.00 – 16.00 น.