แพลนเที่ยวญี่ปุ่นฉบับมือโปร เที่ยวฟินๆ ช่วงสิ้นปี อากาศเย็นสบายสไตล์วัยรุ่น
ก่อนเริ่มทริป เรามาเช็คอินที่ Guest House Kan โรงแรมราคาย่อมเยาและสะดวกสุดๆ ซึ่งมาโตเกียวทั้งทีเราก็ต้องไปสถานที่สนุกๆ ปักหมุดตามเราได้เลย
- Snoopy Museum Tokyo: สาวก Snoopy มาทางนี้! พิพิธภัณฑ์รวมคาแรกเตอร์เหล่าแก๊ง Peanuts พร้อมกับ gift shop ให้ช็อปติดไม้ติดมือกลับบ้าน รับประกันความคาวาอี้แบบสุดๆ
- Peanuts Café: ต่อด้วยแวะทานข้าว ทานของว่างในธีมสนูปี้และผองเพื่อน เราสังเกตว่าที่ญี่ปุ่นจะมี Themed cafe เพียบเลย นักล่าคาเฟ่อย่างเราจะพลาดได้ที่ไหนกัน บอกเลยว่าสาวก Peanuts ต้องติดใจแน่นอน
- Minami Machida Grandberry Park: มาเดินเล่นชิลล์ๆ ในสวนสาธารณะที่ติดกับพิพิธภัณฑ์ ที่นี่จะมีทั้งร้านอาหาร outlet โรงภาพยนตร์ ร้านค้ามากมาย อากาศเย็นสบาย มีต้นไม้สูงใหญ่ใบไม้เปลี่ยนสี รวมถึงคนออกมาทำกิจกรรมต่างๆ ในสวน มองแล้วเพลินตามเลย
- Asakusa: จุดสุดท้ายของวันนี้ เราแนะนำให้ไปเที่ยววัดกลางคืน ดูโคมไฟแดง พร้อมเดินหาของกินยามดึก ฟีลโรแมนติกสุดๆ
วันต่อมาเราเดินทางไปไกลถึงโอซาก้า แวะเช็คอินที่โรงแรม Hotel Binario Umeda เพื่อดรอปของก่อนออกตะลุยเที่ยว
- Universal Studios Japan: เราพุ่งไปที่เครื่องเล่นที่มันส์ที่สุดก่อนที่ Jurassic Park – The Flying Dinosaur สุดเหวี่ยงมากๆ ต่อด้วยเดินเล่นที่โซน Harry Potter เหมือนหลุดเข้าไปในโลกเวทมนตร์ มีกิจกรรม ร้านขายของต่างๆ ชุดนักเรียนฮอกวอตส์ ให้เหล่าแฟนๆ เลือกซื้อ อีกจุดคือ Super Nintendo World ที่เพิ่งเปิดใหม่ เดินเข้าไปสีสันสดใสอลังการ มุมถ่ายรูปน่ารักเต็มไปหมด ห้ามพลาดน้า
นอกจากสวนสนุกแล้วอย่าลืมมาแวะชมแลนด์มาร์คที่ขาดไม่ได้ ถ้ามาโอซาก้าต้องแวะสักครั้ง
- Osaka Castel Park: ปราสาทโอซาก้าที่เก่าแก่สวยงาม ตั้งอยู่ในสวนสาธารณะใหญ่ บรรยากาศร่มรื่น ข้างในมีนิทรรศการประวัติศาสตร์ให้ชมด้วย
- Kiyomizudera Temple: นั่งรถแวะไปเที่ยวเกียวโตจะมีวัดศักดิ์สิทธิ์ที่สร้างขึ้นจากไม้ทั้งหลัง เป็นอีกหนึ่ง sightseeing spot ที่มีผู้คนมากมายเข้ามาชมศิลปะและวัฒนธรรมของสมัยก่อน ถ้ามองลงไปสามารถเห็นวิวแนวชุมชนเรียงยาวสวยงาม
- Dotonbori: แวะมาถ่ายรูปเช็คอินกับป้าย Glico ที่มีภาพคนชูแขนอันโด่งดัง อีกทั้งยังเป็นแหล่งของกินอร่อยๆ อีกด้วย
จบวันเราก็เช็คเอาต์พร้อมออกเดินทางไปพิชิตภูเขาไฟฟูจิกัน
ถ้ามาถึงภูเขาไฟฟูจิแล้ว แนะนำให้ใช้เวลาอย่างน้อยสองวันเพื่อชื่นชมความงดงามของมรดกโลกแห่งนี้กัน
- Lake Kawaguchi Maple Corridor: เป็นอีกหนึ่งจุดชมวิวยอดฮิตที่สามารถเห็นภูเขาไฟฟูจิและทะเลสาบสวยงามร่มรื่น
- Cafe Keki No Joji Washinton: เป็นร้านขนมที่บังเอิญเดินไปเจอระหว่างรอคิวร้านอาหาร ได้ชิมบราวนี่กับเค้กสตรอเบอร์รี่ อร่อยมากๆ ติดใจจนตั้งใจว่าอยากจะไปกินอีกสักครั้ง
- Fuji Tempura Idaten: เดินมาทานมื้อกลางวันที่ร้านนี้ คิวยาวมากแต่สมกับการรอคอย เพราะใช้วัตถุดิบพรีเมียม และทอดเทมปุระจานต่อจาน ไม่ธรรมดาจริงๆ
วันสุดท้ายเราก็เดินทางกลับมาที่โตเกียวเพราะไฟลต์เราออกจากที่นี่ ก่อนกลับก็ต้องไปเที่ยวสุดเหวี่ยงอีกสักรอบ
- Tokyo Disneyland: ที่ในฝันของใครหลายๆ คน ตั้งแต่ทางเดินเข้าก็เหมือนหลุดเข้าไปอยู่ในโลกของ Disney ทั้งปราสาทเจ้าหญิง คอสตูม อาหาร น่ารักไปหมด ขาดไม่ได้กับการดูขบวนพาเหรดที่มีทั้งตอนกลางวันและกลางคืน ก่อนจบวันด้วยพลุสุดอลังการ เป็นวันที่พิเศษและน่าจดจำที่สุด
ถ้าใครมีเวลาเหลือเราแนะนำจุดเที่ยวตามนี้เลย มีทั้งเที่ยววัด ดนตรี ช็อปปิง ครบหมดที่นี่ที่เดียว
- Tower Record Shinjuku: แวะเข้าตึกไปซื้อซีดีเพลงที่ Tower Record สักหน่อย วันที่ไปโชคดีมากๆ มีไอดอลญี่ปุ่นกำลังแสดงอยู่เลยได้ยืนดู สนุกมากแต่แอบเสียดายเพราะเราพูดญี่ปุ่นไม่ได้เลยไม่ได้เข้าไปถ่ายรูปด้วย แฟนๆ J-Pop ห้ามพลาดเลย
- Meiji Jingu Shrine Shibuya: ศาลเจ้าเก่าแก่ใจกลางเมืองโตเกียว ด้านทางเข้ามีเสาประตูที่เป็นเขตแดนระหว่างมนุษย์และเทพเจ้าที่ทำขึ้นจากไม้ ทางเดินไปศาลเจ้ามีต้นไม้สูงใหญ่ร่มรื่นตลอดทางเดิน สามารถถ่ายรูปเก็บบรรยากาศได้ระหว่างเดินขอพร
- Takeshita Street: ย่านถนนคนเดินที่มีผู้คนและร้านค้าเยอะมาก ทั้งเสื้อผ้า รองเท้า เครื่องสำอางค์ ชุดคอสเพลย์ต่างๆ เหมือนสยามบ้านเราดีๆ นี่เอง เราเองก็อยากแบกกลับหลายชุดอยู่เหมือนกันแต่กระเป๋าเต็มเสียก่อน
และแล้วทริปของเราก็จบลง เป็นหนึ่งอาทิตย์ที่เที่ยวมันส์มากๆ ทริปใจฟูจริงๆ