เลห์ ลาดัก ดินแดนที่ต้องมาให้ได้สักครั้งในชีวิต กับ Road trip บนถนนที่สวยและสูงที่สุดในโลก ท้าความหนาวติดลบ และทะเลสาบที่น้ำสวยดั่งในนิยาย พร้อมแล้วออกเดินทางกัน
เริ่มทริปโมเดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิด้วยสายการบิน Air India ไปลงเครื่องที่เดลี จากนั้นรอต่อเครื่องที่เดลีไปยังเลห์ ไฮไลต์ของการเดินทางมาที่เลห์ ก็คือเราจะเห็นเทือกเขาหิมาลัยที่สวยงามมากในระยะใกล้ชิดสุดๆ ตอนที่เครื่องจะ landing นักบินต้องใช้ความชำนาญมากเพราะต้องบินเลี่ยงเขา เป็นประสบการณ์ที่ดีและตื่นเต้นมากๆ ค่ะ ต้องบอกก่อนว่าเลห์ ลาดักอยู่ทางตอนเหนือของอินเดียนะ ช่วงที่โมมาหิมะยังพอมีปกคลุมภูเขาอยู่ สวยจึ้งของจริง แนะนำให้มาช่วงหน้าหนาว เดือนธันวา-กุมภาพันธ์ค่ะ ที่นี่เขาบอกว่าเป็นดินแดนที่ต้องมาสักครั้งในชีวิต ซึ่งโมก็เห็นด้วยจริงๆ ค่ะ เลห์ ลาดักอยู่บนความสูง 3,524 เมตรจากระดับน้ำทะเล ดังนั้นควรเตรียมตัวไปให้ดีๆ ไม่งั้นอาจจะเกิดอาการ AMS หรือภาวะแพ้ที่สูงได้ค่ะ
ไปถึงวันแรกเราพักที่ Hotel Gyalpo Residency – A Mountain View Luxury Hotel in Leh ไปถึงต้องนอนพักก่อน 5-6 ชั่วโมง เพื่อให้ร่างกายปรับตัวและคุ้นชินกับความสูง ที่พักวิวดีมาก มองเห็นวิวภูเขาจากห้องพักได้เลย อากาศที่นี่หนาวแบบเลขตัวเดียวนะคะ เตรียมเสื้อผ้าหนาๆ ไปด้วยล่ะ
วันนี้เราจะออกเที่ยวกันแล้ว โดยการเที่ยวที่เลห์จะเป็น road trip นะ ส่วนใหญ่นั่งรถ 80% เลย ถือเป็นเสน่ห์ของการเที่ยวที่เลห์ค่ะ ที่แรกที่เราจะไปวันนี้ก็คือ Magnetic Hill หรือที่เรียกว่าสนามแม่เหล็กค่ะ เป็นจุดที่รถสามารถเคลื่อนที่เองได้ด้วยแรงโน้มถ่วง เจ๋งมาก แต่ที่ว้าวไปกว่านั้นคือถ่ายรูปสวยมากกกกกก แวะถ่ายรูปให้ครบ และเดินทางต่อไปที่แม่น้ำ Indus River และ Zanskar River เป็นแม่น้ำสองสีที่สวยมากๆ ค่ะ ชมวิวสมใจแล้วไปต่อที่วัด Lamayulu เป็นวัดที่เก่าแก่ที่สุดในเลห์นะคะ ว่ากันว่าที่นี่ขอพรเรื่องโชคต่างๆ ได้ดีมากๆ โมก็ขอไปแล้วหนึ่ง มาไกลขนาดนี้ไม่ขอไม่ได้แล้วค่ะ
วันนี้เป็นวันที่ตื่นเต้นมาก เพราะเราจะไปนั่งรถบนถนนที่สูงที่สุดในโลกที่ Khardung La Pass เตรียมกระป๋องออกซิเจนให้พร้อมแล้วไปกันค่ะ โมว้าวกับถนนเส้นนี้มาก มองไปรอบข้างขาวโพลนไปด้วยภูเขาหิมะ เรานั่งรถไต่ไปตามขอบเขา ทั้งหวาดเสียวและตื่นเต้น ลืมบอกไป เราต้องใช้รถและคนขับในพื้นที่นะคะ เพราะถ้าไม่ชำนาญทางจะอันตรายมากๆ ค่ะ และเราก็มาถึงจุดถ่ายรูป ขอแวะเก็บภาพเป็นที่ระลึกสักหน่อย ว่าฉันมาอยู่บนถนนที่สูงที่สุดในโลกแล้ว! ถ่ายรูปได้ไม่นานก็ต้องรีบเดินทางต่อแล้วค่ะ เพราะมันสูงมาก อากาศจึงค่อนข้างบาง เริ่มหายใจไม่ออก แถมหนาวถึงติดลบอีกด้วย เจอหิมะตกด้วยนะ ฟินสุดๆ
อีกกิจกรรมที่โมจะไม่พลาดในทริปนี้คือการไปขี่อูฐที่ Hunder Sand Dunes ครั้งหนึ่งในชีวิตมากๆ ได้มาขี่อูฐที่เลห์ ลาดัก สวยมากเลยค่ะ น้องอูฐสูงมาก โมเช่าชุดท้องถิ่นใส่ด้วยนะ ได้ฟีลดีค่ะ คืนนี้เรามานอนที่ Hotel Snow Leopard ที่ Nubra Valley ห้องดีวิวสวยอีกแล้ว หน้าที่พักมีต้นแอปริคอตที่กำลังบานอยู่ด้วย น่ารักมาก
วันนี้ที่รอคอยกับ Pangong Lake สวยสมคำร่ำลือ ไม่อยากเชื่อว่าตัวเองจะมาถึงที่นี่จริงๆ มันสวยไปหมด สวยจนรู้สึกว่าฝันไป ภูเขาที่ซ้อนกัน กระทบกับแสงเงาของพระอาทิตย์ในช่วงตะวันตกดิน มันดีมากทุกคน ทะเลสาบน้ำแข็งที่หนาวเย็น ฟีลมันดีมากจริงๆ น้ำตาจะไหล คืนนี้เรานอนที่นี่เลยนะคะ ริมทะเลสาบเลย ไม่มีสัญญาณเน็ต ไฟฟ้ามีให้ใช้ถึง 5 ทุ่ม และจะบอกว่ามันหนาวมาก แต่ก็เป็นสิ่งที่โมอยากมาสัมผัส ความหนาวเย็นนี่แหละค่ะ และเราก็ผ่านคืนนี้ไปอย่างทรมาน มันหนาวมากจริงๆ ค่ะ ไม่มีใครอาบน้ำเลย เพราะอาจจะช็อคได้ ตอนเช้าน้ำในถังกลายเป็นน้ำแข็งไปเลย เราชมวิว ถ่ายรูปกับทะเลสาบเสร็จ เราก็เดินทางกลับเลห์ค่ะ
เดินทางกลับเลห์กัน ระหว่างทางเราเจอมาร์มอตด้วย น้องเป็นกระรอกยักษ์นะคะ น่ารักมากๆ และเส้นทางที่เราใช้เดินทางกลับเลห์คือ Chang La Pass ถนนที่สูงเป็นอันดับ 2 ของโลกค่ะ เส้นนี้หิมะเยอะมาก รถติดกันเป็นแถวเลย แต่คนขับของเราเก่งมาก คนที่นี่น่ารักมากๆ เลยนะ และเราก็กลับถึงเลห์อย่างปลอดภัยพร้อมเดินทางกลับค่ะ