ที่เที่ยวอินเดีย: ตามหาที่เที่ยว Hidden Gems ในอินเดีย

อินเดียเป็นประเทศที่มีวัฒนธรรมหลากหลาย เต็มไปด้วยพื้นที่ทางธรรมชาติซึ่งสวยจับใจ มีขนบธรรมเนียมเก่าแก่หลายสิ่ง รวมถึงประสบการณ์ดีๆ อีกมากมายที่รอให้นักเดินทางจากทั่วโลกมาสัมผัสด้วยตัวเอง อินเดียไม่ได้โดดเด่นเฉพาะพระราชวังอันยิ่งใหญ่หลายแห่งกับวัดศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น แต่ยังมีชายหาดเงียบๆ อยู่อีกจำนวนหนึ่งด้วย เหนืออื่นใด นอกจากจุดเช็กอินยอดนิยมที่เรารู้จักกันดีแล้ว อินเดียยังมี Hidden Gems ซ่อนตัวอยู่อีกหลายที่ ซึ่งเราบอกเลยว่าควรเติมไว้ในแพลนเที่ยวให้ครบจริงๆ และนี่ก็คือสถานที่ที่ควรไปเยือนให้ได้ในเมือง อมฤตสาร์, พาราณสี, มหาบาลีปุรัม, ทวารกา และ เลห์ รวมถึงเรื่องห้ามพลาดเมื่อไปเที่ยวเมืองเหล่านี้ด้วย

อมฤตสาร์

ตั้งอยู่ในรัฐ ปัญจาบ ซึ่งมีชีวิตชีวาสมเป็นเมืองใหญ่ที่สุดอันดับสองของอินเดีย อมฤตสาร์ ถือเป็นปลายทางการท่องเที่ยวที่ครบเครื่องที่สุดของอินเดียก็ว่าได้ โดยเฉพาะคนที่อยากสัมผัสวัฒนธรรมแท้ๆ ของชาวซิกข์ เพราะขณะเดินเล่นในเมืองแสนจะคึกคักที่หลายคนเรียกง่ายๆ ว่าอัมบาร์ซาร์ แห่งนี้ เราก็จะได้ยินเสียงสวดต่างๆ ไปพร้อมกับได้กลิ่นหอมเตะจมูกที่ลอยมาจากอาหารพื้นถิ่นของปัญจาบ แต่เมือง อมฤตสาร์ ก็ใช่จะมีแต่ความเก่าแก่ดั้งเดิม เพราะความจริงที่นี่ยังโอบรับความทันสมัยเข้ามาผสมผสานกับประเพณีที่มีมาแต่โบราณได้อย่างลงตัว เมืองนี้มีตลาดน่าเดินรวมถึงสถาปัตยกรรมเจ๋งๆ ซุกซ่อนอยู่ ซึ่งทั้งหมดนี้ล้อมรอบด้วยบรรยากาศอบอุ่นและเป็นมิตรสุดๆ

ที่เที่ยวในอมฤตสาร์

• ถ้ามาถึง อมฤตสาร์ แล้วห้ามพลาด วิหารทองคำ เด็ดขาด เพราะที่นี่คือไฮไลต์ประจำรัฐ ปัญจาบ เลย หลายคนก็เรียกวิหารแห่งนี้ว่าฮัรมันดิรซาฮิบ สถานที่แสวงบุญอันศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของชาวซิกข์ ตัววิหารสีทองกับบ่อน้ำสงบเงียบในแลนด์มาร์กสำคัญของเมืองแห่งนี้ ดึงดูดนักท่องเที่ยวได้ปีละหลายล้านคน ซึ่งเมื่อมาถึงแล้ว เราจะแค่เดินเล่นชื่นชมความสวยงามอลังการเฉยๆ หรือจะไปให้สุดด้วยการลองกินอาหารในโรงครัวของวิหารก็ได้
• ปลายทางต่อไปก็คือ จลิยานวาลาบาค (Jallianwala Bagh) ซึ่งเป็นทั้งสวนสาธารณะและอนุสรณ์สถานสำคัญของเมือง สถานที่แห่งการระลึกถึงเหตุกาณ์สังหารหมู่ผู้ประท้วงเมื่อปีค.ศ.1919 ปัจจุบัน นอกจากตัวสวนจะเป็นเครื่องเตือนใจถึงเหตุโศกนาฏกรรมดังกล่าวแล้ว ผู้คนยังคงแวะเวียนมาเคารพผู้สละชีวิตเพื่อต่อสู้กับเสรีภาพด้วย
• ใครที่อยากสัมผัสวัฒนธรรมที่มีเอกลักษณ์สุดๆ แนะนำให้ไปเที่ยว ชายแดดวากาห์ ที่อยู่ระหว่างอินเดียกับปากีสถาน ที่นี่ มีการแสดงทางทหารให้ชมทุกคืน โดยทั้งสองประเทศจะปิดประตูที่กั้นกลางไว้ และลดธงชาติลง บรรยากาศในการโชว์นี้ทั้งคึกคักและดูฮึกเหิม ทหารจะแสดงการฝึกซ้อมอันทรงพลังอย่างพร้อมเพรียงกัน โดยใช้เวลาเกือบๆ หนึ่งชั่วโมง
• อีกหนึ่งสถานที่ซึ่งมีความสำคัญทางจิตวิญญาณของเมือง อมฤตสาร์ คือ วัด Durgiana วัดฮินดูที่สร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้พระแม่ทุรคา โดยที่พระแม่ลักษมีและพระวิษณุก็มาสักการะบูชาที่วัดนี้ ด้านนอกตัววิหารเป็นสีทองอร่าม และใช้เทคนิคการการแกะสลักอันประณีตบรรจงตกแต่งทับ ซึ่งดูงดงามตระการตาทั้งสำหรับนักท่องเที่ยวและชาวฮินดูเอง

พาราณสี

ด้วยทำเลที่อยู่ติด แม่น้ำคงคา อันศักดิ์สิทธิ์ ทำให้ พาราณสี ถือเป็นศูนย์กลางทางจิตวิญญาณของอินเดีย ที่มีประเพณีศักดิ์สิทธิ์หยั่งรากลึกอยู่มากมาย เต็มไปด้วยกลิ่นอายของจิตวิญญาณที่ดึงดูดนักแสวงบุญและกลุ่มคนที่แสวงหาความรู้แจ้งมาตลอดเป็นเวลาหลายศตวรรษ สิ่งที่รอให้เราไปสัมผัสตามตรอกซอกซอยนั้นมีทั้งภาพ เสียง และกลิ่นแบบครบทุกมิติ เราจะได้เห็นส่าหรีหลากสีสัน ได้ฟังบทสวดสารพัด และได้ดมกลิ่นกำยานอันหอมหวานด้วย พาราณสี คือสถานที่สำคัญที่สุดอีกแห่งของอินเดีย เหมาะกับคนที่อยากสัมผัสวัฒนธรรมของอินเดียแบบเข้มข้น รวมถึงเรียนรู้ประวัติศาสตร์ และประเพณีทางศาสนาที่หลากหลายของประเทศนี้

ที่เที่ยวในพาราณสี

• ถ้ามีโอกาสไปเยือน พาราณสี ก็ต้องไปให้ถึง แม่น้ำคงคา ถึงจะเรียกได้ว่ามาถึงแล้วจริงๆ แม่น้ำสายนี้เต็มไปด้วยเรื่องราวและความเชื่อทางศาสนามากมาย ซึ่งเราเลือกได้ว่าจะเดินเลียบตลิ่งไปเรื่อยๆ หรือล่องเรือเพื่อซึมซับบรรยากาศอย่างเต็มที่ก็ได้ เราจะได้เห็นทุกสิ่ง ณ แม่น้ำแห่งนี้ ไม่ว่าจะเป็นผู้แสวงบุญประกอบพิธีกรรมอยู่ริมน้ำ เห็นภาพพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตกที่สวยจนน่าทึ่งขณะที่เราเดินอยู่บนเส้นทางอันศักสิทธิ์นี้
• สำหรับคนที่มาล่องเรือตอนเย็น เมื่อพระอาทิตย์ตกดินก็จะได้เห็นพิธีอารตี ซึ่งนักบวชและศาสนิกชนจะมาสวดมนต์ต่อพระแม่คงคาและเทพฮินดูองค์อื่นๆ ท่วงทำนองของบทสวดจะดังประสานกันไปเรื่อยๆ ท่ามกลางแสงตะเกียงเรืองรอง ซึ่งช่วยให้พิธีกรรมนี้กลายเป็นประสบการณ์ที่น่าจดจำจริงๆ
• อีกหนึ่งกิจกรรมยอดนิยมริมตลิ่งคือการเดินเล่นไปตามท่าน้ำ หรือขั้นบันไดริมแม่น้ำที่ทอดลงไปยัง แม่น้ำคงคา นั่นเอง พาราณสี มีท่าน้ำเรียงรายตลอดแม่น้ำรวม 84 ท่า นอกจากพิธีอราตียามค่ำคืนแล้ว ท่าน้ำเหล่านี้ล้วนสำคัญต่อกิจวัตรประจำวันของชาวเมืองด้วย เพราะคนที่นี้ใช้ท่าน้ำทำทุกอย่าง ตั้งแต่การอาบน้ำตามความเชื่อ ไปจนถึงการทำสมาธิ
• พาราณสี เป็นเมืองที่ขึ้นชื่อเรื่องวัดวาอาราม ดังนั้นเราอยากแนะนำให้คุณเผื่อเวลาเที่ยววัดไว้ในแพลนด้วย เช่น วัดกาสีวิศวะนาต (Kashi Vishwanath Temple) ซึ่งสร้างถวายพระศิวะ เป็นหนึ่งในวัดศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของชาวฮินดู และเป็นหนึ่งในหมุดหมายสำคัญของนักจาริกแสวงบุญทั้งหลาย นอกจากนี้ยังมีวัดดังๆ อีกเพียบ ทั้ง วัดสันกัตโมจันหนุมาน (Sankat Mochan Hanuman), วัดตัลสีมานัส (Tulsi Manas) และ วัดทุรคา (Durga Temple)

มหาบาลีปุรัม/มามัลลปุรัม

มหาบาลีปุรัม หรือที่หลายคนเรียกว่ามามัลลปุรัม ตั้งอยู่บนชายฝั่งโคโรมันเดลของอ่าวเบงกอล เมืองเก่าแก่แสนเงียบสงบที่มีหาดทรายสีทองแห่งนี้ คือหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่เหมาะแก่การมาพักผ่อนในอินเดียที่สุด เหนืออื่นใดคือ นี่เป็นเมืองขุมทรัพย์แห่งประวัติศาสตร์ด้วย เราเลยอยากชวนทุกคนมาก้าวเข้าสู่ถนนที่จะพาเราเดินทางย้อนกลับไปยุคอดีตด้วยกัน ไปชมร่องรอยแห่งอดีตที่ยังคงอยู่บนวัดหินตัด ซึ่งสลักเรื่องเล่าขานและตำนานไว้ในหิน ท่ามกลางลมทะเลพัดผืนน้ำซัดสาดไปมา

ที่เที่ยวในมหาบาลีปุรัม/มามัลลาปุรัม

• แลนด์มาร์กเบอร์หนึ่งของเมือง มหาบาลีปุรัม ก็คือ เทวสถานชายหาด (Shore Temple) พื้นที่ที่องค์การยูเนสโกยกย่องให้เป็นมรดกโลก โครงสร้างหินอันงดงามนี้ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ริมอ่าวเบงกอล ซึ่งเราจะได้เห็นถึงฝีมือขั้นเทพของช่างฝีมือโบราณ เทวสถานแห่งนี้สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 8 โดยราชวงศ์ปัลลวะ เพื่ออุทิศแด่พระศิวะและพระวิษณุ
• อีกหนึ่งสถานที่ที่เราจะได้สัมผัสงานฝีมือชั้นยอดของช่างฝีมือโบราณก็คือ Descent of Ganges ประติมากรรมนูนต่ำบนหินยักษ์สองก้อนที่ตั้งอยู่กลางแจ้ง หรือที่หลายคนเคยได้ยินว่าเป็นภาพอรชุนบำเพ็ญตบะ งานศิลป์ชิ้นใหญ่นี้นำเสนอฉากในตำนานมหาภารตะ มหากาพย์เรื่องเอกของชาวฮินดู ประติมากรรมนี้โดดเด่นทั้งเรื่องความเหมือนจริง และรายละเอียดที่สลับซับซ้อน
• สำรวจความมหัศจรรย์ในโลกประวัติศาสตร์ของ มหาบาลีปุรัม กันเสร็จแล้ว ก็ถึงเวลาพักตัวพักใจกันจริงๆ จังๆ เสียทีที่ หาดมหาบาลีปุรัม ทั้งหาดทรายสีทอง คลื่นลูกเล็กๆ และบรรยากาศที่เงียบสงบ ทำให้ชายหาดที่สวยงามแห่งนี้กลายเป็นจุดพักผ่อนคลายชั้นดี ให้เราได้หลบออกมาจากความวุ่นวายในเมือง โดยจะเลือกชิลล์อยู่บนชายหาด สนุกกับกีฬาทางน้ำ หรือจะลิ้มรสอาหารทะเลสดๆ ก็ได้ แต่จะให้ดี แนะนำให้ทำทั้งสามอย่างไปเลย!
• ส่วนคนที่อยากเปิดรับประสบการณ์ใหม่ๆ ที่ไม่เหมือนใครบน หาดมหาบาลีปุรัม ขอให้ตรงดิ่งไปที่ Muttukadu Boat House ท่าเรือแห่งนี้ตั้งอยู่กลางแมกไม้เขียวขจี รอให้นักท่องเที่ยวมาใช้เวลาพักผ่อนและหลีกหนีความวุ่นวายในเมืองอยู่ ที่นี่มีกิจกรรมให้เลือกทำเยอะมาก ไม่ว่าจะลองสนุกไปกับกิจกรรมทางน้ำ เช่นพายเรือ เล่นเรือถีบ หรือจะนั่งเรือชิลล์ๆ ไปตามน้ำเอื่อยๆ เอนหลังให้สบายแล้วก็ดูนกไปเพลินๆ

ทวารกา

ทวารกา เมืองหลวงแห่งแรกของรัฐ คุชราต เมืองแห่งจิตวิญญาญที่ตำนานต่างๆ และประวัติศาสตร์มาบรรจบรวมกัน ภายในเมืองนี้มีสถานที่ท่องเที่ยวทางศาสนาที่สำคัญประจำประเทศอินเดียมากมาย เป็นสถานที่พิเศษตามตำนานฮินดู เพราะเป็นอาณาจักรของพระกฤษณะ ผู้ปกครองเมืองและอาศัยอยู่ที่นี่ตลอดในสมัยโบราณ ทำให้ ทวารกา กลายเป็นสถานที่แสวงบุญ แต่ขณะเดียวกันชาวบ้านก็ไม่ได้ต้อนรับเฉพาะผู้แสวงบุญเท่านั้น แต่ต้อนรับนักท่องเที่ยวอย่างอบอุ่นด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ ตัวเมืองยังมีความคึกคักทันสมัย ถนนหนทางจอแจ ตลาดต่างๆ ก็เดินเที่ยวได้สนุก

ที่เที่ยวในทวารกา

• แลนด์มาร์กสำคัญที่สุดประจำเมือง ทวารกา คือ วัดทวารกาดิช ซึ่งสร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้พระกฤษณะ จนกลายมาเป็นสถานที่แสวงบุญซึ่งดึงดูดศาสนิกชนและคนที่ศรัทธาให้มากราบไหว้บูชากันมากมาย ยอดแหลมสูงของวิหารกับการแกะสลักลวดลายวิจิตรบรรจงล้วนสะกดสายตานักท่องเที่ยวให้ประทับใจกับภาพความงามตรงหน้า
• อีกหนึ่งสถานที่แสวงบุญที่สำคัญใน ทวารกา คือ ศรีนาเกศวารา โยตีลิงกา (Shri Nageshwar Jyotirlinga) วัดเก่าแก่ซึ่งสร้างเพื่ออุทิศแก่พระศิวะ เทพเจ้าองค์สำคัญของศาสนาฮินดู และเป็นวัดหนึ่งใน 12 “โยตีลิงกา (Jyotirlinga)” (แปลว่าสัญลักษณ์ของพระศิวะ) ที่ตั้งอยู่ในอินเดีย ที่นี่ขึ้นชื่อเรื่องบรรยากาศเงียบสงบ สภาพแวดล้อมปลอดโปร่งสบาย ซึ่งช่วยให้บรรดาผู้มาเยือนได้สงบจิตใจหรือเจริญสติได้ดีขึ้นด้วย
• ส่วนใครที่อยากหลบไปพักเงียบๆ แบบไกลจากใจกลางเมืองหน่อย แนะนำให้ไปที่ หาดศิวราชปุระ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจาก ทวารกา ที่นี่มีทั้งชายหาดสีทอง น้ำทะเลสีฟ้าใส และสภาพแวดล้อมที่สวยงามเหมาะแก่การพักผ่อนกายใจ และชาร์จพลังกันสักหน่อย นักท่องเที่ยวมักมาอาบแดด ไม่ก็เดินเล่นเลียบชายฝั่งไปเรื่อยๆ หรือใช้เวลาดื่มด่ำกับธรรมชาติรอบตัว
• แต่ก็ใช่ว่าเราจะแนะนำให้เที่ยวแบบเลี่ยงตัวเมืองเพียงอย่างเดียว เพราะถึงอย่างไร ตามถนนสายเก่าแก่และตลาดต่างๆ ในเมือง ทวารกา ก็ยังเป็นตัวเลือกที่ดี ซึ่งช่วยให้เราได้ดื่มด่ำกับวัฒนธรรมจริงๆ ได้มีปฏิสัมพันธ์กับคนท้องถิ่นที่เป็นมิตร และยังจะได้ลิ้มลองอาหารท้องถิ่นแท้ๆ ซึ่งเป็นส่วนผสมระหว่างรสชาติของชายฝั่งทะเลกับรสชาติสไตล์คุชราต ส่วนใครอยากซื้อของที่ระลึกก็แนะนำให้ไปลุยกันตามตลาดที่คึกคักน่าเดิน

เลห์

คงไม่มีแพลนเที่ยวอินเดียไหนจะสมบูรณ์แบบได้ ถ้าไม่มี เลห์ ดินแดนสวรรค์แห่งหิมาลัย เมืองนี้ตั้งอยู่ท่ามกลางยอดเขาหินสูงตระหง่านและทิวทัศน์สวยๆ อันน่าหลงใหล เรียกได้ว่าเป็นสวรรค์ของนักผจญภัย คนรักธรรมชาติ และคนที่อยากค้นหาความหมายของชีวิต ไม่เชื่อ ลองมาใช้ชีวิตเนิบช้าที่ เลห์ ดู บางครั้งอาจรู้สึกดีจนเหมือนเวลาหยุดเดินไปเลยก็ได้นะ นอกจากนี้ ในเมืองยังมีวัดวาอารามเก่าแก่อีกมากมาย (หลายแห่งก็ตั้งอยู่ริมผาสูงชัน) รวมถึงวิวสวยบาดใจ กลางอากาศเย็นฉ่ำ สดชื่น ส่วนผู้คนใน เลห์ ยังคงมีมีวิถีชีวิตแบบดั้งเดิม เราจึงจะได้สัมผัสประสบการณ์แบบคนท้องถิ่นแท้ๆ

ที่เที่ยวในเลห์

• นักท่องเที่ยวหลายคนที่มาเยือน เลห์ มักตรงไปยัง หอเกียรติยศ เป็นที่แรก เพราะนี่คือพิพิธภัณฑ์แห่งชาติซึ่งสร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงกองทัพอินเดีย จัดว่าเป็นบทแนะนำให้เราได้ทำความรู้จักประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมท้องถิ่นก่อนเลย เราจะพบเรื่องราวของทหารกล้าผู้เป็นแนวหน้าในการปกป้องพื้นที่ห่างไกลตรงนี้ ผ่านภาพถ่ายและข้าวของต่างๆ
• มาถึงอีกสถานที่ท่องเที่ยวซึ่งอยู่บนยอดเขาใกล้ๆ เลห์ ก็คือ อารามสปิตุก วัดพุทธที่มองเห็นวิวกว้างไกลแบบพาโนรามา ให้ความรู้สึกสงบจิตสงบใจอย่างแท้จริง นอกจากจะดื่มด่ำกับวิวสวยๆ แล้ว แนะนำให้เผื่อเวลาไว้ชมภาพจิตรกรรมฝาผนังสุดวิจิตรและสักการะพระพุทธรูปต่างๆ รวมถึงชมกิจของพระสงฆ์ในแต่ละวัน
• สถานที่ท่องเที่ยวแห่งต่อมานี้มีความแปลกไม่เหมือนใคร นั่นคือ แม็กเนติกฮิลล์ พื้นที่ที่ดูเหมือนจะไร้แรงโน้มถ่วง รถยนต์ที่จอดนิ่งๆ กับวัตถุอื่นๆ บนเนินเขาแห่งนี้ดูเหมือนจะม้วนตัวขึ้นไปได้ ซึ่งภาพแบบนี้ทำให้หลายคนต้องตกตะลึง ซึ่งเชื่อกันว่ามีสาเหตุมาจากสนามแม่เหล็ก หรืออาจเป็นพลังเหนือธรรมชาติบางอย่าง อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดนี้เป็นเพียงภาพลวงตา ความจริงแล้วถนนบริเวณนั้นเป็นทางลงเขา ไม่ได้มีอะไรม้วนตัวขึ้นไปทั้งสิ้น
• อีกหนึ่งที่ห้ามพลาดสำหรับคนชอบความงามของศาสนสถานตั้งอยู่ใกล้กับ เลห์ นั่นก็คือ อารามทิกเซ อารามนี้อยู่บนยอดเขา ขึ้นชื่อทั้งเรื่องสถาปัตยกรรมที่มีขนาดใหญ่โต และสีสันสดใส เป็นศาสนสถานที่มีทั้งวัดและโบสถ์หลายแห่ง รวมถึงพระพุทธรูปพระศรีอริยเมตไตรยซึ่งสูงเท่าตึก 2 ชั้นเลยทีเดียว ภายในวัดยังมีพระบรมสารีริกธาตุและภาพจิตรกรรมฝาผนังเล่าตำนานของพุทธศาสนาอีกด้วย