คู่มือเที่ยวญี่ปุ่น : ทริป 1 วันใกล้โตเกียวแบบฟินๆ ไปเช้าเย็นกลับสบายสุดๆ

โตเกียว อาจจะเป็นปลายทางอันดับหนึ่งในญี่ปุ่นของนักท่องเที่ยวทั่วโลกก็จริง แต่ถ้าใครมาที่นี่แล้วมีเวลาเหลือพอจะออกไปเที่ยวนอกเมืองบ้างละก็ ตัดสินใจไปเที่ยวแบบไปเช้าเย็นกลับดู รับรองว่าคุ้มค่าแน่นอน ทั้ง ไชน่าทาวน์โยโกฮาม่า (Yokohama Chinatown) อันโด่งดังแห่ง โยโกฮาม่า รวมไปถึง ศาลเจ้าโทโชกุ (Toshogu Shrine) ที่แสนงดงามแห่ง นิกโกะ (Nikko) แค่ออกเดินทางจากโตเกียวไปไม่ไกลก็มีอะไรสวยๆ ให้ชมมากมายแล้ว ลองดูแพลนเที่ยว 1 วันแบบฟินๆ ใกล้โตเกียวต่อไปนี้ดูได้เลย

เคล็ดลับระดับเซียน : ประหยัดเงินสำหรับทริปเที่ยว 1 วันแบบไปเช้าเย็นกลับด้วยบัตร JR Pass

การเดินทางด้วยรถไฟญี่ปุ่นหรือ Japan Rail (JR) โดยใช้บัตร JR Pass คือวิธีคลาสสิกที่สะดวกที่สุดแล้วสำหรับทริปเที่ยว 1 วันแบบไปเช้าเย็นกลับใกล้ โตเกียว บัตรโดยสารประเภทนี้เป็นบริการสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ใช้บริการของการรถไฟญี่ปุ่น โดยใช้ได้ทุกเส้นทางหลักของระบบ JR

1. โยโกฮาม่า – ตะลุยเมืองที่ใหญ่อันดับสองของญี่ปุ่น

นี่คือหนึ่งในทริปสั้นๆ จาก โตเกียว ที่สะดวกและรวดเร็วที่สุดก็ว่าได้ โยโกฮาม่า คือเมืองที่จะทำให้ทุกคนได้สำรวจทัศนียภาพในเมืองที่ต่างออกไป และยังเป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสองของญี่ปุ่นด้วย โยโกฮาม่าเป็นเมืองหลักของจังหวัด คานางาวะ (Kanagawa) ตั้งอยู่บน อ่าวโตเกียว ทางทิศใต้ของ โตเกียว เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจการค้าและมีประชากรอยู่เกือบสี่ล้านคนเลยทีเดียว แล้ว โยโกฮาม่า ก็เหมือน โตเกียว ตรงที่มีที่เที่ยวหลากหลายมาก ทั้งสวน พิพิธภัณฑ์ แหล่งช้อปปิ้ง ย่านประวัติศาสตร์ แถมที่ Cup Noodle Meseum ยังมีราเม็นกับบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปทุกรูปแบบ เมืองที่แสนจะมีชีวิตชีวานี้คือส่วมผสมระหว่างสเน่ห์ของเมืองเก่ากับนวัตกรรมใหม่ๆ เรียกได้ว่ามีอะไรต่อมิอะไรให้นักท่องเที่ยวทุกคนได้ฟินแน่นอน

ถ้าใครสนใจอยากจะเที่ยว โยโกฮาม่า แบบไปเช้าเย็นกลับจาก โตเกียว ลองดูลิสต์สถานที่ไฮไลต์เหล่านี้ไว้ได้เลย

• ไชน่าทาวน์โยโกฮาม่า : นี่คือไชน่าทาวน์ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย เพราะฉะนั้น ไชน่าทาวน์โยโกฮาม่า จึงควรค่าแก่เที่ยวอย่างแท้จริง ที่นี่เต็มไปด้วยร้านรวงต่างๆ ภัตตาคาร และร้านสตรีตฟู้ด มีของฝากทุกชนิดให้เลือกสรร รวมถึงข้าวของแบบจีนๆ ด้วย แถมยังหาซื้ออาหารมื้อเที่ยงหรือมื้อเย็นซึ่งราคาไม่แพงได้อีกต่างหาก เป็นการเติมพลังให้การตะลุยสำรวจเมือง

• Cup Noodle Museum : ไม่ว่าตามปกติแล้วจะเป็นคนชอบกินบะหมี่ถ้วยหรือไม่ก็ตาม ยังไง Cup Noodle Museum ก็คือที่เที่ยวที่ดีและเหมาะกับทุกครอบครัว รวมทั้งนักท่องเที่ยวทุกวัยด้วย ข้อมูลการจัดแสดงที่ดูตื่นตามีสีสันน่าสนใจดึงดูดนักท่องเที่ยวให้ได้เรียนรู้เรื่องประวัติและวิวัฒนาการของบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป แถมยังเปิดให้เราได้ลองทำบะหมี่ถ้วยในแบบของตัวเองอีกต่างหาก ใครชอบแบบไหนก็ทำแบบนั้นเลย

• สวนยามาชิตะ (Yamashita Park) : โยโกฮาม่า เป็นเมืองท่า ส่วน สวนยามาชิตะ ก็คือหนึ่งในจุดชมวิวมหาสมุทรที่ดีที่สุดประจำเมือง มานั่งมองเรือล่องผ่านไปมา หรือมาชมพระอาทิตย์ตกก็ยังได้ แถมยังเป็นจุดที่มองเห็น ท่าเรือ Osanbashi และ สะพานข้ามอ่าวโยโกฮาม่า (Yokohama Bay Bridge) ด้วย อีกไฮไลต์ของสวนแห่งนี้คือดอกกุหลาบ ซึ่งมีอยู่มากกว่า 400 ดอกเลยทีเดียว

• Sankeien Garden : สวนสไตล์ญี่ปุ่นโบราณแท้ๆ Sankeien Garden คือสถานที่ที่เหมาะแก่การแวะมาชมและดื่มด่ำธรรมชาติในเมือง ถ้ามาที่นี่ช่วงฤดูใบไม้ผลิหรือฤดูใบไม้ร่วงก็จะได้เห็นดอกซากุระกันแบบเต็มๆ นอกจากนี้ในสวนยังมีสถาปัตยกรรมแบบญี่ปุ่นดั้งเดิมให้ดู ซึ่งกลมกลืนและลงตัวกับทัศนียภาพงามๆ ในสวน

ส่วนวิธีการเดินทางมา โยโกฮาม่า ก็มีให้เลือกหลายรูปแบบ วิธีที่เร็วที่สุดคือขึ้นรถไฟสายโตเกียวโตโยโกะ (Tokyo Toyoko) มายัง Yokohama Station จาก Shibuya Station ใช้เวลาเพียง 25 นาทีเท่านั้น นี่คือรถไฟที่อยู่ในการดูแลของ Tokyu Corporation ซึ่งสายโตเกียวโตโยโกะนี้คือรถไฟสายหลักที่วิ่งระหว่าง โยโกฮาม่า กับ โตเกียว ถ้าใครพักใกล้ๆ สถานีรถไฟโตเกียว และอยากใช้บัตร JR Pass ก็สามารถไป สถานีโยโกฮาม่า ได้โดยการขึ้นรถไฟสาย JR Tokaido หรือสาย JR Yokosuka ทั้งสองสายนี้เป็นของการรถไฟญี่ปุ่น (Japan Rail) ใช้เวลาเพียง 30 นาทีก็ถึงโยโกฮาม่า

เข้าพักที่ Hotel Mielparque Yokohama แล้วออกไปเที่ยว Sankeien Garden

ค้นหาที่พักราคาดีที่สุดใกล้ Yokohama Chinatown

2. ทริป 1 วันแสนสะดวกจากโตเกียวไปคาวาซากิ (Kawasaki)

เมืองนี้อยู่ระหว่างตอนใต้ของ โยโกฮาม่า กับตอนเหนือของ โตเกียว เพราะฉะนั้นไม่มีทริปเที่ยว 1 วันใกล้ โตเกียว ที่ไหนจะง่ายและไปได้ไวกว่า คาวาซากิ แล้ว เมืองนี้อยู่ในจังหวัด คานางาวะ ซึ่ง คาวาซากิ เป็นส่วนหนึ่งของมหานครโตเกียว (Greater Tokyo Area) และคือเมืองที่มีประชากรมากที่สุดเป็นอันดับแปดของญี่ปุ่น เมืองชายฝั่งทะเลแห่งนี้อยู่บนฝั่งตะวันตกของ อ่าวโตเกียว ซึ่งกินพื้นที่ยาวไปตลอดทางของ แม่น้ำทามะ (Tama River) โดยที่เขตชานเมืองยื่นเข้าไปบนบก ถึงใจกลางเขตอุตสาหกรรม Keihin ซึ่งบรรดาบริษัทชั้นนำของญี่ปุ่นต่างก็มีโรงงานอยู่ใน คาวาซากิ ทั้งโตชิบา ฮิตาชิ เครื่องใช้ไฟฟ้าฟูจิ ฯลฯ

แม้ คาวาซากิ จะดูเป็นย่านอุตสาหกรรมมากๆ และนักท่องเที่ยวก็มักมองข้ามไป แต่ความจริงแล้วที่นี่มีแลนด์มาร์กและสถานที่ท่องเที่ยวเด็ดๆ อีกเพียบรอทุกคนอยู่

• คาวาซากิไดชิ (Kawasaki Daishi) : ชื่อที่ทุกคนรู้จักของวัด Heigenji ก็คือ วัดคาวาซากิไดชิ ซึ่งอยู่ตอนกลางของเมือง คาวาซากิ เป็นหนึ่งในวัดพุทธที่โด่งดังที่สุดของประเทศญี่ปุ่น ก่อตั้งขึ้นเมื่อปีค.ศ.1128 และได้รับการจัดตั้งให้เป็นศูนย์กลางของ Chizan School of Buddhism ตัวอาคารของวัดคือตัวอย่างของสถาปัตยกรรมยุคเฮอังอย่างแท้จริง นอกจากนี้วัดยังอยู่ติดกับแหล่งซื้อของฝากอันเป็นเอกลักษณ์ของเมือง คาวาซากิ ด้วย

• พิพิธภัณฑ์ Fujiko F. Fujio : อยู่ชานเมือง คาวาซากิ ซึ่ง พิพิธภัณฑ์ Fujiko F. Fujio นี้คือพิพิธภัณฑ์ศิลปะชื่อดังที่จัดแสดงงานของฟูจิโกะ ฟูจิโอะ ผู้สร้างสรรค์การ์ตูนเรื่องดังอย่างโดราเอมอน พิพิธภัณฑ์แห่งนี้น่าตื่นตาตื่นใจ คนดูมีส่วนร่วมกับงานต่างๆ ได้ หากใครมีเด็กๆ มาเที่ยวด้วยก็ควรแวะที่นี่เป็นอย่างยิ่ง ส่วนคนที่เป็นแฟนการ์ตูนโดราเอมอนนั้นยิ่งห้ามพลาดเด็ดขาด

• Nihon Minkaen Open Air Museum : อีกหนึ่งไฮไลต์แถบชนบทของ คาวาซากิ ก็คือ Nihon Minkaen Open Air Museum บ้านเรือนตั้งแต่ยุคเอโดะที่ยังได้รับการอนุรักษ์ไว้ ถ้ามาเที่ยวที่นี่จะได้ดูทั้งบ้านโบราณ บ้านในท้องทุ่ง ศาลเจ้า และอื่นๆ อีกมากมาย รวมทั้งยังมีสาธิตการทำงานฝีมือแบบดั้งเดิม มีเวิร์กช็อปให้เราได้เข้าร่วมเพื่อสัมผัสประสบการณ์การใช้ชีวิตในหมู่บ้านยุคเอโดะด้วย

• สถานีคาวาซากิ (Kawasaki Station) : มีร้านขายของและความบันเทิงอีกเพียบอยู่บริเวณ สถานีคาวาซากิ ที่นี่มีห้างสรรพสินค้า เอาต์เล็ตเสื้อผ้าแฟชั่น ร้านอาหาร และคาเฟ่อยู่เต็มไปหมดในระยะเดินถึงกันใกล้ๆ โดยเฉพาะ Lazona Kawasaki Plaza ที่อยู่ฝั่งตะวันตกของสถานี หรือ Kawasaki BE ศูนย์การค้าอีกแห่งที่ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันออก และ La Cittadella ฝั่งทิศใต้ของสถานี ซึ่งได้รับการออกแบบให้ดูเหมือนเมืองได้เดินเที่ยวอยู่ในอิตาลี

Kawasaki Station ยังเป็นสถานีขนส่งสาธารณะสถานีหลักของ คาวาซากิ ด้วย ซึ่งถ้าจะขึ้นรถไฟจากโตเกียวมาละก็มีให้เลือกหลายสายเลย โดยที่เวลาการเดินทางเฉลี่ยประมาณ 15-25 นาที แตกต่างกันไปตามแต่ละสาย ซึ่งมีรถไฟหลายสายที่วิ่งระหว่าง โตเกียว กับ โยโกฮาม่า ที่ผ่าน คาวาซากิ ด้วย วิธีเดินทางที่สะดวกที่สุดคือนั่งรถไฟสาย JR Tokaido Line หรือ JR Keihin-Tohoku Line จาก Tokyo Station

เข้าพักที่ Daiwa Roynet Hotel Kawasaki แล้วออกไปเที่ยว Kawasaki Daishi

ค้นหาที่พักราคาดีที่สุดใกล้สถานี Kawasaki Station

3. มีอะไรให้ดูที่คามาคุระเยอะแบบไม่รู้จบแน่นอน

เมืองนี้อยู่ห่างจาก โตเกียว ไม่ถึงชั่วโมง โดยอยู่ใน จังหวัดคานางาวะ คามาคุระ (Kamakura) เป็นเมืองชายทะเลที่เต็มไปด้วยเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ แถมครั้งหนึ่งยังเคยเป็นเมืองที่มีประชากรมาตั้งรกรากกันเยอะที่สุดด้วย ช่วงศตวรรษที่ 12 คามาคุระ คือเมืองที่เป็นศูนย์กลางทางการเมืองของรัฐบาลทหารญี่ปุ่น ซึ่งปกครองประเทศญี่ปุ่นอยู่นานหลังจากนั้น แล้วพอรัฐบาลทหารสิ้นอำนาจลง เมืองนี้ก็ยังคงเป็นศูนย์กลางทางการเมืองของญี่ปุ่นตะวันออกอยู่ จนกระทั่งเมืองอื่นค่อยๆ พัฒนาความสำคัญขึ้นมาแทน ปัจจุบัน คามาคุระ เป็นเมืองเล็กๆ ที่นักเดินทางหลายคนก็ยังนิยมมาเที่ยวอยู่ โดยเฉพาะคนที่มองหาทริปดีๆ ใกล้ โตเกียว ซึ่งเมืองนี้ยังขึ้นชื่อเรื่องความงามของวัดและศาลเจ้าต่างๆ ด้วย

• คามาคุระ เต็มไปด้วยแลนด์มาร์กทางประวัติศาสตร์ ที่บอกเลยว่าเป็นเรื่องยากมากถ้าจะเก็บทั้งหมดให้ครบในหนึ่งวัน ดังนั้นเราเลยคัดวัดกับศาลเจ้าบางแห่งที่เป็นสุดยอดไฮไลต์ประจำเมืองมาให้ ที่รับรองว่าทุกคนต้องอยากไปเยือน

• พระใหญ่แห่งคามาคุระ (Great Buddha of Kamakura) : ตั้งอยู่ที่ วัดโคโตคุอิน (Kotoku-in Temple) ซึ่งอาจเรียกได้ว่า พระใหญ่แห่งคามาคุระ ไม่ใช่แค่สัญลักษณ์ของเมืองนี้เท่านั้น แต่เป็นสัญลักษณ์ของญี่ปุ่นไปแล้ว พระพุทธรูปหนักถึง 93 ตันองค์นี้เป็นพระประธานประจำวัดมาตั้งแต่ช่วงกลางศตวรรษที่ 13 โดยสร้างขึ้นมาแทนพระพุทธรูปไม้เดิมที่พังทลายไปเพราะพายุ และวันเวลาที่ผ่านมาเรื่อยๆ ก็ทำให้องค์พระค่อยๆ กลายเป็นสีเขียว

• วัดเค็นโชจิ (Kenchoji Temple) : นี่คือหนึ่งในห้าวัดเซนที่ยิ่งใหญ่และเก่าแก่ที่สุดของเมือง คามาคุระ วัดเค็นโชจิ แห่งนี้ก่อตั้งขึ้นเมื่อปีค.ศ.1943 แม้ปัจจุบันนี้ ขนาดของตัววัดจะไม่ได้ใหญ่เท่าในอดีตแล้ว แต่ในบริเวณวัดก็ยังคงมีศาลา อาคาร และสวนสวยๆ อยู่มากมาย นอกจากนี้ยังมีระฆังสำริดที่ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นสมบัติแห่งชาติของญี่ปุ่นเลยทีเดียว

• วัดเอ็นกาคุจิ (Engakuji Temple) : นี่คือวัดที่สำคัญเป็นอันดับสองในบรรดาวัดนิกายเซนแห่งเมือง คามาคุระ วัดเอ็นกาคุจิ สร้างอยู่ตรงทางลาดของป่าเขา ทำให้ยิ่งน่าไปเยือนขึ้นอีก โดยเฉพาะช่วงฤดูใบไม้ร่วง วัดแห่งนี้เริ่มต้นสร้างขึ้นมาเมื่อปีค.ศ.1282 เพื่อเป็นเกียรติแก่เหล่าทหารที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์มองโกลรุกรานญี่ปุ่นครั้งที่ 2 โดยบริเวณใกล้ๆ หอระฆังของวัดเป็นที่ตั้งของโรงน้ำชา ที่ทุกคนสามารถมาจิบชาแบบดั้งเดิมกันได้

• Tsurugaoka Hachimangu : ศาลเจ้าชินโตอันศักดิ์สิทธิ์ Tsurugaoka Hachimangu เดิมทีสร้างเสร็จตั้งแต่ปีค.ศ.1063 แต่ย้ายมา ณ ที่ตั้งปัจจุบันเมื่อปีค.ศ.1180 ซึ่งหากย้อนกลับไปตอนเริ่มสร้างนั้นคือสมัยโชกุนคนแรกของ คามาคุระ อุทิศแก่เหล่าเทพเจ้าแห่งซามูไร ตัวศาลเจ้าอยู่ใจกลางเมือง คามาคุระ โดยต้องผ่านประตูโทริ (Torii Gate) เข้าไปตามทาง

ส่วนการเดินทางมา คามาคุระ นั้นสามารถลงที่ สถานีคามาคุระ (Kamakura Station) ได้เลย โดยเดินทางจาก สถานีโตเกียว ด้วยรถไฟสาย JR Yokosuka ได้ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง ส่วนรถไฟสาย JR Shonan Shinjuku นั้นวิ่งตรงจาก Shinjuku Station สู่ Kamakura Station ในเวลาประมาณ 1 ชั่วโมง อีกเรื่องสำคัญของการเดินทางก็คือ แนะนำให้ใช้บัตร Odakyu Railway’s Enoshima Kamakura Free Pass บัตรรถไฟประเภทนี้ใช้เดินทางไป-กลับจาก Shinjuku Station กับ Kamakura Station ได้ (ใช้เวลาประมาณ 90 นาที) และเมื่อถึงแล้วยังใช้เดินทางบนรถรางไฟฟ้าสายอิโนะชิมะ (Enoshima Electric Railway) ได้แบบไม่จำกัดจำนวนครั้งด้วย

เข้าพักที่ Iza Kamakura Guest House and Bar แล้วออกไปเที่ยว วัด Hokokuji Temple

ค้นหาที่พักราคาดีที่สุดใกล้ วัด Kotoku-in Temple

4. เที่ยวเชิงประวัติศาสตร์และชมความงามของธรรมชาติที่นิกโกะ (Nikko)

เดินทางไกลขึ้นอีกนิดจาก โตเกียว ไปยัง นิกโกะ อีกหนึ่งสถานที่ที่ควรค่าแก่การใส่ไว้ในแพลนเที่ยวของทุกคน เมืองเล็กๆ แห่งนี้จะช่วยปรับจังหวะชีวิตพวกเราจากความรีบเร่งวุ่นวายในเมืองหลวงของญี่ปุ่นให้ช้าลงและดีขึ้น พิกัดของเมืองอยู่ใน จังหวัดโทชิกิ ทางตอนเหนือของ โตเกียว นิกโกะ คืออีกหนึ่งจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยว ทั้งนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นเองและชาวต่างชาติ นิกโกะ มีทั้งสถานที่สำคัญทางศาสนาพุทธและลัทธิชินโตซึ่งอยู่ยงคงกระพันมานานหลายศตวรรษ รวมถึง อุทยานแห่งชาตินิกโกะ (Nikko National Park) ความดีงามอีกอย่างก็คือ ตัวเมืองแห่งนี้เองได้รับการยกย่องจากยูเนสโกให้เป็นเมืองมรดกโลกที่ตั้งของวัดพุทธและศาลเจ้าชินโตต่างๆ นิกโกะ ยังมีร้านอาหารหลากหลายประเภท รวมถึงสตรีตฟู้ด ร้านขายของที่ระลึก และเรายังจะได้ชมวิวภูเขาที่สวยงามจนน่าทึ่งด้วย

นิกโกะ คือหนึ่งในทริปใกล้ โตเกียว ที่ดีที่สุด เพราะมีทั้งแลนด์มาร์กทางประวัติศาสตร์และแลนด์มากสายธรรมชาติให้เที่ยว และนี่ก็คือตัวอย่างสถานที่ท่องเที่ยวเจ๋งๆ ที่ไม่ควรพลาด

• ศาลเจ้าโทโชกุ (Toshogu Shrine) : ศาลเจ้าแห่งนี้น่าจะเป็นที่เที่ยวที่ดังที่สุดของ นิกโกะ เลยละ ศาลเจ้าโทโชกุ มีศาลาน้อยใหญ่ที่สวยงามกว่า 50 หลังซุกตัวอยู่ในป่าเขียวชอุ่ม ซึ่งศาลาเหล่านี้มีเอกลักษณ์โดดเด่น รายละเอียดที่ปรากฎอยู่บนสถาปัตยกรรมมีทั้งแบบพุทธและชินโตผสมกัน ศาลเจ้าโทโชกุ ยังเป็นที่บรรจุศพด้วย โดยบรรจุศพของโทคุกาวะ อิเอยะซึ (Tokugawa Ieyasu) ผู้เป็นต้นตระกูลโชกุนโทคุกาวะ

• วัดรินโนะจิ (Rinno-ji Temple) : ย้อนเวลากลับไปช่วงศตวรรษที่ 8 วัดรินโนะจิ วัดพุทธแห่งแรกๆ ได้ก่อสร้างขึ้นที่นี่ ศูนย์กลางทางศาสนาแห่งนี้มีศาลาและเจดีย์ต่างๆ อยู่ 15 หลัง ส่วนด้านหลังของวัดเป็นสวนสไตล์ญี่ปุ่นที่ทั้งน่ารักและสวยงาม วัดรินโนะจิ ก่อตั้งโดย Shodo Shonin พระสงฆ์ผู้นำศาสนาพุทธเข้ามาเผยแพร่ในเขตนี้

• สะพานชินเคียว (Shikyo Bridge) : หนึ่งในสะพานที่งดงามที่สุดและคนนิยมมาถ่ายรูปเช็กอินกันมากที่สุด ด้วยที่ตั้งอันเพอร์เฟกต์และดีไซน์ที่สวยงามของสะพานสีแดงแห่งนี้ โดย สะพานชินเคียว สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 6 แล้ว สะพานอยู่ห่างจาก Nikko Station ในระยะเดินถึงเพียง 15 นาทีเท่านั้น และเมื่อเดินข้ามสะพานก็จะไปถึง วัดรินโนะจิ

• น้ำตกเคกอน (Kegon Falls) : ถ้าจะต้องเลือกแลนด์มาร์กแบบธรรมชาติสักที่ใน นิกโกะ ขอแนะนำให้เลือก น้ำตกเคกอน ที่สูงถึง 318 ฟุต (97 เมตร) น้ำตกแสนจะอลังการแห่งนี้เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวของประเทศญี่ปุ่นที่ทำให้ทุกคนต้องอึ้ง โดยมีจุดชมวิวในมุมต่างๆ ถึงสามที่ให้เลือกถ่ายรูป หรือเซลฟี่ภาพคู่กับความมหัศจรรย์ของธรรมชาติได้ตามใจชอบ

นิกโกะ ตั้งอยู่ห่างจาก โตเกียว ราวสองชั่วโมง หากเดินทางด้วยรถไฟ ซึ่งมีวิธีให้เลือกดังนี้ หากออกจาก สถานีโตเกียว ต้องขึ้นรถไฟสาย JR Tohoku Shinkansen หรือ JR Yamagata Shinkansen แล้วลงที่ สถานี Utsunomiya Station พอถึง Utsunomiya Station ก็ต่อรถไฟสายนิกโกะไปลง Nikko Station นอกจากนี้ยังเดินทางไปสถานี Utsunomiya Station ได้โดยสาย JR Shonan-Shinjuku Line จากสถานี Shinjuku Station หากอยากนั่งรถไฟต่อเดียวจากโตเกียวไปสถานี Nikko Station ให้ขึ้นรถไฟ SPACIA Limited Express จากสถานี Asakusa Station

เข้าพักที่ Nikko Hoshinoyado Hotel แล้วออกไปเที่ยวสะพาน Shinkyo Bridge

ค้นหาที่พักราคาดีที่สุดใกล้สถานี Asakusa Station

5. หลบไปพักบนเกาะที่เอโนะชิมะ (Enoshima) ซึ่งอยู่ห่างจากโตเกียวแค่ชั่วโมงเดียว

หากคิดจะพักแบบหลบหนีจากความวุ่นวายในเมืองได้จริงๆ ละก็ แนะนำให้มุ่งหน้าไปยังเกาะนอกชายฝั่งแห่ง เอโนะชิมะ จังหวัดคานางาวะ เกาะที่ว่านี้อยู่ใน อ่าวซากามิ (Sagami Bay) ปาก แม่น้ำ Katase ส่วนเมือง เอโนะชิมะ เองมีสะพานยาว 2,000 ฟุตเชื่อมกับแผ่นดินใหญ่ ชายหาดของเกาะแห่งนี้ถือว่าใกล้ โตเกียว ที่สุดแล้ว และยังขึ้นชื่อว่าเป็นที่แห่งการพักผ่อนหย่อนใจที่แท้จริงด้วย อีกสิ่งที่เพิ่มความพิเศษให้เกาะนี้คือ ในวันที่ท้องฟ้าปลอดโปร่ง เราจะมองเห็นวิว ภูเขาไฟฟูจิ นอกจากนี้ก็ยังมีสวนต่างๆ ร้านอาหาร ศาลเจ้า แหล่งท่องเที่ยว และกิจกรรมพักผ่อนหย่อนใจต่างๆ บอกเลยว่าไม่ว่าใครตัดสินใจมาเที่ยว 1 วันที่ เอโนะชิมะ นี้ก็ดีหมด เพราะเขามีสิ่งต่างๆ รองรับนักท่องเที่ยวทุกประเภทเลย

แม้เกาะแสนสวยแห่งนี้จะเล็ก แต่มีที่เที่ยวและมีอะไรให้ทำเต็มไปหมด ซึ่งนี่คือสถานที่ห้ามพลาดที่อยากให้ทุกคนได้ไปฟินเมื่อมาถึง เอโนะชิมะ

• ศาลเจ้าเอโนะชิมะ (Enoshima Shrine) : ที่ เอโนะชิมะ มีศาลเจ้าอยู่สามหลัง ซึ่งเรียกรวมๆ ว่า ศาลเจ้าเอโนะชิมะ ศาลเจ้ากลุ่มนี้เดินถึงกันในเวลาประมาณ 10 นาที เพราะฉะนั้นใครอยากเดินทอดน่องชิลๆ ก็ได้ชิลสมใจแน่ ศาลเจ้าแต่ละแห่งสร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้เทพเจ้า Benzaiten ผู้ที่เชื่อกันว่าเป็นผู้ครองมหาสมุทร คอยปกปักรักษาและคุ้มครองนักท่องเที่ยว รวมทั้งเป็นผู้สร้างเกาะแห่งนี้ด้วย

• Lover’s Hill : สถานที่ยอดนิยมของเหล่าคู่รัก Lover’s Hill คือจุดชมวิวอันแสนพิเศษที่มองเห็น อ่าวซากามิ เมื่อขึ้นไปถึงบนภูเขา จะเจอ Love Bell ที่หากคู่รักสั่นระฆังนี้พร้อมกัน เชื่อกันว่าจะช่วยให้รักกันตลอดไป รอบๆ ระฆังยังมีรั้วให้คู่รักคล้องกุญแจพร้อมเขียนชื่อไว้ด้วย

• อะควาเรียมเอโนะชิมะ (Enoshima Aquarium) : ถ้าอยากรู้เรื่องราวของสิ่งมีชีวิตในท้องทะเลของ อ่าวซากามิ กับมหาสมุทรแปซิฟิกแบบไม่ต้องลงแรงดำน้ำลงไปดู แนะนำให้มาเที่ยวที่ อะควาเรียมเอโนะชิมะ เราจะได้เจอทั้งแมวน้ำ โลมา เพนกวิน แมงกะพรุนสายพันธุ์ต่างๆ รวมถึงปลาหลากสีหลายพันธุ์ด้วย พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำแห่งนี้เหมาะกับทั้งเด็กและผู้ใหญ่เลย

• ถ้ำอิวายะ (Iwaya Caves): ถ้ำแห่งนี้เกิดจากการที่น้ำทะเลกัดเซาะหน้าผาทางทิศใต้ของ เอโนะชิมะ มากว่าพันปี ถ้ำอิวายะ นี้คือหนึ่งในสถานที่ฮิตประจำเกาะ โดยมีอยู่สองถ้ำ ซึ่งเดินง่ายทั้งคู่ แถมทางไปถ้ำยังเหมาะแก่การชมพระอาทิตย์ตก และมองเห็น ภูเขาไฟฟูจิ ด้วย

สำหรับการเดินทางไป เอโนะชิมะ จาก โตเกียว อันดับแรกต้องไปที่สถานี Enoshima Station โดยขึ้นรถไฟสาย JR Shonan-Shinjuku Line จาก Shinjuku Station หรือสาย JR Tokaido Line จาก Tokyo Station เมื่อไปถึง Fujisawa Station แล้ว ให้เปลี่ยนไปขึ้นรถไฟ Odakyu Railway ซึ่งเดินทางไป Katase-Enoshima Station หรือ Enoden Railway ซึ่งเดินทางไป Enoshima Station ไม่ว่าจะเลือกเส้นทางไหนก็ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงเท่านั้น และยังมีอีกทางเลือกคือ ขึ้นรถไฟ Odakyo ตรงดิ่งมาจาก Shinjuku Station แล้วลงที่ Katase-Enoshima Station ได้เลย แต่ค่าตั๋วก็จะแพงกว่าหน่อย

เข้าพักที่ Enoshima Guest house 134 แล้วออกไปเที่ยวศาลเจ้า Enoshima Shrine

ค้นหาที่พักราคาดีที่สุดใกล้สถานี Enoshima Station

6. เที่ยวเมืองแห่งปราสาทในตำนานของญี่ปุ่นที่โอดาวาระ

อีกหนึ่งสถานที่อันเลอค่าประจำ จังหวัดคานางาวะ ก็คือ โอดาวาระ (Odawara) หนึ่งในศูนย์กลางการค้าและเศรษฐกิจ เมืองนี้มีประชากรอยู่ราว 200,000 คน อยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของ โตเกียว หรือชายฝั่งตะวันออกของ อ่าวซากามิ หลายคนเลือกที่นี่เป็นจุดตั้งต้นของการไปเที่ยว ฮาโกเนะ (Hakone) และบริเวณรอบๆ แต่ด้วยตัวเมือง โอดาวาระ เองนั้นก็ดีพอจะเป็นทริป 1 วันใกล้ โตเกียว ได้เลย เมืองแห่งปราสาทเก่าแก่แห่งนี้จะทำให้ทุกคนได้ก้าวเข้าสู่ประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่นอย่างแท้จริง

หากมาเที่ยว โอดาวาระ ก็จะได้สัมผัสประสบการณ์ทางวัฒนธรรมที่หลากหลาย และนี่คือไฮไลต์เล็กๆ น้อยๆ ที่อยากให้ทุกคนได้ไปเยือน

• ปราสาทโอดาวาระ : อาจเรียกได้ว่านี่คือแลนด์มาร์กที่ดังที่สุดของเมือง ปราสาทโอดาวาระ เป็นปราสาทโบราณและเป็นป้อมปราการของตระกูล Doi สร้างขึ้นเมื่อปีค.ศ.1447 ตัวปราสาทถูกทำลายเสียหายอย่างหนักในยุคเมจิ ดังนั้นที่เราเห็นกันในปัจจุบันคือการสร้างขึ้นมาใหม่ ส่วนสวนรอบๆ ปราสาทก็สวยงามเหมาะจะมาเดินเล่นหรือใครจะมาปิกนิกก็ยังได้

• ศาลเจ้า Hotoku Ninomiya : ศาลเจ้าที่ไม่เหมือนใครแห่งนี้ตั้งอยู่ใกล้ๆ ปราสาทโอดาวาระ สร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่บุรุษนามว่า Sontoku Ninomiya Ninomiya เติบโตใน โอดาวาระ มาแบบกำพร้า แต่เมื่ออายุได้เพียง 24 ปี ก็เป็นที่รู้จักเพราะประสบความสำเร็จในการทำไร่นา เขามีส่วนสำคัญมากในการทำให้เศรษฐกิจของญี่ปุ่นเติบโตและเป็นต้นแบบของการทำเกษตรของประเทศเลย

• วัดเดนโชจิ (Dencho-ji) : หากอยากหลีกจากฝูงชน โดยเฉพาะในฤดูท่องเที่ยว ขอแนะนำให้ไปเยือน วันเดนโชจิ ซึ่งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของ โอดาวาระ เป็นย่านที่พักอาศัยอันเงียบสงบของเมือง ที่นี่มีพระพุทธรูปต่างๆ ทั้งพระพุทธรูปโบราณที่เสื่อมโทรมตามกาลเวลา และพระพุทธรูปใหม่ๆ นอกจากนี้ด้วยความที่เป็นเส้นทางที่นักทองเที่ยวมักมาเยือน วัดต่างๆ จึงมีข้อมูลภาษาอังกฤษให้ด้วย

• วัด Gyokuden-ji : อีกหนึ่งสถานที่ดีๆ ที่เหมาะแก่การเดินชิลๆ วัด Gyokuden-ji อยู่ไม่ไกลจาก ปราสาทโอดาวาระ ในวัดและรอบๆ วัดนั้นร่มรื่นมาก เพราะมีทั้งต้นไม้เล็กๆ พุ่มไม้ ไปจนถึงต้นไม้ใหญ่ๆ ตรงกลางมีสวนมอสส์ที่สร้างบรรยากาศสงบเงียบได้เป็นอย่างดี รับรองว่าจะได้สงบจิตสงบใจกันอย่างสมบูรณ์แบบจริงๆ

วิธีเดินทางที่เร็วที่สุดที่ช่วยให้มาถึง Odawara Station จาก Tokyo Station ก็คือ ขึ้นรถไฟด่วนสาย JR Tokaido Shinkansen เพราะใช้เวลาเพียง 35 นาทีเท่านั้น แต่สำหรับใครที่ไม่ได้ซื้อ JR Pass ไว้ก็อาจจะต้องจ่ายแพงสักหน่อย นอกจากนี้ยังมีวิธีเดินทางซึ่งใช้เวลานานกว่า (90 นาที) แต่ราคาถูกกว่า คือ ขึ้นรถไฟสาย JR Tokaido Main Line จาก Tokyo Station, Shinagawa Station และ Shimbashi Station หรือสาย JR Shonan-Shinjuku Line จากShinjuku Station หรือ Shibuya Station การรถไฟ Odakyu มีเส้นทางเชื่อม Shinjuku Station กับ Odawara Station ด้วย ใช้เวลาเดินทางทั้งสิน 95 นาที

เข้าพักที่ Hinode Ryokan แล้วออกไปเที่ยวปราสาท Odawara Castle

ค้นหาที่พักราคาดีที่สุดใกล้สถานี Tokyo Station

7. พักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติสวยๆ ของญี่ปุ่นที่ฮาโกเนะ

ฮาโกเนะ (Hakone) เมืองแสนสงบของ จังหวะคานางาวะ ตั้งอยู่ใน อุทยานแห่งชาติฟูจิ – ฮาโกเนะ – อิซู ซึ่งเป็นที่รู้กันว่าเป็นแหล่งธรรมชาติอันงดงาม ที่นี่มีคนอาศัยอยู่เพียง 13,500 คนเท่านั้น เป็นสถานที่ยอดนิยมทั้งในหมู่นักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นเองและชาวต่างชาติ ข้อดีอีกอย่างของเมืองนี้คือ เราจะได้เห็นวิว ภูเขาไฟฟูจิ ด้วย รวมถึงทิวทัศน์สวยสะกดตาอีกมากมายในทุกๆ ฤดู ฮาโกเนะ ยังดังเรื่องบ่อน้ำพุร้อนกับพิพิธภัณฑ์ระดับโลกอีก นี่จึงเป็นเมืองที่จะทำให้เราได้เห็นญี่ปุ่นอีกมุมหนึ่ง

ฮาโกเนะ ยังมีกิจกรรมทั้งเอาต์ดอร์และในร่มให้เลือกทำกันอีกหลายรูปแบบ เพราะฉะนั้นลองเลือกสถานที่เหล่านี้ใส่ไว้ในแพลนเที่ยวดู รับรองว่าไม่เบื่อแน่

• บ่อน้ำพุร้อนฮาโกเนะ : พักหายใจจากการตะลุยเที่ยวกันสักหน่อย ด้วยการแช่น้ำที่บ่อน้ำพุร้อนต่างๆ ทั่ว ฮาโกเนะ ไม่ว่าจะเป็นคนญี่ปุ่นหรือนักท่องเที่ยวต่างชาติ ก็นิยมมาบ่อน้ำพุร้อนที่นี่กันมาตลอด ซึ่งทุกวันนี้ก็มีการปรับเปลี่ยนทำเป็นโรงอาบน้ำหรือออนเซ็นมากมาย เปิดให้บริการอยู่ทั่วเมือง ส่วนที่ดังที่สุดก็ต้องยกให้บ่อน้ำพุร้อน Hakone Gora Onsen Yumenoyu

• Hakone Open Air Museum : พิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งใหม่ Hakone Open Air Museum มีพื้นที่จัดแสดงงานทั้งอินดอร์และเอาต์ดอร์ พื้นที่เอาต์ดอร์มองเห็นวิวภูเขาล้อมรอบ และมีประติมากรรมต่างๆ จัดแสดงอยู่ด้วยซึ่งล้วนแต่เป็นงานที่กลมกลืนกับทิวทัศน์บริเวณนี้ นอกจากนี้ยังมี Picasso Exhibition Hall ที่แสดงงานศิลปะของศิลปินต่างๆ มากถึง 300 งาน

• พิพิธภัณฑ์ศิลปะฮาโกเนะ (Hakone Museum of Art) : คนรักศิลปะและพิพิธภัณฑ์ต้องอยากมาฟินที่ พิพิธภัณฑ์ศิลปะฮาโกเนะ แน่นอน เพราะเขาจัดแสดงงานยุคก่อนประวัติศาสตร์ รวมถึงงานเซรามิกตั้งแต่ยุคเอโดะด้วย ของที่นำมาจัดแสดงบางชิ้นอายุเกิน 5,000 ปีเลยทีเดียว ไม่เพียงเท่านั้น บริเวณด้านนอกซึ่งเป็นพื้นที่สวยๆ ก็มีสวนมอสส์และร้านชาที่มีทั้งขนมหวานและชาเขียวมัตฉะ

• ศาลเจ้าฮาโกเนะ : ศาลเจ้าฮาโกเนะ ตั้งอยู่ริมฝั่ง ทะเลสาบอาชิ (Ashi Lake) ซ่อนตัวอยู่ในป่าทึบ แต่ขณะเดียวกันก็โดดเด่นด้วยซุ้มประตูโทริขนาดใหญ่ สีแดงสดที่ตั้งตระหง่านโดดเด่นอยู่ในน้ำ หากเดินผ่านซุ้มประตูแห่งนี้แล้วก็จะเข้าสู่ป่าที่พาทุกคนไปยังศาลเจ้าหลังหลัก ซึ่งยังมีศาลเจ้าอีกแห่งชื่อ โมโตสึมิยะ (Mototsumiya) ตั้งอยู่บนยอด ภูเขา Komagatake ด้วย จะเดินเขาขึ้นไปตามทางหรือจะขึ้นกระเช้าจาก ศาลเจ้าฮาโกเนะ ก็ได้

ส่วนการเดินทางไป ฮาโกเนะ จาก โตเกียว นั้น ควรใช้บริการรถไฟ JR หรือรถไฟสาย Odakyu Railway แล้วมาลงที่ Odawara Station ตามข้อมูลด้านบน แล้วพอถึงโอดาวาระแล้ว ต้องเปลี่ยนไปขึ้นรถไฟ Odakyu สาย Hakone-Tozan ซึ่งจะพาทุกคนมาถึง ฮาโกเนะ แน่ๆ อีกวิธีที่ไม่แพงและคนนิยมกันก็คือซื้อตั๋ว Hakone Free Pass ของ Odakyu Railway Hakone Free Pass ใช้ได้ทั้งไปและกลับจาก โตเกียว ถึง ฮาโกเนะ นอกจากนี้ยังใช้โดยสารในระบบขนส่งสาธารณะอื่นๆ ที่ ฮาโกเนะ ได้อีก

เข้าพักที่ Hotel Musashiya แล้วออกไปเที่ยวศาลเจ้า Hakone Shrine

ค้นหาที่พักราคาดีที่สุดใกล้ Hakone Gora Onsen Yumenoyu

8. เดินเล่นในยุคเอโดะของญี่ปุ่นที่คาวาโกเอะ

คาวาโกเอะ (Kawagoe) อีกหนึ่งทริปดีๆ ใกล้ โตเกียว โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวที่อยากสัมผัสกับ “ญี่ปุ่นโบราณ” หลายคนเรียกเมืองประวัติศาสตร์ใน จังหวัดไซตามะ แห่งนี้ว่า “Little Edo” เพราะถนนและอาคารโบราณต่างๆ สองข้างทางของถนนสายหลักมีอาคารปูนแบบดั้งเดิมเรียงรายอยู่ ช่วยให้เราเห็นภาพจริงๆ ว่าแต่ก่อน ในสมัยเอโดะนั้น บ้านเมืองหน้าตาเป็นอย่างไร ในช่วงที่ คาวาโกเอะ ยังเป็นศูนย์กลางการค้าที่มีการส่งสินค้ามากมายไปยัง โตเกียว ปัจจุบันบ้านเมืองที่ตึกรามบ้านช่องไม่ได้เป็นแบบสูงเสียดฟ้าแห่งนี้ คือสถานที่ในฝัน ที่ช่วยให้เราได้ลิ้มลองอาหารญี่ปุ่นต้นตำรับ หรือจะเดินเล่นเพลินๆ ช้อปปิ้งจากร้านรวงข้างทางก็ได้เช่นกัน

การเดินทางมาก็ง่ายๆ ใช้เวลาจาก โตเกียว แค่ 30 – 45 นาทีเท่านั้น คาวาโกเอะ เหมาะเป็นทริปไปเช้าเย็นกลับที่สุดแล้ว เพราะมีอะไรให้ดูและช้อปเต็มไปหมด และนี่คือตัวอย่างสถานที่ท่องเที่ยวที่ต้องไม่ลืมใส่ลงแพลน

• ปราสาทคาวาโกเอะ (Kawagoe Castle): ครั้งหนึ่งบริเวณนี้เคยเป็นที่ตั้งของป้อมปราการ แต่ปัจจุบันคืออดีต ปราสาทกาวาโกเอะ ซึ่งส่วนที่ยังเหลือใหเราดูก็คืออาคารหลังแรก และป้อมหน้า อย่างไรก็ตามก็ยังควรแวะมาเยือนปราสาทหลังนี้อยู่ดี แถมนี่ยังเป็นปราสาทที่ใกล้ โตเกียว ที่สุดที่เดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะถึง

• วัดคิตาอิน (Kitain) : วัดหลักของโรงเรียนสอนศาสนาเท็นได (Tendai Buddhist School) วัดคิตาอิน นี้เป็นที่รู้กันว่ามีรูปปั้นพุทธสาวกอยู่ถึง 540 องค์ ก่อตั้งเมื่อปีค.ศ.830 แต่ตัววัดของเดิมส่วนใหญ่ถูกทำลายไปเมื่อปีค.ศ.1638 การสร้างวัดแห่งนี้ขึ้นมาใหม่เลยอาศัยอาคารหลายๆ หลังของ ปราสาทคาวาโกเอะ

• ศาลเจ้าฮิเอะ (Hie Shrine) อยู่ฝั่งตรงข้ามถนนกับ วัดคิตาอิน ซึ่ง ศาลเจ้าฮิเอะ นี้สร้างขึ้นมาช่วงเวลาเดียวกับวัดราวกับเป็นศาลเจ้าคุ้มครองประจำวัด โดยปัจจุบันได้รับการยกย่องให้เป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรม ซึ่งตามปกติ ศาลเจ้าแห่งนี้จะไม่ได้มีนักท่องเที่ยวแห่แหนกันมามากนัก

• Candy Alley : หนึ่งในแหล่งซื้อของฝากที่ดีที่สุด เพราะ Candy Alley มีร้านขายขนมญี่ปุ่นหลากหลายชนิดในราคาไม่แพงเรียงรายกันเต็มไปหมด หลายร้านขายเค้กกับลูกกวาดแบบดั้งเดิม โดยเฉพาะขนมหวานบางอย่างที่ทำจากมันหวานญี่ปุ่น ส่วนของหวานทั่วๆ ไปก็มีขายเช่นกัน ทั้งไอศกรีม ข้าวเกรียบ มันฝรั่งทอด และคุ้กกี้ทอด

Kawagoe Station อยู่ห่างจาก Shinjuku Station เพียง 55 นาทีเท่านั้นหากนั่งรถไฟ JR สาย Kawagoe Line และ Saikyo Line แต่ถ้าใครอยากเดินทางเร็วกว่านี้ก็มีตัวเลือกอื่นอีก อย่างรถไฟสาย Tobu Tojo จาก Ikebukuro Station ซึ่งจะใช้เวลาเพียง 30 นาที หรือไม่ก็ขึ้นรถไฟสาย Seibu-Shinjuku จาก Shinjuku Station ก็ได้ (ใช้เวลา 47 นาที) แม้การเดินทางที่เร็วกว่านี้จะใช้บัตร JR Pass ไม่ได้ แต่ก็ถือว่าเป็นเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับใครที่ไม่มีบัตร JR Pass หรือแพลนว่าจะเดินทางแบบสั้นๆ ทริปแค่วันหรือสองวันเท่านั้น

เข้าพักที่ Kawagoe Prince Hotel แล้วออกไปเที่ยวศาลเจ้า Hie Shrine

ค้นหาที่พักราคาดีที่สุดใกล้สถานี Shinjuku Station