ฤดูใบไม้ร่วงในนารา | จุดชมใบไม้เปลี่ยนสียอดนิยมสำหรับฤดูใบไม้แดงในญี่ปุ่น

ฤดูกาลใบไม้แดงในญี่ปุ่นเป็นการเฉลิมฉลองเมื่อใบไม้เปลี่ยนจากสีเขียวเป็นสีแดง สีส้ม สีเหลือง และสีน้ำตาลที่สวยงาม นารา เป็นหนึ่งในสถานที่ที่ดีที่สุดในการชมใบไม้เปลี่ยนสี ใช้เวลาเพลิดเพลินไปกับวัดที่มีชื่อเสียงในประวัติศาสตร์ของนารา ศาลเจ้า และสวนสาธารณะต่างๆ ไปดูว่าทำไมการตามหา koyo (มองหาใบไม้ร่วง) จึงเป็นงานอดิเรกยอดนิยมในช่วงฤดูใบไม้ร่วงที่ นารา

ฤดูใบไม้ร่วงในเมืองนารา | ช่วงที่เหมาะจะไปชมฤดูใบไม้แดง

โดยทั่วไปเวลาที่ดีที่สุดในการชมใบไม้เปลี่ยนสีช่วงฤดูใบไม้ร่วงใน นารา คือระหว่างเดือนตุลาคมถึงปลายเดือนพฤศจิกายน (บางครั้งก็ถึงต้นเดือนธันวาคม) ก่อนจะเริ่มต้นฤดูหนาว เวลาที่แน่นอนของใบไม้เปลี่ยนสีจะแตกต่างกันไปในแต่ละปี ดังนั้นควรเช็คพยากรณ์ใบไม้เปลี่ยนสีของ นารา จากข่าวเกี่ยวกับฤดูใบไม้ร่วงก่อน ไม่ว่าจะมาถึงในช่วงต้นฤดูกาลหรือหลังจากนั้นก็เป็นเวลาแห่งการเฉลิมฉลองฤดูใบไม้ร่วงที่ นารา ได้เช่นกัน

สวนสาธารณะนารา

สวนสาธารณะนารา เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ห้ามพลาดสำหรับการมาเที่ยวญี่ปุ่นและเป็นหนึ่งในสถานที่เที่ยวหลักของ นารา ตั้งอยู่ใจกลาง เมืองนารา และห่างจาก สถานี Kintetsu-Nara เพียงไม่กี่นาที สวนสาธารณะนารา เป็นที่อยู่ของกวางซิก้าที่มีชื่อเสียงและเป็นมิตรของนารา คนรักสัตว์และธรรมชาติควรวางแผนเที่ยวชมสวนสาธารณะแห่งนี้ เพื่อสัมผัสกับสัตว์ที่เป็นมิตรและสีสันอันสวยงามของฤดูใบไม้ร่วงไปพร้อมๆ กัน

ในขณะที่เดินผ่าน สวนสาธารณะนารา สามารถแวะชมและให้อาหารกวางได้ และยังสามารถใช้เวลาที่วัดทั้งสองแห่ง ได้แก่ โทไดจิ และ โคฟุคุจิ หรือเยี่ยมชม ศาลเจ้าคาสึงะไทฉะ ได้ สถานที่ยอดเยี่ยมอีกแห่งหนึ่งใน สวนสาธารณะนารา คือศาลาไม้ (ที่เรียกว่า ศาลาไม้อุคิมิโดะ) ตั้งอยู่กลาง สระน้ำ Sagichi (Sagiike) ศาลาที่สวยงามแห่งนี้ดูเหมือนลอยอยู่บนสระนํ้าและเป็นสถานที่ที่เงียบสงบสำหรับการเยี่ยมชม ศาลามักจะสว่างไสวในตอนกลางคืนและหากแวะมาที่ สวนสาธารณะนารา ระหว่างวันที่ 5 ถึง 14 สิงหาคม อาจจะโชคดีได้เข้าชมงานเทศกาลโคมไฟ Nara Tokae และเพลิดเพลินไปกับบรรยากาศที่หรูหราและเพ้อฝัน

ทริคการให้อาหารกวางในสวนสาธารณะนารา

เมื่อเห็นกวาง อาจพบว่ากวางบางตัวเรียนรู้ที่จะโค้งให้เมื่อรอเราป้อนอาหาร เราสามารถซื้อแคร็กเกอร์กวาง (ซิก้าเซมเบ้) ซึ่งวางขายที่สวนสาธารณะได้ในราคา 150 เยน (ประมาณ 46 บาท) และเพลิดเพลินไปกับการให้อาหารกวางขณะชมทิวทัศน์ฤดูใบไม้ร่วงของ สวนสาธารณะนารา ถึงแม้กวางนั้นจะค่อนข้างคุ้นเคยกับผู้คนแต่ก็ยังเป็นสัตว์ป่า ดังนั้นจึงห้ามให้อาหารเสริมอื่นๆ แก่กวาง

สวนสาธารณะนารา ไม่มีค่าเข้าชม และเนื่องจากมีพื้นที่มากกว่า 5 ตารางกิโลเมตร จึงควรวางแผนพักค้างคืนในนาราเพื่อเที่ยวชมสวนสาธารณะและสิ่งต่างๆ อย่างทั่วถึงในช่วงฤดูใบไม้ร่วงที่นารา

กิจกรรมยอดนิยมในสวนสาธารณะนารา

• วัดโทไดจิ
• วัดโคฟุคุจิ
• ศาลเจ้าคาสึงะไทฉะ
• พิพิธภัณฑ์แห่งชาตินารา
• สวนอิซุยเอ็น
• สวน Yoshikien

เข้าพักที่ Onyado Nono Nara Natural Hot Springs แล้วออกไปเที่ยว สวนสาธารณะนารา

สัมผัสประสบการณ์ฤดูใบไม้ร่วงในนารา-วัดที่ดีที่สุด

แม้ว่าจะมีสถานที่มากมายที่นักท่องเที่ยวสามารถชื่นชมฤดูใบไม้ร่วงใน นารา ได้ แต่ก็มีวัดและศาลเจ้าโดยเฉพาะที่ให้บรรยากาศดั้งเดิมในการรับชมแก่ผู้มาเยือน เนื่องจากวัดและศาลเจ้าเหล่านี้เป็นสถานที่สักการะ ดังนั้นจึงควรระลึกไว้เสมอว่าการถ่ายภาพควรถ่ายด้านนอกอาคารในบริเวณวัด ยากที่จะสามารถถ่ายรูปภายในอาคารได้ อย่างไรก็ตามควรสังเกตป้ายที่ระบุสถานที่และเวลาที่อนุญาตให้ถ่ายภาพได้  

วัดมุโรจิ

วัดมุโรจิ เป็นวัดพุทธที่ตั้งอยู่ในเมือง Uda จังหวัดนารา วัดมุโรจิ สะกดได้ทั้ง Murouji และ Muro-ji เป็นทั้งสถานที่ประวัติศาสตร์และสถานที่ที่เหมาะกับการสัมผัสฤดูใบไม้ร่วงใน นารา ซึ่งแตกต่างจาก โคยะซัง (ภูเขาโคยะ) ใน วะกะยะมะ ซึ่งในสมัยโบราณห้ามผู้หญิงเข้า วัดมุโรจิ มีชื่อเสียงในด้านการอนุญาตให้สตรีเคารพบูชาจึงได้รับฉายาว่าเป็น “ภูเขาโคยะสำหรับสตรี” นักท่องเที่ยวสามารถเพลิดเพลินกับสีสันที่สวยงามของฤดูกาลที่เปลี่ยนแปลงไปในขณะที่นมัสการสถานที่ทางประวัติศาสตร์อันเงียบสงบแห่งนี้ได้ วัดล้อมรอบไปด้วยป่าไม้เขียวชอุ่มและเป็นที่ตั้งของเจดีย์ห้าชั้นขนาดเล็กที่สุดใน ญี่ปุ่น ซึ่งตั้งอยู่กลางแจ้ง

วัดมุโรจิ มีค่าเข้าชมอยู่ที่ 600 เยน (ประมาณ 183 บาท) สำหรับผู้ใหญ่และ 400 เยน (ประมาณ 122 บาท) สำหรับเด็ก วัดเปิดทำการระหว่างเวลา 8.30 น. ถึง 17.00 น. ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายนถึง 30 พฤศจิกายนและตั้งแต่เวลา 9.00 น. ถึง 16.00 น. ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคมถึง 31 มีนาคม

การเดินทางไปยังวัดมุโรจิในฤดูใบไม้ร่วงที่นารา

จาก สถานี JR Nara สามารถเดินทางด้วยรถไฟสาย JR Mahoroba ไปยัง สถานี Sakurai ซึ่งสามารถเปลี่ยนเป็นสาย Kintetsu Osaka และนั่งรถไฟไปยัง สถานี Muroguchiono จากนั้นสามารถขึ้นรถบัส Nara Kotsu ไปที่ป้ายสุดท้ายเพื่อไปที่วัดได้

ศาลเจ้าทานซาน (ศาลเจ้า Tanzan-Jinja)

ศาลเจ้าทานซาน อยู่ในภูเขา Tonomine มีชื่อเสียงว่าเป็นสถานที่ที่ยอดเยี่ยมในการชื่นชมฤดูใบไม้ร่วงใน นารา ศาลเจ้าชินโตแห่งนี้อยู่ใน ซากุไร ภายใน จังหวัดนารา และมีเจดีย์ไม้สูง 13 ชั้น สถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์แห่งนี้สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1532 และเป็นที่เดียวในโลก โดยทั่วไปแล้วจะได้สัมผัสกับฤดูใบไม้ร่วงที่ศาลเจ้าในช่วงกลางเดือนพฤศจิกายนถึงต้นเดือนธันวาคมและยังเป็นฤดูที่ดีที่สุดในการชมต้นเมเปิ้ลกว่า 3,000 ต้นเปลี่ยนสีอีกด้วย

ค่าเข้าชมศาลเจ้าอยู่ที่ 600 เยน (ประมาณ 183 บาท) สำหรับผู้ใหญ่และ 300 เยน (ประมาณ 92 บาท) สำหรับเด็ก ศาลเจ้าเปิดทำการตั้งแต่เวลา 8.30 น. ถึง 17.00 น. ตลอดทั้งปีและเวลาเข้าชมสุดท้ายของวันคือเวลา 16.30 น.

การเดินทางไปศาลเจ้าทานซานในช่วงฤดูใบไม้ร่วงที่นารา

จาก สถานี JR Nara สามารถเดินทางด้วยรถไฟสาย JR Mahoroba ไปยัง สถานี Sakurai จากนั้นออกที่ทางออกทิศใต้ของสถานีและนั่งรถประจำทางที่ออกทุกชั่วโมงไปยังป้ายรถเมล์ใกล้ Tanzan-Jinja

วัดฮาเซเดระ

วัดฮาเซเดระ ก็ตั้งอยู่ใน ซากุไร เช่นกันและขึ้นชื่อเรื่องพืชพันธุ์เขียวชอุ่มตลอดทั้งปี แม้ว่าจะมีความสวยงามเป็นพิเศษในช่วงฤดูใบไม้แดง แต่วัดแห่งนี้ก็เป็นที่รู้จักในเรื่องดอกไม้ที่สวยงามตลอดทั้งปีและได้รับสมญานามว่า “วัดแห่งดอกไม้” ตั้งแต่กลางเดือนตุลาคมถึงต้นเดือนธันวาคม วัดฮาเซเดระ มีเทศกาลโมมิจิ ซึ่งเป็นการเฉลิมฉลองฤดูใบไม้เปลี่ยนสี

สถานที่ที่เป็นสัญลักษณ์ของ วัดฮาเซเดระ คือ Nobori-rou หรือบันได 399 ขั้นที่นำไปสู่อาคารอุโบสถ มีการกล่าวว่าขั้นตอนเหล่านี้ช่วยให้ผู้แสวงบุญขจัดภาพลวงตา 108 อย่างที่นำไปสู่ความทุกข์ทรมานของมนุษย์ได้ การเดินตามขั้นบันไดของวัดนั้นให้เวลาผู้มาเยือนได้ทำสมาธิ มีสติอยู่กับตัวเองขณะที่เดินไปยังอาคารอุโบสถ ซึ่งเป็นที่ตั้งของเทวรูป 11 หน้า รูปปั้นที่มีชื่อเสียงซึ่งอุทิศให้กับเทพธิดาแห่งความเมตตา อาคารอุโบสถเป็นสมบัติแห่งชาติของญี่ปุ่น ที่ยื่นออกมาจากกลางภูเขา Hatsuse และให้มุมมองที่โดดเด่นเหนือบริเวณวัด

วัดฮาเซเดระ มีค่าธรรมเนียมเข้าชมอยู่ที่ 500 เยน (ประมาณ 153 บาท) สำหรับผู้ใหญ่และ 250 เยน (ประมาณ 76 บาท) สำหรับเด็ก เวลาเปิด-ปิดของวัดแตกต่างกันไปตามช่วงเวลาของปี ตั้งแต่เดือนเมษายนถึงกันยายน วัดเปิดตั้งแต่เวลา 8.30 น. ถึง 17.00 น. ในช่วงเดือนตุลาคม พฤศจิกายนและมีนาคม วัดเปิดตั้งแต่เวลา 9.00 น. ถึง 17.00 น. และตั้งแต่เดือนธันวาคมถึงกุมภาพันธ์ วัดเปิดตั้งแต่เวลา 9.00 น. ถึง 16.40 น.

การเดินทางไปยังวัดฮาเซเดระในฤดูใบไม้ร่วงที่นารา

จาก สถานี JR Nara สามารถนั่งรถไฟสาย JR Manyo Mahoroba ไปยัง สถานี Sakurai ที่สามารถเปลี่ยนเป็นรถไฟกึ่งด่วนสาย Kintetsu Osaka ไป Haibara จากนั้นออกจากรถไฟเมื่อถึง สถานี Hasedera

เข้าพักที่ Guest House Nanone แล้วออกไปเที่ยว ซากุไร

สัมผัสประสบการณ์ฤดูใบไม้ร่วงที่นาราในหุบเขามิทาราอิ

ผู้ที่รักกิจกรรมกลางแจ้งและต้องการสัมผัสประสบการณ์การปีนเขาในญี่ปุ่นควรวางแผนไปเที่ยวที่ หุบเขามิทาราอิ ที่มีน้ำตกที่สวยงาม เส้นทางเดินเขาและสะพานแขวน หุบเขามิทาราอิ เป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการเยี่ยมชมในช่วงฤดูใบไม้ร่วงที่ นารา หุบเขามิทาราอิ ที่มีความเขียวชอุ่มตลอดทั้งปีและจะเปลี่ยนสีในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ใบไม้สีแดงสดให้ความแตกต่างที่น่าทึ่งพร้อมกับแม่น้ำที่ไหลอยู่ด้านล่าง หุบเขาแห่งนี้อยู่ห่างจาก เมืองนารา ประมาณสามชั่วโมงโดยรถไฟและรถบัส นักท่องเที่ยวจำนวนมากเลือกที่จะค้างคืนใกล้ๆ โดโรกาวะ พื้นที่ใน เท็นกาวะ ซึ่งเป็นที่รู้จักของออนเซ็นหรือน้ำพุร้อนธรรมชาติ โดโรกาวะ มีชื่อเสียงในเรื่องน้ำพุร้อน ดังนั้นใครที่กำลังมองหาการเดินทางที่ผ่อนคลายอาจจะต้องเพิ่มระยะเวลาในการเยี่ยมชมที่ หุบเขามิทาราอิ หุบเขามิทาราอิ ไม่มีค่าธรรมเนียมในการเข้าชม และควรวางแผนดีๆ ในการเข้าชมพื้นที่นี้

การเดินทางไปยังหุบเขามิทาราอิในช่วงฤดูใบไม้ร่วงที่นารา

จาก สถานี Kintetsu-Nara เดินทางไปยัง สถานี Yamato-Saidaiji บนสาย Kintetsu Nara จาก สถานี Yamato-Saidaiji สามารถขึ้นรถไฟสาย Kintetsu Kahihara ไปยัง สถานี Kashiharajingu-Mae แล้วเปลี่ยนเป็นสาย Kintetsu Yoshino และขึ้นรถไฟไปยัง สถานี Shimoichiguchi จาก สถานี Shimoichiguchi สามารถขึ้นรถบัส Nara Kotsu ไปยังป้ายรถเมล์ Tenkawa Kawaai ใกล้กับ หุบเขามิทาราอิ ได้

เข้าพักที่ Saratoku Ryokan แล้วออกไปเที่ยว เท็นกาวะ

การเดินทางจากโตเกียวและโอซาก้าเพื่อไปชมฤดูใบไม้ร่วงที่นารา

หากมาจาก โตเกียว สามารถเลือกที่จะบินจาก สนามบินนานาชาตินาริตะ ไปยัง สนามบินนานาชาติคันไซ ใน โอซาก้า ได้ ซึ่งใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมง 30 นาที เมื่อถึง โอซาก้า สามารถนั่งรถไฟจาก สถานี Kansai Airport ไปที่ นารา นอกจากนี้ยังสามารถเลือกขึ้นรถบัสสนามบินไปยัง นารา จาก สถานี Kansai Airport ได้ การเดินทางใช้เวลาประมาณ 90 นาทีและมีรถบัสออกจาก สนามบินนานาชาติคันไซ ที่ อาคารผู้โดยสาร 1 ผู้ที่เดินทางไป โตเกียว ก่อนที่จะมุ่งหน้าไปยัง นารา จะพบว่าระบบรถไฟในประเทศญี่ปุ่นนั้นเชื่อมต่อกันเป็นอย่างดีและเป็นวิธีที่สะดวกสบายในการเที่ยวชมชนบท นั่งรถไฟจาก สถานี Tokyo ไปยัง สถานี JR Nara ซึ่งเปลี่ยนสายหนึ่งครั้งที่ สถานี Kyoto ใช้เวลาประมาณสามชั่วโมง 30 นาที

เข้าพักที่ Super Hotel Lohas JR Nara Station Natural Hot Spring แล้วออกไปเที่ยว นารา

พักที่ไหนดีช่วงฤดูใบไม้ร่วงที่นารา

ฤดูใบไม้ร่วงใน นารา เป็นช่วงยอดนิยมในการเที่ยวชม ดังนั้นควรจองโรงแรมหรือเรียวกังเพื่อประสบการณ์ทางวัฒนธรรมที่มากขึ้นก่อนฤดูใบไม้แดงจะเริ่มขึ้น เรียวกังเป็นโรงแรมแบบญี่ปุ่นที่มีเสื่อทาทามิ (ฟางข้าว) ในห้องพักและในขณะที่พักอยู่อาจจะมอบประสบการณ์ที่แตกต่างสำหรับนักท่องเที่ยวบางคน เรียวกังมอบประสบการณ์การนอนหลับที่ยอดเยี่ยมบนฟูกหรือเตียงสไตล์ญี่ปุ่น เรียวกังหลายแห่งยังมีโรงอาบน้ำสาธารณะและพื้นที่ที่นักท่องเที่ยวสามารถพูดคุยกับเจ้าของและแขกคนอื่นๆ ได้ด้วย บ่อยครั้งที่ยูกาตะหรือเสื้อคลุมญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมที่สามารถสวมใส่ในพื้นที่สาธารณะได้ จะจัดเตรียมไว้ให้กับแขกผู้เข้าพักเพื่อให้สามารถเพลิดเพลินกับการอาบน้ำที่เป็นเอกลักษณ์ในแต่ละเรียวกังในพื้นที่ได้ ราคาห้องพักสำหรับเรียวกังบางครั้งรวมอาหารหนึ่งมื้อหรือมากกว่านั้น (โดยปกติคือมื้อเย็น) และเรียวกังจำนวนมากได้รับความนิยม เพราะมีสวนที่สวยงามและบรรยากาศที่ผ่อนคลาย การพักที่เรียวกังใน นารา เป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมในการสัมผัสแก่นแท้ของวัฒนธรรมญี่ปุ่น

เข้าพักที่ Tsukihitei แล้วออกไปเที่ยว นารา

ค้นหาและจองที่พักราคาดีที่สุดในนาราวันนี้

** รูปถ่ายที่มีอยู่ในบทความนี้ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายลิขสิทธิ์ ห้ามมิให้มีการใช้รูปภาพในบทความนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมล่วงหน้า