สิ่งที่ต้องทำเมื่อไปเที่ยวซาอุดิอาระเบีย | แคมป์ทะเลทรายยอดนิยมและสถานที่ขี่อูฐ
เพราะการท่องเที่ยวที่เปิดกว้างภายในประเทศ จึงง่ายมากๆ ที่จะหากิจกรรมทำระหว่างท่องเที่ยวในซาอุดิอาระเบีย นักท่องเที่ยวแนวผจญภัยมักจะมุ่งหน้าไปที่ตะวันออกกลางเพื่อขี่รถเอทีวีท่ามกลางเนินทรายสีแดง (red sand dunes) ใน Rub’ Al Khali (Empty Quarter) ดื่มดำกลิ่นอายและแวะซื้อของฝากที่ตลาดที่เก่าแก่ที่สุดของเมืองหลวง รียาด (Riyadh)และดำน้ำดูปะการังที่ทะเล Red Sea ถ้ามีการวางแผนล่วงหน้ามาซักนิดล่ะก็นักท่องเที่ยวจะสามารถได้ทั้งแวะไปสำรวจโอเอซิสใน Eastern Province ตั้งแคมป์ที่ปล่องภูเขาไฟใกล้เมือง Taif และไปขี่อูฐที่ อุทยานแห่งชาติทุมาม่า (Thumamah National Park) เลย
วางแผนเดินทางท่องเที่ยวไปในรียาดให้น่าตื่นเต้นสุดๆ
เมืองหลวง รียาด (Riyadh) เป็นเมืองที่รวมสถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์และสถานที่ท่องเที่ยวที่ทันสมัยไว้มากมาย รวมไปถึงกิจกรรมที่ทำแล้วน่าตื่นเต้นสุดๆ ในซาอุดิอาระเบียอีกด้วย สำหรับใครที่ชอบผจญภัยที่กำลังมองหาการเดินทางในทะเลทราย การท่องเที่ยวไปในเนินทรายต่างๆ และตั้งแคมป์ในทะเลทรายก็จะพบว่าถ้าจะทำกิจกรรมกลางแจ้งทุกอันให้หมดอาจจะต้องพักอยู่ที่เมือง รียาด (Riyadh)
ไปยืนที่หน้าผา Edge of the World
หากนักเดินทางแบ็คแพ็คเกอร์คนไหนที่กำลังมองหาประสบการณ์ปีนเนินทรายที่น่าตื่นเต้นแล้วล่ะก็ พลาดไม่ได้ที่ต้องไปปีน หุบเขา Acacia เพื่อที่จะได้ชื่นชมวิวจาก หน้าผา Edge of the World หน้าผาที่สวยงามแห่งนี้ตั้งอยู่ที่กลางทะเลทรายทางตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองหลวง รียาด (Riyadh) ประมาณ 90 กิโลเมตร นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นไปที่ยอดหน้าผาด้วยเส้นทางที่ทำไว้ให้และค่าตอบแทนของหยาดเหงื่อก็จะเป็นวิวที่กว้างสุดลูกหูลูกตาของทะเลทรายรอบๆ ที่สวยจนต้องอ้าปากค้างกันเลยทีเดียว นักโบราณคดีเชื่อว่า หน้าผา Edge of the World เคยเป็นใต้ท้องทะเลมาก่อนแต่ตอนนี้เป็นเหมือนกับสถานที่ที่ทำให้นักท่องเที่ยวรู้สึกว่าอยู่บนจุดสูงสุดของโลก การไปเที่ยวที่เมือง รียาด (Riyadh) นักท่องเที่ยวอาจจะต้องจ้างคนขับรถ ผู้ประกอบการท่องเที่ยวหลายรายมีข้อเสนอกลุ่มไกด์และรถยนต์ออฟโรดที่เหมาะกับการลงพื้นที่ แต่ถ้าหากใครจะไปเที่ยวคนเดียวล่ะก็ต้องควรคำนึงไว้ว่าเจ้าหน้าที่จะปิดประตูที่เชื่อมกับถนนสายหลักที่กลับไปที่เมือง รียาด (Riyadh) เวลา 18.00 นาฬิกา และจากหน้าผาไปที่ประตูต้องขับรถประมาณ 2 ชั่วโมง และนักท่องเที่ยวห้ามลืมที่จะเตรียมน้ำดื่ม (ไปจำนวนมาก) และอาหารหรือของทางเล่นให้เพียงพอสำหรับหนึ่งวันเต็มๆ ในทะเลทรายอีกด้วย
คู่มือท่องเที่ยวไม่แนะนำการปีนหน้าผาที่ Edge of the World สำหรับครอบครัวที่มีเด็กเล็ก เนื่องจากช่วงสุดท้ายของการเดินทางจะต้องอาศัยความแข็งแรงและทักษะการปีนเขานั่นเอง
อนุรักษ์พื้นที่ไว้สำหรับสัตว์ป่าซาฟารี
อุทยานอนุรักษ์สัตว์ป่า Nofa Wildlife Park เป็นสถานที่ที่เหมาะที่สุดสำหรับการท่องเที่ยวแบบครอบครัว หรือแม้ใครที่อยากเที่ยวคนเดียวก็สามารถมาเพลิดเพลินกับสถานที่แห่งนี้ได้ อุทยานแห่งนี้จะเป็นซาฟารีแบบแอฟริกา มีสัตว์มากมายกว่า 700 ตัวและรีวิวที่ล้นหลามจากนักท่องเที่ยวที่เคยเยี่ยมชม นักท่องเที่ยวสามารถรับชมสัตว์ต่างๆ ได้อย่างใกล้ชิด ยกตัวอย่างเช่น ยีราฟที่เดินเตร็ดเตร่ไปมา ม้าลาย วัววิลเดอบีสต์ นกกระจอกเทศ ฮิปโป และสัตว์อื่นๆ อีกหลายสายพันธุ์ จะมีผู้เชี่ยวชาญคอยแนะนำสัตว์ต่างๆ ไปตลอดทางเพราะฉะนั้นมั่นใจได้เลยว่าจะเป็นทัวร์ที่ปลอดภัยแน่นอนถึงแม้จะอยู่ท่ามกลางทะเลทรายโล่งๆ อุทยานอนุรักษ์สัตว์ป่า Nofa Wildlife Park เปิดให้บริการเกือบทุกวันเสาร์และหากใครอยากไปเยี่ยมชมจะต้องทำการจองล่วงหน้าบนเว็บไซต์ของอุทยานก่อน อุทยานแห่งนี้ตั้งอยู่ทางตะวันตกของเมืองหลวง รียาด (Riyadh) ไกลออกไปประมาณ 98 กิโลเมตร และเป็นส่วนหนึ่งของพื้นที่ Nofa Resort ที่เป็นที่ตั้งของ Nofa Resort Academy Golf Course Nofa Racetrack Safari Riyadh และ Ar Reem Racetrack ที่นักท่องเที่ยวสามารถรับชมการแข่งขันหรือลงสนามด้วยตัวเอง
ขี่เนินทรายสีแดงในซาอุดิอาระเบีย
เมื่อไปเที่ยวที่ซาอุดิอาระเบียจะต้องไปเที่ยวที่เนินทรายอย่างน้อยหนึ่งวัน หนึ่งในสถานที่ที่เหมาะสำหรับการเล่นโต้คลื่นทะเล(ทราย) คืออุทยานแห่งชาติ Khararah National Park ที่ตั้งอยู่ห่างจากเมือง รียาด (Riyadh) ไปไม่เกิน 1 ชั่วโมง อุทยานแห่งนี้เป็นที่นิยมสำหรับการขี่รถ ATV การเล่นกระดานโต้คลื่น(ทราย) และวิ่งว่าว อีกทั้งยังมีการก่อตัวของหินที่งดงามและทะเลทรายสีแดงที่กว้างสุดลูกหูลูกตา ครอบครัวสามารถแพ็คของไปปิกนิกและรับประทานอาหารกลางวันได้ที่ใต้เงาร่มไม้รอบๆ ทะเลสาบ Khararah Lake ที่น้ำจะเต็มในช่วงหน้าฝน มีสัตว์ป่าและนกมากมายหลายชนิด ตั้งอยู่ถัดจาก อุทยานแห่งชาติ Khararah ก็จะเป็น เนินทรายแดง (Red Sand Dunes) ที่โด่งดัง อีกสถานที่ท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวนิยมไปขี่รถ ATV และผจญภัยในทะเลทราย ไม่ไกลจากสันเขา Tuwaiq escarpment พื้นที่ขรุขระเต็มไปด้วยผาชันที่ทำให้เกิดหน้าผาทอดตัวเป็นแนวเกือบ 805 กิโลเมตรผ่านซาอุดิอาระเบียตอนกลาง เป็นความคิดที่ดีที่จะจ้างคนขับรถพร้อมกับรถ SUV เพื่อเดินทางไปยังอุทยานแห่งชาติ อุทยานแห่งชาติ Khararah เพราะเราไม่มีทางรู้เลยว่าเส้นทางที่เราไปนั้นจะย่ำแย่แค่ไหน แต่คนขับรถจะพาเราไปถึงจุดหมายปลายทางได้โดยไม่มีปัญหาแน่นอน
ตั้งแคมป์กลางทะเลทราย – สไตล์เบดูอิน
สำหรับประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมจนลืมไม่ลงสำหรับใครที่ชอบผจญภัยคือการตั้งแคมป์ค้างคืนใน แคมป์นานาชาติ Falcon ที่เขตอนุรักษ์ Reem Reserve (Khubayb Al Reem) สถานที่ท่องเที่ยวในธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ทางทิศตะวันตกของเมือง รียาด (Riyadh) มีแคมป์สไตล์เบดูอินที่นักท่องเที่ยวสามารถค้างคืนท่ามกลางทะเลทรายโล่งกว้างใต้แสงดาวบนท้องฟ้า กิจกรรมที่สามารถทำได้ที่แคมป์คือรับชมนกเหยี่ยวที่ฝึกมาแล้ว เรียนยิงธนู และท่องเที่ยวกลางทะเลทรายกับคาราวานอูฐ นักท่องเที่ยวควรทำการจองแคมป์ก่อนจะไปที่แคมป์ ข้อมูลติดต่อเพิ่มเติมสามารถกรุณาค้นหาว่า “Falcon International for Desert trips K.S.A.” ในเฟสบุ๊ก
ถักทอเส้นทางไปในตลาดเก่าแก่ดั้งเดิม
ตลาด Deira Souq หรือบางทีสะกดว่า Dheera Souq เป็นตลาดลำดับต้นๆ ใกล้กับป้อมมัสมัค (Masmak Fortress) ในเมือง รียาด (Riyadh) นักท่องเที่ยวจะพบกับของที่ระลึกมากมายจนตาลายในขณะที่เดินชมแผงขายเสื้อผ้าแบบดั้งเดิม พรมและสิ่งถักทอของซาอุดิอาระเบีย พวงกุญแจ น้ำหอม น้ำมันหอมระเหย และเครื่องเพชรพลอยทำมือแผงแล้วแผงเล่า เป็นปกติที่แต่ละร้านจะขายของซ้ำๆ กันทั้งตลาด เพราะฉะนั้นนักท่องเที่ยวสามารถต่อรองราคาได้ตามใจชอบ
ขี่อูฐและม้าใน Thumamah
อุทยานแห่งชาติ Thumamah National Park เป็นหนึ่งในสถานที่พักผ่อนหย่อนใจที่เป็นที่นิยมที่สุดในเมืองหลวง รียาด (Riyadh)ทะเลทรายผืนนี้ตั้งอยู่ทางเหนือของเมืองรียาดและเป็นสถานที่ที่เหมาะสุดๆ สำหรับการเช่ารถ ATV มาขี่ผงาดบนเนินทราย และยังเหมาะกับการขี่อูฐและม้าด้วย จริงๆ แล้วที่ อุทยานแห่งชาติ Thumamah ไม่ได้มีบริการม้าและอูฐอย่างเป็นทางการ แต่นักท่องเที่ยวสามารถไปหาเช่าจากเกษตรกรแถวนั้นได้ และยังสามารถต่อรองราคาสำหรับการขี่ในแต่ละรอบได้อีกด้วย
เข้าพักที่ Tiara Hotel Riyadh แล้วออกไปเที่ยวเมืองหลว รียาด
ค้นหาและจองที่พักในรียาดวันนี้
ดำน้ำที่ทะเล Red Sea และเจาะลึกวัฒนธรรมของชายฝั่งตะวันตก
เมือง เจดดาห์ (Jeddah) Al Lith และ Jazan หรือเกาะทางฝั่งตะวันตกของซาอุดิอาระเบียเป็นที่ชื่นชอบในหมู่นักท่องเที่ยวที่ชอบไปดำน้ำสกูบาและดำน้ำดูปะการัง แต่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดโอกาสที่จะได้สำรวจแหล่งที่เที่ยวอื่นๆ อีกมากมายในเจดดาห์ (Jeddah) และเมืองใกล้ๆ อย่าง Al Lith และ Taif
วางแผนไปเที่ยวที่เจดดาห์ กับ คู่มือท่องเที่ยวอโกด้า
ดำน้ำสกูบาและดำน้ำดูปะการังที่ทะเล Red Sea
ซาอุดิอาระเบียได้อ้างสิทธิ์ว่าเป็นที่ดำน้ำที่ดีที่สุดในโลกมานานแล้ว เพราะแนวชายฝั่งที่ยาวที่สุดทอดตัวตามแนวทะเล Red Sea ยาวไปจนถึงอ่าวเปอร์เซีย (Persian Gulf) ที่นั่นไม่ได้มีแค่น้ำทะเลสีฟ้าและเต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตทางทะเลและแนวปะการังที่มีสีสันเท่านั้น แต่จำนวนนักท่องเที่ยวที่มาดำน้ำที่ซาอุดิอาระเบียยังน้อยกว่าที่อียิปต์อีกด้วย เจดดาห์ (Jeddah) เป็นจุดที่เหมาะที่สุดที่จะเริ่มดำน้ำสกูบา ดำน้ำ liveaboard และดำน้ำดูปะการัง จาก เจดดาห์ (Jeddah) นักดำน้ำสามารถไปถึงซากเรือ Boiler Wreck ที่มีชื่อเสียงล้อมรอบด้วยปะการังสีแดงที่โด่งดังของทะเล Red Sea แต่อย่างไรก็ตามเมืองเสน่ห์มนต์ขลังอย่าง Al Lith และ Jazan เป็นประตูที่ใกล้ที่สุดที่จะไปถึง เกาะฟาราซาน (Farasan Island) เป็นเกาะที่เต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตทางทะเลและชายหาดที่สวยจนต้องตะลึงเมือง Al Lith อยู่ห่างออกไปทางใต้ของเมือง เจดดาห์ (Jeddah) ประมาณ 352 กิโลเมตร และเมือง Jazan ก็อยู่ไกลออกไปอีกทางใต้ของเกาะ สนามบินที่ใกล้เมือง Al Lith ที่สุดได้แก่ สนามบินนานาชาติ King Abdulaziz ใน เจดดาห์ (Jeddah) และ สนามบินนานาชาติ Taif นักท่องเที่ยวสามารถซื้อบริการรถรับส่งจากทั้งสองสนามบินไปยังเมือง Al Lith ได้ โดยบินจากทั้งสองเมืองใช้เวลาเท่ากันประมาณ 3 ชั่วโมงครึ่ง ถึง 4 ชั่วโมง หากต้องการไปที่ Jazan นักท่องเที่ยวสามารถบินจาก สนามบิน Jizan ได้เลย ค้นหาจุดดำน้ำที่ดีที่สุดในซาอุดิอาระเบีย
ตั้งแคมป์ใต้หมู่ดาวที่ปล่องภูเขาไฟ Wahba Crater (Al-Waba Crater)
นักท่องเที่ยวที่มุ่งหน้าไปยังเมือง Taif และจังหวัด Makkah สามารถแวะเที่ยวแบบไปเช้าเย็นกลับที่ ปล่องภูเขาไฟ Wahba ได้เพื่อสำรวจทุ่งลาวา โอเอซิส และแฟลตเกลือที่ปกคลุมพื้นที่มาหลายศตวรรษ สถานที่นี้เหมาะกับการเดินระยะไกลสุดๆ เนื่องจากปล่องภูเขาไฟลึกประมาณ 250 เมตรและสามารถเดินชมได้อย่างง่ายดาย สำหรับนักท่องเที่ยวคนไหนที่อยากจะไปตั้งแคมป์ที่ ปล่องภูเขาไฟ Wahba ต้องเตรียมตัวให้ดีสักหน่อยเพราะจะไม่มีบริการใดๆ บริเวณนั้นเลย นักท่องเที่ยวควรเตรียมเต็นท์ เชื้อเพลิง ผ้าห่ม อาหาร น้ำ (ปริมาณมาก) และเสบียงให้เพียงพอสำหรับค่ำคืนในทะเลทราย พื้นที่แห่งนี้สามารถไปได้โดยรถยนต์ และนักท่องเที่ยวสามารถจ้างคนขับรถจากหลายๆ จุดหมายปลายทางได้ ใกล้ที่สุดก็จะเป็นเมือง เจดดาห์ (Jeddah) ประมาณ 4 ชั่วโมงและ Taif ประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง
เข้าพักที่ The Venue Jeddah Corniche แล้วออกไปเที่ยวที่เมือง เจดดาห์
ค้นหาและจองที่พักในเจดดาห์วันนี้
ค้นพบแหล่งท่องเที่ยวลับของ Eastern Province
นักท่องเที่ยวคนไหนที่ไม่ได้ไปทัวร์ที่ เมืองฝั่งตะวันออก (Eastern Province) ก็เหมือนกับพลาดบางอย่างที่ยอดเยี่ยมในซาอุดิอาระเบียไป ฝั่งตะวันออกมีเมือง ดัมมัม (Dammam) เป็นเมืองหลวง และยังเป็นแหล่งที่ตั้งของ ทะเลทราย Rub’ Al Khali (Empty Quarter) และ หาด Half Moon ในอ่าวเปอร์เซีย (Persian Gulf) และที่ Eastern Province ยังมีกิจกรรมลับๆ ให้ทำอีกมากมาย สำหรับนักท่องเที่ยวคนไหนที่จองที่พักไว้ที่ ดัมมัม (Dammam) สามารถไปเที่ยวที่ เกาะ Marjan (Murjan) หมู่บ้าน Dolphin Village Dammam พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี Scitech ใกล้ๆ กับเมือง Al Khobar หาด Half Moon ที่เมือง Dhahran ก็เป็นที่ที่ห้ามพลาดใน Eastern Province เช่นเดียวกัน
ท่องไปในโอเอซิสอัลฮาซา Al Hasa Oasis (Wahat al Ahsa) ในอัลโฮฟัฟ (Al Hofuf)
โอเอซิสของแท้ท่ามกลางทะเลทราย (และเป็นหนึ่งในโอเอซิสที่ใหญ่ที่สุดในโลก) โอเอซิสอัลฮาซา (Al Hasa Oasis) มีต้นปาล์มมากกว่า 300 ล้านต้น น้ำพุธรรมดาและน้ำพุร้อน และการก่อตัวของหินโบราณ โอเอซิสแห่งนี้ตั้งอยู่ทางใต้ของเมือง ดัมมัม (Dammam) ไกลออกไปประมาณ 150 กิโลเมตร อยู่ด้านนอกเมือง อัลโฮฟัฟ (Al Hofuf) นิดเดียวเท่านั้น ที่โอเอซิสมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ทันสมัยมากมาย (รวมถึงร้านอาหารและห้างสรรพสินค้า) เช่นเดียวกับแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์อื่นๆ นักท่องเที่ยวสามารถสำรวจถ้ำใกล้ๆ อุทยานแห่งชาติ Ahsa National Park พร้อมกับปีนเขาที่ Al Qarah Mountain เพื่อชมวิวสวยๆ ของ โอเอซิสอัลฮาซา (Al Hasa Oasis) เมื่อค่ำแล้วนักท่องเที่ยวควรไปที่ อัลโฮฟัฟ (Al Hofuf) เพื่อช้อปที่ตลาด Qaisariah Souq ตลาดนี้เป็นตลาดที่เก่าแก่ที่สุดในเมือง ขายของที่ระลึก น้ำหอม เสื้อผ้า และงานฝีมือทุกชนิดที่นักท่องเที่ยวต้องการ ตลาด Qaisariah Souq เปิดทุกวัน เวลา 15.00-18.00 และ 20.00-1.30 นาฬิกา
นั่งรถกับคนท้องถิ่นไปที่ทะเลสาบ Yellow Lake ในเมืองอัลโฮฟัฟ (Al Hofuf)
ทะเลสาบ Yellow Lake อยู่ทางด้านเหนือของ อัลโฮฟัฟ (Al Hofuf) และ อุทยานแห่งชาติ Al Ahsa โอเอซิสอันเขียวชอุ่มที่เกิดจากการไหลบ่าของน้ำพุบาดาลอันอุดมสมบูรณ์ เป็นแหล่งน้ำให้กับฟาร์มกว่า 20,000 แห่งในพื้นที่ ทางไปทะเลสาบนั้นค่อนข้างจะซับซ้อนเพราะฉะนั้นการเดินทางต้องใช้ไกด์ท้องถิ่นพร้อมรถขับเคลื่อนสี่ล้อ การจัดทริปนั้นจะคุ้มค่ากับความพยายามเพราะจะได้พบกับพืชพรรณต้นไม้เขียวทอดตัวยาวสุดลูกหูลูกตา เนินเขาและสัตว์ป่ารอบๆ ทะเลสาบ Yellow Lake ที่ถือว่าหายากใน Empty Quarter
ไล่ล่าตามหาหิน Devil’s Thumb ใน Judah
ผืนทะเลทรายของ Judah เป็นสถานที่ที่ยอดเยี่ยมมากสำหรับการตั้งแคมป์ในทะเลทราย และเป็นสถานที่เดียวเท่านั้นที่จะได้เห็นหิน Devil’s Thumbการก่อตัวของหินนี้ดูโดดเด่นและโดดเดี่ยว มันยื่นออกมากลางทะเลทรายราวกับว่ามันงอกออกมาเอง หากใครอยากเห็นเจ้าสิ่งนี้ล่ะก็สามารถขับรถออกจาก Judah ประมาณ 10 นาทีเท่านั้น อยู่ทางทิศใต้ของเมือง อัลโฮฟัฟ (Al Hofuf) และระหว่างทางนักท่องเที่ยวสามารถแวะชมถ้ำลับและถ่ายรูปอูฐที่กำลังเดินข้ามทะเลทรายได้ด้วย
เปิดเผยความลับของถ้ำ Mastodon Cave
เมืองชายฝั่ง จูเบล (Jubail) มีสิ่งที่น่าทำที่สุดในซาอุดิอาระเบีย เมืองนี้เป็นแหล่งที่ตั้งของ หาด Fanateer และ ศูนย์อนุรักษ์สัตว์น้ำ (Jubail Conservation) หรือที่รู้จักอีกชื่อคือ Jubail Marine Wildlife Sanctuary และนักท่องเที่ยวยังจะได้เห็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์อื่นๆ อีกด้วย รวมไปถึง ถ้ำ Mastodon และลัดเลาะไปตามชานเมือง Jubail ถ้ำ Mastodon เป็น “หลุมฝังศพ” หินทรายที่เต็มไปด้วยกระดูกฟอสซิลที่คนท้องถิ่นเชื่อว่าเป็นซากของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดใหญ่คล้ายช้าง mastodon (แมมมอธ) ที่เคยอาศัยอยู่ในพื้นที่ เป็นสัตว์ตระกูลช้างที่ตอนนี้สูญพันธ์ไปแล้ว ถ้ำอยู่ทางด้านเหนือของเมืองที่ต้องขับรถไปประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง และไกด์มักจะรวมทริปนี้ไปแวะที่ถ้ำ Ship Rock ป้อม Nita Fort และหมู่บ้าน Nairyah ด้วย
ถ่ายรูปนกฟลามิงโกใน Jubail
จูเบล (Jubail) เป็นเมืองชายฝั่งที่สวยงามตั้งอยู่ทางเหนือของเมือง ดัมมัม (Dammam) นอกจากจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์แล้วเมือง จูเบล (Jubail) ยังมีสิ่งที่น่าสนใจทางธรรมชาติอีกด้วย นั่นก็คือฝูงนกฟลามิงโก้สีชมพูนั่นเอง! ฤดูหนาวเป็นเวลาที่เหมาะที่สุดสำหรับการถ่ายพวกมัน เพราะช่วงนี้ขนของมันจะเป็นสีชมพูมากที่สุด หนึ่งในสถานที่ที่ไปแล้วจะได้รูปสวยๆ ของนกฟลามิงโก้แน่นอนก็คือที่ศูนย์อนุรักษ์ Al Fasl reserve (Sabkhat al-Fasl) ที่หลบภัยเงียบสงบทางตะวันตกเฉียงเหนือของเมือง สำหรับนักท่องเที่ยวคนไหนที่อยากจะอยู่ต่อกับธรรมชาติแบบสงบๆ อีกสักนิด ควรลองไปเดินเล่นที่หาด Al Nakheel Beach และหาด Fanateer Corniche ที่จะมาพร้อมกับหาดทรายนุ่มๆ วิวสวยๆ ของอ่าวเปอร์เซีย (Persian Gulf) และฝูงนกฟลามิงโก้
เข้าพักที่ Golden Tulip Dammam Corniche Hotel แล้วออกไปเที่ยวเมือง ดัมมัม
ค้นหาและจองที่พักในดัมมัมวันนี้
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
เริ่มต้นการเดินทางที่มีชีวิตชีวาในเมืองฮัวเหลียน ประเทศไต้หวัน ด้วยคู่มือการเดินทางที่ดีที่สุดของเรา ตั้งแต่การผจญภัยในตลาดกลางคืนอันน่าตื่นเต้นไปจนถึงการหลีกหนีจากธรรมชาติอันเงียบสงบและการสำรวจวัฒนธรรม ค้นพบแก่นแท้ของฮัวเหลียนและสร้างความทรงจำที่ไม่อาจลืมเลือน
เจาะลึกคู่มือการเดินทางฮิโรชิม่า 4 วันของเรา สำรวจสถานที่อันเป็นเอกลักษณ์ อัญมณีที่ซ่อนอยู่ และอาหารเลิศรส จากสวนอนุสรณ์สันติภาพไปจนถึงถนนอันมีเสน่ห์ของโอโนะมิจิ ค้นพบจิตวิญญาณที่มีชีวิตชีวาและความงามอันเงียบสงบของฮิโรชิมะ
ค้นพบการผสมผสานอันน่าหลงใหลของงานฝีมือแบบดั้งเดิมและสิ่งของสมัยใหม่ในคู่มือช้อปปิ้งในฟูจิคาวากุจิโกะขั้นสูงสุดของเรา สำรวจร้านค้างานฝีมือ ตลาดท้องถิ่น และของที่ระลึกอันเป็นเอกลักษณ์โดยมีฉากหลังอันงดงามของภูเขาไฟฟูจิ
เริ่มต้นการเดินทาง 3 วันผ่านฉากดนตรีแจ๊สและบลูส์อันเก่าแก่ของชิคาโก ตั้งแต่คลับอันโด่งดังไปจนถึงการแสดงสด ค้นพบจิตวิญญาณแห่ง Windy City อ่านเลย!
ดำดิ่งสู่แหล่งอาหารที่มีชีวิตชีวาของฮูสตันด้วยคู่มือการเดินทางด้านการทำอาหาร 4 วันของเรา ตั้งแต่บาร์บีคิวอันเป็นเอกลักษณ์ไปจนถึงอาหารนานาชาติ สำรวจรสนิยมที่ทำให้ฮูสตันกลายเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักชิม
ดำดิ่งสู่สถานบันเทิงยามค่ำคืนอันมีชีวิตชีวาและแหล่งทำอาหารของกรุงโรมพร้อมไกด์ของเรา ตั้งแต่บาร์ไวน์ที่ซ่อนอยู่ไปจนถึงร้านอาหารแบบดั้งเดิม ลิ้มลองรสชาติและประวัติศาสตร์อันยาวนานของเมือง
ไขความลับของโรงแรมบูติกที่มีเสน่ห์ที่สุดในบาร์เซโลนา ที่ซึ่งความหรูหรามาบรรจบกับบริการที่เป็นส่วนตัว สำรวจคู่มือที่คัดสรรแล้วของเราเพื่อค้นหาอัญมณีที่ซ่อนอยู่ซึ่งมอบประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร ความสะดวกสบายที่ไม่มีใครเทียบได้ และประตูสู่ใจกลางเมืองหลวงอันมีชีวิตชีวาของคาตาโลเนีย
ค้นพบกูชิง: คู่มือฉบับสมบูรณ์เกี่ยวกับอัญมณีที่ซ่อนอยู่ของเกาะบอร์เนียว สำรวจสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ ฉากวัฒนธรรมที่มีชีวิตชีวา อุทยานแห่งชาติอันเขียวชอุ่ม และอาหารเลิศรส
ค้นพบเกาะบาตัม อัญมณีที่ซ่อนอยู่ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้พร้อมคู่มือการเดินทางที่ดีที่สุดของเรา สำรวจชายหาดที่บริสุทธิ์ วัฒนธรรมอันมั่งคั่ง อาหารรสเลิศ และการผจญภัยอันน่าตื่นเต้น
ปลดล็อกสิ่งที่ดีที่สุดของหวุงเต่าด้วยคู่มือโรงแรมริมน้ำชั้นนำของเรา! สัมผัสประสบการณ์ความหรูหรา ทิวทัศน์ และทางเข้าชายหาดที่ไม่มีใครเทียบได้เพื่อการพักผ่อนริมทะเลที่สมบูรณ์แบบ
เริ่มต้นการเดินทางที่น่าจดจำในเมลเบิร์นด้วยคู่มือการเดินทาง 3 วันที่ครอบคลุมของเรา จากตรอกซอกซอยอันเป็นเอกลักษณ์และสตรีทอาร์ตไปจนถึงสวนเขียวชอุ่มและสถานบันเทิงยามค่ำคืน ไขความลับของเมืองหลวงแห่งวัฒนธรรมของออสเตรเลีย
ดำดิ่งสู่สถานบันเทิงยามค่ำคืนที่มีชีวิตชีวาของเซมารังด้วยแผนการเดินทาง 5 คืนสุดพิเศษของเรา จากการเดินชมประวัติศาสตร์ใต้แสงดาวไปจนถึงบาร์ริมชายหาดและสถานที่แสดงดนตรีสด ค้นพบความลับที่ดีที่สุดของเมืองกับอโกด้า
เริ่มต้นการเดินทางที่น่าจดจำในเมืองมาลังด้วยคู่มือท่องเที่ยวที่ครอบคลุมของเรา ค้นพบวัฒนธรรมที่มีชีวิตชีวาของเมือง สิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติที่น่าทึ่ง และอาหารเลิศรส
เริ่มต้นการเดินทางอันมีรสชาติผ่านจังหวัดชลบุรีไปกับ Food Lover's Guide ของเรา ค้นพบอัญมณีที่ซ่อนอยู่ อาหารท้องถิ่น และประสบการณ์การรับประทานอาหารที่น่าจดจำในสวรรค์ริมชายฝั่งของประเทศไทย
เริ่มต้นการผจญภัยที่มีรสชาติในเมือง Tangerang พร้อมไกด์ทำอาหาร 3 วันของเรา ค้นพบอาหารแบบดั้งเดิม อัญมณีที่ซ่อนอยู่ และประสบการณ์การรับประทานอาหารที่น่าจดจำในเมืองแห่งความสุขทางอาหารของอินโดนีเซีย
ค้นพบความงามอันเงียบสงบของคาเมรอนไฮแลนด์ด้วยแผนการเดินทาง 3 วันสุดพิเศษของเรา ตั้งแต่ไร่ชาอันเขียวชอุ่มไปจนถึงฟาร์มสตรอเบอร์รี่แสนหวานและการเดินป่าอันลึกลับ เริ่มต้นการเดินทางที่น่าจดจำ
ค้นพบสิ่งที่ดีที่สุดของกวนตันใน 3 วันอันน่าจดจำ เจาะลึกคู่มือของเราสำหรับแผนการเดินทางที่ดีที่สุดซึ่งครอบคลุมชายหาดอันเงียบสงบ วัฒนธรรมท้องถิ่นอันอุดมสมบูรณ์ และอาหารเลิศรส
เริ่มต้นการเดินทาง 3 วันอันน่าหลงใหลผ่านเมืองฮัวเหลียน ประเทศไต้หวัน สำรวจช่องเขาทาโรโกะ ดื่มด่ำกับอาหารท้องถิ่น และค้นพบอัญมณีที่ซ่อนอยู่ด้วยแผนการเดินทางที่ครอบคลุมของเรา
ดำดิ่งสู่สุดสัปดาห์แห่งการสำรวจกับแผนการเดินทางในเถาหยวนของเรา! ค้นพบการผสมผสานที่ลงตัวของประวัติศาสตร์ ธรรมชาติ และอาหารในเวลาเพียงสองวัน วางแผนการพักผ่อนที่น่าจดจำของคุณด้วยประสบการณ์ชั้นนำและอัญมณีล้ำค่าที่ซ่อนอยู่ในเถาหยวน
ปลดล็อกความงามอันเงียบสงบของฟูจิคาวากูจิโกะด้วยแผนการเดินทาง 3 วันของเรา สำรวจภูเขาไฟฟูจิอันยิ่งใหญ่ อัญมณีแห่งวัฒนธรรม และออนเซ็นอันผ่อนคลาย
ค้นพบฮิโรชิม่าผ่านแผนการเดินทาง 3 วัน: จากสวนอนุสรณ์สันติภาพไปจนถึงความเงียบสงบของเกาะมิยาจิมะ เริ่มต้นการเดินทางแห่งความสงบ ความยืดหยุ่น และความงดงาม
เพราะการท่องเที่ยวที่เปิดกว้างภายในประเทศ จึงง่ายมากๆ ที่จะหากิจกรรมทำระหว่างท่องเที่ยวในซาอุดิอาระเบีย นักท่องเที่ยวแนวผจญภัยมักจะมุ่งหน้าไปที่ตะวันออกกลางเพื่อขี่รถเอทีวีท่ามกลางเนินทรายสีแดง (red sand dunes) ใน Rub’ Al Khali (Empty Quarter) ดื่มดำกลิ่นอายและแวะซื้อของฝากที่ตลาดที่เก่าแก่ที่สุดของเมืองหลวง รียาด (Riyadh)และดำน้ำดูปะการังที่ทะเล Red Sea ถ้ามีการวางแผนล่วงหน้ามาซักนิดล่ะก็นักท่องเที่ยวจะสามารถได้ทั้งแวะไปสำรวจโอเอซิสใน Eastern Province ตั้งแคมป์ที่ปล่องภูเขาไฟใกล้เมือง Taif และไปขี่อูฐที่ อุทยานแห่งชาติทุมาม่า (Thumamah National Park) เลย
วางแผนเดินทางท่องเที่ยวไปในรียาดให้น่าตื่นเต้นสุดๆ
เมืองหลวง รียาด (Riyadh) เป็นเมืองที่รวมสถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์และสถานที่ท่องเที่ยวที่ทันสมัยไว้มากมาย รวมไปถึงกิจกรรมที่ทำแล้วน่าตื่นเต้นสุดๆ ในซาอุดิอาระเบียอีกด้วย สำหรับใครที่ชอบผจญภัยที่กำลังมองหาการเดินทางในทะเลทราย การท่องเที่ยวไปในเนินทรายต่างๆ และตั้งแคมป์ในทะเลทรายก็จะพบว่าถ้าจะทำกิจกรรมกลางแจ้งทุกอันให้หมดอาจจะต้องพักอยู่ที่เมือง รียาด (Riyadh)
ไปยืนที่หน้าผา Edge of the World
หากนักเดินทางแบ็คแพ็คเกอร์คนไหนที่กำลังมองหาประสบการณ์ปีนเนินทรายที่น่าตื่นเต้นแล้วล่ะก็ พลาดไม่ได้ที่ต้องไปปีน หุบเขา Acacia เพื่อที่จะได้ชื่นชมวิวจาก หน้าผา Edge of the World หน้าผาที่สวยงามแห่งนี้ตั้งอยู่ที่กลางทะเลทรายทางตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองหลวง รียาด (Riyadh) ประมาณ 90 กิโลเมตร นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นไปที่ยอดหน้าผาด้วยเส้นทางที่ทำไว้ให้และค่าตอบแทนของหยาดเหงื่อก็จะเป็นวิวที่กว้างสุดลูกหูลูกตาของทะเลทรายรอบๆ ที่สวยจนต้องอ้าปากค้างกันเลยทีเดียว นักโบราณคดีเชื่อว่า หน้าผา Edge of the World เคยเป็นใต้ท้องทะเลมาก่อนแต่ตอนนี้เป็นเหมือนกับสถานที่ที่ทำให้นักท่องเที่ยวรู้สึกว่าอยู่บนจุดสูงสุดของโลก การไปเที่ยวที่เมือง รียาด (Riyadh) นักท่องเที่ยวอาจจะต้องจ้างคนขับรถ ผู้ประกอบการท่องเที่ยวหลายรายมีข้อเสนอกลุ่มไกด์และรถยนต์ออฟโรดที่เหมาะกับการลงพื้นที่ แต่ถ้าหากใครจะไปเที่ยวคนเดียวล่ะก็ต้องควรคำนึงไว้ว่าเจ้าหน้าที่จะปิดประตูที่เชื่อมกับถนนสายหลักที่กลับไปที่เมือง รียาด (Riyadh) เวลา 18.00 นาฬิกา และจากหน้าผาไปที่ประตูต้องขับรถประมาณ 2 ชั่วโมง และนักท่องเที่ยวห้ามลืมที่จะเตรียมน้ำดื่ม (ไปจำนวนมาก) และอาหารหรือของทางเล่นให้เพียงพอสำหรับหนึ่งวันเต็มๆ ในทะเลทรายอีกด้วย
คู่มือท่องเที่ยวไม่แนะนำการปีนหน้าผาที่ Edge of the World สำหรับครอบครัวที่มีเด็กเล็ก เนื่องจากช่วงสุดท้ายของการเดินทางจะต้องอาศัยความแข็งแรงและทักษะการปีนเขานั่นเอง
อนุรักษ์พื้นที่ไว้สำหรับสัตว์ป่าซาฟารี
อุทยานอนุรักษ์สัตว์ป่า Nofa Wildlife Park เป็นสถานที่ที่เหมาะที่สุดสำหรับการท่องเที่ยวแบบครอบครัว หรือแม้ใครที่อยากเที่ยวคนเดียวก็สามารถมาเพลิดเพลินกับสถานที่แห่งนี้ได้ อุทยานแห่งนี้จะเป็นซาฟารีแบบแอฟริกา มีสัตว์มากมายกว่า 700 ตัวและรีวิวที่ล้นหลามจากนักท่องเที่ยวที่เคยเยี่ยมชม นักท่องเที่ยวสามารถรับชมสัตว์ต่างๆ ได้อย่างใกล้ชิด ยกตัวอย่างเช่น ยีราฟที่เดินเตร็ดเตร่ไปมา ม้าลาย วัววิลเดอบีสต์ นกกระจอกเทศ ฮิปโป และสัตว์อื่นๆ อีกหลายสายพันธุ์ จะมีผู้เชี่ยวชาญคอยแนะนำสัตว์ต่างๆ ไปตลอดทางเพราะฉะนั้นมั่นใจได้เลยว่าจะเป็นทัวร์ที่ปลอดภัยแน่นอนถึงแม้จะอยู่ท่ามกลางทะเลทรายโล่งๆ อุทยานอนุรักษ์สัตว์ป่า Nofa Wildlife Park เปิดให้บริการเกือบทุกวันเสาร์และหากใครอยากไปเยี่ยมชมจะต้องทำการจองล่วงหน้าบนเว็บไซต์ของอุทยานก่อน อุทยานแห่งนี้ตั้งอยู่ทางตะวันตกของเมืองหลวง รียาด (Riyadh) ไกลออกไปประมาณ 98 กิโลเมตร และเป็นส่วนหนึ่งของพื้นที่ Nofa Resort ที่เป็นที่ตั้งของ Nofa Resort Academy Golf Course Nofa Racetrack Safari Riyadh และ Ar Reem Racetrack ที่นักท่องเที่ยวสามารถรับชมการแข่งขันหรือลงสนามด้วยตัวเอง
ขี่เนินทรายสีแดงในซาอุดิอาระเบีย
เมื่อไปเที่ยวที่ซาอุดิอาระเบียจะต้องไปเที่ยวที่เนินทรายอย่างน้อยหนึ่งวัน หนึ่งในสถานที่ที่เหมาะสำหรับการเล่นโต้คลื่นทะเล(ทราย) คืออุทยานแห่งชาติ Khararah National Park ที่ตั้งอยู่ห่างจากเมือง รียาด (Riyadh) ไปไม่เกิน 1 ชั่วโมง อุทยานแห่งนี้เป็นที่นิยมสำหรับการขี่รถ ATV การเล่นกระดานโต้คลื่น(ทราย) และวิ่งว่าว อีกทั้งยังมีการก่อตัวของหินที่งดงามและทะเลทรายสีแดงที่กว้างสุดลูกหูลูกตา ครอบครัวสามารถแพ็คของไปปิกนิกและรับประทานอาหารกลางวันได้ที่ใต้เงาร่มไม้รอบๆ ทะเลสาบ Khararah Lake ที่น้ำจะเต็มในช่วงหน้าฝน มีสัตว์ป่าและนกมากมายหลายชนิด ตั้งอยู่ถัดจาก อุทยานแห่งชาติ Khararah ก็จะเป็น เนินทรายแดง (Red Sand Dunes) ที่โด่งดัง อีกสถานที่ท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวนิยมไปขี่รถ ATV และผจญภัยในทะเลทราย ไม่ไกลจากสันเขา Tuwaiq escarpment พื้นที่ขรุขระเต็มไปด้วยผาชันที่ทำให้เกิดหน้าผาทอดตัวเป็นแนวเกือบ 805 กิโลเมตรผ่านซาอุดิอาระเบียตอนกลาง เป็นความคิดที่ดีที่จะจ้างคนขับรถพร้อมกับรถ SUV เพื่อเดินทางไปยังอุทยานแห่งชาติ อุทยานแห่งชาติ Khararah เพราะเราไม่มีทางรู้เลยว่าเส้นทางที่เราไปนั้นจะย่ำแย่แค่ไหน แต่คนขับรถจะพาเราไปถึงจุดหมายปลายทางได้โดยไม่มีปัญหาแน่นอน
ตั้งแคมป์กลางทะเลทราย – สไตล์เบดูอิน
สำหรับประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมจนลืมไม่ลงสำหรับใครที่ชอบผจญภัยคือการตั้งแคมป์ค้างคืนใน แคมป์นานาชาติ Falcon ที่เขตอนุรักษ์ Reem Reserve (Khubayb Al Reem) สถานที่ท่องเที่ยวในธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ทางทิศตะวันตกของเมือง รียาด (Riyadh) มีแคมป์สไตล์เบดูอินที่นักท่องเที่ยวสามารถค้างคืนท่ามกลางทะเลทรายโล่งกว้างใต้แสงดาวบนท้องฟ้า กิจกรรมที่สามารถทำได้ที่แคมป์คือรับชมนกเหยี่ยวที่ฝึกมาแล้ว เรียนยิงธนู และท่องเที่ยวกลางทะเลทรายกับคาราวานอูฐ นักท่องเที่ยวควรทำการจองแคมป์ก่อนจะไปที่แคมป์ ข้อมูลติดต่อเพิ่มเติมสามารถกรุณาค้นหาว่า “Falcon International for Desert trips K.S.A.” ในเฟสบุ๊ก
ถักทอเส้นทางไปในตลาดเก่าแก่ดั้งเดิม
ตลาด Deira Souq หรือบางทีสะกดว่า Dheera Souq เป็นตลาดลำดับต้นๆ ใกล้กับป้อมมัสมัค (Masmak Fortress) ในเมือง รียาด (Riyadh) นักท่องเที่ยวจะพบกับของที่ระลึกมากมายจนตาลายในขณะที่เดินชมแผงขายเสื้อผ้าแบบดั้งเดิม พรมและสิ่งถักทอของซาอุดิอาระเบีย พวงกุญแจ น้ำหอม น้ำมันหอมระเหย และเครื่องเพชรพลอยทำมือแผงแล้วแผงเล่า เป็นปกติที่แต่ละร้านจะขายของซ้ำๆ กันทั้งตลาด เพราะฉะนั้นนักท่องเที่ยวสามารถต่อรองราคาได้ตามใจชอบ
ขี่อูฐและม้าใน Thumamah
อุทยานแห่งชาติ Thumamah National Park เป็นหนึ่งในสถานที่พักผ่อนหย่อนใจที่เป็นที่นิยมที่สุดในเมืองหลวง รียาด (Riyadh)ทะเลทรายผืนนี้ตั้งอยู่ทางเหนือของเมืองรียาดและเป็นสถานที่ที่เหมาะสุดๆ สำหรับการเช่ารถ ATV มาขี่ผงาดบนเนินทราย และยังเหมาะกับการขี่อูฐและม้าด้วย จริงๆ แล้วที่ อุทยานแห่งชาติ Thumamah ไม่ได้มีบริการม้าและอูฐอย่างเป็นทางการ แต่นักท่องเที่ยวสามารถไปหาเช่าจากเกษตรกรแถวนั้นได้ และยังสามารถต่อรองราคาสำหรับการขี่ในแต่ละรอบได้อีกด้วย
เข้าพักที่ Tiara Hotel Riyadh แล้วออกไปเที่ยวเมืองหลว รียาด
ค้นหาและจองที่พักในรียาดวันนี้
ดำน้ำที่ทะเล Red Sea และเจาะลึกวัฒนธรรมของชายฝั่งตะวันตก
เมือง เจดดาห์ (Jeddah) Al Lith และ Jazan หรือเกาะทางฝั่งตะวันตกของซาอุดิอาระเบียเป็นที่ชื่นชอบในหมู่นักท่องเที่ยวที่ชอบไปดำน้ำสกูบาและดำน้ำดูปะการัง แต่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดโอกาสที่จะได้สำรวจแหล่งที่เที่ยวอื่นๆ อีกมากมายในเจดดาห์ (Jeddah) และเมืองใกล้ๆ อย่าง Al Lith และ Taif
วางแผนไปเที่ยวที่เจดดาห์ กับ คู่มือท่องเที่ยวอโกด้า
ดำน้ำสกูบาและดำน้ำดูปะการังที่ทะเล Red Sea
ซาอุดิอาระเบียได้อ้างสิทธิ์ว่าเป็นที่ดำน้ำที่ดีที่สุดในโลกมานานแล้ว เพราะแนวชายฝั่งที่ยาวที่สุดทอดตัวตามแนวทะเล Red Sea ยาวไปจนถึงอ่าวเปอร์เซีย (Persian Gulf) ที่นั่นไม่ได้มีแค่น้ำทะเลสีฟ้าและเต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตทางทะเลและแนวปะการังที่มีสีสันเท่านั้น แต่จำนวนนักท่องเที่ยวที่มาดำน้ำที่ซาอุดิอาระเบียยังน้อยกว่าที่อียิปต์อีกด้วย เจดดาห์ (Jeddah) เป็นจุดที่เหมาะที่สุดที่จะเริ่มดำน้ำสกูบา ดำน้ำ liveaboard และดำน้ำดูปะการัง จาก เจดดาห์ (Jeddah) นักดำน้ำสามารถไปถึงซากเรือ Boiler Wreck ที่มีชื่อเสียงล้อมรอบด้วยปะการังสีแดงที่โด่งดังของทะเล Red Sea แต่อย่างไรก็ตามเมืองเสน่ห์มนต์ขลังอย่าง Al Lith และ Jazan เป็นประตูที่ใกล้ที่สุดที่จะไปถึง เกาะฟาราซาน (Farasan Island) เป็นเกาะที่เต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตทางทะเลและชายหาดที่สวยจนต้องตะลึงเมือง Al Lith อยู่ห่างออกไปทางใต้ของเมือง เจดดาห์ (Jeddah) ประมาณ 352 กิโลเมตร และเมือง Jazan ก็อยู่ไกลออกไปอีกทางใต้ของเกาะ สนามบินที่ใกล้เมือง Al Lith ที่สุดได้แก่ สนามบินนานาชาติ King Abdulaziz ใน เจดดาห์ (Jeddah) และ สนามบินนานาชาติ Taif นักท่องเที่ยวสามารถซื้อบริการรถรับส่งจากทั้งสองสนามบินไปยังเมือง Al Lith ได้ โดยบินจากทั้งสองเมืองใช้เวลาเท่ากันประมาณ 3 ชั่วโมงครึ่ง ถึง 4 ชั่วโมง หากต้องการไปที่ Jazan นักท่องเที่ยวสามารถบินจาก สนามบิน Jizan ได้เลย ค้นหาจุดดำน้ำที่ดีที่สุดในซาอุดิอาระเบีย
ตั้งแคมป์ใต้หมู่ดาวที่ปล่องภูเขาไฟ Wahba Crater (Al-Waba Crater)
นักท่องเที่ยวที่มุ่งหน้าไปยังเมือง Taif และจังหวัด Makkah สามารถแวะเที่ยวแบบไปเช้าเย็นกลับที่ ปล่องภูเขาไฟ Wahba ได้เพื่อสำรวจทุ่งลาวา โอเอซิส และแฟลตเกลือที่ปกคลุมพื้นที่มาหลายศตวรรษ สถานที่นี้เหมาะกับการเดินระยะไกลสุดๆ เนื่องจากปล่องภูเขาไฟลึกประมาณ 250 เมตรและสามารถเดินชมได้อย่างง่ายดาย สำหรับนักท่องเที่ยวคนไหนที่อยากจะไปตั้งแคมป์ที่ ปล่องภูเขาไฟ Wahba ต้องเตรียมตัวให้ดีสักหน่อยเพราะจะไม่มีบริการใดๆ บริเวณนั้นเลย นักท่องเที่ยวควรเตรียมเต็นท์ เชื้อเพลิง ผ้าห่ม อาหาร น้ำ (ปริมาณมาก) และเสบียงให้เพียงพอสำหรับค่ำคืนในทะเลทราย พื้นที่แห่งนี้สามารถไปได้โดยรถยนต์ และนักท่องเที่ยวสามารถจ้างคนขับรถจากหลายๆ จุดหมายปลายทางได้ ใกล้ที่สุดก็จะเป็นเมือง เจดดาห์ (Jeddah) ประมาณ 4 ชั่วโมงและ Taif ประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง
เข้าพักที่ The Venue Jeddah Corniche แล้วออกไปเที่ยวที่เมือง เจดดาห์
ค้นหาและจองที่พักในเจดดาห์วันนี้
ค้นพบแหล่งท่องเที่ยวลับของ Eastern Province
นักท่องเที่ยวคนไหนที่ไม่ได้ไปทัวร์ที่ เมืองฝั่งตะวันออก (Eastern Province) ก็เหมือนกับพลาดบางอย่างที่ยอดเยี่ยมในซาอุดิอาระเบียไป ฝั่งตะวันออกมีเมือง ดัมมัม (Dammam) เป็นเมืองหลวง และยังเป็นแหล่งที่ตั้งของ ทะเลทราย Rub’ Al Khali (Empty Quarter) และ หาด Half Moon ในอ่าวเปอร์เซีย (Persian Gulf) และที่ Eastern Province ยังมีกิจกรรมลับๆ ให้ทำอีกมากมาย สำหรับนักท่องเที่ยวคนไหนที่จองที่พักไว้ที่ ดัมมัม (Dammam) สามารถไปเที่ยวที่ เกาะ Marjan (Murjan) หมู่บ้าน Dolphin Village Dammam พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี Scitech ใกล้ๆ กับเมือง Al Khobar หาด Half Moon ที่เมือง Dhahran ก็เป็นที่ที่ห้ามพลาดใน Eastern Province เช่นเดียวกัน
ท่องไปในโอเอซิสอัลฮาซา Al Hasa Oasis (Wahat al Ahsa) ในอัลโฮฟัฟ (Al Hofuf)
โอเอซิสของแท้ท่ามกลางทะเลทราย (และเป็นหนึ่งในโอเอซิสที่ใหญ่ที่สุดในโลก) โอเอซิสอัลฮาซา (Al Hasa Oasis) มีต้นปาล์มมากกว่า 300 ล้านต้น น้ำพุธรรมดาและน้ำพุร้อน และการก่อตัวของหินโบราณ โอเอซิสแห่งนี้ตั้งอยู่ทางใต้ของเมือง ดัมมัม (Dammam) ไกลออกไปประมาณ 150 กิโลเมตร อยู่ด้านนอกเมือง อัลโฮฟัฟ (Al Hofuf) นิดเดียวเท่านั้น ที่โอเอซิสมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ทันสมัยมากมาย (รวมถึงร้านอาหารและห้างสรรพสินค้า) เช่นเดียวกับแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์อื่นๆ นักท่องเที่ยวสามารถสำรวจถ้ำใกล้ๆ อุทยานแห่งชาติ Ahsa National Park พร้อมกับปีนเขาที่ Al Qarah Mountain เพื่อชมวิวสวยๆ ของ โอเอซิสอัลฮาซา (Al Hasa Oasis) เมื่อค่ำแล้วนักท่องเที่ยวควรไปที่ อัลโฮฟัฟ (Al Hofuf) เพื่อช้อปที่ตลาด Qaisariah Souq ตลาดนี้เป็นตลาดที่เก่าแก่ที่สุดในเมือง ขายของที่ระลึก น้ำหอม เสื้อผ้า และงานฝีมือทุกชนิดที่นักท่องเที่ยวต้องการ ตลาด Qaisariah Souq เปิดทุกวัน เวลา 15.00-18.00 และ 20.00-1.30 นาฬิกา
นั่งรถกับคนท้องถิ่นไปที่ทะเลสาบ Yellow Lake ในเมืองอัลโฮฟัฟ (Al Hofuf)
ทะเลสาบ Yellow Lake อยู่ทางด้านเหนือของ อัลโฮฟัฟ (Al Hofuf) และ อุทยานแห่งชาติ Al Ahsa โอเอซิสอันเขียวชอุ่มที่เกิดจากการไหลบ่าของน้ำพุบาดาลอันอุดมสมบูรณ์ เป็นแหล่งน้ำให้กับฟาร์มกว่า 20,000 แห่งในพื้นที่ ทางไปทะเลสาบนั้นค่อนข้างจะซับซ้อนเพราะฉะนั้นการเดินทางต้องใช้ไกด์ท้องถิ่นพร้อมรถขับเคลื่อนสี่ล้อ การจัดทริปนั้นจะคุ้มค่ากับความพยายามเพราะจะได้พบกับพืชพรรณต้นไม้เขียวทอดตัวยาวสุดลูกหูลูกตา เนินเขาและสัตว์ป่ารอบๆ ทะเลสาบ Yellow Lake ที่ถือว่าหายากใน Empty Quarter
ไล่ล่าตามหาหิน Devil’s Thumb ใน Judah
ผืนทะเลทรายของ Judah เป็นสถานที่ที่ยอดเยี่ยมมากสำหรับการตั้งแคมป์ในทะเลทราย และเป็นสถานที่เดียวเท่านั้นที่จะได้เห็นหิน Devil’s Thumbการก่อตัวของหินนี้ดูโดดเด่นและโดดเดี่ยว มันยื่นออกมากลางทะเลทรายราวกับว่ามันงอกออกมาเอง หากใครอยากเห็นเจ้าสิ่งนี้ล่ะก็สามารถขับรถออกจาก Judah ประมาณ 10 นาทีเท่านั้น อยู่ทางทิศใต้ของเมือง อัลโฮฟัฟ (Al Hofuf) และระหว่างทางนักท่องเที่ยวสามารถแวะชมถ้ำลับและถ่ายรูปอูฐที่กำลังเดินข้ามทะเลทรายได้ด้วย
เปิดเผยความลับของถ้ำ Mastodon Cave
เมืองชายฝั่ง จูเบล (Jubail) มีสิ่งที่น่าทำที่สุดในซาอุดิอาระเบีย เมืองนี้เป็นแหล่งที่ตั้งของ หาด Fanateer และ ศูนย์อนุรักษ์สัตว์น้ำ (Jubail Conservation) หรือที่รู้จักอีกชื่อคือ Jubail Marine Wildlife Sanctuary และนักท่องเที่ยวยังจะได้เห็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์อื่นๆ อีกด้วย รวมไปถึง ถ้ำ Mastodon และลัดเลาะไปตามชานเมือง Jubail ถ้ำ Mastodon เป็น “หลุมฝังศพ” หินทรายที่เต็มไปด้วยกระดูกฟอสซิลที่คนท้องถิ่นเชื่อว่าเป็นซากของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดใหญ่คล้ายช้าง mastodon (แมมมอธ) ที่เคยอาศัยอยู่ในพื้นที่ เป็นสัตว์ตระกูลช้างที่ตอนนี้สูญพันธ์ไปแล้ว ถ้ำอยู่ทางด้านเหนือของเมืองที่ต้องขับรถไปประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง และไกด์มักจะรวมทริปนี้ไปแวะที่ถ้ำ Ship Rock ป้อม Nita Fort และหมู่บ้าน Nairyah ด้วย
ถ่ายรูปนกฟลามิงโกใน Jubail
จูเบล (Jubail) เป็นเมืองชายฝั่งที่สวยงามตั้งอยู่ทางเหนือของเมือง ดัมมัม (Dammam) นอกจากจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์แล้วเมือง จูเบล (Jubail) ยังมีสิ่งที่น่าสนใจทางธรรมชาติอีกด้วย นั่นก็คือฝูงนกฟลามิงโก้สีชมพูนั่นเอง! ฤดูหนาวเป็นเวลาที่เหมาะที่สุดสำหรับการถ่ายพวกมัน เพราะช่วงนี้ขนของมันจะเป็นสีชมพูมากที่สุด หนึ่งในสถานที่ที่ไปแล้วจะได้รูปสวยๆ ของนกฟลามิงโก้แน่นอนก็คือที่ศูนย์อนุรักษ์ Al Fasl reserve (Sabkhat al-Fasl) ที่หลบภัยเงียบสงบทางตะวันตกเฉียงเหนือของเมือง สำหรับนักท่องเที่ยวคนไหนที่อยากจะอยู่ต่อกับธรรมชาติแบบสงบๆ อีกสักนิด ควรลองไปเดินเล่นที่หาด Al Nakheel Beach และหาด Fanateer Corniche ที่จะมาพร้อมกับหาดทรายนุ่มๆ วิวสวยๆ ของอ่าวเปอร์เซีย (Persian Gulf) และฝูงนกฟลามิงโก้
เข้าพักที่ Golden Tulip Dammam Corniche Hotel แล้วออกไปเที่ยวเมือง ดัมมัม
ค้นหาและจองที่พักในดัมมัมวันนี้
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ