เที่ยวศรีลังกา | 13 ที่เที่ยวเด็ดพร้อมกิจกรรมสุดฟิน

ศรีลังกา เกาะรูปหยดน้ำในมหาสมุทรอินเดียแห่งนี้ กลายเป็นจุดหมายปลายทางที่เริ่มฮิตขึ้นมาในหมู่นักท่องเที่ยวแล้ว เพราะมีมนตร์สเน่ห์เหลือล้นรอให้คนทั้งโลกได้ไปสัมผัส ไม่ว่าใครจะมาสายไหน อยากเที่ยวหรือทำอะไร เกาะนี้ก็มีสิ่งที่จะตอบโจทย์และสร้างความสุขให้ทุกคนได้แน่ ไม่เชื่อลองดูตัวอย่างที่เที่ยวเด็ดพร้อมกิจกรรมสุดฟินใน ศรีลังกา ที่เราหยิบมานำเสนอได้เลย ซึ่งทั้งหมดนี้จะช่วยให้ทุกคนแพลนเที่ยวได้อย่างเพอร์เฟกต์ อาจจะเริ่มต้นเช้าวันพักผ่อนด้วยการเดินเขาอย่างสดชื่นที่ Adam’s Peak กับ Sigiriya Rock แล้วปิดท้ายวันอันแสนมีชีวิตชีวาที่สถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์อย่าง Royal Palace of Kandy และ Galle Fort ก็ได้

1. นั่งรถไฟชมทัศนียภาพงามๆ จากแคนดี้ไปเอลลา

รถไฟขบวนนี้วิ่งจากเมือง แคนดี้ (Kandy) ไปยังเมือง เอลลา (Ella) ความดีงามก็คือ นี่เป็นหนึ่งในเส้นทางที่ขึ้นชื่อว่าสวยที่สุดในโลก! เพราะแล่นผ่านทั้งวิวภูเขาสุดอลังการ ไร่ชา ฟาร์ม หมู่บ้าน และป่า เรียกได้ว่าวิวสองข้างทางของรถไฟขบวนนี้มหัศจรรย์และชวนตื่นตาเหลือเกิน เราสามารถเดินเปลี่ยนโบกี้เพื่อชมวิวนอกหน้าต่างได้ (แต่อย่าชะโงกหน้าหรือยื่นมือยื่นไม้ออกไปนะจ๊ะ!) หรือถ้าหิวก็ซื้ออาหารกินไปเพลินๆ ขณะชมวิวได้ การเดินทางสวยๆ นี้กินเวลาราวๆ 7 ชั่วโมง แต่บอกเลยว่ามีอะไรให้มองและให้ถ่ายรูปมากมายจน 7 ชั่วโมงนี้จะผ่านไปไวกว่าที่คิดแน่นอน

ส่วนตั๋วรถไฟขบวน แคนดี้ ไป เอลลา ก็มีให้เลือกหลายแบบ รถไฟชั้นสามราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 175 รูปีศรีลังกา (ประมาณ 30 บาท) รถไฟชั้นสองราคาราวๆ 310 รูปีศรีลังกา ส่วนรถไฟชั้นหนึ่งราคาเริ่มต้นที่ 1,500 รูปีศรีลังกา โดยซื้อตั๋วได้โดยตรงที่สถานีทั้งสองแห่ง และสามารถเลือกที่นั่งล่วงหน้าได้ด้วย

ที่นั่งชั้นหนึ่งของรถไฟขบวนนี้เป็นเบาะนุ่มๆ มีแอร์ และเป็นส่วนตัวกว่า ส่วนรถไฟชั้นสองและสามเป็นตัวเลือกสำหรับคนที่อยากสัมผัสประสบการณ์แบบดิบๆ หน่อย ประตูหน้าต่างในโบกี้ของรถไฟชั้นหนึ่งไม่ได้เป็นแบบเปิดได้ แล้วก็ไม่ได้มีนักท่องเที่ยวแออัดเหมือนอีกที่นั่งอีกสองแบบ ดังนั้นนี่จึงเป็นตัวเลือกที่ลงตัวสำหรับคนที่อยากเที่ยวสบายๆ หน่อย แต่ยังไงก็ตาม รถไฟชั้นสองกับชั้นสามก็ยังให้บรรยากาศแบบที่มีชีวิตชีวากว่า และเราจะยังได้สัมผัสกับคนท้องถิ่นจริงๆ ด้วย ส่วนความแตกต่างของรถไฟชั้นสองกับชั้นสามก็อยู่ที่เบาะที่นั่งที่นุ่มต่างกันนั่นเอง

เข้าพักที่ Theva Residency แล้วออกไปเที่ยว แคนดี้

ค้นหาโรงแรม ที่พัก อพาร์ตเมนต์ ราคาดีที่สุดในศรีลังกา

2. แวะเที่ยวพระบรมมหาราชวังแคนคี้

เมื่อมาถึงเมือง แคนดี้ แล้วละก็ แนะนำให้จัดเวลาไว้สำหรับท่องเมืองสักหน่อย ซึ่งหนึ่งในสถานที่ห้ามพลาดของ ศรีลังกา ก็คือ พระบรมมหาราชวังแคนดี้ (Royal Palace of Kandy) ครั้งหนึ่งเคยเป็นที่ของเมืองระบอบราชาธิปไตยหรือที่รู้จักในนามอาณาจักรแคนดี้ เป็นที่อยู่ของเชื้อพระวงศ์ โดยกษัตริย์องค์สุดท้ายที่อาศัยในพระราชวังแห่งนี้คือศรีวิกรมราชสิงหะ (Sri Vikrama Rajasinha) ซึ่งครองราชย์จนถึง ค.ศ.1815 จนกระทั่งกองทัพบริติชเข้ายึดการปกครอง

หากจะพูดถึงการก่อสร้างก็ต้องย้อนไปถึงศตวรรษที่ 14 โดย พระบรมมหาราชวังแคนดี้ นี้คือพระราชวังแห่งสุดท้ายที่สร้างขึ้นใน ศรีลังกา เดิมทีพื้นที่วัดแห่งนี้มีอาคารต่างๆ อยู่มากมาย แต่คงเหลืออยู่เพียงจำนวนหนึ่งเท่านั้น ปัจจุบันส่วนก่อสร้างที่เหลืออยู่เปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ จัดแสดงงานศิลปะและโบราณวัตถุสมัยอาณาจักรแคนดี้ และช่วงเวลาที่บริติชเข้าปกครอง ตั๋วเข้าชม พระบรมมหาราชวังแคนดี้ สำหรับผู้ใหญ่ราคา 1,000 รูปีศรีลังกา ส่วนตั๋วเด็กราคา 300 รูปีศรีลังกา

เข้าพักที่ The Radh Hotel แล้วออกไปเที่ยว พระบรมมหาราชวังแคนคี้

ค้นหาโรงแรม ที่พัก อพาร์ตเมนต์ ราคาดีที่สุดในศรีลังกา

3. เที่ยว Nine Arch Bridge แห่งเมืองเอลลา

สิ่งแรกที่อยากแนะนำให้ทำหากไปเยือน เอลลา ก็คือ ออกนอกเมืองสักนิด เพื่อไปเที่ยว Nine Arch Bridge แสนงาม ซึ่งซุกตัวอยู่ในความเขียวชอุ่ม โดยเราจะต้องผ่านป่าทึบไปก่อนถึงจะได้สัมผัสกับสะพานแห่งนี้ ที่เป็นตัวอย่างของรูปแบบทางรถไฟสมัยโคโรเนียล ทางรถไฟแห่งนี้สร้างจากหินและอิฐล้วนๆ ไม่มีการใช้เหล็กใดๆ ทั้งสิ้น และก็ตรงตามชื่อเลยคือมีถึงเก้าโค้ง สะพานแห่งนี้สูงเกือบ 80 ฟุต ยาวเกือบๆ 300 ฟุต บอกเลยว่าสถานที่แห่งนี้ จะทำให้ทุกคนได้ภาพสวยๆ ไปโพสต์ในโซเชียลมีเดียชัวร์

การเดินทางไป Nine Arch Bridge แห่งนี้ สามารถโดยสารรถตุ๊กตุ๊กราคาไม่แพงจาก เอลลา ไปได้ ค่ารถเพียง 300 รูปีศรีลังกาเท่านั้น จากนั้นก็ใช้เวลาเดินต่อจากถนนอีกแค่ 5 – 10 นาที และเมื่อไปถึงแล้วอย่าลืมระวังตัวกันสักนิดด้วย เพราะสะพานแห่งนี้ยังใช้เป็นทางรถไฟอยู่จริงๆ

เข้าพักที่ The Secret Ella Bungalow แล้วออกไปเที่ยว Nine Arch Bridge

ค้นหาโรงแรม ที่พัก อพาร์ตเมนต์ ราคาดีที่สุดในศรีลังกา

4. ขึ้นเขาไปหาน้ำตกดิยาลูม่า

น้ำตกดิยาลูม่า (Diyaluma Falls) คือน้ำตกที่สูงที่สุดเป็นอันดับสองของเกาะแห่งนี้ อีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวตามธรรมชาติที่สวยงามและชวนตื่นตาตื่นใจ บริเวณจุดสูงสุดมีบ่อน้ำมากมายที่ไหลสู่หน้าผา ซึ่งวิวจากบ่อน้ำเหล่านี้งดงามเกินบรรยาย โดยเราสามารถลงน้ำตรงนี้ได้ด้วย แต่ต้องระมัดระวังสุดๆ เช่นกัน เมื่อเที่ยวแถวนี้จนฟินแล้ว สามารถเดินไปตามทางน้ำสู่แอ่งน้ำขนาดใหญ่กว่าเดิมได้ ซึ่งตรงนั้นจะว่ายน้ำก็ได้ หรือจะกระโดดจากผาก็ได้เช่นกัน นอกจากนี้บริเวณนั้นยังมีหินเรียบๆ ให้เราใช้เป็นสไลเดอร์ได้ด้วย!

วิธีเดินทางไปยัง น้ำตกดิยาลูม่า นั้น สามารถจ้างรถไปจาก เอลลา ได้เลย เพราะคนขับรถท้องถิ่นรู้เส้นทางไปยังแลนด์มาร์กชื่อดังเป็นอย่างดี เวลาเดินทางอยู่ที่หนึ่งชั่วโมงนิดๆ หลังลงจากรถแล้ว ใช้เวลาเดินจากถนนไปยังยอดน้ำตกอีกราว 30 นาที ซึ่งมีเส้นทางเดินง่ายๆ ไว้ให้ ฝ่าหญ้าสูงๆ ไปตามทางได้เลย

เข้าพักที่ Living Heritage Koslanda Hotel แล้วออกไปเที่ยว เอลลา

ค้นหาโรงแรม ที่พัก อพาร์ตเมนต์ ราคาดีที่สุดในศรีลังกา

5. ชมชีวิตสัตว์ในอุทยานแห่งชาติ

ศรีลังกา ก็คือจุดหมายปลายทางอันดับต้นๆ ในโลกของคนที่หลงใหลสัตว์ป่า เพราะเรามีโอกาสจะได้เห็นสัตว์ป่ามากมายที่นี่ ประเทศนี้ยังมีอุทยานแห่งชาติหลงเหลืออีกมากมาย ซึ่งแต่ละแห่งก็มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ส่วนภูมิอากาศในแต่ละท้องที่ก็ต่างกันไป ขึ้นอยู่กับสิ่งมีชีวิตทางธรรมชาติและพิกัดที่ตั้งด้วย โดยอุทยานแห่งชาติทั้งหมดมีพืชพรรณและสัตว์ป่าอยู่มากมายที่รอให้เราไปสัมผัสประสบการณ์ใหม่ๆ ผ่านทัวร์ต่างๆ และนี่ก็คือสิ่งที่เราจะได้เจอในอุทยานแห่งชาติของ ศรีลังกา 4 แห่งที่ดีงที่สุด

อุทยานแห่งชาติ Kaudulla

อุทยานแห่งชาติ Kaudulla กว้างใหญ่ถึง 70 ตารางกิโลเมตร มีสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอยู่ถึง 24 สายพันธุ์ กับนกอีกราวๆ 160 ชนิด รวมทั้งสัตว์เลื้อยคลายและปลาอีกมากมาย ไฮไลต์ของอุทยานแห่งชาตินี้คือช้าง ที่มีอยู่เกิน 200 เชือก! ช่วงเวลาที่เหมาะจะมาเจอช้างที่สุดคือเดือนกันยายนถึงตุลาคม เพราะพวกมันจะมารวมตัวกันแถวๆ อ่างเก็บน้ำ ส่วนสัตว์อื่นๆ ที่เราจะได้เจอใน อุทยานแห่งชาติ Kaudulla อีกก็มีทั้งกวาง Sloth Bear นกฮูก นกกระทุง และเต่าพันธุ์ Freshwater

อุทยานแห่งชาติ Udawalawe

อุทยานแห่งชาติ Udawalawe ก็เป็นอีกที่ที่เหมาะสำหรับคนที่อยากมาดูช้างที่อยู่กันตามธรรมชาติ อุทยานแห่งนี้มีพื้นที่ราวๆ 300 ตารางกิโลเมตร มีช้างอยู่มากถึง 250 เชือก ซึ่งเราพบเจอได้ง่ายๆ ตามที่โล่งในอุทยาน ความจริงแล้วแทบจะการันตีได้เลยว่าถ้ามาที่นี่ ต้องได้เห็นบรรดาฝูงช้างเหล่านี้แน่ นอกจากนี้ยังมีสัตว์ตระกูลแมวอีกเพียบ ทั้งเสือดาวศรีลังกา เสือปลา และแมวดาวพันธุ์ Rusty Spotted สิ่งมีชีวิตน่าสนใจยังไม่หมดเท่านี้ บริเวณพื้นที่โล่งของอุทยานยังเป็นแหล่งรวมนกล่าเหยื่อต่างๆ และมีอ่างเก็บน้ำแหล่งที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติของปลาและสัตว์เลื้อยคลาน

อุทยานแห่งชาติ Yala

อุทยานแห่งชาติ Yala คือสถานที่ที่ดีที่สุดในการมาดูสัตว์นักล่าซึ่งถือเป็นพระเอกประจำเกาะอย่างเสือดาวศรีลังกา เรียกได้ว่าอุทยานแห่งนี้คือที่อยู่อันปลอดภัยของเสือดาวประจำประเทศ ศรีลังกา เลย แล้วก็มีประชากรเสืออยู่มากสุด แทบจะรับรองได้ว่าถ้าแวะมาเที่ยว ต้องได้เจอเสือแน่ๆ อุทยานขนาดมหึมานี้แบ่งออกเป็นหกโซน โซนใหญ่สุดกว้างถึง 407 ตารางกิโลเมตร โซนเล็กสุดขนาด 66 ตารางกิโลเมตร สภาพภูมิอากาศเป็นแบบกึ่งแห้งแล้ง ส่วนสภาพพื้นที่มีทั้งที่เป็นทุ่งหญ้าเปิดและป่าไม้ ส่วนสัตว์อื่นๆ ที่อาศัยในอุทยานก็มีทั้งช้าง Sloth Bear ควาย กวาง และค่าง

อุทยานแห่งชาติ Bundala

นักดูนกทั้งหลายห้ามลืมใส่ อุทยานแห่งชาติ Bundala ไว้ในแพลนเที่ยว ศรีลังกา เด็ดขาด เพราะที่นี่มีนกอยู่เกิน 200 ชนิด! เพราะฉะนั้นไม่มีที่ไหนนเกาะจะเหมาะแก่การส่องนกเท่าอุทยานนี้อีกแล้ว ก่อนมาอย่าลืมกล้องส่องทางไกลไว้แอบดูนกใช้ชีวิตตามธรรมชาติ แล้วก็แน่นอนว่า ควรพกเลนส์ถ่ายรูปดีๆ มาเก็บภาพความประทับใจด้วย หากมาที่นี่จะได้เจอทั้งฝูงฟามิงโก นกนับพันๆ ตัว! รวมทั้งช้าง ลิง จระเข้ พังพอน ฯลฯ

เข้าพักที่ Lagoon Inn แล้วออกไปเที่ยว อุทยานแห่งชาติ Bundala

ค้นหาโรงแรม ที่พัก อพาร์ตเมนต์ ราคาดีที่สุดในศรีลังกา

6. เดินเขาไป Adam’s Peak

ศรีลังกา เป็นอีกประเทศที่เหมาะแก่การมาเดินเขาสุดๆ ซึ่งอาจไม่มีที่ไหนจะควรค่าแก่การไปเยือนเท่ากับ Adam’s Peak อีกแล้ว การปีนเขาแห่งนี้มีวิวสุดมหัศจรรย์เป็นของขวัญรออยู่สำหรับคนที่พยายามและลงแรงเดินเขาขึ้นมา Adam’s Peak สูงถึง 7,359 ฟุต ถือเป็นหนึ่งในภูเขาที่สูงที่สุดของประเทศ สูงเหนือภูเขาอื่นๆ ที่อยู่รอบๆ แถมยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่เกี่ยวพันกับความเชื่อทางศาสนาต่างๆ ด้วย ทั้งพุทธ ฮินดู อิสลาม และคริสต์ เป็นสถานที่แสวงบุญของศาสนิกชนทั้งหลาย

นักเดินเขาส่วนใหญ่มักออกเดินทางกันแต่เช้าตรู่เพื่อให้ขึ้นไปถึงยอดเขาทันดูพระอาทิตย์ตก โดยการเดินเขานี้ท้าท้ายพอตัวเพราะต้องขึ้นบันไดนับพันๆ ขั้น แต่เชื่อเถอะว่าวิวที่รออยู่นั้นคุ้มเหนื่อยชัวร์ๆ นอกจากนี้เส้นทางก็ได้รับการบำรุงรักษาเป็นอย่างดี มีราวบันไดให้จับและให้พักพิงเวลาที่เมื่อยล้า จุดเริ่มต้นเส้นทางอยู่บริเวณหมู่บ้าน Nallathanniya ตรงตีนเขา ส่วนบนยอดเขานั้นก็มีจุดชมวิวมากมาย ที่ล้วนแล้วแต่สวยแบบแบบจะลืมหายใจทั้งสิ้น

เข้าพักที่ Mountain Villa Adam’s Peak แล้วออกไปเที่ยว Adam’s Peak

ค้นหาโรงแรม ที่พัก อพาร์ตเมนต์ ราคาดีที่สุดในศรีลังกา

7. ชมวิวบน Sigiriya Rock กับ Pidurangala Rock

Siigiriya Rock คือสิ่งมหัศจรรย์ของโลกประจำประเทศ ศรีลังกา หินผาขนาดมหึมานี้สูงเหนือป่าเบื้องล่างถึง 660 ฟุต ด้านบนสุดมีป้อมปราการเก่า ที่ครั้งหนึ่งเคยมีพระราชวังอยู่ด้วย นอกจากนี้ยังมีสวนขนาดใหญ่ บึง คลอง และภูเขา ส่วนป้อมปราการนั้นเป็นสิ่งปลูกสร้างสมัยศตวรรษที่ 5 เป็นความมหัศจรรย์ทางสถาปัตย์และวิศวกรรมอย่างแท้จริง ปัจจุบันได้รับการยกย่องจากยูเนสโกให้เป็นมรดกโลก นักท่องเที่ยวสามารถไปสำรวจซากปรักหักพักของป้อมปราการนี้ได้ แถมยังจะได้ชมวิวอันแสนงามจากด้านบนสุดของหินผาด้วย

Pidurangala Rock แห่งนี้ใช้เวลาขับรถจาก Sigiriya Rock เพียง 7 นาทีเท่านั้น โดยสูงโดดเด่นขึ้นมาพอๆ กัน แต่คนนิยมมาที่นี่น้อยกว่า เลยทำให้รู้สึกเงียบสงบกว่าไปด้วย ส่วนทางเดินนั้นสบายและร่ม มีวัดโบราณและพระนอนให้แวะชมระหว่างทางด้วย ส่วนวิวทิวทัศน์จากด้านบนต้องยอมรับเลยว่าดีงามกว่า Sigiriya Rock เพราะรอบตัว 360 องศานั้นโล่งสุดๆ ไม่มีอะไรมาบังสายตา ช่วยให้เห็นวิวชนบทแบบไกลสุดลูกหูลูกตา

ทั้งสองแห่งนี้อยู่ในเมืองเล็กๆ Sigiriya ใช้เวลานั่งตุ๊กตุ๊กจากศูนย์กลางการท่องเที่ยว Dambulla ประมาณ 30 นาทีเท่านั้น ค่าขึ้นไปยัง Sigiriya Rock ราคาประมาณ 5,000 – 5,500 รูปีศรีลังกา ส่วนค่าเข้า Pidurangala Rock ถูกกว่าเยอะ ราคาเพียง 500 – 550 รูปีศรีลังกา

หากมีเวลาเหลือเฟืออยากแนะนำให้ไปเที่ยวทั้งสองที่ เพราะเดินทางไป-มาสะดวก แต่หากมีเวลาจำกัด นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ก็จะเลือกไป Sigiriya Rock เพราะเป็นแลนด์มาร์กที่โด่งดังกว่า อย่างไรก็ตามถ้าอยากประหยัดเงิน หรือถ้าไม่ชอบคนเยอะๆ แต่ได้เห็นวิวสวยพอกัน ก็เลือก Pidurangala Rock ไปเลยจ้า

เข้าพักที่ Cloudz Sigiriya แล้วออกไปเที่ยว Sigiriya Rock

ค้นหาโรงแรม ที่พัก อพาร์ตเมนต์ ราคาดีที่สุดในศรีลังกา

8. ตื่นตาตื่นใจกับวัด Dambulla Cave แสนงาม

วัด Dambulla Cave คือวัดถ้ำขนาดใหญ่ที่ได้รับการดูแลรักษาเป็นอย่างดี ตั้งอยู่ใจกลาง ศรีลังกา เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า Golden Temple of Dambulla ที่นี่ถูกสลักไว้ในหินซึ่งตั้งอยู่สูงขึ้นไป 520 ฟุตจากพื้นราบด้านล่าง วัดแห่งนี้สร้างขึ้นมานานมากและอาจยาวนานไปถึงศตวรรษที่ 1 ก่อนคริสตกาลเชียวละ ว่ากันว่าบริเวณนี้เริ่มมีพระมาจำพรรษาตั้งแต่ศตวรรษที่ 3 ก่อนคริสตกาลเลยทีเดียว

วัดแห่งนี้มีทั้งหมดห้าถ้ำหลักๆ ที่เปิดให้เราเข้าชม แต่จริงๆ แล้วนักโบราณคดีค้นพบถึง 80 ถ้ำ! ถ้ำที่เปิดให้เราเข้าชมได้นั้นเต็มไปด้วยจิตรกรรมฝาผนังเกี่ยวกับพุทธประวัติ มีพระพุทธรูปและรูปปั้นเทพเจ้าของศาสนาฮินดูรวมกันมากกว่า 150 องค์ พระพุทธรูปที่สวยงามที่สุดคือ พระนอน ที่ยาวถึง 46 ฟุต! และเพราะที่นี่มีความสำคัญทั้งในแง่ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม องค์การยูเนสโกจึงได้ประกาศขึ้นทะเบียนให้วัด Dambulla Cave เป็นมรดกโลกตั้งแต่ปี ค.ศ.1991 ค่าเข้าชมราคา 1,500 รูปีศรีลังกา

เข้าพักที่ Kalundewa Retreat แล้วออกไปเที่ยว วัด Dambulla Cave

ค้นหาโรงแรม ที่พัก อพาร์ตเมนต์ ราคาดีที่สุดในศรีลังกา

9. ย้อนรอยประวัติศาสตร์ศรีลังกาที่ Polonnaruwa Vatadage

Polonnaruwa Vatadage คือศาสนสถานที่ตั้งอยู่ในอาณาจักรโบราณแห่งราชวงศ์ Polonnaruwa เป็นหนึ่งในสิ่งก่อสร้างที่รักษาไว้ได้สมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งแห่งอาณาจักร Polonnaruwa ซึ่งรุ่งเรืองในศตวรรษที่ 11-14 เชื่อกันว่าสถานที่แห่งนี้สร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 12 โดยมีความเชื่อเกี่ยวกับการก่อสร้างที่นี่อยู่สองทฤษฎี ทฤษฎีแรกบอกไว้ว่า พระเจ้าปรากรมพาหุมหาราชมีรับสั่งให้สร้างขึ้นเพื่อเก็บรักษาพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า (พระทันตธาตุ) ส่วนอีกทฤษฎีบอกว่า พระเจ้านิสสังกมัลละมีรับสั่งให้สร้างขึ้นเพื่อเก็บรักษาบาตรของพระพุทธเจ้า ที่นี่มีสถูปอยู่ตรงกลางซึ่งคาดว่าเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ และเป็นแบบอย่างของสถาปัตยกรรมที่สวยงามของ Vatadage หรือมณฑปที่สร้างครอบสถูป ซึ่งเป็นสิ่งก่อสร้างทีเป็นเอกลักษณ์ของ ศรีลังกา เลย สำหรับค่าเช่าชม Polonnaruwa Vatadage อยู่ที่คนละประมาณ 4,500 รูปีศรีลังกา

เข้าพักที่ Comfort Rest แล้วออกไปเที่ยว Polonnaruwa Vatadage

ค้นหาโรงแรม ที่พัก อพาร์ตเมนต์ ราคาดีที่สุดในศรีลังกา

10. เล่นเสิร์ฟโต้คลื่นกันหน่อย

ด้วยความที่ ศรีลังกา เป็นเกาะ จึงโอบล้อมด้วยแนวชายฝั่งที่สวยจับใจและมีหาดทรายหลายแห่งที่รอให้เราไปทิ้งตัวตลอดบ่ายหรือจะทั้งวันก็ยังได้ กิจกรรมที่ได้รับความนิยมสุดๆ อย่างหนึ่งเมื่อไปเที่ยวหาดที่นี่คือ การเล่นเซิร์ฟ เรียกได้ว่าเป็นห้องเรียนเซิร์ฟชั้นดีทั้งสำหรับมือใหม่และคนที่อยากฝึกฝีมือเพิ่มเติมให้ตัวเอง แล้วก็ไม่ต้องห่วงเรื่องอุปกรณ์ เพราะที่นี่หาเช่ากระดานเซิร์ฟง่ายมาก ในราคาเพียง 1,000 รูปีศรีลังกา ถ้าอยากมีครูฝึกส่วนตัวก็จ่ายเพิ่มอีกแค่ 2,500 รูปีศรีลังกาเท่านั้น ว่าแล้วก็มาดูสามพิกัดยอดฮิตสำหรับการเล่นเซิร์ฟกันดีกว่า

Hikkaduwa

เมือง Hikkaduwa อยู่ทางชายฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ เป็นเมืองที่ได้รับการปรับปรุงให้เป็นเมืองแห่งการเล่นเซิร์ฟแท้ๆ บรรยากาศแถวนี้ออกแนวสบายๆ แถมยังเป็นจุดหมายปลายทางของสายปาร์ตี้ด้วยนะ หาดที่นี่เงียบสงบ มีต้นปาล์มเรียงเป็นทิวแถวให้เราได้เอนหลัง พร้อมกับเติมพลังด้วยมะพร้าวในยามที่ว่างจากการโต้คลื่น ชายหาดที่นี่เหมาะกับมือใหม่หัดเซิร์ฟ เพราะบริเวณ Reef Break หรือจุดที่คลื่นแตกตัวเหนือปะการังนั้นมีระดับน้ำที่ลึกเพียงพอที่จะลดความเสี่ยงของการกระแทกได้ ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการไปเล่นเซิร์ฟที่เมือง Hikkaduwa คือช่วงเดือนตุลาคมถึงเมษายน

Weligama

เมือง Weligama มีสเน่ห์และมีหาดทรายที่ขึ้นชื่อทั้งเรื่องความสวยงามตามธรรมชาติและบรรยากาศสุดชิลล์ ที่นี่มีจุดแตกตัวของคลื่น (Break) หลายแบบตลอดแนวฝั่ง จึงได้รับความนิยมทั้งจากมือเซิร์ฟสมัครเล่นและนักเซิร์ฟขั้นเทพ เมือง Weligama ตั้งอยู่ตรงปลายสุดทางใต้ของเกาะ ปัจจัยต่างๆ ที่มีผลต่อการเล่นเซิร์ฟเลยค่อนข้างคงที่ตลอดทั้งปี แถมยังมีแดดถึงปีละ 330 วัน เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะอยากเล่นเซิร์ฟเมื่อไหร่ ก็ไปได้ตลอดเวลา

Arugam Bay

Arugam Bay ตั้งอยู่ชายฝั่งทางตะวันออกเฉียงใต้ของ ศรีลังกา เหมาะแก่การเล่นเซิร์ฟในช่วงเดือนเมษายนถึงตุลาคม ซึ่งเป็นช่วงที่เราไปเล่นทางฝั่งตะวันออกไม่ได้ สำหรับนักเซิร์ฟแล้วชายฝั่งแถบนี้ฮอตฮิตมากในเรื่อง Point Break หรือคลื่นที่แตกตัวตรงโขดหิน ซึ่งเป็นแนวยาวที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศเลย จุดเด่นอีกเรื่องคือ คลื่นค่อนข้างคงที่และน้ำก็อุ่นจนเราแช่ตัวอยู่ในนั้นได้เป็นชั่วโมงๆ เลยละ แถมยังเป็นอ่าวที่มีคาเฟ่และร้านอาหารรอให้เราไปเติมพลังอยู่เพียบอีกด้วย

เข้าพักที่ Kai Hikkadduwa แล้วออกไปเที่ยว Hikkaduwa

ค้นหาโรงแรม ที่พัก อพาร์ตเมนต์ ราคาดีที่สุดในศรีลังกา

11. ดูวาฬที่ Mirissa

ศรีลังกา คือตัวเลือกที่เจ๋งมากสำหรับการไปดูวาฬและโลมา ซึ่งเมือง Mirissa ที่อยู่ชายฝั่งตอนใต้นั้นเป็นหนึ่งในสถานที่ฮิตสุดๆ สำหรับกิจกรรมนี้เลย นอกจากนี้ยังเป็นหนึ่งในจุดที่เหมาะที่สุดสำหรับการไปดูวาฬสีน้ำเงินที่หายากแสนยาก และเป็นสัตว์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกอีกด้วย เจ้าวาฬสีน้ำเงินนี่ใหญ่กว่าไดโนเสาร์ที่ใหญ่ที่สุด ขนาดหัวใจของมันเท่ากับรถยนต์ที่เราขับกัน และลิ้นก็หนักเท่ากับช้างทั้งตัวเชียวนะ ไม่มีที่ไหนที่วาฬสีน้ำเงินจะว่ายเข้ามาใกล้ฝั่งเท่าที่นี่แล้วด้วย บริเวณนี้ยังขึ้นชื่อว่ามีโลมาเยอะสุดๆ แถมยังมีวาฬหลากหลายชนิด เช่น วาฬหลังค่อม วาฬหัวทุย วาฬมิงค์ และวาฬฟิน

ช่วงที่ดีที่สุดในการไปดูวาฬที่ Mirissa คือเดือนพฤศจิกายนถึงเมษายน แต่ช่วงที่มีโอกาสจะได้เห็นวาฬสีน้ำเงินมากที่สุดคือช่วงเดือนกุมภาพันธ์ถึงประมาณกลางเดือนมีนาคม ทริปดูวาฬมักจะเริ่มแต่เช้าตรู่และใช้เวลาประมาณ 3-5 ชั่วโมง มีค่าใช้จ่ายประมาณ 1,400 บาทต่อคน

เข้าพักที่ Sri Sharavi Beach Villas and Spa แล้วออกไปเที่ยว Mirissa

ค้นหาโรงแรม ที่พัก อพาร์ตเมนต์ ราคาดีที่สุดในศรีลังกา

12. เดินเล่นยามบ่ายที่ Galle Fort

Galle Fort ตั้งอยู่ชายฝั่งตะวันตกของเกาะ เป็นท่าเรือสำคัญที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน ที่นี่สร้างขึ้นเมื่อปีค.ศ.1588 โดยชาวโปรตุเกส ก่อนที่ชาวดัตช์จะมาปรับปรุงให้แข็งแรงขึ้นเมื่อช่วงกลางศตวรรษที่ 17 ป้อมปราการแห่งนี้ได้ขึ้นทะเบียนมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก เพราะเป็นสถานที่ที่นำเอาสถาปัตยกรรมแบบยุโรปมาผสานกับประเพณีของเอเชียใต้อย่างกลมกลืน Galle Fort ได้รับการบูรณะ โดยที่ยังคงความสวยงามตามแบบฉบับเดิมอยู่ แถมยังติดอันดับสถานที่ห้ามพลาดเมื่อมาเยือน ศรีลังกา ด้วย เมืองที่ตั้งอยู่หลังป้อมปราการแห่งนี้ยังมีคนอาศัยอยู่ และมีความหลากหลายทั้งด้านศาสนาและเชื้อชาติ ถ้าตัดสินใจมาเที่ยวละก็ จะใช้เวลาอยู่ที่นี่ได้เป็นสองสามชั่วโมงเพื่อดื่มด่ำกับบ้านเมืองและร้านค้าแบบโบราณที่มีสถาปัตยกรรมแบบดัตช์โคโลเนียลด้วย นอกจากนี้ยังมีโบสถ์และสุเหร่าที่น่าไปหลายแห่ง แล้วก็ยังมีตลาดพืชผลและตลาดปลาอยู่ตรงกลางเมืองอีก ช้อปเพลิน!

เข้าพักที่ Fort Bazaar แล้วออกไปเที่ยว Galle Fort

ค้นหาโรงแรม ที่พัก อพาร์ตเมนต์ ราคาดีที่สุดในศรีลังกา

13. เที่ยวโคลอมโบในหนึ่งวัน

ไม่ว่าจะขาเข้าหรือขาออกเราก็ต้องใช้ สนามบินนานาชาติ Bandaranaike ในเมือง โคลอมโบ (Colombo) อยู่แล้ว เราเลยอยากแนะนำให้บรรจุการเดินเที่ยวเมืองหลวงของ ศรีลังกา ไว้ในทริปด้วยอย่างน้อยหนึ่งวัน จะเป็นวันแรกหรือวันสุดท้ายของทริปก็ไม่ว่ากัน เมืองหลวงแห่งนี้มีประชากรถึง 5.5 ล้านคน และเป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศ ใจกลางเมืองทีแสนจะคึกคัก มีทั้งร้านค้าและสิ่งอำนวยความสะดวกทันสมัยที่คัดสรรมาอย่างดี และมีตึกสไตล์โคโลเนียลกับสถานที่ทางประวัติศาสตร์มากมาย จัดเป็นเมืองที่เหมาะแก่การเดินเที่ยวสุดชีวิต ถ้าใครมีเวลาเราไม่อยากให้พลาดสถานที่สามแห่งนี้ที่ถือเป็นไฮไลต์ของประเทศ ศรีลังกา และเมือง โคลอมโบ เลยละ

วัด Gangaramaya

โคลอมโบ มีวัดอยู่หลายแห่ง วัดที่มีชื่อเสียงที่สุดก็คือ วัด Gangaramaya สร้างขึ้นช่วงปลายศตวรรษที่ 19 เป็นวัดขนาดใหญ่ที่มีการผสมผสานทั้งสถาปัตยกรรมแบบศรีลังกา อินเดีย ไทย และจีนไว้ด้วยกัน ภายในมีโบสถ์ เจดีย์ ศาล สถูป ห้องสมุด และพิพิธภัณฑ์ นอกจากการชมรูปปั้นและงานแกะสลักในวัดแล้ว ยังมีของล้ำค่าต่างๆ ที่ผู้มีจิตศรัทธานำมาถวายตลอดระยะเวลาหลายร้อยปีที่ผ่านมาให้ได้ชมอีกด้วย ค่าเช้าชม วัด Gangaramaya อยู่ที่ 300 รูปีศรีลังกาเท่านั้น

Independence Memorial Hall

อนุสรณ์สถานแห่งศรีลังกานี้ชื่อว่า Independence Memorial Hall สร้างขึ้นเพื่อฉลองการประกาศอิสรภาพจากการปกครองของอังกฤษเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ ค.ศ.1948 ก่อสร้างตรงตำแหน่งเดียวกับบริเวณที่จัดงานเฉลิมฉลองการเริ่มต้นการปกครองตนเองของศรีลังกา อนุสรณ์สถานอันงดงามแห่งนี้เต็มไปด้วยสัญลักษณ์มากมายที่เชื่อมโยงกับประวัติศาสตร์และเสรีภาพในการปกครองของ ศรีลังกา ที่ Independence Memorial Hall นี้ไม่เก็บค่าเข้าชม ภายในบริเวณยังมีสนามหญ้ากว้างๆ และสวนสวยๆ ให้เราได้พักใจอีกด้วย

พิพิธภัณฑ์แห่งชาติโคลอมโบ

วันที่ 1 มกราคม ค.ศ.1877 คือวันก่อตั้ง พิพิธภัณฑ์แห่งชาติโคลอมโบ (National Museum of Colombo) พิพิธภัณฑ์ที่ใหญ่ที่สุดของ ศรีลังกา ที่นี่เก็บรวบรวมข้าวของที่มีความสำคัญทางวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ไว้มากมาย รวมถึงมงกุฎและบัลลังก์ของราชวงศ์แคนดี้ นอกจากนี้ยังมีงานศิลปะ รูปปั้น และรูปแกะสลักสมัยโบราณ รวมทั้งเหรียญกษาปน์ที่ใช้ในยุคที่ยังเป็นอาณานิคม อาคารพิพิธภัณฑ์สวยจับตาสร้างขึ้นตามสถาปัตยกรรมแบบอิตาลี ที่นี่คิดค่าเข้าชมเพียง 1,000 รูปีศรีลังกา

เข้าพักที่ Mandarina Colombo แล้วออกไปเที่ยว โคลอมโบ

ค้นหาโรงแรม ที่พัก อพาร์ตเมนต์ ราคาดีที่สุดในศรีลังกา