คู่มือท่องเที่ยวแนะนำสำหรับญี่ปุ่น

โตเกียวดิสนีย์แลนด์ ใน จังหวัดชิบะ ได้รับแรงบันดาลใจมาจากดิสนีย์แลนด์แห่งแรกที่แคลิฟอร์เนียกับ Magic Kingdom ที่ฟลอริดา โดยอยู่ติดกับ โตเกียว เลย ที่นี่คือสวนสนุกระดับโลกที่มีมนต์ขลังเฉพาะตัวที่อยู่เหนือกาลเวลา เป็นสถานที่ที่ไม่ว่านักท่องเที่ยววัยเด็กหรือผู้ใหญ่ก็ต้องตกหลุมรัก ย้อนกลับไปปีค.ศ.1983 นี่คือสวนสนุกของดิสนีย์แห่งแรกที่สร้างขึ้นนอกสหรัฐอเมริกา โดยตั้งอยู่ใน โตเกียวดิสนีย์รีสอร์ต (Tokyo Disney Resort) ที่เดียวกับ Tokyo DisneySea ใครที่วางแผนว่าจะไปเที่ยวโตเกียวดิสนีย์แลนด์อยู่ละก็ เรารวมทุกสิ่งที่ต้องรู้ก่อนเดินทางเข้าสู่โลกแห่งเวทมนตร์มาให้แล้ว โตเกียวดิสนีย์แลนด์ : สัมผัสดินแดนแห่งเวทมนตร์ในโตเกียว Tokyo Disney Resort คือหนึ่งในดิสนีย์รีสอร์ตที่ประสบความสำเร็จสูงสุดและทำกำไรได้มากสุดด้วย โตเกียวดิสนีย์แลนด์ก็เลยกลายเป็นหนึ่งในสวนสนุกที่ได้รับความนิยมสูงที่สุดในโลกเช่นกัน สวนสนุกขนาด 115 เอเคอร์แห่งนี้สร้างโดยบริษัท WED Enterprises ซึ่ง Walt Disney ไม่ได้เป็นเจ้าของ แต่เป็นของบริษัท The Oriental Land ที่บริหารสวนสนุกแห่งนี้ โตเกียวดิสนีย์แลนด์กับ Tokyo DisneySea คือสวนสนุกดิสนีย์เพียงสองแห่งที่ดิสนีย์ไม่ได้เป็นเจ้าของ แต่ The Walt Disney Company เป็นผู้ควบคุมดูแลงานสร้างสรรค์ทั้งหมดของที่นี่ ตอนที่แผนการสร้างโตเกียวดิสนีย์แลนด์เริ่มขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1979 สถาปนิกและวิศวกรผู้ดูแลโครงการถึงขั้นต้องไปเยี่ยมชมดิสนีย์แลนด์ที่ Anaheim เพื่อเตรียมการก่อสร้าง จึงทำให้ที่นี่มีความคล้ายคลึงกับ Magic Kingdom แห่งแรกมากๆ และหากใครเคยไปดิสนีย์แลนด์ที่ Anaheim ก็จะรู้สึกคุ้นเคยมากทีเดียว แต่อย่าคิดว่านี่เป็นการลอกเลียนแบบนะ โตเกียวดิสนีย์แลนด์กลายเป็นสวนสนุกที่มีชื่อเสียงระดับโลกได้เอง ทั้งในแง่ของการออกแบบ พื้นที่ต่างๆ และการรองรับผู้คนจำนวนมากได้อย่างสบาย ที่นี่ทั้งสะอาดและได้รับการดูแลอย่างดี แถมยังมีแคสต์ (Cast – ดิสนีย์แลนด์เรียกพนักงานทุกคนว่าแคสต์) ที่พร้อมให้การต้อนรับทุกคนตามแบบฉบับของญี่ปุ่น ที่คนทั่วโลกติดใจ โตเกียวดิสนีย์แลนด์แบ่งออกเป็น 7 โซน ที่มีความสนุกรอทุกคนอยู่แบบไม่ซ้ำกันเลย โซนต่างๆ ในโตเกียวดิสนีย์แลนด์ World Bazaar : เดินทางเข้าสู่ถนนที่ตกแต่งสไตล์อเมริกันยุค 1950 ตรง World Bazaar นี้มีหลังคากระจกสไตล์วิกตอเรีย แถมยังเป็นศูนย์รวมร้านค้าและร้านอาหารของสวนสนุกแห่งนี้เลยด้วย Adventureland : ใครได้มา Adventureland จะรู้สึกเหมือนได้ออกสำรวจป่าที่แสนจะโลดโผนโจนทะยาน แถมยังให้ความรู้สึกแบบฮาวายๆ มากกว่าสวนสนุกดิสนีย์ที่อื่นอีกด้วย Westernland : นี่คือ Frontierland ของโตเกียวดิสนีย์แลนด์ Westernland จะพาทุกคนเข้าสู่อเมริกันตะวันตกรุ่นเก่า สมัยศตวรรษที่ 19 ซึ่งมาพร้อม Rivers of America ด้วย Tomorrowland : โตเกียวดิสนีย์แลนด์มี Tomorrowland ที่เป็นดินแดนอวกาศและไซไฟ มีโซนกิจกรรมที่มาจากภาพยนตร์หลายเรื่อง Fantasyland : น่าจะเป็นโซนที่มหัศจรรย์และมีเวทมนตร์เยอะสุดแล้ว Fantasyland อยู่ในโซนปราสาท โตเกียวดิสนีย์แลนด์มีเครื่องเล่นเบาๆ ที่เหมาะกับเด็กอยู่หลายชนิด Critter Country : โซนนี้สร้างมาเพื่อ Splash Mountain โดยเฉพาะ ถึง Critter Country จะเล็ก แต่เป็นโซนที่ได้รับความนิยมสูงมาก ก็เพราะว่ามีธีมที่แสนจะน่ารักนี่แหละ Mickey's Toontown : บ้านของมิคกี้และผองเพื่อน ใครได้ไป Mickey’s Toontown...
อ่านเพิ่มเติม
เมืองหลวงของญี่ปุ่นอย่าง โตเกียว นั้นมีอาหารชั้นเลิศอยู่ทั่วทุกมุมเมือง เพราะมีเชฟฝีมือจัดจ้านผู้มีไอเดียพลิกแพลงอาหารอยู่มากมาย และคนเหล่านี้แหละที่ยกระดับอาหารอย่างซูชิและราเมงให้กลายเป็นเมนูอินเตอร์ จนทำให้โตเกียวเป็นเมืองท่องเที่ยวเชิงอาหารที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลก สำหรับเมืองใหญ่ที่มีประชากรกว่า 9 ล้านคนอย่างโตเกียวนั้น เพียง 15 ร้านเด็ดที่เราคัดสรรมาอาจเป็นเพียงตัวอย่างอันน้อยนิดจากบรรดาสุดยอดร้านอาหารทั้งหมดในโตเกียว 1. Japanese Soba Noodles Tsuta – ราเมงระดับมิชลินสตาร์ ถ้าอยากกินราเมงร้านดังอย่าง Japanese Soba Noodles Tsuta คงต้องวางแผนล่วงหน้ากันสักหน่อย เพราะต้องไปรอรับบัตรคิวตั้งแต่เช้าตรู่เพื่อจะได้กินราเมงในช่วงกลางวันและเย็น แต่รับรองว่าคุ้มค่าความพยายามแน่นอน ราเมงของที่นี่มีน้ำซุปรสกลมกล่อมเป็นเอกลักษณ์ และเส้นที่ลวกสุกกำลังดี ดึงดูดชาวญี่ปุ่นและนักท่องเที่ยวผู้หิวโหยให้มาชิมราเมงที่ร้านนี้อย่างแน่นขนัดทุกวัน Japanese Soba Noodles Tsuta ตั้งอยู่ที่ 1 Chome-14, Sugamo, Toshima, Tokyo 170-0002, Japan เดินทางไปที่ร้านได้โดยนั่งรถไฟใต้ดินสาย Yamanote Rail Line ลงที่สถานี Sugamo Station จากนั้นเดินต่ออีก 2 นาที หรือจะลงที่สถานี Sengoku Station และ Komagome Station แล้วเดินต่อก็ได้เช่นกัน [เมนูแนะนำ] ที่ Japanese Soba Noodles Tsuta มีเมนูราเมงให้เลือกอย่างหลากหลาย โดยลูกค้าจะต้องเลือกรายการอาหารจากตู้อัตโนมัติ จากนั้นร้านจะทำราเมงสดใหม่ให้ตามออเดอร์ ราเมงธรรมดาราคาประมาณ 1,600 เยน ซึ่งถูกเหลือเชื่อเมื่อเทียบกับการได้กินอาหารระดับมิชลินสตาร์ เข้าพักที่ Smile Hotel Sugamo แล้วออกไปเที่ยว สถานี Sugamo Station ค้นหาร้านอาหารที่ดีที่สุดในโตเกียวและ ที่พักราคาดีในซูงะโมะ (Sugamo) 2. Narisawa – ศิลปะการรับประทานอย่างสร้างสรรค์ Narisawa เป็นร้านอาหารยอดนิยมของเชฟชื่อดังอย่าง Yoshihiro Narisawa ที่นี่ให้ความสำคัญกับเรื่องนวัตกรรมอาหาร ความยั่งยืน และการสร้างขยะจากอาหารให้น้อยที่สุด อาหารของ Narisawa จะเสิร์ฟสไตล์โอมากาเสะ (หมายถึง “ให้เชฟจัดมาเลย”) โดยมีเมนูใหม่ทุกวัน ขึ้นอยู่กับเนื้อสัตว์ สมุนไพร และวัตถุดิบใหม่ๆ ที่ได้ในฤดูกาลต่าง และที่ร้านเปิดรับเฉพาะลูกค้าที่จองล่วงหน้ามาก่อนเท่านั้น Narisawa ตั้งอยู่ที่ 2-6-15 Minami Aoyama, Minato 107-0062, Tokyo Prefecture. เดินทางไปที่ร้านได้โดยนั่งรถไฟใต้ดินสาย Tokyo Metro Ginza Subway Line ลงที่สถานี Aoyama-Itchome Station จากนั้นเดินต่อีก 4 นาที หรือจะลงที่สถานีใกล้เคียงอย่างสถานี Gaiemmae Station ก็ได้ [เมนูแนะนำ] แม้ว่าเมนูที่ Narisawa จะเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด แต่ตอนจองร้านอาหารลูกค้าสามารถแจ้งล่วงหน้าได้ว่าต้องการอาหารประเภทไหน เมนูส่วนใหญ่ที่ลูกค้าชอบสั่งคืออาหารทะเลสด เนื้อย่าง และเครื่องเคียงที่เป็นผักรสชาติอร่อย ร้าน Narisawa นั้นเป็นห้องอาหารหรูมีระดับ เราขอแนะนำให้เตรียมค่าใช้จ่ายไว้ราวๆ 15,0000 – 20,000 เยน ต่อมื้อ เข้าพักที่ Tokyu Stay...
อ่านเพิ่มเติม
โตเกียว เป็นมหานครขนาดใหญ่ที่ไปเที่ยวเพียงครั้งเดียวก็ยังเก็บไม่หมด แต่ถ้าลองกางแผนที่ โตเกียว แล้ววางแผนเที่ยวดีๆ ก็อาจเก็บสถานที่สุดฮิตให้ครบได้ ไม่ว่าจะเป็น พิพิธภัณฑ์แห่งชาติโตเกียว (Tokyo National Museum) โตเกียวทาวเวอร์ (Tokyo Tower) หรือ โตเกียวดิสนีย์แลนด์ (Tokyo Disneyland) และเพื่อให้เห็นภาพง่ายๆ เราจึงแบ่งมหานครโตเกียวออกเป็น 6 โซนหลักๆ 1. ใจกลางโตเกียว (Central Tokyo) ใจกลาง กรุงโตเกียว ประกอบไปด้วยเขต ชูโอ (Chuo) มินาโตะ (Minato) ชิโยดะ (Chiyoda) และ บุงเกียว (Bunkyo) ที่นี่ถือเป็นจุดศูนย์กลางของเมืองทั้งด้านภูมิศาสตร์และเศรษฐกิจ ที่ใจกลาง โตเกียว มีสถานีรถไฟ Tokyo Station เป็นศูนย์กลางการเดินทางทั้งขาเข้าและขาออกเมือง ไม่ว่าจะมองหาอะไรย่านนี้มีก็ทุกอย่าง ทั้งแหล่งช้อปปิ้ง อาหาร และความบันเทิง ที่เที่ยวยอดนิยมในย่านใจกลาง โตเกียว • กินซ่า (Ginza): ย่านสุดหรูที่มีทั้งแหล่งช้อปปิ้ง ที่กิน และที่เที่ยว • พระราชวังอิมพีเรียล (Imperial Palace): ที่ประทับขององค์จักรพรรดิทั้งในอดีตและปัจจุบัน • พิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยใหม่แห่งชาติ (National Museum of Modern Art): พิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งชาติที่แรกของญี่ปุ่น • อากิฮาบาระ (Akihabara): แหล่งช้อปปิ้งชื่อดังที่รวมสินค้าประเภทอุปกรณ์ไฟฟ้าไว้มากมาย • สวนโคอิชิกาว่า-โคระคุเอ็น (Koishikawa Korakuen Garden): สวนเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของโตเกียว • สวนฮามะริเคียว (Hama-Rikyu Gardens): สวนสวยริมอ่าวโตเกียว เข้าพักที่ โรงแรมมัสเซะ กินซา เมเตตสึ แล้วออกไปเที่ยวที่ กินซ่า ค้นหาที่พักราคาดีที่สุดใกล้ สถานี Tokyo Station 2.โตเกียวตอนเหนือ (Northern Tokyo) โตเกียว ตอนเหนือเป็นย่านที่อยู่อาศัย มีแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ ศาลเจ้า และตลาดนัดริมทาง เหมาะกับการไปท่องเที่ยวสัมผัสวิถีชีวิตความเป็นอยู่จริงๆ ของคนญี่ปุ่น และ โตเกียว ตอนเหนือยังถือว่าเป็นประตูสู่ภาคเหนือของประเทศอีกด้วย หากจะเดินทางไปภูมิภาค โทโฮคุ (Tohoku Region) ก็สามารถนั่งรถไฟจาก สถานี Ueno Station ได้เลย ที่เที่ยวยอดนิยมใน โตเกียว ตอนเหนือ • สวนสาธารณะอุเอโนะ (Ueno Park): สวนสาธารณะที่ได้รับความนิยมมากที่สุดแห่งหนึ่งของโตเกียวและเป็นสถานที่สุดฮิตสำหรับชมดอกซากุระ • โตเกียวโดม (Tokyo Dome): สถานที่จัดงานบันเทิงขนาดใหญ่ และเป็นสนามเหย้าของทีมเบสบอล Yomiuri Giants • พิพิธภัณฑ์แห่งชาติโตเกียว (Tokyo National Museum): พิพิธภัณฑ์ศิลปะที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก • พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติแห่งชาติ (National Science Museum): แหล่งศึกษาประวัติศาสตร์ธรรมชาติและสถานที่จัดนิทรรศการวิทยาศาสตร์ • สวนริคุงิเอน (Rikugien Garden): สวนที่มีภูมิทัศน์สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของโตเกียว...
อ่านเพิ่มเติม

คู่มือท่องเที่ยวแนะนำสำหรับญี่ปุ่น

เมืองยอดนิยมในญี่ปุ่น

คานาซาว่า
คามาคุระ
คารุอิซาวะ
คาโกชิม่า
คิซาราสึ
คิตะคิวชู
คิวชู
คุมาโมโตะ
จังหวัดซะกะ
จังหวัดนีงาตะ
ชิซูโอกะ
ชิบะ
ซัปโปโร
ซาเซโบ
ซาโนะ
ทาคามัตสึ
ทาคายามะ
นากาโนะ
นางาซากิ
นารา
นาริตะ
นาโกย่า
นิกโก
นิเซโกะ
นีงะตะ
ฟุกุโอกะ
ฟุราโนะ
ฟูจิคาวากุจิโกะ
มัตสึยามะ
มัตสึโมโตะ
มิยาซากิ
มิเอะ
ยามากาตะ
ยูฟุ
ยูฟุอิน
อาซาฮิคาวะ
อาตามิ
อาโอโมริ
อิซุ
อิซุมิซาโนะ
อิบารากิ
อุสึโนมิยะ
ฮาชิโอจิ
ฮามามัตสึ
ฮาโกดาเตะ
ฮาโกเนะ
ฮิเมจิ
ฮิโรชิมา
เกียวโต
เซนได
เบปปุ
เอฮิเมะ
เฮียวโกะ
โกเท็มบะ
โกเบ
โตเกียว
โทชิกิ
โทยามะ
โทโฮคุ
โนโบริเบ็ตสึ
โมริโอกะ
โยโกฮาม่า
โอกินาว่า
โอคายาม่า
โอซาก้า
โอตารุ
ไซตามะ

เมืองยอดนิยมในญี่ปุ่น

คานาซาว่า
คามาคุระ
คารุอิซาวะ
คาโกชิม่า
คิซาราสึ
คิตะคิวชู
คิวชู
คุมาโมโตะ
จังหวัดซะกะ
จังหวัดนีงาตะ
ชิซูโอกะ
ชิบะ
ซัปโปโร
ซาเซโบ
ซาโนะ
ทาคามัตสึ
ทาคายามะ
นากาโนะ
นางาซากิ
นารา
นาริตะ
นาโกย่า
นิกโก
นิเซโกะ
นีงะตะ
ฟุกุโอกะ
ฟุราโนะ
ฟูจิคาวากุจิโกะ
มัตสึยามะ
มัตสึโมโตะ
มิยาซากิ
มิเอะ
ยามากาตะ
ยูฟุ
ยูฟุอิน
อาซาฮิคาวะ
อาตามิ
อาโอโมริ
อิซุ
อิซุมิซาโนะ
อิบารากิ
อุสึโนมิยะ
ฮาชิโอจิ
ฮามามัตสึ
ฮาโกดาเตะ
ฮาโกเนะ
ฮิเมจิ
ฮิโรชิมา
เกียวโต
เซนได
เบปปุ
เอฮิเมะ
เฮียวโกะ
โกเท็มบะ
โกเบ
โตเกียว
โทชิกิ
โทยามะ
โทโฮคุ
โนโบริเบ็ตสึ
โมริโอกะ
โยโกฮาม่า
โอกินาว่า
โอคายาม่า
โอซาก้า
โอตารุ
ไซตามะ

คู่มือท่องเที่ยวญี่ปุ่น

ที่เที่ยวห้ามพลาดในนีงาตะ | สัมผัสวัฒนธรรมท้องถิ่นและธรรมชาติอย่างล้ำลึก
ในโลกปัจจุบันนี้ ธรรมชาติที่งดงามและวัฒนธรรมที่ได้รับการสืบทอดมาแต่โบราณสูญหายไปตามความทันสมัยที่เพิ่มขึ้น  ขณะเดียวกันใน จังหวัดนีงาตะ ประเทศญี่ปุ่นกำลังพยายามอนุรักษ์วัฒนธรรมและธรรมชาติที่มีมาแต่โบราณ และส่งต่อให้กับคนรุ่นต่อไป เราขอแนะนำสถานที่ที่เรียกได้ว่าเป็นสมบัติล้ำค่าของ จังหวัดนีงาตะ ที่ทุกคนพยายามอนุรักษ์ไว้ เช่น ทิวทัศน์หิมะอันงดงาม ภูมิทัศน์หมู่บ้านชนบท เป็นต้น ล้วนแล้วแต่เป็นสถานที่ที่เหมาะกับการเปิดรับความรู้ใหม่และสัมผัสวัฒนธรรมและธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ที่หยั่งรากลึกในภูมิภาคนี้ ช่องแคบ Kiyotsukyoーความกลมกลืนที่ลงตัวระหว่างธรรมชาติและศิลปะ ช่องแคบ Kiyotsukyo ใน เมือง Tokamachi จังหวัดนีงาตะ เป็นหนึ่งในสามหุบเขาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น ซึ่งรวมไปถึงหุบเขา Kurobe ในจังหวัดโทะยามะ และหุบเขา Osugi ในจังหวัดมิเอะ ช่องแคบ Kiyotsukyo ใน เมือง Tokamachi จังหวัดนีงาตะ มีหินที่มีโครงสร้างแปลกที่เรียกว่า “Columnar joint” เรียงกันเป็นแถว “Columnar joint” คือแมกมาที่ไหลเข้ามาจากใต้ดิน และเมื่อเย็นตัวลงและแข็งตัวจะหดตัวกลายเป็นหินทรงแท่งรูปสี่เหลี่ยมหรือหกเหลี่ยม ภูมิทัศน์ที่ถูกร้อยเรียงโดยผิวหิน Columnar joint ขนาดมหึมาและลำธารสีเขียวมรกตที่ใสสะอาดสวยงามอย่างแท้จริง ถูกกำหนดให้เป็นทิวทัศน์สวยงามและอนุสรณ์สถานทางธรรมชาติของประเทศ อย่างไรก็ตาม แม้แต่ทิวทัศน์ที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่นก็ไม่อาจอวดโฉมแก่บุคคลทั่วไปได้ชั่วคราว เนื่องจากอุบัติเหตุต่างๆ รวมถึงเหตุที่มีหินตกลงมา หลังจากนั้นในปี 1996 มีการเจาะอุโมงค์หุบเขา Kiyosukyo ที่มีความยาวทั้งหมด 750 เมตร ทำให้ผู้คนได้ยลโฉมความงดงามของธรรมชาติอีกครั้ง ในปี 2018 อุโมงค์ทั้งหมดได้รับการออกแบบใหม่โดย Ma Yansong/MAD Architects ซึ่งเป็นบริษัทสถาปนิกของจีน เพื่อเป็น Tunnel of Light ผลงานส่วนหนึ่งของ Echigo-Tsumari Art Triennale ทิวทัศน์และพื้นที่ที่สร้างขึ้นโดยผลงานศิลปะและความงดงามของธรรมชาติที่มีมาตั้งแต่สมัยโบราณได้นำความเพลิดเพลินมากกว่าที่เคยเป็นมาสู่ผู้มาเยือน ในบรรดาจุดท่องเที่ยว จุดที่เป็นสถานที่ยอดนิยมสำหรับนักเดินทางคือ “สถานีพาโนรามา” ที่อยู่ลึกสุดของอุโมงค์ ช่องแคบ Kiyosukyo สะท้อนอยู่ในน้ำที่บางราวกับกระจก ทำให้เกิดทัศนียภาพอันน่าทึ่ง การอวดโฉมความงดงามที่แตกต่างกันไปตามกับฤดูกาล สภาพอากาศ เวลา และอืนๆ เป็นหนึ่งในความสุขที่ไม่เหมือนใครของ นีงาตะ ที่ซึ่งธรรมชาติอันเปี่ยมไปด้วยพลังยังหลงเหลืออยู่ เวลาเปิดให้บริการ : 8:30-17:00 น. (ปิดขายบัตร 16:30 น.) *ต้องจองบริการล่วงหน้าในช่วงฤดูท่องเที่ยว และในฤดูหนาวอาจปิดให้บริการชั่วคราวขึ้นอยู่กับสภาพหิมะ ที่อยู่ : 2119-2 Koide aoi,Tokamachi,Niigata Prefecture เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ : https://nakasato-kiyotsu.com/en/ ค้นหาที่พักใกล้ที่เที่ยวยอดนิยมในนีงาตะ Niigata Furumachiーเมืองแห่งเกอิชาที่สำคัญของญี่ปุ่นที่ยังคงสภาพเมืองในประวัติศาสตร์ Furumachi เป็นชื่อเรียกพื้นที่บริเวณใจกลาง นีงาตะ ซึ่งมีถนน Furumachi-dori เป็นศูนย์กลาง ตั้งแต่สมัยโบราณ บริเวณนี้เคยเป็นท่าเรือหลักสำหรับการขนส่งทางเรือทั้งทางแม่น้ำและทางทะเล มีการแลกเปลี่ยนปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้คน สินค้า และวัฒนธรรมมากมายเกิดขึ้น ในช่วงสมัยเอโดะ (1603-1868) เมือง นีงาตะ มีความเจริญรุ่งเรืองในฐานะท่าเรือที่จอดแวะของ Kitamae Bune เรือสินค้าที่เชื่อมระหว่างฮอกไกโดและโอซากา เมื่อย่างเท้าเข้าสู่ Furumachi คุณจะยังคงเห็นภูมิทัศน์เมืองที่สร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 17 สมัยก่อน Furumachi เป็นย่านเกอิชาที่มีชื่อเสียงเทียบเท่ากับ Gion (เกียวโต) และ Shinbashi (โตเกียว) ในเวลานั้นย่านนี้มีบทบาทสำคัญในการต้อนรับขับสู้บรรดานักวรรณกรรม บุคคลสำคัญในโลกการเมืองและธุรกิจที่เดินทางมาจากเมืองหลวง เกอิชาจะแต่งกายด้วยชุดกิโมโนที่งดงาม แสดงการร่ายรำและร้องเพลง สร้างบรรยากาศให้งานเลี้ยงครึกครื้นมีชีวิตชีวา ในเวลาเดียวกัน Furumachi ก็กลายเป็นที่รู้จักในฐานะเมืองแห่งอาหารรสเลิศที่คุณสามารถเพลิดเพลินกับอาหารและเหล้าสาเกที่เป็นเอกลักษณ์ของ นีงาตะ...
อ่านเพิ่มเติม
6 ทริปรถไฟเที่ยวนีงาตะ | เพลิดเพลินกับวิวสวยและอาหารมากมาย
เสน่ห์อย่างหนึ่งเวลาการเดินทางคือการนั่งรถไฟเพื่อเพลิดเพลินกับทัศนียภาพอันเป็นเอกลักษณ์ของภูมิภาคนั้นๆ หรือการนั่งรถไฟเที่ยวชมสถานที่ซึ่งคุณจะสัมผัสได้ถึงลักษณะเฉพาะของภูมิภาคใช่หรือไม่? จังหวัดนีงาตะ เป็นพื้นที่ที่หันหน้าออกสู่ทะเลญี่ปุ่น ที่นี่จึงมีสถานีรถไฟมากมายที่มองเห็นทัศนียภาพอันตระการตาของทะเล และรถไฟท่องเที่ยวที่คุณสามารถเพลิดเพลินกับอาหารที่เป็นเอกลักษณ์ของนีกาตะซึ่งเป็นขุมทรัพย์ของอาหารรสเลิศ นอกจากนี้ยังมีสถานที่ภายในสถานีที่คุณสามารถเพลิดเพลินกับการจับจ่ายซื้อของฝากในท้องถิ่นอีกด้วย อีกทั้งใกล้ๆ สถานีรถไฟยังมีพิพิธภัณฑ์ศิลปะและโรงแรมที่มีออนเซ็นที่คุณอยากแวะในระหว่างการเดินทางด้วยรถไฟอีกด้วย ที่นี่เราจะแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวและรถไฟท่องเที่ยวที่เหมาะสำหรับการนั่งรถไฟเที่ยวใน นีงาตะ เลย พิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัย Echigo-Tsumari Satoyama (โมเนต์) - สถานที่จัดแสดงงานศิลปะระดับโลก พิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัย Echigo-Tsumari Satoyama MonET (โมเนต์) เป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะที่ตั้งอยู่ใน โทกะมาชิ ทางตอนใต้ของ จังหวัดนีงาตะ ใช้เวลาเดินจากสถานี JR Tokamachi หรือ Hokuetsu Express สาย Hokuhoku เพียง 10 นาที จึงเหมาะสำหรับการแวะเที่ยวระหว่างการเดินทางด้วยรถไฟ พิพิธภัณฑ์นี้ได้รับการออกแบบโดยสถาปนิกชาวญี่ปุ่นชื่อ Hiroshi Hara โดยออกแบบให้อาคารดูมีบรรยากาศราวกับอยู่นอกโลกและมีสระน้ำที่อยู่ตรงกลางของอาคาร พิพิธภัณฑ์นี้เปิดให้บริการในปี 2021 ผู้มาเยี่ยมชมสามารถเพลิดเพลินกับงานศิลปะร่วมสมัยและนิทรรศการพิเศษต่างๆ Echigo-Tsumari Art Triennale (ETAT) เป็นงานแสดงศิลปะระดับโลกที่จัดขึ้นทุกๆ 3 ปี ตั้งแต่ปี 2000 เป็นต้นมา โดยจัดขึ้นในพื้นที่ทั้งเมืองของ โทกะมาชิ และ ซึนัน ในช่วงที่มีงานแสดง พิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัย Echigo-Tsumari Satoyama MonET จะเป็นสถานที่หลักของงาน โดยจะมีการจัดแสดงผลงานศิลปะของศิลปินทั้งในและต่างประเทศ และมีการแสดงต่างๆ ซึ่งก่อนเกิดสถานการณ์ไวรัสโควิดในปี 2018 มีผู้มาเยี่ยมชมงานศิลปะราว 540,000 คน ในงาน Echigo-Tsumari Art Triennale 2022 ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งที่ 8 ระหว่างวันที่ 29 เมษายนถึง 13 พฤศจิกายนปี 2022 มีศิลปินใหม่ 95 กลุ่มจาก 13 ประเทศและภูมิภาคเข้าร่วมแสดงผลงานมากกว่า 300 ชิ้น และมีผลงานเชิงสัมผัสประสบการณ์มากมายที่สร้างจากหนังสือนิทานที่ไม่เพียงแต่ผู้ใหญ่เท่านั้นแต่เด็กๆ และเด็กเล็กก็สนุกได้ด้วย เวลาเปิดให้บริการ : 10:00-17:00 น. เปิดให้เข้าชมรอบสุดท้ายเวลา 16:30 น. (ปิดบริการในวันอังคารและพุธ หากถ้าวันอังคารและพุธเป็นวันวันหยุดนักขัตฤกษ์ติดกัน พิพิธภัณฑ์จะปิดบริการในวันทำการรุ่งขึ้น นอกจากนี้เวลาเปิดให้บริการอาจมีการเปลี่ยนแปลงในฤดูหนาวหรือในระหว่างการจัดเทศกาล Echigo-Tsumari Art Triennale) ที่อยู่ : 6-1-71-2 Honmachi,Tokamachi City,Niigata Prefecture Kairi – ขบวนรถไฟที่จะพาไปเพลิดเพลินกับอาหารและทิวทัศน์ของนีงาตะ Kairi โดดเด่นด้วยการใช้สีของตัวรถที่ได้แรงบันดาลมาจากพระอาทิตย์อัสดงและหิมะที่ตกใหม่ เป็นรถไฟท่องเที่ยวที่ให้คุณเที่ยวแบบชิลๆ โดยจะวิ่งจาก JR East สถานี Niigata ถึง สถานี Sakata ใน จังหวัดยามากาตะ คอนเซปต์ของ Kairi คือ "อาหารของ นีงาตะ" "อาหารของโชไน" (ตอนเหนือของ จังหวัดยามากาตะ) และ "ทิวทัศน์ของทะเลญี่ปุ่น" ขณะมองดูทิวทัศน์อันตระการตาของทะเลญี่ปุ่นที่ทอดยาวออกไปนอกหน้าต่าง คุณจะได้เพลิดเพลินกับอาหารรสเลิศที่มีเอกลักษณ์เฉพาะของ นีงาตะ และอาหารรสเลิศจากย่านโชไน ซึ่งเป็นที่รู้จักกันว่าเป็นเมืองหลวงแห่งอาหารของ จังหวัดยามากาตะ ขบวนรถไฟมีตั้งแต่โบกี้ที่ 1 ถึง...
อ่านเพิ่มเติม
ร้านอาหารในนีงาตะ | ชิมเนื้อรสเยี่ยม เหล้าสาเกชั้นดี และแซลมอนอันเลื่องชื่อ!
จังหวัดนีงาตะ ซึ่งถือเป็นพื้นที่ที่มีหิมะตกอย่างมาก แท้จริงแล้วคือแหล่งผลิตข้าวอันดับหนึ่งของญี่ปุ่น นอกจากนี้ จังหวัดนีงาตะ ยังมีชื่อเสียงเรื่องข้าวเกรดเยี่ยมอย่าง Uonuma Koshihikari ซึ่งได้รับการกล่าวขานว่าเป็นแบรนด์ข้าวที่อร่อยที่สุดในญี่ปุ่นอีกด้วย จังหวัดนีงาตะ มีเหล้าสาเกและขนมข้าวมากมายที่ผลิตจากที่นี่ จังหวัดนี้ยังรายล้อมไปด้วยธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ มีอุตสาหกรรมปศุสัตว์และการประมงอันเฟื่องฟู ในบทความนี้ เราจะขอแนะนำของขึ้นชื่อ สถานที่สัมผัสประสบการณ์ และร้านอาหารญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมใน จังหวัดนีงาตะ ไปเพลิดเพลินกับประสบการณ์ด้านอาหารที่ไม่เหมือนใครในแหล่งขุมทรัพย์อาหารชั้นนำแห่งหนึ่งของญี่ปุ่นได้เลย! Bishokuya Yamashinーร้านขายเนื้อวากิวชั้นเยี่ยม “เนื้อมุราคามิ” เนื้อวากิวญี่ปุ่นที่มีลายหินอ่อนสวยงามเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกว่าเป็นเนื้อวัวคุณภาพสูง แบรนด์ที่มีชื่อเสียงได้แก่ เนื้อโกเบและเนื้อมัตสึซากะ แต่แบรนด์เนื้อวากิวไม่ได้มีแค่นั้น จังหวัดนีงาตะ เป็นที่รู้จักในฐานะแหล่งผลิตเนื้อวากิวเช่นกัน และวัวพันธุ์ขนดำญี่ปุ่นคุณภาพสูงที่เลี้ยงในธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ของจังหวัดก็เป็นที่รู้จักภายใต้ชื่อแบรนด์ "นีงาตะวากิว" เนื้อวากิวที่เลี้ยงในเมืองและรอบๆ เมืองมุราคามิซึ่งตั้งอยู่ทางเหนือสุดของ จังหวัดนีงาตะ ถูกเลี้ยงด้วยฟางข้าวโคชิฮิคาริ (พันธุ์ข้าวที่ได้รับความนิยมในญี่ปุ่น) มีลักษณะเด่นคือสีเนื้อที่สด เนื้อสัมผัสนุ่ม และรสชาติยอดเยี่ยม ด้วยเหตุนี้จึงได้รับการจัดประเภทเป็น “เนื้อนีงาตะวากิว มุราคามิ” ซึ่งถือเป็นระดับสุดพิเศษในบรรดา “เนื้อนีงาตะวากิว” อย่างไรก็ตาม แม้ว่า “เนื้อมุราคามิ” จะมีเกรดคุณภาพเทียบเท่ากับเนื้อโกเบ แต่ก็มีราคาย่อมเยาอย่างน่าประหลาดใจ ร้าน Bishokuya Yamashin คือร้านขายเนื้อที่มีความเชี่ยวชาญเรื่องเนื้อมุราคามิเป็นพิเศษ น่าเสียดายที่มีเนื้อปลอมจำนวนมากขายในตลาดเนื่องจากความนิยมของเนื้อมุราคามิ อย่างไรก็ตาม ร้าน Bishokuya Yamashin จะมีการคัดสรรเนื้ออย่างดีโดยประธานบริษัท และจำหน่ายเนื้อวัวจากหมายเลขประจำตัวของวัวแต่ละตัว เพื่อพิสูจน์ว่าเป็นแบรนด์เนื้อของแท้ นอกจากนี้ เนื้อวัวจะไม่ถูกแช่แข็ง แต่จะจำหน่ายแบบสดๆ และพิถีพิถันในเรื่องรสชาติอย่างจริงจัง นอกจากจะจำหน่ายเนื้อหลากหลายชนิดแล้ว ร้าน Bishokuya Yamashin ยังเปิดให้บริการเป็นร้านอาหารอีกด้วย โดยคุณสามารถเพลิดเพลินกับเนื้อมุราคามิได้อย่างหลากหลาย ทั้งสเต็กเนื้อ เนื้อย่าง และข้าวหน้าเนื้อกิวด้งสไตล์ญี่ปุ่นที่ไม่เหมือนใคร เวลาเปิดให้บริการ: 9:00-18:00 น. สำหรับร้านอาหาร (รับออเดอร์สุดท้ายเวลา 17:00 น. ปิดทุกวันพุธ) ที่อยู่: 3-2-1 Iino, Murakami City Imayo Tsukasa – โรงผลิตเหล้าสาเกที่ใกล้สถานีรถไฟนีงาตะมากที่สุด นีงาตะ เป็นที่รู้จักในฐานะจังหวัดที่มีจำนวนโรงผลิตเหล้าสาเกมากที่สุดในญี่ปุ่น โรงเหล้าสาเก Imayo Tsukasa ก่อตั้งขึ้นในปีค.ศ. 1767 และมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์อย่างยิ่ง โดยตั้งอยู่ไม่ไกลจาก สถานีรถไฟนีงาตะ ซึ่งเป็นศูนย์กลางการคมนาคมของ จังหวัดนีงาตะ และใช้เวลาเดินจากสถานีเพียง 15 นาที แรกเริ่มนั้น โรงเหล้าสาเก Imayo Tsukasa ก่อตั้งขึ้นเป็นสถานที่ขายส่งเหล้าสาเก ธุรกิจเรียวคัง และธุรกิจร้านอาหาร หลังจากนั้นในช่วงระยะกลางของสมัยเมจิ (1868-1912) บริษัทจึงได้เริ่มผลิตเหล้าสาเก โรงเหล้าสาเก Imayo Tsukasa ปกติจะผลิตเหล้าสาเกจากข้าว โคจิ และน้ำโดยไม่มีการเติมแอลกอฮอล์เลย นอกจากนี้ข้าวเกือบทั้งหมดที่ใช้ในการผลิตสาเกก็คือข้าวที่ปลูกใน จังหวัดนีงาตะ 100% และน้ำทั้งหมดที่ใช้ในการหมักก็เป็นน้ำจากแหล่งธรรมชาติแท้ๆ จากเทือกเขา Suganatake เหล้าสาเกของ Imayo Tsukasa คือผลผลิตจากความมุ่งมั่นจริงจังด้านคุณภาพ ทำให้เหล้าสาเกของที่นี่เป็นสิ่งที่จะมาเสริมความอร่อยของอาหารในทุกๆ มื้อได้เป็นอย่างดี นักท่องเที่ยวสามารถเข้าชมโรงเหล้าสาเกที่เป็นอาคารในสมัยเมจิที่ยังหลงเหลืออยู่ได้หากมีการจองล่วงหน้า ภายในโรงเหล้าสาเก มีสิ่งต่างๆ มากมายที่ทำให้รู้สึกถึงยุคสมัยในอดีต เช่น ป้ายและอุปกรณ์เก่าแก่ที่ใช้ในการผลิตเหล้าสาเก ไกด์จะเป็นผู้นำทัวร์และอธิบายเป็นภาษาอังกฤษ ให้ผู้เข้าชมได้เรียนรู้เกี่ยวกับความแตกต่างของเหล้าสาเก ลักษณะเด่นและประเภทของเหล้าสาเกใน จังหวัดนีงาตะ ช่วงท้ายของทัวร์ ผู้เข้าชมจะได้เพลิดเพลินกับการชิมเหล้าสาเกมากกว่า 10 ชนิด เหล้าสาเกหวานอามาซาเกะที่ไม่มีแอลกอฮอล์ก็เป็นที่นิยมเช่นกัน คุณสามารถหาซื้อเหล้าสาเกและขนมหวานหลากหลายชนิดได้ในร้านค้าที่ปรับปรุงใหม่ภายในโรงผลิตเหล้า ลองหาเหล้าสาเกที่คุณถูกใจสักขวดได้ที่นี่เลย!...
อ่านเพิ่มเติม
รีสอร์ทในนีงาตะ | จุดท่องเที่ยวสำหรับเล่นสกีและสโนว์บอร์ดในญี่ปุ่น
จังหวัดนีงาตะ คือภูมิภาคหนึ่งในญี่ปุ่นที่เหมาะสุดๆ สำหรับการเล่นสกีและสโนว์บอร์ดบนหิมะหนานุ่มแบบ powder snow นักเดินทางที่ชื่นชอบหิมะยังสามารถเพลิดเพลินกับทัวร์ขี่สโนว์โมบิลและกิจกรรมเกี่ยวกับหิมะอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งเหมาะกับทั้งเด็กๆ และมือใหม่ เราจะมาแนะนำสโนว์รีสอร์ทชื่อดังใน จังหวัดนีงาตะ ซึ่งจะทำให้คุณได้สัมผัสประสบการณ์หิมะหลากหลายรูปแบบ Gala Yuzawa - สกีรีสอร์ทที่ใช้เวลาเดินทางเพียง 74 นาทีจากโตเกียว คุณรู้หรือไม่ว่ามีลานสกีมากมายใกล้ๆ โตเกียวที่คุณสามารถเพลิดเพลินกับการเล่นสกีและสโนว์บอร์ดได้แบบไปเช้าเย็นกลับ สกีรีสอร์ทใกล้โตเกียวที่อยากจะแนะนำเป็นพิเศษคือ GALA Yuzawa ซึ่งใช้เวลาเดินทางเพียง 74 นาทีจากสถานีโตเกียวโดยชินคันเซ็น คุณสามารถลงที่สถานี GALA และเมื่อออกจากช่องตรวจตั๋ว ก็จะเจอเคาน์เตอร์จำหน่ายตั๋วของสกีรีสอร์ท ห้องล็อกเกอร์และเคาน์เตอร์เช่าอุปกรณ์ต่างๆ ก็อยู่ใกล้กัน โดยคุณสามารถเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดเล่นสกี และขึ้นกระเช้าเพื่อขึ้นไปบนยอดเขาได้ทันที ลานสกีของสกีรีสอร์ท GALA Yuzawa แบ่งออกเป็นสามส่วนคือตอนกลาง ตอนเหนือ และตอนใต้ พื้นที่ตอนกลางเป็นลานที่ใหญ่ที่สุดโดยสามารถขึ้นรถกระเช้าไปถึงระดับความสูง 800 เมตรได้โดยตรง ยอดเขา (ระดับความสูง 1,181 เมตร) เป็นจุดถ่ายภาพที่ยอดเยี่ยมและเหมาะสุดๆ สำหรับการเก็บภาพวิวทิวทัศน์อันสวยงาม หากใครต้องการเพิ่มทักษะการเล่นสกีและสโนว์บอร์ดให้เก่งขึ้น ที่นี่ก็มีคลาสสอนสกีเป็นภาษาอังกฤษและภาษาจีน โดยจะสอนวิธีสวมรองเท้าบูท วิธีเดินและวิธีเล่นสกีอย่างละเอียด มือใหม่หัดเล่นสกีสบายใจได้เลย! นอกจากนี้ สกีรีสอร์ท GALA Yuzawa ยังให้บริการทัวร์ที่หลากหลาย เช่น “ทัวร์ลากเลื่อนด้วยสโนว์โมบิล” จะทำให้คุณได้เพลิดเพลินไปกับพื้นที่ทางตอนเหนือบนรถเลื่อนหิมะขนาดใหญ่นั่งได้ถึง 6 คน ซึ่งลากด้วยสโนว์โมบิล คุณจะได้สัมผัสความรู้สึกตื่นเต้นเร้าใจจากการนั่งรถเลื่อนบนหิมะสุดแสนพิเศษในทัวร์นี้เท่านั้น เวลาเปิดให้บริการ: 8:00-16:30 น. (ช่วงฤดูหนาว), 8:00-16:00 น. (ช่วงฤดูใบไม้ผลิ) ที่อยู่: 1039-2, Kayadaira, Yuzawa, Yuzawa-cho, Minamiuonuma-gun ซื้อตั๋ว: JR TOKYO Wide Pass ใช้เดินทางได้ไม่จำกัดเป็นเวลาสามวันสำหรับ JR East ในภูมิภาคคันโต ค้นหารีสอร์ทในนีงาตะและสถานที่เล่นสกีในญี่ปุ่น ลานสกี Ishiuchi Maruyamaーโลเคชั่นสุดอลังการสำหรับคนรักหิมะทุกคน   Ishiuchi Maruyama คือลานสกีที่ตั้งอยู่ในเมือง มินะมิอุโนะนุมะ ที่นี่คือสถานที่ยอดเยี่ยมที่สุดแห่งหนึ่งในญี่ปุ่นซึ่งคุณสามารถเพลิดเพลินกับหิมะธรรมชาติจำนวนมาก และสถานที่ตั้งสุดอลังการซึ่งสร้างสรรค์โดยธรรมชาติ Ishiuchi Maruyama เปิดให้บริการในปีค.ศ. 1949 นับแต่นั้นมาก็เติบโตไปพร้อมกับคนรักหิมะที่แวะเวียนมาโดยตลอด และปัจจุบันก็ขยายพื้นที่ออกไปทั้งหมดถึง 236 เฮกเตอร์ โดยมีความสูงต่างกัน 664 เมตร และระยะทางวิ่งสูงสุด 4,000 เมตร ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีการพัฒนาปรับปรุงด้านความสะดวกสบายมากมาย เช่น “Sunrise Express” ลิฟท์อันล้ำสมัยที่สุดในโลก ซึ่งรวมเอาลิฟต์แบบเก้าอี้และกระเช้าแบบห้องโดยสารมาวิ่งอยู่บนสลิงเหนือศีรษะเส้นเดียวกัน ลักษณะพิเศษสุดๆ อย่างหนึ่งของลานสกี Ishiuchi Maruyama ก็คือคนทุกวัยสามารถเพลิดเพลินกับหิมะได้ ตรง “สโนว์การ์เด้น” เปิดใหม่ที่อยู่ติดกัน คุณสามารถชื่นชมทิวทัศน์อันยอดเยี่ยมของที่ราบอุโอนุมะและเทือกเขาสามลูกแห่งเอจิโกะได้พร้อมกับจิบเครื่องดื่มร้อนๆ ไปด้วย นอกจากนี้ “สโนว์การ์เด้น” ยังมีโดมหิมะ 2 แบบ ขนาดใหญ่และขนาดเล็ก อีกทั้งมีโรงเรียนสอนเล่นสกี และเนินลาดรถเลื่อนหิมะสำหรับเด็กด้วย ภายในลานสกี มีร้านอาหารมากกว่า 20 ร้าน รวมถึงคาเฟ่เก๋ๆ ชิคๆ และร้านเนื้อย่างแบบญี่ปุ่นแท้ๆ คุณภาพดีเหลือเชื่อสำหรับร้านที่สร้างขึ้นบนลานสกีเลยทีเดียว! ลานสกี Ishiuchi Maruyama ยังเดินทางไปได้สะดวกสุดๆ...
อ่านเพิ่มเติม
กิจกรรมฤดูหนาวยอดฮิตในนีงาตะ | ชิมอาหารเลิศรสและชมดอกไม้ไฟสุดอลังการ
จังหวัดนีงาตะ ของประเทศญี่ปุ่นเป็นที่รู้จักในฐานะหนึ่งในพื้นที่ที่มีหิมะตกมากที่สุดในโลก หลายแห่งมีหิมะตกทับถมกันสูงเกิน 3 เมตร ด้วยเหตุนี้ ใน จังหวัดนีงาตะ จึงมีกิจกรรมฤดูหนาวมากมายให้ทุกคนได้สนุกเพลิดเพลิน นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวยังสามารถลิ้มลองเหล้าสาเกที่เก็บรักษาไว้ในห้องหิมะ และตื่นตากับดอกไม้ไฟในฤดูหนาวที่ส่องสว่างไปทั่วทุ่งหิมะได้ด้วย ไปสำรวจ 3 กิจกรรมฤดูหนาวสุดฮิตใน จังหวัดนีงาตะ กันได้เลย Uonuma no Sato – สถานที่ที่คุณสามารถสัมผัสวัฒนธรรมของเมืองหิมะได้อย่างลึกซึ้ง โรงผลิตเหล้าสาเก Hakkai Jozo ตั้งอยู่ในเมือง มินะมิอุโนะนุมะ ใน จังหวัดนีงาตะ ซึ่งเป็นที่รู้จักในฐานะแหล่งผลิตข้าวที่มีชื่อเสียง โรงผลิตเหล้าสาเกแห่งนี้มีชื่อเสียงเรื่องการผลิตเหล้าสาเก “Hakkaisan” เหล้าสาเกยอดนิยมที่คนรักเหล้าสาเกทุกคนต่างรู้จัก Uonuma no Sato ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโรงผลิตเหล้าสาเก Hakkai คือสถานที่ที่คุณสามารถสัมผัสวัฒนธรรมของเมืองหิมะได้อย่างเต็มที่ Uonuma no Sato ตั้งอยู่ตรงเชิงเขา Hakkaisan มีอาณาบริเวณกว้างขวางซึ่งประกอบด้วยร้านอาหาร ร้านกาแฟ ร้านขายของที่ระลึก และร้านขายเครื่องใช้ในครัว บริเวณโดยรอบยังเป็นเส้นทางเดินเล่นที่คุณสามารถเพลิดเพลินกับการเดินชมธรรมชาติ และสามารถใช้เวลาพักผ่อนหย่อนใจได้ตลอดวัน นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางไปได้สะดวกจาก สถานีรถไฟ Echigo Yuzawa สถานที่ยอดนิยมสำหรับการแช่น้ำพุร้อน เล่นสกี และกิจกรรมกลางแจ้ง จึงเป็นจุดที่เหมาะกับการแวะเที่ยวเป็นอย่างยิ่ง หนึ่งในไฮไลต์ของ Uonuma no Sato ที่ควรค่าแก่การเอ่ยถึงก็คือ “ห้องหิมะ Hakkaisan” ซึ่งสร้างขึ้นในปีค.ศ. 2013 ห้องนี้เป็นโกดังเก็บเหล้าสาเกที่ให้ความเย็นจากไอเย็นของหิมะ ซึ่งต้องใช้หิมะมากถึง 1,000 ตัน เพื่อคงอุณหภูมิภายในให้ต่ำกว่า 4°C อยู่เสมอ ว่ากันว่าห้องนี้เป็นห้องหิมะที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นที่ใช้เป็นโกดังเก็บเหล้าสาเก นอกจากนี้ยังมีการนำผักและของอื่นๆ มาเก็บไว้ในพื้นที่ว่างของห้องนี้ด้วย คุณสามารถเข้าร่วมทัวร์ชมห้องหิมะแห่งนี้โดยการจองทัวร์ในวันที่คุณมาถึงได้ อากาศภายในห้องนั้นหนาวทีเดียว แนะนำว่าให้นำเสื้อผ้าอุ่นๆ มาด้วยนะ! เนื่องจากที่ Uonuma no Sato มีบริการให้ชิมเหล้าสาเก เราจึงขอแนะนำให้นั่งแท็กซี่จากสถานีรถไฟเข้าไป โดยใช้เวลานั่งรถเพียง 15 นาทีเท่านั้นจากสถานีรถไฟชินคันเซ็น Urasa เวลาเปิดให้บริการ: 10:00-17:00 น. (เวลาเปิดบริการแตกต่างกันไปตามแต่ละสถานที่) ที่อยู่: 459 Nagamori, Minamiuonuma City ค้นหาที่พักใกล้กับสถานที่เที่ยวในนีงาตะ ดอกไม้ไฟในฤดูหนาวーค้นพบเสน่ห์ความงามที่หาไม่ได้ในฤดูร้อน เมื่อนึกถึงกิจกรรมที่น่าสนุกของฤดูหนาวในญี่ปุ่น เราอาจนึกถึงการเล่นสกี น้ำพุร้อน และอาหารรสเลิศ แต่ที่จริงแล้ว หากมาที่ จังหวัดนีงาตะ ในฤดูหนาว คุณก็สามารถเพลิดเพลินกับดอกไม้ไฟที่สวยงามได้เช่นกัน “แต่เอ๊ะ ดอกไม้ไฟที่ญี่ปุ่นจัดขึ้นในฤดูร้อนไม่ใช่หรือ” ผู้ที่รู้จักญี่ปุ่นเป็นอย่างดีอาจคิดเช่นนั้น และในความเป็นจริง เทศกาลดอกไม้ไฟครั้งใหญ่แห่งนางาโอกะ ที่จัดขึ้นใน จังหวัดนีงาตะ ในฤดูร้อนนั้นมีชื่อเสียงมากจนนับได้ว่าเป็น “หนึ่งในสามเทศกาลดอกไม้ไฟที่ยิ่งใหญ่ของญี่ปุ่น” เลยด้วย แต่อันที่จริง เทศกาลดอกไม้ไฟ นีงาตะ ก็จัดขึ้นในฤดูหนาวเช่นกัน! ดอกไม้ไฟฤดูหนาวมักจะไม่อลังการเท่าฤดูร้อน แต่ก็เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ความงามที่ไม่มีในฤดูร้อน เช่น การได้เห็นดอกไม้ไฟที่สว่างบนทุ่งหิมะ หรือการได้เพลิดเพลินกับดอกไม้ไฟไปพร้อมกับการประดับไฟ เป็นต้น ตัวอย่างเช่น Nagaoka Fireworks Winter Fantasy ที่จัดขึ้นในเดือนธันวาคมที่สวนสาธารณะ Echigo Hillside ในเมือง นากาโอกะ มีการจุดพลุ Starmine ขนาดใหญ่พร้อมดนตรีในธีมฤดูหนาว ซึ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวจำนวนมาก ในสถานที่จัดงานมีการประดับไฟและของประดับตกแต่งคริสต์มาส ซึ่งสามารถเดินชมไปพร้อมกับการดูดอกไม้ไฟได้ นอกจากนี้ New Greenpia...
อ่านเพิ่มเติม
ที่พักในนีงาตะ | สถานที่ท่องเที่ยวกลางแจ้งสำหรับการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน
เราขอแนะนำสถานที่ที่สามารถเรียกได้ว่าเป็น “สมบัติล้ำค่าของ จังหวัดนีงาตะ” ที่ทุกคนพยายามอนุรักษ์ไว้ เช่น ทิวทัศน์หิมะอันงดงาม และภูมิทัศน์หมู่บ้านชนบท ล้วนแล้วแต่เป็นสถานที่ที่เหมาะกับการเปิดรับความรู้ใหม่ อีกทั้งสัมผัสวัฒนธรรมและธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ที่หยั่งรากลึกในภูมิภาคนี้ ไปสำรวจสถานที่น่าพักใน จังหวัดนีงาตะ เพื่อเปิดรับประสบการณ์ใหม่จากการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนที่จะสร้างผลกระทบอันดีให้แก่จังหวัดที่สวยงามของญี่ปุ่นแห่งนี้ ใส่สโนว์ชูส์เดินป่าภูเขาซาโตะยามะ - ทัวร์เดินป่าบีชที่ปกคลุมไปด้วยหิมะในฤดูหนาว มัตสึโนะยามะออนเซ็น ตั้งอยู่บนภูเขาหิมะบริเวณชายแดน จังหวัดนีงาตะ และ จังหวัดนากาโนะ ที่นี่เป็นออนเซ็นรีสอร์ทที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน มีตำนานเล่าว่าเมื่อ 700 ปีก่อน คนตัดไม้ค้นพบน้ำพุร้อนพุ่งออกมาตอนที่เห็นเหยี่ยวตัวหนึ่งหยุดพักปีกที่บาดเจ็บ มัตสึโนะยามะ รายล้อมไปด้วยต้นบีชอายุกว่า 100 ปี เนื่องจากทิวทัศน์นั้นมีความงดงามมาก จึงถูกเรียกว่า “ป่า Bijin-bayashi (ป่าสาวสวย)” ช่วงปลายสมัยไทโช ต้นไม้บนภูเขาถูกตัดเพื่อนำไปทำถ่านจนกลายเป็นภูเขาหัวโล้น แต่ในปีถัดมา ต้นบีชบนภูเขานี้ก็แตกยอดและเจริญเติบโต จึงได้รับการคุ้มครองอีกครั้งเพื่อเป็นที่อยู่อาศัยของนกป่า ทุกปีในฤดูหนาว ป่า Bijin-bayashi จะถูกปกคลุมด้วยหิมะสูงประมาณ 3 เมตร คุณสามารถเพลิดเพลินกับการสวมสโนวชูส์เดินป่าในฤดูหนาวได้ที่นี่ และภาพของหิมะที่ส่องประกายท่ามกลางแสงแดดในป่าบีชที่เป็นสีเงินนั้นก็งดงามมาก หากจองล่วงหน้า ผู้เข้าพักที่ มัตสึโนะยามะออนเซ็น สามารถเช่าชุดและรองเท้าสำหรับเดินบนหิมะได้ฟรี และยังมีไกด์ท้องถิ่นเป็นผู้นำทางด้วย คุณจึงสามารถเดินสำรวจบนหิมะได้อย่างปลอดภัย ลองไปเดินเล่นกับคนท้องถิ่นและค้นพบเสน่ห์ของเมืองหิมะกันได้เลย เวลาเปิดให้บริการ: 9:30-11:30 น. ในฤดูหนาว (ยกเว้นวันอังคาร) ที่อยู่: 49-1 Matsunoyama Yumoto, Tokamachi City *ทัวร์ใส่สโนวชูส์เดินป่าเปิดให้บริการโดยผู้ประกอบการหลายราย จองห้องพักที่มัตสึโนะยามะออนเซ็น สนุกกับประสบการณ์ตั้งแคมป์กลางแจ้งที่ Snow Peak HEADQUARTERS Campfield เมืองซันโจใน จังหวัดนีงาตะ เป็นที่รู้จักในนามเมืองแห่งการผลิตและงานฝีมือ ซึ่งผลิตผลิตภัณฑ์โลหะคุณภาพสูง นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งกำเนิดของแบรนด์เอาท์ดอร์ที่มีชื่อเสียงระดับโลกอย่าง "Snow Peak" อีกด้วย Snow Peak HEADQUARTERS Campfield ตั้งอยู่ในพื้นที่สำนักงานใหญ่ของแบรนด์ Snow Peak ในเมือง ซันโจซิตี้ และครอบคลุมพื้นที่ถึง 50,000 ตารางเมตร แคมป์แห่งนี้ตั้งอยู่บริเวณเนินเขา มีทิวทัศน์ทุ่งหญ้าอันกว้างใหญ่ในฤดูใบไม้ผลิ และเป็นโลกที่ขาวโพลนปกคลุมไปด้วยหิมะในฤดูหนาว ในวันที่อากาศดีๆ คุณจะได้ชื่นชมพระอาทิตย์ตกอันสวยงาม ส่วนตอนกลางคืนก็จะได้เห็นท้องฟ้างดงามและดวงดาวพร่างพราวโดยไม่มีแสงไฟรอบๆ มารบกวน คุณสามารถเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การตั้งแคมป์ที่ Snow Peak HEADQUARTERS Campfield ได้เต็มที่ เพราะที่นี่มีบริการการตั้งแคมป์ต่างๆ มากมายที่คุณสามารถสนุกได้โดยที่ไม่ต้องเตรียมอุปกรณ์แคมป์ปิ้งมาเอง สัมผัสประสบการณ์ตั้งแคมป์กลางแจ้งได้ง่ายๆ พร้อมอุปกรณ์แคมป์ปิ้งคุณภาพสูงของ Snow Peak ที่ผลิตขึ้นจากเทคนิคและฝีมือที่สืบทอดกันมาจากเมืองแห่งการผลิตแห่งนี้ นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวยังสามารถเข้าพักใน “จูบาโกะ (JYUBAKO)” บ้านเคลื่อนที่ที่ Snow Peak พัฒนาร่วมกับ Kengo Kuma สถาปนิกระดับโลก คุณสามารถเลือกแผนที่เหมาะสมกับสไตล์ของคุณได้เลย (*) คุณสามารถใช้บริการ FIELD SUITE SPA HEADQUARTERS รีสอร์ทที่รวมออนเซ็น ร้านอาหาร และที่พักเข้าไว้ด้วยกัน โดยเปิดให้บริการเมื่อเดือนเมษายน ปีค.ศ. 2022 ที่นี่ยังให้บริการออนเซ็นแบบไปเช้าเย็นกลับด้วย ดังนั้นนักท่องเที่ยวที่ไม่ได้ใช้บริการสถานที่ตั้งแคมป์ก็สามารถเพลิดเพลินกับรีสอร์ทแห่งนี้ได้ *บางแผนจะไม่มีให้บริการในช่วงฤดูที่มีหิมะปกคลุม เวลาเปิดให้บริการ: 9:00 - 19:00 น. (ปิดทุกวันพุธ) ที่อยู่: 456 Nakanohara, Sanjo City...
อ่านเพิ่มเติม
โรงแรมที่ดีที่สุดในโทชิกิ | ที่พักแนะนำในอุตสึโนมิยะ และพิกัดน่าพักอื่นๆ
จังหวัดโทชิกิ (Tochigi) พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวทุกคนด้วยกิจกรรมมากมายหลายแบบ สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ อาหารอร่อยๆ รวมไปถึงโรงแรมดีๆ ที่จะทำให้ทุกคนประทับใจ โรงแรมดีๆ หลายแห่งของ โทชิกิ ตั้งอยู่ในเมืองหลักอย่าง อุตสึโนมิยะ (Utsunomiya) ซึ่งเป็นพิกัดที่ดีให้เราเลือกพัก เพราะสะดวกกับการออกไปเที่ยวที่ต่างๆ แบบไปเช้าเย็นกลับ หรือออกชมเมืองชิลล์ๆ ส่วนเมืองที่เล็กรองลงมาหน่อยอย่างซาโนะ (Sano) และนาสุชิโอบาระ (Nasushiobara) ก็ดึงดูดนักท่องเที่ยวได้ด้วยน้ำพุร้อนสุดผ่อนคลาย แลนด์มาร์คเก่าแก่ และอยู่ใกล้การคมนาคมแบบต่างๆ 10 โรงแรมแนะนำนี้มีครบทุกสิ่งที่เราต้องการ และรับรองเลยว่าอยู่ได้สบายแน่ๆ ที่ โทชิกิ Chisun Hotel Utsunomiya อยู่ฝั่งตรงข้ามถนนของ สถานีอุตสึโนมิยะ (Utsunomiya Station) บริเวณใจกลางเมืองเลย โรงแรม Chisun Hotel Utsunomiya อยู่ในทำเลที่เพอร์เฟกต์มากสำหรับคนที่มาเที่ยว อุตสึโนมิยะ โรงแรมแสนสบายนี้อยู่ติดกับย่านธุรกิจ ศูนย์ประชุม และแหล่งช้อปปิ้งชั้นนำ Chisun Hotel Utsunomiya เป็นโรงแรมที่อนุญาตให้นำสัตว์เลี้ยงเข้าได้ และมีเจ้าหน้าที่อัธยาศัยดีที่ได้รับการอบรมมาอย่างเต็มที่ พูดได้ทั้งภาษาญี่ปุ่นและภาษาอังกฤษ ในห้องพักทุกห้องและบริเวณพื้นที่ส่วนกลางในโรงแรมมี Wi-Fi ให้ใช้ฟรี รวมถึงบริการซักรีด และเครื่องซักผ้า นอกจากนี้ ที่โรงแรมยังมีบริการนวด และร้านอาหารญี่ปุ่นด้วย ส่วนอาหารเช้า จะเป็นหน้าที่ของร้านไดได (Daidai) ร้านอาหารประจำโรงแรมที่ทำให้เราได้กินทุกวัน ค้นหาโรงแรมและที่พักในจังหวัดโทจิกิ  Smile Hotel Utsunomiya Higashiguchi เดินจาก สถานีอุตสึโนมิยะ เพียงนิดเดียวก็จะถึง Smile Hotel Utsunomiya Higashiguchi หนึ่งในโรงแรมยอดนิยมประจำเมือง โรงแรมนี้อยู่ห่างจากใจกลางเมืองราว 1 กิโลเมตรเท่านั้น ทำให้ปลายทางการท่องเที่ยวที่น่าไปต่างๆ นานาล้วนเดินทางไปง่ายทั้งหมด ที่นี่มีฟรี Wi-Fi ให้ทั้งในห้องพักและพื้นที่ส่วนกลางอื่นๆ มีบริการทำความสะอาดทุกวัน บริการแท็กซี่ และพนักงานต้อนรับที่พร้อมดูแลทุกคนตลอด 24 ชั่วโมง ขณะเข้าพักในโรงแรมที่เปิดรับสัตว์เลี้ยงด้วยนี้ เราสามารถใช้บริการนวดได้ รวมถึงบริการซักแห้ง เครื่องซักผ้า และฝากกระเป๋าเดินทางได้ ส่วนอาหารเช้านั้น เราเลือกได้ว่าจะกินอาหารญี่ปุ่นหรืออาหารสไตล์อเมริกัน ค้นหาโรงแรมและที่พักในจังหวัดโทจิกิ  Daiwa Roynet Hotel Utsunomiya Daiwa Roynet Hotel Utsunomiya ซุกตัวอยู่ใจกลางเมือง ล้อมรอบไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวและอะไรต่อมิอะไรที่น่าสำรวจไปหมด โรงแรมแห่งนี้มีบริการเหนือระดับ พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับทุกคนที่เข้าพัก รวมทั้ง Wi-Fi ฟรี ไม่ว่าจะในห้องพักหรือพื้นที่ส่วนกลาง มีระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง เครื่องซักผ้า และพนักงานตอนรับตลอด 24 ชั่วโมง พนักงานที่นี่ผ่านการอบรมมาอย่างดีเยี่ยม อัธยาศัยดี พูดได้ทั้งภาษาอังกฤษ ญี่ปุ่น จีนกวางตุ้ง จีนกลาง เพื่อให้บริการแขกที่เขาพักได้อย่างเต็มที่ และช่วยเหลือให้ได้มากที่สุด โรงแรมที่อนุญาตให้สัตว์เข้าได้แห่งนี้ มีบริการรูมเซอร์วิส คอฟฟี่ช็อป และบริการนวด รวมถึงเตรียมมชาไว้ให้ฟรี พร้อมโต๊ะทำงานสำหรับวางแล็บท็อปได้ในห้อง ส่วนอาหารญี่ปุ่นก็มีบริการทั้งมื้อเช้าและร้านอาหารในโรงแรม Daiwa Roynet Hotel Utsunomiya ตั้งอยู่ห่างจาก สถานีอุตสึโนมิยะ ในระยะเดินได้ใกล้ๆ ค้นหาโรงแรมและที่พักในโทชิกิ  Utsunomiya Tobu Hotel Grande ไม่ว่าจะมาเที่ยวที่นี่ด้วยเป้าหมายปลายทางอะไร Utsunomiya...
อ่านเพิ่มเติม
ของอร่อยที่โทชิกิ | ร้านอาหารชื่อดัง และของกินรสเลิศที่ไม่ควรพลาดในทริปกินระดับ 5 ดาว
ประเทศที่สวยงามอย่างญี่ปุ่นนั้น แบ่งออกเป็น 47 จังหวัด โดยมี โทชิกิ (Tochigi) เป็นหนึ่งในนั้น อาหารที่เลื่องชื่อของเมืองนี้ไม่ได้มีแค่อาหารทะเลจากชายฝั่งในละแวกเท่านั้น แต่ จังหวัดโทชิกิ ยังมีดีที่อาหารพื้นเมืองและอาหารประจำถิ่น ที่รอเสิร์ฟความอร่อยให้นักท่องเที่ยวทุกคนอยู่เสมอ หิวกันขึ้นมาแล้วใช่ไหม มากินเกี๊ยวซ่ากรอบๆ ซดราเม็นอุ่นๆ ที่ซาโนะ และอาหารจานเด็ดอีกมากมายใน โทชิกิ กันเลย! ของอร่อยที่โทชิกิ | สตรอว์เบอร์รี่ สภาพอากาศหนาวเย็นของ จังหวัดโทชิกิ และฤดูหนาวแบบที่ยังมีแดดจ้าของที่นี่ ถือเป็นฤดูกาลเพาะปลูกสตรอว์เบอร์รี่ที่แท้จริง และด้วยสภาพอากาศที่เพอร์เฟกต์นี่แหละ ที่ทำให้จังหวัดนี้กลายเป็นแหล่งเพาะปลูกสตรอว์เบอร์รี่ที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นมาห้าทศวรรษติด! จังหวัดโทชิกิ คือแหล่งสตรอว์เบอร์รี่พันธุ์ที่โด่งดังไปทั่วโลกอย่างโทจิโอโตเมะ (Tochiotome) และสกายเบอร์รี่ (Skyberry) รวมถึงสายพันธุ์อื่นๆ ด้วย จนกระทั่งเมืองนี้ได้ฉายาน่ารักๆ ว่า "อาณาจักรสตรอว์เบอร์รี่" พื้นที่ที่อุดมสมบูรณ์นี้ก็เลยมีกิจกรรมไว้รองรับนักท่องเที่ยว ทั้งการเก็บสตรอว์เบอร์รี่ และการชิมผลิตผลที่เราเก็บมานี่ละ ฟาร์มท้องถิ่นหลายๆ แห่งใน โทชิกิ นั้นมีสตรอว์เบอร์รี่หลากหลายพันธุ์ที่โด่งดังระดับโลก ซึ่งแต่ละแห่งก็มีทั้งจัดทัวร์ จัดกิจกรรมเก็บสตรอว์เบอร์รี่ในช่วงที่สตรอว์เบอร์รี่สุก และพร้อมกิน แต่ต้องจำไว้ว่า ผู้เชียวชาญด้านการเก็บสตรอว์เบอร์รี่แนะนำให้เก็บก่อน 11 โมง จะได้ผลดีที่สุด ฟาร์มสตรอว์เบอร์ชื่อดัง 3 แห่งของโทชิกิ สวนสตรอว์เบอร์รี่โยชิมูระ (Yoshimura Strawberry Park) ที่อยู่ 520 Hanawa, Mashiko เปิดทุกวัน (ยกเว้นวันจันทร์) ตั้งแต่ 9.00 - 16.00 น. ในช่วงกลางเดือนธ.ค. - กลางเดือนพ.ค. ค่าเข้าต่อคนเริ่มต้นที่ 1,300 เยน (ประมาณ 370 บาท) ถึง 1,800 เยน (ประมาณ 510 บาท) ขึ้นอยู่กับฤดูกาล เด็กอายุต่ำกว่า 2 ขวบเข้าฟรี ค่าเข้านี้รวมค่าสตรอว์เบอร์รี่ที่เราเก็บกินได้แบบไม่อั้นและไม่จำกัดเวลา สวนสตรอว์เบอร์รี่นิกโก้ (Nikko Strawberrry Park) ที่อยู่ 3581 Serinuma, Nikko เปิดทุกวัน (ยกเว้นวันอังคาร) ตั้งแต่ 10.00 - 16.00 น. ในช่วงต้นเดือนธ.ค. - ปลายเดือนพ.ค. ค่าเข้าสำหรับผู้ใหญ่ เริ่มต้นที่ 1,600 เยน (ประมาณ 455 บาท) ถึง 1,800 เยน (ประมาณ 510 บาท) ส่วนเด็กๆ ค่าเข้าเริ่มต้น 1,100 เยน (ประมาณ 310 บาท) ถึง 1,300 เยน (ประมาณ 370 บาท) ขึ้นอยู่กับฤดูกาล ค่าเข้ารวมค่ากิจกรรมเก็บสตรอว์เบอร์รี่กินได้ไม่อั้นในเวลา 30 นาที นอกจากนี้ยังมีร้านขายสตรอว์เบอร์รี่และขนมต่างๆ แบบกลับบ้าน ฟาร์มอิชิโกะ โนะ ซาโตะ (Ichigo no Sato Farm) ที่อยู่...
อ่านเพิ่มเติม
กิจกรรมน่าสนใจในโทชิกิ | 10 กิจกรรมสนุกๆ และที่เที่ยวยอดนิยม
จังหวัดโทชิกิ (Tochigi) ของญี่ปุ่นคืออีกหนึ่งเมืองท่องเที่ยวสุดฮิต เป็นเมืองภูเขาทางเหนือของ โตเกียว การเดินทางมาที่นี่ก็ง่ายมาก จังหวัดนี้จึงเป็นตัวเลือกที่ดีในการหลบความวุ่นวายจากเมืองใหญ่มาพักตัวพักใจ นักท่องเที่ยวมักวนเวียนมาเที่ยวที่นี่ตลอดทั้งปี เพื่อสัมผัสประสบการณ์ต่างๆ ในแต่ละฤดู ทั้งกิจกรรม งานอีเวนต์ต่างๆ รวมถึงบรรยากาศและทิวทัศน์อันสวยงาม ซึ่งแน่นอนว่ามีอะไรต่อมิอะไรให้ทำเต็มไปหมดที่ โทชิกิ ตั้งแต่ออกลุยเดินป่าที่ ทะเลสาบชูเซ็นจิ ไปจนถึงทิ้งตัวชิลล์ๆ ใน ชิโอบาระ ออนเซ็น แถมจังหวัดนี้ยังโด่งดังเรื่องศาลเจ้า วัด และมรดกทางวัฒนธรรมต่างๆ ด้วย 1. ออกไปเยือนศาลเจ้าและวัดแห่งนิโก้ ที่องค์การยูเนสโกยกย่องให้เป็นเขตมรดกโลก นิกโก้ คือเมืองที่เดินทางจาก โตเกียว ไปเที่ยวได้ง่ายๆ แบบวันเดียวจบ เป็นอีกจุดหมายปลายทางยอดนิยมของคนเมือง เมืองภูเขาแห่งนี้ไม่ใช่แค่ประตูบานใหญ่ที่พาเราเข้าสู่ธรรมชาติเท่านั้น แต่ยังเป็นที่ตั้งของเขตมรดกโลกอย่างศาลเจ้าและวัดแห่งนิกโก้ด้วย (Shrines and Temples of Nikko) ภายในประกอบไปด้วย ศาลเจ้า นิกโก้ โทโชกุ (Nikko Toshogu), ศาลเจ้า นิกโก้ ฟุตะระซัน จินจา (Nikko Futarasan Jinja) และ วัดนิกโก้ซัน รินโนจิ (Nikkozan Rinnoji Temple) ซึ่งรวมๆ แล้วมีอาคารและสิ่งปลูกสร้างทางศาสนาอยู่มากถึง 103 หลัง โดยที่ทั้งหมดล้วนสร้างขึ้นมาอย่างสวยงามในสภาพแวดล้อมที่อุดมสมบูรณ์ เราสามารถเดินเที่ยวแต่ละจุดได้เลย เพราะอยู่ในระยะไม่ไกลกันมาก ค้นหาโรงแรมและเรียวกังในโทชิกิได้เลย  2. ดื่มด่ำกับธรรมชาติสุดพิเศษ ณ ทะเลสาบชูเซ็นจิ ทะเลสาบชูเซ็นจิ (Lake Chuzenji) ทะเลสาบกลางหุบเขาที่งดงามมากใน อุทยานแห่งชาตินิกโก้ (Nikko National Park) ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตกของเมือง นิกโก้ ทะเลสาบอยู่บริเวณด้านล่างภูเขาไฟ นันไต (Mount Nantai) และทะเลสาบแห่งนี้ก็เกิดขึ้นมาจากภูเขาไฟระเบิดเมื่อ 20,000 ปีก่อน จนไปบล็อกแม่น้ำยูกาวะ (Yukawa River) ไว้ เมื่อมาถึงที่นี่แล้ว แนะนำให้เดินป่ารอบๆ ทะเลสาบ ระยะทางประมาณ 15.5 ไมล์ (25 กิโลเมตร) หรือจะเลือกล่องเรือเฟอร์รี่ชมวิวชิลล์ไปเรื่อยๆ ก็ได้ โดยลงเรือได้ที่ ท่าเรือทะเลสาบชูเซ็นจิ บริเวณชายฝั่งทิศตะวันออก ความเลิศเลอไม่ได้หมดเท่านี้ แต่ยังมีน้ำตกชื่อดังอีกสองแห่งที่ควรค่าแก่การไปเยือนเช่นกัน ได้แก่ น้ำตกเคงอน (Kegon Falls) ใน ชูเซ็นจิ ออนเซ็น และ น้ำตกริวซู (Ryuzu Falls) แถวชายฝั่งทางเหนือของทะเลสาบ ค้นหาโรงแรมและเรียวกังในโทชิกิได้เลย  3. เข้าหาธรรมชาติ ณ ที่ราบสูงนาสุ ที่ราบสูงนาสุ (Nasu Highlands) พื้นที่ภูเขาทางเหนือของจังหวัด โทชิกิ ที่ครอบครัวชั้นสูงนิยมหลบมาพักร้อนกันเสมอ ใจกลางของพื้นที่คือ เทือกเขานาสุ เขตภูเขาไฟอีกแห่ง ที่คนนิยมมาเดินเขากันมาก เพราะมีทั้งวิวสะพานแขวนและน้ำตกไปตลอดทางที่ไม่ชันนัก รวมถึงมีกระเช้าลอยฟ้าพาเราขึ้นไปบนยอดเขาด้วย บริเวณ ที่ราบสูงนาสุ (Nasu Highlands) มีรีสอร์ทและร้านอาหารกระจายตัวอยู่ตามที่ต่างๆ และหากใครอยากนั่งรถบัสทัวร์ให้ทั่วๆ ก็ไปขึ้นรถได้ตรงจุดพักรถ ยูไอ โนะ โมริ (Yuai no Mori)...
อ่านเพิ่มเติม
ที่เที่ยวในนิกโก้ | ไปคินุกาวะออนเซ็นแห่งโทชิกิ และทัวร์โรงหมักสาเก
เมื่อมาเที่ยว จังหวัดโทชิกิ (Tochigi) ของญี่ปุ่นแล้ว ยังไงก็ต้องมาเยือนเมือง นิกโก้ (Nikko) ให้ได้ เพราะเมืองนี้ขึ้นชื่อเรื่องธรรมชาติอันสวยงาม ออนเซ็นดีๆ แถมยังมีสถานที่ที่เป็นมรดกโลกอยู่ด้วย เรียกได้ว่าเป็นเมืองที่เหมาะจะมาเที่ยวเป็นอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะแวะมาวันเดียว หรืออยู่เที่ยวยาวๆ ก็ตาม ลองแพลนทริปที่ทั้งสนุกและได้เรียนรู้อะไรต่อมิอะไรไปด้วยในตัว กับที่เที่ยวเลิศๆ ใน นิกโก้ ที่เราเตรียมมาให้ แช่ออนเซ็นอย่างผ่อนคลายที่คินุกาวะออนเซ็น ออนเซ็น หรือน้ำพุร้อนคือสิ่งที่ได้รับความนิยมมากๆ ทั้งในหมู่คนญี่ปุ่นเอง และนักท่องเทียว กิจกรรมอันแสนจะผ่อนคลายนี้ เป็นการแช่น้ำแร่ที่อุ่นและสบายอยู่เสมอ ลองมาแช่ออนเซ็นเพื่อคลายความเมื่อยล้ากันได้ที่ คินุกาวะ (Kinukawa) ย่านน้ำพุร้อนแสนงดงาม ซึ่งนั่งรถบัสจาก นิกโก้ มาได้ภายในเวลาเพียง 30 นาทีเท่านั้น ที่นี่มีโรงอาบน้ำหลายแห่งเปิดให้บริการระหว่างวัน เหมาะสำหรับคนที่มาเที่ยวแบบเช้าไปเย็นกลับ ส่วนใครที่อยากค้างคืนที่ คินุกาวะ ก็มีเรียวกังและโรงแรมสไตล์ญี่ปุ่นหลายแห่งที่อยู่เลียบแม่น้ำคินุกาวะ แถมมีออนเซ็นส่วนตัวที่มองเห็นวิวแม่น้ำด้วย ค้นหาโรงแรมออนเซ็นและเรียวกังใกล้สถานที่ท่องเที่ยวในนิกโก้ได้เลย  เข้าถึงประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น ที่นิกโก้ เขตมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก เราสามารถใช้เวลาทั้งวันในการเที่ยวและสำรวจ ศาลเจ้าและวัดแห่งนิกโก้ (Shrines and Temples of Nikko) ได้เลย ซึ่งที่นี่ได้รับการยกย่องจากองค์การยูเนสโก ขึ้นทะเบียนให้เป็นเขตมรดกโลกมาตั้งแต่ปีค.ศ. 1999 สถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้มีสิ่งปลูกสร้างรวม 103 หลัง ทั้งศาลเจ้าและอาคารต่างๆ ซึ่งบางส่วนนั้นสร้างขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 17 ศาสนสถานที่โด่งดังที่สุดในเขตนี้ คือวัดพุทธแห่งหนึ่ง กับศาลเจ้าชินโตอีกสองแห่ง โดยศูนย์กลางทางศาสนานี้สร้างอยู่บนลาดเขา ระหว่างที่เดินชมเราจึงจะได้สัมผัสบรรยากาศที่ทั้งสงบและร่มเย็นอย่างเต็มที่ อาคารต่างๆ โดยเฉพาะศาลเจ้าหลักและวัดครองใจผู้คนทั้งในแง่ประเพณีอันงดงาม และคุณค่าทางประวัติศาสตร์ 3 แลนด์มาร์คประจำศาลเจ้าและวัดแห่งนิกโก้ วัดนิกโก้ซัน รินโนจิ (Nikkozan Rinnoji Temple) - วัดพุทธแห่งนี้สร้างขึ้นมาตั้งแต่ปีค.ศ. 766 และปัจจุบันยังเป็นสถานปฏิบัติธรรมของพระนิกายเทนไดอยู่ สิ่งที่หลายคนอาจเคยได้ยินเกี่ยวกับที่นี่คือ วิหารพระพุทธรูปสามองค์ วิหารที่ภายในมีพระพุทธรูปทองคำอยู่รวมสามองค์ หอสมบัติรินโนจิ (Rinnoji Treasure House) ภายในจัดแสดงพระไตรปิฎก งานจิตรกรรม และงานศิลปะทางประวัติศาสตร์อื่นๆ และหากเดินออกมาด้านนอกก็จะได้เจอสวนญี่ปุ่นตามแบบฉบับยุคเอโดะล้อมรอบอยู่ นิกโก้ ฟุตาระซัน จินจา (Nikko Futarasan Jinja) - สร้างขึ้นเมื่อปีค.ศ. 767 ชื่อของศาลเจ้าลัทธิชินโตแห่งนี้ได้มาจาก เขานันไต (Mount Nantai) (หรืออีกชื่อหนึ่งคือ ฟุตาระซัน) ที่อยู่ใกล้ๆ แลนด์มาร์คที่โด่งดังของศาลเจ้าแห่งนี้คือ สะพานชินเคียว (Shinkyo Bridge) หรือสะพานศักดิ์สิทธิ์ ที่อยู่เหนือแม่น้ำไดยะ (Daiya River) ใกล้ๆ ทางเข้า นิกโก้ โทโชกุ (Nikko Toshogu) - ศาลเจ้าชินโตที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแด่โชกุนคนแรกของญี่ปุ่น ตัวศาลเจ้าประกอบด้วยสิ่งปลูกสร้างถึง 55 อย่าง อาทิ ประตูโทริอิ ตัวอาคารที่ประดับตกแต่งอย่างวิจิตร หอสวดมนต์ โรงเก็บของ คอกม้า และเจดีย์ห้าชั้น ค้นหาโรงแรมออนเซ็นและเรียวกังใกล้สถานที่ท่องเที่ยวในนิกโก้ได้เลย  กินอาหารค่ำกลางหิมะ ที่เทศกาลยูนิชิกาวะ คามาคุระ (Yunishigawa Kamakura Festival) ในทุกฤดูหนาว จะมีระยะเวลาประมาณหนึ่งเดือน ที่เมืองเล็กๆ ใน ยูนิชิกาวะ (Yunishigawa) จะกลายเป็นเมืองหิมะแสนพิเศษ ตลอดเดือนของเทศกาลยูนิชิกาวะ...
อ่านเพิ่มเติม
แพลนเที่ยวนิกโก้ | กิจกรรมสุดฮิตประจำโทชิกิ ที่ทะเลสาบชูเซ็นจิและอุตสึโนมิยะ
เมื่อปักหมุดแล้วว่าจะเที่ยว จังหวัดโทชิกิ ก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะแวะเที่ยวไปตามเมืองต่างๆ ในละแวกนี้ด้วย หนึ่งในที่เที่ยวยอดนิยมก็คือเมือง นิกโก้ (Nikko) ที่ขับรถมาได้ในระยะไม่ไกลจากทางเหนือของเมืองหลักประจำจังหวัดอย่าง อุตสึโนมิยะ (Utsunomiya) แพลนเที่ยว นิกโก้ นี้มีที่เที่ยวและอะไรต่อมิอะไรให้ทำมากพอสำหรับ 3 - 4 วันเลยทีเดียว ทั้งเที่ยวชมเมือง รวมถึงกิจกรรมเจ๋งๆ ใกล้ๆ อุตสึโนมิยะ Photo credit: uraomote_yamaneko /CC BY-SA 3.0 via Wikimedia Commons   อุทยานสถานทูตอังกฤษและอุทยานสถานทูตอิตาลี ทะเลสาบชูเซ็นจิ (Lake Chuzenji) ที่ นิกโก้ ไม่ได้เป็นเพียงจุดพักผ่อนวิวสวยสะกดตาเท่านั้น แต่ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวสองแห่งตั้งอยู่ข้างกันอีกด้วย นั่นคือ อุทยานสถานทูตอังกฤษ (British Embassy Villa Memorial Park) และ อุทยานสถานทูตอิตาลี (Italian Embassy Villa Memorial Park) ถ้าได้ลองไปเยือนทั้งสองที่นี้ และได้เห็นวิวอันงดงามเหนือคำบรรยายแล้วละก็ จะไม่แปลกใจเลยว่าทำไมอาคารทางประวัติศาสตร์ทั้งสองหลังถึงตั้งอยู่ริมฝั่ง ทะเลสาบชูเซ็นจิ วิลล่าสถานทูตอังกฤษเคยเป็นบ้านพักฤดูร้อนของเออร์เนสต์ ซาโตว์ (Ernest Satow) นักการทูตอังกฤษ ผู้มีส่วนร่วมในการฟื้นฟูสมัยเมจิของญี่ปุ่น โดยก่อสร้างขึ้นช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ปัจจุบันตัวบ้านจัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับวัฒนธรรมอังกฤษ และประวัติศาสตร์ของเขตโอคุนิกโก้ (Okunikko) วิลล่าหลังนี้ใช้เป็นบ้านพักตากอากาศประจำสถานทูตอังกฤษจนถึงปีค.ศ.2008 แล้วเมื่อถึงปีค.ศ.2010 ก็มีการบริจาคอาคารให้จังหวัดโทชิกิ จนกระทั่งได้เปิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำหรับคนทั่วไป เมื่อเดินชมส่วนต่างๆ ในบ้านแล้ว ยังขึ้นไปด้านบนที่เปิดเป็นร้านชาได้อีกด้วย ซึ่งหากขึ้นมานั่งจิบชาชมวิวบนนี้ ก็จะได้ดื่มด่ำวิวสวยๆ ของ ทะเลสาบชูเซ็นจิ ไปพร้อมๆ กัน ส่วนวิลล่าของสถานทูตอิตาลีนั้น สร้างขึ้นช่วงทศวรรษ 1920 และมีการใช้เป็นบ้านพักช่วงฤดูร้อนของทูตอิตาลีเรื่อยมาจนกระทั่งราวทศวรรษที่ 1990 ปัจจุบัน ตัวบ้านเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ทางประวัติศาสตร์ และให้เข้าชมวิว ทะเลสาบชูเซ็นจิ ได้เช่นกัน วิลล่าหลังนี้ออกแบบโดยสถาปนิกชาวเช็ก โดยมีผู้ช่วยของแฟรงก์ ลอยด์ ไรต์ (Frank Lloyd Wright) ที่ชื่อแอนโทนิน เรย์มอนด์ (Antonin Raymond) เป็นคนคอยดูแลจัดการให้ธรรมชาติในพื้นที่ อาทิ ต้นสนซีดาร์ อยู่ร่วมกับตัวอาคารได้อย่างลงตัว เมื่อเข้าสู่ด้านใน เราก็จะได้ชมงานไม้สวยๆ รวมถึงงานสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นมาก เสียจนเป็นตัวแทนของสิ่งปลูกสร้างที่สวยงามได้เลย ค้นหาที่พักที่เหมาะกับทริปนิกโก้  เล่น SUP (การพายเรือแบบยืน) ที่ทะเลสาบชูเซ็นจิ สายสปอร์ตหรือคนชอบแอดเวนเจอร์จะต้องตกหลุมรักการพายเรือแบบยืนยนบอร์ดที่ ทะเลสาบชูเซ็นจิ ใน นิกโก้ แน่ เราสามารถเช่าบอร์ดแล้วพายข้ามน้ำตัด ทะเลสาบชูเซ็นจิ พลางชมทัศนียภาพสวยๆ บริเวณนั้นได้ แถวทะเลสาบมีบอร์ดให้เช่าอยู่หลายแห่ง มาเช่าเล่นกันได้ตลอดทั้งปี ไม่มีจำกัดฤดู และพิเศษสำหรับช่วงเดือนที่อากาศหนาวเย็น จะมีเว็ตสูท (Wetsuit) ให้เช่าด้วย ค้นหาที่พักที่เหมาะกับทริปนิกโก้  ล่องเรือที่ทะเลสาบชูเซ็นจิ หนึ่งในวิธีเห็นวิวรอบ ทะเลสาบชูเซ็นจิ คือการล่องเรือ ซึ่งมีเรือนำเที่ยวออกให้บริการทุกครึ่งชั่วโมง เริ่มตั้งแต่ 9.30 - 15.30 น. โดยขึ้นเรือได้ที่ท่าเรือแถวๆ ย่าน ชูเซ็นจิออนเซ็น (Chuzenji Onsen) ตลอดเส้นทางนี้ เราจะได้เห็นสถานที่ต่างๆ ตามสองข้างทาง...
อ่านเพิ่มเติม
ที่เที่ยวเหมาะกับครอบครัวในโทชิกิ | แนะนำกิจกรรมน่าสนุกถูกใจเด็กๆ
ใช้เวลาเดินทางราวๆ หนึ่งชั่วโมงขึ้นมาทางเหนือของ โตเกียว ก็จะได้พบเมืองแห่งประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมอย่าง จังหวัดโทชิกิ (Tochigi) เรียกได้ว่าที่นี่คือปลายทางการท่องเที่ยวแสนพิเศษเลยก็ว่าได้ ด้วยความที่มีบ่อน้ำพุร้อนตามธรรมชาติมากถึง 630 แห่ง แถมทางตอนเหนือของจังหวัดยังมีเมืองนิกโก้ และเทือกเขานาสุตั้งตระหง่านอยู่ด้วย หากใครวางแผนว่าจะมาเที่ยวกับเด็กๆ ละก็ ห้ามพลาดสถานที่ท่องเที่ยวสำหรับครอบครัวเหล่านี้ใน จังหวัดโทชิกิ อาณาจักรสัตร์นาสุ (Nasu Animal Kingdom) ที่นี่มีสัตว์ท้องถิ่นและสัตว์หายากอาศัยอยู่มากกว่า 600 ตัวเลยทีเดียว นอกจากนี้ใน อาณาจักรสัตว์นาสุ ยังมีกิจกรรมและความบันเทิงสำหรับครอบครัวอีกเพียบ อาณาจักรสัตว์นาสุ ตั้งอยู่ใน นาสุ พื้นที่หนึ่งของ จังหวัดโทชิกิ ซึ่งภายในมีส่วนจัดแสดงสัตว์ทั้งในร่มและกลางแจ้ง โดยสวนสัตว์ในร่มจะเรียกกันว่า "เมือง" และส่วนเอาต์ดอร์จะเรียกว่า "ฟาร์ม" อาณาจักรสัตว์นาสุ ขึ้นชื่อเรื่องการเปิดโอกาสให้เราได้สัมผัสประสบการณ์เกี่ยวกับสัตว์อย่างใกล้ชิด เราสามารถเข้าถึงสัตว์ต่างๆ ได้ด้วยการป้อนนม ลูบตัว และเล่นกับพวกมัน ซึ่งการมาเที่ยวสวนสัตว์แห่งนี้ เราจะได้เจอสัตว์แทบทุกอย่างไม่ว่าจะอัลปาก้า หมาป่า ไปจนถึงแมวและนกหายาก แล้วหลังจากชมความน่ารักของสัตว์ต่างๆ แล้ว ก็ยังแวะร้านขายของที่ระลึก หรือจะไปนั่งพักเหนื่อยในร้านอาหาร พร้อมเติมพลังด้วยของกินอร่อยๆ ก็ได้ เวลาทำการ: วันจันทร์ - ศุกร์ (หยุดทุกวันพุธ) เปิด 10.00 - 16.30 น. ส่วนวันเสาร์ - อาทิตย์และวันหยุด เปิด 9.00 -17.00 น. (เวลาเปิด-ปิดอาจเปลี่ยนแปลงตามฤดูกาล) ค่าเข้า: เดือนมี.ค. - พ.ย. ค่าเข้าสำหรับผู้ใหญ่ราคา 2,400 เยน (ประมาณ 680 บาท) ค่าเข้าสำหรับเด็กราคา 1,000 เยน (ประมาณ 285 บาท) ส่วนเดือนธ.ค. - ก.พ. ค่าเข้าสำหรับผู้ใหญ่ราคา 1,400 เยน (ประมาณ 395 บาท) และสำหรับเด็กราคา 700 เยน (ประมาณ 200 บาท) ค้นหาและจองที่พักใกล้ที่เที่ยวในโทชิกิได้เลย  เอโดะ วันเดอร์แลนด์ นิกโก้ เอโดะมูระ เอโดะ วันเดอร์แลนด์ นิกโก้ เอโดะมูระ (Edo Wonderland Nikko Edomura) สถานที่ท่องเที่ยวแบบธีมพาร์ค ซึ่งจำลองหมู่บ้านญี่ปุ่นสมัยหลายร้อยปีก่อนขึ้นมา หมู่บ้านแห่งนี้ตั้งอยู่ใกล้ดินแดนอันเขียวขจีอย่าง อุทยานแห่งชาตินิกโก้ (Nikko National Park) ภายในมีทั้งอาคารต่างๆ ที่ประดับตกแต่งอย่างวิจิตร มีหญิงงาม (โออิรัน) ออนเซ็น และการแสดงนินจาแบบของแท้ดั้งเดิม นอกจากนี้ เมื่อแวะมาเที่ยว เอโดะ วันเดอร์แลนด์ นิกโก้ เอโดะมูระ แล้ว เรายังจะได้ชมดอกไม้ญี่ปุ่นของแต่ละฤดูกาล ขณะเดินบนเส้นทางธรรมชาติเลียบลำธารไปเรื่อยๆ ด้วย เวลาทำการ: วันที่ 20 มี.ค. - 30 พ.ย. เปิดตั้งแต่ 9.00 - 17.00 น. ส่วนวันที่...
อ่านเพิ่มเติม
กิจกรรมเอาต์ดอร์ที่โทชิกิ | ล่องแก่ง ลุยหิมะ และสารพัดกิจกรรมผจญภัย
นอกจากซากุระบานสะพรั่งในฤดูใบไม้ผลิ และฤดูใบไม้เปลี่ยนสีที่งดงามสะกดทุกสายตาในช่วงเดือนที่อากาศเย็นแล้ว จังหวัดโทชิกิ (Tochigi) ยังมีกิจกรรมเอาต์ดอร์เยอะมากในทุกฤดู รถไฟความเร็วสูงที่วิ่งขึ้นมาทางเหนือของโตเกียว จะพาทุกคนมาเยือนอีกหนึ่งจังหวัดในญี่ปุ่นที่มีเสน่ห์และชวนให้ตกหลุมรักได้ง่ายๆ เป็นการหลบลี้หนีความอึกทึกคึกโครมในเมืองใหญ่ได้เป็นอย่างดี มาตะลุยทำกิจกรรมเอาต์ดอร์ที่ โทชิกิ กันดีกว่า เปิดประสบการณ์การผจญภัยทุกรูปแบบ ตั้งแต่ขี่จักรยาน ใส่สโนว์ชูลุยหิมะ ยืนพายเรือบนบอร์ด และล่องแก่ง Nature Adventure Outdoor Club (NAOC) ศูนย์กิจกรรมในคินุกาวะ ศูนย์ฯ แห่งนี้ตั้งอยู่บริเวณเชิงเขา อุทยานแห่งชาตินิกโกะ (Nikko National Park) และอยู่ใจกลาง คินุกาวะ ออนเซ็น (Kinugawa Onsen) Nature Adventure Outdoor Club (NAOC) มีกิจกรรมเอาต์ดอร์น่าตื่นเต้นมากมาย ท่ามกลางธรรมชาติเขียวขจีและอุดมสมบูรณ์ ไล่ไปตั้งแต่ล่องแก่งยันกระโดดหน้าผา ขี่จักรยานภูเขาไปจนถึงยืนพายเรือบนบอร์ด ศูนย์กิจกรรมทางธรรมชาติ NAOC แห่งนี้จะสร้างประสบการณ์อันน่าจดจำให้ทุกคนได้แน่นอนพร้อมๆ กับมอบความสุขและความเพลินเพลินใน จังหวัดโทชิกิ สิ่งสำคัญก่อนเริ่มตะลุยความสนุกในทริป คืออย่าปล่อยให้ทิวทัศน์และสภาพแวดล้อมที่สวยงามนี้กล่อมเราจนเข้าสู่โหมดผ่อนคลายแล้วนอนทิ้งร่างในวันหยุด เพราะในความงามยังมีความสนุกรออยู่เพียบ ทั้งการเดินป่า ลุยน้ำ หรือแม้กระทั่งขี่จักรยานฝ่าความหนาว NAOC ต้อนรับนักท่องเที่ยวทุกประเภท ไม่ว่าจะมาเป็นครอบครัว หรือเด็กๆ ช่วงอายุใดก็ตาม โดยที่ศูนย์กิจกรรมแห่งนี้จะช่วยวางแผนเดย์ทริปให้เหมาะกับคนทุกวัยในกลุ่มให้เอง ซึ่งหลายครั้งก็มีการเชิญกลุ่มคนทำงานมาเอ้าท์ติ้งกระชับความสัมพันธ์กัน โดยร่วมกิจกรรมต่างๆ ที่ NAOC จัดให้ กิจกรรมเอาต์ดอร์ของที่นี้มีทั้งล่องแก่ง ปีนและกระโดดหน้าผา กิจกรรมลุยน้ำปีนผาสำหรับครอบครัว ขี่จักรยาน ตกปลา ลุยหิมะ และเล่นแอร์บอร์ด เป็นต้น วิธีเดินทางไปศูนย์กิจกรรม NAOC NAOC นั้น ขับรถไปได้โดยใช้ทางด่วน Nikko Utsunomiya Toll Road แล้วออกทาง Imaichi IC เพื่อเข้าทางหลวงหมายเลข 121 หากเดินด้วยรถไฟ ต้องนั่งสายโทบุ - คินุกาวะ (Tobu-Kinugaka Line) แล้วลงที่สถานีคินุกาวะออนเซ็น (Kinugawa Onsen) แต่การเดินทางต่อจากสถานีต้องจองกับ NAOC เวลาเปิดบริการ : วันจันทร์ - เสาร์ เปิดเวลา 8.00 - 17.00 น. วันอาทิตย์เปิด 9.00 - 17.00 น. ที่อยู่ : 871-2 Kinugawaonsentaki, Nikko ค่าเข้า: ขึ้นอยู่กับกิจกรรม ค้นหาและจองที่พักในโทชิกิได้เลย  ทัวร์ขี่จักรยานกับ RIDE Experience ด้วยสภาพภูมิประเทศแบบภูเขา มีเนินอยู่ทั่วไป ทำให้เมือง นาสุ มีนักปั่นจักรยานแวะเวียนมาปั่นชมธรรมชาติอันงดงามของที่นี่ตลอด โดยมีทัวร์จักรยานที่ชื่อ "Nasu Satoyama Farm Ride" รับหน้าที่นำทุกคนออกทัวร์ชมชนบทอันงดงามของ นาสุ (Nasu) อย่าลืมพกน้ำดื่มไว้สักขวด แล้วมากระตุ้นความอยากอาหารไปพร้อมกัน ด้วยอาหารเที่ยงสดๆ จากฟาร์ม ที่ทำจากผักที่เราได้เก็บเองกับมือ ทีนี่มี "การขี่จักรยานบนทางกรวด" ที่ไม่ต้องมีประสบการณ์ก็ขี่ได้ เพราะเขามีจักรยานล้อใหญ่แบบโอเวอร์ไซส์ ที่ช่วยให้นักท่องเที่ยวทุกวัยทรงตัวเลียบแม่น้ำและทุ่งข้าวไปได้ไม่ยาก หลังจากนั้นไกด์จะให้เราได้พักเมื่อยกัน โดยมีกาแฟร้อนๆ เติมพลังงานก่อนขี่จักรยานกลับ มีทัวร์ทั้งแบบครึ่งวันและเต็มวัน...
อ่านเพิ่มเติม
เที่ยวอาชิคางะ | ที่เที่ยวยอดฮิต + เดย์ทริปไปมาชิโกะและโทชิกิ
ใช้เวลานั่งรถไฟจากโตเกียวไม่ถึงสองชั่วโมง เราก็จะถึง อาชิคางะ (Ashikaga) เมืองพักผ่อนแห่ง จังหวัดโทชิกิ (Tochigi) สองที่เที่ยวเด่นและใหญ่ที่สุดประจำเมืองคือ สวนดอกไม้อาชิคางะ (Ashikaga Flower Park) และ โรงเรียนอาชิคางะ (Ashikaga School) แล้วถ้ายิ่งเที่ยว อาชิคางะ ไปเรื่อยๆ ก็จะยิ่งค้นพบแลนด์มาร์คอื่นๆ ที่บอกเลยว่ามีสเน่ห์เหลือเกิน แพลนเที่ยวอาชิคางะนี้ เรารวมกิจกรรมและที่เที่ยวเอาไว้มากมาย พอให้เที่ยวกันได้ตลอด 3-4 วัน หรือใครจะรวบให้กระชับและใช้เวลาน้อยลง เป็นทริปวันเดียวหรือสองวันจบก็ได้เช่นกัน รูปภาพจาก: IG@lodeur_du_soleil   ล่องเรือชมวิวที่คุราโนะมาชิ เมืองใน โทชิกิ เหมาะแก่การท่องเที่ยวแบบเดย์ทริปมาก เริ่มตั้งแต่อาชิคางะ โดยหนึ่งในวิธีท่องเที่ยวที่ดีที่สุดที่จะช่วยให้เราได้เรียนรู้เรื่องราวเกี่ยวกับประวัติศาสตร์และประเพณีประจำท้องถิ่นนี้ คือการ ล่องเรือชมวิวที่คุราโนะมาชิ (Kuranomachi Pleasure Boat) การได้ลอยละล่องล่องเรือไปในแม่น้ำโทโมเอฮะ หรือแม่น้ำอุซึมะ (Tomoeha / Uzuma River) ก็เหมือนเราได้เป็นผู้ชมแถวหน้า ในการดูบ้านเรือนแถวนั้นและโกดังเก่าแก่ในอดีต กัปตันผู้พายเรือชมวิวของเราจะรับสองบทบาทพร้อมๆ กัน คือเป็นทั้งไกด์นำเที่ยว และคอยสร้างความบันเทิงให้เราไปในตัวตลอดทริป 20 นาทีนี้ ขณะล่องเรือ เราจะได้ฟังเรื่องราวในประวัติศาสตร์ของบริเวณที่เราเที่ยวอยู่ แถมยังจะได้ฟังเพลงพื้นบ้านของที่นี่ด้วย ใครสนใจสามารถไปขึ้นเรือได้ที่ Kuranomachi Pleasure Boat Agency พิกัดอยู่บริเวณเลขที่ 2-6 Yamatocho ใน โทชิกิ ข้างๆ อนุสรณ์สถานสึคาดะ (Tsukada Memorial Hall) เวลาทำการ : เปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่ 10.00 - 16.00 น. (เรือรอบสุดท้ายออกเวลา 15.50 น.) ในเดือนมี.ค. - พ.ย. และให้บริการตั้งแต่ 10.00 - 15.00 น. (เรือรอบสุดท้ายออกเวลา 14.50 น.) ในเดือนธ.ค. - ก.พ. ราคาตั๋ว : ผู้ใหญ่ ราคา 700 เยน (ประมาณ 200 บาท) เด็ก ราคา 500 เยน (ประมาณ 140 บาท) และสัตว์เลี้ยงราคา 100 เยน (ประมาณ 30 บาท และต้องปฏิบัติตามกฎ) ค้นหาที่พักสำหรับทริปเที่ยวอาชิคางะ  รับบทเป็นเชฟทำขนมวากาชิ เวลามาเที่ยวญี่ปุ่น นักทักท่องเที่ยวหลายคนก็จะได้เห็นวากาชิ (Wagashi) หรือขนมโบราณของญี่ปุ่นกันบ่อยๆ แต่เคยสงสัยกันไหมว่าขนมชิ้นเล็กๆ ขนาดพอดีคำ และดูปราณีตบรรจงนี้ เขาทำกันยังไง ขนมวากาชิมีหลายแบบและหลายรูปทรง ซึ่งวากาชิส่วนใหญ่ทำมาจากแป้งข้าวเหนียว (โมจิ) สอดไส้ถั่วแดง หรือถั่วชนิดต่างๆ ขนมหวานชนิดอาศัยความเชี่ยวชาญในการปั้นและประดิษฐ์ขึ้นมาเป็นรูปทรงต่างๆ ในธีมวันหยุด หรือเฉลิมฉลองอะไรสักอย่าง แม้วากาชิจะขึ้นชื่อว่าเป็นขนมประจำเทศกาล แต่ความจริงแล้วก็เป็นขนมที่พบเห็นได้ทั่วไปตลอดเวลาในญี่ปุ่น แน่นอนว่าทุกคนจะได้เจอวากาชิในร้านขนมหลายแห่งที่ โทชิกิ แต่สถานที่ที่จะทำให้เราได้เห็นขั้นตอนและลองทำขนมวากาชิจริงๆ ก็คือ ยามาโมโตะ โซฮอนเต็น (Yamamoto Sohonten) ร้านขายขนมญี่ปุ่นแห่งนี้...
อ่านเพิ่มเติม
แพลนเที่ยวนาสุ | เที่ยวจังหวัดโทชิกิง่ายๆ ในวันเดียว ได้ทั้งแช่ออนเซ็น และเดินเขา
นาสุ (Nasu) คือเมืองใน จังหวัดโทชิกิ ที่มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย ทั้งทางประวัติศาสตร์ ธรรมชาติ และเหล่าเทือกเขา โดยใช้เวลานั่งรถไฟจากโตเกียวเพียงสองชั่วโมงเท่านั้น แล้วที่นี่ก็มีทุกอย่างทุกรูปแบบให้เราได้มาพักผ่อนกัน ไม่ว่าจะมาเที่ยวแค่ช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ หรือจะเป็นทริปยาวขึ้นมาหน่อยสัก 3 - 4 วัน ใครที่ตัดสินใจว่าจะพักในเมือง นาสุ สำหรับทริปเที่ยวจังหวัด โทชิกิ แล้วละก็ รับรองว่าจะได้เจอที่เที่ยวและกิจกรรมต่างๆ นานากระจายอยู่ทั่วทุกสารทิศในระยะห่างกันเพียงหนึ่งหรือสองชั่วโมงเท่านั้น แพลนเที่ยว นาสุ นี้จะมีทั้งสถานที่ท็อปๆ สำหรับแช่ออนเซ็น แหล่งเดินเขาที่ดีที่สุด และของกินระดับ 5 ดาว น้ำพุร้อนชิโอบาระ ชิโอบาระ (Shiobara) คือชุมชนทางตะวันตกของ นาสุ ขึ้นชื่อมากเรื่องบ่อน้ำพุร้อน หรือออนเซ็น ย้อนกลับไปในประวัติศาสตร์ตั้งแต่ศตวรรษที่ 9 ชิโอบะระ เป็นพื้นที่ที่ทั้งคนญี่ปุ่นเองและนักท่องเที่ยวมักหลบลี้มาพักใจพักกาย เป็นเวลากว่าร้อยๆ ปีแล้ว น้ำในออนเซ็นหลายแห่งของที่นี่ เป็นน้ำคุณภาพสูงที่ไหลมาจากแถวๆ แม่น้ำโฮกิ น้ำพุร้อนชิโอบาระ เป็นอีกสถานที่ที่สวยงามมาก ไม่ว่าจะมาเที่ยวในช่วงไหนของปีก็ตาม แต่ถ้ามาช่วงฤดูใบไม้ร่วง ตอนที่ใบไม้ค่อยๆ เริ่มเปลี่ยนสี บอกเลยว่าที่นี่จะยิ่งงดงามจับใจ ใกล้ๆ กันยังมีเส้นทางเดินเขา สะพานแขวน น้ำตก และธรรมชาติที่สวยงามอีกมากมาย ซึ่งทำให้ ชิโอบาระ กลายเป็นสถานที่เที่ยวห้ามพลาดประจำเมือง นาสุ จองที่พักในโทชิกิสำหรับทริปเที่ยวนาสุ  โมมิจิดานิ โอตสึริบาชิ (สะพานแขวนขนาดใหญ่) สะพานแขวนโมมิจิดานิ (Momijidani Suspension Bridge) ยาวถึง 320 เมตร เป็นสะพานสำหรับเดิมข้ามเท่านั้น ส่วนวิวสวยๆ บริเวณนี้ที่เราจะไม่มีวันลืมก็คือวิวของหุบเขา ชิโอบาระ นั่นเอง สะพานแห่งนี้ได้ชื่อว่าเป็นสะพานแขวนแบบไม่มีตอม่อที่ยาวที่สุดในญี่ปุ่น พาดข้ามแม่น้ำโฮกิ และอยู่ห่างจาก น้ำพุร้อนชิโอบาระ ในระยะขับรถเพียง 10 นาทีเท่านั้น นอกจากนี้ สะพานแขวนโมมิจิดานิ ยังโด่งดังในฐานะ "สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของคู่รัก" เราจึงจะได้เห็นการขอแต่งงานที่นี่ แล้วหลายๆ คนก็มักเลือกสะพานแห่งนี้เป็นฉากหลังของภาพถ่ายสุดโรแมนติก ไม่เพียงแค่สะพานกับวิวสวยๆ เท่านั้น แต่บริเวณนี้ยังมีร้านขายของกระจุกกระจิกกับคาเฟ่อีกด้วย เพราะฉะนั้นที่นี่จึงเป็นที่เที่ยวอีกแห่งที่เหมาะจะมาใช้เวลาสักสองสามชั่วโมงกลางธรรมชาติอันงดงาม โดยมาเที่ยวได้ตลอดทั้งปี แต่หากใครแพลนจะมาช่วงฤดูใบไม้ร่วงก็จะได้เพลิดเพลินกับวิวใบไม้เปลี่ยนสีไปด้วยเลย จองที่พักในโทชิกิสำหรับทริปเที่ยวนาสุ  ฮันเตอร์เมาท์เทน ชิโอบะระ เตรียมตัวสนุกสุดเหวี่ยงท่ามกลางหิมะเย็นเจี๊ยบที่ ฮันเตอร์เมาน์เทน ชิโอบะระ (Hunter Mountain Shiobara) ความจริงแล้วสกีรีสอร์ทแห่งนี้มีพื้นที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่ง มีทั้งสกีทางลาดลงเขา สวนสนุกสำหรับเด็ก โรงเรียนฝึกสกีและสโนว์บอร์ด รวมทั้งเป็นทางเข้าสู่ น้ำพุร้อนชิโอบะระ ด้วย ก็เลยกล่าวได้ว่า นักท่องเที่ยวทุกช่วงอายุนั่นแหละที่สามารถมาสนุกและทิ้งตัวไถลลงมาตามทางลาดกันได้ที่ ฮันเตอร์เมาท์เทน ชิโอบะระ นอกจากนี้ ที่รีสอร์ทยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ รองรับสำหรับนอกฤดูหนาวด้วย หากเป็นช่วงเดือนที่อากาศอบอุ่น เนินหิมะก็จะกลายเป็นทุ่งดอกลิลี่ ส่วนฤดูใบไม้ร่วง เราก็สามารถขึ้นกระเช้าลอยฟ้าไปชมวิวมุมสูง พร้อมเก็บภาพใบไม้เปลี่ยนสีที่สว่างไสวเป็นสีแดง เหลือง ส้มไปทั่วจนสุดสายตาได้ อีกส่วนที่ลืมไม่ได้เลยก็คือ ฮันเตอร์เมาท์เทน ชิโอบะระ มีตัวเลือกด้านการกินเพียบ แถมร้านอาหารต่างๆ ยังมีบริการแพ็กอาหารเที่ยงให้เราพกออกไปกินระหว่างทางตอนทัวร์ดูโน่นเล่นนี่อีกด้วย จองที่พักในโทชิกิสำหรับทริปเที่ยวนาสุ  รูปภาพจาก: IG@haochi_instabae   ชีสการ์เดนนาสุ ชีสการ์เดนนาสุ (Cheese Garden Nasu) เปิดมาตั้งแต่ปีค.ศ.1944 และได้รับความนิยมมาก โดยเฉพาะกลุ่มคนรักชีสเค้ก และผลิตภัณฑ์ใดๆ ก็ตามที่ทำจากชีส! จากที่เคยเป็นแค่ทางผ่าน...
อ่านเพิ่มเติม
เที่ยวโทชิกิ | ที่เที่ยวห้ามพลาดของแต่ละฤดู และช่วงเวลาที่เหมาะแก่การไปเที่ยว
โทชิกิ (Tochigi) คือจังหวัดที่อยู่ทางเหนือของ โตเกียว เพราะฉะนั้นเลยเดินทางไปได้ง่ายมากๆ และด้วยความที่บ้านเมืองสวยบวกกับพิกัดที่อยู่ใกล้เมืองหลวงนี่เอง เลยทำให้นักท่องเที่ยวนิยมมาพักผ่อนกันตลอดทั้งปี จังหวัดนี้ไม่ติดชายฝั่งทะเลใดๆ เป็นเมืองแห่งภูเขา มีชุมชนบ่อน้ำพุร้อนอย่าง ยูนิชิงาวะออนเซ็น (Yunishigawa Onsen) พื้นที่ธรรมชาติขนาดใหญ่อย่าง ที่ราบสูงนาสุ (Nasu Highlands) และที่เที่ยวให้ได้ชมวิว ปีนเขา และอื่นๆ อีกเต็มไปหมด ในแต่ละฤดูนั้น ที่ โทชิกิ จะมีจุดเด่นและสเน่ห์ต่างกันออกไป ซึ่งนี่แหละที่ทำให้ โทชิกิ กลายเป็นจุดหมายปลายทางที่เที่ยวกันได้ตลอดทั้งปี! คราวนี้มาดูกันดีกว่าว่าในฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อน ฤดูใบไม้ร่วง และฤดูหนาว มีอะไรฮ็อตฮิตให้ทำกันบ้าง เที่ยวโทชิกิ | ที่เที่ยวประจำฤดูใบไม้ผลิ ฤดูใบไม้ผลิที่ โทชิกิ ดีงามตรงที่อากาศอุ่นสบาย แถมยังมีดอกไม้หลากสีบานสะพรั่งให้เราเก็บภาพกันอย่างตื่นตาตื่นใจด้วย แล้วก็เช่นเดียวกับจังหวัดอื่นๆ ในญี่ปุ่น ที่บรรยากาศจะมีชีวิตชีวาขึ้นมาจากหมู่มวลดอกซากุระสีชมพูอ่อนๆ นอกจากนี้ โทชิกิ ยังขึ้นชื่อเรื่องดอกวิสทีเรียที่แต่งแต้มทิวทัศน์ในจังหวัดให้กลายเป็นสีม่วงอ่อนดูเย็นตาสบายใจอีกด้วย สถานีคิตะโมโอกะ ถ้าใครอยากได้ภาพดอกซากุระของญี่ปุ่นแบบไม่ซ้ำใคร แนะนำให้ไปที่ สถานีคิตะโมโอกะ (Kito-Mo-Oka Station) ในเมือง โมโอกะ (Mo-Oka) ใกล้ๆ สถานีจะมีทางเดินที่มีต้นซากุระเรียงรายสวยงามเป็นทางยาว แล้วก็ใช่ว่าที่นี่จะมีดีแค่ความสวยงามเท่านั้น แต่ช่วงสุดสัปดาห์และวันหยุดต่างๆ สถานีรถไฟโมโอกะยังจะนำรถจักรไอน้ำออกมาวิ่งตรงนั้นอีกด้วย ซึ่งจะมีเหล่าช่างภาพและนักท่องเที่ยวมายืนเรียงรายรอเก็บภาพรถไฟที่แล่นฉึกฉักผ่านด้านหน้าดงต้นซากุระ เพราะฉะนั้นหากได้แวะไปเที่ยวตรงนั้นก็อย่าลืมเตรียมกล้องให้พร้อม คอยฟังเสียงหวูดรถไฟที่จะวิ่งผ่านมาดีๆ ละ สวนดอกไม้อาชิคางะ ถ้าจะพูดถึงสถานที่ที่เหมาะแก่การชมดอกวิสทีเรียใน โทชิกิ ก็ต้องยกให้ สวนดอกไม้อาชิคางะ (Ashikaga Flower Park) สวนดอกไม้แห่งนี้จัดแสดงดอกไม้ตามฤดูกาล แต่ที่โด่งดังและขึ้นชื่อมากที่สุดก็คือเทศกาลดอกวิสทีเรีย ประจำฤดูใบไม้ผลิ ซึ่งเราจะได้เห็นดอกวิสทีเรียหลากเฉดสีมากกว่า 350 ต้น มีทั้งดอกสีม่วง ชมพู น้ำเงิน ขาว และเหลือง แลนด์มาร์คห้ามพลาดประจำ สวนดอกไม้อาชิคางะ ก็คืออุโมงค์ดอกวิสทีเรียที่กินพื้นที่ถึง 87 หลา เปิดให้นักท่องเที่ยวเดินลอดผ่านเก็บภาพกันได้อย่างจุใจ นอกจากนี้ยังมีต้นวิสทีเรียเก่าแก่อายุราวร้อยปี ตั้งตระหง่านอยู่กลางสวนด้วย ดอกวิสทีเรียที่จังหวัด โทชิกิ มักบานช่วงต้นเดือนพฤษภาคม เวลาเปิดบริการ: สวนดอกไม้อาชิคางะ เปิดทุกวันตั้งแต่ 9.00 - 18.00 น. สำหรับฤดูร้อน (เดือนมี.ค. - ต.ค.) ส่วนช่วงฤดูหนาว (เดือนพ.ย. - ก.พ.) เปิด 10.00 - 17.00 น. ค่าบริการ: ค่าตั๋วเข้าชมสำหรับผู้ใหญ่เริ่มต้นที่ 400 เยน (ประมาณ 115 บาท) ถึง 1,900 เยน (ประมาณ 540 บาท) ส่วนตั๋วเด็กเริ่มต้นที่ 200 เยน (ประมาณ 60 บาท) ถึง 900 เยน (ประมาณ 255 บาท) ขึ้นอยู่กับฤดูกาลและดอกไม้ที่จัดแสดง ค้นหาและจองที่พักในโทชิกิได้เลย  เที่ยวโทชิกิ | ที่เที่ยวประจำฤดูร้อน ฤดูร้อนคืออีกช่วงเวลาที่เหมาะแก่การออกมาเที่ยวและตะลุยจังหวัด โทชิกิ หน้าร้อนของที่นี่จะเริ่มตั้งแต่ปลายเดือนมิถุนายนยาวไปจนถึงเดือนกันยายน อุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ราวๆ 26 องศาเซลเซียส...
อ่านเพิ่มเติม
อาหารแนะนำในมิยาซากิ | เมนูเด็ดห้ามพลาดของจังหวัดมิยาซากิ
จังหวัดมิยาซากิ คือแหล่งรวมของอร่อยประจำท้องถิ่น ซึ่งสร้างความภาคภูมิใจให้คนในจังหวัดอย่างยิ่ง ใครไปเที่ยวที่นี่ควรได้ลองเมนูอาหารที่ใช้วัตถุดิบท้องถิ่น ซึ่งรวมถึงเนื้อวากิวคุณภาพเยี่ยม และราเมงสูตรเด็ดที่เป็นซิกเนเจอร์ของจังหวัด อาหารประจำจังหวัด มิยาซากิ นั้นแตกต่างจากอาหารในจังหวัดอื่นๆ ของญี่ปุ่น ซึ่งใครได้ลองแล้วก็มักจะติดใจ อยากจัดทริปกินที่ มิยาซากิ ซ้ำอีกบ่อยๆ เมนูเด็ดห้ามพลาดในมิยาซากิ | เนื้อมิยาซากิ เหตุผลหนึ่งที่หลายคนปักหมุดไปเที่ยว มิยาซากิ ก็เพื่อไปชิมเนื้อมิยาซากิอันโด่งดังนั่นเอง เนื้อมิยาซากิเป็นเนื้อคุณภาพสูงที่ได้รับรางวัล Prime Minister's Prize ถึงสามปีซ้อนในการแข่งขันเนื้อวากิวระดับชาติ การแข่งขันนี้มีขึ้นทุก 5 ปี จนมีชื่อเล่นที่คนชอบเรียกกันว่าการแข่งขันโอลิมปิกเนื้อวากิว! เนื้อที่ได้เข้าประกวดในรายการนี้จะมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วประเทศในฐานะเนื้อระดับท็อปที่มีคุณภาพเยี่ยมสุดๆ เนื้อมิยาซากิได้รับเกียรตินี้ร่วมกับคู่แข่งซึ่งโด่งดังระดับโลกอีกเพียงไม่กี่รายเท่านั้น นั่นคือเนื้อโกเบและเนื้อมัตสึซากะ สายกินทั้งหลายลองไปชิมเนื้อมิยาซากิในหลากหลายเมนูได้เลย ไม่ว่าจะเป็นสเต็กหรือปิ้งย่างยากินิขุ ทั่วทั้งจังหวัดมีหลายร้านที่ราคาเข้าถึงได้ รวมทั้งยังมีร้านบุฟเฟต์ให้อิ่มอร่อยกับเนื้อมิยาซากิได้ไม่อั้นอีกด้วย ค้นหาที่พักใกล้ร้านอาหารในมิยาซากิ  อาหารจานเด็ดห้ามพลาดในมิยาซากิ | ไก่เลี้ยงแบบปล่อยแห่งมิยาซากิ ไก่ที่เลี้ยงแบบปล่อยธรรมชาติของ มิยาซากิ มีชื่อเรียกว่า "มิยาซากิ จิโดริ" (Miyazaki Jidori) ซึ่งสามารถนำมาทำเป็นอาหารได้หลายแบบ ทั้งย่าง ทอด หรือแม้แต่กินดิบ! อย่างไรก็ตาม วิธีที่คนนิยมกันมากที่สุดก็คือการย่างถ่าน ไก่จิโดริย่างถ่านถือเป็นเมนูซิกเนเนอร์ของจังหวัดมิยาซากิเลยทีเดียว เนื้อนุ่มของไก่กับกลิ่นหอมจางๆ ของควันให้ความฟินสุดๆ เมนูนี้มีให้กินในร้านอาหารแบบเชนมากมาย แต่สำหรับสายกินที่แท้ทรู ขอแนะนำให้ไปร้านอาหารท้องถิ่นที่มีไก่จิโดริเป็นเมนูจานเด็ดดู ค้นหาที่พักใกล้ร้านอาหารในมิยาซากิ  เมนูเด็ดห้ามพลาดในมิยาซากิ | ราเมงเผ็ดร้อน "คาราเมง" คาราเมง (Karamen) มีน้ำซุปรสเผ็ดจัดจ้านและถือเป็นเมนูเด็ดอีกอย่างของ มิยาซากิ ซึ่งบอกได้เลยว่าอร่อยจนหยุดไม่ได้ ราเมงในน้ำซุปใส่กระเทียมและพริกคือเมนูท้องถิ่นขึ้นชื่อของ มิยาซากิ โดยร้านอาหารต่างๆ ล้วนออกแบบผสมผสานรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง แต่ทั้งหมดจะมีส่วนประกอบหลักคือ กระเทียม ต้นหอม เนื้อสับ พริก ซีอิ้ว และไข่ คนมักนิยมกินคาราเมงเป็นมื้อดึกหลังการท่องเที่ยวยามราตรี ร้านส่วนใหญ่จะให้เลือกระดับความเผ็ดและเส้นราเมงที่ต้องการได้ ซึ่งเส้นที่คนนิยมกันก็คือเส้นที่ทำจากแป้งบัควีทแต่มีความหนึบๆ คล้ายบุก (คอนยัคคุ) อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าคาราเมงจะเสิร์ฟด้วยเส้นอะไรก็อร่อยชัวร์ กินแล้วอาจติดใจจนต้องขอเบิ้ลอีกชาม! ค้นหาที่พักใกล้ร้านอาหารในมิยาซากิ  ค้นหาโรงแรมและรีสอร์ตในมิยาซากิ Green Rich Hotel Miyazaki Dormy Inn Miyazaki Natural Hot Spring JR Kyushu Hotel Miyazaki    
อ่านเพิ่มเติม
มิยาซากิ | แต่งชุดกิโมโนเที่ยวชมวัฒนธรรมดั้งเดิมในเมืองเก่า
มิยาซากิ เป็นจังหวัดที่ขึ้นชื่อเรื่องบรรยากาศของเมืองอันเก่าแก่ราวกับได้ย้อนเวลาไปยังเรื่องเล่าในอดีต แถมยังมีวัฒนธรรมและประเพณีอันโดดเด่นที่ถ่ายทอดต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่น หากใครได้มาเที่ยวที่ มิยาซากิ เราขอแนะนำให้เช่าชุดกิโมโนแล้วนั่งรถลากแบบดั้งเดิมชมเมือง รับรองว่าได้รูปสวยๆ เก็บไว้โพสต์เพียบ ค้นหาที่เที่ยวน่าสนใจอื่นๆ ใน มิยาซากิ และ โอบิ มิยาซากิ | แต่งชุดกิโมโนเที่ยวศาลเจ้ามิยาซากิ ศาลเจ้ามิยาซากิ (Miyazaki Shrine) นั้นเป็นที่รู้จักในฐานะจุดกำเนิดของตำนานเทพเจ้าญี่ปุ่น และยังเป็นที่ประทับของจักรพรรดิจิมมุซึ่งเป็นจักรพรรดิองค์แรกของญี่ปุ่นอีกด้วย ภายในอาคารหลักของศาลเจ้าจะมีพิธีกรรมสำคัญต่างๆ เช่น การเต้นระบำริวเตกิ ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถชมได้อย่างใกล้ชิด โดยในพิธีกรรมนี้มิโกะที่ได้รับคัดเลือกจะสวมเครื่องแบบของศาลเจ้าและเต้นรำประกอบเสียงดนตรีจากขลุ่ยริวเตกิเพื่ออุทิศแก่เทพเจ้า ซึ่งว่ากันว่าเสียงของขลุ่ยริวเตกินั้นเหมือนกับมังกรที่กำลังทะยานขึ้นฟ้า ถ้าอยากสัมผัสวัฒนธรรมดั้งเดิมของญี่ปุ่นใน มิยาซากิ แบบเต็มอิ่ม เราขอแนะนำให้เช่าชุดกิโมโนสักชุดแล้วลองใส่เที่ยวรอบๆ ศาลเจ้าแห่งนี้ รับรองว่าอินและฟินสุดๆ ค้นหาเรียวกังและที่พักในมิยาซากิ  มิยาซากิ | นั่งรถลากทัวร์ชมซากปราสาทโอบิ นักท่องเที่ยวสามารถเช่ารถลากแล้วนั่งไปรอบๆ ซากปราสาทโอบิ (Obi Castle Ruins) โดยเริ่มต้นจากประตูปราสาท แล้วนั่งต่อไปเรื่อยๆ เลียบ ถนนโยโกะบาบะ (Yokobaba Street) ที่มีบ้านซามูไรแบบดั้งเดิมตั้งอยู่มากมาย นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวยังสามารถนั่งรถลากชมรอบๆ เมืองโอบิ (Obi) เพื่อสัมผัสเสน่ห์และวัฒนธรรมของเมืองอันเก่าแก่แห่งนี้ได้อีกด้วย ขอบอกเลยว่าแค่ได้นั่งรถลากก็เหมือนได้ย้อนเวลากลับไปในยุคก่อนเลยล่ะ ค้นหาเรียวกังและที่พักในมิยาซากิ  ค้นหาโรงแรมและรีสอร์ตในโอบิ Nazuna Obi Onsen Resort Kanpo no Yado Nichinan Nichinankaigan Nango Prince Hotel    
อ่านเพิ่มเติม
ที่เที่ยวมิยาซากิ | เที่ยวชมความงามของธรรมชาติ และสัมผัสอากาศอบอุ่นในมิยาซากิ
จังหวัดมิยาซากิ เป็นจังหวัดที่มีบรรยากาศและสภาพอากาศอันอบอุ่น ที่นี่มีชายฝั่งทะเลอันสวยงามและที่เที่ยวห้ามพลาดมากมาย แถมยังมีประวัติความเป็นมาที่น่าค้นหา และมีวัฒนธรรมที่โดดเด่น ที่เที่ยวเด่นๆ ของ มิยาซากิ นั้นมีทั้งที่เที่ยวบนเกาะ หุบเขาน้ำตกตระการตา และเนินสุสานไซโตบารุที่มีดอกไม้บานสะพรั่งให้ชมตลอดปี เกาะอาโอชิมะ (Aoshima Island) อาโอชิมะ เป็นเกาะขนาดเล็กที่มีพืชพันธุ์เขตร้อนมากมาย เช่น ต้นปาล์มจีน แถมยังมีโขดหินรูปร่างแปลกตาที่เรียงตัวกันเป็นรูปทรงคล้ายคลื่นซึ่งชาวญี่ปุ่นเรียกกันว่า "กระดานซักผ้าของยักษ์" (Devil's Washboard) นอกจากนี้ยังมี ศาลเจ้าอาโอชิมะ (Aoshima Shrine) ที่ตั้งอยู่ใจกลางเกาะแห่งนี้ ศาลเจ้านี้เป็นศาลเจ้าชินโตที่สร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้แก่เทพเจ้าฮิโกโฮะ โฮเดมิ-โนะ-มิโกโตะ (Hikohohodemi-no-mikoto) หรืออีกชื่อหนึ่งคือ ยามาซาชิ-ฮิโคะ (Yamasachi-hiko) และเทพโทโยทามะ-ฮิเมะ (Toyotama-hime) ซึ่งเป็นสามีภรรยากัน โดยเทพทั้ง 2 องค์นั้นเป็นเทพเจ้าแห่งความรักและความสัมพันธ์ ค้นหาที่พักใกล้ที่เที่ยวในมิยาซากิ  หุบเขาทาคาชิโฮะ (Takachiho Gorge) หุบเขาทาคาชิโฮะ เกิดจากการกัดเซาะหน้าผาของลาวาหินภูเขาไฟที่ไหลอย่างรุนแรงและรวดเร็วจาก ภูเขาไฟอาโสะ (Mount Aso) ทำให้เกิดความสวยงามตามธรรมชาติจนได้รับการกำหนดให้เป็นจุดชมวิวแห่งชาติและอนุสรณ์สถานทางธรรมชาติอีกด้วย นอกจากนี้ที่นี่ยังมี น้ำตกมานาอิ (Manai Falls) ที่ไหลมาจากจุดสูงสุดของหุบเขาซึ่งมีความสูงกว่า 100 เมตรลงสู่แม่น้ำในบริเวณใกล้เคียง ซึ่งความสวยงามตระการตาของน้ำตกแห่งนี้ทำให้น้ำตกมานาอิเป็นหนึ่งใน 100 น้ำตกที่ดีที่สุดของญี่ปุ่น หากจะมาเที่ยวชมธรรมชาติอันสวยงามที่ หุบเขาทาคาชิโฮะ ก็มาได้เลยตลอดทั้งปี ช่วงฤดูใบไม้ผลิไปจนถึงช่วงต้นฤดูร้อน ที่หุบเขาแห่งนี้จะประดับประดาไปด้วยดอกซากุระ กุหลาบพันปี และดอกวิสทีเรีย ส่วนช่วงฤดูใบไม้ร่วงก็มีใบไม้เปลี่ยนสีให้ได้ชื่นชมมากมาย หากอยากชมภาพหุบเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะก็มาเที่ยวช่วงฤดูหนาวได้เลย ที่บริเวณใกล้ๆ หุบเขายังมี ศาลเจ้าทาคาชิโฮะ (Takachiho Shrine) ไฮไลต์ของศาลเจ้าแห่งนี้ก็คือการแสดงคากุระยามค่ำคืน (Night Kagura) ซึ่งเป็นมหกรรมแห่งการเล่นและการเล่าเรื่องราวตำนานเทพเจ้าอันโด่งดังของญี่ปุ่น การแสดงนี้ก็มีให้ชมได้เรื่อยๆ เลยตลอดทั้งปี ค้นหาที่พักใกล้ที่เที่ยวในมิยาซากิ  เนินสุสานไซโตบารุ (Saitobaru Burial Mounds) เนินสุสานไซโตบารุ เป็นที่เที่ยวห้ามพลาดอีกแห่งหนึ่งใน จังหวัดมิยาซากิ ที่นี่มีดอกไม้นานาพันธุ์ให้ชมตลอดปี โดยเฉพาะช่วงปลายเดือนมีนาคมถึงต้นเดือนเมษายนที่ต้นซากุระกว่า 2,000 ต้น และดอกคาโนล่ากว่า 300,000 ดอกจะบานสะพรั่งให้ได้ยลโฉมกันทั่วทั้งพื้นที่ นักท่องเที่ยวจะได้พบกับสีสันอันสวยงามของดอกซากุระที่ตัดกันกับสีเหลืองอันสดใสของดอกคาโนล่า ชวนให้บรรยากาศดูสดชื่นและผ่อนคลายสุดๆ นอกจากนี้ยังมีดอกคอมมอสเรียงรายให้ชื่นชมในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีอีกด้วย ขอบอกเลยว่าห้ามพลาด ค้นหาที่พักใกล้ที่เที่ยวในมิยาซากิ  จองโรงแรมและเรียวกังในมิยาซากิ Hotel Areaone Miyazaki APA Hotel Miyazakieki Tachibana-Dori Airline Hotel    
อ่านเพิ่มเติม
มิยาซากิ | ตีกอล์ฟ ปั่นจักรยาน และเล่นสกี ท่ามกลางธรรมชาติอันงดงามของจังหวัดมิยาซากิ เกาะคิวชู
จังหวัดมิยาซากิ มีภูมิอากาศอบอุ่น เหมาะกับการเล่นกีฬาและทำกิจกรรมผ่อนคลายกลางแจ้งต่างๆ โดยมีสถานที่และสิ่งอำนวยความสะดวกให้บริการครบครัน ท่ามกลางธรรมชาติที่งดงามสดชื่น มิยาซากิ จึงตอบโจทย์นักเดินทางที่อยากท่องเที่ยวและเล่นกีฬาที่ชอบไปด้วยพร้อมๆ กัน กอล์ฟ | เล่นกอล์ฟ 18 หลุม พร้อมเยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียง มิยาซากิ มีอากาศเย็นสบาย ไม่ร้อนไม่หนาว จึงสามารถเล่นกอล์ฟได้ตลอดทั้งปี ใครที่รักกีฬากลางแจ้งเช่นกอล์ฟจึงมาวาดวงสวิงบนสนามกอล์ฟที่สวยงามมีหญ้าเขียวชอุ่มได้แม้แต่ในฤดูหนาว การตีกอล์ฟใน มิยาซากิ ถือเป็นไฮไลท์หนึ่งที่ไม่ควรพลาด ทั่วทั้งจังหวัดมีสนามกอล์ฟให้เลือกมากมาย ซึ่งทั้งหมดอยู่ใกล้กับสถานที่ท่องเที่ยว กิจกรรมพักผ่อนหย่อนใจต่างๆ รวมถึงร้านอาหารญี่ปุ่นรสเลิศประจำเกาะคิวชู ค้นหาโรงแรม รีสอร์ตใกล้สถานที่เล่นกีฬาในมิยาซากิ  จักรยาน | ปั่นจักรยานริมทะเลในเมืองนิชินัน (Nichinan) จังหวัดมิยาซากิ มีเส้นทางปั่นจักรยานมากมายสำหรับมือใหม่หัดปั่นไปจนถึงนักปั่นน่องเหล็กผู้ช่ำชอง เช่น เส้นทางปั่นจักรยานเมือง นิชินัน คือ เส้นทางปั่นเลียบชายฝั่งซึ่งนักปั่นสามารถชมวิวทะเลสวยๆ ไปได้พร้อมๆ กัน รูปภาพจาก: Kushima Cycling Association   ค้นหาโรงแรม รีสอร์ตใกล้สถานที่เล่นกีฬาในมิยาซากิ  สกี | เล่นสกีบนเนินเขาแห่งเมืองโกคาเสะ (Gokase) แม้ว่า มิยาซากิ จะเป็นจังหวัดที่คนมองว่ามีอากาศอบอุ่น แต่ที่นี่ก็มีสกีรีสอร์ทชื่อดังอยู่ในเมือง โกคาเสะ Gokase Highland Ski Resort ตั้งอยู่บนเนินสกีทางใต้สุดของญี่ปุ่น มีคอร์สเล่นสกีสำหรับครอบครัว มือใหม่พัดเล่น และมืออาชีพ รีสอร์ทยังมีชุดและอุปกรณ์สำหรับเล่นสกีและสโนว์บอร์ดให้เช่า นักท่องเที่ยวจึงสามารถเดินทางไปเล่นสกีและดื่มด่ำกับทิวเขาอันงดงามแห่ง จังหวัดมิยาซากิ ได้อย่างสบายใจไร้กังวล ค้นหาโรงแรม รีสอร์ตใกล้สถานที่เล่นกีฬาในมิยาซากิ  โรงแรมและเรียวกังแนะนำในมิยาซากิ Aoshima Grand Hotel K's Street Hotel Miyazaki Miyazaki Kanko Hotel    
อ่านเพิ่มเติม
เที่ยวธรรมชาติในมิยาซากิ | อุทยานการท่องเที่ยวเชิงนิเวศและที่ราบสูงเอบิโนะ
การเที่ยวธรรมชาติใน มิยาซากิ จะพาเราไปเป็นส่วนหนึ่งของผืนป่าเขียวขจีซึ่งองค์การยูเนสโกรับรองให้เป็นอุทยานการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ อุทยานต่างๆ ใน จังหวัดมิยาซากิ ขึ้นชื่อว่ามีความงดงามตลอดทั้งปี โดยในแต่ละฤดูกาลก็ให้ความสวยงามที่แตกต่างกันไป ใครที่อยากพักกายมาสูดอากาศบริสุทธิ์และอิ่มเอมไปกับวิวธรรมชาติอันงดงามราวกับหลุดมาจากเทพนิยายต้องลองเดินทางมาที่นี่สักครั้ง เที่ยวธรรมชาติในมิยาซากิ | อุทยาน UNESCO Eco Park (ภูเขาโอกุเอะ เมืองอายะ) เมือง อายะ (Aya) ซึ่งตั้งอยู่ใจกลาง จังหวัดมิยาซากิ มีพื้นที่ป่าที่ใหญ่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่น โดยสวรรค์สีเขียวชอุ่มบน ภูเขาโอกุเอะ (Mt. Okue) ยังเป็นอุทยานการท่องเที่ยวเชิงนิเวศที่ได้รับการรับรองโดยองค์การยูเนสโกอีกด้วย หลบหนีความวุ่นวายมาพักกายผ่อนใจท่ามกลางธรรมชาติแห่งนี้ได้เลย ที่อุทยาน UNESCO Eco Park ยังมีสะพานแขวนขนาดใหญ่ให้เดินข้ามและชมวิวสุดตระการตาอีกด้วย ค้นหารีสอร์ทสำหรับทริปสุดสัปดาห์ในมิยาซากิ  เที่ยวธรรมชาติในมิยาซากิ | เส้นทางเดินเขา ที่ราบสูงเอบิโนะ ที่ราบสูงเอบิโนะ (Ebino Plateau) ใน จังหวัดมิยาซากิ คือ ขุมทรัพย์แห่งความหลากหลายทางธรรมชาติ ที่ราบสูงเอบิโนะ ได้รับการคัดเลือกให้เป็นหนึ่งในอุทยานแห่งชาติที่ดีที่สุดของญี่ปุ่น และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมอันดับหนึ่งในภูมิภาคนี้อีกด้วย ที่ราบสูงอันงดงามแห่งนี้ยังมีทะเลสาบปล่องภูเขาไฟ ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถเดินชมความงดงามของแอ่งภูเขาได้ อย่าลืมแวะศูนย์นักท่องเที่ยว Ebino Eco-Museum Center สำหรับข้อมูลเกี่ยวกับเส้นทางเดินเขาก่อนจะออกไปสำรวจ ที่ราบสูงเอบิโนะ แห่งนี้ ค้นหารีสอร์ทสำหรับทริปสุดสัปดาห์ในมิยาซากิ  โรงแรมและเรียวกังแนะนำในมิยาซากิ Luxze Hitotsuba Cottage Himuka Hotel Sky Tower Miyazaki Ekimae ANA Holiday Inn Resort Miyazaki    
อ่านเพิ่มเติม
เที่ยวนารา (Nara) ในฤดูใบไม้ร่วง : วางแผนทริปใบไม้เปลี่ยนสีโดยการเช่ารถขับเที่ยวเอง
หมายเหตุ: บทความนี้แปลโดยเครื่องมือแปลของ Google ของญี่ปุ่น จังหวัดนารา เป็นภูมิภาคที่เต็มไปด้วยวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์และชนบทจะสวยงามเป็นพิเศษในฤดูใบไม้ร่วง สำรวจใบไม้เปลี่ยนสีในสถานที่ต่างๆ เช่น ศาลเจ้าแทนซาน และในภูเขาโดยรอบ หมู่บ้านเทนคาวะ สามารถทำได้โดยรถไฟ แต่การเช่ารถเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการชมนาราแบบสบาย ๆ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการเดินทางในนาราสี่วันสามคืนสถานที่ท่องเที่ยวเหล่านี้มีธรรมชาติมากมายตลอดทั้งปีและทิวทัศน์ฤดูใบไม้ร่วงที่สวยงามในแต่ละฤดูใบไม้ร่วง เคล็ดลับการเดินทางของอโกด้า : การเช่ารถเป็นตัวเลือกที่ดีเมื่อต้องเดินทางแบบไปเช้าเย็นกลับจากใจกลางเมืองขนาดใหญ่และจะทำให้ง่ายต่อการเดินทาง ในการเช่ารถในญี่ปุ่นคุณต้องมีอายุอย่างน้อย 18 ปีและมีใบขับขี่สากล มี บริษัท หลายแห่งที่ให้บริการรถเช่าในญี่ปุ่น ได้แก่ Nippon Rent-A-Car, TOYOTA Rent a Car และ Nissan Rent a Car โดยทั่วไปค่าธรรมเนียมอยู่ระหว่าง 6,000 ถึง 15,000 เยนตลอด 24 ชั่วโมงขึ้นอยู่กับขนาดของรถ วันที่ 1 การเดินทาง: สำรวจ Tenkawa สำหรับวันแรกของทริปนาราคุณจะต้องมุ่งหน้าไปในอดีต นารา เมืองทางตอนใต้ของจังหวัดไปยังพื้นที่ที่งดงามของ หมู่บ้านเทนคาวะ นี่คือทริปหนึ่งวันที่น่าอัศจรรย์ของนาราที่จะทำให้คุณได้เห็นความงามตามธรรมชาติของภูมิภาค หากต้องการไปทางตอนใต้ของนารานักท่องเที่ยวสามารถเช่ารถได้ที่ สถานียามาโตะ - ยางิ การนั่งรถไฟ 1 ชั่วโมงจากโอซาก้าหรือเกียวโตก็เป็นความคิดที่ดี  [caption id="attachment_279389" align="aligncenter" width="1024"] ©奈良市観光協会, สงวนลิขสิทธิ์[/caption] วันที่ 1 ตอนเช้า: หมู่บ้านเทนคาวะ ตั้งอยู่ใน อำเภอโยชิโนะ หมู่บ้านเทนคาวะ เป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่มีประชากรกว่า 1,300 คน เรียกได้ว่าเป็นสถานที่แห่งพลังทางจิตวิญญาณ ในความเป็นจริง "Tenkawa" ซึ่งเป็นชื่อของหมู่บ้านเช่นเดียวกับแม่น้ำที่ไหลผ่านแปลว่า "แม่น้ำแห่งสวรรค์" ผู้คนจำนวนมากเดินทางไปแสวงบุญในพื้นที่และยังเป็นสถานที่ยอดนิยมสำหรับการเดินป่า ตามเส้นทางที่ได้รับการดูแลอย่างดีตลอดแนว แม่น้ำเทนคาวะ ขณะที่ลมพัดผ่าน Mitarai Valley เพื่อถ่ายภาพทิวทัศน์โดยรอบ คุณจะพบน้ำตกที่สวยงามและร้านค้าเล็ก ๆ มากมายตลอดทางที่ขายของที่ระลึกและสินค้าต่างๆ หนึ่งในสถานที่สำคัญที่สุดในหมู่บ้านคือ ศาลเจ้า Tenkawa Daibenzaiten ศาลเจ้าสร้างขึ้นในราวศตวรรษที่ 7 เพื่ออุทิศให้กับเทพธิดา Benzaiten เทพแห่งน้ำและสิ่งอื่น ๆ ที่ไหลเวียนรวมถึงเวลาคำพูดดนตรีความรู้และภูมิปัญญา เป็นหนึ่งในสามของศาลเจ้าที่ใหญ่ที่สุดในประเทศที่อุทิศให้กับ Benzaiten จักรพรรดิและบุคคลสำคัญของญี่ปุ่นมาเยี่ยมเยียนมากมายตลอดหลายศตวรรษที่ผ่านมาและถือได้ว่าเป็นสถานที่ที่มีอำนาจที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของพื้นที่ วันที่ 1 ช่วงบ่าย: ถ้ำหินปูน Tenkawa บนภูเขาเหนือเมืองใกล้เคียง โดโรกาว่า มีถ้ำหินปูนมหัศจรรย์สองแห่งที่คุณต้องไปเยี่ยมชมเมื่ออยู่ที่นี่ ถ้ำชื่อ Menfudo และ โกโยมัตสึ ต่างก็เป็นที่ตั้งของหินงอกหินย้อยและหินงอกหินย้อยที่ประดับประดาด้วยแสงไฟหลากสี ภายในถ้ำอาจลื่นได้เล็กน้อยดังนั้นควรสวมรองเท้าที่เหมาะสม แต่ละถ้ำยังมีหอดูดาวที่ทางเข้าซึ่งสามารถมองเห็นทิวทัศน์กว้างไกลของบริเวณโดยรอบและเป็นโอกาสในการถ่ายภาพที่ยอดเยี่ยม ในขณะที่คุณสามารถปีนขึ้นไปที่ทางเข้าของถ้ำทั้งสองได้ขอแนะนำให้คุณประหยัดเวลาและพลังงานด้วยการนั่งรถรางเดี่ยวที่ให้มาแทน มีรถไฟฟ้ารางเดี่ยวสองสายที่แตกต่างกันไปยังแต่ละถ้ำ รถไฟฟ้ารางเดี่ยวถึง ถ้ำหินปูน Menfudo ถูกสร้างขึ้นในรูปทรงที่สนุกสนานของท่อนไม้ในขณะที่โมโนเรลขึ้นไป ถ้ำหินปูนโกโยมัตสึ เปิดกว้างในการออกแบบมากขึ้น ทั้งสองลมผ่านป่าและขึ้นไปตามไหล่เขาทำให้การเดินทางไปถ้ำเป็นความสนุกครึ่งหนึ่งของประสบการณ์ทั้งหมด วันที่ 1 ตอนเย็น: น้ำพุร้อนโดโรกาวะ เมื่อคุณเสร็จสิ้นการผจญภัยในถ้ำที่กล้าหาญของคุณแล้วให้มุ่งหน้ากลับลงไปพักผ่อนในค่ำคืนที่ บ่อน้ำพุร้อนโดโรกาวะ และเพื่อนบ้าน โดโรกาวะสปา ผ่อนคลายกล้ามเนื้อของคุณหลังจากสำรวจมาทั้งวันในบ่อน้ำพุร้อนอ่อน ๆ หลังจากแช่น้ำเพื่อความผ่อนคลายแล้วออกไปสำรวจเมือง โดโรกาว่า . นี่เป็นพื้นที่ที่แปลกตาและน่ารักใน เท็นกะวะ ด้วยร้านอาหารโรงแรมและร้านขายของที่ระลึกมากมายที่คุณสามารถเลือกซื้อเครื่องประดับเล็ก ๆ น้อย ๆ...
อ่านเพิ่มเติม
วัดเรียวอันจิ | ไปเที่ยวสวนหินเซนในเกียวโตช่วงไหนดี?
หมายเหตุ: บทความนี้แปลโดยเครื่องมือแปลของ Google วัดเรียวอันจิ เป็นวัดที่สวยงามทางตะวันตกเฉียงเหนือของ เกียวโต ซึ่งเป็นที่ตั้งของสวนหินเซนที่มีชื่อเสียงที่สุดในประเทศ มันเป็นของโรงเรียน Myoshinji ของสาขารินไซของพุทธศาสนานิกายเซน คอมเพล็กซ์ทั้งหมดได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นทั้งมรดกโลกและเป็นหนึ่งในอนุสรณ์สถานทางประวัติศาสตร์ของเกียวโตโบราณ วัด Ryoanji เป็นสถานที่สำคัญที่คุณไม่ควรพลาดในการเที่ยวชมเมืองเนื่องจากเป็นที่แพร่หลายในประวัติศาสตร์และยังคงเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมที่สำคัญมาจนถึงทุกวันนี้ สามารถเข้าถึงได้ง่ายโดยรถไฟหรือรถบัสและล้อมรอบด้วยสถานที่สำคัญอื่น ๆ เช่นกัน ประวัติวัด Ryoanji เว็บไซต์ที่ วัด Ryoanji ตั้งอยู่ในวันนี้ย้อนกลับไปในศตวรรษที่ 11 เมื่อทำหน้าที่เป็นมรดกของตระกูล Fujiwara วัดแห่งนี้ก่อตั้งขึ้นในปี 1450 โดยรองผู้มีอำนาจชื่อ Hosokawa Katsumoto วัดดั้งเดิมถูกทำลายด้วยไฟเพียงสองทศวรรษต่อมา แต่ถูกสร้างขึ้นใหม่ในปี 1488 โดย Hosokawa Matsumoto ลูกชายของ Katsumoto แหล่งที่มาของความขัดแย้งเกี่ยวกับเมื่อสวนวัดถูกสร้างขึ้น บางคนแนะนำให้ก่อสร้างวันที่ใกล้ถึงจุดสิ้นสุดของศตวรรษที่ 15 และอื่น ๆ วันที่ในช่วงศตวรรษที่ 16 หรือแม้กระทั่งศตวรรษที่ 17 ไฟอีกครั้งในปีพ. ศ. 2340 ทำลายวิหารและสวนและทั้งสองถูกสร้างขึ้นใหม่ด้วยกันในตอนท้ายของศตวรรษที่ 18 Ryoanji วัดสวนหิน ไฮไลท์หลักของ วัดเรียวอันจิ คือสวนหินที่มีชื่อเสียง มีลานชมวิวตั้งอยู่บนเฉลียงของ Hojo ซึ่งเป็นที่พำนักเดิมของนักบวชหลักของวัด สวนครอบคลุมพื้นที่สี่เหลี่ยมจัตุรัส 248 ตารางเมตร (2,670 ตารางฟุต) มันเต็มไปด้วยกรวดสีขาวที่พระสงฆ์ raked ในแต่ละวันออกจากรูปแบบเชิงเส้น นอกจากนี้ยังมีหินขนาดใหญ่ปกคลุมไปด้วยมอส 15 ชนิดทั่วสวนแบ่งออกเป็นห้ากลุ่ม พื้นที่ถูกล้อมรอบด้วยกำแพงดินน้ำมันสูงหกฟุตซึ่งช่วยเพิ่มความสวยงามให้ไกลยิ่งขึ้น แม้ว่าสวนจะเอียงเล็กน้อยเพื่อให้มีการระบายน้ำที่เหมาะสม ผนังด้านตะวันตกนั้นเอียงในลักษณะที่ทำให้สวนมีความรู้สึกที่ลึกยิ่งขึ้น แง่มุมที่น่าสนใจอีกประการของการออกแบบของวัดคือมีเพียง 14 ก้อนหินที่มองเห็นได้จากทุกมุมมอง ประเพณีถือว่าคุณสามารถเห็นหินทั้ง 15 ก้อนในเวลาเดียวกันหลังจากบรรลุการตรัสรู้ ไม่มีใครรู้ว่าใครเป็นคนออกแบบสวนและความหมายของการออกแบบก็เป็นประเด็นที่ถกเถียงกันอยู่เช่นกัน บางคนเห็นก้อนหินขนาดใหญ่เป็นตัวแทนของเสือที่นำลูกของเธอข้ามลำธาร; คนอื่นเสนอว่าสวนเป็นภาพของยอดเขาที่โผล่ขึ้นมาผ่านชั้นของเมฆ หลายคนคิดว่าความตั้งใจดั้งเดิมนั้นเป็นเพียงการปล่อยให้จินตนาการของผู้ชมเป็นอิสระในการสร้างการตีความของตัวเอง บริเวณวัด Ryoanji หลังจากชมสวนแล้วขอแนะนำให้คุณเดินเล่นรอบ ๆ บริเวณ วัด Ryoanji ที่เหลือ บริเวณโดยรอบมีความสวยงามเป็นพิเศษในช่วงฤดูดอกซากุระ แต่น่ารักน่าเที่ยวทุกปี ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณแวะที่สวนอันกว้างขวางซึ่งตั้งอยู่ทางด้านซ้ายของทางเข้าวัด ที่นี่คุณสามารถเพลิดเพลินกับการเดินเล่นรอบสระน้ำที่สร้างขึ้นเมื่อสมัยที่เคยเป็นบ้านพักของตระกูลฟูจิวาระ มีแม้กระทั่งร้านอาหารชื่อ Ryoanji Yudofu Umegaean ที่คุณสามารถลองชิมเต้าหู้ต้ม เกียวโต บริเวณด้านหลังของวัดมีอ่างน้ำหินที่มีชื่อเสียงซึ่งมีน้ำไหลอย่างต่อเนื่องเพื่อชำระให้บริสุทธิ์ ความสูงต่ำของอ่างต้องให้ผู้ใช้งอลงเพื่อใช้งานซึ่งถูกมองว่าเป็นสัญลักษณ์ของความอ่อนน้อมถ่อมตน นอกจากนี้ยังมีสัญลักษณ์คันจิสี่ตัวบนพื้นผิวของอ่างซึ่งเมื่ออ่านด้วยกันจะเตือนผู้อ่านเกี่ยวกับความสำคัญของความพึงพอใจ ชั่วโมงวัด Ryoanji และค่าธรรมเนียมเข้าชม เวลาเปิดทำการของ วัด Ryoanji ขึ้นอยู่กับฤดูกาล ตั้งแต่เดือนมีนาคมถึงพฤศจิกายนวัดเปิดตั้งแต่ 8.00 น. ถึง 17.00 น. ทุกวัน. ตั้งแต่เดือนธันวาคมถึงเดือนกุมภาพันธ์วัดเปิดตั้งแต่ 8:30 น. ถึง 16:30 น. ทุกวัน. ค่าเข้าชมวัดเพียง 500 เยนสำหรับผู้ใหญ่และ 300 เยนสำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปีซื้อตั๋วได้ที่วัด วัด Ryoanji เป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมดึงดูดผู้เข้าชมนับร้อยในแต่ละวัน หากคุณต้องการหลีกเลี่ยงฝูงชนก็ควรมาให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ในตอนเช้า เช็คอินที่ เกสต์เฮาส์ kyorakuya kinkakuji ก้าวออกไป เกียวโต ค้นหาและจองโรงแรมใน KYOTO วันนี้ การเดินทางไปยังวัดเรียวอันจิ วิธีที่ง่ายที่สุดในการไป วัด...
อ่านเพิ่มเติม
ตลาดนิชิกิ | แหล่งช้อปปิ้งยอดนิยม และของกินห้ามพลาดในเกียวโต
หมายเหตุ: บทความนี้แปลโดยเครื่องมือแปลของ Google ไม่ว่าคุณกำลังมองหาอาหารอร่อย ๆ ที่จะทำให้คุณได้ลิ้มลองประวัติศาสตร์อันยาวนานหลายศตวรรษที่จะค้นพบหรือประสบการณ์ทางวัฒนธรรมทั่วไปที่จะทำให้คุณดื่มด่ำไม่ต้องมองหา ตลาดนิชิกิ ในตัวเมืองเกียวโต ฉายา "ครัวของ เกียวโต " โดยคนในท้องที่ถนนที่มีความยาว 400 เมตรนั้นเต็มไปด้วยแผงขายสินค้ากว่า 100 ร้านบางร้านขายอาหารทอดกรอบบางที่มีพื้นที่เล็ก ๆ สำหรับมื้ออาหารนั่งสบาย ๆ และร้านขายของชำจากปลาสด ผลผลิตที่ปลูก (อาจเกิดขึ้นโดยผู้ขายเอง) เวลาสถานที่และสิ่งที่คาดหวังที่ตลาดนิชิกิ ตลาดนิชิกิ ตั้งอยู่ในทำเลสะดวกใช้เวลาเดินเพียงห้านาทีจาก สถานีชิโจะ เปิดตั้งแต่ 9 โมงเช้าถึง 5 โมงครึ่ง วันจันทร์ถึงวันศุกร์และ 9:00 น. ถึง 16:30 น. ในวันเสาร์ทำให้เป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการหยุดพักกลางวันในขณะที่คุณกำลังเดินทาง อย่างไรก็ตามโปรดทราบว่าตลาดปิดทำการในวันอาทิตย์และผู้ขายบางรายอาจไม่ได้ถือเวลาทำการเดียวกันกับตลาด หากคุณตั้งใจที่จะเยี่ยมชมผู้ขายที่เฉพาะเจาะจงเราขอแนะนำให้ตรวจสอบเวลาของผู้จัดจำหน่ายก่อนการเยี่ยมชมของคุณ อาหารที่ตลาดนิชิกิ คุณจะพบกับผู้ค้าอาหารที่อุดมสมบูรณ์ที่ ตลาดนิชิกิ ตั้งแต่ร้านอาหารแบบนั่งลงไปจนถึงร้านขายของชำไปจนถึงการกัดอย่างรวดเร็วสำหรับการเดินทาง ไม่ว่าคุณจะกำลังมองหาส่วนผสมในท้องถิ่นที่น่าปรุงเพื่อปรุงอาหารของคุณเองประสบการณ์อาหารที่จัดเตรียมไว้อย่างสมบูรณ์หรือของว่างเล็ก ๆ เพื่อปรนเปรอความหิวโหยของคุณในระหว่างการสำรวจตลอดทั้งวัน ในความเป็นจริงผู้ขายจำนวนมากแจกตัวอย่างฟรีดังนั้นให้แน่ใจว่าคุณออกจากพื้นที่ในท้องของคุณเพื่อลิ้มรสการทดสอบตัวเลือกมากมาย Kyo Yasai Kanematsu หากผักที่ปลูกในท้องถิ่นเป็นสิ่งที่คุณชื่นชอบ Kyo Yasai Kanematsu เป็นสถานที่ที่ไม่ควรพลาดที่ ตลาดนิชิกิ ความภาคภูมิใจของการแสดงผักหลากหลายฤดูกาลต้อนรับคุณที่ร้านนี้ เนื่องจากผู้ขายรายนี้จัดหาแหล่งผลิตจากเขต เกียวโต เท่านั้นคุณอาจพบว่าราคาของพวกเขาสูงกว่าที่คุณพบในร้านขายของชำทั่วไป แต่เมื่อดูที่ผลิตบนจอแสดงผลจะเห็นได้ชัดว่าผลิตภัณฑ์เหล่านี้มีคุณภาพสูง ภาพที่สมบูรณ์แบบผักเหล่านี้กำลังรอที่จะหั่นบาง ๆ หั่นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าและคั่วในสูตรที่คุณชื่นชอบ หรือถ้าคุณอยู่ในอารมณ์ของการรับประทานอาหารที่นั่นและที่นั่นมีร้านอาหารนั่งลงเชื่อมต่อกับร้านค้า คิมูระปลาสด ญี่ปุ่นเป็นที่รู้จักกันในเรื่องของอาหารทะเลสดใหม่ดิบและแผงขายของที่เก่าแก่ที่สุดใน ตลาด Nishiki, Kimura Fresh Fish เป็นจุดหมายปลายทางสำหรับปลาสดที่ดีที่สุดที่คุณจะได้ลิ้มลองในชีวิต แผงขายอาหารแห่งนี้มีตัวเลือกในการยืนและกินอาหารที่เป็นไปได้ในพื้นที่นั่งเล็ก ๆ และตัวเลือกอาหารที่สั่งกลับบ้าน รายการโปรดที่แฟน ๆ ชื่นชอบเพื่อลองใช้กับผู้ขายรายนี้คือ: ซาชิมิ เสียบไม้ ปลาหมึก หอยนางรม หอย เม่นทะเล Shirako ทูน่า เนื้อหางเหลือง ponzu ตับ lionfish หอยนางรมที่ Watahan ในขณะที่เรากำลังพูดถึงปลาสด หอยนางรมที่ Watahan เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับอาหารทะเลทั้งแบบคลาสสิกและแปลกใหม่ รายการโปรดของแฟน ๆ ได้แก่ หอยนางรมปลาแซลมอนปูและปลาปักเป้า! แขกคนก่อน ๆ เล่าปลาปักเป้า (เรียกว่า fugu ในญี่ปุ่น) ว่าเป็นสิ่งแปลกใหม่โอชะให้ความรู้สึกแสบเล็กน้อยเพราะปลาปักเป้ามีบางสิ่งที่เรียกว่า tetrodotoxin พิษที่แข็งแกร่งกว่าไซยาไนด์ มีเพียงพ่อครัวที่มีประสบการณ์เท่านั้นที่เตรียมอาหารอันโอชะนี้เนื่องจากเป็นอาหารที่มีราคาสูง โดยรวมญี่ปุ่นกินฟูก 10,000 ตันต่อปีและมีคนน้อยมาก (สถิติบางคนบอกว่าเฉลี่ย 44 คน) ที่ป่วยหรือเสียชีวิตจากพิษฟูกูเป็นประจำทุกปี หากคุณยินดีที่จะเล่นราคาเหล่านั้น หอยนางรมที่ Watahan ก็เป็นที่ที่ควรไป Tanaka Keiran ทานากะเคอิราน กล่าวว่าเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการทานทามาโกะยากิของญี่ปุ่น Tamagoyaki (แปลตามตัวอักษรว่า "ไข่ดาว") เป็นไข่เจียวประเภทหนึ่งซึ่งมักจะเตรียมในถาดสี่เหลี่ยมที่เรียกว่า makiyakinabe หรือ tamagoyakiki มันทำโดยกลิ้งไข่หลายชั้นมารวมกันและสามารถเตรียมได้โดยใช้ส่วนผสมที่แตกต่างกันจำนวนมากซึ่งอาจส่งผลให้มีรสเค็มหวานหรือเผ็ดเผ็ดดังนั้นสิ่งที่คุณอยากอาหารจานนี้สามารถตอบสนอง ซุปที่จุดนี้ยังได้รับความคิดเห็นคลั่ง Kai หากคุณเคยได้ยินเกี่ยวกับอาหารอันโอชะที่ ตลาดนิชิกิ มาก่อนอาจเป็นไปได้ว่าทาโก้ทามาโกะ (แปลว่า "ไข่ปลาหมึก") Octopi ขนาดเล็กเหล่านี้มีไข่นกกระทาต้มแข็งยัดเข้าไปในหัวของพวกเขาจากนั้นพวกเขาจะเบ้เคลือบและย่าง จานที่ดูแปลก ๆ นี้เป็นสิ่งที่ต้องลองที่ตลาดเพราะนี่อาจเป็นโอกาสเดียวที่คุณจะทำเช่นนั้น Karikari Hakase...
อ่านเพิ่มเติม
ที่เที่ยวเกียวโต | สุดยอดที่เที่ยวห้ามพลาดในญี่ปุ่น
หมายเหตุ: บทความนี้แปลโดยเครื่องมือแปลของ Google เกียวโต เป็นที่รู้จักจากสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์มากมายและ เกียวโต สถานที่ท่องเที่ยว ได้แก่ วัดพุทธที่มีชื่อเสียงสวนสวยศาลเจ้าชินโตพระราชวังและบ้านไม้แบบดั้งเดิมที่เรียกว่ามาจิยะ เกียวโต ยังเป็นหนึ่งในสถานที่ยอดนิยมสำหรับผู้คนที่มาเยี่ยมชมในช่วงฤดูซากุระบานรวมทั้งในช่วงฤดูใบไม้ร่วงที่ใบไม้เปลี่ยนสี เมืองที่สวยงามแห่งนี้เคยเป็นเมืองหลวงของ ญี่ปุ่น และยังคงเป็นหนึ่งในเมืองที่น่าทึ่งที่สุดในประเทศ ตั้งอยู่บนเกาะฮอนชูและทางตอนเหนือของ โอซาก้า , เกียวโต นอกจากนี้ยังมีชื่อเสียงในด้านการรับประทานอาหารญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมที่เรียกว่าไคเซกิซึ่งมีการเตรียมอาหารหลายคอร์สอย่างพิถีพิถันและเสิร์ฟให้กับแขกเช่นเดียวกับเกอิโกะ (หรือที่เรียกว่าเกอิชาใน โตเกียว ) และนักแสดงไมโกะที่ฝึกฝนฝีมือในด้านนี้มานานหลายศตวรรษ อุดมไปด้วยอาหารประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม เกียวโต สถานที่ท่องเที่ยวดึงดูดผู้รักประวัติศาสตร์ผู้ชื่นชอบอาหารและนักเดินทางที่ต้องการสัมผัสโลกเก่าในเมืองที่ทันสมัย สถานที่ท่องเที่ยวและกิจกรรมน่าสนใจในเกียวโต เกียวโต เป็นเมืองที่โดดเด่นซึ่งขึ้นชื่อเรื่องการอนุรักษ์วัฒนธรรมญี่ปุ่นไว้อย่างสวยงามด้วยศิลปะอาคารอาหารและผู้คน เมืองนี้เป็นที่รู้จักกันดีว่ามีความสวยงามและมีสวนเขียวชอุ่มป่าไม้และทางเดินเข้าไปในภูเขา บางส่วนของการเยี่ยมชมมากที่สุด เกียวโต สถานที่ท่องเที่ยวคือพื้นที่ทางประวัติศาสตร์ที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้ของเมืองเช่น กิออน และ เขตฮิกาชิยามะ นักท่องเที่ยวยังเพลิดเพลินไปกับการสำรวจศาลเจ้าและวัดเก่าแก่หลายแห่งในเมือง ด้วยร้านค้าเฉพาะทางมากมายรวมถึงโรงน้ำชาช่างฝีมือและช่างฝีมือในท้องถิ่นมีสถานที่ดีๆมากมายให้เลือกซื้อ เกียวโต เช่นกัน ภูเขา Atago ภูเขา Atago มีความสูงสูงสุดใน เกียวโต ที่ 924 เมตรและยังเป็นที่ตั้งของศาลเจ้า Atago ศาลเจ้าชินโตแห่งนี้ก่อตั้งขึ้นในปี 1603 แม้ว่าศาลเจ้าปัจจุบันบนยอดเขาอะทาโกะจะถูกสร้างขึ้นในปี 2501 ในการขึ้นไปยังศาลเจ้าต้องขึ้นบันได 86 ขั้นที่เรียกว่า "ขั้นบันไดหินสู่ความสำเร็จ" จากนั้นจึงจะสามารถเห็น ศาลเจ้าซึ่งตั้งอยู่บนยอดเขา Atago นักเดินทางไกลที่ต้องการเพลิดเพลินไปกับส่วนที่เหลือของภูเขายินดีที่ทราบว่ามีเส้นทางวน 12.9 กิโลเมตรที่จะพาพวกเขาผ่านภูเขา โดยทั่วไปเส้นทางนี้ได้รับการดูแลอย่างดีและสามารถเข้าถึงได้ตลอดทั้งปีและเป็นที่นิยม นักเดินป่าที่มีประสบการณ์บางคนเลือกที่จะเดินป่าข้ามคืน ทิวทัศน์จากด้านบนนั้นงดงามและคุ้มค่ากับการปีน ขึ้นอยู่กับความสามารถของนักปีนเขาควรใช้เวลาสองถึงสามชั่วโมงในการขึ้นไปยังยอดเขา Atago ที่อยู่: Sagaatagocho, เขต Ukyo ค่าธรรมเนียมแรกเข้า: ฟรี ชั่วโมงการทำงาน: เปิดตลอด 24 ชั่วโมงและศาลเจ้าเปิดตั้งแต่ 9.00 น. ถึง 17.00 น. ทุกวัน ศาลาทองคำ - Kinkaku-ji ศาลาทองคำ (หรือที่เรียกว่า Kinkaku-ji และมีชื่ออย่างเป็นทางการว่า Rokuon-ji) เป็นวัดพุทธและเป็นที่นิยมมากที่สุดแห่งหนึ่ง เกียวโต สถานที่ท่องเที่ยวและหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมใน ญี่ปุ่น สร้างขึ้นมองเห็นสระน้ำที่สวยงามโครงสร้างที่มีอยู่ในปัจจุบันถูกสร้างขึ้นใหม่หลังจากเกิดเพลิงไหม้ในปีพ. ศ. 2498 แม้ว่าจะมีวัดอยู่ในบริเวณนี้ตั้งแต่ปี 1408 วิหารสีทองที่สวยงามสร้างขึ้นในรูปแบบที่มีไว้เพื่อสักการะวัฒนธรรมที่ฟุ่มเฟือย แพร่หลายเมื่อสร้างขึ้นครั้งแรก แต่ละชั้นของอาคารมีรูปแบบสถาปัตยกรรมที่แตกต่างกัน นักท่องเที่ยวยังสามารถเพลิดเพลินไปกับธรรมชาติโดยรอบที่อยู่อาศัยเดิมของหัวหน้านักบวช (จากด้านนอกการตกแต่งภายในอาคารอยู่ใกล้กับสาธารณะ) ร้านขายของกระจุกกระจิกและสวนน้ำชาขนาดเล็กที่แขกสามารถดื่มชามัทฉะและขนมหวานได้ ของว่าง ที่อยู่: 1 Kinkakujicho, Kita Ward ค่าธรรมเนียมแรกเข้า: 400 เยน ชั่วโมง: 9.00 น. ถึง 17.00 น. ทุกวัน วัด Nishi Honganji วัด Nishi Honganji เป็นหนึ่งในสองวัดที่อุทิศให้กับนิกายย่อยของชินพุทธศาสนาและอีกวัดหนึ่ง วัด Higashi Honganji ซึ่งตั้งอยู่ใน เกียวโต ก่อตั้งขึ้นในปี 1591 หลายอาคารของ วัด Nishi Honganji รอดชีวิตมาได้ตั้งแต่ต้นวันที่ 17 และ 18 หลายศตวรรษทำให้ที่นี่เป็นจุดหมายปลายทางสำหรับผู้ชื่นชอบสถาปัตยกรรมที่ต้องการสัมผัสรูปแบบสถาปัตยกรรมญี่ปุ่นในอดีต วัดนี้ยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกและทำหน้าที่เป็นวิหารหลักของนิกาย ด้วยงานแกะสลักที่สวยงามและรายละเอียดของอาคารและประตูคารามงที่ตกแต่งอย่างวิจิตรอาคารและโครงสร้างเหล่านี้จึงล้ำค่าและควรค่าแก่การเยี่ยมชม ที่อยู่:...
อ่านเพิ่มเติม
11 ที่พักราคาประหยัดในโตเกียว: แนะนำที่พักสำหรับนักเดินทางที่มีงบประมาณจำกัด
ที่พักราคาประหยัดในโตเกียวนั้น นอกจากจะตั้งอยู่ในทำเลดีแล้วยังราคาถูกพอที่จะช่วยประหยัดงบเอาไว้ไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ ได้อีกด้วย โตเกียว เป็นเมืองหลวงและเป็นเมืองที่มีประชากรมากที่สุดในญี่ปุ่น ที่นี่จึงมีร้านอาหาร ร้านค้า และที่เที่ยวต่างๆ มากมาย ทริปนี้ลองประหยัดงบด้วยการจองที่พักดีๆ ในราคาเป็นมิตรจะได้เหลือเงินไว้เที่ยวที่ต่างๆ ในโตเกียว การหาที่พักราคาไม่แพงในโตเกียวไม่ได้หมายความว่าความสะดวกสบายจะถูกลดทอน โรงแรมราคาย่อมเยาว์หลายแห่งมีห้องพักขนาดกะทัดรัดที่สะอาดและมีสิ่งอํานวยความสะดวกที่จําเป็น มีตัวเลือกที่พักมากมายที่เหมาะกับสไตล์การเดินทางที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นที่พักแบบอบอุ่นผ่อนคลาย หรือโรงแรมทันสมัยที่มีการออกแบบที่เรียบง่าย ที่พักราคาประหยัดบางแห่งมอบประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร เช่น โรงแรมแคปซูล หรือโรงแรมสไตล์ดั้งเดิมเพื่อสัมผัสวัฒนธรรมญี่ปุ่น การเข้าพักในย่านที่ใกล้ระบบขนส่งสาธารณะจะช่วยให้เดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวชั้นนําของโตเกียวได้อย่างง่ายดาย หากวางแผนสักหน่อยก็สามารถเข้าพักในโรงแรมราคาประหยัดที่ช่วยให้ท่องเที่ยวโตเกียวได้อย่างสะดสกสบายในราคาสบายกระเป๋า ทริปนี้ลองประหยัดงบด้วยการจองที่พักดีๆ ในราคาเป็นมิตรจะได้เหลือเงินไว้เที่ยวที่ต่างๆ ในโตเกียว ที่พักราคาประหยัดในโตเกียว | โรงแรมแคปซูล โรงแรมแคปซูลนั้นเริ่มมาจากประเทศญี่ปุ่น ภายในโรงแรมจะมี "พ็อดส์" หรือ "แคปซูล" ส่วนตัว โดยแคปซูลเหล่านี้จะมีขนาดเท่ากับเตียงเดี่ยวและมีสิ่งอำนวยความสะดวกเล็กน้อยให้บริการในแคปซูล ที่พักราคาประหยัดส่วนใหญ่ในโตเกียวจะเป็นที่พักสไตล์โรงแรมแคปซูลมากกว่าโรงแรมทั่วไป หากนักท่องเที่ยวไม่มีอาการของโรคกลัวที่แคบ การเข้าพักในโรงแรมแคปซูลก็ถือเป็นตัวเลือกที่ดีเลยทีเดียว 1. Tokyo Ginza Bay Hotel Tokyo Ginza Bay ตั้งอยู่ใน ย่านกินซ่า อันคึกคัก ที่พักแห่งนี้เป็นโรงแรมแคปซูลที่มีมากกว่า 200 เตียง เตียงแคปซูลของที่นี่นั้นสะอาดสะอ้านและสะดวกสบาย แถมยังมีประตูบานเลื่อนเพื่อการพักผ่อนเป็นส่วนตัว และห้องแคปซูลบางห้องก็มีโทรทัศน์ด้วย ในที่พักนี้มีสิ่งอำนวยความสะดวกส่วนกลางให้บริการซึ่งรวมถึงพื้นที่นั่งเล่นส่วนกลางและเครื่องซักผ้า ที่เที่ยวใกล้ Tokyo Ginza Bay Hotel เดินไปไม่ไกลก็ถึง Shiseido Gallery สวนฮามาริคิว (Hamarikyu Gardens) แกลเลอรี Shiodome Museum Rouault Gallery การเดินทาง ที่อยู่: ที่พักราคาประหยัดแห่งนี้ตั้งอยู่ที่ 7-13-15 Ginza, Chuo-ku, Ginza, Tokyo, Japan, 104-0061 ที่พักอยู่ห่างจาก สถานี Higashi Ginza สายรถไฟใต้ดิน Toei Asakusa โดยใช้เวลาเดินไปที่พักเพียง 7 นาที ที่พักอยู่ห่างจาก สถานี Ginza สายรถไฟใต้ดิน Tokyo Metro Ginza โดยใช้เวลาเดินไปที่พักเพียง 8 นาที เข้าพักที่ Tokyo Ginza Bay Hotel แล้วออกไปเที่ยว GINZA SIX ห้างที่ฮอตฮิตที่สุดในย่านนี้ 2. Do-c Ebisu ในโตเกียวมีที่พักราคาประหยัดอยู่มากมาย แต่ขอบอกเลยว่า Do-c Ebisu นั้นเป็นที่พักที่ไม่เหมือนใคร เพราะที่นี่มีซาวน่าเพิ่มความสดชื่นให้สำหรับผู้เข้าพัก และที่พักแห่งนี้ก็ตกแต่งด้วยไม้เป็นหลักจึงให้ความรู้สึกเรียบง่ายและอบอุ่นอีกด้วย ที่เที่ยวใกล้ Do-c Ebisu เดินไปไม่ไกลก็ถึง สตูดิโอโยคะ YogaJaya พิพิธภัณฑ์เบียร์ Yebisu สวนสาธารณะ Naka-Meguro การเดินทาง ที่อยู่: ที่พักแห่งนี้ตั้งอยู่ที่ 1-8-1 Ebisu, Shibuya-ku, Ebisu, Tokyo, Japan, 150-0013 ที่พักอยู่ห่างจาก สถานี Ebisu สาย Yamanote Rail โดยใช้เวลาเดินไปที่พักเพียง 3...
อ่านเพิ่มเติม
ตลาดคุโระมง | อาหารโอซาก้าและร้านอาหารญี่ปุ่นราคาสบายกระเป๋า
ตลาดคุโระมง (Kuromon Market) เป็นตลาดเก่าแก่ที่มีประวัติย้อนกลับไปตั้งแต่ต้นปี ค.ศ. 1820 ตลาดแห่งนี้ยังคงความเป็นสถานที่ทางประวัติศาสตร์ไว้พอๆกับความทันสมัย ตลาดแห่งนี้เป็นที่รู้จักในอีกชื่อหนึ่งว่า ตลาดคุโรมอน อิชิบะ (Kuromon Ichiba) หรือ ตลาดประตูดำ ที่เคยชุกชุมไปด้วยพ่อค้าขายปลาจนกลายมาเป็นตลาดปลาโอซาก้าในปี ค.ศ. 1902 ปัจจุบันที่นี่มีร้านค้ามากกว่า 150 ร้าน มีพ่อครัวท้องถิ่นมากมายและมีลูกค้าโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 23,000 คนต่อวัน ข้าวหน้าปลามากุโร่ (ข้าวหน้าปลาทูน่า) เบอร์เกอร์ปูนิ่ม เนื้อวัวโกเบ อาหารน่าลองและร้านค้าชื่อดังในตลาดคุโระมง ถึงแม้ ตลาดคุโระมง จะเป็นแหล่งอาหารทะเลสดใหม่เพื่อจัดส่งให้กับร้านอาหารท้องถิ่นหลายพันร้านแต่ก็ยังเป็นย่านของกินสำหรับสายกินในโอซาก้าอีกด้วย ชมการชำแหละปลาทูน่าพร้อมอร่อยไปกับซูชิและซาชิมิสดใหม่ได้ที่นี่ ที่นี่ยังมีทาโกะยากิ หอยเชลล์ย่าง และฟูกู (ปลาปักเป้า) ให้เคี้ยวเต็มปากเต็มคำขณะเดินสำรวจร้านอาหาร รวมไปถึงร้านขายของที่ระลึก และร้านพิเศษมากมายที่เรียงรายยาวกว่า 600 เมตร ร้านปลาทูน่า คุโระกิน (Kurogin): ร้านปลาทูน่าสุดพิเศษที่เสิร์ฟเนื้อปลาทูน่าละลายในปากและมีเมนูที่โด่งดังคือ ข้าวหน้าปลามากุโร่ (ปลาทูน่าหมัก) ร้าน Kushisei: แวะมาแทะ คุชิคัตสึ (kushikatsu) แบบดั้งเดิม (เนื้อเสียบไม้ทอด) ได้ที่นี่ หรือจะจัดเต็มกับเบอร์เกอร์ปูนิ่มทอดก็ได้เหมือนกัน! ร้านเนื้อมารุเซ็น (Maruzen Meat Shop): ชมการสไลด์และหั่นเต๋าเนื้อวัวโกเบระดับมืออาชีพแล้วนำไปย่างให้น่าทานต่อหน้าต่อตาเรา การเดินทางไปที่ตลาดคุโระมง ตลาดคุโรมอนอิชิบะ ใช้เวลาเดินเพียง 5 นาทีจาก สถานี Nippombashi และ สถานี Kintetsu-Nippombashi หรือเดิน 10 นาทีจาก สถานี Namba ที่ สวนนัมบะ (Namba Parks) เข้าพักที่โรงแรมหรืออพาร์ตเมนต์ใกล้กับ สถานี Nippombashi Shell Nell Namba by WBF Minn Namba Business Hotel Nissei แล้วออกไปหาอะไรทานที่ ตลาดคุโระมง
อ่านเพิ่มเติม
สถานบันเทิงยามค่ำคืนในโอซาก้า: 5 บาร์และคลับพร้อมดีเจฮิปๆและค็อกเทลร็อกกิ้ง
โอซาก้า เป็นเมืองที่ครึกครื้นจนถึงดึก ที่นี่มีตัวเลือกทาง คลับ เครื่องดื่มและการเต้นสุดมันส์มากมาย ความหนาแน่นหนาของสถานบันเทิงยามค่ำคืนในโอซาก้าอย่าง ชินไซบาชิ และ อเมริกาวิลเลจ (อเมริบามุระ) หมายความว่าเรามีทางเลือกที่สองเสมอหากไม่เหนื่อยจากที่แรกแล้ว โดยทั่วไปแล้วราคาของคลับและบาร์ในโอซาก้านั้นจะสมเหตุสมผลและครอบคลุมค่าใช้จ่ายโดยที่อย่างน้อยต้องมีเครื่องดื่มฟรีหนึ่งรายการรวมอยู๋ (-> โอซาก้าเป็นเมืองที่นักท่องเที่ยวไม่อยากจบวันเร็วนักเพราะมีคลับที่เที่ยวสำหรับดื่มและเต้นเยอะแยะมากมายในย่านชินไซบาชิและหมู่บ้านอเมริกัน (อเมริกามูระ) หากไม่ชอบร้านแรกที่เข้าไปสามารถเปลี่ยนไปร้านอื่นใกล้ๆได้เลย และด้วยร้านที่เยอะราคาเครื่องดื่มจึงไม่สูงมากและรวมทุกอย่างแล้วและอาจมีเครื่องดื่มให้ฟรีหนึ่งแก้วด้วย) 1. คลับเซอร์คัสในหมู่บ้านอเมริกา (อเมริบามุระ) คลับเซอร์คัส (Club Circus) อาจเป็นสถานที่ที่ดีที่สุดในโอซาก้าสำหรับเทคโนโลยีและ EDM ที่จริงจัง ด้วยการผสมผสานของดีเจทั้งที่มีชื่อเสียงและอันเดอร์กราวด์ คลับเล็กๆแต่เต็มตลอดแห่งนี้ อัดแน่นไปด้วยไปด้วยเสียงที่ดังกึกก้องและเป็นแหล่งรวมของแฟนๆวงการเพลงเต้นและนักเที่ยวสถานบันเทิงยามค่ำคืนในโอซาก้า การแสดงสดโดยเฉพาะอย่างยิ่งฮิปฮอปและการแสดงของดีเจแบบโอล์สคูลก็เป็นจุดเด่นของ คลับเซอร์คัส บางครั้งศิลปะการแสดงที่ใช้ดนตรีเป็นแนวทดลองและมีศิลปะที่เหมือนจริงก็มีจัดอยูในตารางเช่นกัน (->คลับเซอร์คัสเรียกได้ว่าเป็นคลับที่เน้นเพลงแนวเทคโนและอีดีเอ็มที่ดีที่สุดในโอซาก้า สร้างสรรค์เสียงเพลงโดยดีเจที่มีชื่อเสียงและดีเจที่เล่นใต้ดิน คลับเซอร์คัสเล็กๆแต่แน่นไปด้วยเสียงเพลงแน่นๆหนักๆและนักเที่ยวแห่งนี้มีการแสดงสดอย่างฮิปฮอปและการสแครชแผ่นในสไตล์ old school รวมถึงดนตรีแนวทดลองและแนวทางเลือกในตารางอีเว้นท์ของร้านด้วย) ที่อยู่: 542-0086 Osaka Prefecture, Osaka, Chuo, Nishishinsaibashi 1-8-16 วิธีการเดินทาง: คลับเซอร์คัส ใช้เวลาเดินเพียง 3 นาทีจาก สถานีโยะสึบะชิ ตั้งอยู่หน้า หน้าห้างสรรพสินค้า ชินไซบาชิ โอพีเอ เข้าพักที่ Fuku Yado - Fuku Hostel- Nagomi- Namba Osaka แล้วออกไปเที่ยวที่ คลับเซอร์คัส ในอเมริกามุระ ค้นหา โรงแรมและอพาร์ตเมนต์อื่นๆ ใกล้กับชินไซบาชิ โอพีเอ 2. Sam and Dave One ใกล้ Souemoncho ในชินไซบาชิ Sam and Dave One เป็นสถาบันการศึกษาโอซาก้ามานานกว่า 20 ปี ดึงดูดฝูงชนนานาชาติจำนวนมากทุกคืนของสัปดาห์สู่ฟลอร์เต้นที่กว้างขวาง ด้วยธีมยามกลางคืนที่มีการเต้นเพลงลาตินและดนตรีอื่นๆที่หลากหลายตั้งแต่ฮิปฮอปจนถึงเพลงเคลิ้ม แซมและเดฟวัน ดึงดูดทุกคนที่กำลังมองหาสถานบันเทิงยามค่ำคืนในโอซาก้า ในขณะที่ดนตรีเปลี่ยนไปทุกคืนการแสดงแสงสีเสียงจะเต็มไปด้วยระเบิดไปด้วยความมันส์และเราสามารถอร่อยไปกับอาหารสไตล์ตะวันตกที่เป็นที่นิยมของสโมสรที่เปิดให้บริการจนกระทั่งดึก (-> Sam and Dave One เป็นสถาบันด้านความบันเทิงในโอซาก้ามามากกว่า 20 ปี ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งญี่ปุ่นและต่างชาติในทุกค่ำคืนสู่ฟลอร์เต้นอันกว้างขวาง ด้วยคลาสเรียนเต้นลาตินและแนวเพลงอื่นๆที่หลากหลายตั้งแต่ฮิปฮอปไปจนถึงแทรนซ์ Sam and Dave One เป็นที่สำหรับคนที่มองหาประสบการณ์การเที่ยวสถานบันเทิงในโอซาก้าในบรรยากาศเสียงเพลงที่เปลี่ยนไปในแต่ละคืน และการแสดงแสงสี นอกจากนี้ยังมีร้านอาหารตะวันตกยอดนิยมเสิร์ฟในไซส์ใหญ่จนถึงดึกด้วย) ที่อยู่: 542-0083 Ōsaka-fu, Ōsaka-shi, Chūō-ku, Higashishinsaibashi, 2 Chome−2−7-20 วิธีการเดินทาง: แซมและเดฟวันตั้งอยู่ในใจกลาง ชินไซบาชิ เดินเพียง 10 นาทีจาก สถานีนัมบะ, สถานีชินไซบาชิ, สถานีนิปปอนบาชิ และ สถานี คินเทดซุ-นิปปอนบาชิ เข้าพักที่ Hotel Shinsaibashi Lions Rock แล้วออกไปเที่ยวที่ Sam and Dave One ใกล้ Souemoncho เข้าพักที่ รีสอร์ทน้ำพุร้อนและเกสต์เฮาส์ใกล้สถานีนิปปอนบาชิ 3. GHOST Ultra Lounge ในหมู่บ้านอเมริกา (อเมริกามุระ) ฮิพฮอพเป็นจุดเด่นของ...
อ่านเพิ่มเติม
สิ่งที่ห้ามพลาดในนางาซากิ | เที่ยวพิพิธภัณฑ์ระเบิดปรมาณูและหมู่เกาะในคิวชู
นางาซากิ มักถูกจดจำในฐานะโศกนาฏกรรมในสงครามโลกครั้งที่สอง แต่เหตุการณ์เหล่านั้นก็ได้ช่วยสร้างเมืองให้เป็นรูปเป็นร่าง ไม่ได้มีผลกับความเป็นอยู่หรือภูมิภาครอบๆ สิ่งที่ห้ามพลาดในนางาซากินั้นมีมากกว่าแค่ในตัวเมือง นางาซากิ การเดินทางสี่วันที่สมบูรณ์แบบใน นางาซากิ นั้น แน่นอนว่ารวมถึงการเยี่ยมชม พิพิธภัณฑ์ระเบิดปรมาณู และ สวนสันติภาพ (Peace Park) ของนางาซากิ นอกจากนี้ยังมีการนั่งเรือเฟอร์รี่ไปยังเกาะใกล้เคียง รวมถึงสนุกสนานในช่วงเย็นที่สวนสนุก เฮาส์ เทน บอช (Huis Ten Bosch) และผ่อนคลายที่น้ำพุร้อนใน อุนเซ็น (Unzen) อีกด้วย สิ่งที่ห้ามพลาดในนางาซากิ | วันที่ 1 - เลือกสักเกาะแล้วไปเที่ยวกันเลย เป็นปกติที่จะไปสถานที่ท่องเที่ยวชั้นนำของ นางาซากิก่อน ในตอนเช้าสามารถที่จะไปเที่ยวชม พิพิธภัณฑ์ระเบิดปรมาณู และ สวนสันติภาพ และเมื่อได้ทำการเที่ยวชมสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ของ นางาซากิแล้ว ก็ถึงเวลาเลือกเกาะที่จะไปเที่ยวกัน นางาซากิ เป็นที่ตั้งของหมู่เกาะที่สวยงามหลายแห่งรวมถึง เกาะอิกิ ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของนักท่องเที่ยว มีทั้งน้ำพุร้อน อาหารทะเลสด และ สวนโลมา (Dolphin Park) และ หมู่เกาะโกโตะ กลุ่มเกาะห้าเกาะที่รู้จักกันทางประวัติศาสตร์เกี่ยวกับคนที่นับถือศาสนาคริสต์ และยังมีชายหาดและอาหารญี่ปุ่นหายากด้วย ทั้งสองเกาะสามารถเดินทางด้วยเรือเฟอร์รี่หรือเครื่องบินได้ แต่เนื่องจาก เกาะอิกิ อยู่ทางเหนือ ส่วน เมืองโกโตะ อยู่ทางทิศตะวันตก จึงควรเลือกว่าจะไปที่เกาะไหนก่อนดีสำหรับวันแรกใน คิวชู เกาะอิกิ เกาะอิกิ ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของ คิวชู (จริงๆแล้วใกล้กับฟุกุโอกะและซากะมากกว่านางาซากิ) เป็นสถานที่พักผ่อนที่ดีเยี่ยมเหมาะสำหรับนักผจญภัยที่กำลังมองหาป่าไม้ที่มีชีวิตชีวา หาดทรายที่สดใสและออนเซ็นที่ผ่อนคลาย เกาะแห่งนี้มีขนาดเล็กพอที่จะขี่จักรยานไปรอบๆได้ แต่หากต้องการขับรถก็สามารถเช่ารถยนต์หรือรถจักรยานยนต์เพื่อไปยังสถานที่ต่างๆได้เร็วขึ้น เกาะอิกิ เป็นที่ตั้งของศาลเจ้ามากกว่า 150 แห่ง สวนโลมา และ น้ำพุร้อนยุโนโมโตะ (Yunomoto Hot Spring) รวมถึงสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆอีกมากมาย ซึ่งสามารถใช้เวลาในตอนบ่ายวันหนึ่งเที่ยวชมสถานที่ยอดนิยมบน เกาะอิกิ ได้ รวมทั้งยังสามารถใช้เวลายามค่ำคืนเพื่อพักผ่อนและเตรียมตัวไปเที่ยวชมสถานที่ต่างๆในเช้าวันรุ่งขึ้น ก่อนจะมุ่งหน้ากลับไปที่ นางาซากิ กิจกรรมน่าสนใจบนเกาะอิกิ Tsutsukihama Beach และ Nishikihama Beach Resort: เป็นหนึ่งในชายหาดที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น หาด Tsutsukihama เป็นหาดทรายสีขาวยาว 600 เมตรตั้งอยู่ใน อิชิดะ (Ishida) ทางตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะ Nishikihama บีชรีสอร์ต ก็ใช้เวลาเดินเพียง 5 นาทีและมีหาดทรายขาวสะอาดที่ค่อนข้างให้ความเป็นส่วนตัว หินรูปหน้าลิง (ซารุอิวะ): ตั้งอยู่ทางตะวันตกสุดของ เกาะอิกิ ที่ที่เราจะได้พบกับ หินรูปหน้าลิง สถานที่แปลกตาริมหน้าผาที่มีวิวทะเลที่สวยงาม Harahoge Jizo: รูปปั้นทั้งหกนี้ตั้งอยู่ริมทะเลทางตะวันออกของเกาะอิกิ ได้รับการนับถือว่าเป็นวิญญาณที่คอยช่วยชีวิต รูปปั้นหรือ jizo เชื่อว่าจะช่วยให้ปลดปล่อยความเจ็บปวดและความทุกข์ทรมานของทุกชีวิต ชาวบ้านจะดูแลรูปปั้นโดยรักษาสภาพแวดล้อมให้มีความสะอาดเรียบร้อยและมีการเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เป็นประจำ Sakyobana: พื้นที่ที่รู้จักกันในชื่อ Sakyobana ตั้งอยู่ทางตะวันออกของเกาะและสามารถชมวิวหน้าผาจาก ศาลเจ้า Sakyobanaryujin ได้ ศาลเจ้า Sai: อยู่ทางตอนเหนือของรูปปั้น Harahoge Jizo และ Sakyobana สามารถเที่ยวชม ศาลเจ้า Sai ซึ่งเป็นศาลเจ้าเล็กๆ ดั้งเดิมบน หาด Kuyoshi ได้...
อ่านเพิ่มเติม
สิ่งที่ห้ามพลาดในคุมะโมโตะ | ชมปราสาทคิวชูและช้อปปิ้งในชุดยูกาตะ
เช่าชุดยูกาตะใส่เพื่อเที่ยวชมและไปดูสิ่งที่ห้ามพลาดในคุมะโมโตะซึ่งรวมถึงการเที่ยวชม ปราสาทคุมะโมโตะ (Kumamoto Castle) และชื่นชมงานศิลปะและหัตถกรรมแบบดั้งเดิม คุมะโมโตะ ตั้งอยู่ติดกับภูเขาไฟที่ยังมีพลังบนเกาะ คิวชู ซึ่งเต็มไปด้วยน้ำพุร้อนที่เดือดพล่าน และยังมีสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์และห้างสรรพสินค้าที่ทันสมัยอีกด้วย สิ่งที่ห้ามพลาดในคุมะโมโตะ | วันที่ 1 - มาถึงที่เมืองคุมะโมโตะ นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เดินทางมา เมืองคุมะโมโตะ ด้วยรถไฟจะลงที่ สถานี Kumamoto ซึ่งรถไฟชินคันเซ็นจะจอดที่สถานีนี้ เช่นเดียวกับสายรถไฟท้องถิ่นและภูมิภาค สถานี Kumamoto ตั้งอยู่ใจกลางเมือง มีป้ายรถรางอยู่ด้านนอกประตูทิศตะวันออกและมีสำนักงานข้อมูลการท่องเที่ยวอยู่ภายในสถานี มีตั๋วรถโดยสารและรถไฟไปยังจุดหมายปลายทางใน จังหวัดคุมะโมโตะ หรือที่อื่นๆ โดยสามารถจองตั๋วล่วงหน้าได้ถึง 30 วันก่อนการเดินทาง ดังนั้นนี่จะเป็นที่ที่สมบูรณ์แบบในการเที่ยวชมประวัติศาสตร์ของคุมะโมโตะและหลงใหลไปกับเสน่ห์ในภูมิภาคนี้ของญี่ปุ่น สถานี Kumamoto บริเวณรอบๆ สถานี Kumamoto เต็มไปด้วยโรงแรมที่สะดวกสบายซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณใกล้เคียง สถานี Kumamoto มีสองฝั่งด้วยกัน ซึ่งรถไฟชินคันเซ็นจะมีฝั่งเป็นของตัวเอง แต่ก็ง่ายในการเดินทางไปมาระหว่างฝั่ง สถานีนี้มีคาเฟ่และร้านขายของที่ระลึกอยู่ภายใน รวมถึงร้านราเมนและร้านแกงกะหรี่ด้วย สามารถออกจาก สถานี Kumamoto ผ่านประตูทิศตะวันออก เพื่อเดินเท้าไปยังร้านค้าท้องถิ่น ร้านอาหาร คาเฟ่และโรงแรม รวมถึงการขนส่งสาธารณะทั้งรถรางและรถบัสด่วนได้ ส่วนประตูทิศตะวันตกจะออกไปสู่ย่านที่อยู่อาศัยที่มีความเงียบสงบมาก สนามบินอะโซะคุมะโมโตะ สนามบินอะโซะคุมะโมโตะ (KMJ) เป็นสนามบินนานาชาติที่มีเที่ยวบินระยะใกล้มาจากระหว่างประเทศหลายแห่ง สนามบินแห่งนี้ส่วนใหญ่เป็นเที่ยวบินในญี่ปุ่นจากเมืองใหญ่ๆ อย่าง โตเกียว และ โอซาก้า สนามบินมีให้บริการรถบัส รถไฟและรถแท็กซี่ ทำให้สะดวกต่อการเดินทางเข้า เมืองคุมะโมโตะ และยังมีเที่ยวบินจาก โตเกียว เป็นประจำ จึงควรที่จะเพิ่มภูมิภาคอย่าง คุมะโมโตะ นี้เข้ามาในแผนเที่ยวญี่ปุ่น เข้าพักที่ Mitsui Garden Hotel Kumamoto แล้วออกไปเที่ยว คุมะโมโตะ ค้นหาที่พักราคาดีที่สุดในจังหวัดคุมะโมโตะ สิ่งที่ห้ามพลาดในคุมะโมโตะ | วันที่ 2 - เที่ยวชมเมือง ใช้เวลาวันที่สองไปกับการชมทิวทัศน์อันสวยงามของ คุมะโมโตะ ที่เต็มไปด้วยสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ ร้านค้า คาเฟ่และงานจากช่างฝีมือ ภูมิภาค คุมะโมโตะ นี้มีสถานที่ที่เหมาะกับการถ่ายรูปลง Instagram มากมาย ทำให้ควรค่าแก่การไปเที่ยวชม ปราสาทคุมะโมโตะ ปราสาทคุมะโมโตะ เหมาะสำหรับเป็นที่เริ่มต้นเที่ยวชม ปราสาทคุมะโมโตะ แห่งนี้ตั้งอยู่บนยอดเขาเป็นปราสาทที่ได้รับการบูรณะใหม่โดยมีโครงสร้างเดิมเหลืออยู่ ปราสาทได้รับความเสียหายและได้รับการบูรณะซ่อมแซมหลายต่อหลายครั้งนับตั้งแต่สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 15 ปราสาทคุมะโมโตะ มีอุโมงค์ใต้ดินที่ไม่เหมือนใครซึ่งนำไปสู่ปราสาทของผู้อยู่อาศัยเดิมตระกูลโฮโซคาวะ มีแผนจะเปิดพื้นที่ปราสาทให้สาธารณชนเข้าชมภายในปี พ.ศ. 2564 แต่สำหรับตอนนี้นักท่องเที่ยวไม่สามารถเข้าสู่อาคารหลักได้ อย่างไรก็ตามภาพปราสาทบนยอดเขานั้นเป็นของที่ระลึกจากคิวชูที่ห้ามพลาด อีกไม่นานนักท่องเที่ยวก็จะมีโอกาสได้เห็นวิวที่ใกล้ขึ้น เนื่องจากจะมีพลาซ่าแห่งใหม่เปิดทำการ ซึ่งพลาซ่าจะเปิดให้บริการตั้งแต่วันที่ 5 ถึง 14 ตุลาคมในช่วงการแข่งขันรักบี้เวิลด์คัพ 2019 และจะเปิดให้สาธารณชนใช้บริการในวันอาทิตย์และวันหยุดประจำชาติหลังจากกิจกรรมพิเศษ 10 วันนี้ ปราสาทแห่งนี้ใช้เวลานั่งรถรางจาก สถานี Kumamoto มาประมาณ 15 นาที ศิลปะหัตถกรรมดั้งเดิม คุมะโมโตะ เป็นเมืองที่มีชีวิตชีวาและมีประวัติเกี่ยวกับช่างฝีมือที่ยาวนาน เดินมาไม่ไกลจาก ปราสาทคุมะโมโตะ จะเป็น ศูนย์หัตถกรรมดั้งเดิมจังหวัดคุมะโมโตะ ที่สามารถซื้องานหัตถกรรมดั้งเดิมและเข้าร่วมชั้นเรียนศิลปะและหัตถกรรมญี่ปุ่นได้ ชมงานแกะสลักไม้ ผลิตภัณฑ์ที่ทำจากเครื่องปั้นดินเผา หรือตะกร้าสานที่ทำจากไม้ไผ่ และยังมีงานหัตถกรรมจากช่างฝีมือท้องถิ่นมากมายให้เลือกซื้อด้วย ศูนย์แห่งนี้มีการจัดแสดงผลงานศิลปะแบบดั้งเดิมจำนวนมาก แสดงถึงเทคนิคและรูปแบบศิลปะที่มีความหลากหลาย Higo Zogan งานหัตถกรรมที่โดดเด่นอย่าง Higo Zogan...
อ่านเพิ่มเติม
สนามบินโอซาก้า: กิจกรรมในขณะหยุดพักที่สนามบินนานาชาติคันไซ
ท่าอากาศยานนานาชาติคันไซ เป็นสนามบินแห่งแรกที่ถูกสร้างบนเกาะที่สร้างขึ้นโดยมนุษย์ และเป็นสนามบินนานาชาติแห่งเดียวในโอซาก้า KIX รองรับนักท่องเที่ยวมากกว่า 28 ล้านคนในแต่ละปี โดยมีอาคารผู้โดยสารสองแห่ง อาคารผู้โดยสาร 1 เป็นอาคารสี่ชั้นที่มีฝั่งเหนือและใต้ ซึ่งเป็นแหล่งรวมร้านอาหารหลายแห่งและร้านค้าปลอดภาษี ส่วนอาคารผู้โดยสาร 2 เป็นแหล่งรวมประตูทางเข้าเครื่องบิน กิจกรรมในขณะหยุดพักที่สนามบินนานาชาติคันไซ Aeroplaza ตั้งอยู่บนชั้นสามของสนามบินระหว่างอาคารผู้โดยสาร 1 และอาคารผู้โดยสาร 2 ฆ่าเวลาไปขณะที่ท่องร้านบูติกนานาชาติและร้านขายของที่ระลึก Hotel Nikko Kansai Airport มีร้านขายของที่ระลึกสุดหรูมากมาย ที่เที่ยวใกล้ สนามบินนานาชาติคันไซ KIX Observation Hall View Sky: เราสามารถชมเครื่องบินบินขึ้นและลงจอดจากหอสังเกตการณ์ในพิพิธภัณฑ์สนามบินแห่งนี้ ที่นี่เปิดให้เข้าเยี่ยมชมได้ตั้งแต่เวลา 8.00 น. ถึง 22.00 น. เราสามารถขึ้นรถบัสรับส่งฟรีจากอาคารผู้โดยสาร 1 ไปยังดาดฟ้าชมวิว หรือแวะไป Sky Shop Town ที่ที่เราจะพบร้านกาแฟ เครื่องเอทีเอ็ม และ เลาจน์สนามบิน KIX Rinku Town: ใช้เวลาสองสามชั่วโมงระหว่างรอเที่ยวบิน ในการช็อปปิ้งที่ Rinku Town ใน Rinku Park พื้นที่นี้มี Rinku Pleasure Town Seacle ซึ่งมีสวนสนุก สปาน้ำพุร้อนและชิงช้าสวรรค์ Rinku Premium Outlets มีร้านค้าเอาท์เล็ตและร้านอาหารมากกว่า 200 ร้านและ AEON MALL Rinku Sennan ยังตั้งอยู่ใกล้ๆอีกด้วย รถรับส่งของที่นี่ออกทุกๆ 30 นาทีตั้งแต่ 10:00 น. ถึง 19:30 น. เพื่อพาผู้โดยสารไปยังเมือง Rinku Town สิ่งอำนวยความสะดวกที่สนามบินนานาชาติคันไซ ▪ ห้องอาบน้ำแบบหยอดเหรียญมีให้บริการภายในสนามบินสำหรับผู้โดยสารที่ต้องการความสดชื่นในช่วงพักระหว่างทาง ▪ ห้องเด็กเล่นอยู่บนชั้นสี่ของพื้นที่ผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ ผู้ปกครองที่มีเด็กอายุต่ำกว่า 7 ปี สามารถใช้ห้องเด็กเล่น ห้องเด็กอ่อนและห้องพยาบาลฟรี นอกจากนี้ที่นี่ยังมีอาหารเด็กและผ้าอ้อม (หนึ่งชิ้นต่อคน) พร้อมอีกด้วย ▪ มีห้องพยาบาลเพิ่มเติมที่ชั้นสองและสามในห้องสุขาผู้หญิง ▪ ศูนย์ธุรกิจในสนามบินเปิดทำการตั้งแต่ 8.00 น. ถึง 20.00 น. บนชั้นสี่ ▪ มีบริการถ่ายถาพหนังสือเดินด้วยตู้ถ่ายภาพหยอดเหรียญที่ชั้นสองและชั้นสี่ ▪ มีห้องสวดมนต์ที่ชั้นสี่ในอาคารขาออกระหว่างประเทศ ▪ ที่ทำการไปรษณีย์ของสนามบินเปิดทำการตั้งแต่ 8.00 น. ถึง 21.00 น. วันจันทร์ถึงวันศุกร์ และตั้งแต่ 9:00 น. ถึง 17:00 น. ในวันหยุดสุดสัปดาห์ ที่ทำการไปรษณีย์อยู่บนชั้นสองและมีตู้เอทีเอ็มที่รับบัตรเครดิตระหว่างประเทศ วิธีการเดินทางจากสนามบินนานาชาติคันไซไปยังโอซาก้าและเกียวโต นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางไปยัง โอซาก้า รวมถึงสถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียงเช่น เกียวโต โกเบ และ นารา จาก สถานีสนามบินคันไซ ขอเส้นทางจากชานชาลาและซื้อตั๋วได้ที่ โต้ะบริษัทนำเที่ยวของศูนย์ข้อมูลการท่องเที่ยวคันไซในสนามบิน รถไฟและรถลีมูซีนไปโอซาก้า ▪ บริการด่วนจากสนามบินคันไซไป สถานีโอซาก้า...
อ่านเพิ่มเติม
เที่ยวโอซาก้า: 9 สถานที่สำหรับของที่ระลึกและของขวัญจากญี่ปุ่นราคากันเอง
ของฝากจากญี่ปุ่นที่ดีที่สุดใน โอซาก้า จะสะท้อนให้เห็นถึงสไตล์ที่แปลกตาและน่าดึงดูด ลูกโลกหิมะจาก ปราสาทโอซาก้า จะทำให้เราระลึกถึงวันหยุดที่ญี่ปุ่น และอาหารของเล่นจาก ถนนช้อปปิ้ง Sennichimae Doguyasujiที่เราสามารถนำไปฝากหรือแกล้งเพื่อนได้! 1. เลือกซื้อจิ๊กซอว์ 3 มิติหลังจากทัวร์ปราสาทโอซาก้า เราต่อต้านการนำของที่ระลึกจากหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่นกลับบ้านได้อย่างไร หลังจากทัวร์ ปราสาทโอซาก้า แล้วเราสามารถแวะที่ร้านขายของที่ระลึกเพื่อซื้อของที่ระลึกกลับบ้าน และเราควรพยายามไม่จำกัดตัวเองกับแม่เหล็กติดตู้เย็นอย่างเดียวเท่านั้น! ของที่ระลึกใน ปราสาทโอซาก้า มีมากมายตั้งแต่ปริศนา 3 มิติไปจนถึงลูกโลกหิมะ ทุกอย่างในร้านราคาย่อมเยาสำหรับนักเดินทาง เข้าพักที่ Quintessa Hotel Osaka Bay แล้วออกไปเที่ยวที่ ปราสาทโอซาก้า ค้นหา โรงแรมและเกสต์เฮาส์ใกล้สวนปราสาทโอซาก้า 2. แกล้งเพื่อนด้วยอาหารปลอมจาก ถนนช้อปปิ้ง SENNICHIMAE DOGUYASUJI (SHOTENGAI) โอซาก้า เป็นที่รู้จักกันในนาม“ ครัวแห่งชาติ” และของที่ระลึกจากโอซาก้าบางอย่างดูดีมากจนเราอยากจะลองกิน! อย่าปล่อยให้มันหลอกเราได้ บน ถนนช้อปปิ้ง Sennichimae Doguyasuji (โชเทนไก) ของโอซาก้าในย่าน นัมบะ นั้นขึ้นชื่อในเรื่องของเครื่องครัวที่ และอาหารปลอมหรืออาหารของเล่นเช่นเดียวกัน เราสามารถนำราเมนพลาสติกกลับบ้านเพื่อระลึกถึงความรักที่มีให้กับอาหารญี่ปุ่นและยังสามารถหลอกเพื่อนเราไปด้วยซูชิม้วนอีกด้วย Design Pocket ตั้งอยู่ทางตอนเหนือสุดของถนนช้อปปิ้งซึ่งเป็นหนึ่งในร้านอาหารของเล่นที่ใหญ่ที่สุดในโอซาก้าและลูกค้าสามารถถ่ายรูปได้ตามที่ต้องการ เข้าพักที่ Grampus Inn Osaka แล้วออกไปเที่ยวที่ Sennichimae Doguyasuji (โชเทนไก) ในย่านนัมบะ ค้นหา โรงแรมและรีสอร์ทใกล้กับสวนสาธารณะนัมบะ 3. เที่ยวเหมือนคนท้องถิ่นในชุดกิโมโนฤดูร้อนต้นตำรับญี่ปุ่นที่เรียกว่ายูกาตะ การมาเที่ยวญี่ปุ่นจะเสียเที่ยวไปเลยหากเราไม่ได้นำชุดกิโมโนกลับบ้าน ชุดกิโมโนแบบดั้งเดิมอาจมีราคาแพงและจริงๆแล้วเราสามารถหาชุดกิโมโนใส่ได้ที่ไหน? ไปดูกัน ชุดยูกาตะเป็นตัวอย่างชุดกิโมโนที่ดีที่สุด โดยเสื้อคลุมตกแต่งเหล่านี้ทำจากผ้าบางเบาซึ่งแต่เดิมได้รับการออกแบบมาให้เป็นเสื้อคลุมอาบน้ำ แต่เนื่องจากสวมใส่สบายผู้ชายและผู้หญิงญี่ปุ่นจึงสวมใส่ชุดยูกาตะได้ทุกที่ ซื้อชุดหลากหลายไว้สำหรับเพื่อนและสมาชิกในครอบครัว (จะได้ไม่รู้สึกโดดเดี่ยวที่ต้องสวมเสื้อคลุมอาบน้ำญี่ปุ่นคนเดียว) เราสามารถหาชุดนี้ได้ที่ ถนนช้อปปิ้ง Tenjimbashisuji หรือ ห้างสรรพสินค้า HANKYU Umeda เข้าพักที่ Hotel New Otani Osaka แล้วออกไปเที่ยว ถนนช้อปปิ้ง Tenjimbashisuji ค้นหา โรงแรมและอพาร์ตเมนต์อื่นๆใกล้กับห้างสรรพสินค้า HANKYU Umeda 4. อย่าลืมของที่ระลึกจาก UNIVERSAL STUDIOS JAPAN & OSAKA AQUARIUM KAIYUKAN เนื่องจากเป็น สวนสนุก Universal Studios แห่งแรกในเอเชีย (แก้เนื่องจากข้อมูลไม่ได้รับการอัพเดท) ตั้งอยู๋ในโอซาก้าเราควรซื้อของที่ระลึกจากที่นั่นหากแวะไป เราจะพบกับร้านค้าที่ตั้งอยู่ทั่วสวนสนุกและ มีใครบ้างละที่จะไม่อยากได้ไม้กายสิทธิ์แฮร์รี่พอตเตอร์ไปครอบครอง? เช่นเดียวกันกับ พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำโอซาก้าไคยูคัน Osaka Aquarium Kaiyukan เราจะไม่เสียที่หลังแน่นอนหากเราได้มโลมาีของเล่นไว้ครอบครองแล้ว เข้าพักที่ The Park Front Hotel at Universal Studios Japan™ แล้วออกไปเที่ยวที่ ยูนิเวอร์แซลสตูดิโอญี่ปุ่น ค้นหา โรงแรมและรีสอร์ทใกล้ Osaka Aquarium Kaiyukan 5. ขนมขบเคี้ยวแท่งป็อกกี้รสเลิศที่ BATON D’OR เราอาจไม่เคยได้ยิน Bâton d'or - หรือแม้แต่ป็อกกี้ - ก่อนที่จะมาเที่ยวในญี่ปุ่น แต่เราไม่ควรออกจากเมืองโดยไม่มีขนมดั้งเดิมจากกูลิโกะ...
อ่านเพิ่มเติม
ที่เที่ยวโอซาก้า |  รวม 7 แหล่งช้อปปิ้งแฟชั่น ห้าง และตลาดน่าไป
โอซาก้า เป็นแหล่งรวมของแหล่งช้อปปิ้งที่มีถนนช้อปปิ้งยอดนิยมกระจายอยู่ทั่วเขตทาง ตอนเหนือ และ ตอนใต้ ช้อปกระเป๋า Prada ไปพร้อมกับการชมทิวทัศน์อันงดงามที่ ตึกอาเบโนะ ฮารุกัส และเดินแหล่งช็อปปิ้งที่ดีที่สุดของโอซาก้าที่ ถนนช้อปปิ้ง Shinsaibashi-suji 1. ซื้อกิโมโนญี่ปุ่นและกระเป๋าถือของนักออกแบบชื่อดังในย่านแฟชั่นของโอซาก้าที่ชินไซบาชิ ชินไซบาชิ ในปัจจุบัน สามารถเปรียบเทียบกับย่านกินซ่าสุดทันสมัยของโตเกียวได้ทีเดียว ตามถนน ช้อปปิ้งชินไซบาชิ-ซุจิ ที่เริ่มต้นจาก สะพาน อิบิซุ ถัดจากป้าย กูลิโกะแมน ไปยัง ไดมารุ ชินไซบาชิ ที่มีการค้าขายชุดกิโมโนและงานทอของโอซาก้าจากต้นศตวรรษที่ 18 สถานที่ท่องเที่ยวหลักของพื้นที่คือ แหล่งช้อปปิ้งชินไซบาชิ ซึ่งเป็นที่ตั้งของร้านสินค้าแฟชั่นอินเทรนด์อย่าง H&M, Uniqlo, Zara และ Tommy Hilfiger เราสามารถออกไปตามตรอกซอกซอยที่คดเคี้ยวมาเกือบหนึ่งไมล์ (2 กิโลเมตร) ที่เต็มไปด้วยร้านค้าปลีกอิสระเสื้อผ้าญี่ปุ่นและร้านน้ำชา ร้านเครื่องสำอางและร้านอาหารมากมาย (-> ย่านชินไซบาชิปัจจุบันสามารถเทียบได้กับย่านแฟชั่นอย่างกินซ่าในโตเกียว โดยถนนช้อปปิ้งชินไซบาชิโดยนี้เริ่มต้นที่สะพานเอบิสึที่อยู่ข้างป้ายกูลิโกะยาวไปจนถึงห้างไดมารุ สาขาชินไซบาชิ สามารถหาซื้อกิโมโน และผ้าที่มีการค้าขายกันมาตั้งแต่ช่วงต้นศตวรรษที่18 ได้ที่ห้างนี้ สถานที่ท่องเที่ยวหลักในย่านนี้คือ ชินไซบาชิช้อปปิ้งอาเขต แหล่งรวมร้านเสื้อแฟชั่นอย่าง H&M Uniqlo Zara และ Tommy Hilfiger และเดินต่อไปที่ตรอกช้อปปิ้งยาว 2 กิโลเมตรเรียงรายด้วยร้านค้า ร้านเสื้อผ้าญี่ปุ่น ร้านชา ร้านเครื่องสำอาง และร้านอาหาร) เข้าพักที่ Quintessa Hotel Osaka Shinsaibashi แล้วออกไปเดินเล่นที่ ถนนช้อปปิ้ง Shinsaibashi-suji ค้นหา โฮสเทลและโรงแรมแคปซูลอื่นๆใกล้สถานีชินไซบาชิ 2. ซื้อของในสวนสาธารณะนัมบะและหาซื้ออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ Denden Town ในนัมบะ (มินามิ) นัมบะ และ มินามิ เป็นส่วนหนึ่งของ ย่านนานิวะ และเชื่อมต่อกับเขต ชินไซบาชิ และ โดทงโบริ วัยรุ่นส่วนใหญ่ย้ายเข้ามาที่ นัมบะ มารูอิ เพราะมีคาเฟ่สุดฮิปและร้านเสื้อผ้าแฟชั่นที่ไม่เหมือนใคร ค้นหาบรรยากาศที่ผ่อนคลายมใน สวนสาธารณะนัมบะ ซึ่งเป็นส่วนเสริมของแหล่งช้อปปิ้งใน เมืองนัมบะ เนื่องจากสร้างขึ้นบนสนามเบสบอลเก่า สวนสาธารณะนัมบะ มีพื้นที่สีเขียวพร้อมสโมสรกีฬาและสปาด้วย ย่าน นัมบะ และ มินามิ นั้นขึ้นชื่อในเรื่องห้างสรรพสินค้าหรูหราโดยเฉพาะ HERBIS PLAZA แถมในพื้นที่ดังกล่าวยังมี Nipponbashi Denden Town ซึ่งเป็นแหล่งช็อปปิ้งหลักสำหรับสินค้าอิเล็กทรอนิกส์และวัฒนธรรมป๊อป (-> นัมบะเป็นศูนย์กลางของเขตมินามิ (ทิศใต้) เชื่อมต่อกับเขตชินไซบาชิและโดทงโบริ วัยรุ่นส่วนใหญ่ชอบมาเดินเที่ยวห้างนัมบะ มารูอิ เพื่อเลือกซื้อสินค้าแฟชั่น นั่งทานขนมในคาเฟ่เก๋ๆกัน และเดินต่อไปยังห้างนัมบะพาร์คที่สร้างต่อมาจากห้างนัมบะซิตี้ โดยพื้นที่ของนัมบะพาร์คเดิมเคยเป็นสนามเบสบอลมาก่อน ประกอบด้วยพื้นที่สีเขียว สปอร์ตคลับและสปา ย่านนัมบะซึ่งเป็นศูนย์กลางของเขตมินามินี้เป็นที่รู้จักกันว่าเป็นย่านของลักซ์ชั่วรี่มอลล์โดยเฉพาะ ห้าง HERBIS PLAZA แต่ก็ไม่มีแค่ห้างหรูหราเพียงอย่างเดียว ยังมี Nippombashi Denden Town ที่เป็นแหล่งซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าและสินค้าเกี่ยวกับ J-pop, K-pop ด้วย) เข้าพักที่ Namba Oriental Hotel แล้วออกไปเที่ยวที่ Nipponbashi Denden Town ค้นหา เกสต์เฮาส์และเรียวกังอื่นๆในนัมบะ...
อ่านเพิ่มเติม
ที่เที่ยวกลางคืนในโอซาก้า: 5 คลับ บาร์ และร้านอิซากายะที่ฮิตสุดๆ
โอซาก้า ก่อตั้งขึ้นอย่างมั่นคงในฐานะเมืองหลวงแห่งความสนุกสนานของญี่ปุ่นโอซาก้าขยายความบันเทิงยามค่ำคืนให้เป็นเวลาหลังอาหาร Osakans ชอบนอนดึกในย่าน izakaya บาร์และไนท์คลับหลายแห่งที่แทรกซึมเข้าไปในเมือง เค้าโครงเลย์เอาต์สูงของ ย่าน Namba และ Shinsaibashi ยอดนิยมที่มีฉากเบียร์และกาแฟที่พัฒนาขึ้นเมื่อไม่นานมานี้เพิ่มความหลากหลายให้กับสถานบันเทิงยามค่ำคืนในโอซาก้าและกระตุ้นให้สถานที่ต่างๆ 1. CinqueCento ตามแบบฉบับของญี่ปุ่น CinqueCento มีขนาดเล็กและมีชื่อแปลกๆ ความหมาย "500" ในภาษาอิตาลี CinqueCento ตั้งอยู่ในทำเลสะดวกใน ชินไซบาชิ ภายในกลุ่มทางเลือกอื่น ๆ นับร้อยทำให้เป็นจุดแวะพักที่ดีสำหรับค่ำคืนแห่งการคลานผับ ด้วยสัดส่วนของชาวต่างชาติต่อคนในท้องถิ่นที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยเล็กน้อย CinqueCento เป็นสถานที่นัดพบสำหรับนักเดินทางที่กำลังมองหาเพื่อนใหม่หรือพูดคุยง่าย เหนือสิ่งอื่นใดเครื่องดื่มทุกแก้วที่นี่มีราคาเพียง 500 เยน (ประมาณ 4.50 USD) ดังนั้นชื่อ CinqueCento วิธีเดินทาง ที่อยู่: 2-1-10 Higashi Shinsaibashi Chuo-ku อาคาร 1F Matsumiya CinqueCento ใช้เวลาเดินเพียง 5 นาทีจาก สถานี Nagahoribashi เข้าพักที่ Chisun Inn Osaka Hommachi แล้วออกไปเที่ยว CinqueCento ค้นหาที่พักราคาดีที่สุดใกล้ สถานี Nagahoribashi 2. Balabushka บาลาบุชก้า ดึงดูดกลุ่มชาวบ้านที่หลากหลายซึ่งชอบผสมเกมกับการดื่ม บาร์สระว่ายน้ำแห่งนี้ตั้งอยู่ใน ชินไซบาชิ มี dartboards ห้าอัน, พินบอล, โต๊ะฟุตบอล foosball และโต๊ะพูลสามแห่งซึ่งสองแห่งนั้นฟรี ค่อนข้างใหญ่กว่าสถานที่ โอซาก้า โดยเฉลี่ย Balabushka มีลักษณะคล้ายกับสปอร์ตบาร์ตะวันตกมากกว่าดำน้ำญี่ปุ่น ด้วยทีวีขนาด 180 นิ้วสถานที่แห่งนี้เหมาะสำหรับการแข่งขันกีฬากับแฟนเพื่อนหรือกลุ่มใหญ่ที่อาจไม่เหมาะกับบาร์โอซาก้า 12 ที่นั่งแบบทั่วไป มักจะมีผู้คนหนาแน่นในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์บาลาบุชกาเป็นสถานบันเทิงยามค่ำคืนยอดนิยมของโอซาก้าที่มีคนหนุ่มสาวในท้องถิ่นเป็นจุดเริ่มต้นในช่วงเย็นก่อนที่จะเที่ยวคลับทุกคืน มีบริการเครื่องดื่มหลากหลายชนิดและอาหารว่างแบบทั่วไปที่บาร์ วิธีเดินทาง ที่อยู่: 2-9-5, Nishishinsaibashi, Chuo-ku Balabushka อยู่ไม่ไกลจาก สถานี Shinsaibashi หรือ สถานี Namba เข้าพักที่ Hotel EKICHIKA Nagahoribash แล้วออกไปเที่ยว Balabushka ค้นหาที่พักราคาดีที่สุดใกล้ สถานี Shinsaibashi 3. Captain Kangaroo หากคุณต้องมีชีสเบอร์เกอร์ในโอซาก้าบาร์สไตล์อเมริกันและร้านเบอร์เกอร์ในใจกลางเมือง อุเมดะ อย่างน้อยก็มีคุณภาพระดับญี่ปุ่น ด้วยเบียร์ 50 ขวดจากทั่วโลกจึงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะหยุดพักเพราะเห็นแก่ ลองไปที่บาร์ที่มืด แต่อบอุ่นแห่งนี้ในย่าน Kita-Shinchi ระหว่าง 6 และ 8 โมงเย็น สำหรับชั่วโมงแห่งความสุขพิเศษ Captain Kangaroo มีพนักงานที่พูดภาษาอังกฤษและรู้จักกับเพื่อนบ้าน วิธีเดินทาง ที่อยู่: 1-5-20 Sonezakishinchi Captain Kangaroo ใช้เวลาเดินเพียง 5 นาทีจากทั้ง สถานี JR โอซาก้า และ สถานี Kitashinchi เข้าพักที่ Hilton Osaka แล้วออกไปเที่ยว อุเมดะ ค้นหาที่พักราคาดีที่สุดใกล้กับ...
อ่านเพิ่มเติม
คู่มือสนามบินโตเกียว: สนามบินนานาชาติฮาเนดะและนาริตะ
หากคุณกำลังวางแผนเดินทางไป โตเกียว หนึ่งในสิ่งที่ต้องพิจารณาก็คือสนามบินในโตเกียวที่คุณต้องการเดินทางไป โดยในเมืองหลวงของประเทศญี่ปุ่นนั้นมีสนามบินนานาชาติอยู๋ 2 แห่ง: สนามบินฮาเนดะ และสนามบินนาริตะ สนามบินฮาเนดะ อยู่ใกล้กับ โตเกียว จึงเดินทางไป สถานี Shinagawa ได้สะดวก ส่วน สนามบินนาริตะ อยู่ไกลออกไป แต่ทำให้สำรวจ เมืองนาริตะ ได้ง่ายเช่นกัน และต่อไปนี้คือภาพรวมคร่าวๆของสนามบินทั้ง 2 แห่ง รวมถึงรายละเอียดของแต่ละสนามบิน ภาพรวมของสนามบินทั้ง 2 แห่งของโตเกียว: สนามบินฮาเนดะและนาริตะ สนามบินฮาเนดะ มีชื่ออย่างเป็นทางการว่าท่าอากาศยานนานาชาติโตเกียว สนามบินนี้ตั้งอยู่ที่ เมืองโอตะ ใน โตเกียว เนื่องจากทำเลที่ตั้งของ สนามบินฮาเนดะ อยู่ห่างจากทางตอนใต้ของ สถานีโตเกียว ไป 9 ไมล์ จึงช่วยให้คุณเดินทางถึงใจกลางเมืองโตเกียวได้ในเวลาเพียง 30 นาที สนามบินฮาเนดะ เป็นศูนย์กลางสำหรับ 2 สายการบินของญี่ปุ่น คือสายการบิน All Nippon Airways (ซึ่งตั้งอยู่ที่เทอมินอล 2) และสายการบิน Japan Airlines (ซึ่งตั้งอยู่ที่เทอมินอล 1) ถ้านับจากจำนวนผู้โดยสาร สนามบินฮาเนดะ เป็นสนามบินอันดับที่ 4 ที่คึกคักที่สุดของสนามบินในโลก เป็นอันดับที่ 3 ที่คึกคักที่สุดในเอเชีย รองรับผู้โดยสารได้มากกว่า 80 ล้านคนต่อปี สนามบินนาริตะ มีชื่ออย่างเป็นทางการว่าสนามบินนานาชาตินาริตะ ตั้งอยู่ใน จังหวัดชิบะ ห่างจากใจกลาง โตเกียว ไปทางตะวันออกประมาณ 37 ไมล์ สนามบินนี้ตั้งอยู่บนเส้นชายแดนระหว่าง เมืองนาริตะ และ เมือง Shibayama แม้ว่าระยะทางจะไกลเกินกว่า สนามบินฮาเนดะ แต่ สนามบินนาริตะ ก็มีการเชื่อมโยงการขนส่งที่ดีไปยังตัวเมือง ช่วยให้เดินทางตรงไปยัง โตเกียว ได้ง่าย สนามบินนาริตะ เป็นสนามบินอันดับที่ 2 ที่คึกคักที่สุดในประเทศ (รองจากฮาเนดะ) และยังทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางของสายการบิน Japan Airlines และ Nippon Airways หากวัดจากจำนวนผู้โดยสาร สนามบบินนี้เป็นสนามบินที่มีคนพลุกพล่านที่สุดในโลกเป็นอันดับที่ 49 รองรับผู้โดยสารได้กว่า 40 ล้านคนต่อปี ในขณะที่นักท่องเที่ยวจำนวนมากที่เดินทางไปกรุงโตเกียวเลือกที่จะบินเข้า สนามบินฮาเนดะ เพราะระยะทางที่ใกล้ แต่ที่จริงแล้วยังมีปัจจัยอื่นๆ อีกมากมายที่อาจมีผลต่อการเลือกสนามบินในโตเกียวสำหรับคุณ ที่จริงแล้ว สนามบินนาริตะ ให้บริการเที่ยวบินระหว่างประเทศมากกว่า ส่วน สนามบิน ฮาเนดะ ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางของเที่ยวบินในประเทศ เมื่อจองเที่ยวบินคุณอาจจะเห็นตัวเลือกเที่ยวบินมากมายที่บินไปยัง สนามบินนาริตะ แต่ก็ยังมีตัวเลือกเที่ยวสำหรับบินไปสนามบินฮาเนดะด้วยเช่นกัน ทั้งฮาเนดะและนาริตะต่างเป็นสนามบินระดับโลกที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายและการเชื่อมโยงการขนส่งที่ยอดเยี่ยม ดังนั้นคุณควรเลือกเที่ยวบินที่เหมาะสมกับแผนการเดินทางและงบประมาณของคุณมากที่สุด เข้าพักที่ Omori Tokyu REI Hotel แล้วออกไปเที่ยว เมืองโอตะ ค้นหาที่พักราคาดีที่สุดใกล้ เมืองนาริตะ สนามบินฮาเนดะ: การเดินทาง ที่พัก และกิจกรรมที่น่าสนใจ หากแผนการเดินทางของคุณทำให้คุณต้องเดินทางมาลงที่ สนามบินฮาเนดะ หรือถ้าคุณกำลังตัดสินใจว่าจะลงที่สนามบินที่ไหนดี คุณยังพอมีเวลาเลือกสนามบินเพื่อการเดินทางที่ราบรื่น นี่คือข้อมูลบางส่วนที่สำคัญสำหรับการเดินทางไป โตเกียว จาก สนามบินฮาเนดะ รวมถึงที่พักที่คุณสามารถหาได้รอบ สนามบินฮาเนดะ...
อ่านเพิ่มเติม
ที่เที่ยวเกียวโต | คู่มือเที่ยวศาลเจ้า ปราสาท และย่านเกอิชาในญี่ปุ่น
หมายเหตุ: บทความนี้แปลโดยเครื่องมือแปลของ Google เกียวโต เป็นแหล่งกำเนิดมรดกโลกของยูเนสโกซึ่งเป็นเมืองทันสมัยที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานดังนั้นสิ่งที่ต้องทำในเกียวโตหาง่าย! นอกจากสถานที่ทางศาสนาเช่น ศาลเจ้า Fushimi Inari และ วัด Sanjyusangen-do ผู้เข้าชมเกียวโตจะต้องแน่ใจว่าได้เยี่ยมชมสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์หลายแห่งเช่น ปราสาท Nijo ซึ่งสร้างขึ้นในปี 1603 ไม่ได้เกี่ยวกับอดีตที่ผ่านมา แม้ เกียวโต นำเสนอความทันสมัยมากมายเช่นร้านอาหารที่ได้รับรางวัลดาวมิชลินโรงแรมหรูหราและระบบรถไฟที่ทันสมัยซึ่งทำให้การเดินทางไปรอบ ๆ เมืองเป็นเรื่องง่าย จิบน้ำบริสุทธิ์ของวัดคิโยมิซุ หนึ่งในมรดกโลกที่ได้รับการยกย่องจากองค์การยูเนสโกให้เป็นหนึ่งใน เกียวโต คือ วัดคิโยมิซุ คิโยมิซุ แปลว่าน้ำบริสุทธิ์และวัดนั้นมีชื่ออยู่เนื่องจาก น้ำตกโอโตวะ ที่สวยงามซึ่งตั้งอยู่ที่ฐานของห้องโถงใหญ่ น้ำจากน้ำตกนั้นถูกแบ่งเป็นสามช่องทางซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถดื่มจากการใช้ถ้วยที่ติดอยู่กับเสายาว ลำธารน้ำแต่ละลำมีคุณสมบัติแตกต่างกันและผู้เข้าชมเลือกที่จะดื่มน้ำจากบนพื้นฐานว่าพวกเขากำลังค้นหาอายุยืนความสำเร็จในโรงเรียนหรือโชคในความรัก วัดมีชื่อเสียงมากที่สุดสำหรับระเบียงไม้ขนาดใหญ่หรือเวทีที่ยื่นออกมาจากห้องโถงหลักและวนเวียน 13 เมตรเหนือเนินเขาด้านล่าง ก่อนที่การฝึกจะถูกห้ามในปี 1872 ผู้แสวงบุญจำนวนมากจะกระโดดจากเวทีด้วยความหวังว่าการรอดชีวิตจากการกระโดดจะส่งผลให้เกิดการขอพร ประเพณีนี้นำไปสู่การแสดงออกของญี่ปุ่น "กระโดดลงมาจากเวทีที่ Kiyomizu" ซึ่งคล้ายกับ "กระโดด" ในภาษาอังกฤษ อีกจุดที่ไม่ควรพลาดที่ วัดคิโยมิซุ คือ ศาลเจ้า Jishu-Jinja ซึ่งอุทิศให้กับความรักและการจับคู่ ว่ากันว่าหากคุณสามารถเดินไปมาระหว่างก้อนหินขนาดใหญ่สองก้อนที่ทางเข้าศาลเจ้าได้โดยที่ดวงตาของคุณหลับตาลงคุณจะโชคดีที่ได้พบรัก Kiyomizu Temple ใช้เวลาเดินประมาณ 20 นาทีจาก สถานีรถไฟ Kiyomizu Gojo หรือ 10 นาทีจากป้ายรถประจำทาง Kiyomizu-michi เวลาส่วนใหญ่วัดเปิดทุกวันตั้งแต่ 6 โมงเช้าถึง 6 โมงเย็น แต่จะเปิดจนถึง 18:30 น. ในเดือนสิงหาคมและกันยายนและในวันหยุดสุดสัปดาห์และวันหยุดตั้งแต่กลางเดือนเมษายนถึงกรกฎาคม ค่าเข้าชม 400 เยน ผู้ที่เข้าชมในช่วงกลางเดือนมีนาคมหรือปลายเดือนพฤศจิกายนจะได้รับการจัดแสดงแสงยามค่ำคืน เช็คอินที่ น้ำพุร้อนธรรมชาติดอร์มีอินน์พรีเมียมเกียวโต-เอกคิมาเอะ ก้าวออกจาก วัดคิโยมิซุ ค้นหาและจองโรงแรมใน KYOTO วันนี้ เช่ากิโมโนและสำรวจย่านกิออน ในเมืองที่เต็มไปด้วยการถ่ายภาพที่โดดเด่น เขตกิออน อาจได้รับรางวัลสำหรับภูมิภาคที่มีการถ่ายรูปมากที่สุดของ เกียวโต เขตกิออน ดูเหมือนภาพที่หลายคนนึกถึงเมื่อพวกเขานึกถึงญี่ปุ่น วัดและศาลเจ้าที่สง่างามตั้งอยู่ท่ามกลางบ้านไม้ประวัติศาสตร์ที่เรียงรายไปตามถนนหินกรวดแคบของเขต เจดีย์ Yasaka (Yasaka-no-Tou) ที่ วัดHōkan-ji ตั้งอยู่เหนืออาคารอื่น ๆ ทำให้เป็นจุดโฟกัสของพื้นที่ ในเวลากลางคืนโคมไฟกระดาษจะส่องแสงตามท้องถนนและผู้โชคดีอาจจะได้เห็นเกอิชาที่กำลังมองหาเธอเพื่อรับหน้าที่เป็นพนักงานต้อนรับที่บริการน้ำชาแบบดั้งเดิม หนึ่งในกิจกรรมที่ได้รับความนิยมมากที่สุดใน เขตกิออน คือการเช่าเครื่องแต่งกายแบบญี่ปุ่นดั้งเดิมเพื่อสวมใส่ในระหว่างการสำรวจพื้นที่ เมื่อแต่งตัวในชุดกิโมโนผู้เข้าชมจะต้องแน่ใจว่าได้ถ่ายรูปภาพบน สะพาน Gion Tatsumi ซึ่งมักเรียกกันว่าเป็นจุดที่งดงามที่สุดในภูมิภาคที่เต็มไปด้วยพวกเขา สะพานแห่งนี้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมสำหรับภาพถ่ายนักท่องเที่ยวหลังจากที่มีจุดเด่นในภาพยนตร์เรื่อง Memoirs of a Geisha จะหาเกอิชาในกิออนได้ที่ไหน การเพลิดเพลินกับมื้ออาหารหรือบริการชาซึ่งจัดโดยเกอิชานั้นเป็นเรื่องที่ไกลเกินเอื้อมสำหรับผู้เข้าชมส่วนใหญ่ในญี่ปุ่น แต่ผู้ที่เต็มใจจ่ายอาจพบเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกของโรงแรม อย่างไรก็ตามนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะพบว่าการแสดงทางวัฒนธรรมที่จัดขึ้นที่ กิออนคอร์เนอร์ นำเสนอมุมมองที่ดีเกี่ยวกับศิลปะญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมที่เกอิชาที่ทันสมัยฝึกฝน รายการจะจัดขึ้นวันละสองครั้งเวลา 19.00 น. และ 21.00 น. และมีราคา 3,150 เยน (ตรวจสอบคูปองออนไลน์เพื่อรับส่วนลด 350 เยน) สามารถเดินทางไปยัง ย่าน Gion โดยรถบัสจาก สถานีเกียวโต เช็คอินที่ Kyoto Nanzenji Ryokan Yachiyo แล้วออกเดินทางไปยัง เขต Gion ค้นหาและจองโรงแรมใน KYOTO วันนี้ ขอพรที่ศาลเจ้าฟุชิมิอินาริ...
อ่านเพิ่มเติม
คู่มือเที่ยวสวนสาธารณะมารุยามะ (Maruyama Park) | ชมดอกซากุระและเที่ยวย่านกิออนในเกียวโต
หมายเหตุ: บทความนี้แปลโดยเครื่องมือแปลของ Google สวนมารุยามะ ตั้งอยู่ใกล้เนินเขาของ เขต Higashiyama ในเกียวโตเป็นโอเอซิสแห่งธรรมชาติที่สวยงามและมีเสน่ห์ เป็นที่ตั้งของต้นซากุระหลายร้อยต้นที่บานสะพรั่งท่ามกลางสายลมที่หอมกรุ่นในช่วงต้นเดือนเมษายนและเนื่องจากภูมิทัศน์ที่สวยงาม สวนมารุยามะ ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก อุทยานแห่งนี้มีความยาวกว่า 86,000 เมตรมอบการพักผ่อนอย่างสงบจากความวุ่นวายของ เกียวโต คู่มือการเยี่ยมชมสวนมารุยามะ สวนมารุยามะ มีบทบาทสำคัญในวัฒนธรรมของเมือง เกียวโต ผู้เข้าชมจากทั่วทุกมุมโลกด้วยความงามที่มีกลิ่นหอมและภูมิทัศน์ที่ตกแต่งอย่างสมบูรณ์แบบ สถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวในเดือนเมษายนเมื่อต้นซากุระบานเต็ม ภายใน อุทยานมารุยามะ นักท่องเที่ยวจะได้พบกับเส้นทางเดินหลากหลายที่ครอบคลุมระยะทางของสวนสาธารณะรวมทั้งม้านั่งและที่พักผ่อนหย่อนใจ ต้นซากุระกำลังร้องไห้อยู่กลางเวทีและดึงดูดผู้คนจำนวนมากหลังจากพระอาทิตย์ตกดินเพื่อทำพิธีจุดไฟยามค่ำคืน สวนสาธารณะเปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมงต่อวันและจัดกิจกรรมพิเศษเพื่อให้ประชาชนได้เพลิดเพลินตลอดทั้งปี ในขณะที่เยี่ยมชมสวนสาธารณะนักท่องเที่ยวจะได้รับเชิญให้นั่งลงริมสระน้ำหรือใต้ต้นไม้และเพลิดเพลินกับการปิกนิกเงียบ ๆ กับคนที่คุณรัก สถานที่ท่องเที่ยวใกล้กับสวน Maruyama หลังจากใช้เวลาช่วงหนึ่งท่ามกลางต้นซากุระที่พบใน สวนมารุยามะ นักท่องเที่ยวจะได้รับเชิญให้เยี่ยมชมสถานที่น่าสนใจอื่น ๆ ที่ชุมชนมีให้ ตั้งแต่หอศิลป์ท้องถิ่นไปจนถึงสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ที่มีมานานหลายศตวรรษนักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสกับวัฒนธรรมและประเพณีของญี่ปุ่น ลองดูที่สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมใกล้ สวนมารุยามะ ศาลเจ้า Yasaka ศาลเจ้ายาซากะ สร้างขึ้นเมื่อกว่า 1,000 ปีที่แล้วเป็นศาลเจ้าที่มีผู้เข้าชมมากที่สุดใน เกียวโต และเก่าแก่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่น เป็นที่รู้จักกันในชื่อศาลเจ้ากิออนโดยชาวบ้านและสถานที่ให้บริการประกอบด้วยศาลเจ้าหลักและอาคารขนาดเล็กหลายประเภท อาคารหลักของศาลเจ้ามีสถานที่ศักดิ์สิทธิ์และห้องโถงเสนอขายที่ผู้เข้าชมสามารถทัวร์ด้วยตัวเองหรือใน บริษัท ของมัคคุเทศก์ ผู้เข้าพักสามารถนั่งสมาธิหรือมีส่วนร่วมในการสะท้อนภาพในขณะเยี่ยมชม ด้านนอกของ ศาลเจ้า Yasaka นั้นประดับประดาด้วยสถาปัตยกรรมหรูหราที่มีอยู่มากมายในสมัย Heinan การตกแต่งภายในของอาคารนั้นเรียบง่ายในธรรมชาติด้วยศิลปะและสิ่งก่อสร้างทางประวัติศาสตร์ ในแต่ละคืนศาลเจ้าจะจัดพิธีปล่อยโคมไฟซึ่งผู้เข้าชมสามารถเพลิดเพลินกับการรับแสงจากลูกลอยลอยขึ้นสู่ท้องฟ้ายามค่ำคืนท่ามกลางบรรยากาศที่สว่างไสวของศาลเจ้า ฤดูร้อนถือเป็นช่วงเวลาพิเศษสำหรับการเฉลิมฉลองรอบ ศาลเจ้ายาซากะ เนื่องจากสถานที่แห่งนี้ยินดีต้อนรับผู้มาเยี่ยมชมเทศกาลฤดูร้อนประจำปีของ Gion Matsuri เป็นกิจกรรมที่เต็มไปด้วยความสนุกสนานที่แขกสามารถมีส่วนร่วมในเกมและกิจกรรมทางวัฒนธรรมรวมทั้งทานอาหารข้างถนนสไตล์ญี่ปุ่นแสนอร่อย การเฉลิมฉลองนี้เกิดขึ้นในช่วงเดือนกรกฎาคมและสนุกสำหรับทั้งครอบครัว ให้แน่ใจว่าได้เดินเล่นในสวนที่ตั้งอยู่ในศาลเจ้าเนื่องจากดอกไม้บานเต็มที่ในช่วงฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อน ศาลเจ้าเปิดให้บริการทุกวันตลอด 24 ชั่วโมงและไม่เสียค่าใช้จ่าย พิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยใหม่แห่งชาติเกียวโต พิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยใหม่แห่งชาติตั้งอยู่ในอาคารสไตล์อาร์ตเดโคที่สวยงามใน เกียวโต จัดแสดงผลงานศิลปะและเอกสารตั้งแต่ศตวรรษที่ 20 ถึงปัจจุบัน พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เปิดทำการเมื่อปี 2529 และนำเสนอผลงานชั้นดีจากศิลปินท้องถิ่นและศิลปินต่างประเทศ พิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยใหม่แห่งชาติเกียวโต ตั้งอยู่ในอาคารที่กว้างขวางซึ่งมีหลายชั้นสูงและมีพื้นที่จัดแสดงกว่า 2,000 ตารางฟุต ขอแนะนำให้แขกใช้เวลาอย่างน้อยสองสามชั่วโมงที่พิพิธภัณฑ์เพื่อชมผลงานที่ยอดเยี่ยมทั้งหมด พิพิธภัณฑ์แห่งนี้มีคอลเล็กชั่นถาวรรวมถึงนิทรรศการพิเศษอีกเกือบสิบชิ้น แขกจะได้พบกับภาพวาดภาพวาดรูปปั้นและอื่น ๆ ของญี่ปุ่นดั้งเดิม พิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยใหม่แห่งชาติเกียวโต เปิดให้บริการตั้งแต่ 9:30 น. ถึง 17:00 น. วันจันทร์ถึงวันพฤหัสบดีและ 9:30 น. ถึง 20:00 น. ในวันศุกร์และวันเสาร์ ค่าเข้าชมพิพิธภัณฑ์ 1,000 เยนสำหรับผู้ใหญ่ 500 เยนสำหรับนักเรียนและฟรีสำหรับเด็ก ถนนตำบลกิออน สำหรับผู้ที่ต้องการสำรวจวัฒนธรรมที่แท้จริงของย่าน กิออน อย่าลืมเดินเล่นไปตามถนนเขตกิออนที่ซึ่งผู้เข้าชมจะได้พบกับเกอิชาทั้งหมดที่เป็นที่รู้จักกันในพื้นที่ ถนน Gion District เป็นที่ตั้งของอาหารญี่ปุ่นทดลองบ้านประวัติศาสตร์ที่เปลี่ยนเป็นร้านค้าบูติกบาร์และโรงภาพยนตร์ที่แขกสามารถชมเกอิชาแสดงดนตรีและการเต้นรำแบบดั้งเดิม ถนน Gion District เป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมในช่วงเดือนที่มีการเดินทางไม่ว่างของปี ถนน Gion District เป็นสถานที่ที่สนุกสนานและน่าสนใจและดึงดูดผู้เข้าชมทุกวัย ถนนเปิดตลอด 24 ชั่วโมงต่อวันและธุรกิจในพื้นที่มีเวลาทำการพิเศษ ศาลเจ้าเฮอันจิงกู สร้างขึ้นในช่วงปลายปี 1800 เพื่อเฉลิมฉลอง เกียวโต ที่เด่นชัดเป็นเมืองหลวงของเกาะ ศาลเจ้าเฮอันจิงกุ ยกย่องความทรงจำของจักรพรรดิที่ทำให้เป็นไปได้ ศาลเจ้าอันหรูหราแห่งนี้สร้างขึ้นในสถาปัตยกรรมญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมและนำเสนอซุ้มที่สวยงามที่เชื้อเชิญให้ผู้เข้าชมเข้ามาและสำรวจการตกแต่งภายใน แวะชมทัวร์พร้อมไกด์ซึ่งนักประวัติศาสตร์จะอธิบายถึงความสำคัญของศาลเจ้านี้ต่อเมือง ภายนอกของ ศาลเจ้าเฮอันจิงกุ นั้นประดับประดาด้วยต้นซากุระและพืชพันธุ์พื้นเมืองที่ให้บรรยากาศที่ผ่อนคลายและแปลกใหม่ ศาลเจ้าสามารถมองเห็นสระน้ำที่เพิ่มความสง่างาม สำหรับผู้ที่จะอยู่ในพื้นที่ในเดือนตุลาคมศาลเจ้าเป็นเจ้าภาพจัดงานเฉลิมฉลองประจำปีที่เรียกว่าเทศกาล Jidai ซึ่งแขกสามารถเข้าร่วมในการเฉลิมฉลองการก่อตั้งของ เกียวโต ศาลเจ้าเฮอันจิงกุ เปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งแต่ 6 โมงเช้าถึง...
อ่านเพิ่มเติม
คู่มือท่องเที่ยวกิออนในเกียวโต | ที่เที่ยวและกิจกรรมยอดนิยม
บทความนี้แปลโดย Google Machine Translation ชุมชน เกียวโต ที่ขึ้นชื่อเรื่องร้านขายไม้แบบดั้งเดิมและวัฒนธรรมเกอิชาที่อุดมไปด้วย กิออน เป็นย่านที่เฉลิมฉลองอดีตและปัจจุบันของญี่ปุ่น ในขณะที่อยู่ใน กิออน ผู้เข้าชมสามารถรับประทานอาหารที่ร้านอาหารที่ได้รับรางวัลเยี่ยมชมหนึ่งในเรียวกังของมันใช้เวลาในความงามตามธรรมชาติของถิ่นทุรกันดารชม Geishas ดำเนินการเต้นรำแบบดั้งเดิมและการแสดงละครและพักในห้องพัก ประสบการณ์ที่เงียบสงบ คู่มือฉบับสมบูรณ์สำหรับการสำรวจกิออนเกียวโต กิออน เป็นสถานที่พิเศษที่เสนอบทเรียนเกี่ยวกับประวัติศาสตร์วัฒนธรรมและประเพณีให้กับทุกคนที่มาเยี่ยมชม เป็นสถานที่ที่ผู้คนสามารถผ่อนคลายและดื่มด่ำกับจิตวิญญาณภายในของพวกเขาในขณะที่เพลิดเพลินกับสิ่งอำนวยความสะดวกที่ทันสมัยทั้งหมดของเขตเมืองใหญ่ ตั้งแต่โรงแรมชั้นดีไปจนถึงสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจและอาหารรสเลิศแขกจะเพลิดเพลินไปกับทุกสิ่งที่มีให้เห็นและทำใน กิออน สถานที่ท่องเที่ยวต้องห้ามในกิออน นอกจากศาลเจ้าและวัดโบราณแล้ว กิออน ยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวยุคใหม่ที่เน้นวัฒนธรรมและความหลากหลายของเมืองที่น่าทึ่งแห่งนี้ ไม่ว่าจะเป็นพิพิธภัณฑ์ไปจนถึงงานเลี้ยงอาหารค่ำกับงาน Maiko แขกผู้เข้าพักจะได้พบกับความสนุกและสถานที่ท่องเที่ยวเชิงโต้ตอบที่หลากหลาย ต่อไปนี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ดีที่สุดที่ กิออน มีให้: สะพาน Tatsumi สะพาน Tatsumi ที่งดงามและแปลกตานำพาผู้มาเยือนข้าม แม่น้ำ Kamo และความงามที่สมบูรณ์แบบของภาพ แขกจะต้องแน่ใจว่าได้นำกล้องติดตัวไปด้วยเมื่อเช็คเอาท์สะพานนี้! ถ้ามันดูคุ้น ๆ อาจเป็นเพราะสะพานจำลองนี้ถูกสร้างขึ้นสำหรับฉากในภาพยนตร์เรื่อง Memoirs of a Geisha ทางเดินเลียบสะพานทำจากหินธรรมชาติและเรียงรายไปด้วยต้นซากุระที่บานสะพรั่งในช่วงฤดูใบไม้ผลิ สะพาน Tatsumi เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าตื่นตาตื่นใจในช่วงกลางวันและกลางคืน เมื่อพระอาทิตย์ตกดินสะพานนี้จะถูกจุดไฟด้วยโคมไฟสีแดงที่ให้ความรู้สึกอบอุ่นและเป็นบรรยากาศเหมาะสำหรับการออกเดทกลางคืน สะพานนี้เปิดตลอด 24 ชั่วโมงเพื่อความสุขในการรับชมของคุณ พิพิธภัณฑ์และห้องสมุดญี่ปุ่นคันจิ ภาษาเขียนภาษาญี่ปุ่นประกอบด้วยตัวอักษรที่เขียนมากกว่า 5,000 ตัวและผู้เยี่ยมชมสามารถมองเห็นพวกเขาทุกคนในขณะที่เยี่ยมชม พิพิธภัณฑ์และห้องสมุดญี่ปุ่นคันจิ พิพิธภัณฑ์ที่สนุกและมีการโต้ตอบนี้อุทิศให้กับภาษาเขียนของประเทศและผู้เยี่ยมชมสามารถสัมผัสเล่นและเรียนรู้เกี่ยวกับตัวละครทั้งหมดและเกี่ยวกับประวัติของภาษาในขณะที่เยี่ยมชม พิพิธภัณฑ์และห้องสมุดญี่ปุ่นคันจิ เปิดในปี 2559 และให้ความรู้สึกทันสมัยตลอด ผนังในทางเดินหลักนั้นเรียงรายไปด้วยเส้นเวลาขนาดใหญ่ของการพัฒนาภาษาจากรากของมันในประเทศจีน มีหอคอยอยู่ข้างในซึ่งตัวละครทั้งหมดจะถูกแสดงเพื่อให้ผู้มาเยี่ยมชมได้ดู การจัดแสดงแบบอินเทอร์แอคทีฟสอนแขกเกี่ยวกับความหมายของอักขระแต่ละตัวและความสำคัญของตัวละคร พิพิธภัณฑ์และห้องสมุดญี่ปุ่นคันจิ เปิดให้บริการตั้งแต่ 9:30 น. ถึง 17:00 น. ทุกวันตลอดสัปดาห์ยกเว้นวันจันทร์ ค่าเข้าชมพิพิธภัณฑ์และห้องสมุด 500 เยนสำหรับผู้ใหญ่และ 300 เยนสำหรับเด็ก Gion Corner สถานที่ที่ผู้มาเยี่ยมชมจะได้สัมผัสกับศิลปะการแสดงของญี่ปุ่น Gion Corner ภายใน Yasaka Hall ล้วน แต่มีทั้งหมด ที่ผู้เข้าชม Gion Corner สามารถนั่งในโรงละครที่น่าสนใจและชมการแสดงเจ็ดประเภทที่แตกต่างกันโดยนักแสดงมืออาชีพและนักดนตรี ที่ Gion Corner แขกสามารถรับชมในฐานะ Maiko แสดงท่าเต้นแบบดั้งเดิมนักแสดงแสดงชีวิตในเรื่องตลกในการแสดงโรงละคร Kyogen และฟังเพลงที่เคยได้ยินที่ Imperial Palace แขกจะเข้าร่วมในรายการบันเทิงตลอดชีพเมื่อจองที่นั่งที่รายการใดรายการหนึ่งเหล่านี้ การแสดงเริ่มทุกวันเวลา 18:00 น. และ 19:00 น. และเข้าชมได้คือ 3,150 เยนสำหรับผู้ใหญ่ 2,200 เยนสำหรับนักเรียนและ 1,900 เยนสำหรับเด็ก ค้นหาและจองโรงแรมใน GION วันนี้ วัดและศาลเจ้าที่เป็นที่นิยมในกิออน กิออน เป็นที่ตั้งของศาลเจ้าและวัดที่มีอายุหลายศตวรรษและแขกสามารถสำรวจและเรียนรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์อันมีชีวิตชีวาของภูมิภาคนี้ สถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์เหล่านี้เฉลิมฉลองมรดกตกทอดของอดีตผู้นำรวมถึงบุคคลสำคัญทางศาสนาที่ส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อสิ่งที่ กิออน เป็นอยู่ในปัจจุบัน ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างของวัดและศาลเจ้าที่เป็นที่นิยมมากที่สุดในขณะที่คุณอยู่ในเมือง: ศาลเจ้า Yasaka ศาลเจ้ายาซากะ ตั้งอยู่ในใจกลางเมืองเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมากที่สุดแห่งหนึ่งในภูมิภาค ศาลเจ้าอันหรูหราแห่งนี้เป็นที่ตั้งของเทศกาลประจำปี Gion Matsuri ที่เกิดขึ้นในเดือนกรกฎาคมดึงดูดนักท่องเที่ยวและคนในท้องถิ่นนับพัน ศาลเจ้ายาซากะ สร้างขึ้นเมื่อกว่า 1300 ปีที่แล้วและเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการเยี่ยมชมทั้งกลางวันและกลางคืน มันเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ภายในห้องโถงเสนอขายและอาคารขนาดเล็กหลายแห่ง ผู้เข้าพักสามารถหยุดและตรวจสอบในระหว่างวันและเข้าร่วมทัวร์พร้อมไกด์ ในตอนกลางคืนศาลเจ้าจะมีชีวิตชีวาเมื่อสว่างไสวและผู้เข้าพักจะได้ชื่นชมความงามและร่วมพิธีปล่อยโคมไฟ วางแผนที่จะเยี่ยมชม ศาลเจ้ายาซากะ ในช่วงเดือนเมษายนเมื่อต้นซากุระบานสะพรั่งเพื่อชื่นชมความงามและสูดกลิ่นหอมของดอกไม้ ศาลเจ้า Yasaka เปิดให้บริการตลอด...
อ่านเพิ่มเติม
เกียวโตทาวเวอร์ | เวลาทำการ ค่าเข้าชม กิจกรรมน่าสนใจ
หมายเหตุ: บทความนี้แปลโดยเครื่องมือแปลของ Google หอคอยเกียวโต เป็นคุณลักษณะที่โดดเด่นที่สุดของเส้นขอบฟ้าของ เกียวโต การเข้าถึงความสูง 430 ฟุตโครงสร้างสีแดงและสีขาวตั้งอยู่เหนือส่วนที่เหลือของเมืองและให้ทัศนียภาพกว้างไกลจากหอสังเกตการณ์สูง 328 ฟุต เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมและเข้าถึงได้ง่ายตั้งอยู่ติดกับ สถานีเกียวโต หอคอยแห่งนี้ตั้งอยู่บนอาคารสูงเก้าชั้นที่รู้จักกันในชื่อ อาคารเกียวโตทาวเวอร์ ซึ่งประกอบด้วยห้างสรรพสินค้า เกียวโตทาวเวอร์ซานโดะ โรงแรมเกียวโตทาวเวอร์ สปาศูนย์ข้อมูลนักท่องเที่ยวและอีกมากมาย ใช้เวลาหลายชั่วโมงในการเที่ยวชมสถานที่ต่างๆและสำรวจทุกสิ่งที่ Kyoto Tower มีให้ ประวัติโดยย่อของหอคอยเกียวโต แผนสำหรับการก่อสร้าง หอคอยเกียวโต ถูกเสนอขึ้นครั้งแรกเมื่อปี 2503 โดยได้รับการออกแบบโดยสถาปนิกสมัยใหม่ชื่อมาโมรุยามาดะและเริ่มการก่อสร้างในปี 2506 บนเว็บไซต์ก่อนหน้านี้ ที่ทำการไปรษณีย์กลางของเกียวโต รูปร่างและสีโดยรวมของหอคอยนั้นมีจุดประสงค์คล้ายกับเทียนญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม มันถูกสร้างขึ้นเพื่อทนต่อกองกำลังของแผ่นดินไหวและไต้ฝุ่นขนาดใหญ่ การก่อสร้างใกล้จะแล้วเสร็จในปลายปีถัดไปและหอเปิดอย่างเป็นทางการในวันที่ 28 ธันวาคม 2507 แม้ว่าจะมีการคัดค้านต่อสาธารณะในการก่อสร้างอาคารขนาดใหญ่ทันสมัยในใจกลาง เกียวโต ประวัติศาสตร์ หนึ่งล้านคนในปีแรก การเดินทางไปยัง Kyoto Tower หอคอยเกียวโต ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของ สถานีเกียวโต ซึ่งเป็นศูนย์กลางการคมนาคมหลักของเมือง สถานีเกียวโต เป็นหนึ่งในอาคารที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นทั้งหมดเป็นสถานที่สำคัญเช่นกัน หากต้องการไปยัง หอคอยเกียวโต เพียงออกจากประตู Karasuma Central แล้วข้ามถนนหรือใช้ทางเดินใต้ดินเข้าสู่หอคอย คุณสามารถเข้าถึง สถานีเกียวโต ด้วยรถไฟหรือรถบัสจากที่ใดก็ได้ใน เกียวโต สถานีนี้มีเส้นทางรถไฟความเร็วสูงตรงไปยัง โตเกียว โอซาก้า และ นาโกย่า ทำให้การเดินทางไปชม หอคอยเกียวโต เป็นเรื่องง่ายแม้ว่าคุณจะไม่ได้อยู่ในเมืองก็ตาม เช็คอินที่ สถานี Mitsui Garden Hotel Kyoto ออกจาก สถานี Kyoto ค้นหาและจองโรงแรมใกล้ KYOTO TOWER TODAY วันนี้ หอสังเกตการณ์เกียวโตทาวเวอร์ แน่นอนว่าหอคอยหลักของ หอคอยเกียวโต นั้นแน่นอนว่าเป็นหอสังเกตการณ์อันสูงส่ง ตั้งอยู่บนชั้น 4 และ 5 ของหอคอยดาดฟ้าล้อมรอบศูนย์กลางของอาคารทำให้คุณเพลิดเพลินไปกับวิวทิวทัศน์มุมกว้าง 360 องศาทั่วเมือง เว็บไซต์ยอดนิยมรวมถึง สถานีเกียวโต ด้านล่างโดยตรง วัดโทจิ และเจดีย์ห้าชั้นไปทางตะวันตกเฉียงใต้และแม้กระทั่ง โอซาก้า ในระยะไกลในวันที่อากาศแจ่มใส! มุมมองสามารถเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงขึ้นอยู่กับฤดูกาลและแม้กระทั่งชั่วโมงที่คุณไป พระอาทิตย์ตกเป็นช่วงเวลาที่สวยงามเป็นพิเศษในการเยี่ยมชม หอคอยเกียวโต และคุณสามารถชมทิวทัศน์อันงดงามของท้องฟ้าสีส้มจากทางด้านบน ผู้เข้าชมยังสามารถใช้กล้องโทรทรรศน์บนชั้น 5 ได้ฟรีและมีการตรวจสอบข้อมูลการท่องเที่ยวเพื่อให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยว ในการเข้าถึงหอสังเกตการณ์คุณต้องซื้อตั๋วที่สำนักงานขายตั๋วชั้นหนึ่งก่อน กระโดดขึ้นลิฟต์ไปที่ชั้น 11 จากนั้นย้ายไปที่ลิฟต์มุ่งหน้าขึ้นหอคอย การเข้าชมหอคอยเกียวโตและเวลาทำการ หอคอยเกียวโต เปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งแต่ 9 โมงเช้าถึงสามทุ่มครึ่งโดยมีการลงทะเบียนครั้งสุดท้ายเวลา 21.00 น. ค่าธรรมเนียมเข้าชม 800 เยนสำหรับผู้ใหญ่ 650 เยนสำหรับนักเรียนมัธยมปลาย 550 เยนสำหรับนักเรียนประถมและมัธยมต้นและ 150 เยนสำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 6 ปีราคาถูกกว่าสำหรับกลุ่ม 10 คนขึ้นไป หอคอยเกียวโต รับบัตรเครดิตที่สำคัญที่สุดรวมถึงแอพชำระเงินมือถือหลายแห่งรวมถึง PayPay, WeChat Pay และ Alipay เช็คอินที่ โรงแรมริชมอนด์พรีเมียร์เกียวโตเอกิมาเอะ ก้าวออกจาก หอคอยเกียวโต ค้นหาและจองโรงแรมใกล้ KYOTO TOWER TODAY วันนี้ ร้านอาหารหอคอยเกียวโต หอคอยเกียวโต...
อ่านเพิ่มเติม
สถานีรถไฟเกียวโต | สายรถไฟ แหล่งช้อปปิ้ง และกิจกรรมน่าสนใจใกล้สถานีรถไฟเกียวโต
หมายเหตุ: บทความนี้แปลโดยเครื่องมือแปลของ Google สถานีเกียวโต เป็นแก้วและเหล็กที่มีความสูง 15 ชั้นซึ่งเป็นจุดแตกหักที่เกือบจะเป็นอนาคตของสิ่งปลูกสร้างที่มีอายุหลายศตวรรษซึ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกสู่ เกียวโต ในแต่ละปีมีผู้เข้าชมมากกว่า 50 ล้านคนมาที่เมืองและส่วนใหญ่จะผ่าน สถานีเกียวโต เมื่อถึงเวลาที่พวกเขาอยู่ เกียวโต เป็นที่อยู่อาศัยของประชากร 1.5 ล้านคนซึ่งหลายคนพึ่งพาการขนส่งสาธารณะที่ สถานีเกียวโต ทั้งหมดนี้พูดได้ว่า สถานีเกียวโต เป็นสถานที่ที่ยุ่งมาก! การเดินทางไปยังสถานีเกียวโตและสถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียง การเดินทางไปยัง สถานีเกียวโต นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ด้วยรถไฟความเร็วสูงใช้เวลาเดินทางประมาณสองชั่วโมงครึ่งจาก สถานีโตเกียว และ Haruka Express ใช้เวลาเดินทางจากสถานีรถไฟ สนามบินคันไซ ไปยัง สถานีเกียวโต ประมาณ 75 นาที จากภายใน เกียวโต สามารถเข้าถึงสถานีได้อย่างง่ายดายด้วยรถไฟใต้ดินสาย Karasuma นอกจากนี้ยังมีโรงแรมมากมายใกล้และแม้กระทั่ง ใน สถานีเกียวโต ดังนั้นการเดินทางสามารถทำได้ง่ายเพียงแค่เดินไม่กี่ก้าว ไม่เพียง แต่นักท่องเที่ยวจะสามารถเข้าถึงสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจที่สุดของ เกียวโต ผ่านทางรถไฟรถบัสและรถไฟใต้ดินจาก สถานีเกียวโต ได้ สถานีแห่งนี้ยังอยู่ในระยะที่สามารถเดินได้จากสองแหล่งมรดกโลกของเมืองยูเนสโก ได้แก่ Tō-ji Temple และ Higashi Honganji นอกจากนี้ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวให้ชมและทำมากมายทำให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของตัวเอง ประวัติสถานีเกียวโต การทำซ้ำครั้งแรกของ สถานีเกียวโต สร้างขึ้นในปี 1877 ด้วยวัสดุที่ทันสมัยที่สุดของยุคอิฐ จักรพรรดิเมจิเข้าร่วมการเปิดตัวของอาคารซึ่งถูกมองว่าเป็นจุดเริ่มต้นของยุคใหม่ของความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี 2457 โดยเพิ่มใช้จำเป็นต้องมีสถานีขนาดใหญ่ซึ่งถูกสร้างขึ้นจากไม้ไซเปรสบนเว็บไซต์ที่สถานีปัจจุบันนั่งอยู่ โชคไม่ดีที่สถานีนั้นถูกทำลายด้วยไฟในปี 1950 และโครงสร้างคอนกรีตที่แทนที่มันมีประสิทธิภาพ แต่ไม่ดึงดูดสายตาดังนั้นในปี 1990 การแข่งขันออกแบบได้ถูกจัดขึ้นเพื่อเลือกสถาปนิกที่จะมาสร้าง สถานีเกียวโต อีกครั้ง ฮิโรชิฮาร่าชนะสถาปนิกหกคนด้วยวิสัยทัศน์ที่ล้ำสมัยสำหรับสถานีใหม่ ในขณะที่บางคนคัดค้านในเวลานั้นด้วยความกลัวว่าอาคารกระจกและเหล็กอันสง่างามจะไม่เกิดขึ้นในเมืองแห่งสถาปัตยกรรมแบบดั้งเดิมการออกแบบ 15 ชั้นของ Hara ได้ดำเนินการแล้วและมีการเปิดสถานีใหม่ในเดือนกันยายน 1997 เพื่อเฉลิมฉลองเมือง วันครบรอบ 1,200 ปี ในทศวรรษที่ผ่านมา สถานีเกียวโต ได้กลายเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมที่สุดใน เกียวโต เช็คอินเข้าโรงแรม The Junei Hotel Kyoto Imperial Palace West ออกจากสถานี Kyoto ค้นหาและจองโรงแรมใน KYOTO วันนี้ การเดินทางรอบสถานีรถไฟเกียวโต สถานีเกียวโต เป็นหนึ่งในอาคารที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น แต่ไม่จำเป็นต้องกลัวที่จะนำทาง มีบูธข้อมูลหลายแห่งพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ที่ล่อแหลมและมัคคุเทศก์และแผนที่ของสถานีฟรีสำหรับทุกคนที่ต้องการ ที่กล่าวมาก็ควรที่จะทำการวางแผนล่วงหน้าเล็กน้อยเพื่อทำความคุ้นเคยกับการจัดวางของสถานี สถานีเกียวโต สามารถเดินทางจากทางเหนือหรือใต้ ด้านทิศเหนือของสถานีซึ่งหันหน้าไปทาง หอคอยเกียวโต และ ที่ทำการไปรษณีย์กลางของเกียวโต นั้นเรียกว่าฝั่งคาระซึมะ ที่นี่คือสถานที่ที่นักท่องเที่ยวจะพบประตู Chuo ที่ใช้ในการเดินทางด้วยรถไฟ JR และ Haruka Express ไปยังสนามบิน ปีกฝั่งตะวันออกของฝั่ง Karasuma เป็นที่ตั้งของ Hotel Granvia Kyoto ซึ่งตั้งอยู่ภายในสถานีเพียงไม่กี่ก้าวจากทางรถไฟหลายสาย พื้นที่ค้าปลีกสิบสามชั้นจะใช้พื้นที่ด้านตะวันตกของฝั่ง Karasuma ทางทิศใต้หรือฮาจิโจข้าง สถานีเกียวโต หันหน้าไปทางร้านค้าและโรงแรมบนถนนฮาจิโจและประกอบด้วยร้านค้าและร้านอาหารขนาดใหญ่สองแห่ง ทางเข้าด้าน Hachijo สะดวกที่สุดในการเข้าถึงรถไฟความเร็วสูงชินคันเซ็น หากต้องการย้ายระหว่างสถานี Karasuma และ Hachijo ผู้เข้าชมสามารถใช้ทางเดินใต้ดินหรือทางเดินเท้าบนชั้นสองของสถานี สถานีเกียวโต สถานีเกียวโต เป็นมากกว่าศูนย์การขนส่ง แม้ว่าจะเป็นประตูสู่เมือง เกียวโต...
อ่านเพิ่มเติม
เที่ยวอาราชิยามะ เกียวโต | คู่มือท่องเที่ยวสวนป่าไผ่และสวนลิง
หมายเหตุ: บทความนี้แปลโดยเครื่องมือแปลของ Google ทางตะวันตกของ เกียวโต เป็นที่ตั้งของหมู่บ้านแปลกตาใน อาราชิยามะ ที่อยู่อาศัยแรกในช่วงยุคเฮอัน มีประวัติความเป็นมาตั้งแต่ต้นปี ค.ศ. 700 อาราชิยามะ ยังคงต้อนรับผู้อยู่อาศัยและนักท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่องมาจนถึงทุกวันนี้ อาราชิยามะ ตั้งอยู่ริมฝั่ง แม่น้ำคัตสึระ ที่เต็มไปด้วยต้นซากุระที่บานสะพรั่งและป่าไผ่เขียวชอุ่ม อาราชิยามะ ถือเป็นเขตที่ซ่อนตัวอยู่ของ เกียวโต และมอบการพักผ่อนที่เงียบสงบจากเขตอื่นๆ ที่มีประชากรหนาแน่นของเมือง เป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางของคนรักธรรมชาติที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เพราะมีทั้งป่าลิงที่มีชื่อเสียง ดงไผ่และการผจญภัยในแม่น้ำ อาราชิยามะ ยังเป็นที่ตั้งของวัดและศาลเจ้าอันเก่าแก่มากมาย ร้านค้าบูติก ร้านอาหารชั้นดีและร้านนํ้าชาของเจ้าของท้องถิ่นต่างๆ สำหรับใครที่กำลังมองหาด้านที่เงียบสงบของญี่ปุ่น อย่าลืมเก็บ อาราชิยามะ ไว้ในลิสต์ด้วยนะ สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในอาราชิยามะ อาราชิยามะ ไม่เพียงแค่มีวัดและศาลเจ้าที่สวยที่สุดในญี่ปุ่นเท่านั้น แต่ยังมีธรรมชาติและสถานที่ท่องเที่ยวยุคใหม่มากมายสำหรับใครที่กำลังมองหาประสบการณ์การเรียนรู้ที่หลากหลาย ไม่ว่าจะต้องการปีนเขาที่สวยงามหรือต้องการสัมผัสศิลปะท้องถิ่น ก็มีที่ให้เที่ยวใน อาราชิยามะ สำหรับทุกคน สวนลิงอาราชิยามะ สวนลิงอะราชิยามะ เป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยธุรกิจของลิงเป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกจะได้รับความบันเทิงอย่างแน่นอน สวนลิงอะราชิยามะ เป็นที่อยู่อาศัยของลิงสายพันธุ์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในญี่ปุ่นและยินดีต้อนรับผู้เยี่ยมชมที่จะแวะเยี่ยมชมและชมไพรเมตขณะที่พวกเขาเล่นกินและสำรวจคุณ ผู้เยี่ยมชมจะได้ชมลิงญี่ปุ่นมากกว่า 120 ตัวในเขตอนุรักษ์ของอุทยาน สวนลิงอะราชิยามะ ตั้งอยู่ที่ด้านบนของ ภูเขาลิง ในการไปที่สวนสาธารณะแขกจะปีนขึ้นบันไดหินยาวที่ประดับด้วยใบไม้ที่หอมหวาน ครั้งหนึ่งที่สวนสาธารณะมีสัญญาณที่แสดงความยินดีกับทุกคนที่มีความแข็งแกร่งที่จะทำให้มันอยู่ด้านบน! ผู้เข้าพักจะได้พบกับม้านั่งสำหรับพักผ่อนและอาหารว่างที่สามารถนำไปส่งให้กับลิงที่สวน ให้แน่ใจว่าได้ตรวจสอบกฎความปลอดภัยก่อนที่จะมีปฏิสัมพันธ์กับลิง สวนลิงอาราชิยามะ เปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่ 9.00 น. ถึง 16.00 น. ป่ากิโมโน Kimono Forest เป็นเอกลักษณ์และสวยงามเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่แปลกตาที่มีสีสันสดใสและการออกแบบที่สนุกสนาน Kimono Forest เป็นงานศิลปะที่แท้จริงและมอบโอกาสให้แขกได้เห็นการออกแบบโรงเรียนทั้งเก่าและใหม่ที่เป็นแฟชั่นที่โดดเด่นที่สุดในญี่ปุ่น - ชุดกิโมโน! Kimono Forest ตั้งอยู่ไม่ไกลจาก สถานี Randen Arashiyama และมีเสาท่อทั้งในร่มและกลางแจ้งหลายร้อยต้นจัดแสดงผ้าที่ยอดเยี่ยมซึ่งเป็นชุดกิโมโนที่สวมใส่ในญี่ปุ่น ผ้าแต่ละผืนทำด้วยมือและมีการออกแบบที่น่าทึ่ง ผู้เข้าชมสามารถเดินขึ้นและลงบนเส้นทางเพื่อตรวจสอบผ้าทั้งหมดและหลงทางในเขาวงกต Kimono Forest เปิดให้บริการจนถึง 21:00 น. ทุกคืนและไม่เสียค่าเข้าชม Tenzan-no-yu Onsen เพลิดเพลินไปกับการบำบัดน้ำพุร้อนธรรมชาติที่ออนเซ็นแห่งเดียวในพื้นที่ที่ Tenzan-no-yu Onsen นอกเมือง Arashiyama Tenzan-no-yu Onsen เป็นโรงอาบน้ำที่มีบ่อน้ำพุร้อนกลางแจ้งที่สามารถแช่ได้ทั้งกลางวันและกลางคืน น้ำแร่ที่อุดมไปด้วยธรรมชาตินั้นมีสุขภาพดีและสามารถรักษาปัญหาที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพได้มากมาย สำหรับผู้ที่ต้องการอาบน้ำในอาคารมีห้องอาบน้ำในร่มและพื้นที่ทำความสะอาดภายในอาคาร ในขณะที่รอที่จะเข้าสู่อ่างแขกผู้เข้าพักสามารถเพลิดเพลินกับอาหารท้องถิ่นที่ร้านอาหารในร่มขนาดใหญ่หรือดึงที่นั่งบนเก้าอี้เลานจ์ มีบริการนวดในสถานที่สำหรับผู้ที่ต้องการผ่อนคลายกล้ามเนื้อ Tenzan-no-yu Onsen เปิดให้บริการตั้งแต่ 10.00 น. ถึง 01.00 น. ทุกวันในสัปดาห์ยกเว้นวันจันทร์ที่สามของแต่ละเดือน ค่าเข้าชมออนเซ็น 1,050 เยนสำหรับผู้ใหญ่และ 500 เยนสำหรับเด็ก สัมผัสกับพลังบำบัดตามธรรมชาติของน้ำพุร้อนที่ออนเซ็นแห่งนี้! รถไฟชมทัศนียภาพซากาโนะ กระโดดขึ้นรถรางโบราณหนึ่งคันและเตรียมพร้อมที่จะนั่งรถไฟชมทิวทัศน์ของชีวิตตลอดเส้นทางรถไฟ Sagano Scenic Railway ที่ตาม แม่น้ำ Hozugawa! เส้นทางนี้เป็นที่รู้จักกันดีในนามการขี่สุดโรแมนติก แต่ก็เป็นกิจกรรมที่เหมาะสำหรับเพื่อนและสมาชิกในครอบครัวและเป็นวิธีที่ไม่เหมือนใครในการชมเมืองและชนบท ขณะอยู่บนรถไฟผู้โดยสารจะได้เดินทาง 25 นาทีผ่านอุโมงค์ป่าทุ่งหญ้าและป่า รถยนต์รถไฟแต่ละคันมีหน้าต่างที่สามารถเปิดได้ในวันที่อากาศอบอุ่นและมีแดด รถไฟวิ่งทุกวันตั้งแต่ 9.00 น. ถึง 16.00 น. ยกเว้นวันพุธและค่าเข้าชมคือ 630 เยนต่อคน ควรจองล่วงหน้าเนื่องจาก Sagano Scenic Railway เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม สถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ใน Arashiyama อะราชิยามะ ตั้งอยู่ในภูมิภาคที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์และเป็นที่ตั้งของศาลเจ้าและวัดโบราณที่กระจายอยู่ทั่วทั้งภูมิภาค สำหรับผู้ที่ต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการปฏิบัติทางศาสนาโบราณและประเพณีของ Arashiyama...
อ่านเพิ่มเติม
บ้านพักในเบปปุ : แนะนำวิลลาริมชายหาด & ออนเซ็นน่าไปลองในคิวชู
หมายเหตุ: บทความนี้แปลโดยเครื่องมือแปลของ Google Beppu เป็นโอเอซิสที่ผ่อนคลายทางด้านตะวันออกของ เกาะคิวชู เป็นเมืองหลวงของโลกที่ให้บริการน้ำพุร้อนธรรมชาติมากกว่า 2,000 อ่างสำหรับผู้ที่มาเยี่ยมเยียนเพื่อคลายความกังวล ชุมชน เบปปุ เป็นที่ตั้งของรีสอร์ทหรูหราร้านอาหารชั้นเลิศวัดเก่าแก่และศาลเจ้าและตัวเลือกที่พักที่ผ่อนคลายมากมายที่เหมาะสมกับงบประมาณทุกประเภท ไม่ว่าเหตุผลของคุณสำหรับการเยี่ยมชม คิวชู ใช้เวลาให้คุ้มค่าที่สุดและพิจารณาจองหนึ่งในบ้านเช่าใหม่ล่าสุดในเบปปุ แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติในพื้นที่เบปปุของคิวชู เบปปุ เป็นเขตภูเขาที่สวยงามพร้อมแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติมากมายที่นักท่องเที่ยวสามารถออกสำรวจได้ในยามว่าง สำหรับผู้ที่ต้องการเดินออกจากเส้นทางที่ถูกตีและเชื่อมต่อกับธรรมชาติที่นี่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวชั้นนำสำหรับการเยี่ยมชม! Mount Yufu - เดินเข้าไปในประเทศด้านหลังและไต่เขาตามเส้นทางที่ตั้งอยู่รอบ ๆ Mount Yufu และหุบเขาโดยรอบ แขกจะได้รับโอกาสในการค้นพบพืชพรรณและสัตว์ป่าในท้องถิ่นและถ่ายภาพที่น่าทึ่ง สวน Beppu - ความงดงามตามธรรมชาติในช่วงฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อนเมื่อดอกไม้บานสะพรั่งสวนแห่งนี้มีเส้นทางปูลาดม้านั่งศิลปะกลางแจ้งและสถานที่เงียบสงบสำหรับนั่งชมและคิด มีดอกไม้นับพันที่จ้องมองและร้องเพลงให้ฟัง ทะเลสาบ Kinrin - ได้รับชื่อจากแสงสีทองอันสวยงามของทะเลสาบที่มีรูปร่างเป็นเกล็ดปลา ทะเลสาบคินริน เป็นทะเลสาบน้ำพุร้อนธรรมชาติที่สร้างความพึงพอใจให้กับผู้มาเยือนทุกฤดูกาลตลอดทั้งปี ทะเลสาบมีท่าเทียบเรือที่แขกสามารถเดินเล่นรวมถึงความอุดมสมบูรณ์ของต้นไม้นานาชนิดเพื่อชื่นชม สวนสัตว์ธรรมชาติ Takasakiyama - เดินเข้าไปในป่าของสวนสัตว์และชมลิงพื้นเมืองที่สนุกสนานและเล่นในที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติ แขกผู้เข้าพักจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับชีวิตและพฤติกรรมของสัตว์ประหลาดเหล่านี้ Beppu Beach Sand Bath - สัมผัสประสบการณ์สปาธรรมชาติอันงดงามแขกรับเชิญให้ลงไปที่ชายหาดปิดบังตัวเองในทรายและเพลิดเพลินไปกับความอบอุ่นที่เปล่งประกายร่างกายของพวกเขาในขณะที่มองออกไปในมหาสมุทรเกิน ชายหาดทอดยาวแห่งนี้มีพื้นที่ทรายที่ร้อนแรงด้วยไอน้ำที่ขึ้นมาจากใต้พื้นผิวและเป็นประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร Yufugawa canyon - สิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติสำหรับคนรักธรรมชาติที่แท้จริงเดินป่าเข้าไปในป่าและชื่นชมความงามของหุบเขานี้! มันมีลำธารน้ำตกที่มีน้ำตกพืชและสัตว์พื้นเมืองและเสียงนกนานาชนิด ค้นหาและจองโรงแรมใน BEPPU วันนี้ 10 Brand New Rental Homes in Beppu กำลังมองหาที่พักใน เบปปุ แต่ไม่ต้องการจองโรงแรม ชุมชนแห่งนี้มีอพาร์ทเมนท์ใหม่เอี่ยมหลายแห่งที่ผู้เข้าพักสามารถเช่าได้ต่อคืน แขกผู้เข้าพักสามารถใช้ประโยชน์จากความสะดวกสบายเหมือนอยู่บ้านในขณะที่โอบกอดวัฒนธรรมของ ญี่ปุ่น และสัมผัสกับสิ่งที่เป็นเหมือนอยู่ในท้องถิ่น! นี่คือบ้านเช่าใหม่ยอดนิยมใน เบปปุ 1. Newly built in 2019 ! designers room! Beppu Kiku2 ออกแบบโดยคำนึงถึงความสะดวกสบาย Newly built in 2019 ! designers room! Beppu Kiku2 เป็นบ้านใหม่ที่สวยงามที่สามารถจองน้อยกว่า 11,000 เยนต่อคืน! บ้านทันสมัยนี้ถูกสร้างขึ้นเองโดยนักออกแบบตกแต่งภายในมืออาชีพและตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์โทนสีกลางและอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้าใหม่เอี่ยม Newly built in 2019 ! designers room! Beppu Kiku2 เหมาะสำหรับครอบครัวที่มาพร้อมกับสามเตียงคู่และเตียงโซฟา เมื่อพักที่อพาร์ทเมนท์นี้นักเดินทางจะได้พักอย่างเป็นส่วนตัวและสะดวกสบายในขณะที่ยังคงใกล้กับสถานที่น่าดึงดูดทุกแห่งในใจกลางเมือง มีห้องครัวขนาดใหญ่สำหรับผู้ที่ต้องการทำอาหารและเตรียมอาหารขณะที่เพลิดเพลินกับการเข้าพัก อพาร์ทเมนท์แห่งนี้มาพร้อมกับเครื่องปรับอากาศเครื่องซักผ้า Wi-Fi และผลิตภัณฑ์เครื่องหอมสำหรับห้องน้ำ Newly built in 2019 ! designers room! Beppu Kiku2 ตั้งอยู่ในทำเลสะดวกห่างจาก สถานีรถไฟ Beppu ไม่ถึง 1 ไมล์ผู้เข้าพักสามารถเดินไปยังสถานีและขึ้นรถไฟไปยังสถานที่ท่องเที่ยวร้านอาหารและร้านค้าใน Beppu และที่อื่น ๆ เบปปุ เป็นชุมชนริมทะเลที่สวยงามที่เต็มไปด้วยวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ที่แขกไม่ควรพลาด! เช็คอินที่ Newly built in 2019 ! designers room! Beppu Kiku2 ก้าวออกจาก Hyotan Onsen 2. Newly...
อ่านเพิ่มเติม
พระราชวังอิมพีเรียลเกียวโต | บริการนำเที่ยว เวลาเปิด-ปิด และที่เที่ยวน่าไปในญี่ปุ่น
หมายเหตุ: บทความนี้แปลโดยเครื่องมือแปลของ Google ก่อนที่จะย้ายไปที่ พระราชวังอิมพีเรียล โตเกียวในปี ค.ศ. 1869 จักรพรรดิญี่ปุ่นและราชวงศ์อิมพีเรียลอาศัยอยู่ใน เกียวโต พระราชวังอิมพีเรียลเกียวโต (หรือที่รู้จักกันในนามเกียวโตโกโช) ประกอบด้วยอาคารหลักสี่แห่งรวมถึงห้องโถงขนาดเล็กและบ้านพักหลายหลัง ในขณะที่อาคารสามารถชื่นชมได้จากภายนอกเท่านั้นผู้เข้าชมสามารถสำรวจบริเวณที่งดงามและทัวร์ไกด์นำเที่ยวเพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของ พระราชวังอิมพีเรียล ใน เกียวโต พระราชวังอิมพีเรียลเกียวโต: ค่าเข้าชมไกด์นำเที่ยวและเวลาเปิดทำการ นอกจากจะเป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์แล้วเหตุผลสำคัญที่ควรเยี่ยมชม พระราชวังอิมพีเรียลเกียวโต ก็คือการเข้าชมฟรี นักท่องเที่ยวที่มีงบ จำกัด จะรักการใช้จ่ายในช่วงเช้าหรือบ่ายสำรวจสวนสวยและชมอาคารพระราชวังโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ผู้เข้าชมยังสามารถใช้ประโยชน์จากทัวร์ไกด์นำเที่ยวภาษาอังกฤษฟรี 50 นาทีซึ่งเปิดให้บริการเวลา 10.00 น. และ 14.00 น. ทุกวันที่พระราชวังอิมพีเรียลเปิดทำการ สำนักงานครัวเรือนอิมพีเรียลดำเนินการทัวร์เหล่านี้ ไม่จำเป็นต้องลงทะเบียนล่วงหน้า: เพียงแค่มุ่งหน้าไปที่ห้องผู้เยี่ยมชมไม่นานก่อนที่ทัวร์จะเริ่มขึ้นเพื่อเข้าร่วมกลุ่ม มีบริการทัวร์ญี่ปุ่นและจีนตลอดทั้งวัน เวลาทำการของ พระราชวังอิมพีเรียลเกียวโต นั้นแตกต่างกันเล็กน้อยขึ้นอยู่กับช่วงเวลาของปีและการรับเข้าครั้งสุดท้ายมักจะเป็น 40 นาทีก่อนปิดทำการ ปิดทุกวันจันทร์วันหยุดราชการและทุกปีตั้งแต่วันที่ 28 ธันวาคมถึง 4 มกราคม พระราชวังอิมพีเรียล อาจปิดให้บริการแก่ผู้เยี่ยมชมเป็นระยะเพื่อจัดกิจกรรมจักรวรรดิดังนั้นนักท่องเที่ยวควรตรวจสอบกำหนดการก่อนวางแผนการเดินทาง เวลาทำการ กันยายนและมีนาคม: 9:00 น. ถึง 16:30 น. (รายการสุดท้ายเวลา 15:50 น.) ตุลาคมถึงกุมภาพันธ์: 9:00 น. ถึง 16:00 น. (รายการสุดท้ายเวลา 15:20 น.) เมษายนถึงสิงหาคม: 9:00 น. ถึง 17:00 น. (เข้าครั้งสุดท้ายเมื่อ 16:20 น.) เยี่ยมชมพระราชวังอิมพีเรียลเกียวโต เมื่อไปเยือน พระราชวังอิมพีเรียลเกียวโต นักท่องเที่ยวจะต้องประทับใจไปกับสถาปัตยกรรมที่งดงามและทิวทัศน์อันน่าทึ่งที่จะต้องสัมผัส การนำเที่ยวแบบมีไกด์เป็นวิธีที่ดีที่สุดวิธีหนึ่งในการสำรวจบริเวณพระราชวังโดยเฉพาะอย่างยิ่งเนื่องจากไม่มีค่าใช้จ่าย ทัวร์ช่วยให้ผู้เยี่ยมชมสามารถมองเห็นสถานที่สำคัญและรับฟังข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมในเวลาเดียวกัน พวกเขาอาจเรียนรู้เคล็ดลับเกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียง เกียวโต กลุ่มทัวร์จะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปในอาคารพระราชวัง แต่การได้ยินเกี่ยวกับพวกเขาจากผู้เชี่ยวชาญด้านพระราชวังที่มีความรู้นั้นยังคงเป็นประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยม นักท่องเที่ยวอาจเลือกที่จะเดินทางท่องเที่ยวด้วยตัวเอง อาคารที่สามารถมองเห็นได้จากด้านนอกบางส่วนเป็น ห้องโถงแห่งพิธีกรรม (Shishinden), Imperial Study (Ogakumonjo) และ ห้องพิจารณาคดี (Kogosho) อาคารเหล่านี้เป็นตัวอย่างที่น่าทึ่งของสถาปัตยกรรมยุคเฮอันคลาสสิก บางทีสิ่งที่สวยงามยิ่งกว่านั้นก็คือบริเวณพระราชวังซึ่งได้รับการดูแลอย่างพิถีพิถันและเต็มไปด้วยลำธารหินสะพานและแมกไม้เขียวขจี สำรวจอุทยานอิมพีเรียลเกียวโต หลังจากใช้เวลาสักครู่เพื่อชมพระราชวังอิมพีเรียลนักท่องเที่ยวสามารถหันเหความสนใจไปยังส่วนที่เหลือของ อุทยานอิมพีเรียลเกียวโต รู้จักกันในนาม อุทยานแห่งชาติเกียวโตเกียวเอ็น พื้นที่สีเขียวอันงดงามแห่งนี้เป็นที่ตั้งของสถานที่ท่องเที่ยวอื่น ๆ ของญี่ปุ่นที่สามารถเยี่ยมชมได้ฟรี บางแห่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมในขณะที่บางแห่งเป็นสถานที่สำคัญทางศาสนาหรือสถานที่พักผ่อนหย่อนใจที่สวยงาม Sento Imperial Palace: ตั้งอยู่ใกล้กับ พระราชวังอิมพีเรียลเกียวโต คือ Sento Imperial Palace ซึ่งเป็นพระราชวังขนาดเล็ก เดิมสร้างขึ้นเพื่อเป็นบ้านพักตากอากาศสำหรับจักรพรรดิ Gomizuno ในปี 1630 และเป็นบ้านของจักรพรรดิญี่ปุ่นอื่น ๆ อีกมากมายนับ แต่นั้นมา มีทัวร์ฟรีของ Sento Imperial Palace และแขกสามารถคาดหวังว่าจะได้เห็นบ่อน้ำทางทิศเหนือสระน้ำทางทิศใต้อาคารพระราชวังต่าง ๆ และโรงน้ำชา Seikatei สำนักงานครัวเรือนอิมพีเรียลยังดำเนินการทัวร์เหล่านี้ ศาลเจ้า Itsukushima: ศาลเจ้าชินโตที่เงียบสงบแห่งนี้ตั้งอยู่ใกล้กับประตูด้านทิศใต้ของสวนสาธารณะติดกับสระน้ำขนาดเล็ก แม้ว่าจะไม่สับสนกับศาลเจ้าอิซึกุชิมะที่ลอยอยู่ในอ่าวฮิโรชิม่าที่มีชื่อเสียงของมิยาจิมะศาลเจ้าเกียวโตยังคงคุ้มค่าแก่การเยี่ยมชมเพื่อชมหินโทริ (ประตูญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม) Kaninnomiya Mansion: อดีตที่อยู่อาศัยของสมาชิกเผ่า Fujiwara เปิดให้สาธารณชนเข้าชมตั้งแต่เวลา 9:00 น. ถึง 16:00...
อ่านเพิ่มเติม
ที่เที่ยวเมืองนารา | แนะนำที่เที่ยวสุดว้าวสำหรับถ่ายรูปลงอินสตราแกรม
ไปเที่ยว เมืองนารา อย่าลืมพกกล้องและมือถือให้พร้อมเพราะเมืองนาราเต็มไปด้วยสถานที่สำหรับการถ่ายรูปสวยๆ ลงอินสตราแกรมและโซเชียลมีเดียอื่นๆ มากมาย เริ่มเที่ยวจาก สวนสาธารณะนารา และแวะถ่ายรูปสวยๆ กับกวางซิก้าและ วัดโทไดจิ ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่ทางประวัติศาสตร์ ใครชอบเที่ยวแนวผจญภัย จาก วัดไทโดจิ จะลองเดินขึ้น ภูเขาวาคาคุสะ (Mount Wakakusa) ด้วยก็ได้ หรืออีกทางเลือกคือ นั่งรถไฟจากสถานี Abenobashi Station จากเมืองโอซาก้า ใช้เวลาประมาณ 75 นาที ไปเที่ยว ภูเขาโยชิโนะ (Yoshinoyama) เพื่อชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม รวมถึง วัดฮาเซเดระ (Hasedera Temple) ซึ่งมี Noborirou (ทางเดินขึ้นเขา) อันโด่งดังและทิวทัศน์อันงดงามจากห้องโถงหลัก [caption id="attachment_283367" align="aligncenter" width="500"] ©藤浪 秀明 สงวนลิขสิทธิ์[/caption] ไฮไลท์ในเมืองนารา | จุดถ่ายรูปห้ามพลาดในเมืองนารา เมืองนารา เต็มไปด้วยกิจกรรม วัดสวย ๆ และสถานที่เก่าแก่ทางประวัติศาสตร์มากมาย นักเดินทางจะได้มีโอกาสใกล้ชิดกับกวางซิก้าแบบฟินสุดๆ ที่ สวนสาธารณะนารา รอบๆ สวนมีวิวภูเขางดงาม และยังมีการแสดงดอกไม้ไฟเป็นครั้งคราวอีกด้วย [caption id="attachment_283287" align="aligncenter" width="500"] ©藤浪 秀明 สงวนลิขสิทธิ์[/caption] ภูเขาวาคาคุสะ (Wakakusayama) ภูเขาภูเขาวาคาคุสะ (Mount Wakakusa) เป็นวิวแรกที่เราจะเห็นเมื่อไปเที่ยว สวนสาธารณะนารา ภูเขานี้มีความสูง 342 เมตรและปกคลุมด้วยหญ้าสีเขียวสามชั้นกว่า 206 ไร่ หอดูดาวที่ตั้งอยู่ครึ่งทางระหว่างขึ้นยอดเขา วาคาคุสะ เป็นจุดแวะพักที่ดียิ่งในการชมวิวทิวทัศน์อันงดงามของ เมืองนารา และภูมิภาคโดยรอบ รวมไปถึงตัวยอดเขาวาคาคุสะเองด้วย ในช่วงกลางคืน วิวจาก ภูเขาวาคาคุสะ ถือเป็นหนึ่งในวิวติดอันดับท็อปทรีที่ต้องมาเยี่ยมชมให้ได้ในญี่ปุ่นเลยทีเดียว การพบเห็นกวางบน ภูเขาวะคะคุสะ เป็นเรื่องธรรมดา นักท่องเที่ยวสามารถถ่ายรูปกวางได้อย่างใกล้ชิดในขณะที่พวกมันกินหญ้าบนเนินเขาอีกด้วย การเยี่ยมชม ภูเขาวาคาคุสะ เข้าจากประตูทางเข้าทางเหนือหรือใต้ก็ได้ เข้าพักที่ Kotonoyado Musashino แล้วออกไปเที่ยว เมืองนารา ค้นหาและจองที่พักราคาดีที่สุดในนารา [caption id="attachment_283407" align="aligncenter" width="500"] ©藤浪 秀明 สงวนลิขสิทธิ์[/caption] ศาลเจ้าคาซุงะไทฉะ (Ksuga Taisha Shrine) ศาลเจ้าคาซุงะไทฉะ (Kasugataisha Shrine) เป็นหนึ่งในศาลเจ้าชินโตที่โด่งดังที่สุดในนารา ศาลเจ้านี้มีโคมไฟสำริดและโคมไฟหินเยอะที่สุด (มากกว่า 3,000 โคม!) ในญี่ปุ่น มาเยี่ยมชมวัดนี้รับรองว่าไม่เสียเที่ยวแน่นอน ศาลเจ้านี้ได้รับการสร้างขึ้นหลังจากที่เทพเจ้าจากเมืองคาชิมะ (Kashima) จังหวัดอิบารากิ (Ibaraki) ได้รับการประดิษฐานไว้ในภูเขาคาซุงะ ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นภูเขาศักดิ์สิทธิ์มาตั้งแต่สมัยโบราณ ศาลเจ้าแห่งนี้ได้รับการสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 768 และตอนนี้เป็นสถานที่จัดงานเทศกาลมากกว่า 2,200 งานต่อปี อีเวนต์ต่างๆ ที่ ศาลเจ้าคาซุงะไทฉะ เช่น พิธีแบบชินโตในช่วงเช้าและช่วงเย็น รวมถึงเทศกาลฤดูหนาวยอดนิยม คือ Kasuga Wakamiya Onmatsuri ซึ่งจัดขึ้นในวันที่ 17 ธันวาคม ส่วนช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์และกลางเดือนสิงหาคม ตะเกียงที่...
อ่านเพิ่มเติม
เที่ยวโอซาก้า: รถไฟความเร็วสูงและที่พักใกล้สถานีชินโอซาก้า
นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นรถไฟความเร็วสูงได้ที่ สถานีชินโอซาก้า (Shin-Osaka Station) จุดเริ่มต้นที่เหมาะกับการเที่ยว โอซาก้า และต่อไปยังสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมอื่นๆ เช่น เกียวโต และ ฮิโรชิม่า โดยรอบสถานีชินโอซาก้ามีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายที่ไม่ใช่แค่ที่เที่ยวทางประวัติศสาตร์เท่านั้นแต่ยังมีกิจกรรมต่างๆ ให้ทำอีกมากมาย แหล่งช้อปปิ้งและกิจกรรมใกล้สถานีชินโอซาก้า สวนสาธารณะโยโดกาวะ (Yodogawa Park): เช่าจักรยานขี่ชมวิว แม่น้ำโยโด (Yodo River) หากมีกระเป๋าสามารถเก็บกระเป๋าไว้ในล็อกเกอร์ได้ที่สถานี ห้าง Eki Marche Shin-Osaka และ ห้าง arde! Shin-Osaka: ซื้ออาหารและของฝากที่ศูนย์การค้าสองแห่งนี้ได้ อยู่ใกล้กับทางเชื่อมรถไฟ สุดยอดร้านอร่อยที่สถานีชินโอซาก้า นั่งกินอาหารราคาประหยัดที่สถานี หรือไปลง สถานี Nishinakajimaminamikata ที่อยู่ถัดไปอีก 1 สถานี เพื่อสำรวจร้านอาหารโลคอลใน Yodogawa ได้เลย ร้าน Kyochabana Shin-Osaka: กินโอโคโนมิยากิที่ชั้นสองของ ตึก Shin-Osaka Hankyu ทางทิศเหนือของสถานี หรือนั่งกินอาหารญี่ปุ่นที่ Yanaken Boo: ชั้นสามของ ตึก Shin-Osaka Hankyu และขึ้นรถไฟสาย Midosuji Line ไปลง สถานี Nishinakajimaminamikata เพื่อกินราเมงแบบดั้งเดิมที่ร้านราเมงยอดนิยม Ramen Uroko แวะนั่งชิลที่บาร์และเลานจ์ใกล้สถานีชินโอซาก้า Jim Beam Bar Shin-Osaka: จิบค็อกเทล Jim Beam และกินอาหารทานเล่นสไตล์อเมริกันที่ห้าง Eki Marche Shin-Osaka ร้าน Bar19: นั่งชมพระอาทิตย์ตกดินไปพร้อมกับเครื่องดื่มสูตรพิเศษบนชั้นสูงสุดของโรงแรม Courtyard by Marriott Shin-Osaka เดินจาก สถานีชินโอซาก้า เพียง 3 นาที (140 เมตร) การเดินทางที่สถานีชินโอซาก้า นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เดินทางมา สถานีชินโอซาก้า ด้วยรถไฟชินคันเซ็น สถานีรถไฟนี้แบ่งออกเป็น 4 แถมยังแบ่งสายรถไฟเป็นสี่สายตามจุดหมายปลายทางให้เข้าใจง่ายๆ อีกด้วย สาย Shinkansen Line Tokaido Shinkansen: เชื่อมระหว่างโตเกียว นาโกย่าและเกียวโตตะวันออก Kyushu Shinkansen: เชื่อมระหว่างฮิโรชิม่าและฮากาตะฝั่งตะวันตก Sanyo Shinkansen: เชื่อมระหว่างฟุกุโอกะ ฮิโรชิม่าและโอคายาม่าฝั่งตะวันตก สาย JR Line รถไฟด่วนพิเศษฮารุกะ (Haruka Limited Express): เชื่อมต่อไปสนามบินนานาชาติคันไซ คุโรชิโอะและรถไฟด่วนพิเศษซุปเปอร์ฮาคุโตะ (Kuroshio and Super Hakuto Limited Express): เชื่อมต่อไปเกียวโต รถไฟด่วนพิเศษทันเดอร์เบิร์ด (Thunderbird Limited Express): ให้บริการในหลายสายไปยังโกเบ ฟุกุจิยามะและเกียวโต รถไฟใต้ดินโอซาก้า สาย Midosuji Subway Line: เชื่อมระหว่างนัมบะ ชินไซบาชิและเท็นโนจิ ในโอซาก้า เข้าพักที่โรงแรมและโฮสเทลใกล้ สถานีชินโอซาก้า Residential Hotel Hare...
อ่านเพิ่มเติม
เที่ยวโอซาก้า: รวมสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ ที่เที่ยวห้ามพลาด และที่พักแนะนำในเทนโนจิ
ย่านประวัติศาสตร์ เท็นโนจิ (Tennoji) ในโอซาก้า มีกิจกรรมน่าสนใจให้ทำมากมาย และยังมีที่พักแบบโรงแรมและหอพักราคาประหยัดเพียบ จะใช้เวลาทั้งวันกับครอบครัวที่ สวนสัตว์เท็นโนจิ แล้วไปชมพระอาทิตย์ตกดินจากหอสังเกตการณ์บนตึกระฟ้า อาเบโนะ ฮารุกัส ก็ได้นะ ที่เที่ยวห้ามพลาดและสถานที่สำคัญในเท็นโนจิ ตึกอาเบโนะ ฮารุกัส (Abeno Harukas): ขึ้นไปชมเส้นขอบฟ้าของโอซาก้า อ่าวโกเบ และชมเมือง โกเบ และ วาคายาม่า ที่หอชมเมือง ฮารุกัส 300 บนชั้น 58, 59 และ 60 ของตึกที่สูงที่สุดใน โอซาก้า แล้วไปใช้เวลาในช่วงบ่ายในสวนที่เงียบสงบรอบล้อมด้วยธรรมชาติสีเขียว และสระน้ำที่ สวนเท็นโนจิ (Tennoji-koen Park) แวะชม พิพิธภัณฑ์วิจิตรศิลป์โอซาก้า ซึ้งตั้งอยู่บนพื้นที่เก่าแก่ของตระกูล Sumimoto พิพิธภัณฑ์วิจิตรศิลป์แห่งโอซาก้า แห่งนี้จัดแสดงวัตถุโบราณ และประติมากรรมกลางแจ้ง จากนั้นเดินต่อไปที่ สวนเคทาคุเอ็น ที่สวยงาม เพื่อเดินเล่นชมเหล่าดอกไม้และสัตว์ท้องถิ่น แล้วแวะเพิ่มความสดชื่นให้ตัวเองด้วยการนั่งจิบน้ำชาที่บ้านน้ำชา หรือไปเพลิดเพลินกับบรรดาสัตว์ที่ สวนสัตว์เท็นโนจิ ที่มาทั้งจากในเขตทุ่งหญ้าสะวันน่าไปจนถึงเขตป่าดงดิบ ซึ่งมีให้ชมมากกว่า 200 สายพันธุ์ที่ใกล้สูญพันธุ์และสัตว์ป่าคุ้มครองจากทั่วโลก แวะไหว้พระขอพรที่ วัดชิเท็นโนจิ วัดในยุคศตวรรษที่ 6 ล้อมรอบด้วยป่าตามธรรมชาติ ที่แม้จะมีการบูรณะซ่อมแซมไปแล้วบ้าง แต่วัดโบราณแห่งนี้ยังคงรักษารูปลักษณ์ในอดีตไว้ได้ แหล่งช้อปปิ้งน่าไป Tennoji MIO: เพลิดเพลินกับการช้อปปิ้งแบบปลอดภาษีในร้านค้ากว่า 380 ร้านของห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ สามารถเดินจาก สถานีเท็นโนจิ เข้าห้างไปได้เลย แล้วเดินเลือกเสื้อผ้าแฟชั่นแบบอินเทรนด์ๆอย่าง Uniqlo และ Tokyu Hands ที่ ศูนย์การค้า Abeno Cues Town ด้านในยังมี ห้าง Abeno Q's Mall ที่กินพื้นที่ไปถึงห้าชั้น พร้อมสถานที่แสดงดนตรีสด Rocktown และ Bic Camera หลังจากนั้นก็ไปช้อปปิ้งกันต่อที่ ตลาดชิเท็นโนจิ: อยู่ใกล้กับ วัดชิเท็นโนจิ ซึ่งจัดขึ้นทุกวันที่ 21 และ 22 ของทุกเดือนจะมีสินค้างานฝีมือและเครื่องปั้นดินเผาให้ได้เลือกซื้อกันด้วย ทาโกะยากิ คุชิคัตสึและคุชิอาเกะ ไอศกรีมมัทฉะ ร้านอาหารญี่ปุ่นน่าลอง ยามะจัง (Yamachan): แวะซื้อทาโกยากิจากร้านสตรีทฟู้ดชื่อดังที่ได้รับการแนะนำโดยมิชลินไกด์พร้อมซุปหลากหลายสูตรพิเศษของร้านให้เลือก หรือลองชิมของทอดที่ คุชิคัตสึ ดารุมะ ชินเซไก (Kushikatsu Daruma Shinsekai): ร้านคุชิคัสตึเจ้าดัง เสิร์ฟในไซส์พอดีคำมีให้เลือกทั้งเนื้อสัตว์ ผักและปลา เหมาะจะเป็นอาหารว่างของคนรักสุขภาพหลังจากเดินเที่ยวตอนเย็นที่ชินเซไก และต่อด้วยของหวานอย่างไอศกรีมชาเขียวและชามัทฉะของ ร้าน Nana's green tea: ซึ่งเป็นร้านปลอดบุหรี่ที่ ห้าง Uehommachi YUFURA อยู่ที่ สถานี Osaka Uehonmachi แหล่งที่เที่ยวยามค่ำคืน Taneyoshi: แวะยืนจิบเบียร์กับชาวโอซาก้าที่บาร์ทะจิโนมิ (ทะจิ = ยืน โนมิ =ดื่ม) แห่งนี้ แกล้มด้วยเต้าหู้แผ่นรสพริกไทยในเมนู Jigokudofu และไปเดินเลือกร้านอิซากายะในย่านที่กลิ่นอายแบบเรโทรของนิวยอร์กและปารีสอย่าง ย่านชินเซไก การเดินทาง สถานีเท็นโนจิ เป็นหนึ่งในสถานีหลักของ ย่านเท็นโนจิ...
อ่านเพิ่มเติม
วัดในนารา l คู่มือแนะนำวัดและพระพุทธรูปต่างๆ ของนารา
“อนุสรณ์สถานทางประวัติศาสตร์ของนาราโบราณ ” (Historic Monuments of Ancient Nara) เป็นแหล่งมรดกโลกของยูเนสโก ซึ่งครอบคลุมสถานที่สำคัญหลายแห่งในเมืองหลวงโบราณของ นารา สถานที่ทางศาสนาเหล่านี้มีความโดดเด่นในช่วงยุคนารา (ค.ศ. 710-794) อย่าลืมรวบรวมรายชื่อวัดอื่นๆ ในนาราก่อนไปเที่ยวชม วัดและศาลเจ้าหลายแห่งที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของความเจริญรุ่งเรืองทั่วประเทศ การเสนอชื่อทรัพย์สินทางวัฒนธรรมเหล่านี้ให้เป็นมรดกโลกเพียงแห่งเดียวเป็นหลักฐานการอุทิศตนของ นารา ในการอนุรักษ์ประวัติศาสตร์ที่ยาวนานกว่า 1,300 ปี ไปสัมผัสบรรยากาศแบบ นารา โบราณได้โดยการเที่ยวชมสถาปัตยกรรมประวัติศาสตร์ รูปปั้นพระพุทธรูปและธรรมชาติที่สวยงาม [caption id="attachment_283918" align="aligncenter" width="500"] ©東大寺 สงวนลิขสิทธิ์[/caption] 1. ทัวร์วัดในนารา | วัดโทไดจิ (Todaiji Temple) สิ่งที่น่าประทับใจที่สุดใน วัดโทไดจิ (Todaiji Temple) คือพระพุทธรูปที่สูงถึง 15 เมตร ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก พระพุทธเจ้าหรือที่รู้จักกันในนาม "ไดบุทสึ" ในภาษาญี่ปุ่นมีชื่ออย่างเป็นทางการว่า "Rusha-Na-Butsu" (ไวโรจนะพุทธเจ้า) และมีความสูงกว่าพระศากยมุนีประมาณ 10 เท่า ซึ่งตามพระพุทธประวัติเชื่อว่าพระพุทธเจ้าสูงเป็นสองเท่าของขนาดคนธรรมดา (สูงประมาณ 3.2 ม.) เนื่องจากเป็นรูปปั้นนั่งความสูงจึงมีขนาดประมาณครึ่งหนึ่ง เชื่อกันว่าพระพุทธรูปนี้ได้รับการสร้างขึ้นเพื่อสวดภาวนาให้มีความสงบและความสุขสำหรับทุกคน และพระพุทธรูปที่ยิ่งใหญ่แสดงถึงจักรวาลที่ไม่รู้จบ ไดบุทสึจึงเป็นพระพุทธรูปสำริดที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น ชาวบ้านและนักท่องเที่ยวต่างชาติต่างมาเที่ยวชมกันมากมายตลอดทั้งปี อย่าลืมมองไปตรงเสาไม้ที่มีรูอันโด่งดังซึ่งอยู่ในฐานก่อนออกจากห้องโถงใหญ่ เพราะว่ากันว่ารูนั้นมีขนาดเท่ากับจมูกของพระพุทธเจ้าผู้ยิ่งใหญ่และใครที่สามารถผ่านเข้าไปในรูนั้นได้ก็จะได้รับพร [caption id="attachment_283958" align="aligncenter" width="500"] ©東大寺 สงวนลิขสิทธิ์[/caption] [caption id="attachment_283998" align="aligncenter" width="500"] ©飛鳥園 สงวนลิขสิทธิ์[/caption] 2. ทัวร์วัดในนารา | วัดโคฟุกุจิ (Kohfukuji Temple) วัดโคฟุคุจิ (Kohfukuji Temple) ได้ย้ายมาตั้ง ณ ตำแหน่งปัจจุบันเมื่อปี ค.ศ. 710 ระหว่างการย้ายเมืองหลวงของประเทศจาก อะซุกะ (Asuka) มายัง นารา วัดแห่งนี้มีชื่อเสียงเรื่องงโครงสร้างดั้งเดิมทางประวัติศาสตร์ โดยหนึ่งในสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นคือเจดีย์ห้าชั้นที่สูงเป็นอันดับสองในญี่ปุ่น เรียกว่า Central Golden Hall (Chukondo) ซึ่งสร้างขึ้นใหม่เป็นครั้งแรกในรอบ 300 ปี โดยเปิดให้ประชาชนเข้าชมตั้งแต่ช่วงฤดูใบไม้ร่วงปี ค.ศ. 2018 หากได้ไปเที่ยว โคฟุกุจิ (Kohfukuji) ไม่ควรพลาดชม พิพิธภัณฑ์สมบัติแห่งชาติ (National Treasure Museum) ซึ่งเป็นหนึ่งในแหล่งรวมพระพุทธรูปที่ดีที่สุดของญี่ปุ่น โดยอาชูร่าเป็นรูปปั้นที่มีชื่อเสียงที่สุด มีอาวุธหกกร สามพักตร์ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้พิทักษ์ของพระพุทธเจ้า [caption id="attachment_289489" align="aligncenter" width="500"] ©新薬師寺 สงวนลิขสิทธิ์[/caption] 3. ทัวร์วัดในนารา | วัดชินยาคุชิจิ (Shin Yakushiji Temple) วัดชินยาคุชิจิ (Shin Yakushiji Temple) ก่อตั้งขึ้นโดยจักรพรรดินีโคเมียว (Empress Komyo) ในปี ค.ศ. 747 เพื่อพยายามรักษาสามีที่ป่วย และอุทิศให้กับพระไภษัชยคุรุหรือ Yakushi Nyorai ในภาษาญี่ปุ่น ห้องโถงหลักของวัดเป็นสถาปัตยกรรมชิ้นสำคัญของ นารา...
อ่านเพิ่มเติม
การเดินทางในญี่ปุ่น : วิธีการเดินทางจากสนามบินอิตามิไปโอซาก้าและเกียวโต
สนามบินอิตามิ (ITM) เป็นสนามบินภายในประเทศของโอซาก้า แม้จะเคยใช้ชื่อเก่า (และยังคงใช้กันทั่วไป) ว่า สนามบินนานาชาติโอซาก้า สนามบินอยู่ห่างจากใจกลางเมืองโอซาก้าประมาณ 10 กิโลเมตร และให้บริการเที่ยวบินไปยังจุดหมายปลายทางกว่า 30 แห่งในญี่ปุ่น สนามบินอิตามิ (ITM) เป็นสนามบินหลักสำหรับภูมิภาคคันไซซึ่งรองรับนักท่องเที่ยวจาก โอซาก้า เกียวโต และ โกเบ ที่เที่ยวระหว่างหยุดพักที่สนามบินอิตามิ สวน Itami Sky Park : เหยียดแข้งเหยีดขาพลางเพลิดเพลินไปกับวิวของเครื่องบินที่ขึ้นลงอยู่ใกล้ๆ ได้ที่สวนสาธารณะเปิดโล่งแห่งนี้ซึ่งมีพื้นที่สีเขียวมากมาย รวมถึงม้านั่ง และแม้กระทั่งสนามเด็กเล่นพร้อมที่ปืนป่าย สไลด์เดอร์และเขาวงกต 3 มิติ ในฤดูใบไม้ผลิเมื่อดอกอาเซเลียมากกว่า 14,000 ดอกบานบนเนินเขาใกล้เคียงก็ยิ่งเหมาะกับการเก็บรูปสวยๆ เลานจ์ Credit Card Holder Lounger : เปิดให้บริการสำหรับทุกคนที่ใช้บัตรเครดิต เปิดบริการเวลา 6:30 - 22:00 น. เลานจ์มีที่นั่งปลอดบุหรี่ 104 ที่นั่ง และที่นั่งสูบบุหรี่ 17 ที่นั่ง เพลิดเพลินไปกับน้ำอัดลม หนังสือพิมพ์และนิตยสารได้ฟรี เบียร์และบริการทางด้านธุรกิจก็มีเช่นกัน โดยมีค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม       - ค่าเข้าเลานจ์ (ล่าสุดปี ค.ศ. 2018): ผู้ใหญ่ 1,230 เยน (ประมาณ 369 บาท) เด็กอายุ 3-18 ปี 610 เยน (ประมาณ 183 บาท) เด็กอายุ 3 ปีหรือต่ำกว่าเข้าฟรี บริการนวดและร้านซาลอน : ให้บริการสำหรับผู้โดยสารที่ต้องการผ่อนคลายแต่ไม่ต้องการเปลี่ยนเสื้อผ้า Queen's Way และ Queensway Light ให้บริการนวดและซาลอนในอาคารผู้โดยสารด้านทิศเหนือและส่วนกลางตามลำดับ ช้อปปิ้ง : ไปร้านค้าปลอดภาษี ร้านขายยา ร้านขายของที่ระลึกและร้านอาหารมากมาย ที่อาคารผู้โดยสารด้านทิศใต้และตึกกลาง ที่เที่ยวใกล้สนามบินอิตามิ Cup Noodles Museum Osaka Ikeda : ลองชิมบะหมี่ถ้วยยอดนิยมของญี่ปุ่นและเรียนรู้ว่าบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแบบถ้วยนี้โด่งดังไปทั่วโลกได้อย่างไร นั่งรถไฟจาก สถานี Osaka Airport ไปยัง สถานีอิเคดะ (Ikeda Station) และเดินไปอีกประมาณ 5 นาที สวน Hattori Ryokuchi Park : แวะสูดอากาศบริสุทธิ์และเรียนรู้ประวัติศาสตร์ในสวนกว้างที่อยู่ห่างจาก สนามบินอิตามิ ประมาณ 20 นาที สถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมากที่สุดของสวนสาธารณะในเมืองคือ พิพิธภัณฑ์ Open Air Museum of Old Japanese Farm Houses และ Hattori Greenland Equestrian Center ส่วนสถานที่ท่องเที่ยวไม่เสียค่าใช้จ่ายมีทั้งเส้นทางเดิน สนามเทนนิส และบ่อนํ้า Yamaga วิธีเดินทางที่สะดวกที่สุดจากสนามบินอิตามิไปโอซาก้า รถบัสลีมูซีนของสนามบินอิตามิ เป็นวิธีการเดินทางที่สะดวกที่สุดในการไป โอซาก้า สามารถซื้อตั๋วได้ที่ตู้นอกสนามบิน รถบัสพานักท่องเที่ยวไปยังจุดศูนย์กลางสำคัญๆ ใน...
อ่านเพิ่มเติม
กิจกรรมแนะนำในนารา: เทศกาลและกิจกรรมญี่ปุ่นที่พลาดไม่ได้ (เทศกาลและกิจกรรมต่างๆในนาราที่ต้องห้ามพลาด)
กิจกรรมในนาราเป็นโอกาสที่ยอดเยี่ยมที่จะได้เที่ยวชมสถานที่ที่สำคัญที่สุดในพื้นที่ เช่น ศาลเจ้าคาสึงะไทฉะ (Kasuga Taisha) และ วัดคินปุเซ็นจิ (Kinpusenji) จังหวัดนารา ของญี่ปุ่นมีความโดดเด่นในการเป็นแหล่งมรดกโลกของยูเนสโกมากกว่าจังหวัดอื่นๆ ในประเทศ นอกจากนี้ยังเป็นจุดกำเนิดของเทศกาลและกิจกรรมต่างๆ อีกมากมาย หลายแห่งที่เกิดขึ้นในเมืองหลวงของ นารา เช่นเดียวกับในเมืองเล็กๆ อย่าง โกโจ (Gojo) และ โยชิโนะ (Yoshino) ไปพบกับห้ากิจกรรมยอดนิยมที่ต้องเข้าร่วมใน จังหวัดนารา กันเลย (จังหวัดนารา มีสถานท่องเที่ยวที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกมากที่สุดในญี่ปุ่น และยังเป็นแหล่งกำเนิดของเทศกาลและกิจกรรมต่างๆมากมาย ซึ่งส่วนใหญ่ก็จัดขึ้นที่จังหวัดนารา ในเมืองเล็กๆอย่างโกโจ และ โยชิโนะ เทศกาลต่างๆเหล่านี้จะทำให้นักท่องเที่ยวสัมผัสประสบการณ์การเที่ยวสถานที่สำคัญๆของนารา เช่น ศาลเจ้าคาสึงะไทฉะ (Kasuga Taisha) และ วัดคินปุเซ็นจิ (Kinpusenji) ในอีกมุมมองนึงเลย ตอนนี้ไปดูห้าเทศกาลที่ต้องห้ามพลาดในนารากันเลย) 1. วิ่งผ่านสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ในนารามาราธอน (วิ่งกับกวางผ่านเมืองเก่าและโบราณสถานที่สวยงามในงานนารามาราธอน) นารามาราธอนจัดขึ้นทุกปีในวันอาทิตย์ที่สองของเดือนธันวาคม การแข่งขันเริ่มต้นที่ Konoike Athletic Stadium ใน นารา และ(วิ่ง)ผ่านสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์มากมายในพื้นที่ เมื่อนักวิ่งเข้าสู่ สวนสาธารณะนารา จะมีกวางที่เป็นมิตรนับร้อยตัวที่เดินเตร่รอบๆ จับตามองอยู่ (จะเจอกวางน้อยนับร้อยตัวเดินไปเดินมามองนักวิ่งวิ่งกัน) ระยะทางของนารามาราธอน (ระยะทางการวิ่งของนารามาราธอน) 3 กิโลเมตร: เส้นทางระยะสั้นเริ่มต้นที่ สวนกีฬา Konoike 10 กิโลเมตร: เส้นทางระยะ(ระยะมินิมาราธอน)วิ่งผ่าน นารา และ สวนสาธารณะนารา ใต้ต้นแปะก๊วยที่สวยงามและผ่านประตูโทริอิสีแดงที่ ศาลเจ้าคาสึงะไทฉะ 42.195 กิโลเมตร: การวิ่ง(ระยะ)มาราธอนเต็มรูปแบบ(วิ่ง)ผ่าน นารา สวนสาธารณะนารา และเมืองประวัติศาสตร์หลายแห่งบริเวณใกล้เคียง พร้อมจุดกลับตัวที่เมือง เทนริ (Tenri) และยังวิ่งผ่าน พระราชวังเฮโจ (Heijo Palace) ที่มีชื่อเสียงอีกด้วย [caption id="attachment_285227" align="aligncenter" width="1024"] ©桑原英文, สงวนลิขสิทธิ์[/caption] 2. ย้อนเวลากลับไปในช่วงเทศกาล KASUGA WAKAMIYA ONMATSURI (ร่วมย้อนวันวานในงานเทศกาลคาสุกะ วาคามิยะ (KASUGA WAKAMIYA ONMATSURI)) เทศกาลสี่วันนี้จัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 15 ถึง 18 ธันวาคมของทุกปีที่ ศาลเจ้า Wakamiya ซึ่งเป็นหนึ่งในศาลเจ้าของ ศาลเจ้าคาสึงะไทฉะ ใน นารา (เทศกาลคาสุกะ วาคามิยะจัดขึ้นทั้งหมด 4 วัน ตั้งแต่วันที่ 15 ถึง 18 ธันวาคมของทุกปีที่ศาลเจ้าคาสึงะ จังหวัดนารา เพื่อสักการะเทพเจ้าวาคามิยะ) โดยเทศกาลหลักจะจัดขึ้นในวันที่ 17 เทศกาลนี้เป็นช่วงเวลาที่จะได้อธิษฐานขอพรให้มีการเก็บเกี่ยวที่สมบูรณ์และมีความสงบสุข พร้อมกับบรรยากาศรื่นเริงทั่วทั้งเมือง ศาลเจ้า Wakamiya เป็นเจ้าภาพจัดงานเทศกาลมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 12 เป็นหนึ่งในศาลเจ้าที่โดดเด่นของ ศาลเจ้าคาสึงะไทฉะ หลังจากที่ผ่านประตู Nanmon สีแดงงดงาม ทางด้านใต้ของศาลเจ้าหลัก สามารถเดินตามเส้นทางที่เรียงรายไปด้วยโคมไฟหินผ่านต้นไม้ไปยัง ศาลเจ้า Wakamiya ได้ (เทศกาลคาสึกะ วาคามิยะจัดขึ้นทั้งหมด 4 วัน ตั้งแต่วันที่ 15 ถึง...
อ่านเพิ่มเติม
ฤดูใบไม้ร่วงในนารา | จุดชมใบไม้เปลี่ยนสียอดนิยมสำหรับฤดูใบไม้แดงในญี่ปุ่น
ฤดูกาลใบไม้แดงในญี่ปุ่นเป็นการเฉลิมฉลองเมื่อใบไม้เปลี่ยนจากสีเขียวเป็นสีแดง สีส้ม สีเหลือง และสีน้ำตาลที่สวยงาม นารา เป็นหนึ่งในสถานที่ที่ดีที่สุดในการชมใบไม้เปลี่ยนสี ใช้เวลาเพลิดเพลินไปกับวัดที่มีชื่อเสียงในประวัติศาสตร์ของนารา ศาลเจ้า และสวนสาธารณะต่างๆ ไปดูว่าทำไมการตามหา koyo (มองหาใบไม้ร่วง) จึงเป็นงานอดิเรกยอดนิยมในช่วงฤดูใบไม้ร่วงที่ นารา [caption id="attachment_289609" align="aligncenter" width="500"] ©奈良市観光協会, สงวนลิขสิทธิ์[/caption] ฤดูใบไม้ร่วงในเมืองนารา | ช่วงที่เหมาะจะไปชมฤดูใบไม้แดง โดยทั่วไปเวลาที่ดีที่สุดในการชมใบไม้เปลี่ยนสีช่วงฤดูใบไม้ร่วงใน นารา คือระหว่างเดือนตุลาคมถึงปลายเดือนพฤศจิกายน (บางครั้งก็ถึงต้นเดือนธันวาคม) ก่อนจะเริ่มต้นฤดูหนาว เวลาที่แน่นอนของใบไม้เปลี่ยนสีจะแตกต่างกันไปในแต่ละปี ดังนั้นควรเช็คพยากรณ์ใบไม้เปลี่ยนสีของ นารา จากข่าวเกี่ยวกับฤดูใบไม้ร่วงก่อน ไม่ว่าจะมาถึงในช่วงต้นฤดูกาลหรือหลังจากนั้นก็เป็นเวลาแห่งการเฉลิมฉลองฤดูใบไม้ร่วงที่ นารา ได้เช่นกัน สวนสาธารณะนารา สวนสาธารณะนารา เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ห้ามพลาดสำหรับการมาเที่ยวญี่ปุ่นและเป็นหนึ่งในสถานที่เที่ยวหลักของ นารา ตั้งอยู่ใจกลาง เมืองนารา และห่างจาก สถานี Kintetsu-Nara เพียงไม่กี่นาที สวนสาธารณะนารา เป็นที่อยู่ของกวางซิก้าที่มีชื่อเสียงและเป็นมิตรของนารา คนรักสัตว์และธรรมชาติควรวางแผนเที่ยวชมสวนสาธารณะแห่งนี้ เพื่อสัมผัสกับสัตว์ที่เป็นมิตรและสีสันอันสวยงามของฤดูใบไม้ร่วงไปพร้อมๆ กัน [caption id="attachment_283045" align="aligncenter" width="500"] ©東大寺, สงวนลิขสิทธิ์[/caption] ในขณะที่เดินผ่าน สวนสาธารณะนารา สามารถแวะชมและให้อาหารกวางได้ และยังสามารถใช้เวลาที่วัดทั้งสองแห่ง ได้แก่ โทไดจิ และ โคฟุคุจิ หรือเยี่ยมชม ศาลเจ้าคาสึงะไทฉะ ได้ สถานที่ยอดเยี่ยมอีกแห่งหนึ่งใน สวนสาธารณะนารา คือศาลาไม้ (ที่เรียกว่า ศาลาไม้อุคิมิโดะ) ตั้งอยู่กลาง สระน้ำ Sagichi (Sagiike) ศาลาที่สวยงามแห่งนี้ดูเหมือนลอยอยู่บนสระนํ้าและเป็นสถานที่ที่เงียบสงบสำหรับการเยี่ยมชม ศาลามักจะสว่างไสวในตอนกลางคืนและหากแวะมาที่ สวนสาธารณะนารา ระหว่างวันที่ 5 ถึง 14 สิงหาคม อาจจะโชคดีได้เข้าชมงานเทศกาลโคมไฟ Nara Tokae และเพลิดเพลินไปกับบรรยากาศที่หรูหราและเพ้อฝัน [caption id="attachment_282925" align="aligncenter" width="500"] ©奈良県ビジターズビューロー(สำนักงานผู้มาเยือนนารา), สงวนลิขสิทธิ์[/caption] ทริคการให้อาหารกวางในสวนสาธารณะนารา เมื่อเห็นกวาง อาจพบว่ากวางบางตัวเรียนรู้ที่จะโค้งให้เมื่อรอเราป้อนอาหาร เราสามารถซื้อแคร็กเกอร์กวาง (ซิก้าเซมเบ้) ซึ่งวางขายที่สวนสาธารณะได้ในราคา 150 เยน (ประมาณ 46 บาท) และเพลิดเพลินไปกับการให้อาหารกวางขณะชมทิวทัศน์ฤดูใบไม้ร่วงของ สวนสาธารณะนารา ถึงแม้กวางนั้นจะค่อนข้างคุ้นเคยกับผู้คนแต่ก็ยังเป็นสัตว์ป่า ดังนั้นจึงห้ามให้อาหารเสริมอื่นๆ แก่กวาง สวนสาธารณะนารา ไม่มีค่าเข้าชม และเนื่องจากมีพื้นที่มากกว่า 5 ตารางกิโลเมตร จึงควรวางแผนพักค้างคืนในนาราเพื่อเที่ยวชมสวนสาธารณะและสิ่งต่างๆ อย่างทั่วถึงในช่วงฤดูใบไม้ร่วงที่นารา กิจกรรมยอดนิยมในสวนสาธารณะนารา วัดโทไดจิ วัดโคฟุคุจิ ศาลเจ้าคาสึงะไทฉะ พิพิธภัณฑ์แห่งชาตินารา สวนอิซุยเอ็น สวน Yoshikien เข้าพักที่ Onyado Nono Nara Natural Hot Springs แล้วออกไปเที่ยว สวนสาธารณะนารา สัมผัสประสบการณ์ฤดูใบไม้ร่วงในนารา-วัดที่ดีที่สุด แม้ว่าจะมีสถานที่มากมายที่นักท่องเที่ยวสามารถชื่นชมฤดูใบไม้ร่วงใน นารา ได้ แต่ก็มีวัดและศาลเจ้าโดยเฉพาะที่ให้บรรยากาศดั้งเดิมในการรับชมแก่ผู้มาเยือน เนื่องจากวัดและศาลเจ้าเหล่านี้เป็นสถานที่สักการะ ดังนั้นจึงควรระลึกไว้เสมอว่าการถ่ายภาพควรถ่ายด้านนอกอาคารในบริเวณวัด ยากที่จะสามารถถ่ายรูปภายในอาคารได้ อย่างไรก็ตามควรสังเกตป้ายที่ระบุสถานที่และเวลาที่อนุญาตให้ถ่ายภาพได้   [caption id="attachment_282885" align="aligncenter" width="500"] ©奈良県ビジターズビューロー(สำนักงานผู้มาเยือนนารา), สงวนลิขสิทธิ์[/caption]...
อ่านเพิ่มเติม
ที่เที่ยวโอซาก้า | แหล่งช้อปปิ้ง ที่เที่ยว และที่พักใกล้ Umeda Sky Building
การพักใกล้ สถานี Umeda เป็นวิธีที่ดีในการทำความรู้จักกับย่านศูนย์กลางธุรกิจของโอซาก้า พื้นที่นี้เต็มไปด้วยตึกระฟ้าที่ทันสมัย เช่น อาคารอุเมะดะสกาย (Umeda Sky Building) ร้านอาหารชั้นยอดและห้างสรรพสินค้าใต้ดินมากมาย สถานที่ท่องเที่ยวหลักและสถานที่สำคัญในอุเมดะ อาคารอุเมดะสกาย (Umeda Sky Building): นักท่องเที่ยวสามารถชมวิวของเมืองได้จากสะพานที่เชื่อมต่อระหว่างหอคอยทั้งสองของตึกระฟ้าที่น่าประทับใจแห่งนี้หรือปีนขึ้นไปด้านบนและชมเมืองจาก หอคอย Kuchu Teien (Garden in the Sky) HEP Five: ห้างสรรพสินค้ามีสินค้าแบรนด์เนมหลากหลายให้เลือกช้อปและทิวทัศน์อันงดงามของโอซาก้าให้เยี่ยมชมจาก ชิงช้าสวรรค์ HEP Five Ferris Wheel ถนนช้อปปิ้งเทนจินบาชิซูจิ (Tenjimbashi-suji Shopping Street): พบกับร้านบูติกญี่ปุ่นแท้ๆ ร้านเสื้อผ้าและร้านอาหารในแหล่งช้อปปิ้งที่ครอบคลุมพื้นที่กว่า 2.6 กิโลเมตร พิพิธภัณฑ์บ้านและความเป็นอยู่โอซาก้า (Osaka Museum of Housing and Living): สัมผัสกับชีวิตในญี่ปุ่นในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 19 และเดินเล่นในถนนช้อปปิ้งแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่นขนาดจำลองเท่าของจริง ห้างที่ควรไปช้อปในอุเมดะ ศูนย์การค้าแกรนด์ฟร้อนท์โอซาก้า (Grand Front Osaka): เป็นเรื่องง่ายมากที่เราจะหลงทางในศูนย์การค้าที่ใหญ่ขนาดนี้ที่เต็มไปด้วยร้านค้านานาชาติอินเทรนด์ ร้านอาหารและนิทรรศการในท้องถิ่นมากมาย ห้างโอซาก้าสเตชั่นซิตี้ (Osaka Station City): ก้าวออกจากชานชาลาที่ สถานี JR Osaka เพื่อตามหาร้านอาหารและร้านค้าชื่อดังระดับโลก ศูนย์การค้าใต้ดินไวท์ตี้อุเมดะ (Whity Umeda): เดินทางไปใต้ดินเพื่อค้นหาแบรนด์ดีไซเนอร์ที่ดีที่สุดของโอซาก้าและสินค้าท้องถิ่นราคาถูก ร้าน Yodobashi Camera Umeda Store: เลือกซื้ออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และกล้องถ่ายรูป หรือแวะซื้อซิมการ์ดที่ไม่ได้ซื้อมาจากสนามบิน ห้าง HANKYU Umeda Main Store: ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่และหลากหลาย มีร้านอาหารแสนอร่อยที่ทำให้ศูนย์การค้าแห่งนี้เป็นหนึ่งในสถานที่ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโอซาก้า แหล่งของกินยอดนิยมในโอซาก้า Shin-Umeda Shokudogai: เลือกรสชาติดั้งเดิมของญี่ปุ่นได้เลยที่ศูนย์อาหารแห่งนี้ซึ่งลือกันว่าเป็นสถานที่ที่ของกินถูกที่สุดในโอซาก้า ร้านราเม็ง Gunjou: ซดราเม็งแสนอร่อยในร้านอาหารบรรยากาศสบายๆ เป็นที่ชื่นชอบเพราะรสชาติและราคาของมัน ร้าน คิจิ (Kiji): ลองชิมโอโกโนมิยากิแท้ๆ (พิซซ่าญี่ปุ่น) ในร้านเล็กๆ แต่มีชื่อเสียงมาก สถานบันเทิงยามค่ำคืนที่มันสุดๆ ในโอซาก้า Captain Kangaroo: หยิบเบอร์เกอร์และเครื่องดื่มและสังสรรค์กับชาวต่างชาติแลกเปลี่ยนเรื่องราวเกี่ยวกับการผจญภัยในโอซาก้าได้ที่นี่ Club Piccadilly Umeda Osaka: ปลดปล่อยตัวเองที่คลับที่ใหญ่ที่สุดในโอซาก้าแห่งหนึ่ง Bar K: ลองชิมวิสกี้ญี่ปุ่นและค็อกเทลชั้นเยี่ยมจากบาร์เทนเดอร์ผู้เชี่ยวชาญ การเดินทางในอุเมดะ สถานีอุเมดะ (Umeda Station) ให้บริการขนส่งโดยตรงไปยังเกียวโต นารา โกเบ และฮิเมจิ รวมถึงสถานที่ส่วนใหญ่ในโอซาก้าด้วย สถานีโอซาก้า (Osaka Station) อยู่ห่างออกไปเพียงหนึ่งสถานีจาก สถานีชิน - โอซาก้า (Shin-Osaka Station) ที่นักท่องเที่ยวสามารถต่อรถไฟหัวกระสุนชินคันเซ็นได้ เข้าพักที่โรงแรมหรืออพาร์ตเมนต์ใกล้กับ อาคารอุเมะดะสกาย Hotel Hankyu International Arietta Hotel Osaka Rihga Nakanoshima Inn แล้วออกไปเที่ยวที่ สถานี Umeda
อ่านเพิ่มเติม
ที่เที่ยวชิบูย่า | เที่ยวพิพิธภัณฑ์ แล้วแวะไปเดินเล่นที่ห้าแยกชิบูย่า
ชิบูย่า เป็นหนึ่งในย่านที่ทันสมัยที่สุดในโตเกียว แหล่งรวมศูนย์การค้าที่ทันสมัย คาเฟ่ชิค ๆ และแหล่งศิลปะอิสระที่เจริญรุ่งเรือง (แนวศิลปะอันหลากหลาย) เริ่มต้นสำรวจที่ (เริ่มต้นกันที่) แยกชิบูย่า (Shibuya Crossing) สี่แยกที่แสนวุ่นวายเป็นที่กล่าวขานว่าวุ่นวายที่สุดในโลก จากนั้นแวะไปที่แกลลอรี่แสดงงานศิลปะเพื่่อชมผลงานของศิลปินท้องถิ่นและภูมิภาค หรือจะแวะไปที่ย่านช้อปปิ้งเพื่อช้อปให้กระชุ่มกระชวยหัวใจเล็ก ๆ น้อย ๆ 1. ช้อปจนเหนื่อยที่ชิบูย่ามาร์คซิตี้ ชิบูย่ามาร์คซิตี้ เป็นสวรรค์ของนักช้อปอย่างแท้จริงที่มีร้านค้ามากมายขายทุกอย่างตั้งแต่เสื้อผ้าจนถึงอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน ศูนย์การค้าแห่งนี้ยังทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางการขนส่ง (ศูนย์กลางการเดินทาง) ด้วยการเชื่อมต่อกับเส้นทางรถไฟสายสำคัญหลายสาย ได้แก่ JR, Keio, Tokyo Metro และสาย Tokyu ชิบูย่ามาร์คซิตี้ เป็นที่ตั้งของ Shibuya Excel Hotel Tokyu และเชื่อมต่อกับสถานีชิบูย่า (Shibuya station) ศูนย์การค้าเปิดทุกวันตั้งแต่เวลา 11:00 ถึง 23:00 นาฬิกา แต่เวลาเปิดปิดอาจขึ้นอยู่กับแต่ละร้านด้วย (แต่เวลาเปิด-ปิดของร้านค้าภายในห้างแต่ละร้านจะต่างๆกันออกไป) ร้านค้ายอดนิยมที่ชิบูย่ามาร์คซิตี้ ร้านรองเท้า Birkenstock ร้านแว่นตา Zoff ร้านรองเท้า Regal Shoes แฟมิลี่มาร์ท ร้านเสื้อผ้าผู้หญิง aquagirl ร้านผลิตภัณฑ์บำรุงผิว Sabon เข้าพักที่ Shibuya Excel Hotel Tokyu แล้วออกไปช้อปที่ ชิบูย่ามาร์คซิตี้ ค้นหาที่พักราคาดีที่สุดใกล้ สถานีชิบูย่า (Shibuya station) 2. ผจญภัยในอวกาศที่ท้องฟ้าจำลอง Cosmo Planetarium Shibuya กำลังมองหากิจกรรมที่ไม่ต้องเสียเงินเยอะแต่สนุกได้ทั้งครอบครัวอยู่ใช่ไหม ลองแวะไปที่ ท้องฟ้าจำลอง Cosmo Planetarium Shibuya เพื่อดื่มด่ำกับความงามและความอัศจรรย์ของท้องฟ้ายามค่ำคืนเพียง 600 เยน (180 บาท) ต่อผู้ใหญ่หนึ่งท่านและ 300 เยน (90 บาท) ต่อเด็กหนึ่งท่าน ท้องฟ้าจำลองแห่งนี้มีหน้าจอทรงโดมขนาด 17 เมตรและที่นั่งแบบปรับเอนได้ 120 ที่นั่งซึ่งบางส่วนสามารถหมุนได้ 90 องศา มีการแสดงท้องฟ้าจำลองหลายครั้งต่อวันและรวมไปถึงโปรแกรมสำหรับเด็กโดยเฉพาะด้วย ท้องฟ้าจำลอง Cosmo Planetarium Shibuya ตั้งอยู่ห่างจาก สถานีชิบูย่า (Shibuya station) (ทางออกทิศตะวันตก) โดยใช้เวลาเดินไม่เกิน 5 นาที เวลาเปิดทำการคือ 12:00 ถึง 20.00 นาฬิกาในวันอังคารถึงวันศุกร์และตั้งแต่ 10:00 ถึง 20:00 นาฬิกาในวันเสาร์และวันอาทิตย์ การแสดงที่ผ่านมาที่ท้องฟ้าจำลอง Cosmo Planetarium Shibuya < ul> ลิฟต์อวกาศ ความทรงจำของท้องฟ้า เรื่องราวของสัญลักษณ์ราศี Starry Music ที่มีเสียงเพลงขับกล่อมท่ามกลางแสงของดวงดาว การผจญภัยไปยังดาวอังคารกับ Hachiko สิ่งอำนวยความสะดวกที่ท้องฟ้าจำลอง ลิฟต์ (ลิฟท์โดยสารสำหรับผู้พิการและผู้สูงอายุ) ที่เปลี่ยนผ้าอ้อมเด็ก ทางลาดรถเข็น (ทางลาดสำหรับรถเข็น) ห้องน้ำ (ห้องน้ำสำหรับผู้พิการและผู้สูงอายุ) เข้าพักที่ The Millennials Shibuya แล้วออกไปที่เที่ยวแถว...
อ่านเพิ่มเติม
สถานที่ท่องเที่ยวย่านกินซ่า: กิจกรรมที่น่าสนใจในโตเกียวกลาง
ย่าน กินซ่า ตอนกลางของโตเกียวเป็นเมืองแห่งศิลปะและแหล่งช้อปปิ้งซึ่งเป็นที่ตั้งของแกลเลอรี่มากมายรวมถึงร้านสัญลักษณ์ของแบรนด์ทั้งในและต่างประเทศมากมาย แม้ว่าประวัติศาสตร์ของเมืองจะมีอายุย้อนไปถึงสมัยเอโดะ (ค.ศ. 1603-1867) แต่นักท่องเที่ยวในกินซ่าจะพบว่ากินซ่าเป็นย่านที่เต็มไปด้วยความทันสมัยตั้งแต่ห้างสรรพสินค้าที่ตั้งตระหง่านไปจนถึงโชว์รูมรถยนต์ที่ทันสมัย แลนด์มาร์คที่ต้องไปและสถานที่ท่องเที่ยวในกินซ่า กินซ่าเพลส (Ginza Place): กินซ่าเพลส เป็นการพัฒนาเชิงพาณิชย์ที่สำคัญของกินซ่าแทนที่ นิสสันแกลเลอรี่ เก่า ด้านหน้าของอาคารสีขาวล้วนที่สวยงามนี้ถูกสร้างขึ้นด้วยแผ่นอลูมิเนียม 5,315 ชิ้นเรียงรายเป็นรูปแบบตาข่ายที่ได้รับแรงบันดาลใจจากการสานตะกร้าแบบญี่ปุ่น การตกแต่งภายในของ กินซ่าเพลส ก็งดงามน่าประทับใจไม่แพ้ภายนอก โดยสองชั้นแรกเป็นโชว์รูมที่ดีที่สุดของนิสสันที่เรียกว่า นิสสันครอสซิ่ง (Nissan Crossing) นอกเหนือจากการจัดแสดงรถยนต์แนวคิดและรถยนต์คลาสสิกที่หายากแล้วโชว์รูมยังมีเครื่องจำลอง VR แบบ 360 องศาที่ให้ผู้ใช้ทดลองขับซูเปอร์คาร์ GT-R ได้อีกด้วย แคนนอนแกลเลอรี่กินซ่า (Canon Gallery Ginza): อย่าหลงกลด้วยขนาดจิ๋วของแกลเลอรี่นี้ พื้นที่ทางศิลปะแห่งนี้เป็นแหล่งรวบรวมภาพถ่ายและผลงานศิลปะที่น่าประทับใจจากทั้งนักถ่ายภาพมือใหม่และมืออาชีพ แคนนอนแกลเลอรี่กินซ่า เป็นหนึ่งในเจ็ดพื้นที่ที่คล้ายกันที่กระจายอยู่ทั่วประเทศซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก Canon ผู้ผลิตกล้อง กินซ่ากราฟฟิกแกลเลอรี (Ginza Graphic Gallery): ไม่จำเป็นต้องเป็นนักออกแบบกราฟิกเพื่อชื่นชมผลงานในแกลเลอรี่นี้ซึ่งมีห้องสมุดศิลปะมากมาย การจัดแสดงหมุนเวียนเป็นประจำและแสดงชิ้นงานมากมายที่ออกแบบโดยนักออกแบบและนักวาดภาพประกอบชื่อดัง กินซ่ากราฟฟิกแกลเลอรี ตั้งอยู่ห่างจาก สถานีกินซ่า (Ginza Station) โดยใช้เวลาเดินไม่เกิน 5 นาที แกลเลอรี่เปิดให้บริการตั้งแต่วันจันทร์ถึงวันเสาร์เวลา 11:00 ถึง 19:00 นาฬิกาและเข้าชมได้ฟรี โรงละครคาบุกิซะ (Kabukiza Theater): เพลิดเพลินไปกับการแสดงคาบุกิของญี่ปุ่นในโรงละครที่ได้รับการออกแบบอย่างสวยงามแห่งนี้ มีตั๋วการแสดงแบบฉากเดียวอีกด้วยสำหรับผู้ที่ไม่มีเวลาชมการแสดงแบบเต็ม หลังการแสดงจบลองขึ้นไปชั้นบนเพื่อเยี่ยมชมสตูดิโอเครื่องแต่งกายบนชั้น 5 และสวนบนชั้นดาดฟ้า สามารถเดินทางไปโรงละครได้โดยตรงจาก สถานี Higashi-ginza Station บนสาย Asakusa โตเกียวแกลเลอรี่: เปิดให้บริการครั้งแรกในปี ค.ศ.1950 หอศิลป์ร่วมสมัยแห่งนี้ได้จัดแสดงผลงานของศิลปินญี่ปุ่นที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติมาหลายสิบคน เช่น จิโร่ ทากามัตสึ/ คาซุโอะ ชิรากะ/ โมโนฮา และทาโร โอคาโมโตะ และเมื่อเร็ว ๆ นี้ โตเกียวแกลเลอรี่ ได้เริ่มจัดแสดงผลงานศิลปะและผลงานการทดลองโดยศิลปินจีนและตะวันตกที่ยังไม่ค่อยโด่งดังเท่าไรนัก การจัดแสดงที่ผ่านมา เช่น Erasure งานแสดงของสองศิลปินที่รวบรวมดนตรี การแสดงและงานศิลปะพลาสติกเข้าด้วยกัน และ Rough Stones งานนำเสนอประติมากรรมที่ทำจากหินแกรนิต ผนังดินเหนียวและกระเบื้องหลังคา โตเกียวแกลเลอรี่ ใช้เวลาเดินไม่เกิน 5 นาทีจาก สถานีกินซ่า (Ginza Station) (ทางออก A3) แกลเลอรี่เปิดทำการวันอังคารถึงวันศุกร์ตั้งแต่เวลา 11.00 ถึง 19.00 นาฬิกา สวนฮามะริคิว: สวนขนาดใหญ่นี้ครั้งหนึ่งเคยเป็นสถานที่พักผ่อนสำหรับขุนนางศักดินาและราชวงศ์ของจักรพรรดิในช่วงสมัยเอโดะ (ค.ศ.1603 - 1867) ตั้งแต่เปิดให้ประชาชนเข้าชมในปี พ.ศ. 2489 สวนแห่งนี้ก็ได้กลายเป็นสถานที่ยอดนิยมในการชมดอกซากุระในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ถึงต้นเดือนมีนาคมและสีสันของฤดูใบไม้ร่วงช่วงปลายเดือนตุลาคมถึงกลางเดือนพฤศจิกายน นอกจากเส้นทางเดินแล้วสวนยังมีเส้นทางเดินเท้า ทุ่งหญ้า ม้านั่ง ประภาคาร โรงน้ำชาและหนองน้ำที่เชื่อมต่อกับทะเล สวนฮามะริคิว ตั้งอยู่ห่างเพียงไม่กี่นาทีจากใจกลางกินซ่าใกล้กับสถานี Shiodome Station (สาย Yurikamome Monorail Oedo Line) สวนเปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่ 9:00 ถึง 17:00 นาฬิกา วัดสึคิจิฮงกันจิ (Tsukiji Honganji Temple): วัดพุทธแห่งนี้ตั้งอยู่นอกเขต แต่คุ้มค่ากับการนั่งรถไฟใต้ดินระยะสั้นๆ...
อ่านเพิ่มเติม
เที่ยวโอซาก้า พักที่ไหนดี: บ้านพักตากอากาศยอดนิยมในเขตนัมบะ
เมืองโอซาก้า ตั้งอยู่ในจังหวัดโอซาก้าเป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องของวัฒนธรรมที่มีชีวิตชีวาในด้านอาหารและเครื่องดื่มรวมถึงผู้คนที่เป็นมิตร นอกจากนี้ยังเป็นที่ตั้งของ ปราสาทโอซาก้า ที่งดงาม ซึ่งมีการสร้างขึ้นใหม่หลายครั้งบนพื้นที่ของปราสาทดั้งเดิมตั้งแต่ศตวรรษที่ 16 โอซาก้ายังมีชื่อเสียงในเรื่องแหล่งช็อปปิ้งซึ่งหนึ่งในนั้นคือ เขตนัมบะ (หนึ่งในนั้นคือนัมบะ) ย่านอันคึกคักแห่งนี้ตั้งอยู่ทางตอนใต้ (มินามิ) ของ โอซาก้า และยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมเนื่องจากอาหาร กิจกรรมและงานอีเว้นทั้งหมดจัดอยู่ที่นี่ (แหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมด้วยอาหารที่หลากหลาย กิจกรรมและงานเทศกาลต่างๆ) ที่นี่มีตัวเลือกที่พักมากมายรวมถึงการเช่าช่วงวันหยุด เมื่อไปเยือน โอซาก้า อย่าลืมไปหาบ้านพักตากอากาศในนัมบะที่อยู่ใกล้แหล่งกิจกรรมและสถานที่มีชีวิตชีวาของย่านที่ครึกครื้นแห่งนี้ < h2>นัมบะ ย่านช้อปปิ้งแสนสดใสของโอซาก้า ย่านนัมบะ เป็นย่านช็อปปิ้งและบันเทิงที่มีชีวิตชีวา มีร้านอาหารและร้านค้ามากมาย ย่านที่ค่อนข้างครึกครื้นแห่งนี้ตั้งอยู่รอบๆ สถานีนัมบะ ซึ่งเป็นศูนย์กลางการขนส่งสำคัญ ผู้เยี่ยมชมนัมบะสามารถเพลิดเพลินกับกิจกรรมทางวัฒนธรรม เทศกาล ช้อปปิ้งและตัวเลือกอาหารริมทางมากมายในพื้นที่รอบๆ ย่านนัมบะ เป็นจุดหมายปลายทางที่น่าตื่นเต้นพร้อมกิจกรรมสนุกๆสำหรับผู้เข้าชมทุกวัย ค้นหาที่พักตากอากาศที่เหมาะสมใน ย่านนัมบะ เพื่อให้วันหยุดพักผ่อนเป็นที่น่าจดจำ กิจกรรมน่าสนใจในย่านัมบะ Dotonbori เมือง Den Den โรงละครแห่งชาติ Bunraku Shinsaibashi-Suji ศาลเจ้า Namba Yasaka < h2>บ้านพักตากอากาศในนัมบะ บ้านพักตากอากาศใน นัมบะ มีความทันสมัยและอบอุ่นพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกที่มีประโยชน์และการตกแต่งที่สะดวกสบาย บ้านพักตากอากาศที่ดีสามารถทำให้การพักผ่อนใน นัมบะ สะดวกสบายและเป็นที่น่าจดจำยิ่งขึ้น ที่บ้านพักนั้นเราจะมีความสะดวกสบายในการมีพื้นที่ของตัวเองด้วยอิสระในการทำอาหาร นอน หรือไปไหนมาไหนได้ตามต้องการ เราสามารถหาที่พักสำหรับคนเดียวหรือมองหาที่ที่เหมาะสมสำหรับทั้งครอบครัว 1. Jakotel Namba C-503 อยู่พักซักสองสามคืนที่ Jakotel Namba C-503 ซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากศูนย์กลางย่าน นัมบะ และ สถานีนัมบะ อพาร์ทเมนต์หนึ่งห้องนอนทั้งหมดพร้อมทางเข้าที่ปลอดภัยเป็นของเราทั้งหมด ที่นี่จะให้ความเป็นส่วนตัวในการทำสิ่งที่เราต้องการ อพาร์ทเมนต์ที่ตกแต่งอย่างสวยงามมีสิ่งอำนวยความสะดวกทันสมัยรวมถึงอินเทอร์เน็ตไร้สายเพื่อให้การพักสะดวกสบายยิ่งขึ้น ทำเลที่เงียบสงบแห่งนี้ สะดวกต่อการเดินทาง ขนส่งอาหารและใกล้แหล่งช้อปปิ้ง รวมถึงใกล้ที่ตั้ง Don Quixote เจ้าบ้านนั้นมีประสบการณ์มากโดยจัดอพาร์ตเมนต์ให้เหมาะสำหรับครอบครัว ที่นี่มีสิ่งอำนวยความสะดวกในการทำอาหารซึ่งหมายความว่าเราสามารถรับประทานอาหารในบ้าน ออกไปที่หนึ่งในร้านอาหารใกล้เคียง หรือคว้าอาหารข้างถนนเพื่อนำกลับมา Jakotel Namba C-503 เป็นอพาร์ทเมนท์ส่วนตัวพร้อมทุกสิ่งที่ต้องการสัมผัสกับชีวิต นัมบะ เหมือนท้องถิ่น สำรวจพื้นที่ในท้องถิ่นและชม Nippombashi Denden Town แหล่งช็อปปิ้งที่เน้นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์รวมถึงอะไหล่และส่วนประกอบมากมาย อย่าลืมลองชิมอาหารจากพ่อค้าแม่ค้าริมทางในพื้นที่เพราะ นัมบะ ยังขึ้นชื่อเรื่องของอาหารอีกด้วย เข้าพักที่ Jakotel Namba C-503 แล้วออกไปเที่ยวที่ โรงละครแห่งชาติ Bunraku 2. Jakotel Namba C-301 เพลิดเพลินไปกับความสะดวกสบายในการเดินทาง ขนส่งอาหารและแหล่งช้อปปิ้งที่ Jakotel Namba C-301 อพาร์ตเมนต์ที่สะดวกสบาย เป็นส่วนตัวและปลอดภัยในทำเลดีๆ ที่นี่เช่าไว้เป็นอพาร์ตเมนต์ที่สมบูรณ์ พื้นที่นี้ไม่ถูกแชร์กับใครและรับรองความเป็นส่วนตัวแน่นอน Jakotel Namba C-301 ได้รับการตกแต่งด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกที่ต้องการสำหรับการเข้าพัก รวมถึงอุปกรณ์ทำอาหารและผ้าเช็ดตัว Jakotel Namba C-301 โดดเด่นในด้านสถานที่และความสะอาด ทุกสิ่งที่เราต้องการอยู่ในบริเวณใกล้เคียงรวมถึงอาหารและแหล่งช้อปปิ้ง อพาร์ทเมนท์แห่งนี้มีขนาดพอดีกับแขกสามคน เพียงเดินไปไม่ไกลก็จะถึง วัดเกนโซจิ Genshoji Temple วัดพุทธที่สวยงามล้อมรอบไปด้วยต้นไม้เขียวขจี เราสามารถหยุดและเพิ่มดอกไม้ในรูปปั้น "Flower Kannon" ข้างๆวัด เข้าพักที่ Jakotel Namba C-301 แล้วออกไปเที่ยว เมืองนัมบะ 3. Namba Sta...
อ่านเพิ่มเติม
ช้อปปิ้งที่ย่านรปปงงิฮิลส์ (Roppongi Hills) และโตเกียวมิดทาวน์ (Tokyo Midtown): คู่มือสำหรับมือใหม่
เหตุผลที่ทำไมแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวมากมายจากหลากหลายพื้นที่ไปเที่ยวที่ย่าน รปปงงิ (Roppongi) นั่นเป็นเพราะว่าเป็นแหล่งช้อปปิ้งที่ยอดเยี่ยม ร้านอาหารที่เยอะแยะมากมาย พื้นที่สีเขียวอันเงียบสงบและสถานบันเทิงยามค่ำคืนที่คึกคัก นอกจากจะเป็นที่ตั้งของศูนย์การค้าที่ใหญ่ที่สุดอย่าง รปปงงิฮิลส์ (Roppongi Hills) และ โตเกียวมิดทาวน์ (Tokyo Midtown) แล้ว ย่านรปปงงิยังมีพิพิธภัณฑ์ วัดเก่าแก่ และบาร์ที่ยินดีจะต้อนรับนักท่องเที่ยว อีกมากมาย เริ่มต้นทัวร์ย่านนี้ที่ ศูนย์จัดแสดงงานศิลปะแห่งชาติโตเกียว (The National Art Center, Tokyo) และแวะช้อปปิ้งร้านค้าย่านนี้ หลังจากซูชิมื้อค่ำแล้ว ออกไปเที่ยวที่ ถนนรปปงงิ (Roppongi Street) สวรรค์ของคนชอบเที่ยวบาร์ สถานที่สำคัญและสถานท่องเที่ยวหลักในย่านรปปงงิ (Roppongi) หากใครอยากไปหอชมวิว Tokyo City View ขึ้นไปที่ชั้น 52 ของ ตึก Roppongi Hills Mori แล้วเราจะได้เห็นภาพของสถานที่สำคัญที่โด่งดังของเมืองโตเกียวจากมุมสูง เช่น ตึก National Diet โตเกียวสกายทรี (Tokyo Skytree) และ หอคอยโตเกียวทาวเวอร์ (Tokyo Tower) หอชมวิวที่เพิ่งปรับปรุงใหม่ประกอบด้วย 2 ชั้น ชั้นด้านใน (ในร่ม) จะมีหน้าต่างสูงจากพื้นจรดเพดานและแกลลอรี่ Sky Gallery และชั้นด้านบนเป็นชั้นดาดฟ้าที่นักท่องเที่ยวสามารถชมวิวของเมืองได้เกือบ 360 องศาเมื่ออากาศเป็นใจ ตึก Roppongi Hills Mori สามารถเดินจาก สถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน Roppongi หอชมวิวนี้เปิดทำการวันจันทร์-พฤหัสบดี เวลา 10.00-23.00 และวันศุกร์-เสาร์ เวลา 10.00-1.00 (ตีหนึ่ง) ราคาบัตรสำหรับหอชมวิว Tokyo City View and Sky Deck จะรวมค่าเข้าสำหรับ พิพิธภัณฑ์ศิลปะโมริ (Mori Art Museum) ด้วย พิพิธภัณฑ์ศิลปะโมริ: (Mori Art Museum) พิพิธภัณฑ์ตั้งอยู่ที่ หอคอยโมริ (Mori Tower) นั่นเอง พิพิธภัณฑ์ศิลปะโมริ (Mori Art Museum)เป็นพื้นที่แสดงงานศิลปะชั่วคราวที่จะจัดแสดงงานจำพวกศิลปะสมัยใหม่ที่สะท้อนสภาพสังคม รวมไปถึงสถาปัตยกรรม การออกแบบ แฟชั่น ภาพถ่าย และวิดีโอทดลอง นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ Minoru Mori ได้ก่อตั้งพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ขึ้นเพื่อจัดแสดงนิทรรศการผลงานของศิลปินญี่ปุ่นและศิลปินต่างชาติที่มีชื่อเสียงสับเปลี่ยนกันไป งานนิทรรศกาลที่ผ่านๆ มาก็จะมี "From Me, Belongs to You Only" ผลงานประติมากรรมของศิลปินนามว่า Lee Bul ที่ใช้เทคนิคสีอครีลิค คริสตัลและลูกปัดแก้ว และนิทรรศกาล "Japan in Architecture" ที่รวบรวมงานศิลปะไว้มากกว่า 400 รายการ เป็นศิลปะแนว interactive installations ที่ผู้ชมสามารถสำรวจสถาปัตยกรรมแบบเก่าและแบบใหม่ของญี่ปุ่นได้เลย พิพิธภัณฑ์ศิลปะโมริ (Mori Art Museum) ตั้งอยู่ที่ชั้น 52 ของ ตึก...
อ่านเพิ่มเติม
17 ร้านอาหารที่ดีที่สุดในโอซาก้าสำหรับสุดยอดทัวร์อาหารญี่ปุ่น
เป็นที่รู้กันว่าโอซาก้าคือเมืองขวัญใจนักท่องเที่ยวทั่วโลก และหนึ่งในของดีโอซาก้าที่มัดใจทุกคนได้อยู่หมัดก็คืออาหารนั่นเอง ร้านอาหารที่ดีที่สุดในโอซาก้ามีตั้งแต่ร้านอาหารหรูพร้อมดาวมิชลินการันตี ไปจนถึงซูชิสดสะอาดในราคาสบายกระเป๋า เช่นร้านอาหาร คานิ โดราคุ สาขาโดทงบุริ หรือสตรีทฟู้ดราคาย่อมเยาที่ ตลาดคุโรมง ด้วยตัวเลือกที่หลากหลายทำให้การตระเวนทานอาหารให้โอซาก้าไม่ใช่เรื่องยากและยังได้ลิ้มลองความแปลกใหม่อีกด้วย ร้านหรูระดับท็อปในโอซาก้า 1. ซูชิ Jinsei ร้านอาหารที่การันตีด้วยดาวมิชลิน 1 ดาวในย่าน ชินไซบาชิ Jinsei เสิร์ฟเมนูอย่างไข่หอยเม่นหวานฉ่ำ ซูชิทูน่า และซูชิปลาเนื้อขาว ร้านมีชื่อเสียงในด้านความสดของปลาที่ดึงดูดนักกินจากทั่วโลกสู่โอซาก้า เพื่อสร้างเป็นเมนูที่รสชาติดีที่สุด ราคาโดยประมาณเมื่อทานอาหารที่ร้าน Jinsei ในโอซาก้า ราคาโดยเฉลี่ยต่อจาน: JPY 20,000-29,999 (THB 6,000-9,000) พิกัด: 2-1-3, Shinsaibashisuji, Chuo-ku Osaka 2. คานิ โดรากุ(Kani Doraku) สาขาโดทงโบริ(Dotonbori Honten) นักชิมทุกคนรู้จักปูแดงยักษ์ที่ Kani Doraku Dotonbori Honten ร้านอาหารแห่งนี้เป็นสถานที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวของ Dotonbori มาตั้งแต่ปีค.ศ. 1960 ชื่อเสียงในเรื่องของรสชาติของเมนูปูต่างๆดังพอๆกับปูแดงยักษ์ที่เป็นสัญลักษณ์ของร้าน เมนูที่โด่งดังคือเมนูปูในน้ำซุปซีอิ๊วขาวสูตรเฉพาะของโดรากุ หรือจะสั่งเป็นเซ็ต Kani Kaiseiki ที่มีปูตั้งแต่ในอาหารเรียกน้ำย่อยไปจนถึงอาหารจานหลัก ราคาโดยประมาณเมื่อทานอาหารที่ร้าน คานิโดรากุ(Kani Doraku) สาขาโดทงบุริ(Dotomburi Honten) ในโอซาก้า ราคาโดยเฉลี่ยต่อจาน: มื้อกลางวัน JPY 3,000-4,000(THB 900-1,200), มื้อเย็น JPY 6,000-8,000(THB 1,800-2,400) พิกัด: 1-6-18, Dotonbori, Chuo-ku 3. Honkogetsu | ร้านอาหารประเภท Kaiseiki Honkogetsu ได้ชื่อว่าเป็นร้านอาหารที่ดีที่สุด หรูหรา(และราคาแพงที่สุด) ในโอซาก้า เชี่ยวชาญอาหารประเภท Kaiseiki อาหารดั้งเดิมของญี่ปุ่นที่มีการนำเสนอคอร์สเมนูอาหารเย็นที่หลากหลาย ที่จะเพิ่มประสบการณ์การทานอาหารครั้งนี้ โดยได้รับการการันตีด้วยมิชลินสองดาวจากการใช้วัตถุดิบตามฤดูกาลในการรังสรรค์รสชาติอันปราณีตและมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร อาหารทุกจานที่ Honkogetsu ทำขึ้นไม่เพียงแค่เพื่อให้รสชาติดีเท่านั้นยังมีการตกแต่งทีสวยงามตามธีมในฤดูกาลนั้นๆ และการจัดจานด้วยวัตถุดิบที่สามารถทานได้เพื่อช่วยเพิ่มความสมดุลในรสชาติ เนื้อสัมผัส และรูปลักษณ์ของแต่ละเมนูพิเศษ ราคาโดยประมาณเมื่อทานอาหารที่ร้าน Honkogetsu ในโอซาก้า ราคาโดยเฉลี่ยต่อจาน: JPY 20,000-22,000 (THB 6,000-6,600) พิกัด: 1-7-11, Dotonbori, Chuo-ku, Osaka-shi 4. Kashiwaya | ร้านอาหารประเภท Kaiseiki เพลิดเพลินไปกับการประสบการณ์ทานอาหารในห้องส่วนตัวที่ Kashiwaya ซึ่งเป็นหนึ่งในสี่ร้านอาหารในโอซาก้า ที่ได้รับมิชลินสามดาวหลายปีซ้อน อาหารของ Kashiwaya ได้รับแรงบันดาลใจมากจากวัตถุดิบตามฤดูกาลตั้งแต่ผลไม้เรียกน้ำย่อยสร้างความสดชื่นไปจนถึงเมนูปลาหมึกซึ่งเป็นอาหารจานหลัก ลูกค้าของร้านนี้จะได้รับประทานอาหารในห้องส่วนตัวที่แวดล้อมด้วยสวนมอสอันเงียบสงบเพื่อเน้นย้ำวัฒนธรรมและพิธีชงชาของญี่ปุ่น ราคาโดยประมาณเมื่อทานอาหารที่ร้าน Kashiwaya ในโอซาก้า ราคาโดยเฉลี่ยต่อจาน: มื้อกลางวัน JPY 12,000-36,000 (THB 3,600-10,800), มื้อเย็น JPY 20,000-36,000 (THB 6,000-10,800) พิกัด: 2-5-18 Senriyamanishi, Suita 5. Fujiya 1935 | ร้านอาหารยุโรป สัมผัสประสบการณ์ความแตกต่างของรสชาติ เนื้อสัมผัสและสีสันในการทานอาหารได้ที่ Fujiya...
อ่านเพิ่มเติม
แผนการเดินทางฤดูหนาวที่คิวชู | ขับรถไปทัวร์เมืองออนเซ็นในญี่ปุ่นด้วยตัวเอง
คิวชู มีสถานที่ท่องเที่ยวสวยงามมากมายในช่วงฤดูหนาว นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาและต้องการชมทิวทัศน์ที่สวยงามให้ได้มากที่สุดบนเกาะนี้ ควรจะเช่าหรือขับรถส่วนตัวมาเที่ยว วางแผนการเที่ยวฤดูหนาวห้าวันในคิวชูที่เริ่มต้นและสิ้นสุดที่ ฟุกุโอกะ เมืองออนเซ็นหลายๆที่และร่วมกิจกรรมระหว่างทาง! เคล็ดลับสำหรับการท่องเที่ยวช่วงฤดูหนาวในคิวชู ฤดูหนาวใน คิวชู ทั่วไปแล้วจะไม่รุนแรงมาก นักท่องเที่ยวควรที่จะพกเสื้อผ้าหนาๆและกันน้ำ รองเท้าเกาะพื้นดีๆและร่ม หากมีถุงมือและหมวกด้วยจะดีขึ้นไปอีก อุณหภูมิในฤดูหนาวของ คิวชู ตกไปถึงต่ำกว่าจุดเยือกแข็งไม่บ่อยนัก แต่สายลมตามแนวชายฝั่งทะเลอาจจะเย็นขึ้นได้ตามเวลา นักท่องเที่ยวมักไม่ค่อยเผชิญหิมะขณะขับรถใน คิวชู อย่างไรก็ตามคนขับควรที่จะระมัดระวังทางชันและไม่เรียบนัก การขับรถอย่างระมัดระวังควรเป็นสิ่งที่คำนึงถึงตลอดเวลาในท้องถนนคิวชู วันที่ 1 - เที่ยวชมเมืองฟุกุโอกะ สำหรับวันแรกตามแผนการเดินทางฤดูหนาวที่คิวชู เราจะเริ่มเดินทางจาก ฟุกุโอกะ ซึ่งเป็นเมืองหลวงของ จังหวัดฟุกุโอกะ และแวะเที่ยวที่ สวนสาธารณะไมซารุ ที่มี ซากปราสาทฟุกุโอกะ จากศตวรรษที่ 17 ซากนี้มีตั้งแต่ปี ค.ศ. 1601 และเคยสูงถึงตึก 50 ชั้น นักท่องเที่ยวสามารถแวะชมสี่หอคอยที่อนุรักษ์ไว้และมองลงมาที่ the Wild Cyperus ohwii Kukenth ซึ่งเติบโตขึ้นในคูเมืองรอบปราสาท พืชที่งดงามถูกกำหนดให้เป็นสมบัติทางธรรมชาติของญี่ปุ่นและหอคอยที่เหลือเป็นสมบัติทางวัฒนธรรมที่สำคัญ ซากปราสาทฟุกุโอกะ อยู่ติดกับ สวนสาธารณะโอโฮริ หนึ่งในสถานที่ที่ผู้คนนิยมมาชมวิวมากที่สุด อุทยานแห่งนี้ได้ถูกนิยามให้เป็นแหล่งรวมความสวยงามที่มีเส้นทางเดินชมวิวรอบทะเลสาบ ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นส่วนหนึ่งของคูเมืองปราสาท นักท่องเที่ยวสามารถเช่าและล่องเรือหรือเดินออกไปยังเกาะสามแห่งในทะเลสาบเพื่อถ่ายรูปสภาพแวดล้อมที่สวยงาม สวนสาธารณะโอโฮริ ยังถือเป็นสวนน้ำที่ดีและสวยที่สุดแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น นอกจากนี้ยังเป็นอีกที่ที่นักท่องเที่ยวจะได้พบกับ พิพิธภัณฑ์ศิลปะฟุกุโอกะ และ สวนโอโฮริญี่ปุ่น สวนสาธารณะแห่งนี้มีสนามเด็กเล่นและโรงละครศิลปะการแสดงทำให้เป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับครอบครัวที่จะใช้เวลาทั้งวันใน ฟุกุโอกะ เข้าพักที่ Hakata Tokyu REI Hotel แล้วออกไปเที่ยวที่ ฟุกุโอกะ วันที่ 2 - เดินทางไป โคโคโนเอะ และเพลิดเพลินกับกิจกรรมกลางแจ้ง ในวันที่สอง นักท่องเที่ยวสามารถขับรถไปเที่ยวใน โคโคโนเอะ ซึ่งอยู่ใน จังหวัดโออิตะ ที่ห่างจาก ฟุกุโอกะ ไปทางตะวันออกเฉียงใต้ประมาณสองชั่วโมง ใน โคโคโนเอะ นักท่องเที่ยวจะชอบกิจกรรมนอกสถานที่ใน Kujyu Forest Park Skiing Ground ที่สามารถเล่นสกี สโนว์บอร์ดและไหลลงจาก เขาคูจู สวนแห่งนี้เปิดให้เข้าชมตามฤดูกาลตั้งแต่เดือนธันวาคมจนถึงมีนาคม โดยเวลาเยี่ยมชมในวันทำการอยู่ที่ 9.00 น. ถึง 17.00 น. และ 8.30 น. ถึง 17.30 น. ในสุดสัปดาห์ นักท่องเที่ยวที่ไม่มีอุปกรณ์เป็นของตนเองสามารถเช่าสกีและเสื้อผ้าก่อนขึ้นเขาได้ หลังจากนั้น นักเดินทางสามารถแวะที่ น้ำพุร้อนซูจิยุ ที่ทุกคนรู้จักในนาม บ่อออนเซ็นซูจิยุ หมู่บ้านที่นักท่องเที่ยวสามารถผ่อนคลายไปกับการแช่บ่อน้ำร้อน ตั้งอยู่ในช่องเขาที่ด้านล่างของ เขาวาอิตะ เมืองน้ำพุร้อนแห่งนี้ดึงดูดนักท่องเที่ยวมาหลายศตวรรษด้วยความงามของธรรมชาติและโรงอาบนํ้าที่แสนสบาย และยังเป็นสถานที่ที่ยอดเยี่ยมสำหรับการค้างหนึ่งคืนหลังจากเล่นสกีทั้งวันใน เขาคูจู เข้าพักที่ Suziyu Onsen Daikokuya แล้วออกไปเที่ยว โคโคโนเอะ วันที่ 3 - เปิดประสบการณ์เยี่ยมชมเมืองคุมาโมโตะ เริ่มต้นวันที่สามของการเที่ยวฤดูหนาวที่คิวชูแต่เช้าและขับรถจาก โคโคโนเอะ ไปยัง คุมาโมโตะ การเดินทางใช้เวลาน้อยกว่าสองชั่วโมงและนักผจญภัยสามารถขึ้นเล่นสเก็ตน้ำแข็งที่ Aqua Dome คุมาโมโตะ ศูนย์กีฬาแห่งนี้ได้รับความนิยมในการจัดกิจกรรมกีฬาว่ายน้ำและกีฬาอื่นๆในช่วงฤดูร้อน แต่ช่วงปลายเดือนธันวาคมถึงเดือนมีนาคมที่นี่จะถูกเปลี่ยนเป็นลานสเก็ตน้ำแข็ง นักสเก็ตมากประสบการณ์สามารถเล่นสเก็ตได้ที่ลานสเก็ตใหญ่ ส่วนนักสเก็ตสมัครเล่นสามารถเล่นที่ลานเล็กที่มีคนน้อยกว่า Aqua Dome คุมาโมโตะ โดยปกติแล้วจะปิดทำการในวันพุธและเปิดให้บริการตั้งแต่...
อ่านเพิ่มเติม
สิ่งที่ต้องซื้อในคิวชู (Kyushu): ย่านช้อปปิ้งยอดนิยม & ของฝากจากญี่ปุ่น
การเลือกซื้อของฝากที่สนุกสนานและน่าจดจำเป็นหนึ่งในส่วนที่ดีที่สุดของทุก ๆ ทริป จึงขอพาไปดูสิ่งที่ต้องซื้อใน คิวชู และจุดที่เป็นที่นิยมที่ดีที่สุดในการซื้อของฝากใน ฟุกุโอกะ และนางาซากิ ซึ่งนอกจากถ่ายรูปกับที่เที่ยวยอดนิยมและสถานที่สำคัญใน คิวชู แล้ว ยังมีของฝากตั้งแต่ขนมแปลกใหม่ เครื่องดื่ม เสื้อผ้าท้องถิ่น และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพอีกด้วย 1. สิ่งที่ต้องซื้อในคิวชู | ขนมที่เอากลับบ้านง่าย ๆ เมื่อซื้อขนมหวานและขนมที่น่ากินมากมายจาก คิวชู กลับบ้านนอกจากจะอร่อยแล้ว ผู้รับยังได้รู้เกี่ยวกับอาหารในญี่ปุ่นด้วย เช่น ขนมที่ปรุงรสด้วยเมนไทโกะ (ไข่ปลาค็อดหมัก) สามารถหาได้ทั่วไปใน ฟุกุโอกะ และของฝากที่ไม่ซํ้าใครสำหรับนักกินอย่าง Uma-kacchan ราเม็งกึ่งสำเร็จรูปชนิดหนึ่ง ที่เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกของฝากที่อร่อยที่สุด โดยราเมนนี้จะบรรจุอยู่ในกล่องและสามารถลองชิมก่อนได้ที่ร้านค้าและร้านสะดวกซื้อ นอกจากห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่หลายแห่งยังมีตัวเลือกขนมอีกมากมายที่อยู่ในกล่องบรรจุภัณฑ์ที่เหมาะแก่การใส่กระเป๋าเดินทางไปด้วย และคนที่ชอบของหวาน มีร้านค้าและซุ้มขนมหลายแห่ง ปรุงขนมด้วยวัตถุดิบพรีเมียม ทั้งสตรอเบอรี่สดๆ(ตามฤดูกาล) หรือผงมัทฉะ และบรรจุภัณฑ์ที่น่ารัก ทำให้ยอดขายสินค้าถล่มถลาย ของหวาน อื่นๆ จาก คิวชู ยังมีป๊อกกี้ ผลิตโดยบริษัทเอซากิกูลิโกะ (Ezaki Glico) ที่มีชื่อเสียง มีสำนักงานใหญ่อยู่ในโอซาก้า และคิทแคท ทั้งสองอย่างจะมีรสชาติที่หลากหลาย และรสพิเศษที่สามารถหาซื้อได้ในญี่ปุ่นเท่านั้น 2. สิ่งที่ต้องซื้อในคิวชู | เสื้อผ้า & เครื่องประดับ การซื้อของฝากจะไม่สมบูรณ์หากไม่ได้ซื้อเสื้อผ้าและเครื่องประดับใหม่กลับบ้านไปฝากเพื่อนและครอบครัว เสื้อผ้าหรูหราที่มีเอกลักษณ์สามารถพบได้ในเมืองใหญ่ ๆ โดยเฉพาะ ฟุกุโอกะ นักช้อปส่วนใหญ่ชอบซื้อเสื้อผ้าวินเทจและสินค้าหัตถกรรมท้องถิ่นในเมืองเล็ก ๆ ของคิวชู ทั้ง คะระสึ (Karatsu) ใน จังหวัดซากะ (Saga) ห้างสรรพสินค้าหลายแห่งยังมีของฝากชิ้นเล็กๆที่สามารถแพ็คลงกระเป๋าได้ เช่น แม่เหล็ก พวงกุญแจ และเสื้อยืดที่สกรีนชื่อเมืองหรือที่เที่ยวสำคัญใน คิวชู 3. สิ่งที่ต้องซื้อในคิวชู | เครื่องสำอาง แบรนด์เครื่องสำอางมากมายผลิตผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงในราคาที่เหมาะสม เครื่องสำอางญี่ปุ่นจึงเป็นที่รักของคนทั่วโลก สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยาส่วนใหญ่ ทั้งไว้ใช้เองที่บ้านหรือให้เป็นของฝาก เมื่อเดินตามร้านขายยาใน ฟุกุโอกะ นางาซากิ หรือ คาโกชิมะ (Kagoshima) จะพบผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ พร้อมกิ๊ฟเซตเครื่องสำอางมากมายในบรรจุภัณฑ์ที่น่ารัก ทั้งแบรนด์ความงามราคาประหยัดอย่าง Canmake และ Kate ที่ครองชั้นวางในร้านขายยา และแบรนด์เครื่องสำอางและบำรุงผิวราคาแพงของญี่ปุ่นอย่าง Shiseido, Shu Uemura และ SK-II ก็มีร้านของตัวเองอยู่ในห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ 4. สิ่งที่ต้องซื้อในคิวชู | เครื่องดื่ม เนื่องจากใบชาเป็นพืชสำคัญชนิดหนึ่งของเกาะ หากไม่ซื้อถือว่ามาไม่ถึง คิวชู ท่านสามารถเยี่ยมชมห้องชงชาต้นตำรับญี่ปุ่นเพื่อเพลิดเพลินไปกับการชิมชาที่สดใหม่ พร้อมบทเรียนเกี่ยวกับกรรมวิธีชงชาญี่ปุ่น และนำชาเขียวคุณภาพดีกลับบ้านด้วยเพื่อแชร์เรื่องราวเกี่ยวกับทริปการไปญี่ปุ่น เมืองYame ใน จังหวัดฟุกุโอกะ เป็นหนึ่งในพื้นที่ที่เป็นที่นิยมมากที่สุดในญี่ปุ่นสำหรับการปลูกชา ใน Yame ผู้เข้าชมไม่เพียงแต่สามารถลิ้มลองและซื้อชาที่ปลูกในท้องถิ่นได้ แต่ยังสามารถทัวร์ไร่ชาที่ Yame Central Tea Plantation ได้ด้วย ทุ่งที่โดดเด่นนี้ใช้เวลาเพียง 20 นาที จากร้านชา Yamuro Konomi Honke (Konomien) ธุรกิจชาเก่าแก่ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1704 และเป็นหนึ่งในร้านชาที่เก่าแก่ที่สุดในคิวชู นอกจากชาแล้ว ข้าวยังเป็นพืชยอดนิยมอีกชนิดหนึ่งใน คิวชู จึงมีการผลิตเครื่องดื่มข้าว amazake...
อ่านเพิ่มเติม
สนามบินโอซาก้า: คู่มือการเดินทางสำหรับคันไซ (KIX) และ อิตามิ (ITM)
สนามบินโอซาก้ามีบริการขนส่งสาธารณะที่สะดวกสบายในการเดินทางเข้าสู่ตัวเมือง โอซาก้า เช่นเดียวกับสถานที่เที่ยวชื่อดังใกล้เคียง เช่น เกียวโต (Kyoto) และ เฮียวโงะ (Hyogo) เที่ยวบินระหว่างประเทศจะบินมาลงที่ สนามบินนานาชาติคันไซ (KIX) และเที่ยวบินในประเทศส่วนใหญ่มาลงที่ สนามบินอิตามิ (ITM) หรือที่คนโอซาก้ารู้จักกันในชื่อ สนามบินนานาชาติโอซาก้า 1. สนามบินนานาชาติคันไซ (KIX) ตั้งอยู่บนเกาะทีมีการสร้างขึ้นในอ่าวโอซาก้า สนามบินนานาชาติคันไซ ห่างออกไปประมาณ 52 กิโลเมตรทางตะวันตกเฉียงใต้จากใจกลางเมือง โอซาก้า เป็นโชคดีของนักท่องเที่ยวที่มีทางเลือกในการเดินทางหลายรูปแบบไปย่านยอดนิยมของโอซาก้า เช่น อุเมดะ (Umeda) นัมบะ (Namba) และ สถานี Shin-Osaka ผู้โดยสารสามารถขึ้นรถไฟโดยตรงไปที่ Universal Studios Japan และสถานที่เที่ยวเดย์ทริปอย่าง เกียวโต (Kyoto) โกเบ (Kobe) นารา (Nara) และ วากายามะ (Wakayama) สิ่งที่ต้องทำใกล้ สนามบินนานาชาติคันไซ เข้าพักที่โรงแรมหรืออพาร์ตเมนต์ใกล้ สนามบินนานาชาติคันไซ The Premium Hotel in Rinku HATAGO INN Kansai Airport Kansai Airport Washington Hotel แล้วออกไปเที่ยว โอซาก้า 2. สนามบินอิตามิ (สนามบินนานาชาติโอซาก้า) เที่ยวบินในประเทศของญี่ปุ่นส่วนใหญ่บินลงที่ สนามบินอิตามิ (ITM) ตั้งอยู่ห่างออกไปประมาณ 10 กิโลเมตรจากใจกลางเมือง โอซาก้า สนามบินที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นสนามบินนานาชาติของเมือง ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมคนในพื้นที่บางคนยังเรียกว่าสนามบินนานาชาติโอซาก้า ผู้โดยสารสามารถขึ้นรถไฟที่ สถานี Osaka Airport เพื่อไปที่ สถานี Hotarugaike ได้ ซึ่งที่สถานีนี้ นักท่องเที่ยวสามารถซื้อตั๋วเพื่อไปที่ สถานี Umeda หรือ เกียวโต (Kyoto) ได้ การเดินทางไป อุเมดะ (Umeda) ใช้เวลาโดยประมาณ 20 นาที และใช้เวลาประมาณ 45 นาทีไป เกียวโต (Kyoto) หรือนั่งรถบัสลีมูซีนพาผู้โดยสารจาก สนามบินอิตามิ ไป สถานี Umeda สถานี Shin-Osaka ตึก OCAT ใน นัมบะ (Namba) และ Universal Studios Japan สิ่งที่ต้องทำใกล้ สนามบินอิตามิ เข้าพักที่โรงแรมหรืออพาร์ตเมนต์ใกล้ สนามบินอิตามิ REFTEL Osaka Hotel A.P. Toyoko Inn Osaka Itami Airport แล้วออกไปเที่ยว โอซาก้า
อ่านเพิ่มเติม
ช่วงเวลาที่เหมาะที่สุดสำหรับการไปเที่ยวคิวชู | งานประจำฤดูกาลและเทศกาลญี่ปุ่น
คิวชู เกาะที่ใหญ่เป็นอันดับสามของญี่ปุ่น และเนื่องจากตั้งอยู่ทางตอนใต้ของเกาะหลัก จึงมีอากาศที่อบอุ่นและเย็นสบายเหมาะแก่การท่องเที่ยว สำหรับช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการเที่ยว คิวชู จะขึ้นอยู่สถานที่และกิจกรรมที่สนใจ ตั้งแต่ช่วงดอกไฮเดรนเยียบานที่ ศาลเจ้าฮาโคซากิกุ ไปจนถึงเทศกาลโคมไฟที่สวยงามในช่วงหน้าหนาวที่ นางาซากิ เชิญรับชมเทศกาลในฤดูกาลต่างๆและกิจกรรมที่เป็นที่นิยมใน คิวชู ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการเที่ยวคิวชู | ฤดูใบไม้ผลิ นักท่องเที่ยวนับล้านคนต่างลงความเห็นว่าฤดูใบไม้ผลิเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการเที่ยว คิวชู เพราะมีแสงแดดอ่อนๆ และอากาศที่อุ่นสบาย จึงไม่ต้องขนเสื้อกันหนาวมากเยอะนัก แต่อาจเจอฝนตกบ้างในช่วงปลายฤดู เช่นเดียวกับพื้นที่อื่นของประเทศในฤดูใบไม้ผลิ คิวชู มีชีวิตชีวาขึ้นจากดอกไม้ที่บานสะพรั่ง กิจกรรมในช่วงนี้จึงเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากการชมดอกไม้ ฤดูใบไม้ผลิในจังหวัดฟุกุโอกะ สถานที่ที่ดีที่สุดในการชมใบไม้ผลิใน คิวชู คือทางตอนเหนือของ จังหวัดฟุกุโอกะ ทั่วทั้งพื้นที่ราวกับถูกแต่งแต้มสีสันด้วยดอกไม้ที่บานสะพรั่ง มีหลายที่ที่สามารถชมความงามเหล่านี้ได้ใน จังหวัดฟุกุโอกะ และด้านล่างคือ 3 สถานที่ยอดนิยม เทศกาลชมดอกซากุระที่ปราสาทฟุกุโอกะ สถานที่อันเก่าแก่อย่าง ปราสาทฟุกุโอกะ เป็นหนึ่งในที่ที่ดีที่สุดในญี่ปุ่นสำหรับการชมดอกซากุระ เพราะมีต้นซากุระมากกว่า 1,000 ต้นและมีการประดับตกแต่งด้วยแสงไฟสำหรับการชมในเวลากลางคืน รวมทั้งมีแผงขายอาหารมากมาย และการแสดงต่างๆให้ได้ดูกัน โดยเทศกาลชมดอกซากุระนี้จัดขึ้นในช่วงปลายเดือนมีนาคมถึงต้นเดือนเมษายน อุโมงค์วิสเทอเรียที่ คาวาจิ ฟูจิ การ์เด้น ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของ คิตะคิวชู คาวาจิ ฟูจิ การ์เด้น เป็นหนึ่งในที่ที่สวยที่สุดในโลกสำหรับการชมดอกวิสทีเรียในช่วงปลายเดือนเมษายนถึงต้นเดือนพฤษภาคม ที่สวนแห่งนี้มีอุโมงค์ดอกวิสทีเรียขนาดใหญ่สองอุโมงค์ ผู้เข้าชมสามารถเดินลอดอุโมงค์ชมดอกวิสทีเรียหลากสีทั้งสีม่วง สีฟ้า สีขาว สีชมพูที่ห้อยระย้าอย่างสวยงาม ที่ คาวาจิ ฟูจิ การ์เด้น แห่งนี้มีต้นวิสทอเรียมากกว่า 150 ต้น จากมากกว่า 20 สายพันธุ์ให้ได้ชมกัน เทศกาลอาจิไซที่ศาลเจ้าฮาโคซากิกุ ตลอดเดือนมิถุนายนใน คิวชู จะมีฝกตกหนักตลอดทั้งเดือนและเป็นเดือนที่ดอกไฮเดรนเยียบานเต็มที่ที่สุด สถานที่เหมาะที่สุดในการชมดอกไฮเดรนเยีย คือที่เทศกาลอาจิไซ ณ ศาลเจ้าฮาโคซากิกุ ตั้งอยู่ใน จังหวัดฟุกุโอกะ สวนขนาดใหญ่ภายในศาลเจ้าแห่งนี้มีต้นไฮเดรนเยียมากกว่า 3,500 ต้น จากมากกว่า 100 สายพันธุ์ ผู้เข้าชมสามารถมาสัมผัสกลิ่นหอมและสีสันสดใสของสวนดอกไม้พร้อมนั่งฟังเพลงคลาสสิกแบบเล่นสดได้ เข้าพักที่ GUESTHOUSE HAKOZAKI GARDEN แล้วออกไปเที่ยว ศาลเจ้าฮาโคซากิกุ(Hakozakigu Shrine) ค้นหาและจองที่พักราคาดีที่สุดในฟุกุโอกะวันนี้ ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการเที่ยวคิวชู | ฤดูร้อน ฤดูร้อนใน คิวชู มีอุณหภูมิที่ค่อนข้างสูงเหมาะแก่การใช้เวลาที่ทะเลใน จังหวัดคาโกชิม่า ฤดูร้อนนี้เป็นอีกหนึ่งของปีช่วงเวลาที่คนมาเที่ยว จังหวัดคุมาโมโตะ มากที่สุด เพื่อชมมีเทศกาลดอกไม้ไฟที่มีเอกลักษณ์ เที่ยวทะเลจังหวัดคาโกชิม่า จังหวัดคาโกชิม่า อยู่ทางตอนใต้ของ คิวชู มีภูมิอากาศแบบกึ่งเขตร้อนและมีแนวชายฝั่งทะเลยาวสุดลูกหูลูกตา เป็นสถานที่ท่องเที่ยวอันดับต้นๆของญี่ปุ่นเหตุผลหลักเป็นเพราะมีหาดสวยที่สวยงามมากมาย และนี่คือรายชื่อหาดที่สวยงามบางส่วนในจังหวัดคาโกชิม่า หาดอิโซะ (Iso Beach) จังหวัดคาโกชิม่า หาดอิโซะ (Iso Beach) อยู่ในตัวเมือง คาโกชิม่า หาดทรายเป็นทรายสีขาว เป็นจุดว่ายน้ำที่ยอดเยี่ยมและเป็นที่นิยมสำหรับการเล่นกีฬาทางน้ำ เช่น เซิร์ฟบอร์ด พายเรือ และ วินด์เซิร์ฟ หาดอิโซะ (Iso Beach) ยังเป็นที่รู้จักว่าเป็นจุดชมวิวที่สวยงามของ ภูเขาซากุระจิมะ ผ่าน อ่าวกิงโกะ หาดยูริกาฮาม่า เกาะโยรอน เกาะโยรอน เกาะสวรรค์ในเขตร้อนตั้งอยู่ระหว่างเกาะหลักและ เกาะโอกินาว่า มีหลายหาดภายในเกาะ แต่ หาดยูริกาฮาม่า เป็นหาดที่มีความมหัศจรรย์มากที่สุดเพราะ หาดยูริงาฮาม่า มีการเปลี่ยนแปลงที่ตั้งและรูปร่างตามกระแสน้ำ น้ำทะเลสีฟ้าที่ล้อมรอบเกาะแห่งนี้เหมาะแก่การว่ายน้ำและดำน้ำดูประการัง...
อ่านเพิ่มเติม
Tokyo Nightlife: 10 อันดับ ย่าน ร้านอาหาร บาร์และคลับที่ดีที่สุด
ไม่ว่าคุณจะมองหาสถานที่เที่ยวโต้รุ่งหรือที่นั่งดื่มชิลๆกับเพื่อนๆ 10 ย่านเหล่านี้เหมาะสมที่สุด ตามหาบาร์และร้านอิซากายะ ใน Ebisu ร้านอาหารติดอันดับและไนท์คลับในฮาราจูกุ < h2>1. Tokyo Nightlife | ชินจูกุ เนื่องจากมีร้านค้า บาร์และร้านอาหารที่หลากหลาย ชินจูกุ จึงเป็นย่านที่คึกคักที่สุดในโตเกียวไม่ว่าจะเช้าหรือคํ่า ไนท์คลับและบาร์ดึงดูดให้ชาวต่างชาติมาท่องเที่ยวโดยมีทั้งป้ายและเมนูเป็นภาษาอังกฤษ สถานที่นี้เป็นใจกลางหลักของย่าน Ni-Chome ที่มีบาร์เกย์และไนท์คลับจำนวนมากและ Kabukicho ย่านเกอิชาที่โด่งดังที่สุดของเมือง < h3>เที่ยวชินจูกุ: Shinjuku Pit Inn - 2-12-4 Shinjuku B1F Accord Shinjuku Bldg., ชินจูกุ: ต้องทำการจองล่วงหน้าเพื่อที่จะได้เที่ยว Shinjuku Pit Inn แจ๊สคลับยอดนิยมแห่งนี้ ดื่มดำไปเครื่องดื่มเย็นๆและฟังวงดนตรีแจ๊สเล่นไปพร้อมๆกัน (เครื่องดื่มหนึ่งแก้วรวมค่าเข้าแล้ว) Golden Gai- 1 Chome-1-6 Kabukicho, ชินจูกุ: แม้จะมีบาร์ที่มีเมนูภาษาอังกฤษพร้อมบาร์เทนเดอร์ที่พูดภาษาอังกฤษอยู่มากมายในย่านนี้ Golden Gai เป็นที่ที่เหมาะสมที่สุดในย่านนี้ในการเที่ยวบาร์ Robot Restaurant - 1-7-1 Kabukicho, B2f, Kabukicho, ชินจูกุ: การแสดงคาบาเร่ต์ใน Robot Restaurant ที่คึกคักตลอดเวลา เหมาะสมสำหรับนักท่องเที่ยวทุกวัย ในร้านมีการจัดการแสดงพร้อมเสิร์ฟเซตเบนโตะให้รับประทาน เข้าพักที่ Keio Plaza Hotel Tokyo แล้วออกไปเที่ยวที่ Robot Restaurant ค้นหาที่เที่ยวกลางคืนของโตเกียวในย่าน ชินจูกุ < h2>2. Tokyo Nightlife | ชิบูย่า แม้ ชิบูย่า จะให้บรรยากาศความเป็นวัยรุ่นและมักดึงดูดนักท่องเที่ยววัยรุ่น แต่นักท่องเที่ยวทุกวัยสามารถมาสนุกและเพลิดเพลินไปกับอาหารอร่อยๆและเครื่องดื่มเย็นๆได้ ในย่านนี้ไนท์คลับตั้งอยู่บนถนนเส้นเดียวกับร้านอาหารและบาร์ < h3>เที่ยวชิบูย่า Spincoaster Music Bar - 2-26-2 Yoyogi, 1-C 2nd Kuwano Bldg., ชิบูย่า: นักท่องเที่ยวที่หลงรักในดนตรีจะตะลึงไปกับคุณภาพของเสียงดนตรีใน Spincoaster Music Bar ซึ่งเป็นบาร์ที่มีชื่อเสียงและเปิดดนตรีหลากหลายประเภท Womb - 2-1 6 Maruyamacho, ชิบูย่า: ปาร์ตี้สนุกทั้งคืนที่ Womb ไนท์คลับสี่ชั้นที่น่าหลงไหล ดีเจที่ Womb จัดการแสดงสุดอลังการที่เต็มไปด้วยแสงสีเสียง The Ruby Room - 2-25-17 Dogenzaka, 4F Kasumi Bldg, ชิบูย่า: ตั้งอยู่ห่างจาก สถานีรถไฟชิบูย่า แค่ไม่กี่นาที The Ruby Room เป็นสถานที่ที่เหมาะสมสำหรับการเที่ยวยามราตรี คลับแห่งนี้ดนตรีเพราะ เต้นสนุก บรรยากาศดี และยังมีห้องพิเศษสำหรับกิจกรรมที่จัดส่วนตัว เข้าพักที่ Shibuya Excel Hotel Tokyu แล้วออกไปเที่ยวที่ Womb ค้นหาที่เที่ยวกลางคืนของโตเกียวใกล้ ชิบูย่า < h2>3....
อ่านเพิ่มเติม
เยี่ยมชมซัปโปโร: 5 อันดับขนมญี่ปุ่นที่ห้ามพลาดในฮอกไกโด
ในเมืองซัปโปโรมีคาเฟ่และร้านอาหารมากมายที่ขายขนมญี่ปุ่น ซึ่งแต่ละร้านได้ออกแบบบรรยากาศมาให้เข้ากับการพักผ่อนพร้อมด้วยขนมหวานสุดอร่อย ของหวานเป็นอีกหนึ่งเสน่ห์ของวัฒนธรรมฮอกไกโดซึ่งทำมาจากวัตถุดิบที่มีพร้อมอย่าง ข้าวสาลี golden, บีทรูทและนมวัวธรรมชาติ ซัปโปโรเป็นแหล่งรวมวัตถุดิบธรรมชาติที่นำมาจากทั่วทั้งฮอกไกโด เป็นผลให้ศิลปะการประดิษฐ์ขนมญี่ปุ่นโดยส่วนผสมที่สดและอร่อยกำลังเป็นที่นิยม ด้วยการแข่งขันสูงในตลาดร้านค้าทุกแห่งทำและจำหน่ายขนมญี่ปุ่นชั้นเลิศในขณะที่ขัดเกลาฝีมือของพวกเขา ร้านขนมหวานแต่ละร้านในเมืองซัปโปโรแต่ละมีแฟนๆท้องถิ่นมากมาย เยี่ยมชมซัปโปโรเพื่อค้นหาขนมญี่ปุ่นที่คุณชื่นชอบและติดใจสำหรับสาวกของหวาน 1. KINOTOYA BAKE: ลิ้มรสความอร่อยของชีสทาร์ตสดๆจากเตาของซัปโปโร ชีสทาร์ตของ KINOTOYA BAKE เป็นที่นิยมทั้งในและนอกประเทศญี่ปุ่น ยอดขายสูงถึง 6 ล้านชิ้นทุกๆปี! ชีสทาร์ตจากที่นี่มีส่วนประกอบที่เข้มข้นของมูสชีสที่นุ่มนวลและขนมปังอบร่วนที่ทำเอง ชีสเค้กญี่ปุ่นที่สดใหม่และพร้อมให้บริการตลอดเวลา นั่นคือสาเหตุที่ทำให้ KINOTOYA BAKE เต็มไปด้วยลูกค้าทุกวัน! ข้อมูลร้านค้า หาร้าน KINOTOYA BAKE ได้ที่สถานี JR Sapporo East ทางออก 3 Kita 6 Jōnishi Kita-ku Sapporo ติดกับประตูตรวจตั๋วตะวันออก เวลาทำการ: 9.00 น. - 22.00 น. 2. Maruyama Saryo: ดื่มด่ำไปกับชาญี่ปุ่นและ ichigo zenzai ในสภาพแวดล้อมที่แปลกตา Maruyama Saryo เป็นร้านขนมยอดนิยมสำหรับคนพื้นเมืองมาเป็นเวลานาน ขนมญี่ปุ่นที่นี่ไม่เหมือนใครและยังหาที่อื่นไม่ได้อีกด้วย เมนูยอดนิยม 'ichigo zenzai' เริ่มเสิร์ฟด้วยไอศกรีมสตรอเบอร์รี่ในชามขนาดใหญ่และถั่วแดงซึ่งไม่หวานเกินไป ทุกอย่างราดด้วยซอสสตรอเบอร์รี่รสหวานและเปรี้ยว เลเยอร์ที่สวยงามทำให้ของหวานฮอกไกโดนี้คุ้มค่ากับการถ่ายรูปลงบน Instagram และเพลิดเพลินกับรสชาติ การตกแต่งโดยใช้เฟอร์นิเจอร์แบบย้อนยุคและทำด้วยไม้ทำให้เกิดความรู้สึกเหมือนย้อนยุคไปเมื่อหลายสิบปีก่อน หากต้องการหลีกหนีจากความวุ่นวายและได้ลิ้มรสไปกับขนมหวานญี่ปุ่นเพื่อคลายเครียด ไม่ควรพลาดที่นี่ ข้อมูลร้านค้า หาร้าน Maruyama Saryo ได้ที่ 27-1-32, Kita 4 Jōnishi, Chūō-ku, ซัปโปโร เวลาทำการ 11.00 น. – 24.00 น. ปิดทุกวันพฤหัส เที่ยวคาเฟ่ในซัปโปโร! ค้นหาห้องพักใน ซัปโปโร Chateraise Gateaux Kingdom Sapporo Hotel Spa Resort Hanamomiji Hotel Shikanoyu 3. Parfait, Coffee, Sake (Liquor), Sato: การตกแต่งภายในญี่ปุ่นแบบชิคๆนำเสนอถึง 'shime-parfait' ของซัปโปโร Parfait, Coffee, Sake (Liquor), Sato ตั้งอยู่ในซอยหลัง Tanukikoji Shopping Street ซึ่งเป็นที่นิยมสำหรับของที่ระลึกและร้านขายยา การทานพาร์เฟ่ต์หลังอาหารหรือหลังการดื่มเป็นสิ่งยอดนิยมที่ต้องทำใน ซัปโปโร ร้านนี้ยังเป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกของ ‘shime-parfait' พาร์เฟ่ต์ (Parfait) ได้รับความนิยมใน ฮอกไกโด โดยเฉพาะ ‘seasonal fruit parfait’ ที่มีผลไม้โรยหน้าหลากชนิด โดยทางร้านให้ความสำคัญกับการจัดจานเพื่อให้ได้รูปสวยๆบนเมนู ร้านนี้ยังเลือกวัตถุดิบด้วยความพิถีพิถันอีกด้วย สามารถแวะชมได้หลังจากเหนื่อยล้าจากการเที่ยว ข้อมูลร้าน หาร้าน Parfait, Coffee, Sake, Sato ได้ที่ 1-6-1, Minami 2 Jōnishi, Chūō-ku,...
อ่านเพิ่มเติม
15 ที่พักหรูในโตเกียว | รีสอร์ตและโรงแรมระดับ 5 ดาว
โตเกียว เมืองที่มีชื่อเสียงในเรื่องการผสมผสานระหว่างประเพณีและนวัตกรรมอย่างลงตัว มีที่พักสุดหรูที่หลากหลายเพื่อตอบโจทย์ทุกความต้องการ ไม่ว่าคุณจะมาเพื่อติดต่อธุรกิจ พักผ่อน หรือโอกาสพิเศษ โรงแรมหรูของโตเกียวนำเสนอบริการระดับ World Class สิ่งอำนวยความสะดวกที่เป็นเลิศ และทิวทัศน์เส้นขอบฟ้าเมือง สวนหย่อม และสถานที่สำคัญที่เป็นสัญลักษณ์ที่ไม่มีใครเทียบได้ ที่พักระดับ 5 ดาวของโตเกียวจะมอบประสบการณ์ที่แสนผ่อนคลายอย่างแท้จริง ตั้งแต่ตึกระฟ้าทันสมัยสุดล้ำไปจนถึงรีสอร์ทแบบดั้งเดิมที่เงียบสงบ ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปรู้จักกับโรงแรมหรูระดับ 5 ดาวของเมือง 15 แห่ง ซึ่งแต่ละแห่งล้วนมีคุณสมบัติพิเศษเฉพาะตัวที่ออกแบบมาเพื่อให้การเข้าพักของคุณน่าประทับใจไม่รู้ลืม ไม่ว่าคุณกำลังมองหาสถานพักผ่อนในเมืองที่ทันสมัยในย่านที่พลุกพล่านหรือโอเอซิสอันเงียบสงบใกล้สวนสาธารณะและวัด ก็มีโรงแรมที่ตอบโจทย์ความต้องการของคุณ ที่พักเหล่านี้ให้บริการสิ่งอำนวยความสะดวกชั้นยอด รวมถึงห้องอาหารชั้นเลิศ สปา ห้องรับรองส่วนตัว และบริการพิเศษต่างๆ ที่จะยกระดับการเข้าพักของคุณ โรงแรมเหล่านี้หลายแห่งตั้งอยู่ในทำเลชั้นเยี่ยม ทำให้เดินทางไปช้อปปิ้ง รับประทานอาหาร และท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมต่างๆ ได้อย่างสะดวก มาร่วมสำรวจรีสอร์ทและที่พักระดับ 5 ดาวในโตเกียว ที่ซึ่งความหรูหราบรรจบกับใจกลางเมืองหลวงที่มีชีวิตชีวาของญี่ปุ่นไปกับเราได้เลย 1. Imperial Hotel Tokyo พักผ่อนเติมพลังอย่างเหนือระดับที่ Imperial Hotel Tokyo โรงแรมดีไซน์สวยซึ่งมีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 120 ปี ส่วนเสี้ยวของประวัติศาสตร์ที่แสนสำคัญนี้ตั้งอยู่กลางกรุงโตเกียว ภายในมีสิ่งอำนวยความสะดวกสุดทันสมัย เช่น ซาวน่า สระว่ายน้ำในร่ม ร้านอาหาร และฟิตเนสเซ็นเตอร์ ที่เที่ยวใกล้โรงแรม เดินไปไม่ไกลก็ถึง Leica สาขากินซ่า สวนฮิบิยะ (Hibiya Park) รูปปั้นก็อตซิลลา (Godzilla Statue) ฮอลล์คอนเสิร์ตกลางแจ้งฮิบิยะ ตึก Sony การเดินทาง โรงแรมหรูระดับ 5 ดาวแห่งนี้ตั้งอยู่เลขที่ 1-1, Uchisaiwai-Cho 1-Chome Chiyoda-Ku, Ginza โรงแรมอยู่ห่างจากสถานีรถไฟ Hibiya Train Station เพียงเดินไป 5 นาที โรงแรมอยู่ห่างจากสถานีรถไฟ Uchisaiwaicho Subway Station เพียงเดินไป 8 นาที เข้าพักที่ Imperial Hotel Tokyo แล้วออกไปเที่ยว ร้าน Leica สาขากินซ่า 2. The Capitol Hotel Tokyu The Capitol Hotel Tokyu ตั้งอยู่ในย่านอะคาซากะ (Akasaka) ที่นี่เป็นที่พักสุดเพอร์เฟ็กต์สำหรับคนที่เดินทางมาเพื่อทำงานหรือพักผ่อน นักท่องเที่ยวรสนิยมหรูย่อมชอบใจสถาปัตยกรรมสุดอลังการในย่านนี้ เช่นเดียวกับแลนด์มาร์กใกล้ๆ ส่วนนักธุรกิจจะต้องเป็นปลื้มกับห้องสัมมนาที่ตกแต่งอย่างวิจิตรงดงามและการเดินทางที่ไม่ไกลจากใจกลางเมืองโตเกียว ที่เที่ยวใกล้โรงแรม เดินไปไม่ไกลก็ถึง ศาลเจ้าฮิเอะ (Hie Shrine) โรงละคร Akasaka Red Theater อาคารสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (National Diet Building) โรงละคร ACT Akasaka Theatre การเดินทาง โรงแรมห้าดาวแห่งนี้ตั้งอยู่เลขที่ 2-10-3, Nagata-cho, Chiyoda-ku, Akasaka โรงแรมอยู่ห่างจากสถานีรถไฟ Tameike-Sanno Subway Station เพียงเดินไป 1 นาที โรงแรมอยู่ห่างจากสถานีรถไฟ Kokkai...
อ่านเพิ่มเติม
ของน่าซื้อในโตเกียว | รวมพิกัดซื้อของฝากจากญี่ปุ่น
ไหนมาดูกันซิว่าที่โตเกียวมีอะไรน่าซื้อ แล้วควรจะไปซื้อที่ไหนอย่างไรบ้าง เรารวบรวมสุดยอดร้านของฝาก ตลาด และถนนช้อปปิ้งมาไว้หมดแล้ว โตเกียวมีสินค้าประเภทของฝากให้เลือกสารพัด ทั้งของแปลกแหวกแนวและของธรรมดาทั่วไป อยากได้คิทแคทชาเขียวหรือว่าสร้อยไข่มุกเป็นชั้นระย้าดีล่ะ ส่วนใครอยากซื้ออาหารปลอมต้องไปที่คัปปะบาชิ (Kappabashi) แต่ถ้าเล็งพวกสาเกไว้ให้ไปMeishu Center เลย แหล่งซื้อไข่มุกที่ดีที่สุดในโตเกียว ไข่มุกนับเป็นเครื่องหมายของสถานะและความมั่งคั่งสำหรับชาวญี่ปุ่นมาตั้งแต่ศตวรรษที่หนึ่งเมื่อเริ่มมีคนดำน้ำลงไปงมหาหอยมุกอโกย่าที่ก้นทะเล ช่วงปลายทศวรรษที่ 1800 Kokichi Mikimoto พ่อค้าชาวญี่ปุ่นก็คิดค้นวิธีการเพาะเลี้ยงหอยมุกและเปิดร้านขายไข่มุกในย่านกินซ่า (Ginza) ของโตเกียว ทุกวันนี้ช้อปปิ้งไกด์ดีๆ จะต้องจัดรายการซื้อเครื่องประดับจำพวกไข่มุกไว้ในลิสต์ลำดับต้นๆ ชาวโตเกียวและนักท่องเที่ยวที่อยากมองหาเครื่องประดับคุณภาพดีควรไปร้านสาขาของ Mikimoto ซึ่งรู้จักกันในชื่อ Ginza Main ส่วนคนที่อยากซื้อไข่มุกในบรรยากาศสบายๆ ราคาเบากว่า ควรไปดูที่ Ginza 2 ตึกดีไซน์เก๋ขวัญใจช่างภาพ แหล่งซื้อไข่มุกอีก 6 แห่งในโตเกียว Yonamine Pearls Pearl Seiwa Amit Trading Tokyo Pearl Sinju Tasaki เข้าพักที่ Daiwa Roynet Hotel Ginza แล้วออกไปเที่ยว Ginza Main ค้นหาของน่าซื้ออื่นๆ ใน โตเกียว ช้อปปิ้งสารพันสินค้าด้านเทคโนโลยีที่โตเกียว ญี่ปุ่นขึ้นชื่อลือชาว่าเป็นศูนย์กลางด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม นักท่องเที่ยวที่หมายมั่นอยากได้แก็ดเจ็ตแปลกๆ หรืออุปกรณ์เล่นเกมแบบเอาจริงเอาจังจะได้ฟินกับตัวเลือกมากมายเมื่อมาช้อปปิ้งที่โตเกียว ไม่ว่าจะมองหาเทคโนโลยีกล้อง SLR แบบใหม่ล่าสุด แว่น VR สำหรับชมภาพเสมือนจริง หรือแค่สายชาร์จธรรมดา ดิ่งไปอะกิฮาบาระ (Akihabara) หรือที่รู้จักกันในชื่อว่าเมืองเครื่องใช้ไฟฟ้าแห่งโตเกียว (Tokyo’s Electric Town) เราจะได้พบกับร้านเครื่องใช้ไฟฟ้าละลานตา ใครเห็นแก็ดเจ็ตใหม่แปลกประหลาดอย่างเครื่องกำจัดกลิ่นรองเท้าก็ไม่ต้องตกใจไปนะ แหล่งช้อปปิ้งสินค้าเทคโนโลยีอีก 8 แห่งในโตเกียว Yodobashi Camera BIC CAMERA Ikebukuro Yamada Denki Edion AKIBA LAOX Akihabara Main Store Tokyu Hands เข้าพักที่ Mitsui Garden Hotel Otemachi แล้วออกไปเที่ยว อากิฮาบาระ ค้นหาของน่าซื้ออื่นๆ ใน โตเกียว คิทแคทสไตล์โตเกียว เราจะต้องเมินใส่คิทแคทรสนมช็อคโกแลตธรรมดาที่เคยกินๆ มาแน่นอน ถ้าได้ลองชิมคิทแคทรสชาติสุดครีเอทที่วางขายในโตเกียว ที่ญี่ปุ่น คิทแคทนั้นไม่ใช่แค่ขนม แต่เป็นความลุ่มหลงซึ่งส่วนหนึ่งเป็นเพราะคิทเเคทของที่นี่มีรสชาติหลากหลายจริงๆ ถ้าเกิดนึกไม่ออกว่าจะซื้ออะไรจากโตเกียวไปฝากเพื่อน คิทแคทถือว่าเป็นตัวเลือกแปลกใหม่ในราคาไม่แพง แถมหาซื้อคิทแคทรสอร่อยพวกนี้ได้ตามร้าน Don Quijote หรือจะไปเลือกซื้อให้ถึงแหล่งตามร้าน Kit Kat Chocolatory ในโตเกียวก็ได้ คิทแคทอีก 8 รสชาติห้ามพลาดที่โตเกียว วาซาบิ ชาเขียว สตรอเบอร์รี่ชีสเค้ก มันหวาน แอปเปิ้ล วิเนการ์ ช็อคโก้ บานาน่า องุ่น รัม เรซิน เข้าพักที่ MIMARU Tokyo Nihombashi Suitengumae แล้วออกไปเที่ยว ร้าน KitKat Chocolatory ค้นหาของน่าซื้ออื่นๆ ใน โตเกียว รวมแหล่งซื้อตะเกียบในโตเกียว...
อ่านเพิ่มเติม
วัดคิโยมิสึ l คู่มือแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวเมืองเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น
วัดคิโยมิสึ (Kiyomizu Temple) หรือวัดโอโตวะซัง คิโยมิสึ-เดระ (Otowa-san Kiyomizu-dera) ที่คนไทยนิยมเรียกกันว่า วัดน้ำใส เป็นวัดพุทธเลื่องชื่อซึ่งตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของ เกียวโต ในเขตฮิกาชิยะมะ (Higashiyama) ซึ่งเป็นย่านประวัติศาสตร์ ก่อตั้งขึ้นใน ศตวรรษที่ 8 โดย วัดคิโยมิสึ นี้เป็นส่วนหนึ่งของอนุสรณ์สถานทางประวัติศาสตร์เกียวโตโบราณอันเป็นมรดกโลกที่ขึ้นทะเบียนโดยยูเนสโก และเป็นวัดที่โด่งดังที่สุดแห่งหนึ่งของ เกียวโต ในช่วงหลังมานี้มีการบูรณะก่อสร้างอย่างต่อเนื่อง จึงมีนั่งร้านบดบังส่วนต่างๆ ของวัดอยู่บ้าง แต่ถึงอย่างนั้นนักท่องเที่ยวก็ยังคงเข้าไปเที่ยวชมส่วนหลักของวัดได้อย่างไม่มีอุปสรรคขัดข้อง วัดคิโยมิสึ ตั้งอยู่บนยอดเขาโอโตวะ ตัวอาคารซึ่งเป็นไม้ลดหลั่นกันหลายชั้นทำให้มองเห็นวิวสวยงามประทับใจเมื่ออยู่บนลานระเบียงของวัด เป็นจุดมัดใจคนชอบถ่ายภาพ หรือใครก็ตามที่อยากมีช็อตปังๆ ไว้แชร์ในโซเชียลมีเดีย ทำความรู้จักวัดคิโยมิสึ วัดคิโยมิสึ คือความหัศจรรย์ทางสถาปัตยกรรมที่แท้จริง เพราะวัดไม้แห่งนี้ไม่ได้มีแค่ความสวยงาม แต่ยังก่อสร้างด้วยวิธีแบบ ญี่ปุ่น โบราณ ซึ่งไม่ใช้ตะปูเลยแม้แต่ตัวเดียว คิโยมิสึ-เดระ มีความหมายว่า “วัดน้ำใส” เป็นหนึ่งในวัดดังที่สุดของทั้งประเทศและตั้งอยู่ใกล้กับน้ำตกโอตาวะ ที่เที่ยวทางวัฒนธรรมแห่งนี้เป็นวัดที่ยังคงมีการประกอบศาสนกิจเป็นปกติ นักท่องเที่ยวจึงควรรับทราบข้อมูลเล็กน้อยก่อนเดินทางไปเยือน เมื่อเข้ามาเที่ยวชมวัดใน เกียวโต ควรแต่งกายสุภาพและแสดงออกอย่างสำรวม วัดพุทธแห่งนี้เป็นที่ประดิษฐานของเทพคันนงหรือเจ้าแม่กวนอิม ซึ่งเป็นเทพแห่งความเมตตา มีผู้ศรัทธาและนักท่องเที่ยวเดินทางมาเคารพสักการะเป็นจำนวนมาก   แนะนำให้สังเกตคนก่อนหน้าว่าควรปฏิบัติอย่างไรเมื่อเข้ามาในวัด เราจะได้ทำตัวถูก คร่าวๆ ก็คือ วัดส่วนใหญ่ใน ญี่ปุ่น จะมีโชสุยะ ซึ่งเป็นอ่างน้ำขนาดใหญ่ที่ให้เราชำระตัวเองให้สะอาดก่อนเข้ามาขอพร การล้างมือในอ่างน้ำเหล่านี้เป็นสัญลักษณ์แทนการชำระจิตใจให้บริสุทธิ์ผุดผ่องนั่นเอง   วัดบางแห่งจะมีขั้นตอนการทำระล้างแบบจำเพาะเจาะจง แต่ที่ วัดคิโยมิสึ นั้น เพียงชำระล้างมือด้วยน้ำมนต์ก็พอ หรือไม่เช่นนั้นผู้มาเยือนอาจใช้วิธีที่เคร่งครัดตามธรรมเนียมมากขึ้น ด้วยการใช้มือขวาถือกระบวยตักน้ำ เทน้ำล้างมือซ้าย จากนั้นเปลี่ยนไปใช้มือซ้ายถือกระบวย แล้วเทน้ำล้างมือขวา ก่อนจะกลับมาถือกระบวยมือขวา เทน้ำใส่อุ้งมือซ้ายแล้วจิบดื่ม ซึ่งที่วัดอื่นจะใช้น้ำส่วนนี้กลั้วปากแล้วบ้วนทิ้ง แต่น้ำที่วัดนี้เป็นน้ำที่ดื่มได้แถมยังขึ้นชื่อว่ามีแร่ธาตุต่างๆ มากมายด้วย หลังจากจิบน้ำ ควรล้างมือซ้าย ล้างด้ามกระบวย และคว่ำวางไว้ที่เดิม ทีนี้ก็ถือว่าเราชำระตัวเองให้สะอาดบริสุทธิ์ พร้อมเข้าไปนมัสการสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในวัดแล้ว   นอกจากนี้ วัดบางแห่งจะมีธูปเพื่อให้จุดบูชา เช่นเดียวกับที่ วัดคิโยมิสึ แห่งนี้ สามารถซื้อธูปได้ที่ศาลาหลักในราคา 10 เยน และใช้มือขวาถือธูปเพื่อจุดกับเทียนจุดไฟซึ่งมีไว้บริการ ถือธูปอย่างตั้งใจ ระวังอย่าให้ดับ จากนั้นปักธูปลงในกระถางเพื่อเป็นเครื่องบูชา   นักท่องเที่ยวสามารถขอพรกับเจ้าแม่กวนอิมได้ด้วยการยืนต่อหน้ารูปพระโพธิสัตว์กวนอิมในศาลาหลัก โค้งคำนับเล็กน้อย ถวายปัจจัย ก่อนจะประนมมือขอพร   ใครอยากมาวัดในบรรยากาศสงบ ไม่วุ่นวาย ควรมาตั้งแต่เช้าตรู่ (ตอนวัดใกล้เปิด) หรือไม่ก็ตอนวัดใกล้ปิด (ราวๆ ชั่วโมงสุดท้าย) ภายในบริเวณวัดกว้างขวาง ควรเผื่อเวลามาเยี่ยมชมอย่างน้อยสัก 2-3 ชั่วโมง และอย่าลืมคิดถึงข้อนี้ตอนแพลนเวลามาเที่ยวด้วยนะ ในบริเวณวัดมีอาคารมากมายซึ่งสร้างตั้งแต่สมัย ศตวรรษที่ 15 และ ศตวรรษที่ 16 นอกจากศาลาหลักของ วัดคิโยมิสึแล้ว ในเขตอารามยังมีทั้งสวนสวยๆ ประตูวัด น้ำตกโอโตวะ และบริเวณภายในที่งดงามน่าชม   ที่ วัดคิโยมิสึ มีการจัดกิจกรรมหลายอย่าง นักท่องเที่ยวอาจลองเช็คปฏิทินล่วงหน้าว่างมีงานพิเศษจัดขึ้นในช่วงที่เดินทางมาเที่ยวหรือไม่ อย่างโบนัสพิเศษช่วงหน้าซากุระในฤดูใบไม้ผลิหรือฤดูใบไม้ร่วงที่ใบไม้เปลี่ยนสีสวยงาม ทั้งสองช่วงเวลานักท่องเที่ยวจะเดินทางมาอย่างหนาแน่น ใครอยากหลีกเลี่ยงผู้คนแออัดควรเลือกมาเที่ยวช่วงอื่นนอกจากนี้ แต่แหม...วิวช่วงนั้นมันก็ว้าวสุดจริงๆ แหละนะ เอาเป็นว่า มาวัดนี้ช่วงไหนก็สวยงามน่าชมทั้งนั้นเลย   ที่พิเศษอีกอย่างหนึ่งคือ ภายในวัดจะมีร้านให้เช่าชุดกิโมโนด้วย ราคาก็แตกต่างกันไป โดยส่วนใหญ่เริ่มต้นที่ 500 เยน นอกจากนี้ยังมีซุ้มขายอาหารว่างกับเครื่องรางของขลัง เป็นโอกาสอันดีที่เราจะได้เข้าถึงวัฒนธรรมของญี่ปุ่นและเลือกซื้อหาของฝากกลับไปบ้านด้วย พิกัด: 294...
อ่านเพิ่มเติม
บ้านโบราณในเกียวโต l เช่าที่พักสไตล์บ้านมาจิยะสำหรับวันหยุดพักผ่อนที่ญี่ปุ่น
ในความรู้สึกของนักท่องเที่ยวทั้งหลาย เกียวโต คือสถานที่ที่กักเก็บหัวใจของความเป็นญี่ปุ่นเอาไว้อย่างไม่เสื่อมคลาย และการเช่าบ้านโบราณสักหลังใน เกียวโต ก็ยิ่งเพิ่มมนต์ขลังให้กับวันพักผ่อนในญี่ปุ่น ที่เกียวโตมีบ้านโบราณหรือมาจิยะ (machiya) เปิดให้เช่าอยู่ทั่วเมือง บ้านพักหลายๆ แห่งอยู่ใกล้กับที่เที่ยวยอดนิยมของ เกียวโต ลองมาดูมาจิยะแบบดั้งเดิมสำหรับให้เช่าใน เกียวโต แล้ววางแผนท่องเที่ยวโดยเริ่มจากที่พักสุดคลาสสิกได้เลย บ้านโบราณในเกียวโต หลายร้อยปีมาแล้ว ที่ใจกลางเมือง เกียวโต เต็มไปด้วย มาจิยะ หรือบ้านแบบญี่ปุ่นดั้งเดิม อาคารไม้หลายชั้นเหล่านี้โดยมากเป็นบ้านของพ่อค้าและช่างทำงานฝีมือซึ่งมักจะเปิดหน้าร้านขายของไปด้วย ร้านด้านหน้าจะแยกกับส่วนที่พักอาศัยด้วยประตูไม้บานเลื่อนหรือหรือประตูกระดาษที่เรียกว่าโชจิ (shoji) และด้วยความที่ภาษีจะประเมินตามความกว้างของหน้าร้านส่วนที่ติดกับถนน ไม่ใช่ขนาดโดยรวมของบ้าน มาจิยะจึงสร้างให้แคบ ยาว และมักเป็นทรงสูง มาจิยะใน เกียวโต จำนวนมากค่อยๆ หายไปตลอดช่วงเวลาหลายร้อยปีที่ผ่านมา แต่ก็ยังมีอีกหลายหลังที่อยู่รอดและใช้เป็นที่พักอาศัยส่วนตัวเสมอมา นักท่องเที่ยวที่สนใจอยากสัมผัสวัฒนธรรมแบบคลุกวงในจะได้พบกับบ้านโบราณใน เกียวโต ซึ่งเปิดเป็นที่พักผ่อนสำหรับวันหยุดมากมาย ทาวน์เฮ้าน์เหล่านี้เป็นสถาปัตยกรรมไม้สุดคลาสสิก พื้นปูด้วยเสื่อตาตามิของแท้ เช่นเดียวกับประตูโชจิ หลายแห่งมีสวนหลังบ้านเปิดโล่งและสวนหินด้วย แม้องค์ประกอบของบ้านจะเป็นแบบโบราณ แต่บ้านพักวันหยุดเหล่านี้ไม่ได้ล้าสมัย นักท่องเที่ยวมั่นใจได้ว่าจะได้พักผ่อนอย่างสุขสบายโดยมีสิ่งอำนวยความสะดวกทันสมัยครบครัน บ้านโบราณหลายหลังใน เกียวโต มี Wi-Fi แบบพกพา ซึ่งผู้เข้าพักสามารถนำติดตัวไปใช้ระหว่างเที่ยวสำรวจเมืองได้ด้วย Nearby Toufuji! Toufukuji sta. walk 9mins only! ที่พัก 2 ห้องนอนใกล้กับสถานีรถไฟ Tofukuji Station แห่งนี้มีที่ให้ผู้เข้าพักนอนได้ถึง 7 คน พร้อมด้วยครัวอุปกรณ์พร้อมสรรพ เหมาะกับนักเดินทางที่มากันทั้งครอบครัว บ้านพักตากอากาศอยู่ห่างจากสถานีรถไฟ Tofukuji Station เพียงเดินไม่ถึง 10 นาที เป็นที่พักสุดสะดวกสำหรับคนที่อยากเที่ยว เกียวโต ให้ถ้วนทั่ว อย่างหอคอย Kyoto Tower ก็อยู่ห่างไปไม่ถึง 2 กิโลเมตร ไม่ต้องขึ้นรถไฟก็ได้เยี่ยมชมที่เที่ยวที่ดังที่สุดแห่งหนึ่งในย่านนี้แล้ว เข้าพักที่ Nearby Toufuji! Toufukuji sta. walk 9mins only!, แล้วออกไปเที่ยว หอคอย Kyoto Tower ค้นหาโรงแรม ที่พัก อพาร์ตเมนต์ ราคาดีที่สุดในเกียวโต Toki Kyoto 1a★10min Kyoto sta!New design house! สตูดิโอ 2 ชั้นสุดทันสมัยกลางเกียวโต ผสมผสานความงามแบบโบราณกับความหรูหราทันสมัยไว้ด้วยกันอย่างลงตัว มาจิยะแห่งนี้มีเตียงคู่ 2 เตียงบนที่นอนยกพื้นสไตล์ญี่ปุ่น ผู้ใหญ่ 4 คนนอนได้สบายๆ แถมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกเลอค่าอย่างอ่างแช่ตัวและฝักบัวเรนชาวเวอร์ สวนภายในบ้านเปิดช่องให้แสงสว่างส่องถึง สร้างบรรยากาศสุขสงบให้กับพื้นที่นั่งเล่น บ้านพักวันหยุดสุดโอ่โถงแห่งนี้ตั้งอยู่ใจกลาง เกียวโต เดินไปไม่ไกลก็ถึงสถานีรถไฟและที่เที่ยวชื่อดังของเมืองอย่างเช่น ศาลเจ้าเทพเจ้าจิ้งจอกอินาริ (Fushimi Inari Shrine) เข้าพักที่ Toki Kyoto 1a★10min Kyoto sta!New design house!, แล้วอกไปเที่ยว ศาลเจ้าเทพเจ้าจิ้งจอกอินาริ ค้นหาโรงแรม ที่พัก อพาร์ตเมนต์ ราคาดีที่สุดในเกียวโต Toki Kyoto 2b ★10min Kyoto sta!New design house! ที่พักหนึ่งห้องนอนสุดแจ่ม...
อ่านเพิ่มเติม
เที่ยวย่านประวัติศาสตร์ ฮิกาชิยาม่า | ที่เที่ยวห้ามพลาดสำหรับทริปเกียวโต
ย่านฮิกาชิยาม่า (Higashiyama District) หรือจังหวัดฮิกาชิยาม่า (Higashiyama-ku) คือย่านอนุรักษ์เมืองเก่าที่สวยงามและยังคงภาพของ ญี่ปุ่น ในยุคระบบศักดินาไว้ได้อย่างสมบูรณ์ ย่านประวัติศาสตร์นี้เต็มไปด้วยบ้านเรือนและร้านรวงสไตล์ดั้งเดิม มีทั้งร้านชา ร้านภาชนะดินเผา รวมถึงร้านอาหาร วัดกับศาลเจ้าโบราณ และอื่นๆ อีกเพียบ แม้หลายคนจะแวะมาที่ฮิกาชิยามะในช่วงฤดูใบไม้ผลิที่ดอกซากุระบานสะพรั่ง แต่เมืองนี้ก็ถือว่าเหมาะมากๆ สำหรับคนที่รักการเที่ยวชมวัฒนธรรม และดูวิถีชีวิตในยุคศักดินาของ ญี่ปุ่น ด้วย ที่นี่ตั้งอยู่บริเวณพื้นที่ลาดต่ำของฮิกาชิยามะใน เกียวโต หรือภูเขาทางตะวันออก ถือเป็นจุดหมายปลายทางชั้นยอดสำหรับคนที่อยากซึมซับประวัติศาสตร์เลยนะ ทำความรู้จักย่านประวัติศาสตร์ "ฮิกาชิยาม่า" ย่านฮิกาชิยามะ มีบ้านโบราณสวยๆ อยู่เต็มไปหมด เป็นทั้งแหล่งวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ และศูนย์กลางการท่องเที่ยวของ เกียวโต ย่านสำคัญนี้เป็นที่นิยมของทั้งนักท่องเที่ยวและคนท้องถิ่น เพราะไม่เพียงแต่จะสวยบาดใจ แต่ยังเป็นที่ตั้งของวัดและศาลเจ้าที่โด่งดังอีกหลายแห่ง แล้วก็ยังมีร้านอาหารพื้นเมืองดีๆ กับสวนสาธารณะแจ่มๆ อีกด้วย บางคนใช้เวลาเที่ยวที่นี่ไม่กี่ชั่วโมง แต่สำหรับนักท่องเที่ยวสายละเมียดคงอยากอยู่ย่านนี้ทั้งวัน เพื่อค่อยๆ สำรวจถนนหนทางและร้านค้า พร้อมกับชิมของอร่อยไปด้วย หรือลิ้มรสอาหารมื้อค่ำแบบไคเซกิ (Kaiseki) ซึ่งเป็นคอร์สอาหารญี่ปุ่นขนานแท้ที่ปรุงและเสิร์ฟอย่างประณีตสุดๆ วัดและเทศกาลต่างๆ: ย่านนี้มีศาลเจ้าและวัดดังๆ อยู่หลายแห่ง ใครที่อยากสัมผัสวัฒนธรรมและลัทธิความเชื่อของชาวญี่ปุ่นต้องหลงรักการมาเดินเล่นที่นี่ชัวร์ ถ้าอยากได้ทริปที่พิเศษสักหน่อย ต้องมาที่ ย่านฮิกาชิยาม่า ในช่วงเทศกาลฮานาโตโระ (Hanatoro) ซึ่งจัดช่วงกลางเดือนมีนาคมที่ ย่านฮิกาชิยามะ และช่วงกลางเดือนธันวาคมที่ย่านอาราชิยามะ (Arashiyama) คำว่าฮานาโตโระแปลว่า “ถนนแห่งดอกไม้และแสงไฟ” ดังนั้น ในช่วงเทศกาล ถนนที่นี่ก็เลยสว่างสดใสไปด้วยโคมไฟ ที่สาดแสงลงบนตึกรามและวัดวาในย่านนี้ – เป็นช็อตถ่ายรูปที่เพอร์เฟคต์และเป็นภาพจำที่สวยสุดๆ ไปเลย!   บ้านโบราณและร้านกาแฟ: ใครอยากจะเข้าไปสัมผัสบ้านแบบมาชิยะ (Machiya - บ้านไม้แบบโบราณ) ขอให้มองหาร้านอาหารหรือร้านกาแฟกับชาเขียวในย่านนี้ แล้วเลือกสักร้านที่โดนใจ รับรองว่าจะได้ทั้งจิบเครื่องดื่ม และดูข้างในบ้านอันแสนมหัศจรรย์ไปพร้อมๆ กัน   ช้อปปิ้ง: ย่านฮิกาชิยาม่า คือแหล่งช้อปที่จัดว่าดีงามอีกแห่ง โดยเฉพาะสำหรับคนที่อยากเข้าใกล้ วัดคิโยมิสึ (Kiyomizu Temple) ให้มากขึ้น ร้านค้าที่นี่ขายของกระจุกกระจิกสุดจะน่ารัก แล้วก็ของสไตล์ญี่ปุ่นที่เป็นของขวัญหรือของที่ระลึกได้อย่างดี ยังไม่หมดเท่านั้น ย่านนี้ยังมีร้านขายของหรูหราที่มีทั้งของทำมือและงานอาร์ตที่สวยจนโลกตะลึง สำหรับขาช้อปใครที่พกเงินมาเพื่อช้อปให้กระจุยกระจาย ร้านค้าแถบนี้แหละคือคำตอบ   ถ่ายรูปเช็กอิน: ใครก็ตามที่ชอบถ่ายรูปมุมกว้าง แนะนำให้มาย่านนี้ตอนค่ำ รับรองว่าจะได้รูปที่สวยขาดใจ เพราะไม่เพียงจะได้ความสวยของแสงไฟวิบวับยามค่ำคืนเท่านั้น แต่ช่วงเวลาดังกล่าว ไม่ค่อยมีคนด้วย เพราะฉะนั้นทุกคนจะได้รูปเจ๋งๆ แบบไม่ยากเย็นเลย แต่ถ้าชอบถ่ายรูปร้านค้า ไม่ว่าจะภายในหรือภายนอกก็ตาม มองให้ชัวร์ก่อนนะว่าไม่มีป้าย "ห้ามถ่ายรูป" แต่ถ้าเห็นป้ายนี้เมื่อไหร่ ก็ขอให้เชื่อป้ายกันสักนิดว่าไม่ควรถ่ายรูปในบริเวณนั้น ถ้าจะให้ดีควรขออนุญาตเจ้าของร้านก่อนถ่ายรูป ไม่ว่าร้านนั้นจะมีหรือไม่มีป้ายห้ามถ่ายรูปก็ตาม ฉะนั้นอย่าลืมคุยกับเจ้าของร้านก่อนถ่ายรูปในร้านทุกครั้งนะ เข้าพักที่ The Royal Park Hotel Kyoto Sanjo แล้วออกไปเที่ยว วัดคิโยมิสึ ค้นหาโรงแรม ที่พัก อพาร์ตเมนต์ ราคาดีที่สุดในเกียวโต ที่เที่ยวห้ามพลาดในย่านฮิกาชิยาม่า ที่นี่ไม่ค่อยจะเหมือนเมืองอื่นๆ นัก เพราะ ย่านฮิกาชิยาม่า มีความสวยงามแบบเฉพาะตัว ที่ทำให้นักท่องเที่ยวเห็นว่า เกียวโต ฉบับดั้งเดิมหน้าตาเป็นอย่างไร ย่านนี้มีสายไฟและเสาโทรศัพท์น้อยมาก แถมสถาปัตยกรรมต่างๆ ก็มีแบบฉบับของตัวเอง ทำให้ย่านนี้สวยเป็นพิเศษ และแม้จะเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยว แต่ที่นี่ก็ขึ้นชื่อว่ามีวัดสวยๆ เต็มไปหมด จึงมีคนท้องถิ่นแวะเวียนมาเยอะด้วยเช่นกัน และเพราะมีร้านค้าเก๋ๆ ร้านชา ร้านอาหาร ศาลเจ้า วัด...
อ่านเพิ่มเติม
โตเกียวทาวเวอร์ : ชมวิวมุมกว้างของเมืองใหญ่ที่สุดในโลก
หอคอยสื่อสารและหอสังเกตการณ์สีส้มสด ณ ใจกลางกรุง โตเกียว หรือ โตเกียวทาวเวอร์ (Tokyo Tower) นั้นติดอันดับที่เที่ยวยอดนิยมของญี่ปุ่นเสมอมา หอคอยนี้ไม่เพียงเป็นสิ่งก่อสร้างที่สูงที่สุดเป็นอันดับสองของประเทศ (รองจากตึก โตเกียวสกายทรี - Tokyo Skytree) แต่ยังตั้งอยู่ใจกลางเมือง โตเกียว แบบสุดๆ เลยด้วย หอคอยแห่งนี้ทำให้เราได้เห็นวิวขอบฟ้าโตเกียวแบบ 360 องศาแบบที่ไม่สามารถเห็นได้จากที่ไหน มาเที่ยวเมืองหลวงของญี่ปุ่นเมื่อไหร่ ไม่ควรพลาดไปเยือนแลนด์มาร์กชื่อดังแห่งนี้ หน้าที่ของโตเกียวทาวเวอร์ แม้ โตเกียวทาวเวอร์ จะเป็นชื่อติดปากที่คนใช้เรียกแลนด์มาร์กสัญชาติญี่ปุ่นแห่งนี้ แต่ชื่ออย่างเป็นทางการของหอคอยคือนิปปอน เดนปาโตะ (Nippon Denpato) ซึ่งแปลว่า “หอส่งสัญญาณวิทยุญี่ปุ่น” หอคอยแห่งนี้สร้างเสร็จในปีค.ศ. 1958 มีนักท่องเที่ยวกว่า 150 ล้านคนไปเยือนนับจากนั้น แม้รายได้หลักของโตเกียวทาวเวอร์มาจากการท่องเที่ยว แต่หอคอยแห่งนี้ยังเป็นหอส่งสัญญาณโทรทัศน์ไปยังเครื่องรับสัญญาณทั้งหลายด้วย เสาอากาศปล่อยคลื่นโทรทัศน์ไปยังสถานีโทรทัศน์ญี่ปุ่นหลายช่อง อย่างเช่น Fuji TV, NHK และ TBS โครงสร้างที่เป็นช่องตาข่ายของ โตเกียวทาวเวอร์ ซึ่งเป็นฐานยึดเสาเอากาศนั้นอาจดูคุ้นๆ เหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน ซึ่งก็ใช่เลย เพราะอันที่จริงแล้วโตเกียวทาวเวอร์ได้รับแรงบันดาลใจมาจากหอไอเฟลของกรุงปารีส แต่หอไอเฟลทำด้วยเหล็กดัด ส่วนวัสดุโครงสร้างหลักของ โตเกียวทาวเวอร์ นั้นเป็นเหล็กกล้า นอกจากนี้ โตเกียวทาวเวอร์ ยังต่างจากหอไอเฟลที่เป็นสีบรอนซ์ แต่โตเกียวทาวเวอร์ทาด้วยสีขาวและสีที่เรียกกันว่า “สีส้มสากล” ซึ่งเป็นสีส้มออกแดงที่ใช้ในอุตสาหกรรมการบิน หอคอยจำเป็นต้องใช้สีเหล่านี้ตามกฎระเบียบว่าด้วยความปลอดภัยทางอากาศ จะมีการทาสีหอคอยใหม่ทุกๆ 5 ปี และเนื่องจากความสูงของหอคอย การทาสีจึงใช้เวลาถึง 1 ปีเต็มกว่าจะแล้วเสร็จ ความสูง จำนวนชั้น และวิวของโตเกียวทาวเวอร์ ด้วยความที่ โตเกียวทาวเวอร์ เป็นหนึ่งในสองหอคอยที่สูงที่สุดของญี่ปุ่น ที่นี่จึงเป็นจุดชมวิว โตเกียว มุมกว้างที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองด้วย โตเกียวทาวเวอร์ตั้งอยู่ในย่าน ชิบะโคเอ็น (Shibakoen) ในเขต มินาโตะ (Minato) หอคอยมีสองชั้นแยกกัน คือชั้นล่างและชั้นบน ซึ่งเราจะได้เห็นวิวสุดแจ่มจากตรงนี้ ชั้นที่อยู่ต่ำกว่ามีความสูง 150 เมตรนั้นเรียกว่า Main Deck หรือจุดชมวิวหลัก เหนือจากนั้นขึ้นไป 91 เมตร ที่ความสูง 250 เมตรก็คือ Top Deck ซึ่งมีขนาดเล็กกว่า การจะเข้าถึง Main Deck ของ โตเกียวทาวเวอร์ นั้นต้องขึ้นบันไดถึง 600 ขั้น แต่ไม่ต้องห่วง ที่นี่มีลิฟต์ให้ขึ้นได้นะ ที่จุดชมวิวหลักมีทั้งร้านขายของที่ระลึกและคาเฟ่ นอกจากนี้ยังมีพื้นกระจกให้เรามองลงไปที่พื้นด้านล่างได้ถ้าใจกล้าพอ หากจะไป Top Deck ต้องขึ้นลิฟท์แก้ว ขึ้นไปแล้วจะมองเห็นวิวมุมสูงเป็นตึกรามบ้านช่องที่ล้อมรอบหอคอย แม้คนที่ Main Deck จะน้อยกว่าที่ Top Deck มาก แต่วิวตรงนี้สวยงามน่าทึ่งไม่แพ้กัน หากมีเวลาน้อยหรือว่าอยากประหยัดเงินหน่อย ขึ้นไปแค่ Main Deck ก็ถือว่าได้ประสบการณ์สนุกสนานเร้าใจจาก โตเกียวทาวเวอร์ แล้ว ที่ โตเกียวทาวเวอร์ นักท่องเที่ยวจะได้ชมวิวอันเป็นเอกลักษณ์ของโตเกียวอย่างแท้จริง และจะมองเห็นทัศนียภาพสวยงามจับใจของย่านต่างๆ ใน โตเกียว ได้ทั้งหมด แต่ถ้าเพ่งมองไปทางเขต ชินจูกุ (Shinjuku) ให้ดี จะมองเห็นตึกสูงระฟ้าตั้งโดดเด่นของ รปปงงิฮิลส์...
อ่านเพิ่มเติม
พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำไคยูกังโอซาก้า (Osaka Aquarium Kaiyukan) : ข้อมูลพิพิธภัณฑ์ พร้อมเวลาเปิด-ปิดและค่าตั๋ว
พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำไคยูกังโอซาก้า (Osaka Aquarium Kaiyukan) จัดแสดงสัตว์ทะเลได้อย่างตื่นตาตื่นใจ ผู้เข้าชมจะได้พบสัตว์น้ำนานาชนิดของย่านมหาสมุทรแปซิฟิกกว่า 30,000 ตัวภายในโซนและแทงก์น้ำซึ่งล้วนมีชีวิตชีวาน่าชม เราจะได้เห็นโลมา สิงโตทะเล นาก หรือแม้กระทั่งฉลามวาฬในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมที่สุดแห่งหนึ่งของโอซาก้า นิทรรศการถาวรในพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำไคยูกัง Fish Underpass – Aqua Gate : เริ่มต้นดำดิ่งสู่ทะเลลึกที่ Aqua Gate หรืออุโมงค์ปลาซึ่งเป็นทางเดินใต้น้ำสุดอลังการของอะควาเรียม Japan Forest : ป่าญี่ปุ่นคือส่วนจัดแสดงเหนือน้ำซึ่งจำลองป่าญี่ปุ่นเอาไว้ ภายในมีสัตว์ต่างๆ ที่อาศัยอยู่ใกล้แม่น้ำและบนท้องน้ำ Aleutian Islands : เที่ยวชมหมู่เกาะอะลูเชียนอันเหน็บหนาวและโหดร้ายซึ่งสัตว์ที่อยู่อาศัยได้มีเพียงปลาและนกสายพันธุ์พิเศษ อย่างเช่น นกพัฟฟินคิ้วยาว Monterey Bay : ชมสิงโตทะเลและแมวน้ำซึ่งอาศัยอยู่บนหน้าผาตามแนวชายหาดเมืองมอนเทอเรย์เบย์ของแคลิฟอร์เนีย Gulf of Panama : ชมปลาและสัตว์ทะเลเขตร้อนซึ่งเคยอยู่อย่างชุกชุมในปานามา Ecuador Rain Forest : พื้นที่ลุ่มน้ำของโซนนี้มีพืชและสัตว์หลากสายพันธุ์ที่อาศัยอยู่บริเวณเส้นศูนย์สูตรในป่าฝนของทวีปอเมริกาใต้ Antarctica : ฝ่าความหนาวเข้ามาชมเพนกวินวิ่งเล่นดุ๊กดิ๊กบนหน้าผาน้ำแข็ง ก่อนจะไถลตัวลงมาในน้ำทะเลธรรมชาติที่เย็นยะเยือก Tasman Sea : ทำความรู้จักอุณหภูมิที่แตกต่างสุดขั้วของน้ำทะเลในทะเลแทสมัน ชมปลาโลมาคาดขาวซึ่งอาศัยอยู่ตามแนวชายฝั่งของประเทศนิวซีแลนด์ Great Barrier Reef : ชมปลาน้อยใหญ่สีสันสดใสหลายร้อยชนิดซึ่งอาศัยอยู่ใกล้กับแนวปะการังเกรตแบร์ริเออร์รีฟที่ออสเตรเลีย Pacific Ocean : ว่ากันว่าโซนทะเลแปซิฟิกนี้ป็อบปูลาร์ที่สุดแล้ว เพราะมีฉลามวาฬขนาดยักษ์และสัตว์โลกใต้ทะเลมากมาย Seto Inland Sea : ทะเลเซโตะใน แบ่งแยกเกาะสามในสี่ของญี่ปุ่นออกจากกัน โซนนี้มีสัตว์ทะเลพันธุ์พื้นเมืองและปลาที่มาตามกระแสน้ำจากพื้นที่ใกล้เคียง บัตรเข้าชมพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำไคยูกังโอซาก้า ผู้ใหญ่ (อายุตั้งแต่ 16 ปีขึ้นไป): 1,600 เยน ผู้ใหญ่ (อายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป): 2,000 เยน เด็ก (อายุ 7 - 15 ปี): 1,200 เยน เด็ก (อายุ 4 - 6 ปี): 600 yen เด็ก (อายุไม่เกิน 3 ปี): ฟรี มีส่วนลดค่าเข้าชมสำหรับนักท่องเที่ยวที่มาเป็นกลุ่มจำนวน 15 คนขึ้นไป และชาวญี่ปุ่นที่มาเป็นกลุ่มจำนวน 20 คนขึ้นไป ตั๋ว Osaka Kaiyu Ticket ใช้เข้าชมพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ และใช้เป็นตั๋วโดยสารรถไฟใต้ดินกับรถบัสของโอซาก้าได้ 1 วันโดยไม่จำกัดเที่ยว สามารถหาซื้อตั๋วได้ที่สถานีรถไฟทุกแห่ง นอกจากนี้ยังใช้เป็นส่วนลดค่าเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ของโอซาก้าได้ด้วย เช่น ชิงช้าสวรรค์เท็มโปซาน (Tempozan Ferris Wheel) และ พิพิธภัณฑ์ปราสาทโอซาก้า (Osaka Castle Museum) เวลาทำการ 10:00 น. - 20:00 น. ทุกวัน พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำเปิดให้บริการก่อนเวลาในช่วงเวลาที่แตกต่างกันตามฤดูกาลตลอดปี แผนที่พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำไคยูกังโอซาก้า การเดินทางไปพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำไคยูกังโอซาก้า พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำไคยูกังโอซาก้าตั้งอยู่ติดกับสถานีรถไฟ Osakako Station สาย...
อ่านเพิ่มเติม
โตเกียวดิสนีย์แลนด์ (Tokyo Disneyland) : พาเที่ยวดินแดนมหัศจรรย์ที่โตเกียวดิสนีย์รีสอร์ต
โตเกียวดิสนีย์แลนด์ ใน จังหวัดชิบะ ได้รับแรงบันดาลใจมาจากดิสนีย์แลนด์แห่งแรกที่แคลิฟอร์เนียกับ Magic Kingdom ที่ฟลอริดา โดยอยู่ติดกับ โตเกียว เลย ที่นี่คือสวนสนุกระดับโลกที่มีมนต์ขลังเฉพาะตัวที่อยู่เหนือกาลเวลา เป็นสถานที่ที่ไม่ว่านักท่องเที่ยววัยเด็กหรือผู้ใหญ่ก็ต้องตกหลุมรัก ย้อนกลับไปปีค.ศ.1983 นี่คือสวนสนุกของดิสนีย์แห่งแรกที่สร้างขึ้นนอกสหรัฐอเมริกา โดยตั้งอยู่ใน โตเกียวดิสนีย์รีสอร์ต (Tokyo Disney Resort) ที่เดียวกับ Tokyo DisneySea ใครที่วางแผนว่าจะไปเที่ยวโตเกียวดิสนีย์แลนด์อยู่ละก็ เรารวมทุกสิ่งที่ต้องรู้ก่อนเดินทางเข้าสู่โลกแห่งเวทมนตร์มาให้แล้ว โตเกียวดิสนีย์แลนด์ : สัมผัสดินแดนแห่งเวทมนตร์ในโตเกียว Tokyo Disney Resort คือหนึ่งในดิสนีย์รีสอร์ตที่ประสบความสำเร็จสูงสุดและทำกำไรได้มากสุดด้วย โตเกียวดิสนีย์แลนด์ก็เลยกลายเป็นหนึ่งในสวนสนุกที่ได้รับความนิยมสูงที่สุดในโลกเช่นกัน สวนสนุกขนาด 115 เอเคอร์แห่งนี้สร้างโดยบริษัท WED Enterprises ซึ่ง Walt Disney ไม่ได้เป็นเจ้าของ แต่เป็นของบริษัท The Oriental Land ที่บริหารสวนสนุกแห่งนี้ โตเกียวดิสนีย์แลนด์กับ Tokyo DisneySea คือสวนสนุกดิสนีย์เพียงสองแห่งที่ดิสนีย์ไม่ได้เป็นเจ้าของ แต่ The Walt Disney Company เป็นผู้ควบคุมดูแลงานสร้างสรรค์ทั้งหมดของที่นี่ ตอนที่แผนการสร้างโตเกียวดิสนีย์แลนด์เริ่มขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1979 สถาปนิกและวิศวกรผู้ดูแลโครงการถึงขั้นต้องไปเยี่ยมชมดิสนีย์แลนด์ที่ Anaheim เพื่อเตรียมการก่อสร้าง จึงทำให้ที่นี่มีความคล้ายคลึงกับ Magic Kingdom แห่งแรกมากๆ และหากใครเคยไปดิสนีย์แลนด์ที่ Anaheim ก็จะรู้สึกคุ้นเคยมากทีเดียว แต่อย่าคิดว่านี่เป็นการลอกเลียนแบบนะ โตเกียวดิสนีย์แลนด์กลายเป็นสวนสนุกที่มีชื่อเสียงระดับโลกได้เอง ทั้งในแง่ของการออกแบบ พื้นที่ต่างๆ และการรองรับผู้คนจำนวนมากได้อย่างสบาย ที่นี่ทั้งสะอาดและได้รับการดูแลอย่างดี แถมยังมีแคสต์ (Cast – ดิสนีย์แลนด์เรียกพนักงานทุกคนว่าแคสต์) ที่พร้อมให้การต้อนรับทุกคนตามแบบฉบับของญี่ปุ่น ที่คนทั่วโลกติดใจ โตเกียวดิสนีย์แลนด์แบ่งออกเป็น 7 โซน ที่มีความสนุกรอทุกคนอยู่แบบไม่ซ้ำกันเลย โซนต่างๆ ในโตเกียวดิสนีย์แลนด์ World Bazaar : เดินทางเข้าสู่ถนนที่ตกแต่งสไตล์อเมริกันยุค 1950 ตรง World Bazaar นี้มีหลังคากระจกสไตล์วิกตอเรีย แถมยังเป็นศูนย์รวมร้านค้าและร้านอาหารของสวนสนุกแห่งนี้เลยด้วย Adventureland : ใครได้มา Adventureland จะรู้สึกเหมือนได้ออกสำรวจป่าที่แสนจะโลดโผนโจนทะยาน แถมยังให้ความรู้สึกแบบฮาวายๆ มากกว่าสวนสนุกดิสนีย์ที่อื่นอีกด้วย Westernland : นี่คือ Frontierland ของโตเกียวดิสนีย์แลนด์ Westernland จะพาทุกคนเข้าสู่อเมริกันตะวันตกรุ่นเก่า สมัยศตวรรษที่ 19 ซึ่งมาพร้อม Rivers of America ด้วย Tomorrowland : โตเกียวดิสนีย์แลนด์มี Tomorrowland ที่เป็นดินแดนอวกาศและไซไฟ มีโซนกิจกรรมที่มาจากภาพยนตร์หลายเรื่อง Fantasyland : น่าจะเป็นโซนที่มหัศจรรย์และมีเวทมนตร์เยอะสุดแล้ว Fantasyland อยู่ในโซนปราสาท โตเกียวดิสนีย์แลนด์มีเครื่องเล่นเบาๆ ที่เหมาะกับเด็กอยู่หลายชนิด Critter Country : โซนนี้สร้างมาเพื่อ Splash Mountain โดยเฉพาะ ถึง Critter Country จะเล็ก แต่เป็นโซนที่ได้รับความนิยมสูงมาก ก็เพราะว่ามีธีมที่แสนจะน่ารักนี่แหละ Mickey's Toontown : บ้านของมิคกี้และผองเพื่อน ใครได้ไป Mickey’s Toontown...
อ่านเพิ่มเติม
เที่ยวโตเกียว : 10 ที่เที่ยวในโตเกียวที่ต้องลองไปสักครั้ง
โตเกียว ได้ชื่อว่าเป็นเมืองท่องเที่ยวชั้นยอดที่มีกิจกรรมให้ทำมากมาย ไม่ว่าเราจะอยู่ในย่านช้อปปิ้งสุดคึกคักอย่าง ชิบูย่า (Shibuya) หรือย่านประวัติศาสตร์ อาซากุสะ (Asakusa) ก็ตาม สถานที่เที่ยวสุดฮ็อตนั้นมีอยู่ทั่วเมือง อย่างเช่น สวนสาธารณะอุเอโนะ (Ueno Park) ที่มีต้นซากุระเรียงราย หรือ ประตูคามินาริ (Kaminarimon Gate) ที่ วัดเซนโซจิ (Sensoji Temple) และต่อไปนี้คือที่เที่ยวใน โตเกียว 10 แห่งที่ไม่ควรพลาด 1. สวนอุเอโนะ (Ueno Park) สวนอุเอโนะ ในใจกลาง กรุงโตเกียว เป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่ชาวญี่ปุ่นและนักท่องเที่ยวนิยมเดินทางมาเที่ยวชม สถานที่น่าสนใจภายในสวนนั้นมีมากมาย ทั้งพิพิธภัณฑ์ วัด ศาลเจ้า และธรรมชาติอันงดงาม บริเวณสวนนั้นความจริงแล้วเคยเป็นส่วนหนึ่งของ วัดคันเอจิ (Kaneiji Temple) ที่ยิ่งใหญ่อลังการ สวนอุเนโนะ เปิดให้เข้าชมเมื่อปี 1873 ปัจจุบันดึงดูดนักท่องเที่ยวกว่า 10 ล้านคนต่อปี ที่นี่เป็นจุดชมซากุระที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของ โตเกียว ในยามที่ซากุระบานตอนปลายเดือนเมษายนถึงต้นพฤษภาคมของทุกปี ภายในสวนมีซากุระกว่า 1,000 ต้นเรียงรายตามเส้นทางเดิน ธรรมชาติที่งดงามน่าทึ่งอีกอย่างหนึ่งของ สวนอุเอโนะ ก็คือ สระชิโนบาสุ (Shinobazu Pond) ซึ่งเป็นสระน้ำขนาดใหญ่ทางมุมด้านตะวันตกเฉียงใต้ของสวน นักท่องเที่ยวสามารถเช่าเรือพายเล่นได้ ที่ สวนอุเอโนะ มีศาลเจ้าและวัดสวยงามราวกับภาพวาดมากมาย เช่น วัดคันเอจิ วัดคิโยมิสึแคนนอน (Kiyomizu Kannon Temple) และ ศาลเจ้าโทโชกุ (Toshogu Shrine) สวนนี้ยังเป็นที่ตั้งของ สวนสัตว์อุเอโนะ พิพิธภัณฑ์หลวงอุเอโนะ (Ueno Royal Museum) พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติโตเกียว (Tokyo National Museum) พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติและวิทยาศาสตร์แห่งชาติ (National Museum of Nature and Science) พิพิธภัณฑ์ศิลปะมหานครโตเกียว (Tokyo Metropolitan Art Museum) และ พิพิธภัณฑ์ศิลปะตะวันตกแห่งชาติ (National Museum of Western Art) สวนอุเอโนะ เปิด 24 ชั่วโมงทุกวันตลอดทั้งปี แม้ว่าสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ภายในสวนอาจมีเวลาเปิดทำการแตกต่างกันไป หลายแห่งปิดวันจันทร์ ดังนั้นควรตรวจสอบเวลาเปิด-ปิดล่วงหน้า วิธีขึ้นรถไฟไป สวนอุเอโนะ อย่างเร็วที่สุดคือขึ้นไปลงสถานี Ueno Station และออกที่ทางออก Ueno Park Exit เข้าพักที่ Mitsui Garden Hotel Ueno แล้วออกไปเที่ยว สวนอุเอโนะ (Ueno Park) ค้นหาที่พักราคาดีที่สุดใกล้สถานี Ueno Station ได้เวลาวางแผนจัดทริป!ค้นหาดีลสุดคุ้ม สำหรับจองโรงแรมและที่พักส่วนตัวได้เลยค้นหาที่พัก 2. พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติโตเกียว (Tokyo National Museum) ถ้าจะเลือกเข้าพิพิธภัณฑ์สักแห่งใน สวนอุเอโนะ ขอแนะนำให้ไป พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติโตเกียว ใน โตเกียว พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติโตเกียว...
อ่านเพิ่มเติม
แนะนำทริปเที่ยวแบบไปเช้าเย็นกลับจากโตเกียว | 8 สถานที่สําหรับการพักผ่อนซึ่งโดยทางด้วยรถไฟความเร็วสูง
เครือข่ายรถไฟความเร็วสูงของโตเกียวช่วยให้การหลีกหนีจากเมืองสักหนึ่งวันและออกสำรวจจุดหมายปลายทางอันน่าดึงดูดใจมากมายเป็นไปได้อย่างง่ายดาย ไม่ว่าคุณจะกำลังมองหาสถานที่ทางประวัติศาสตร์ ทัศนียภาพชายฝั่งทะเล บ่อน้ำพุร้อนอันผ่อนคลาย หรือสัมผัสกับรสชาติของญี่ปุ่นโบราณ ก็มีทริปท่องเที่ยวแบบไปเช้าเย็นกลับอันสมบูรณ์แบบอยู่ห่างออกไปเพียงระยะทางสั้นๆ ในคู่มือนี้ เราจะสำรวจสถานที่ท่องเที่ยวน่าทึ่ง 8 แห่งจากโตเกียว ซึ่งสามารถเดินทางได้ด้วยรถไฟชินคันเซ็นหรือบริการรถไฟด่วนอื่นๆ โยโกฮาม่าเต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวที่ทันสมัยและเสน่ห์ของริมน้ำ ในขณะที่เมืองคาวาซากิที่อยู่ใกล้เคียงก็ผสมผสานวัฒนธรรมและอุตสาหกรรมเข้ากับพิพิธภัณฑ์และวัดที่ไม่ซ้ำใคร เมืองคามาคุระมีพระพุทธรูปองค์ใหญ่และวัดอันเงียบสงบ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้รักประวัติศาสตร์ เช่นเดียวกับเมืองนิกโกะซึ่งเป็นที่ตั้งของศาลเจ้าโทโชกุที่งดงามและทิวทัศน์ธรรมชาติที่สวยงามตระการตา หากชอบชายฝั่งทะเล บรรยากาศของเกาะเอโนชิมะและทัศนียภาพมหาสมุทรอันกว้างไกลจะช่วยเพิ่มความผ่อนคลายจากการใช้ชีวิตในเมือง ในขณะเดียวกัน โอดาวาระและฮาโกเนะเป็นประตูสู่ปราสาทแบบดั้งเดิม ทั้งยังมีทะเลสาบที่สวยงาม และบ่อน้ำพุร้อนที่ผ่อนคลาย ในขณะที่ฮาโกเนะก็มอบทิวทัศน์อันสวยงามของภูเขาไฟฟูจิอีกด้วย ที่สุดท้ายคือ คาวาโกเอะ ซึ่งรู้จักกันในชื่อ “ลิตเติ้ลเอโดะ” ถนนประวัติศาสตร์ที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดีและขนมหวานแบบดั้งเดิมของที่นี่จะพาผู้มาเยือนย้อนเวลากลับไปสู่อดีต จุดหมายปลายทางแต่ละแห่งเหล่านี้ล้วนมีสิ่งพิเศษบางอย่าง ไม่ว่าจะเป็นมรดกทางวัฒนธรรม ธรรมชาติ หรือการพักผ่อนหย่อนใจ อ่านคู่มือของเราเพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับจุดหมายปลายทางน่าไปเที่ยวชมจากโตเกียวโตเกียวแบบไปเช้าเย็นกลับและวิธีที่จะทำให้การเดินทางคุ้มค่าที่สุด เคล็ดลับเพิ่มเติม: การเดินทางด้วยรถไฟญี่ปุ่นหรือ Japan Rail (JR) โดยใช้บัตร JR Pass คือวิธีคลาสสิกที่สะดวกที่สุดแล้วสำหรับทริปเที่ยว 1 วันแบบไปเช้าเย็นกลับใกล้โตเกียว บัตรโดยสารประเภทนี้เป็นบริการสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ใช้บริการของการรถไฟญี่ปุ่น โดยใช้ได้ทุกเส้นทางหลักของระบบ JR 1. โยโกฮาม่า - ตะลุยเมืองที่ใหญ่อันดับสองของญี่ปุ่น นี่คือหนึ่งในทริปสั้นๆ จาก โตเกียว ที่สะดวกและรวดเร็วที่สุดก็ว่าได้ โยโกฮาม่า คือเมืองที่จะทำให้ทุกคนได้สำรวจทัศนียภาพในเมืองที่ต่างออกไป และยังเป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสองของญี่ปุ่นด้วย โยโกฮาม่าเป็นเมืองหลักของจังหวัดคานางาวะ (Kanagawa) ตั้งอยู่บนอ่าวโตเกียว ทางทิศใต้ของโตเกียว เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจการค้าและมีประชากรอยู่เกือบสี่ล้านคนเลยทีเดียว แล้วโยโกฮาม่าก็เหมือนโตเกียวตรงที่มีที่เที่ยวหลากหลายมาก ทั้งสวน พิพิธภัณฑ์ แหล่งช้อปปิ้ง ย่านประวัติศาสตร์ แถมที่ Cup Noodle Meseum ยังมีราเม็นกับบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปทุกรูปแบบ เมืองที่แสนจะมีชีวิตชีวานี้คือส่วมผสมระหว่างสเน่ห์ของเมืองเก่ากับนวัตกรรมใหม่ๆ เรียกได้ว่ามีอะไรต่อมิอะไรให้นักท่องเที่ยวทุกคนได้ฟินแน่นอน แนะนำทริปเที่ยวแบบไปเช้าเย็นกลับจากโตเกียว | สถานที่เที่ยวยอดนิยมในโยโกฮาม่า ไชน่าทาวน์โยโกฮาม่า: นี่คือไชน่าทาวน์ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย เพราะฉะนั้น ไชน่าทาวน์โยโกฮาม่าจึงควรค่าแก่เที่ยวอย่างแท้จริง ที่นี่เต็มไปด้วยร้านรวงต่างๆ ภัตตาคาร และร้านสตรีตฟู้ด มีของฝากทุกชนิดให้เลือกสรร รวมถึงข้าวของแบบจีนๆ ด้วย แถมยังหาซื้ออาหารมื้อเที่ยงหรือมื้อเย็นซึ่งราคาไม่แพงได้อีกต่างหาก เป็นการเติมพลังให้การตะลุยสำรวจเมือง พิพิธภัณฑ์ Cup Noodle Museum: ไม่ว่าตามปกติแล้วจะเป็นคนชอบกินบะหมี่ถ้วยหรือ Cup Noodle Museum ก็คือที่เที่ยวที่ดีและเหมาะกับทุกครอบครัว รวมทั้งนักท่องเที่ยวทุกวัยด้วย ข้อมูลการจัดแสดงที่ดูตื่นตามีสีสันน่าสนใจดึงดูดนักท่องเที่ยวให้ได้เรียนรู้เรื่องประวัติและวิวัฒนาการของบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป แถมยังเปิดให้เราได้ลองทำบะหมี่ถ้วยในแบบของตัวเองอีกต่างหาก ใครชอบแบบไหนก็ทำแบบนั้นเลย สวนยามาชิตะ (Yamashita Park): โยโกฮาม่าเป็นเมืองท่า ส่วนสวนยามาชิตะก็คือหนึ่งในจุดชมวิวมหาสมุทรที่ดีที่สุดประจำเมือง มานั่งมองเรือล่องผ่านไปมา หรือมาชมพระอาทิตย์ตกก็ยังได้ แถมยังเป็นจุดที่มองเห็น ท่าเรือ Osanbashi และ สะพานข้ามอ่าวโยโกฮาม่า (Yokohama Bay Bridge) ด้วย อีกไฮไลต์ของสวนแห่งนี้คือดอกกุหลาบ ซึ่งมีอยู่มากกว่า 400 ดอกเลยทีเดียว สวน Sankeien Garden: สวนสไตล์ญี่ปุ่นโบราณแท้ๆ Sankeien Garden คือสถานที่ที่เหมาะแก่การแวะมาชมและดื่มด่ำธรรมชาติในเมือง ถ้ามาที่นี่ช่วงฤดูใบไม้ผลิหรือฤดูใบไม้ร่วงก็จะได้เห็นดอกซากุระกันแบบเต็มๆ นอกจากนี้ในสวนยังมีสถาปัตยกรรมแบบญี่ปุ่นดั้งเดิมให้ดู ซึ่งกลมกลืนและลงตัวกับทัศนียภาพงามๆ ในสวน การเดินทางจากโตเกียวไปยังโยโกฮาม่า: วิธีการเดินทางมาโยโกฮาม่าก็มีให้เลือกหลายรูปแบบ วิธีที่เร็วที่สุดคือขึ้นรถไฟสายโตเกียวโตโยโกะ (Tokyo Toyoko) มายัง Yokohama Station จาก Shibuya Station ใช้เวลาเพียง 25 นาทีเท่านั้น นี่คือรถไฟที่อยู่ในการดูแลของ Tokyu...
อ่านเพิ่มเติม
เที่ยวนิเซโกะ | สกีรีสอร์ทขึ้นชื่อ และกิจกรรมท่องเที่ยวยอดฮิตในทุกฤดูกาล
เมือง นิเซโกะ ที่ตั้งอยู่ทางตะวันตกของเมือง ซัปโปโร บนเกาะฮอกไกโด ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองสกีรีสอร์ทยอดฮิตซึ่งตั้งอยู่บนภูเขานิเซโกะ-อันนูปูริ แต่รู้หรือไม่ว่ากิจกรรมท่องเที่ยวใน นิเซโกะ นั้นมีอะไรมากกว่าเนินหิมะ เมืองบนภูเขาแห่งนี้ยังตั้งอยู่ติดกับ ภูเขาโยเทอิ ซึ่งมักถูกเรียกว่า "ภูเขาฟูจิแห่งฮอกไกโด" และมีกิจกรรมกลางแจ้งทั้งหลายที่นักท่องเที่ยวสายผจญภัยจะต้องเลิฟแน่นอน ไป เที่ยวนิเซโกะ และสำรวจสถานที่เที่ยวทางธรรมชาติและกิจกรรมน่าสนใจต่างๆ ทั้งสกี เดินเขา ล่องแก่ง หรือจะไปแช่น้ำพุร้อนทางธรรมชาติเฉยๆ ก็ฟินได้ไม่แพ้กัน! เที่ยวนิเซโกะ | 1. เล่นสกี & สโนว์บอร์ด นิเซโกะ คือเมืองสกีรีสอร์ทที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น ที่นี่ขึ้นชื่อเรื่องหิมะคุณภาพดี และเป็นแหล่งรวมของรีสอร์ทต่างๆ หลายแห่งมีแพ็คเกจให้นักท่องเที่ยวสามารถไปแวะเที่ยวได้ในหลายๆ รีสอร์ท และลองเล่นสกีในบริเวณต่างๆ กันของภูเขา อีกทั้งยังต้อนรับทั้งนักสกีมือใหม่และแอดวานซ์ บางแห่งยังจัดการแข่งขันสกีนานาชาติด้วย [5 สกีรีสอร์ทยอดฮิตในนิเซโกะ] Grand Hirafu – สกีรีสอร์ทที่ใหญ่ที่สุดใน นิเซโกะ มีคลาสสอนเล่นสกี และมีบริเวณเนินเขาสำหรับนักเล่นสกีระดับแอดวานซ์ รีสอร์ทนี้ตั้งอยู่บนเนินเขาไม่ไกลจากเมืองฮิราฟุ เมืองที่ขึ้นชื่อเรื่องไนท์ไลฟ์อันคึกคัก อีกทั้งมีที่พักและร้านอาหารดีๆ มากมาย Niseko Village – ประกอบด้วยโรงแรมสองแห่ง รวมถึงร้านอาหาร บาร์ ร้านค้าต่างๆ ในบริเวณที่เรียกว่า The Village Niseko Annupuri Kokusai Ski Area – มักมีนักท่องเที่ยวน้อยกว่าที่ Grand Hirafu หรือ Niseko Village โดยที่นี่จะมีเนินเขาเหมาะสำหรับนักสกีมือใหม่หรือคนที่อยากเล่นสกีสบายๆ ใครที่ชอบบรรยากาศไม่พลุกพล่านควรหลบมาที่ Niseko Annupuri Kokusai Ski Area แห่งนี้ Hanazono Niseko Resort – มีกิจกรรมหน้าหนาวบริการแบบเต็มรูปแบบ รวมถึงทัวร์ Niseko Weiss CAT Tours ด้วย Niseko Moiwa Ski Resort – หนึ่งในสกีรีสอร์ทเล็กๆ นอกเส้นทางยอดฮิตใน นิเซโกะ รีสอร์ทนี้เป็นที่นิยมสำหรับมือใหม่ และนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบความสงบ เที่ยวนิเซโกะ | 2. แช่ออนเซ็น ไม่บอกก็รู้ว่าญี่ปุ่นนั้นเต็มไปด้วยบ่อน้ำพุร้อนมากมาย และ นิเซโกะ ก็คือสถานที่ที่เหมาะสุดๆ สำหรับการไปแช่ออนเซ็นผ่อนคลายในญี่ปุ่น การได้แช่น้ำอุ่นๆ หลังจากเล่นสกีมาทั้งวันคือวิธีที่ดีในการผ่อนคลายกล้ามเนื้ออันอ่อนล้า และเมื่อขึ้นชื่อว่าญี่ปุ่นแล้ว ก็มั่นใจได้เลยว่าออนเซ็นแต่ละแห่งนั้นได้คุณภาพและจะมอบประสบการณ์ผ่อนคลายที่ทุกคนลืมไม่ลงแน่นอน [ออนเซ็นยอดฮิตในนิเซโกะ] Yugokorotei – มีน้ำพุร้อนธรรมชาติใต้ผืนดินและมีบริเวณให้แช่น้ำกลางแจ้งด้วย Yukichichibu Onsen – เปิดตั้งแต่ปีค.ศ. 1966 และปรับปรุงในปีค.ศ. 2015 ออนเซ็นแห่งนี้มีบ่อกลางแจ้งมากกว่า 10 บ่อ และมีบ่อโคลนให้อาบในโซนผู้หญิงด้วย Hilton Niseko Village – ไปแช่น้ำร้อนชิลๆ ในสวนญี่ปุ่นใกล้ๆ กับบ่อปลา พร้อมชื่นชมวิว ภูเขาโยเทอิ ที่มองเห็นอยู่ไกลๆ Niseko Grand Hotel Hokkaido – ใครที่มากันแบบครอบครัว ที่นี่เหมาะมากเพราะมีบ่อให้แช่แบบรวมชายหญิง อีกทั้งมีบ่อแบบในร่มและมีน้ำพุร้อนที่ผสมแร่ธาตุช่วยเพิ่มความกระปรี้กระเปร่า Makkari Hot...
อ่านเพิ่มเติม
คู่มือเที่ยวโตเกียว 16 กิจกรรมน่าสนใจในอากิฮาบาระ
ย่านใจกลางโตเกียวอย่างอากิฮาบาระ (Akihabra) หรือที่คนเรียกกันสั้นๆ ว่าอากิบะ ถือเป็นแดนสวรรค์ของแฟนการ์ตูนทั้งมังงะและอะนิเมะเลยทีเดียว ที่นี่ นักท่องเที่ยวจะหมกตัวอยู่ในร้านหนังสือและการ์ตูนนับสิบร้าน, เล่นวิดีโอเกมทั้งวันทั้งคืน, สนุกกับการแต่งชุดคอสเพลย์ หรือจะเลือกช้อปปิ้งในร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้าหลายสิบร้านซึ่งตั้งอยู่บน ถนน Chuo Dori ซึ่งเป็นถนนเส้นหลักของย่านนี้ก็ได้ ถ้าไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นเที่ยวย่านนี้อย่างไร เรามี 16 กิจกรรมสนุกๆ ในอากิฮะบาระมาแนะนำ นอกเหนือจากร้านขายอนิเมะและมังงะชื่อดังแล้ว บริเวณนี้ยังเป็นที่ตั้งของร้านกาแฟตามธีม ศูนย์เกมที่สมจริง และห้องเกมหลายชั้นที่ให้คุณได้ลองเล่นทุกอย่างตั้งแต่เกมคลาสสิกย้อนยุคไปจนถึงประสบการณ์ VR ล่าสุด สำหรับนักสะสม ร้านค้าเฉพาะทางมีจำหน่ายรูปจำลองหายาก ชุดโมเดล และสินค้าพิเศษที่คุณจะไม่พบจากที่อื่น แม้ว่าคุณจะไม่ใช่แฟนอนิเมะ แต่พลังของอากิฮาบาระก็ติดต่อได้ ด้วยป้ายนีออนที่สว่างสดใส การแสดงริมถนนที่มีชีวิตชีวา และเสียงแห่งความตื่นเต้นอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าคุณจะมาที่นี่เพื่อช้อปปิ้ง พักผ่อน หรือเพียงแค่ดื่มด่ำกับบรรยากาศอันเป็นเอกลักษณ์ อากิฮาบาระก็เป็นสถานที่ที่ต้องไปเยี่ยมชมสำหรับใครก็ตามที่กำลังมองหาสัมผัสกับวัฒนธรรมย่อยที่มีชีวิตชีวาของโตเกียว ตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเริ่มต้นทัวร์ชมย่านที่น่าสนใจนี้ที่ไหนใช่ไหม ดู 16 กิจกรรมน่าสนใจในอากิฮาบาระได้เลย 1. ไปตุนหนังสือการ์ตูนกับสินค้าอะนิเมะที่ห้าง ANIMATE แบ่งเวลาสักบ่ายไปลุย ANIMATE สาขาอากิฮาบาระ ห้างขนาดใหญ่แห่งนี้มีหนังสือการ์ตูน, ซีดี, เกม, โปสเตอร์, พวงกุญแจ และสินค้าเกี่ยวกับอะนิเมะเพียบ แถมยังเป็นแหล่งขายสินค้ารุ่นลิมิเต็ดกับผลิตภัณฑ์ของแท้ที่มีจำหน่ายเฉพาะในห้าง ANIMATE เท่านั้น สินค้ามีจำหน่ายตลอดทั้ง 7 ชั้น มีพนักงานใจดีคอยช่วยแนะนำว่าของที่เรามองหามีขายอยู่ตรงไหน ANIMATE ตั้งอยู่ห่างจากสถานีรถไฟ Akihabara Station เพียงเดินแค่ 5 นาที (ทางออก Electric Town) เปิดทำการตั้งแต่ 10.00-21.00 น. ทุกวัน ชั้นต่างๆ ในห้าง ANIMATE 1F - ของที่ระลึก, นิตยาสาร 2F - หนังสือการ์ตูน, ไลต์โนเวล 3F - หนังสือการ์ตูน, นิยาย 4F - สินค้าเกี่ยวกับตัวละคร 5F - ฟิกเกอร์, การ์ด 6F - เกม, เพลงประกอบเกม, voice actor CDs 7F - DVDs, แผ่น Blue-Ray เข้าพักที่ Web Hotel Tokyo Asakusabashi แล้วออกไปเที่ยว ห้าง ANIMATE ค้นหาที่พักราคาประหยัดใกล้ สถานีอากิฮาบาระ 2. ช้อปสินค้าทำมือที่ 2K540 AKI-OKA ARTISAN ศูนย์การค้าขนาด 5,000 ตารางฟุตแห่งนี้มีสตูดิโอหัตถกรรม ร้านค้างานฝีมือ และแกลเลอรีที่ขายสินค้าแฮนด์เมดต่างๆ มากมาย ร้านค้าหลายแห่งจัดเวิร์คช็อปเพื่อให้ลูกค้ามีโอกาสลองทำศิลปะและงานฝีมือด้วยตัวเอง อย่าลืมแวะไปที่ห้างสรรพสินค้า Nippon ที่ตั้งอยู่ใกล้ทางเข้าย่านช้อปปิ้งบนถนน Kuramae-dori ที่นี่ คุณจะพบกับงานแก้วเอโดะคิริโกะ เครื่องเหล็กนัมบุ และศิลปะโมเสกไม้โยเซมิตีหลากหลายประเภท ที่สร้างสรรค์โดยช่างฝีมือจากทั่วทั้งประเทศ 2k540 Aki-Oak ตั้งอยู่ห่างจากสถานี Okachimachi (ทางออกทิศใต้) โดยเดินเพียง 4 นาที โดยทั่วไปร้านค้าจะเปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 11.00...
อ่านเพิ่มเติม
ทัวร์กินที่โตเกียว - รวมของกินและร้านอร่อยห้ามพลาดในญี่ปุ่น
เมืองที่เป็นแหล่งรวมสุดยอดอาหารประจำชาติ อาหารท้องถิ่น และอาหารนานาชาติก็คือ โตเกียว เมืองที่คนรักอาหารจากทั่วโลกไม่ควรพลาดเด็ดขาด เพราะที่นี่มีอาหารท้องถิ่นของโตเกียวทั้งซูชิ ราเม็น เทมปุระอยู่ทั่วทุกที่ แต่ที่เด็ดกว่านั้นคือการเดินทางไปยัง 5 ย่านใน โตเกียว ที่เป็นจุดหมายปลายทางห้ามพลาดของทัวร์กินทั้งหลาย อาหารญี่ปุ่นจานเด็ดในโตเกียว ไม่ว่าเราจะไปเที่ยวละแวกไหนในโตเกียวก็ตาม บอกเลยเลยว่าทุกที่มีอาหารญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมที่ควรสั่งอยู่ในเมนูเสมอ อาหารญี่ปุ่นในดวงใจเหล่านี้ดีงามและโดดเด่นทั้งด้านรสชาติและหน้าตาอาหาร ซูชิและซาชิมิ ราเมง โอโคโนมิยากิ ซูชิและซาชิมิ ทั้งซูชิและซาชิมิแบบต้นตำรับมีส่วนประกอบหลักเป็นอาหารทะเลสดๆ ที่เสิร์ฟแบบดิบ ซึ่งมีหลายแบบให้เลือกกินตามชอบ อย่างซูชิโรลล์ โดยทั่วไปก็จะมีอาหารทะเล ข้าวปรุงน้ำส้มสายชู และท็อปปิ้งอื่นๆ ที่ม้วนอยู่ในโนริ (แผ่นสาหร่ายที่ใช้ห่อข้าว) ส่วนซาชิมิก็คือปลาดิบแล่บาง กินกับซอสถั่วเหลือง และมีข้าวเป็นเครื่องเคียง เมนูทะเลทั้งสองแบบนี้อร่อยพอกัน และเป็นอาหารที่คนนิยมกินกันในโตเกียวมากพอกันด้วย ราเมง อาหารที่ขายดีประจำโตเกียวอีกอย่างก็คือราเมง บะหมี่ญี่ปุ่นในซุปร้อนๆ เป็นเมนูท้องถิ่นสุดคลาสสิกเลยก็ว่าได้ ราเมงมีทั้งน้ำซุปรสชาติเข้มข้น เส้นที่ทำจากแป้งสาลี ส่วนประกอบอื่นๆ ก็แตกต่างกันไปตามสูตรแต่ละสูตร ร้านราเมงบางร้านยังคงความเรียบง่ายของราเมงอยู่ ในขณะที่บางร้านก็เสิร์ฟมาในชามแบบมีเครื่องอัดแน่นทั้งเนื้อเป็นชิ้นๆ เต็มปากเต็มคำ ถั่วงอก ผักต่างๆ สาหร่าย และไข่ต้ม โอโคโนมิยากิ หลายคนรู้จักโอโคโนมิยากิ (Okonomiyaki) กันในชื่อ "พิซซ่าญี่ปุ่น" อาหารญี่ปุ่นอีกเมนูที่อร่อยเหลือเชื่อ ทำจากแป้ง ไข่ กระหล่ำซอย และเครื่องปรุงอีกเล็กน้อย เมื่อตีส่วนผสมทั้งหมดจนเข้ากันแล้วก็จะเทลงบนเตาเป็นรูปทรงกลมเหมือนพิซซ่า จากนั้นก็ทอดจนข้างนอกกรอบ โอโคโนมิยากิยังมีท็อปปิ้งอีกหลายแบบไม่ว่าจะเป็นเนื้อที่ทอดเป็นแผ่นๆ มายองเนสญี่ปุ่น ขิงดอง และผงสาหร่าย โซบะ ยากินิคุ โอนิกิริ โซบะ เส้นโซบะบักวีตคือส่วนประกอบหลักในอาหารญี่ปุ่นหลายจาน เส้นบะหมี่แบบนี้นำมาปรุงและเสิร์ฟได้ทั้งแบบร้อน แบบเย็น โซบะร้อนมักเสิร์ฟคู่กับพวกโปรตีนอย่างเนื้อ เต้าหู้ ไข่ หรือไม่ก็ลูกชิ้นปลาแผ่น โรยหน้าด้วยหัวหอมซอยและผักอื่นๆ ส่วนโซบะเย็นนี่กินอร่อยได้ด้วยตัวมันเองเลย หรือจะจุ่มซอสแล้วค่อยกินก็ได้ ซึ่งซอสที่ใช้กินกับโซบะเย็นทำจากซอสถั่วเหลืองแบบหวานและน้ำซุปดาชิ ยากินิคุ ยาคินิคุก็คล้ายๆ กับบาร์บีคิวในโลกตะวันตก ซึ่งคำว่ายาคินิคุ ภาษาญี่ปุ่นหมายถึงการย่างเนื้อบนถ่านหรือเตาย่างไฟฟ้า เนื้อวัวส่วนคุณภาพคือประเภทเนื้อทั่วไปที่มักเสิร์ฟในการกินปิ้งย่าง โดยมีเครื่องเคียงเป็นผักต่างๆ อาทิ เห็ด พริกหวาน ข้าวโพด ฯลฯ ร้านยาคินิคุส่วนใหญ่จะเป็นแบบที่เราต้องปิ้งย่างกันเองที่โต๊ะ โดยสั่งเนื้อดิบ ผัก ฯลฯ มาปิ้งกันเองจนกว่าจะได้ความสุกในแบบที่เราพอใจ โอนิกิริ แม้ข้าวจะเป็นเครื่องเคียงในอาหารญี่ปุ่นหลายๆ เมนู แต่ไม่มีเมนูไหนเสิร์ฟได้น่ารักเท่ากับโอนิกิริอีกแล้วละ โอนิกิริก็คือข้าวทรงสามเหลี่ยมกับทรงกระบอก ทำจากข้าวขาวหุงสุก ห่อด้วยแผ่นสาหร่าย หรือไม่ก็คลุกงา โอนิกิริบางประเภทก็เป็นแค่ข้าวเฉยๆ บางแบบมีไส้ข้างใน ทั้งแซลม่อนย่างเกลือ ทูน่ามายองเนส เต้าเจี้ยว บ๊วยดอง โดยที่เราหาข้าวปั้นหน้าตาหน้ารักเหล่านี้กินได้ง่ายๆ จากทั่วโตเกียว เครื่องดื่มญี่ปุ่นยอดนิยมในโตเกียว ความจริงแล้วการเลือกเครื่องดื่มให้เหมาะกับมื้ออาหารต่างๆ ในโตเกียวนั้นเป็นเรื่องสำคัญนะ ไม่ว่าจะมื้อเช้า มื้อเที่ยง หรือมื้อเย็นก็ตาม ซึ่งเครื่องดื่มดีๆ ในโตเกียวไม่ได้มีแค่ประเภทเดียวเท่านั้น แต่มีทั้งร้อน ทั้งเย็น มีแอลกอฮอล์หรือไม่มี เป็นเครื่องดื่มที่ดื่มได้ทุกวัย ซึ่งสิ่งหนึ่งที่เครื่องดื่มเหล่านี้มีเหมือนกันก็คือ ความอร่อย! มัทฉะ สาเก สาเกหวาน มัทฉะ ผงชาเขียวมัทฉะ ผลิตจากใบชาเขียวคุณภาพดี ซึ่งในญี่ปุ่นมักนำใบชามาใช้ประกอบอาหารและเครื่องดื่มมากมาย แต่การกินแบบต้นตำรับจริงๆ ก็คือการนำผงชามาผสมน้ำร้อนให้กลายเป็นชาเขียวมัทฉะ ทั้งนี้เครื่องดื่มแต่ละแก้วจะขมหรือรสละมุนๆ ก็ขึ้นอยู่กับปริมาณผงชาที่ใส่ลงไป เครื่องดื่มอีกชนิดที่ได้รับความนิยมมากก็คือมัตฉะลาเต้ มีทั้งแบบร้อนและเย็น โดยจะเติมนมกับน้ำผึ้งลงไปเพื่อเพิ่มความหวาน สาเก ที่ประเทศญี่ปุ่น มีการนำข้าวมาปรุงเป็นอย่างอื่นนอกจากอาหารด้วย โดยนำมาหมักและบ่มด้วยวิธีพิเศษ ขัดสีเมล็ดข้าวอย่างบรรจงเพื่อทำเป็นสาเก เครื่องดื่มแอลกอฮอล์รสเยี่ยม ตามปกติสาเกจะเสิร์ฟแบบเย็น โดยรินจากเยือกลงในถ้วยเซรามิก...
อ่านเพิ่มเติม
รวมที่พักในโตเกียว | โรงแรมใกล้ที่เที่ยวชื่อดัง
ใครกำลังจะไปเที่ยวญี่ปุ่น แต่ยังไม่แน่ใจว่าจะพักที่ไหนในโตเกียว เรามีที่พักมาแนะนำ ทำเลดีๆ บางแห่งในโตเกียวก็มีโรงแรมราคาจับต้องได้รอให้บริการนักท่องเที่ยวอยู่ จองโรงแรมในโตเกียว แล้วหาวิธีเดินทางไปเที่ยวตามแลนด์มาร์กฮิตๆ ของเมืองกัน คู่มือเที่ยวโตเกียว: ที่พักในโตเกียว - ญี่ปุ่น โตเกียว เป็นเมืองหลวงขนาดใหญ่โต ที่ยังคงรักษาวัฒนธรรม ธรรมเนียมต่างๆ และรากเหง้าของตนไว้ได้อย่างดี โตเกียว คือเมืองแสนวิเศษที่น่าเดินทางไปสำรวจ และด้วยความที่โตเกียวมีที่เที่ยวมากมาย การจัดทริปเที่ยว โตเกียว จึงต้องวางแผนเลือกว่าจะทำอะไรดี นอกจากนี้ด้วยความที่มีประชากรอยู่กว่า 9 ล้านคน บางพื้นที่ของ โตเกียว จึงค่อนข้างจะวุ่นวาย ถ้าใครชอบเมืองเล็กๆ ไม่ชินกับคนเยอะๆ แนะนำให้สูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วลองเอ็นจออยเปิดรับทุกสิ่งรอบตัวดู โตเกียว เป็นเมืองหลวงของ ญี่ปุ่น มาตั้งแต่ปีค.ศ.1869 โดยก่อนหน้านี้ใช้ชื่อว่าเอโดะ (Edo) ซึ่งเป็นเมืองวัฒนธรรมอันสำคัญของประเทศมากว่าร้อยปีแล้ว โตเกียว ยังได้รับมิชลินสตาร์มากที่สุดในบรรดาเมืองต่างๆ ทั่วโลกอีกด้วย นั่นย่อมแปลว่าถ้าไปเที่ยว โตเกียว ก็ไม่ต้องไปตามหาอาหารเลิศรสที่อื่นไกลอีก นอกจากนี้ ตึกสูงระฟ้าไปจนถึงวัดเก่าแก่ คลับสุดโมเดิร์น และอื่นๆ อีกมากมายในเมือง ยังทำให้ โตเกียว มีทุกสิ่งสำหรับทุกคน ดังนั้น ถ้าจองที่พักดีๆ ได้สักแห่ง เราก็จะได้ออกไปเที่ยวและสำรวจเมืองอันแสนวิเศษแห่งนี้ได้อย่างเต็มที่ เคล็ดไม่ลับสำหรับการเลือกที่พักในโตเกียว ไม่ว่านี่จะคือการเที่ยว โตเกียว ครั้งแรกหรือไม่ก็ตาม การพักใกล้ๆ สถานีขนส่งสาธารณะถือเป็นเรื่องดีที่สุดแล้ว เพราะช่วยประหยัดเวลา (และเงิน) ถ้าเป็นไปได้ เลือกพักใน โตเกียว แถวๆ รถไฟสาย Yamanote Line เพราะรถไฟสายนี้จะวิ่งวนตามแหล่งท่องเที่ยวหลักๆ ของ โตเกียว ช่วยให้การเดินทางเที่ยวทั่วเมืองกลายเป็นเรื่องง่ายดายสุดๆ ไปเลย โตเกียว มีโรงแรมที่น่าสนใจและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวให้เลือกเพียบ นอกจากนี้ยังมีโรงแรมทั่วๆ ไปที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกสุดโมเดิร์นครบครันด้วย อย่างไรก็ตาม ถ้าใครยังไม่เคยพักในโรงแรมแคปซูล (นอนในเตียงแคปซูล) หรือไม่เคยพักในโรงแรมที่มีธีมต่างๆ (บางโรงแรมมีห้องพักธีม Hello Kitty) การเลือกพักในโรงแรมแบบนี้ก็น่าจะสนุกและเติมสีสันให้ชีวิตได้ดีกว่าโรงแรมแบบเดิมๆ แต่หากใครชอบอะไรแบบดั้งเดิมละก็ แนะนำให้เลือกพักในเรียวกัง (Ryokan) ที่พักแบบดั้งเดิมของคนญี่ปุ่น ที่ส่วนใหญ่จะเป็นธุรกิจในครอบครัว เป็นสไตล์ญี่ปุ่นแท้ๆ (ได้นอนบนฟูกหรือไม่ก็เสื่อตาตามิ) ที่พักแบบนี้มักมีบริการอาหารในตัว (อาหารเช้าและอาหารเย็น) เพราะฉะนั้นถ้าเลือกนอนเรียวกังเราจะได้สัมผัสวัฒนธรรมความเป็นอยู่ของ ญี่ปุ่น จริงๆ เลือกพักในโรงแรมที่มีอาหารเช้า ถ้าพักใน โตเกียว มากกว่า 2-3 วัน ค่อยแพลนออกไปหาอะไรกินข้างนอก แต่จะเป็นการช่วยประหยัดเงินได้มาก หากเลือกพักในโรงแรมที่มีบริการอาหารเช้าในตัว (บางแห่งมีให้เลือกทั้งอาหารเช้าแบบฝรั่งและอาหารญี่ปุ่น) คอยระวังเรื่องบุหรี่ด้วย! แม้จะนอนในห้องปลอดบุหรี่ แต่ก็อาจจะได้กลิ่นบุหรี่อบอวลในห้องอยู่ดี เพราะฉะนั้นถ้าใครเซนซิทีฟกับกลิ่นบุหรี่จริงๆ จงหาโรงแรมที่ห้ามสูบบุหรี่ทั้งโรงแรมไปเลยดีกว่า ย่านน่าพักในโตเกียว โตเกียว เป็นเมืองใหญ่มากจึงมีตัวเลือกที่พักเยอะตามไปด้วย แนะนำให้ลองกำหนดสโคปให้แคบลงโดยการเลือกที่ที่ลงตัวกับแผนการเที่ยวพักผ่อนของเราดู ชินจูกุ (Shinjuku): คือย่านที่เดินทางสะดวกสุดๆ (ชินจูกุ อยู่ใกล้รถไฟฟ้าสาย Yamanote Line) นอกจากนี้ยังเป็นย่านที่มีตึกระฟ้า เป็นแหล่งช้อปปิ้งชั้นยอด ร้านอาหารมากมาย และจำนวนผู้คนก็เยอะเช่นกัน ชินจูกุ คืออีกหนึ่งสถานที่ที่น่ามหัศจรรย์ เป็นส่วนผสมระหว่างความทันสมัยสุดขีดกับความเก่าแก่ โดยมีตรอกซอกซอย ซึ่งในนั้นมีร้านอาหาร ร้านค้า และผู้คนที่ไม่ได้เปลี่ยนแปลงตามวันเวลาแม้จะผ่านมากี่ปีแล้วก็ตาม ชินจูกุ เหมาะแก่การเข้าพักที่สุดแล้วถ้านี่คือการมา โตเกียว ครั้งแรก และเหมาะกับคนที่ชอบอยู่ในละแวกที่มีทั้งความบันเทิง ที่กิน และที่ช้อปปิ้ง ชิบูย่า (Shibuya): สายช้อปปิ้ง ท่องราตรี...
อ่านเพิ่มเติม
ตลาดปลาโทโยสุ : พาเที่ยวสุดยอดตลาดอาหารทะเลแห่งโตเกียว
ตลาดปลาโทโยสุ (Toyosu Fish Market) ตั้งอยู่ในย่าน โทโยสุ ย่านริมน้ำอันงดงาม เป็นแหล่งขายส่งปลาและอาหารทะเลขนาดใหญ่ที่ชาวโตเกียวและนักท่องเที่ยวชื่นชอบกันมาก ตลาดโทโยสุเปิดขึ้นมาแทนที่ ตลาดปลาสึกิจิ (Tsukiji Market) ดั้งเดิมในเดือนตุลาคมปี 2018 โดย ตลาดปลาโทโยสุ มีขนาดใหญ่กว่าตลาดปลาสึกิจิถึงสองเท่า และกลายเป็นตลาดขายส่งปลาที่ใหญ่ที่สุดในโตเกียว หรือเผลอๆ อาจจะใหญ่ที่สุดในโลกเลยก็ได้ ทำความรู้จักตลาดปลาโทโยสุ ตลาดปลาโทโยสุ ประกอบด้วยอาคาร 3 หลัง ได้แก่ อาคารประมูลอาหารทะเล (Wholesale Market Building) อาคารขายส่งอาหารทะเล (Intermediate Wholesale Market Building) สำหรับผู้ขายปลาและอาหารทะเล และอาคารผักและผลไม้ (Fruit & Vegetable Building) สำหรับผู้ขายผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร ตลาดเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมวันจันทร์ถึงวันเสาร์ (ยกเว้นวันหยุดราชการ) ตั้งแต่ตี 5 ถึง 5 โมงเย็น โดยไม่เสียค่าธรรมเนียมใดๆ แม้ว่าร้านค้าหลายร้านจะเปิดหลัง 7 โมงเช้า แต่นักท่องเที่ยวควรเข้ามาเที่ยวตลาดตั้งแต่เช้าตรู่เพื่อดูบรรยากาศสุดคึกคักอย่างเช่น การประมูลปลาทูน่าที่โด่งดังไปทั่วโลก อันนี้เป็นสิทธิพิเศษสำหรับคนตื่นเช้าเท่านั้นนะ แหล่งช้อปปิ้งและกิจกรรมน่าสนใจที่ตลาดปลาโทโยสุ ผู้ค้าปลาส่วนใหญ่ใน ตลาดปลาโทโยสุ จะขายปลาจำนวนมากให้กับผู้ซื้อที่มีใบอนุญาตเท่านั้น แต่ก็ยังมีแหล่งขายปลาขนาดใหญ่ในอาคาร Intermediate Wholesale Market Building สำหรับคนทั่วไปด้วย ซึ่งก็คือ ตลาดอุกาชิ โยโกะโจ (Uogashi Yokocho Market) ซึ่งถือเป็นตลาดย่อยในตลาดใหญ่ที่มีร้านค้ากว่า 60 ร้าน ขายสินค้าทุกอย่างตั้งแต่ชา ของขบเคี้ยว ไปจนกระทั่งของฝากอันเป็นเอกลักษณ์จากโตเกียว ร้านที่น่าสนใจก็อย่างเช่น Maruyama Noriten ซึ่งขายชาเขียวและสาหร่ายโนริ ร้าน Aritsugu ขายมีดทำครัวญี่ปุ่นขนานแท้ ร้าน Ito Uroko ขายรองเท้าบู๊ตและเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายอื่นๆ ร้าน Mosuke Dango ขายดังโงะและขนมหวาน ย่านโทโยสุยังเป็นที่ตั้งของห้าง LaLaport Toyosu ช้อปปิ้งมอลล์ใหญ่ยักษ์ที่มีร้านอาหารและร้านค้ากว่า 150 ร้าน ภายในมอลล์มีทั้งเสื้อผ้าสำหรับคนทุกเพศทุกวัย ของเล่น จิวเวลรี่และเครื่องประดับ สินค้าแต่งบ้าน เครื่องใช้ไฟฟ้า และอื่นๆ อีกมากมาย LaLaport Toyosu อยู่ห่างจากตลาดปลาโดยเดินไปประมาณ 20-30 นาที กิจกรรมน่าสนใจที่ตลาดปลาโทโยสุ ที่ ตลาดปลาโทโยสุ มีอะไรสนุกๆ ให้ทำมากมาย ทั้งช้อปปิ้ง กิน และเดินเที่ยว ถ้าจะสำรวจตลาดและเที่ยวให้ครบควรเผื่อเวลาไว้อย่างน้อยสัก 2-3 ชั่วโมง ดูการประมูลปลาทูน่า : การประมูลปลาทูน่าที่โด่งดังสุดๆ คือกิจกรรมที่น่าสนใจอย่างหนึ่งในตลาดปลาโทโยสุและยังคงดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เดินทางมาย่านโทโยสุกันอย่างคึกคัก แนะนำว่าควรมาจับจองทำเลดีๆ ที่หน้าต่างชมการประมูลตั้งแต่เช้าตรู่ เพื่อจะได้เห็นผู้ซื้อฟาดฟันราคาประมูลทูน่ายักษ์กัน การประมูลส่วนใหญ่อยู่ในช่วงเวลาประมาณ 05.30-06.30 น. เกร็ดสำหรับนักท่องเที่ยว : ถ้าอยากเห็นการประมูลแบบชัดๆ ให้สมัครลงทะเบียนล่วงหน้าเพื่อรับสิทธิเข้าพื้นที่ชมการประมูลด้านล่าง จะมีการเปิดรับสมัครล่วงหน้า 1 เดือนสำหรับวันประมูลที่กำหนดไว้ โดยใช้เกณฑ์การจับฉลาก แกลเลอรี่ด้านล่างเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวจะอยู่ใกล้ชิดการประมูลทูน่ามากที่สุด เดินเที่ยวแกลเลอรี่ชมบรรยากาศจากหลายมุมมอง : ชั้นที่ขายส่งสินค้าในตลาดปลาทั้ง 3 อาคารอาจไม่ได้เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าเยี่ยมชมทั้งหมด แต่ก็มีแกลเลอรี่กระจกใสที่เราจะมองเข้าไปเห็นภายในได้ บางช่วงอาจได้เห็นการประมูลผลิตภัณฑ์และอาหารทะเลอื่นๆ หรือดูบรรยากาศการซื้อขายสินค้าของชาวญี่ปุ่นด้วย เกร็ดสำหรับนักท่องเที่ยว...
อ่านเพิ่มเติม
เที่ยวโตเกียว 1 วัน : ที่เที่ยวและกิจกรรมน่าสนใจในย่านอุเอโนะ (Ueno)
อุเอโนะ (Ueno) เป็นอีกหนึ่งย่านยอดนิยมของโตเกียวเพราะเต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวโดดเด่นมากมาย ไม่ว่าจะเป็นพิพิธภัณฑ์ ร้านอาหาร สวนสัตว์ รวมถึงจุดชมซากุระที่คราคร่ำไปด้วยนักท่องเที่ยวจากทุกมุมโลก ซึ่งแหล่งท่องเที่ยวส่วนมากจะอยู่แถวๆ สวนอุเอโนะ (Ueno Park) ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟ Ueno Station เลย สำหรับใครที่กำลังจะไปเที่ยวย่านอุเอโนะครั้งแรกแล้วไม่รู้ว่าจะเริ่มเที่ยวจากตรงไหนดี เรามี 9 กิจกรรมรอบๆ สวนอุเอโนะมานำเสนอ 1. สัมผัสงานศิลปะและประวัติศาสตร์โบราณของญี่ปุ่นที่พิพิธภัณฑ์ TOKYO NATIONAL MUSEUM ใครวางแผนจะเที่ยวพิพิธภัณฑ์ในโตเกียวอยู่แล้ว แนะนำให้ใส่รายการท่องเที่ยวพิพิธภัณฑ์อุเอโนะไว้ในลำดับต้นๆ เลย พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติโตเกียว (Tokyo National Museum) คือพิพิธภัณฑ์แห่งชาติที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่น และเป็นหนึ่งในพิพิธภัณฑ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกด้วย พิพิธภัณฑสถานเก่าแก่แห่งนี้ตั้งอยู่ในสวนอุเอโนะมีศิลปวัตถุโบราณของญี่ปุ่นกว่า 110,000 ชิ้น อย่างเช่น หน้ากากคาบูกิ ดาบซามูไร เครื่องมือโบราณและของล้ำค่าทางพุทธศาสนา พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติโตเกียว มีทั้งนิทรรศการพิเศษและนิทรรศการหมุนเวียน นิทรรศการถาวรเกือบทั้งหมดมีบริการ audio guide ภาษาอังกฤษ นิทรรศการถาวรในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติโตเกียว Kuroda Memorial Hall Japanese Gallery (Honkan) Asian Gallery (Toyokan) The Gallery of Horyuji Treasures Highlights of Japanese Arts Azekura Repository เข้าพักที่ HOTEL MYSTAYS Ueno-Iriyaguchi แล้วออกไปเที่ยวพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติโตเกียว 2. ซึมซับวัฒนธรรมท้องถิ่นที่สวนอุเอโนะ สวนอุเอโนะซึ่งเดินจาก สถานี Ueno Station ไปไม่ไกล คือสวนสาธารณะใหญ่ที่มีแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมจำนวนมากอยู่ภายใน อย่างเช่นสวนสัตว์อุเอโนะ พิพิธภัณฑ์ วัด ศาลเจ้า ตลาดกลางแจ้ง และพระพุทธรูปขนาดใหญ่ ภายในบริเวณสวนมีต้นซากุระหลายร้อยต้น ซึ่งจะบานสะพรั่งในช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิ สวนสาธารณะมหานครโตเกียวอุเอโนะ (Tokyo Metropolitan Ueno Park) เปิดให้เข้าฟรี แต่สวนสัตว์อุเอโนะและที่เที่ยวบางแห่งอาจเก็บค่าธรรมเนียม ที่เที่ยวห้ามพลาดที่สวนอุเอโนะ เจดีย์ Gojunoto ศูนย์แสดงคอนเสิร์ต Tokyo Bunka Kaikan (Tokyo Culture Hall) พิพิธภัฑณ์ศิลปะแห่งโลกตะวันตกแห่งชาติ โตเกียว (National Museum of Western Art) พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติและวิทยาศาสตร์แห่งชาติ (National Museum of Nature & Science) พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติโตเกียว (Tokyo National Museum) รูปปั้นจิโซ (Jizoson statue) ศาลเจ้าโทโชกุ (Toshogu Shrine) วัดชิโนะบะสุโนะอิเคะ เบนเทนโด (Shinobazuike Bentendo Temple) พิพิธภัณฑ์ชิตามาชิ (Shitamachi Museum) ศาลเจ้ายูชิมะเท็นจิน (ยูชิมะ เท็นมังงุ) อนุสาวรีย์ไซโกะ ทาคาโมริ (Statue of Saigo Takamori) พิพิธภัณฑ์หลวงอุเอโนะ (Ueno Royal...
อ่านเพิ่มเติม
เที่ยวญี่ปุ่น: 7 โรงแรมและที่พักที่ดีที่สุดในโอซาก้า
7 โรงแรมที่ดีที่สุดใน โอซาก้า ต่อไปนี้ได้รับคะแนนโหวตว่ามีสิ่งอำนวยความสะดวกดีเยี่ยม บริการประทับใจ และอยู่ใกล้ที่ท่องเที่ยว เรียกว่าเป็นที่พักในดวงใจของนักเดินทางที่อยากมาพักผ่อนวันหยุดแบบไม่มีสะดุดและอยากหาที่พักบรรยากาศเงียบสงบไว้ผ่อนคลายหลังจากเที่ยวชมเมืองมาทั้งวัน 1. Onyado Nono Namba Natural Hot Spring [Onyado Nono Namba Natural Hot Spring] - ที่นี่ตั้งอยู่ในเขต นัมบะ (Namba) นักท่องเที่ยวปลื้มปริ่มที่นี่กันมากเพราะอยู่ใกล้ที่เที่ยวดังของโอซาก้า และมีสิ่งอำนวยความสะดวกให้ผู้เข้าพักสดชื่นผ่อนคลาย อย่างซาวน่าและบ่อน้ำพุร้อน ที่เที่ยวใกล้ที่พักที่สามารถเดินไปได้ ย่านโดตมโบริ (Dotombori) ทางเดินริมแม่น้ำทงโบริ สะพานเอบิสุ ป้ายกูลิโกะ ถนนช้อปปิ้ง Souemoncho ตลาดคุโรมง อิจิบะ โรงละคร Namba Grand Kagetsu ตรอก Hozenji Yokocho โรงละครหุ่นแห่งชาติบุนราคุ (National Bunraku Theater) การเดินทาง จากสถานี Nippombashi Station เดินเพียง 5 นาทีก็ถึง Onyado Nono Namba Natural Hot Spring 2. Hearton Hotel Shinsaibashi Nagahoridori [Hearton Hotel Shinsaibashi Nagahoridori] - ที่พักนี้ชนะใจนักเดินทางตรงที่มีนโยบายปลอดบุหรี่และอาหารเช้านานาชาติ โรงแรมนี้ตั้งอยู่ใจกลางย่าน ชินไซบาชิ (Shinsaibashi) ผู้เข้าพักสามารถใช้เวลาช่วงวันหยุดได้อย่างสบายๆ โดยใช้บริการซักรีดของโรงแรม และพักผ่อนในห้องบรรยากาศอบอุ่นซึ่งมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เช่น เครื่องฟอกอากาศภายในห้อง ชุดอุปกรณ์อาบน้ำ และอินเทอร์เน็ตฟรี ที่เที่ยวใกล้ที่พัก แหล่งช้อปปิ้งชินไซบาชิ หมู่บ้านอเมริกัน (Americurana) ย่านโดตมโบริ (Dotombori) สวนปราสาทโอซาก้า ศาลเจ้านัมบะ สวน Mitsu แหล่งช้อปปิ้ง Namba Parks การเดินทาง จาก สถานี Shinsaibashi ใช้เวลาเดินเพียง 5 นาทก็ถึง Hearton Hotel Shinsaibashi Nagahoridori 3. Hotel Sunroute Osaka Namba [Hotel Sunroute Osaka Namba] - วันหยุดพักผ่อนที่ โอซาก้า จะยิ่งแสนสุขเมื่อได้พักที่โรงแรมนี้ ที่นี่เป็นที่พักที่ใครๆ ก็หลงรักการตกแต่งสีสันสดใส บรรยากาศอบอุ่น และบริการเกี่ยวกับธุรกิจครบวงจร พักผ่อนให้สบายในห้องพักสุดทันสมัย ครบครันด้วยเครื่องใช้ในห้องน้ำและฟรีWi-Fi ยามเช้าก็อิ่มอร่อยกับอาหารเช้าแบบตะวันตกในห้องอาหารดีไซน์เก๋ ที่เที่ยวใกล้ที่พักที่สามารถเดินไปได้ ทางเดินริมแม่น้ำทงโบริ ร้าน BIC CAMERA สาขานัมบะ นัมบะ ฮิปส์ (Namba HIPS) วัดชิเทนโนจิ โรงละคร Shochikuza ถนนช้อปปิ้งชินไซบาชิ Gyokuseiya Osaka Ninja Yashiki Suruga-ryu การเดินทาง จาก สถานี Nippombashi และ...
อ่านเพิ่มเติม
เที่ยวญี่ปุ่น - 13 ที่เที่ยวน่าสนใจในโอซาก้า
ใครกำลังมองหากิจกรรมสนุกๆ ในโอซาก้า แนะนำให้จองตั๋วออนไลน์ไปเที่ยวที่เที่ยวสมัยใหม่อย่าง ยูนิเวอร์ซัล สตูดิโอ เจแปน (Universal Studios Japan) และ พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำไคยูกังแห่งโอซาก้า (Osaka Aquarium Kaiyukan) หรือจะซึมซับวัฒนธรรมญี่ปุ่นที่สถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์อย่าง ปราสาทโอซาก้า (Osaka Castle) หรือไปเดินเล่นที่ ย่านโดตมโบริ (Dotombori) ก็ได้ 1. สนุกกับเครื่องเล่นไม่จำกัดด้วยตั๋วรวมเครื่องเล่น 2 วันที่ยูนิเวอร์ซัล สตูดิโอ เจแปน เป็นที่รู้กันว่ากิจกรรมน่าสนใจที่สุดอย่างหนึ่งในโอซาก้าก็คือการไปเที่ยว ยูนิเวอร์ซัล สตูดิโอ เจแปน แบบเต็มๆ วัน ทุกปีมีคนกว่า 10 ล้านคนก็มาเที่ยวที่สวนสนุกนี้ ถ้าอยากรู้ว่าเป็นอย่างไร ก็ลองซื้อตั๋ว Studio pass แบบ 1 หรือ 2 วันเพื่อเข้าไปเล่นในสวนสนุกทั้ง 8 โซนแบบไม่จำกัดดูได้เลย โซนดังๆ ของที่นี่ก็มี The Wizarding World of Harry Potter และ Minion Park ถ้าซื้อ USJ Express Pass เพิ่มก็จะสามารถเข้าช่องทางด่วนเพื่อไปเล่นเครื่องเล่นที่ฮิตสุดๆ ได้โดยไม่ต้องต่อคิวยาวนัก อย่างเช่น The Flying Dinosaur ในโซน Jurassic Park หรือ The Amazing Adventures of Spider-Man ของโซน New York โซนต่างๆ ในสวนสนุก Universal Studios Japan Universal Wonderland Amity Village Waterworld The Wizarding World of Harry Potter Jurassic Park San Francisco Minion Park New York Hollywood อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Universal Studios Japan ได้ที่นี่ เข้าพักที่ Hotel Sobial Osaka แล้วออกไปเที่ยวที่ Universal Studios Japan ค้นหาที่พักราคาดีที่สุดใกล้ Universal Studios Japan 2. ซึมซับประวัติศาสตร์อันงดงามพร้อมกับถ่ายภาพใบไม้เปลี่ยนสีที่ปราสาทโอซาก้า การเที่ยวชม ปราสาทโอซาก้า ไม่ได้เป็นเพียงกิจกรรมสุดป๊อบของโอซาก้าเท่านั้น แต่ปราสาทโอซาก้าถือเป็นแลนด์มาร์กสำคัญที่โด่งดังที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศญี่ปุ่นเลยทีเดียว ปราสาทแห่งนี้มีบทบาทสำคัญทางประวัติศาสตร์เมื่อสมัยรวมประเทศญี่ปุ่นในศตวรรษที่ 16 ซึ่งมีการสร้างหอคอยกลางขึ้นเป็นครั้งแรก ปัจจุบัน นักท่องเที่ยวสามารถชมวิวมุมกว้างของรอบๆ ปราสาทได้จากลานชมวิวที่ พิพิธภัณฑ์ปราสาทโอซาก้า (Osaka Castle Museum) ซึ่งตั้งอยู่ที่หอคอยกลาง และยังสามารถชมสิ่งก่อสร้างทางประวัติศาสตร์ 13 อย่างได้อย่างใกล้ชิดอีกด้วย ปราสาทโอซาก้า เปิดให้เข้าชมตลอดปี แต่ละฤดูกาล ภูมิทัศน์โดยรอบก็จะขับเน้นให้ปราสาทสวยงามด้วยบรรยากาศที่ต่างกัน ช่วงฤดูใบไม้ผลิ ต้นซากุระใน สวนนิชิโนะมารุ...
อ่านเพิ่มเติม
ที่พักส่วนตัวในโอซาก้า: แนะนำที่พักน่านอนในย่านยอดนิยม
โอซาก้า (Osaka) คือเมืองหลวงของ จังหวัดโอซาก้า (Osaka Prefecture) และเป็นเมืองใหญ่อันดับสองของประเทศญี่ปุ่นรองจากโตเกียว (Tokyo) เมืองนี้ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองที่มีสีสันทางวัฒนธรรม บรรยากาศสบาย และมีย่านที่น่าสนใจมากมาย บ้านพักตากอากาศในโอซาก้ามีเสน่ห์เฉพาะตัว มีกิจกรรมหลากหลาย และมีสถานที่ท่องเที่ยวใกล้ๆ หลายแห่ง ย่านยอดนิยมที่เดินทางไปเที่ยวได้ง่ายๆ แล้วก็มีที่พักสำหรับวันหยุดดีๆ นั้นได้แก่ย่าน อุเมดะ (Umeda), นัมบะ (Namba), บริเวณสถานีรถไฟ Shin-Osaka Station และย่านเทนโนจิ (Tennoji) และต่อไปนี้คือคู่มือฉบับย่อที่จะพาไปทำความรู้จักย่านเหล่านี้ รวมทั้งที่พักที่ดีที่สุดในบริเวณใกล้ๆ กัน ที่พักส่วนตัวในโอซาก้า | อูเมดะ อุเมดะ ถือเป็นศูนย์กลางของกิจกรรมต่างๆ ในช่วงกลางวันของเมืองโอซาก้า ย่านนี้กินบริเวณรอบๆ สถานีรถไฟ Osaka Station และ Umeda Station ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางการคมนาคมขนส่ง เนื่องจากขบวนรถไฟสายหลักของเมืองล้วนมาบรรจบกันที่ 2 สถานีใหญ่นี้ อุเมดะยังเป็นย่านที่ดีที่สุดสำหรับการช้อปปิ้ง กินอาหาร และหาความบันเทิงอย่างเติ่มอิ่ม นักท่องเที่ยวมาเยือน อุเมดะ เพื่อสัมผัสด้านที่คึกคักและมีสีสันของ โอซาก้า ในย่านที่เต็มไปด้วยร้านสินค้าแฟชั่นหรูหราและภัตตาคารชั้นเลิศ นอกจากนี้ อุเมดะ ยังมีแลนด์มาร์กยอดฮิตและกิจกรรมสนุกๆ ให้ลองทำอีกมากมาย ที่เที่ยวในอูเมดะ ขึ้นชิงช้าสวรรค์ชื่อดังอย่าง HEP FIVE Ferris Wheel ที่ HEP FIVE ศูนย์รวมความบันเทิงและแหล่งช้อปปิ้ง ชิงช้าสวรรค์ที่คอมเพล็กซ์แห่งนี้โผล่พ้นขึ้นมาเหนืออาคาร มองลงไปเห็นวิวเมือง โอซาก้า สุดอลังการ เอาจริงๆ แล้วมองเห็นไกลไปถึงเมือง โกเบ (Kobe) เลยเชียวละ ถ้าอยากชมวิวเมืองโอซาก้าจากมุมสูงยิ่งขึ้น ต้องมองจากทางเดินบนชั้น 40 ของอาคาร Umeda Sky Building คู่รักมักจูงมือกันมาซื้อแม่กุญแจแล้วล็อกติดไว้กับทางเดินเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของรักนิรันดร์ ไปช้อปปิ้งที่ห้าง Grand Front Osaka ช้อปปิ้งคอมเพล็กซ์สุดทันสมัยที่อยู่ทางทิศเหนือของสถานีรถไฟ Osaka Station คอมเพล็กซ์แห่งนี้คือตึกสูงหลายตึกที่ภายในมีร้านค้าและร้านอาหารหลากหลาย ใครอยากช้อปแบบที่เดียวรู้เรื่องต้องไปที่นี่เลย เยี่ยมชม ศาลเจ้าโอฮัทสึ เทนจิน (Ohatsu Tenjin Shrine) เพื่อศึกษาประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของ โอซาก้า สักเล็กน้อย ศาลเจ้าแห่งนี้สร้างมากว่า 1,300 ปีและเป็นศาลเจ้าที่พิทักษ์รักษาย่าน อุเมดะ ชาวญี่ปุ่นนิยมมาขอพรกับศาลเจ้าแห่งนี้ โดยเฉพาะบรรดาคู่รัก แฟนโปเกม่อนต้องไม่พลาดไปเยือน Pokemon Center Osaka ซึ่งเป็นร้านใหญ่ยักษ์ที่มีสินค้าและของสะสมเกี่ยวกับโปเกม่อนเพียบ ทั้งเสื้อผ้า ขนม เครื่องเขียนธีมโปเกม่อน รวมถึงทุกอย่างที่โปเกม่อนเทรนเนอร์ต้องมีไว้ก่อนออกไปผจญภัย   Liz2 Free Parking Osaka station Nakazakicho D218. IRORI HOUSE Umeda Sky Building With Rooftop View     ที่พักส่วนตัวยอดนิยมใกล้อูเมดะ Liz2 Free Parking Osaka station Nakazakicho: อพาร์ตเมนต์ 1 ห้องนอน ดีไซน์เป็นเอกลักษณ์ด้วยการผสมผสานความทันสมัยและโบราณเข้าด้วยกัน สามารถเข้าพักได้ถึง 7...
อ่านเพิ่มเติม
เทศกาลฮาโลวีนในโตเกียว : รวมอีเว้นท์น่าไปและบ้านน่าพักในชิบูย่าและอิเคะบุคุโระ
เทศกาลฮาโลวีนนั้นกลายเป็นอีเว้นท์ใหญ่ทั่วประเทศญี่ปุ่นไปแล้ว โดยเฉพาะในเมืองหลวงอย่าง โตเกียว ในช่วงนี้ร้านค้าต่างๆ จะเริ่มขายของประดับตกแต่งสำหรับเทศกาลฮาโลวีนกันตั้งแต่ต้นเดือนกันยายน และจะมีการจัดงานเฉลิมฉลองเทศกาลรอบเมืองตลอดเดือนตุลาคมและจะยิ่งเข้มข้นและยิ่งใหญ่ขึ้นในช่วงปลายเดือน ส่วนบริเวณใหญ่ๆ ที่มีการเฉลิมฉลองเทศกาลฮาโลวีนกันอย่างคึกคักใน โตเกียว ก็มีอยู่ 2 จุดคือที่ ชิบูย่า (Shibuya) และ อิเคะบุคุโระ (Ikebukuro) ใครที่จะไปเที่ยวญี่ปุ่นช่วงฤดูใบไม้ร่วง ก็ลองเช่าที่พักที่ใกล้ๆ กับจุดจัดงานดูก็จะดีมาก ทีนี้ลองมาดูว่าใน โตเกียว มีอีเว้นท์ฮาโลวีนใหญ่ๆ ที่ไหนบ้าง และลองหาที่พักดีๆ ใกล้ที่จัดงานกัน เทศกาลฮาโลวีนในโตเกียว l ชิบูย่า ชิบูย่า เป็นแหล่งช้อปปิ้งที่ทันสมัยและเป็นย่านแห่งความบันเทิงของโตเกียว ในช่วงวันฮาโลวีนที่นี่จะกลายเป็นสถานที่จัดปาร์ตี้บนท้องถนนในเทศกาลฮาโลวีนที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น งานนี้จัดขึ้นตลอดช่วงสัปดาห์สุดท้ายของเดือนตุลาคม และจะมีผู้คนนับแสนที่แต่งกายในชุดแฟนซีแบบจัดเต็มมารวมตัวกันตามถนนรอบ สถานีชิบูย่า เพื่อปาร์ตี้มันๆ กันตลอดคืน ในปี 2018 มีผู้เข้าร่วมงานกว่า 300,000 คนเลยทีเดียว ผู้คนมากมายที่ออกมารวมตัวกันนี้ส่วนมากเป็นวัยรุ่นตอนปลายและคนวัย 30 ต้นๆ มีทั้งชาวญี่ปุ่นและนักท่องเที่ยว และถึงแม้งานฮาโลวีนที่ ชิบูย่า จะไม่ใช่เทศกาลอย่างเป็นทางการ แต่ตำรวจก็มักจะปิดถนนเพื่อความปลอดภัยของผู้เข้าร่วมงานเทศกาลนี้ ชิบูย่าฮาโลวีน 2019 งานฮาโลวีนที่ ชิบูย่า จะจัดขึ้นในคืนวันฮาโลวีนและช่วงสุดสัปดาห์ก่อนจะถึงวันฮาโลวีน ในปี 2019 นี้งานเฉลิมฉลองจะจัดขึ้นในวันศุกร์ที่ 25 ตุลาคม ไปจนถึงวันอาทิตย์ที่ 27 ตุลาคม และวันพฤหัสบดีที่ 31 ตุลาคม งานปาร์ตี้บนถนนจะจัดที่บริเวณ Shibuya Crossing หรือห้าแยกชิบูย่าอันโด่งดังระดับโลกไปจนถึงบริเวณถนน Shibuya Center-gai Shopping Street ไปร่วมงานได้ฟรีๆ แค่แต่งตัวให้เริ่ดสุดๆ แล้วก็ร่วมแจมได้เลย คนส่วนใหญ่จะรวมตัวกันราวๆ 5- 6 โมงเย็น แอบบอกก่อนว่างาน Shibuya Halloween 2019 นี้ ห้ามดื่มเหล้าบนถนนและสวนสาธารณะรอบๆ สถานีชิบูย่า นะ ถ้าอยากจะดื่มจริงๆ ให้แวะร้านอิซากายะ (บาร์ญี่ปุ่น) หรือร้านอาหารที่มีอยู่มากมายทั้งในและรอบๆ ชิบูย่า [กิจกรรมน่าสนใจในงาน Shibuya Halloween 2019] เดินเที่ยวที่ ห้าแยกชิบูย่า: ไปเที่ยวงานฮาโลวีนที่ ชิบูย่า ทั้งที ต้องไม่พลาดไปเยือนทางแยกโกลาหลอันโด่งดังท่ามกลางแสงสีอันเจิดจ้าและมีฉากหลังเป็นทีวีจอยักษ์ที่ติดตั้งอยู่ตามตึก ห้าแยกชิบูย่า เป็นหนึ่งในทางแยกที่พลุกพล่านที่สุดในโลกและมีคนหนาแน่นขึ้นอีกในวันฮาโลวีน วิธีไปห้าแยกชิบูย่านั้นง่ายมาก แค่เดินตามผู้คนที่หลั่งไหลแล้วก็เดินปนๆ ไปกับเขาได้เลย ถ่ายรูปกับคนอื่นๆ ในงานฮาโลวีน: คนส่วนใหญ่ที่ไปเที่ยวงานชิบูย่าฮาโลวีนจะแต่งหน้าแต่งตาและสวมชุดแฟนซีเต็มยศ มีทั้งแบบตลก สยองขวัญ และก็แบบธรรมดาสุดๆ ไปเลย ถ้าเกิดเห็นใครแต่งตัวโดนใจ ก็สามารถขอถ่ายรูปหรือถ่ายรูปคู่กับเขาได้เลย และถ้าเราแต่งตัวไปกระแทกตาใครเข้า ก็อาจจะมีคนมาขอถ่ายรูปได้เหมือนกันนะ ไปดูรูปปั้นฮาจิโกะ: ระหว่างเดินเที่ยวที่ ห้าแยกชิบูย่า ควรถือโอกาสนี้ไปชม อนุสาวรีย์ฮาจิโกะ (Hachiko Memorial Statue) เสียหน่อย อนุสาวรีย์แห่งนี้เป็นแลนด์มาร์กอย่างไม่เป็นทางการที่โด่งดังมากที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น ที่นี่เป็นที่ตั้งของรูปปั้นสุนัขที่รอคอยเจ้าของตรงที่เดิมทุกวันอย่างจงรักภักดี อนุสาวรีย์ฮาจิโกะตั้งอยู่ที่หน้าทางออก Hachiko ของ สถานีชิบูย่า คนญี่ปุ่นส่วนใหญ่ก็มักจะนัดหมายกันที่รูปปั้นนี้ ออกไปปาร์ตี้ตามไนต์คลับ: แรกเริ่มนั้นชิบูย่าฮาโลวีนคืออีเว้นท์ที่จัดกันตามแดนซ์คลับ และคลับในโซนยอดนิยมก็ยังคงจัดงานฮาโลวีนสนุกๆ ไปพร้อมกับปาร์ตี้ด้านนอก คลับดังใน ย่านชิบูย่า ที่น่าไปในช่วงเทศกาลฮาโลวีนและสุดสัปดาห์ก่อนถึงเทศกาลก็คือ WOMB, Club Camelot Night Club, และ Sound...
อ่านเพิ่มเติม
กินดื่มยามค่ำคืนในโตเกียว : 10 สุดยอดบาร์และผับในโตเกียว
ถ้าใครกำลังมองหาบาร์เด็ดๆ ใน โตเกียว เพื่อจะได้ออกเริงร่ายามราตรีละก็ บอกได้เลยว่างานนี้ต้องสนุกแน่ เพราะบาร์ในโตเกียวถือว่าติดระดับท็อปของโลกเลยล่ะ บาร์และร้านอาหารที่น่าสนใจใน โตเกียว มีอยู่หลายแห่ง ส่วนใหญ่อยู่แถวๆ ย่าน ชินจูกุ (Shinjuku) ส่วนย่าน ชิบูย่า (Shibuya), มินาโตะ (Minato), ชูโอ (Chuo) และ เซตางะยะ (Setagaya) ก็เป็นแหล่งกินดื่มที่มีชื่อเสียงเช่นกัน 1. Ben Fiddich ถ้าอยากสัมผัสศิลปะการมิกซ์เครื่องดื่มขั้นสูงล่ะก็ ต้องไปที่ร้าน Ben Fiddich ใน ย่านชินจูกุ เลย ที่นี่เป็นค็อกเทลเล้าจน์เล็กๆ ขนาด 15 คนนั่ง ขอบอกว่าบรรยากาศชิลเว่อร์เลยล่ะ ร้านนี้เปิดมาตั้งแต่ปี 2013 และขึ้นแท่นบาร์สุดฮ็อตใน โตเกียว ได้อย่างรวดเร็ว ที่ร้านตกแต่งด้วยบรรยากาศของบาร์เก่าในยุโรปผสมกับร้านยาโบราณของญี่ปุ่น ทำให้าร้านดูมีเอกลักษณ์ เพลงคลาสสิกและแสงไฟสลัวๆ ช่วยผ่อนคลายจิตใจระหว่างนั่งจิบค็อกเทลรสชาติละมุน ตอนเสั่งเครื่องดื่มลูกค้าสามารถเลือกเหล้าเบสแบบที่เราชอบได้เลย แล้วบาร์เทนเดอร์จะชงค็อกเทลสูตรพิเศษให้โดยใช้เครื่องเทศและสมุนไพรท้องถิ่นเป็นตัวชูรสชาติ เจ้าของร้านอย่างคุณ Hiroyasu Kayama คือมือชงค็อกเทลขั้นเทพและยังเป็นแฟนตัวยงของเหล้าแอบแซ็งธ์อานุภาพรุนแรงอีกด้วย หากได้มาเยือนร้านนี้ก็อย่าลืมลองสั่งค็อกเทลแอบแซ็งธ์ที่เป็นเมนูเด็ดของทางร้านด้วยนะ ร้าน Ben Fiddich ตั้งอยู่ที่เลขที่ 1-13-7 Nishishinjuku, 9F Yamatoya Bldg., Shinjuku 160-0023 เข้าพักที่ โรงแรมซันรูท ฮิงาชิ ชินจูกุ แล้วออกไปเที่ยว ย่านชินจูกุ ค้นหาที่พักราคาดีที่สุดใกล้ สถานีชินจูกุ 2. What the Dickens! คงไม่มีใครคาดคิดว่าผับอังกฤษจะติดอันดับผับที่ดีที่สุดของ โตเกียวหรอกเนอะ แต่ในเมื่อร้าน What the Dickens! มันดีซะขนาดนั้น แล้วจะให้เราว่ายังไงล่ะ ผับแห่งนี้อยู่ห่างจากสถานีรถไฟ สถานี Ebisu ไปไม่กี่นาที ที่นี่มีอาหารคลาสสิกสไตล์ผับอังกฤษให้เราชิมในย่านใจกลาง กรุงโตเกียว เช่น พายกับมันฝรั่งทอดหรือไก่กับมันฝรั่งทอด นอกจากนี้ยังมีเบียร์อังกฤษแบบแท็บให้เลือกเพียบ ทั้ง stella artois, guinness และ london pride รวมทั้งเบียร์ลาเกอร์ สเตาท์ และเอล ไซเดอร์แบบเเท็บก็ยังมีเลยนะ สำหรับดนตรีสดของที่นี่ก็เป็นวงคนญี่ปุ่นที่เล่นเพลงคัฟเวอร์ ชมได้ทุกคืนไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม แถมบางคืนมีโชว์ตลกด้วยแน่ะ ที่ What the Dickens! มีของดีเพียบขนาดนี้ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมร้านนี้จึงเป็นร้านเด็ดที่เหมาะมาดื่มเบียร์ นั่งชิลๆ ฟังเพลงกันเพลินๆ ร้าน What the Dickens! ตั้งอยู่ที่เลขที่ 1-13-3 Ebisunishi, Shibuya 150-0021. เข้าพักที่ โตคิว สเตย์ ชิบูย่า ชิน มินามิ กูจิ แล้วออกไปนั่งชิลที่ What the Dickens! ค้นหาที่พักราคาดีที่สุดใกล้ สถานี Ebisu 3. Nikka Blender’s Bar วิสกี้นิกกะ (Nikka) ได้ชื่อว่าเป็นวิสกี้ที่ดีที่สุดในโลกยี่ห้อหนึ่ง ซึ่งโดดเด่นขึ้นมาเหนือคู่แข่งวิสกี้แบรนด์นานาชาติในช่วงยี่สิบปีมานี้ คนที่เป็นแฟนนิกกะและวิสกี้อื่นๆ ทั่วไปไม่ควรพลาดร้าน...
อ่านเพิ่มเติม
ที่พักในโตเกียว: 13 สุดยอดโรงแรมสำหรับครอบครัวในโตเกียว
โตเกียว เป็นจุดหมายปลายทางที่ยอดเยี่ยมสำหรับครอบครัว โดยมีความสมดุลที่สมบูรณ์แบบระหว่างประสบการณ์ทางวัฒนธรรมและสถานที่ท่องเที่ยวที่ทันสมัย เมื่อถึงเวลาเลือกที่พัก โตเกียวมีตัวเลือกมากมายที่เหมาะกับความต้องการของครอบครัว โรงแรมที่เป็นมิตรกับครอบครัวหลายแห่งในโตเกียวได้รับการออกแบบโดยคำนึงถึงความสะดวกสบาย โดยมีห้องพักกว้างขวางที่สามารถรองรับทั้งพ่อแม่และเด็กๆ ได้อย่างสบาย โรงแรมเหล่านี้มักมีสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น พื้นที่เล่นสำหรับเด็ก ตัวเลือกการรับประทานอาหารสำหรับครอบครัว และแม้แต่โปรแกรมพิเศษสำหรับเด็กเพื่อให้แขกตัวน้อยได้รับความบันเทิง เคล็ดลับของการพักผ่อนกับครอบครัวในโตเกียวให้ราบรื่นคือการหาโรงแรมที่ตั้งอยู่ในทำเลที่ดี ใกล้กับระบบขนส่งสาธารณะ และสามารถเดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม เช่น สวนสนุก พิพิธภัณฑ์ และย่านช้อปปิ้งได้โดยสะดวก นอกจากนี้ โรงแรมสำหรับครอบครัวหลายแห่งยังมีบริการต่างๆ เช่น บริการดูแลเด็ก เมนูอาหารสำหรับเด็ก และกิจกรรมต่างๆ ที่ออกแบบมาเพื่อดึงดูดกลุ่มวัยต่างๆ เพื่อให้แน่ใจว่าทั้งพ่อแม่และลูกๆ จะมีช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยม ไม่ว่าจะมาพักระยะสั้นหรือยาว โรงแรมสำหรับครอบครัวในโตเกียวก็พร้อมให้การต้อนรับและมอบความสะดวกสบายเพื่อสร้างความทรงจำไม่รู้ลืม เวลาเดินทางกับเด็กๆ เรื่องสำคัญที่ควรขีดเส้นใต้ไว้ก็คือต้องจองโรงแรมที่มีพื้นที่กว้าง มีสิ่งอำนวยความสะดวกจำเป็น และอยู่ใกล้ระบบขนส่งและสถานที่เที่ยวสำหรับเด็ก และนี่คือโรงแรมสำหรับครอบครัว 15 แห่งใน โตเกียว ที่มีครบทุกอย่างที่ว่ามา ซึ่งจะทำให้วันหยุดของครอบครัวในเมืองอันแสนคึกคักนี้ราบรื่นและสนุกสนานมากขึ้น 1. Hotel Gracery Shinjuku ที่อยู่: 1-19-1 Kabukicho, Shinjuku, Tokyo, Japan, 160-0021 โรงแรมระดับ 4 ดาวแห่งนี้มีสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับครอบครัวครบครัน แถมยังตั้งอยู่ใกล้กับที่เที่ยวดังๆ สำหรับครอบครัวในโตเกียวอีกด้วย ผู้เข้าพักเลือกได้ทั้งห้องพักเดี่ยว ห้องพักเตียงแฝด และห้องพักสามเตียง พร้อมเครื่องปรับอากาศ ฟรี Wi-Fi และทีวีจอแบน แถมยังตู้กดอัตโนมัติ ส่วนร้านอาหาร 2 แห่งของโรงแรมก็เปิดจนถึงดึกเผื่อใครหิวตอนกลางคืน ที่เที่ยวน่าไปใกล้ที่พัก Robot Restaurant ชินจูกุแบตติ้งเซ็นเตอร์ (Shinjuku Batting Center) ชินจูกุ โกลเดน ไก (Shinjuku Golden Gai) สวนโอคุโบะ (Okubo Park) เข้าพักที่ Hotel Gracery Shinjuku (โรงแรมเกรเซอรี ชินจุกุ) แล้วออกไปกินอาหารค่ำและชมโชว์อลังการที่ ร้าน Robot Restaurant   ค้นหาที่พักราคาดีที่สุดสำหรับครอบครัวใกล้ ร้าน Robot Restaurant 2. Hundred Stay Tokyo Shinjuku ที่อยู่: 2-27-7 Hyakunin-cho, Shinjuku, Tokyo, Japan, 169-0073 ใครคิดจะพักโตเกียวนานๆ ลองดูโรงแรมนี้นะ ที่นี่เป็นห้องชุดสไตล์อพาร์ตเมนต์มีห้องครัวพร้อมอุปกรณ์ครบ ห้องน้ำส่วนตัว เครื่องซักผ้าและเครื่องอบผ้า กับห้องนั่งเล่นแยกต่างหาก ภายในห้องมีเตียงถึง 6 เตียง นอนรวมกันทั้งครอบครัวได้สบายๆ ที่เที่ยวน่าไปใกล้ที่พัก พิพิธภัณฑ์ซามูไร (Samurai Museum) สวนคิตะ ชินจูกุ (Kita-Shinjuku Park) พิพิธภัณฑ์ศิลปะซนโปะ เจแปน นิปปอนโคอะ (Sompo Japan Museum of Art) ตึก Shinjuku Grand Tower เข้าพักที่ Hundred Stay Tokyo Shinjuku (ฮันเดรด สเตย์ โตเกียว ชินจุกุ)...
อ่านเพิ่มเติม
เที่ยวโอซาก้า: 7 โรงแรมและที่พักราคาประหยัดในโอซาก้า
การเลือกที่พักใกล้ที่เที่ยวดังใน โอซาก้า ไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องเอางบท่องเที่ยววันหยุดไปทุ่มกับโรงแรมจนหมด ลองไปเข้าพักในโรงแรมราคาประหยัดแล้วเก็บเงินไว้เอาไปเที่ยวสนุกๆ กันดีกว่า ขอบอกเลยว่าโรงแรมและที่พักราคาถูกทั้ง 7 แห่งที่เราจะแนะนำนี้มันดีมากๆ ช่วยประหยัดได้เยอะเลย 1. Sotetsu Fresa Inn Osaka-Yodoyabashi พักผ่อนสบายๆ แล้วตื่นมากินอาหารเช้าสไตล์ตะวันตกมื้อใหญ่ ก่อนออกไปทัวร์ให้ทั่ว โอซาก้า - Sotetsu Fresa Inn Osaka-Yodoyabashi เป็นโรงแรมทำเลดีใจกลางเมือง เริ่มเปิดให้บริการเมื่อเดือนเมษายน 2018 นี่เอง นักท่องเที่ยวที่มาพักจะได้นอนหลับสบายบนที่นอนคุณภาพเยี่ยม ภายในห้องพักมีเครื่องฟอกอากาศกับฟรีอินเทอร์เน็ตด้วย ที่เที่ยวใกล้ที่พักที่สามารถเดินไปได้ ปราสาทโอซาก้า พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์โอซาก้า ถนนช้อปปิ้งชินไซบาชิ พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์โอซาก้า อาคาร Shibakawa Building การเดินทาง จะเลือกเดิน 5 นาทีจาก สถานี Naniwabashi หรือเดิน 7 นาทีจาก สถานี Sakaisuji Hommachi ก็ไปถึง Sotetsu Fresa Inn Osaka-Yodoyabashi 2. Hotel Oriental Express Osaka Shinsaibashi เพิ่มความสะดวกสบายและความเก๋ไก๋ให้กับการพักผ่อนที่ โอซาก้า ด้วยการเข้าพักที่ Hotel Oriental Express Osaka Shinsaibashi ซึ่งตั้งอยู่ใจกลาง ย่านช้อปปิ้งชินไซบาชิ (Shinsaibashi shopping district) ดูสิ ที่นี่มีสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างที่ชาร์จโทรศัพท์ภายในห้อง พร้อมลำโพงความชัดระดับสูง ฟรี Wi-Fi และเครื่องซักอบผ้าภายในโรงแรม นอกจากนี้ยังมีคาเฟ่สเปซไว้นั่งสบายๆ รองรับผู้เข้าพักที่เดินทางมาทำธุรกิจด้วย ที่เที่ยวใกล้ที่พักที่สามารถเดินไปได้ ถนนช้อปปิ้งชินไซบาชิ โดทงโบริ และ ทางเดินริมแม่น้ำทงโบริ สวนนัมบะพาร์ค Free Space C FLAT cultural center แหล่งช้อปปิ้ง Minamisemba การเดินทาง จาก สถานี Shinsaibashi ใช้เวลาเดินเพียง 5 นาทก็ถึง Hotel Oriental Express Osaka Shinsaibashi 3. Sarasa Hotel Namba เข้าพักแบบลั้นลาที่ Sarasa Hotel Namba โรงแรมที่พนักงานน่ารัก มีเครื่องซักผ้าอบผ้าหยอดเหรียญ บริเวณสำหรับสูบบุหรี่ และฟรี Wi-Fi พนักงานที่นี่พร้อมให้บริการ 24 ชั่วโมง แถมมื้อเช้าของโรงแรมก็เป็นบุฟเฟ่ต์ที่มีทั้งอาหารตะวันตกและอาหารญี่ปุ่นให้เลือกเลย ที่เที่ยวใกล้ที่พักที่สามารถเดินไปได้ สวนนัมบะพาร์ค โรงละคร Shochikuza หอคอยซึเทนคาคุ แหล่งช้อปปิ้งชินไซบาชิ วัดชิเทนโนจิ วัดพุทธ Daijobo ถนนช้อปปิ้ง Sennichimae Doguyasuji การเดินทาง จาก สถานี Namba ใช้เวลาเดินเพียง 5 นาทก็ถึง Sarasa Hotel Namba 4. New Osaka Hotel...
อ่านเพิ่มเติม
ที่เที่ยวโอซาก้า : 6 สถานที่น่าไปในโอซาก้า "ครัวแห่งชาติ" ของญี่ปุ่น
สภาพอากาศที่ดีและอาหารท้องถิ่นแสนอร่อยถือเป็นไฮไลต์เรียกแขกของ โอซาก้า เลยละ และนอกจากชายหาดสวยๆ กับร้านอาหารอร่อยขั้นเทพแล้ว เมืองใหญ่อันดับสามของญี่ปุ่นแห่งนี้ยังมีที่เที่ยวเด็ดอีกเพียบ เช่น สวนสนุกสุดทันสมัยกับแลนด์มาร์กเก่าแก่ที่ผสานกันอย่างลงตัว บอกเลยว่าถ้าได้ไปเที่ยวโอซาก้าแล้วจะรู้สึกว่าวันหยุดนี้มันช่างคุ้มสุดคุ้มเสียจริง 1.ไถสไลเดอร์น้ำในฤดูร้อนแล้วร่อนไอซ์สเก็ตในฤดูหนาวที่สวนสนุกฮิราคาตะ ไปปล่อยพลังงานให้สุดๆ กับทุกๆ คนในครอบครัวที่สวนสนุกชื่อดังของโอซาก้ากันเถอะ สวนสนุกฮิราคาตะ (Hirakata Park) มีตั๋วรวมเครื่องเล่นสำหรับลูกค้าที่อยากเล่นเครื่องเล่นหวาดเสียวอย่างรถไฟเหาะตีลังกา ชิงช้าสวรรค์ หรือเครื่องเล่นทางน้ำ ส่วนกิจกรรมที่เหมาะกับทุกคนในครอบครัวก็มีสไลเดอร์น้ำ เกมยิงปืนเลเซอร์ และเกมผจญภัยในป่าซาฟารี สวนสนุกแห่งนี้เปิดทุกวันตลอดปี ส่วนในช่วงหน้าหนาว ลานจอดรถจะถูกดัดแปลงเป็นลานสเก็ตน้ำแข็ง ค่าตั๋ว (ค่าเข้าพร้อมตั๋วรวมเครื่องเล่น) ผู้ใหญ่ – 4,400 เยน เด็กวัยประถมศึกษา – 3,800 เยน เด็กก่อนวัยเรียน อายุ 2 ปี – 2,600 เยน เวลาเปิดทำการ 10:00 น. - 17:00 น. วันอังคาร - อาทิตย์ ปิดทุกวันจันทร์ วิธีการเดินทาง นั่งรถไฟ Keihan Railway ไปลงที่สถานี Hirakata-Koen เข้าพักในที่พักย่าน ฮิราคาตะ โกะเอง เลาจน์ แอนด์ สเตย์ Osaka English House โรงแรมชาเปล โคโคนัต   แล้วออกไปเที่ยวที่ สวนสนุกฮิราคาตะ 2. เที่ยวชมสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ในป่าฝนและเล่นกับสัตว์น้อยน่ารักที่สวนสัตว์โอซาก้าเทนโนจิ ชมสัตว์น้อยใหญ่ในสภาพแวดล้อมตามธรรมชาติที่ สวนสัตว์โอซาก้าเทนโนจิ (Osaka Tennoji Zoo) กันดีกว่า นอกจากสวนสัตว์แห่งนี้จะมีสัตว์ป่ากว่า 1,000 ตัวแล้ว ที่นี่ยังมีสัตว์น่ารักที่เราได้ชมอย่างใกล้ชิด มีป่าฝน กรงนกขนาดใหญ่ และบ้านหมีขั้วโลกด้วย แต่ละปีมีนักท่องเที่ยวกว่า 1.5 ล้านคนเข้ามาเที่ยวชมภายในสวนสัตว์ซึ่งแบ่งออกเป็นโซนต่างๆ ที่มีเอกลักษณ์ถึง 4 โซนใหญ่ๆ ได้แก่ ทุ่งหญ้าสะวันนาอัฟริกัน (African Savanna), ป่าฝนเขตร้อนเอเชีย และ บ้านโคอาล่า (Asian Tropical Rain Forest and Koala House), กรงนกยักษ์ และ บ้านหมีโพล่าร์ (Flight Aviary and Polar Bear House) และโซนสุดท้ายคือ จัตุรัสแห่งมิตรภาพ (Friendship Square) ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถเล่นกับหนูตะเภาและชมม้าแคระญี่ปุ่น Noma พันธุ์หายากได้ด้วย ตั๋วเข้าชมสวนสัตว์เทนโนจิ ผู้ใหญ่ (อายุตั้งแต่ 16 ปีขึ้นไป) – 500 เยน เด็ก (ประถมศึกษา-มัธยมศึกษาตอนต้น) – 200 เยน ผู้สูงอายุ (อายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไป) และผู้พิการ – เข้าฟรี (ผู้ที่มีถิ่นพำนักในโอซาก้าเท่านั้น) เวลาเปิดทำการ 09:30 น. - 18:00. น....
อ่านเพิ่มเติม
15 กิจกรรมดีๆ ทั้งฟรีและถูกในย่านอิเคะบุคุโระ (Ikebukuro)
สถานีอิเคะบุคุโระ สถานีรถไฟที่จอแจเป็นอันดับสองของเมือง แต่ถึงอย่างนั้นย่าน อิเคะบุคุโระ ก็ยังเหมาะแก่การเป็นจุดเริ่มต้นในการเที่ยวโตเกียวอยู่ดี ที่นี่เราจะได้เจอทั้งแหล่งช้อปปิ้ง แหล่งรวมความบันเทิง สถาปัตยกรรมอันน่าสนใจ และสถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่ซ้ำใคร ที่สำคัญคือส่วนใหญ่แล้วเหมาะกับคนที่กังวลเรื่องงบอยู่พอดี และนี่คือ 15 ที่เที่ยวดีๆ ในอิเคะบุโระ ที่จะไม่มีวันทำให้ใครต้องปวดใจเรื่องเงินไม่พอแน่นอน 1. เดินเล่นที่ Sunshine City Sunshine City เปิดเมื่อปีค.ศ.1978 ที่อิเคะบุคุโระ เป็น "เมืองซ้อนเมือง" แห่งแรกของโตเกียว จุดเด่นที่ดังสุดๆ ของที่นี่คือมีตึก Sunshine 60 สูงถึง 787 ฟุต นอกจากนี้ยังมีศูนย์การค้าที่จุร้านต่างๆ ไว้กว่า 200 ร้าน กับร้านอาหารอีกเพียบ รวมถึงธีมปาร์กสองแห่ง ดาดฟ้าชมวิวสองจุด พิพิธภัณฑ์อีกหนึ่งแห่ง และท้องฟ้าจำลองด้วย ห้างสรรพสินค้าในศูนย์การค้า Sunshine City มีอยู่สองห้างคือ ALPA ที่มีร้านค้าประมาณ 180 ร้านกับคาเฟ่และร้านอาหารอีกเล็กน้อย ห้างที่สองคือ ALTA มีร้านให้ช้อปน้อยกว่า คือประมาณ 70 ร้าน แต่มีร้านอาหารให้เลือกเพียบ ส่วนการเดินทางมา Sunshine City ก็แสนสะดวกเพราะอยู่ติดกับทั้ง สถานี Higashi-Ikebukuro (ทางออก 6 และ 7) และติดกับ โรงแรม Sunshine City Prince Hotel Ikebukuro Tokyo [สินค้าน่าช้อปและที่เที่ยวใน Sunshine City] สินค้าแฟชั่นสำหรับผู้ชายและผู้หญิง สินค้าแฟชั่นสำหรับเด็ก สินค้าไลฟ์สไตล์ รองเท้า คาเฟ่ ห้องอาหาร SkyRestaurants อควาเรียม สวนสนุก Namja Town ท้องฟ้าจำลอง Konica Minolta Planetariu“Manten” จุดชมวิว เข้าพักที่ โรงแรมรูท อินน์ โตเกียว อิเกะบุกุโระ แล้วออกไปเที่ยว Sunshine City ค้นหาที่พักราคาประหยัดใกล้ Sunshine City 2. เพลินไปกับร้านอนิเมะและมังงะบนถนนโอโตเมะ (Otome) ต่อให้ไม่ใช่แฟนอนิเมะหรือมังงะก็ยังสนุกได้อยู่ดีที่ถนนโอโตเมะ ซึ่งอยู่ทางฝั่งตะวันตกของ ตึก Sunshine 60 ที่นี่เป็นอากิฮาบาระ (Akihabara) เวอร์ชั่นที่เหมาะกับผู้หญิงขึ้นมาหน่อย มีร้านอนิเมะและมังงะขายทั้งหนังสือ ดีวีดี ชุดคอสเพลย์ ของสะสมและโดจิน (นิตยสาร นิยาย และการ์ตูนที่แฟนๆ ตีพิมพ์เอง) นอกจากนี้ ถนนโอโตเมะ ยังเป็นที่ตั้งของ อนิเมท (Animate) สำนักงานใหญ่ ตึกสูง 7 ชั้นนี้มีสินค้าเกี่ยวกับอนิเมะอยู่อย่างครบครัน [ร้านน่าช้อปบนถนนโอโตเมะ] K-Books Mandarake Animate Lashinban HACOSTADIUM cosset เข้าพักที่ บุค แอนด์ เบด โตเกียว อิเคบุกุโระ แล้วออกไปเที่ยว ถนนโอโตเมะ ค้นหาเกสต์เฮาส์ราคาดีที่สุดใกล้ ตึก...
อ่านเพิ่มเติม
ชมใบไม้เปลี่ยนสีที่ญี่ปุ่น: 7 ทริปเดินเขา ชมใบไม้เปลี่ยนสีสุดฟิน ถ่ายรูปสวยทุกมุม
การตามล่าหาใบเมเปิ้ลสีแดงสด หรือต้นแปะก๊วยสีทองอร่ามที่เรียงรายเป็นทิวแถว และทุ่งดอกไม้ที่ไหนๆ ก็ไม่เหมือนที่ญี่ปุ่น Koyo หรือฤดูใบไม้เปลี่ยนสีของญี่ปุ่นเริ่มตั้งแต่กลางเดือนกันยายนที่ภาคเหนือ แล้วค่อยๆ ไล่ไปตามจังหวัดที่เหลือภายในเวลาเพียง 90 วัน แบ็กแพ็กเกอร์สายแข็งทั้งหลายที่อยากเดินทางไปตามที่ต่างๆ ที่ใบไม้เปลี่ยนสี ก็จงเก็บกระเป๋าแล้วเตรียมอุปกรณ์ล่าใบไม้เปลี่ยนสีให้พร้อม (ทั้งกล้อง มือถือ และไม้เซลฟี่) เพราะช่วงเวลาใบไม้เปลี่ยนสีไม่ได้อยู่นาน แถมยังเกิดขึ้นแค่ปีละครั้งเท่านั้น 1. อุทยานแห่งชาติไดเซ็ตสึซัง (Daisetsuzan National Park) ซัปโปโร ไม่มีโอกาสที่สองสำหรับการสร้างความประทับใจแรก ดังนั้นฤดูใบไม้ร่วงที่ ฮอกไกโด (Hokkaido) จึงเกิดขึ้นแบบตูมเดียว! "Playground of the Gods" คือสถานที่แห่งแรกในญี่ปุ่นที่ใบไม้จะเริ่มเปลี่ยนสีและกลายเป็นทะเลสีแดง ทอง และเขียวอย่างรวดเร็ว เราสามารถไปชมวิวสะกดสายตาได้จากมุมสูง เช่น ภูเขาอาซาฮี (Mount Asahi) และ ไดเซ็ตสึ โคเก็น ออนเซ็น (Daisetsu Kogen Onsen) หรือจะดื่มด่ำในบ่อน้ำพุร้อนกลางธรรมชาติที่ Sounkyo Hot Spring ก็ได้เช่นกัน เข้าพักที่ อะซาฮิดาเกะ ออนเซ็น โฮเต็ล เดียร์ วัลเลย์ แล้วออกไปเที่ยว อุทยานแห่งชาติไดเซ็ตสึซัง ค้นหาที่พักราคาดีที่สุดใกล้ ภูเขาอาซาฮี 2. Hitachi Seaside Park ที่อิบารากิ (Ibaraki) ต้นโคเชีย (Kochia) หรือที่รู้จักกันในชื่อ Burning Bush จะเปลี่ยนสีเหมือนไฟลุกพรึ่บในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี โดยจะเป็นสีแดงเข้มในช่วงฤดูในไม้ร่วงเท่านั้น และพุ่มไม้เหล่านี้จะยิ่งสวยสุดๆ หากเราได้มองมาจากด้านบนเขา จะเลือกเดินเขาขึ้นไปเพื่อดื่มด่ำกับวิวมหาสมุทรแปชิฟิกแบบสุดลูกหูลูกตา หรือจะขึ้นรถไฟที่สวนเพื่อชมทุ่งสีแดงเพลิง ทุ่งดอกคอสมอส ดอกซินเนีย ดอกลิลี่ และไม้อวบน้ำต่างๆ ที่บานในเดือนตุลาคมก็ได้เช่นกัน เข้าพักที่ โรงแรมคริสตัล พาเลซ แล้วออกไปเที่ยว Hitachi Seaside Park ค้นหาโรงแรม ที่พัก อพาร์ตเมนต์ ราคาดีที่สุดใน อิบารากิ 3. อุทยานแห่งชาติโอเซะ (Oze National Park) ตอนเหนือของโตเกียว แนวคิดหนึ่งอันแสนโรแมนติกของกวีก็คือ ไม่มีความทองใดๆ ที่ยั่งยืน ดังนั้นเราจึงไม่ควรพลาดฤดูใบไม้ร่วงของญี่ปุ่นเด็ดขาด โดยเฉพาะบริเวณบึงที่ใหญ่ที่สุดในเขตที่ราบสูงของญี่ปุ่นแห่งนี้ ซึ่งรับรองได้เลยว่าทุกคนจะได้เห็นภาพใบไม้เปลี่ยนสีประจำปีกันอย่างเต็มตาแน่นอนระหว่างเดินเขาตามเส้นทางธรรมชาติและทุ่งหญ้า หากมาถูกช่วงถูกเวลาก็จะได้เก็บภาพท้องทุ่งสีแดง-เหลือง ซึ่งจะเป็นอีกเรื่องดีๆ อันน่าประทับใจที่นำกลับไปแชร์ให้คนอื่นฟังได้ด้วย เข้าพักที่ ซันซัง-คาเฟ แอนด์ บาร์ แอนด์ แบ็กแพกเกอร์ แล้วออกไปเที่ยว อุทยานแห่งชาติโอเซะ ในหมู่บ้านคะตะชินะ ค้นหาเรียวกังราคาดีที่สุดใน กุนมะ 4. อุทยานแห่งชาติ Meiji no Mori Mino Quasi หรืออุทยานมิโนโอะ (Minoo Park) โอซากา นอกจาก Meiji no Mori Minō Quasi-National Park หรือ อุทยานมิโนโอะ จะมีน้ำตกขนาดใหญ่เป็นจุดขายแล้ว ยังมีสิ่งดึงดูดนักล่าใบไม้เปลี่ยนสีด้วย นั่นคือม่านใบสนและเมเปิ้ลหลากสี ลองเดินไปตามทางเลียบช่องเขาของอุทยาน แล้วลิ้มรสความหวานกรอบของโมมิจิเทมปุระ (Momiji Tempura)...
อ่านเพิ่มเติม
ร้านอาหารในซัปโปโร: 5 ร้านอาหารสำหรับลิ้มรสอาหารญี่ปุ่นแท้ๆ
อาณาจักรอาหารแห่งซัปโปโรเต็มไปด้วยอาหารทะเลสดๆ ในฝันของใครหลายๆ คน วัตถุดิบต่างๆ จากทั่วฮอกไกโดมารวมกันอยู่ที่ ซัปโปโร ฉะนั้นไปเที่ยวซัปโปโรทั้งที มาทำทริปนี้ให้เป็นทริปแห่งความอร่อยกันดีกว่า ซัปโปโรมีอาหารทะเลสุดสร้างสรรค์รออยู่ เช่นเดียวกับอาหารญี่ปุ่นแท้ๆ อย่างราเม็ง และปิ้งย่างสไตล์ญี่ปุ่น ร้านอาหารซัปโปโรมีตัวเลือกมากมายที่นักกินตะลุยชิมไม่หมดภายในวันหรือสองวันแน่นอน เพราะฉะนั้นเราเลยคัดตัวอย่างอาหารญี่ปุ่นชั้นดีที่จะหาได้จาก ร้านอาหาร ที่ดีที่สุดใน ซัปโปโร มาให้ทุกคนตัดสินใจเลือกร้านกันได้ง่ายขึ้น 1. Okushiba Shoten Jikka : ฟินไปกับต้นตำรับซุปแกงกะหรี่น้ำสต็อกกุ้ง ร้านซุปแกงกะหรี่ร้านนี้ดังมาจากน้ำสต็อกดาชิกุ้งที่ต้มใหม่ทุกเช้า และใช้กุ้งถึง 4,000 ตัว! ซุปแกงกะหรี่ก็คือแกงกระหรี่แบบเหลวหน่อย ส่วนข้าวจะอยู่ข้างใต้ซุป การกินแบบนี้เกิดขึ้นที่ ซัปโปโร นี่แหละ ซุปแกงกะหรี่ของ Okushiba นั้นได้รสเครื่องเทศเข้มข้น แต่ก็ยังได้ความหวานอันเป็นเอกลักษณ์ของซุปดาชิกุ้งอยู่ แต่หากความเผ็ดร้อนไม่เข้าทางก็ไม่ต้องกังวลไป เพราะที่นี่เราเลือกได้ว่าอยากได้ความเผ็ดระดับไหน มีให้เลือกตั้งแต่ระดับ 0-12 แถมยังซื้อกลับบ้านได้ด้วย เผื่อใครติดใจแล้วอยากซื้อกลับไปกินอีกที่โรงแรมใน ซัปโปโร ที่ตั้งและเวลาเปิด-ปิด ร้าน Okushiba Shoten Jikka ตั้งอยู่ที่ เลขที่ 2, Kita 6 Jōnishi, Kita-ku, Sapporo. ห้าง PASEO WEST ชั้น G เวลาเปิด-ปิด: 11:00 น.–22:00 น. (รับออร์เดอร์สุดท้ายเวลา 21:00 น.) ค้นหาที่พักพร้อมอาหารอร่อยๆ ใน ซัปโปโร โรงแรมฮานะ โมมิจิ (Hana Momiji) โรงแรมชาเตอร์เรส กาโตว์ คิงดอม ซัปโปโร โฮเต็ล แอนด์ สปา รีสอร์ท (Chateraise Gateaux Kingdom Sapporo Hotel & SPA Resort) โรงแรมชิกาโนยุ (Hotel Shikanoyu)     2. Fujiya Noodle : มิโซะราเม็งรสเข้มข้น อร่อยจนหยดสุดท้าย Fujiya Noodle ได้รับรางวัล Bib Gourmand จากมิชลินไกด์ฉบับฮอกไกโดเมื่อปีค.ศ. 2017 ร้านนี้ตั้งอยู่ใน Shin Ramen Yokocho กลางย่าน Susukino เมนูมิโซะคือจานยอดนิยมประจำร้าน ส่วนเส้นราเม็งนุ่มหนึบก็ทำจากธัญพืชของ ฮอกไกโด 100% ส่วนผสมหลักของซุปทำจากน้ำสต็อกใส แต่เข้มข้นและได้ความรู้สึกครีมมี่ด้วย ที่พิเศษคือกลิ่นมิโซะอันทรงพลังของร้านนี้ทำให้หลายคนติดอกติดใจจนถึงขั้นต้องยกซดจนเกลี้ยงชามกันเลยทีเดียว ที่ตั้งและเวลาเปิด-ปิด ร้าน Fujiya NOODLE ตั้งอยู่ที่ เลขที่ 3, Minami 4 Jōnishi, Chūō-ku, Sapporo. ชั้น G อาคาร Green Building No. 3 (Shin Ramen Yokocho) เวลาเปิด-ปิด: 18:00 น.–03:00 น. ของวันถัดไป...
อ่านเพิ่มเติม
15 สุดยอดร้านอาหารในโตเกียว : รวมของอร่อยเด็ดในญี่ปุ่น
เมืองหลวงของญี่ปุ่นอย่าง โตเกียว นั้นมีอาหารชั้นเลิศอยู่ทั่วทุกมุมเมือง เพราะมีเชฟฝีมือจัดจ้านผู้มีไอเดียพลิกแพลงอาหารอยู่มากมาย และคนเหล่านี้แหละที่ยกระดับอาหารอย่างซูชิและราเมงให้กลายเป็นเมนูอินเตอร์ จนทำให้โตเกียวเป็นเมืองท่องเที่ยวเชิงอาหารที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลก สำหรับเมืองใหญ่ที่มีประชากรกว่า 9 ล้านคนอย่างโตเกียวนั้น เพียง 15 ร้านเด็ดที่เราคัดสรรมาอาจเป็นเพียงตัวอย่างอันน้อยนิดจากบรรดาสุดยอดร้านอาหารทั้งหมดในโตเกียว 1. Japanese Soba Noodles Tsuta – ราเมงระดับมิชลินสตาร์ ถ้าอยากกินราเมงร้านดังอย่าง Japanese Soba Noodles Tsuta คงต้องวางแผนล่วงหน้ากันสักหน่อย เพราะต้องไปรอรับบัตรคิวตั้งแต่เช้าตรู่เพื่อจะได้กินราเมงในช่วงกลางวันและเย็น แต่รับรองว่าคุ้มค่าความพยายามแน่นอน ราเมงของที่นี่มีน้ำซุปรสกลมกล่อมเป็นเอกลักษณ์ และเส้นที่ลวกสุกกำลังดี ดึงดูดชาวญี่ปุ่นและนักท่องเที่ยวผู้หิวโหยให้มาชิมราเมงที่ร้านนี้อย่างแน่นขนัดทุกวัน Japanese Soba Noodles Tsuta ตั้งอยู่ที่ 1 Chome-14, Sugamo, Toshima, Tokyo 170-0002, Japan เดินทางไปที่ร้านได้โดยนั่งรถไฟใต้ดินสาย Yamanote Rail Line ลงที่สถานี Sugamo Station จากนั้นเดินต่ออีก 2 นาที หรือจะลงที่สถานี Sengoku Station และ Komagome Station แล้วเดินต่อก็ได้เช่นกัน [เมนูแนะนำ] ที่ Japanese Soba Noodles Tsuta มีเมนูราเมงให้เลือกอย่างหลากหลาย โดยลูกค้าจะต้องเลือกรายการอาหารจากตู้อัตโนมัติ จากนั้นร้านจะทำราเมงสดใหม่ให้ตามออเดอร์ ราเมงธรรมดาราคาประมาณ 1,600 เยน ซึ่งถูกเหลือเชื่อเมื่อเทียบกับการได้กินอาหารระดับมิชลินสตาร์ เข้าพักที่ Smile Hotel Sugamo แล้วออกไปเที่ยว สถานี Sugamo Station ค้นหาร้านอาหารที่ดีที่สุดในโตเกียวและ ที่พักราคาดีในซูงะโมะ (Sugamo) 2. Narisawa – ศิลปะการรับประทานอย่างสร้างสรรค์ Narisawa เป็นร้านอาหารยอดนิยมของเชฟชื่อดังอย่าง Yoshihiro Narisawa ที่นี่ให้ความสำคัญกับเรื่องนวัตกรรมอาหาร ความยั่งยืน และการสร้างขยะจากอาหารให้น้อยที่สุด อาหารของ Narisawa จะเสิร์ฟสไตล์โอมากาเสะ (หมายถึง “ให้เชฟจัดมาเลย”) โดยมีเมนูใหม่ทุกวัน ขึ้นอยู่กับเนื้อสัตว์ สมุนไพร และวัตถุดิบใหม่ๆ ที่ได้ในฤดูกาลต่าง และที่ร้านเปิดรับเฉพาะลูกค้าที่จองล่วงหน้ามาก่อนเท่านั้น Narisawa ตั้งอยู่ที่ 2-6-15 Minami Aoyama, Minato 107-0062, Tokyo Prefecture. เดินทางไปที่ร้านได้โดยนั่งรถไฟใต้ดินสาย Tokyo Metro Ginza Subway Line ลงที่สถานี Aoyama-Itchome Station จากนั้นเดินต่อีก 4 นาที หรือจะลงที่สถานีใกล้เคียงอย่างสถานี Gaiemmae Station ก็ได้ [เมนูแนะนำ] แม้ว่าเมนูที่ Narisawa จะเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด แต่ตอนจองร้านอาหารลูกค้าสามารถแจ้งล่วงหน้าได้ว่าต้องการอาหารประเภทไหน เมนูส่วนใหญ่ที่ลูกค้าชอบสั่งคืออาหารทะเลสด เนื้อย่าง และเครื่องเคียงที่เป็นผักรสชาติอร่อย ร้าน Narisawa นั้นเป็นห้องอาหารหรูมีระดับ เราขอแนะนำให้เตรียมค่าใช้จ่ายไว้ราวๆ 15,0000 – 20,000 เยน ต่อมื้อ เข้าพักที่ Tokyu Stay...
อ่านเพิ่มเติม
กิจกรรมน่าสนใจในชินจูกุ | ไปโตเกียว...เที่ยวที่ไหน ทำอะไรดี
ชินจูกุ เป็นย่านที่เต็มไปด้วยสีสัน ที่นี่มีตึกสูงระฟ้ามากมายและเป็นพิกัดห้ามพลาดสำหรับคนที่มาโตเกียวเพื่อหาความสนุกสนาน กินอาหาร แล้วก็ช้อปปิ้ง ย่านชินจูกุ ตั้งอยู่ล้อมรอบสถานีรถไฟที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่นอย่าง Shinjuku Station ทำให้คนที่อยู่ในย่านนี้เดินทางไปทั่วทุกที่ในโตเกียวได้อย่างสะดวกสบาย ที่เที่ยวและแลนด์มาร์กสำคัญในชินจูกุ [อุทยานแห่งชาติชินจูกุเกียวเอน (Shinjuku Gyoen National Garden)] สวนสาธารณะแห่งนี้เคยเป็นที่พำนักของผู้ครองเมืองหรือไดเมียวสมัยเอโดะของญี่ปุ่น (ปี ค.ศ. 1603 – 1867) นอกจากที่นี่จะมีซากุระมากกว่า 1,000 ต้นแล้ว สวนชินจูกุเกียวเอน ยังมีสวนให้ชมถึง 3 แบบ คือ สวนอังกฤษ สวนฝรั่งเศสแบบสมมาตร และสวนญี่ปุ่นโบราณ สวนแห่งนี้อยู่ห่างจาก สถานี Shinjuku-gyoemmae (Exit 1) เพียงเดินแค่ 1 นาที และที่นี่เปิดให้เข้าชมในวันอังคารถึงวันอาทิตย์ เวลา 9.00 น. -16.30 น. [อาคารชินจูกุพาร์กทาวเวอร์ (Shinjuku Park Tower)] ที่นี่เป็นอาคารสูงที่สุดเป็นอันดับ 2 ของชินจูกุและเป็นที่เที่ยวยอดฮิตของย่านนี้ พื้นที่ส่วนใหญ่ภายในอาคารเป็นสำนักงาน แต่ชั้นล่างๆ ก็มีร้านอาหารและร้านค้าต่างๆ อยู่ด้วย นักท่องเที่ยวสามารถเข้า อาคารชินจูกุพาร์กทาวเวอร์ ได้โดยตรงจาก สถานี Shinjuku Station (South Exit) และอาคารแห่งนี้ยังเชื่อมต่อโรงแรมหรูอย่าง Park Hyatt Tokyo อีกด้วย อาคารชินจูกุพาร์กทาวเวอร์ เปิดบริการทุกวันตั้งแต่ 7.00 น. - 23.00 น. แต่เวลาเปิด-ปิดของร้านแต่ละประเภทอาจแตกต่างกัน [พิพิธภัณฑ์ซามูไร (Samurai Museum)] ที่พิพิธภัณฑ์เปิดใหม่แห่งนี้จัดแสดงคอลเล็กชั่นดาบ เสื้อเกราะ และสิ่งประดิษฐ์ต่างๆ ตั้งแต่ยุคคามะคุระ (Kamakura) จนถึงเอโดะ (Edo) ซึ่งเป็นช่วงที่วัฒนธรรมซามูไร (“วิถีแห่งนักรบ”) มีอิทธิพลต่อสังคมญี่ปุ่นอย่างมาก นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมสนุกๆ อย่างเช่นการถ่ายรูปในชุดเกราะเต็มยศหรือชมการแสดงประลองดาบของจริง พิพิธภัณฑ์ซามูไร ตั้งอยู่ห่างจาก สถานี Shinjuku Station (East Exit) โดยใช้เวลาเดินเพียง 10 นาที และเปิดให้เข้าชมตั้งแต่ 10.30 น. - 21.00 น. [โตเกียวโดม (Tokyo Dome)] ที่นี่เป็นสถานที่จัดแสดงงานบันเทิง คอนเสิร์ต และเกมกีฬาขนาดยักษ์ ตั้งอยู่ไม่ไกลจากย่านชินจูกุ แค่นั่งรถไฟเพียง 15 นาทีก็ถึงโตเกียวโดม ภายในโดมมีพิพิธภัณฑ์อวกาศแบบอินเตอร์แอคทีฟ หอเกียรติยศเบสบอล ลานเล่นโรลเลอร์สเก็ต ร้านค้า ร้านอาหาร และสวนสนุกกลางแจ้ง นอกจากนี้ยังมีสปาขนาดใหญ่ ซึ่งมีบริการบ่อน้ำร้อนในร่มและกลางแจ้ง แถมยังมีซาวน่าอีกด้วย สำหรับ Tokyo Dome City Attractions หรือสวนสนุกของ โตเกียวโดม นั้นเปิดให้เข้าฟรีทุกวัน แต่ต้องซื้อตั๋วเครื่องเล่นแต่ละชนิดและบริการสปาแยกต่างหาก Tokyo Dome City Attractions เปิดบริการทุกวันตั้งแต่ 10:00 น. - 21:00 น. และ 11:00...
อ่านเพิ่มเติม
โรงแรมแนะนำในโตเกียว: ที่พักหรูและที่พักระดับ 5 ดาว
โรงแรมในโตเกียวสะท้อนถึงตัวเมืองได้อย่างงดงาม โดยผสมผสานอย่างลงตัวระหว่างประเพณีวัฒนธรรมและนวัตกรรมล้ำสมัย สำหรับนักเดินทาง การมีโรงแรมระดับ 5 ดาวมากมายให้เลือกถือเป็นความท้าทายที่น่ายินดี โดยแต่ละแห่งต่างก็มอบความหรูหราที่ไม่มีใครเทียบได้ สถานประกอบการเหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียงสถานที่พักผ่อนเท่านั้น แต่ยังเป็นประสบการณ์ที่ดื่มด่ำและล้ำค่า ซึ่งออกแบบมาเพื่อตอบสนองทุกความต้องการของนักเดินทาง ลองจินตนาการถึงการได้ผ่อนคลายไปกับสปาบำบัดแบบครบวงจรอันเงียบสงบ ซึ่งผสมผสานเทคนิคแบบญี่ปุ่นโบราณเข้ากับแนวทางการดูแลสุขภาพสมัยใหม่ ลองนึกภาพว่ากำลังเพลิดเพลินกับผลงานอาหารอันวิจิตรบรรจงในร้านอาหารระดับมิชลินสตาร์ โดยเชฟผู้เชี่ยวชาญจะรังสรรค์วัตถุดิบตามฤดูกาลให้กลายเป็นงานศิลปะที่กินได้ นอกเหนือจากห้องชุดอันหรูหราและการบริการที่ไร้ที่ติ โรงแรมเหล่านี้ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกด้านธุรกิจ การประชุม และงานเลี้ยงที่ทันสมัย ตอบสนองความต้องการของผู้บริหารระดับโลกและผู้วางแผนงานอีเวนต์ การแสวงหาโรงแรมที่สมบูรณ์แบบในโตเกียวอาจมีตัวเลือกมากมายจนเลือกไม่ถูก แต่ก็คุ้มค่าที่จะสละเวลาค้นหาโรงแรมถูกใจดู ไม่ว่าคุณจะมองหาสถานที่พักผ่อนอันเงียบสงบท่ามกลางสวนเขียวชอุ่ม ทิวทัศน์เส้นขอบฟ้าของเมืองแบบพาโนรามาจากตึกระฟ้าสูงตระหง่าน หรือการผสมผสานอย่างลงตัวระหว่างสุนทรียศาสตร์ญี่ปุ่นดั้งเดิมและการออกแบบร่วมสมัย โรงแรมที่ดีที่สุดของโตเกียวจะมอบประสบการณ์ที่หลากหลายให้กับคุณ เราได้คัดสรรโรงแรมที่ดีที่สุด 13 แห่งในโตเกียวมาเพื่อช่วยในการตัดสินใจ โดยมอบคำแนะนำที่ครอบคลุมเกี่ยวกับที่พักที่ยอดเยี่ยมที่สุดในเมือง เพื่อให้แน่ใจว่าการเข้าพักของคุณจะเป็นประสบการณ์ที่น่าประทับใจ 1. Palace Hotel Tokyo ตั้งอยู่ห่างจากใจกลางเมืองเพียง 2 กิโลเมตร ผู้เข้าพักจึงเดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังของโตเกียวได้อย่างง่ายดาย ไม่ว่าจะเป็นพระราชวังโตเกียวอิมพีเรียล (Tokyo Imperial Palace) อาคารมารุโนอูจิ (Marunouchi Building) และ พิพิธภัณฑ์ศิลปะอิเดมิตสึ (Idemitsu Museum of Arts) สิ่งอำนวยความสะดวกภายในโรงแรมมีทั้งอ่างอาบน้ำร้อน ฟิตเนสเซ็นเตอร์ สระว่ายน้ำในร่ม ซาวน่าและสปา ภายในห้องพักที่ Palace Hotel Tokyo มีตู้เซฟสำหรับใช้ในห้อง นาฬิกาปลุก ทีวีจอแบน โต๊ะทำงาน ตู้เย็น และที่เป่าผม ส่วนบุฟเฟ่ต์อาหารเช้าสำหรับผู้เข้าพักก็มีให้บริการฟรีที่ชั้น Club สิ่งอำนวยความสะดวกและบริการต่างๆ ของโรงแรม Palace Hotel Tokyo อินเทอร์เน็ตไร้สายฟรี ร้านกาแฟ ฟิตเนสเซ็นเตอร์ ซาวน่า ห้องอบไอน้ำ สระว่ายน้ำในร่ม อ่างแช่น้ำร้อน ห้องอาหาร การบริการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ร้านของขวัญ คิดส์คลับ บริการพี่เลี้ยงเด็ก บริการเช่าจักรยาน เข้าพักที่ โรงแรมพาเลซ โตเกียว แล้วออกไปเที่ยว พระราชวังโตเกียวอิมพีเรียล ค้นหาและจองโรงแรมในโตเกียว 2. Imperial Hotel Tokyo โรงแรม Imperial Tokyo สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1890 ใกล้กับพระราชวังอิมพีเรียลโตเกียว โรงแรมแห่งนี้เป็นที่ชื่นชอบของราชวงศ์ คนดัง และประมุขของรัฐ โดยมีสิ่งอำนวยความสะดวกทางธุรกิจที่หลากหลาย บริการจัดเลี้ยง และห้องประชุมอันทันสมัย แม้ว่าโรงแรม Imperial Hotel Tokyo จะได้รับการปรับปรุงใหม่ครั้งใหญ่ แต่ก็ยังคงรักษาความยิ่งใหญ่อลังการแบบเก่าแก่เอาไว้ได้ ซึ่งเห็นได้ชัดเจนจากการออกแบบอาคารที่ได้รับแรงบันดาลใจจากแฟรงก์ ลอยด์ ไรต์ ห้องพักจำนวน 931 ห้องของโรงแรมแบ่งเป็นอาคารหลักและอาคารทาวเวอร์ 31 ชั้น ห้องพักแต่ละห้องมีทีวีจอแบน เครื่องชงกาแฟ น้ำขวดฟรี อินเทอร์เน็ตไร้สายฟรี ตู้เซฟในห้อง และไดร์เป่าผม โรงแรม Imperial Hotel Tokyo ตั้งอยู่ไม่ไกลห่างจาก สถานี Hibiya และ สถานี Uchisaiwaicho สิ่งอำนวยความสะดวกและบริการต่างๆ ของโรงแรม Imperial Hotel Tokyo อินเทอร์เน็ตไร้สายฟรี สระว่ายน้ำในร่ม ฟิตเนสเซ็นเตอร์ ห้องอาหาร ร้านค้า คิดส์คลับ บริการพี่เลี้ยงเด็ก...
อ่านเพิ่มเติม
7 โรงแรมหรูในโอซาก้าที่เหมาะสำหรับการพักผ่อนและการทำงาน
สุดยอดโรงแรมหรู 7 แห่งนี้ตั้งอยู่ใจกลางย่านสำคัญของโอซาก้า ไม่ว่าจะออกไปทำงานหรือพักผ่อนก็สะดวกสบาย เพราะแต่ละแห่งมีทั้งสปาส่วนตัว ข้อเสนอพิเศษสำหรับสมาชิก และยังเดินทางไปที่เที่ยวชื่อดังในโอซาก้าได้อย่างง่ายดายอีกด้วย 1. Hotel Hankyu International ที่โรงแรมนี้ ผู้เข้าพักจะได้ผ่อนคลายความอ่อนล้าในห้องพักหรูพร้อมวิวงดงามของขอบฟ้า ย่านอุเมะดะ (Umeda) โรงแรม Hotel Hankyu International ตกแต่งสไตล์คฤหาสน์ยุโรป มีอ่างอาบน้ำภายในห้องพัก แถมบริเวณโรงแรมยังมีพื้นที่จัดเลี้ยงและร้านอาหารอร่อยให้เลือกรับประทาน ที่เที่ยวใกล้ที่พักที่สามารถเดินไปได้ ตึกอูเมะดะสกาย (Umeda Sky Building) ศูนย์การค้าแกรนด์ฟรอนต์ (Grand Front Osaka) โยโดบาชิคาเมร่า มัลติมีเดียอุเมดะ (Yodobashi Camera Multimedia Umeda) ห้างสรรพสินค้า HEP FIVE shopping center ชิงช้าสวรรค์ HEP FIVE ตึก Applause Tower ศูนย์การค้า NU Chayamachi shopping mall การเดินทาง จาก สถานี Umeda เดินเพียง 7 นาทีก็ถึง โรงแรม Hotel Hankyu International 2. Candeo Hotels Osaka Namba ผู้เข้าพักที่ Candeo Hotels Osaka Namba จะได้ชมวิวมุมสูงของ ย่านชินไซบาชิ (Shinsaibashi) อย่างเพลิดเพลินในระหว่างแช่ตัวในสระอวลไอน้ำ ที่สกายสปา (Skyspa) ของโรงแรมมีสระแช่ตัวแยกหญิง-ชาย ทั้งเอาท์ดอร์และอินดอร์ ฝั่งของผู้ชายเชื่อมกับห้องซาวน่าแบบแห้ง ส่วนฝั่งของผู้หญิงติดกับสปาไอน้ำแสนผ่อนคลายที่จะช่วยขับผิวให้เปล่งปลั่ง ที่เที่ยวใกล้ที่พักที่สามารถเดินไปได้ ย่านโดทงโบริ (Dotombori) ถนนช้อปปิ้งชินไซบาชิ (Shinsaibashi Shopping Street) ห้าง Daimaru Shinsaibashi โรงละคร Shochikuza นัมบะ ฮิปส์ (Namba HIPS) วัดโฮเซนจิ (Hozenji Temple) การเดินทาง จาก สถานี Nippombashi และ สถานี Nagahoribashi เดินเพียง 5 นาทีก็ถึง โรงแรม Candeo Hotels Osaka Namba. 3. Swissotel Nankai Osaka Hotel ผ่อนคลายสบายตัวให้เต็มที่ที่ Purovel Spa & Sport ของโรงแรม Swissotel Nankai Osaka Hotel ซึ่งสร้างมาเพื่อรองรับไลฟ์สไตล์ของคนรักสุขภาพโดยเฉพาะ พื้นที่บนชั้น 11 ของโรงแรมแห่งนี้มียิม ซาวน่า อ่างอาบน้ำวน ออนเซ็นแบบญี่ปุ่น สระว่ายน้ำในร่ม ห้องนวดและบริการทรีตเม้นท์ส่วนตัว ส่วนในห้องพักมีสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างสมาร์ทโฟน “พกพา” ซึ่งผู้เข้าพักสามารถใช้โทรและเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ตลอดการเข้าพัก นอกจากนี้ยังมีเครื่องชงเนสเปรสโซ่ รวมถึงโต๊ะกว้างๆ สำหรับผู้เข้าพักที่เดินทางมาเพื่อทำงาน ที่เที่ยวใกล้ที่พักที่สามารถเดินไปได้ สวนนัมบะพาร์ค...
อ่านเพิ่มเติม
5 โรงแรมสำหรับครอบครัวใกล้ Universal Studios Japan และที่เที่ยวสำหรับเด็ก
โรงแรมที่เหมาะสำหรับการเข้าพักเป็นครอบครัวเหล่านี้ตั้งอยู่ใกล้กับสุดยอดที่เที่ยวอันโด่งดังของ โอซาก้า หากได้ไปเที่ยวโอซาก้าก็ลองเลือกพักในโรงแรมห้องกว้างขวางที่เด็กๆ จะต้องชื่นชอบและสนุกสนานไปกับสิ่งอำนวยความสะดวกและที่เที่ยวใกล้ๆ รับรองว่าวันหยุดครั้งนี้จะไม่เหนื่อยยากวุ่นวาย แถมยังสนุกสุดมันกันได้เต็มๆ 1. Hotel Universal Port ที่โรงแรม Hotel Universal Port มีทั้งอาหารและสิ่งอำนวยความสะดวกที่คิดและออกแบบมาเพื่อเด็กๆ โดยเฉพาะ ที่นี่เป็นโรงแรมที่ครอบครัวเลือกพักเป็นอันดับต้นๆ ใน โอซาก้า เด็กๆ สามารถเล่นสนุกปลอดภัยได้ในห้องเด็กเล่น แถมโรงแรม Hotel Universal Port ยังอยู่ใกล้กับ Universal Studios Japan มากเพราะโรงแรมนี้เป็นโรงแรมในเครือเดียวกับ USJ ผู้เข้าพักก็สามารถไปช้อปปิ้ง ซื้อบัตรเข้า USJ และแลกเงินได้อย่างสะดวกสบาย ที่เที่ยวใกล้ที่พัก สวนสนุก Universal Studios Japan พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำไคยูกัง (Osaka Aquarium Kaiyukan) ตลาดเท็มโปซาน (Tempozan Market Place) สวนสาธารณะเท็มโปซาน (Tempozan Park) ชิงช้าสวรรค์เท็มโปซาน (Tempozan Giant Ferris Wheel) หมู่บ้านเท็มโพซานฮาร์บอร์ (Tempozan Harbor Village) ร้านขายของที่ระลึก Little Osaka Universal CityWalk Osaka การเดินทาง จาก สถานี Universal-City เดินเพียง 5 นาทีก็ถึง โรงแรม Hotel Universal Port 2. Hotel Universal Port Vita Hotel Universal Port Vita มีเส้นทางตัดตรงเข้าสู่ Universal Studios Japan และที่นี่ยังมีเคาน์เตอร์ขายบัตรในโรงแรมเพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้เข้าพัก ไม่ต้องไปต่รออคิวซื้อบัตรเข้า USJ เลยล่ะ ครอบครัวที่มาพักผ่อนในโรงแรมนี้จะได้พักผ่อนในห้องกว้างขวาง แต่ละห้องตกแต่งด้วยธีมสนุกๆ เพียบพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวัน นอกจากนี้ทางโรงแรมยังมีห้องสำหรับเด็กอ่อนซึ่งมาพร้อมที่เปลี่ยนผ้าอ้อม และเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญที่เปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง ที่เที่ยวใกล้ที่พัก สวนสนุก Universal Studios Japan พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำไคยูกัง (Osaka Aquarium Kaiyukan) ท่าเรือข้ามฝากเท็มโปซาน (Tempozan Ferry) สวนสาธารณะเท็มโปซาน (Tempozan Park) ชิงช้าสวรรค์เท็มโปซาน (Tempozan Giant Ferris Wheel) ตลาดเท็มโปซาน (Tempozan Market Place) พิพิธภัณฑ์ Osaka Culturarium Tempozan โรงแรมดับเบิลยูบีเอฟ นัมบะ เอะบิซุ (Hotel WBF Namba Ebisu) การเดินทาง จาก สถานี Universal-City เดินเพียง 5 นาทีก็ถึง โรงแรม Hotel Universal Port Vita 3. Hotel...
อ่านเพิ่มเติม
6 ที่เที่ยวไปเช้าเย็นกลับจากโอซาก้า - เที่ยวญี่ปุ่น
ลองไปเที่ยวเดย์ทริปไปเช้าเย็นกลับจากโอซาก้าดูสิ มีที่เที่ยวมากมายทั้งปราสาทเก่าแก่ น้ำพุร้อนธรรมชาติ และภูเขาเงียบสงบงดงามให้เที่ยวตั้งเยอะ
อ่านเพิ่มเติม
เที่ยวญี่ปุ่น : เที่ยวโตเกียวช่วงไหนดี
เที่ยวโตเกียวช่วงไหนดี? เอาจริงๆ โตเกียว เป็นเป็นเมืองที่เที่ยวได้ตลอดทั้งปี เพราะมีเทศกาลอันเป็นเอกลักษณ์และธรรมชาติตามฤดูกาลให้ชมไม่เว้นช่วง เวลาที่เหมาะกับการเที่ยว โตเกียว มากที่สุดนั้นขึ้นอยู่กับว่าเราอยากเดินทางไปทำอะไรมากกว่า เช่น อยากชมซากุระบานสะพรั่งใน สวนอุเอโนะ (Ueno Park) หรือชมแสงไฟงดงามของเทศกาลวันหยุดปลายปีที่ โตเกียวมิดทาวน์ (Tokyo Midtown) ถ้าใครเตรียมวางแผนเดินทางไป โตเกียว อยู่ ลองมาดูกันว่ามีอีเวนต์และกิจกรรมอะไรน่าสนใจในช่วงไหนบ้าง 1. ปลายเดือนมีนาคม/ต้นเดือนเมษายน ฤดูซากุระแห่งโตเกียว ความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติที่โด่งดังที่สุดของญี่ปุ่นคงหนีไม่พ้นฤดูกาลของดอกซากุระ ซึ่งจะบานสะพรั่งเป็นสัญลักษณ์บ่งบอกว่าอากาศอบอุ่นกำลังมาเยือน ดอกซากุระคือตัวแทนของความงาม ความมีชีวิตชีวา และการเริ่มต้นใหม่ เป็นองค์ประกอบสำคัญที่สอดแทรกอยู่ในศิลปะและดนตรีของญี่ปุ่นมานานหลายศตวรรษ ในช่วงสั้นๆ ของฤดูใบไม้ผลิ บริเวณสวนสาธารณะ สวนหย่อม วัดและศาลเจ้ามากมายใน โตเกียว จะเปลี่ยนเป็นสีชมพูอ่อนหวานหลายเฉด ดอกซากุระมักบานเต็มที่ในช่วงหนึ่งสัปดาห์หลังจากเริ่มผลิบาน และส่วนมากจะโรยจากต้นในหนึ่งสัปดาห์หลังจากนั้น ฤดูซากุระบานใน โตเกียว ส่วนมากเริ่มในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของเดือนมีนาคมหรือสัปดาห์แรกของเดือนเมษายน และยังเป็นช่วงที่ โตเกียว มีอากาศเย็นสบายกำลังดี พอดอกซากุระบาน คนญี่ปุ่นและนักท่องเที่ยวจะพร้อมใจกันออกมาทำกิจกรรมที่เรียกว่า “ฮานามิ (hanami)” ซึ่งมีหมายความว่าการ “ชมดอกไม้” นี่คือช่วงเวลาที่คนจะเลิกเก็บตัวอยู่บ้านเพื่อหนีหนาว และออกมาเดินเล่นข้างนอก หรือปิกนิกใต้ต้นซากุระกัน แม้แต่ถนนช้อปปิ้งอันวุ่นวายใน โตเกียว ก็ยังเปลี่ยนเป็นสีชมพูเมื่อพ่อค้าแม่ค้าต่างหันมาขายของต่างๆ เกี่ยวกับซากุระ ทั้งขนมรสซากุระ หรือกระจุกกระจิกต่างๆ ลายซากุระ สถานที่โด่งดังที่คนนิยมไปชมซากุระมากที่สุดใน โตเกียว คือ สวนอุเอโนะ ซึ่งมีซากุระกว่า 1,000 ต้น พอตกค่ำไฟประดับต้นซากุระจะสว่างไสวเพื่อให้ชมดอกไม้ในยามค่ำคืนได้ด้วย สวนชินจูกุเงียวเอน (Shinjuku Gyoen Park) เป็นอีกจุดที่เหมาะจะชมซากุระอันงดงาม และเดินจากสถานี Shinjuku Station ไปแค่ 10 นาที ที่นี่มีทั้งซากุระที่บานเร็วและบานช้าให้เลือกไปได้ตามเวลาที่สะดวก ส่วนที่อื่นๆ ใน โตเกียว ที่คนนิยมไปชมดอกไม้กันก็คือ สวนอาสุกะยามะ (Asukayama Park) สวนสุมิดะ (Sumida Park) และ สวนอาริสุกาวะ (Arisugawa Park) เข้าพักที่ มิตซุย การ์เด้น โฮเต็ล อุเอโนะ แล้วออกไปเที่ยว สวนอุเอโนะ ค้นหาที่พักราคาดีที่สุดใกล้ สวนอาสุกะยามะ 2. เดือนพฤษภาคมหรือมิถุนายน เที่ยวเทศกาลคันดะ มัตสึริ หรือ ซันโน มัตสึริ คันดะ มัตสึริ (Kanda Matsuri) และ ซันโน มัตสึริ (Sanno Matsuri) เป็นเทศกาลของลัทธิชินโตที่สำคัญและโด่งดังที่สุดใน โตเกียว โดยสองเทศกาลนี้จะจัดสลับกันปีเว้นปี คันดะ มัตสึริ จะจัดขึ้นในเดือนพฤษภาคม เฉพาะปีที่เป็นเลขคี่ ส่วนซันโน มัตสึริ จะจัดขึ้นกลางเดือนมิถุนายน เฉพาะในปีที่เป็นเลขคู่ ทั้งสองเทศกาลมีมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 17 ในสมัยเอโดะ (Edo Period) โดยแต่ดั้งเดิมเป็นการเฉลิมฉลองทางการเมืองการปกครอง สัปดาห์ที่มีการจัดงานเทศกาล คือช่วงที่เหมาะไปเยือน โตเกียว มากที่สุดหากอยากสัมผัสวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์อันรุ่งโรจน์ของเมืองหลวงญี่ปุ่น คันดะ มัตสึริ จัดขึ้นครั้งแรกเพื่อฉลองชัยชนะทางทหารของโทกูงาวะ อิเอยาซุ (Tokugawa Ieyasu) โชกุนคนแรกของรัฐบาลโชกุนโทกูงาวะของญี่ปุ่น และยังคงจัดต่อเนื่องเรื่อยมา เพื่อแสดงแสนยานุภาพของการปกครองระบอบโชกุน...
อ่านเพิ่มเติม
แหล่งช้อปปิ้งในโตเกียว l ห้างและร้านน่าช้อปตั้งแต่ฮาราจูกุถึงอาซากุสะ
โตเกียว เป็นเมืองใหญ่ที่มีประชากรหนาแน่นมากที่สุดในโลก จึงไม่น่าแปลกที่นักท่องเที่ยวจะเจอแหล่งช้อปฯ มากมายทั่วทุกแห่ง ทั้งห้างสรรพสินค้า ตลาด และย่านช้อปปิ้ง เอาเป็นว่าจะช้อปที่ไหนใน โตเกียว สิ่งสำคัญอย่างแรกเลยคือ ต้องตัดสินใจก่อนว่าอยากซื้ออะไร แนะนำการช้อปในโตเกียว ถ้าจะดูสินค้าแฟชั่นรุ่นล่ามาแรงหรือเดินห้างต้องไป ชิบูย่า (Shibuya) หรือ ชินจูกุ (Shinjuku) แต่ถ้าอยากหาอุปกรณ์เทคโนโลยีหรือสินค้าจำพวกอะนิเมะ ให้ล็อกเป้าไปที่ อากิฮาบาระ (Akihabara) ได้เลย เหล่าแฟชั่นนิสต้ามีตัวเลือก 2 ที่ คือ ฮาราจูกุ สำหรับเสื้อผ้าแนวสตรีททันสมัย และ กินซ่า (Ginza) สำหรับเสื้อผ้าแบรนด์เนมหรู ส่วนนักช้อป ที่ชอบไล่ล่าหาของสุดคุ้มหรือเพชรในตม ต้องไป ชิโมคิตะซาวะ (Shimokitazawa) ย่านขายเสื้อผ้ามือสองและเสื้อผ้าวินเทจสำหรับคนแนวๆ ถ้าอยากหลบหนีความวุ่นวายจากย่านพลุกพล่านในเมือง จัดโปรแกรมไปช้อปที่ ไดคังยามะ (Daikanyama) กับ นากาเมงุโระ (Nakameguro) จะได้เดินเล่นริมแม่น้ำเมงุโระ (Meguro River) ระหว่างแวะช้อปฯ ตามร้านบูติกด้วย นักท่องเที่ยวที่อยากรวบโปรแกรมท่องเที่ยวกับโปรแกรมช้อปปิ้งในโตเกียวเข้าด้วยกันอาจแพลนไป อาซากุสะ ซึ่งจะได้เที่ยว วัดเซนโซจิ (Sensoji Temple) ก่อน แล้วค่อยไปช้อปฯ หรือจะสลับกันก็ได้ ส่วนใครอยากหาของฝากก่อนกลับบ้านแนะนำไป นิฮงบาชิ (Nihonbashi) ย่านที่ขึ้นชื่อเรื่องงานฝีมือสไตล์ญี่ปุ่นและอาหารอร่อย ช้อปปิ้งในโตเกียว | ชิบูย่า นอกจาก ชิบูย่า จะเป็นที่ตั้งของสถานีรถไฟ 2 แห่งที่พลุกพล่านมากที่สุดในโลกแล้ว ยังเป็นศูนย์รวมแฟชั่นสำคัญแห่งหนึ่งของญี่ปุ่นด้วย ร้านค้าในย่านนี้คึกคักมีสีสันโดนใจลูกค้าวัยรุ่น แค่ 100 กว่าร้านในห้าง Shibuya 109 ก็มีของสารพัดให้เลือกซื้อแทบไม่ไหว อีกห้างที่น่าไปคือ Shibuya Hikarie ซึ่งแต่ละชั้นจะมีธีมของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร ร้านบูติกขายสินค้าหลายประเภท ตั้งแต่เสื้อผ้าไปจนถึงของแต่งบ้าน ถ้าอยากหาอะไรกินหรืออยากไปเดินร้านเล็กๆ บ้าง ตรงไปนี่เลย Spain-zaka Slope ถนนคนเดินที่มีร้านอาหารและร้านบูติกเพียบ ระหว่างซอกแซกอยู่ใน ชิบูย่า ต้องไม่พลาดไปห้าแยกชิบูย่าหรือ “Scramble Crossing” ตรง สถานีชิบูย่า เวลาที่ไฟจราจรเป็นสีแดงพร้อมกันและคนเดินถนนพร้อมใจกับข้ามทางแยกนี้ตัดกับฉึบฉับดูน่าทึ่งมาก 6 ร้านห้ามพลาดในชิบูย่า UNIQLO – เสื้อผ้าแบรนด์ญี่ปุ่นยอดนิยม Shibuya MODI – ช้อปปิ้งคอมเพล็กซ์ 10 ชั้น Shibuya OIOI – ดีพาร์ทเม้นท์สโตร์แบบมีสาขา Bershka – แฟชั่นอัพเดทล่าสุด Postalco – เครื่องเขียน Mega Don Quijote – ร้านค้าปลีกแบบมีสาขา เป็นร้านใหญ่ขายของถูกที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในญี่ปุ่น เข้าพักที่ ชิบูย่า แกรนเบลล์ โฮเต็ล แล้วออกไปเที่ยว ชิบูย่า ช้อปปิ้งในโตเกียว | ไดคังยามะ และนากาเมงุโระ ถ้าอยากไปช้อปปิ้งแบบสบายๆ ในย่านที่วุ่นวายน้อยหน่อย ไปแถว ไดคังยามะ และ นากาเมงุโระ ที่สงบเงียบและเป็นย่านต่างชาติดูไหมล่ะ ย่านใกล้ๆ นี้มีบูติกหรู ร้านกาแฟเก๋ๆ และร้านหนังสือสุดฮิปหลายร้านเลย ไดคังยามะ...
อ่านเพิ่มเติม
กำหนดการเดินทางในโตเกียว: สิ่งที่ควรทำในทริป 3 วันและ 5 วัน
การเดินทางในโตเกียวเป็นการผจญภัยที่เต็มไปด้วยความแตกต่างอันน่าตื่นตาตื่นใจ ตึกระฟ้าสุดล้ำสมัยตั้งอยู่เคียงข้างวัดเก่าแก่ และย่านการค้าที่พลุกพล่านเปลี่ยนทางไปสู่สวนอันเงียบสงบ ระบบขนส่งสาธารณะที่มีประสิทธิภาพของเมืองทำให้การสำรวจเมืองเป็นเรื่องง่าย ไม่ว่าคุณจะเดินทางระหว่างย่านที่มีชีวิตชีวา เยี่ยมชมสถานที่สำคัญที่มีชื่อเสียงระดับโลก หรือค้นพบอัญมณีที่ซ่อนอยู่ มีสิ่งที่ตอบโจทย์ทุกคน ตั้งแต่ประสบการณ์ด้านเทคโนโลยีขั้นสูงไปจนถึงประเพณีวัฒนธรรมอันหลากหลาย ด้วยสิ่งที่น่าดูและทำมากมาย การมาเยือนโตเกียวแต่ละครั้งจึงมอบประสบการณ์ใหม่และน่าจดจำให้กับคุณ คุณอาจไม่สามารถเที่ยวให้ครบทุกที่ในทริปเดียว แต่หากคุณวางแผนสักนิด คุณก็สามารถสร้างแผนการเดินทางในโตเกียว 3 หรือ 5 วันได้ ซึ่งรับรองว่าจะตอบโจทย์ความฝันในการเที่ยวชมของคุณได้อย่างแน่นอน เนื่องจากโตเกียวเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวแห่งหนึ่งของโลก จึงมีสถานที่ท่องเที่ยวอันน่าทึ่งมากมายไม่ขาดสาย! กำหนดการเดินทาง 3 วันในโตเกียว ด้วยเวลาเพียงสามวันอันสั้นในการเที่ยวชมโตเกียวเป็นครั้งแรก คุณคงอยากจะเที่ยวชมสถานที่ท่องเที่ยวที่ดีที่สุดของเมืองให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แม้ว่าการชมแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของเมืองจะเป็นสิ่งสำคัญ แต่คุณควรจัดสรรเวลาสำหรับช้อปปิ้งและกิจกรรมยามค่ำคืนในแผนการเดินทาง 3 วันของคุณด้วย วันที่ 1 - ตอนเช้า สัมผัสประสบการณ์พระราชวังหลวง หลังจากรับประทานอาหารเช้าแสนอร่อยที่โรงแรมของคุณแล้ว เริ่มต้นการเดินทาง 3 วันของคุณไปยังโตเกียวด้วยการเยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาดแห่งหนึ่งของเมือง พระราชวังหลวง - พระราชวังแห่งนี้ตั้งอยู่บนพื้นที่เดิมของปราสาทเอโดะที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ และเป็นที่ประทับของราชวงศ์ญี่ปุ่นในปัจจุบัน มีสองพื้นที่หลักที่ต้องสำรวจ: พระราชวังหลวง : สามารถเข้าชมบริเวณชั้นในของพระราชวังได้เฉพาะกับเจ้าหน้าที่จากสำนักพระราชวังเท่านั้น ทัวร์มีให้บริการเป็นภาษาอังกฤษและภาษาญี่ปุ่นเกือบทุกวันของปี (ปิดวันอาทิตย์ วันจันทร์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์) และสามารถจองได้ล่วงหน้าหนึ่งสัปดาห์ การจองทัวร์จะทำให้คุณได้ชมสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์อย่างใกล้ชิด และทราบภาพรวมเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของพระราชวังอย่างละเอียด ทัวร์ช่วงเช้าเริ่มเวลา 10.00 น. ใช้เวลา 75 นาที สวนตะวันออก: สวนเปิดให้สาธารณชนเข้าชมโดยไม่ต้องมีไกด์นำเที่ยว (ยกเว้นวันจันทร์ วันศุกร์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์) และสามารถสำรวจได้ตามจังหวะของตนเอง วางแผนที่จะใช้เวลาอย่างน้อยสองสามชั่วโมงที่นี่เพื่อสำรวจสวนเพื่อชมภูมิทัศน์ที่งดงามและต้นไม้และดอกไม้พื้นเมืองที่น่าทึ่ง เข้าพักที่ มิตซุย การ์เดน โฮเต็ล นิฮมบะชิ พรีเมียร์ แล้วออกไปเที่ยว พระราชวังอิมพีเรียล วันที่ 1 - บ่าย ไปช้อปปิ้งที่กินซ่า เมื่อคุณสำรวจ East Gardens เสร็จแล้ว ให้ออกทางประตู Otemon แล้วเดินต่อประมาณ 2 นาทีเพื่อ สถานีโอเทมาจิ - จากนั้นนั่งรถไฟใต้ดินสาย Marunouchi ไปต่อ สถานีกินซ่า - กินซ่า เป็นที่รู้จักในฐานะย่านช้อปปิ้งชั้นนำของโตเกียว และเต็มไปด้วยห้างสรรพสินค้าหรูหรา บูติกที่ไม่เหมือนใคร และร้านกาแฟและร้านอาหารยอดนิยมมากมาย มุ่งหน้าไปยังศูนย์การค้าหลักแห่งหนึ่งของเขต เช่น กินซ่าซิกซ์ โตคิวพลาซ่ากินซ่า หรือ กินซ่า มิซึโคชิ ที่จะใช้เวลาช่วงบ่ายอย่างสบายๆ กับการช็อปปิ้ง ทานอาหาร และเที่ยวชมกินซ่า เข้าพักที่ ไดวะ รอยเน็ท โฮเต็ล กินซา แล้วออกไปเที่ยว Ginza Six วันที่ 1 - ตอนเย็น ปล่อยตัวปล่อยใจที่รปปงงิ ทริปไปโตเกียวจะไม่สมบูรณ์หากไม่ได้สัมผัสกับชีวิตยามค่ำคืนอันเลื่องชื่อของเมืองนี้ เริ่มต้นคืนแรกของคุณในโตเกียวด้วยการใช้รถไฟใต้ดินสายฮิบิยะเพื่อเดินทางจาก สถานีฮิงาชิ-กินซ่า ถึง สถานีรปปงงิ - การ เขตรปปงงิ เป็นสถานบันเทิงยามค่ำคืนที่ได้รับความนิยมที่สุดแห่งหนึ่งของเมือง เต็มไปด้วยตั้งแต่อิซากายะ (ผับแบบญี่ปุ่น) แบบสบายๆ ไปจนถึงไนท์คลับที่พลุกพล่านและเสียงดัง สำรวจบาร์และคลับที่ดีที่สุดบางแห่งในเขตนี้ เช่น Geronimo Shot Bar ซึ่งเป็นบาร์สไตล์ตะวันตก Odeon Tokyo ซึ่งเป็นคลับเต้นรำตลอดคืน และ Sonidos Bar...
อ่านเพิ่มเติม
ของกินสามัญประจำโตเกียว : อาหารจานเด่น & เครื่องดื่มต้นตำรับต้องลอง
อาหารญี่ปุ่นในแต่ละภูมิภาคมีรสชาติแตกต่างกันไป แต่คนญี่ปุ่นไม่ว่าจะอยู่ส่วนไหนก็มีอาหารโปรดบางอย่างเหมือนกัน และจานเด็ดทั้งหมดล้วนอยู่ในโตเกียว ที่ที่ชื่อว่าเป็นเมืองหลวงแห่งอาหารโลก จะเป็นซูชิปั้นสดใหม่หรือว่าสาเกหมักเองรสชาติดีก็ขอแค่บอกมา เกร็ดน่ารู้: ถ้าว่าด้วยเรื่องสถิติโลกญี่ปุ่นเขาก็ไม่แพ้ชาติใดเหมือนกัน สำหรับเรื่องของกิน ที่ญี่ปุ่นก็มีตลาด Tsukiji Market ตลาดขายส่งปลาที่ใหญ่ที่สุดในโลก และ Meiji Jingu Stadium ที่นี่เคยเป็นสถานที่ที่มีการดื่มเบียร์พร้อมกันมากที่สุด แถมโตเกียวยังมีร้านอาหารระดับมิชลินสตาร์มากที่สุดอีกด้วย ร้านดังๆ ในโตเกียวได้มิชลินสตาร์เยอะกว่าร้านอาหารในปารีสกับนิวยอร์กรวมกันเสียอีก ส่วนร้านตัวท็อปของวงการอาหารอย่าง Usuki Fugu Yamadaya และ Sukiyabashi Jiro นั้นได้มิชลินสตาร์สามดวงหลายปีซ้อนเลยล่ะ 1. ซูชิ (SUSHI) ซูชิทำจากข้าวปรุงรสด้วย “น้ำส้มสายชู” หรือว่าข้าวซูชิ โปะๆ ม้วนๆ ด้วยเนื้อสัตว์หรือผักอะไรต่ออะไรก็ว่ากันไป สำหรับมือใหม่หัดกินอาจกลัวๆ กล้าๆ สักหน่อย วิธีที่ง่ายที่สุดในการเลือกกินซูชิก็คือชี้ชิ้นที่ดูกินได้ไว้ก่อน แต่ถ้ามุ่งมั่นจะกินอย่างโปรเลย ก็ลองเริ่มต้นจากซูชิเหล่านี้ดู: มากิซูชิ (Makizushi - โรลสาหร่าย): มากิซูชิเป็นซูชิโรลเบสิกๆ อาจห่อด้วยไข่เจียวแผ่นบาง แผ่นถั่วเหลือง แตงกวา หรือสาหร่าย ภายในข้าวหมักหรือข้าวปรุงรสจะยัดไว้อะไรก็ได้ อาจเป็นปู เนื้อริบอาย ไชเท้าดอง หรือรากบัว ส่วนฟูโตมากิ (Futomaki) คือโรลสาหร่ายไซส์ “ใหญ่พิเศษ” นิกิริซูชิ (Nigirizushi): นิกิริคล้ายๆ กับซาชิมิ คือทั้งสองอย่างมีส่วนประกอบของปลาดิบสไลด์ แต่นิกิริจะโปะมาบนข้าวปั้น ส่วนซาชิมิเสิร์ฟโดยไม่มีข้าวหรือมีข้าวขาววางเคียงมา อินาริซูชิ (Inari-zushi): ข้าวซูชิห่อด้วยเต้าหู้ทอด ชิราชิซูชิ (Chirashizushi): ในภาษาญี่ปุ่นแปลว่า “ซูชิแบบกระจัดกระจาย” ตามหน้าตาที่เป็นข้าวหน้าปลาดิบหรือข้าวซูชิใส่จาน ท็อปด้วยวัตถุดิบทำซูชิทั่วไปอย่างเช่น กุ้ง เห็ด ไข่เจียวซอย และหน่อไม้ ร้านซูชิเจ้าเด็ดในโตเกียว: Tsukiji Market: 5 Chome-2-1 Tsukiji, Chūō, near Tsukiji Station Sushi Saito: ARK Hills South Tower, 1 Chome – 4-5 Roppongi, Minato, near Roppongi-Itchome Station. Hatsune Sushi: 5 Chome-20-2 Nishikamata, Ōta, near Kamata Station Sugita: View Heights Nihonbashi, 1 Chome-33-6, Nihonbashi Kakigara-cho, Chūō เข้าพักที่ โรงแรมมัสเซะ กินซา เมเตตสึ แล้วออกไปเที่ยวที่ ตลาด Tsukiji Fish Market ค้นหาที่พักราคาดีที่สุดใกล้ สถานีรถไฟนิฮอนบาชิ 2. ราเมง (RAMEN) ราเมงในที่นี้ไม่ได้หมายถึงบะหมี่ห่อ เรากำลังพูดถึงอาหารกินง่ายยอดนิยมที่ซู้ด (ขอประดิษฐ์คำนี้ขึ้นมาเองเพราะดูเหมาะสุดๆ) ร้านราเมงส่วนใหญ่จะมีน้ำซุปคตเทริ (kotteri - แบบข้น) หรืออัซซาริ (assari - แบบใส) 4...
อ่านเพิ่มเติม
กิจกรรมน่าสนใจในโอไดบะ : ที่เที่ยวสุดฮิตของโตเกียว
โอไดบะ (Odaiba) ทางตอนใต้ของโตเกียวเป็นเกาะที่สร้างโดยมนุษย์ในบริเวณอ่าวโตเกียว (Tokyo Bay) แรกเริ่มเกาะนี้สร้างขึ้นเพื่อป้องกันเมืองจากการโจมตีทางน้ำในช่วงยุคเอโดะ (ค.ศ.1603-1867) ส่วนทุกวันนี้กลายเป็นย่านคึกคักใกล้เมืองที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจำนวนมหาศาล ด้วยบรรยากาศทันสมัยริมทะเล เห็นวิวเมืองโตเกียวที่งดงาม และยังเต็มไปด้วยแหล่งช้อปปิ้งขนาดใหญ่ สวนสนุก พิพิธภัณฑ์ แหล่งบันเทิง และแลนด์มาร์กชื่อดังอย่างรูปปั้นกันดั้มขนาดยักษ์ หรือสะพานสายรุ้ง (Rainbow Bridge) ถือเป็นจุดหมายยอดฮิตที่เหมาะทั้งสำหรับครอบครัว คู่รัก และนักท่องเที่ยวสายถ่ายรูปที่อยากสัมผัสโตเกียวในมุมโมเดิร์นแบบมีสไตล์ แลนด์มาร์กและที่เที่ยวในโอไดบะ โอไดบะมารีนพาร์ก (Odaiba Marine Park): ที่เที่ยวริมอ่าวโตเกียวที่ผู้คนนิยมมาเล่นวินด์เซิร์ฟและพักผ่อนริมน้ำ หากใครได้มาเยือนโอไดบะมารีนพาร์ก ก็จะได้เห็นวิว สะพานเรนโบว์ (Rainbow Bridge) ที่สวยที่สุด สะพานนี้เป็นสะพานที่เชื่อมเกาะโอไดบะกับโตเกียวแผ่นดินใหญ่ หากเดินเล่นไปตามทางเดินที่ขนาบกับสะพานก็จะได้เห็นสะพานในมุมใกล้ๆ หรืออาจลองขึ้นวอเตอร์บัสเพื่อชมวิวสะพานที่มีฉากหลังเป็นขอบฟ้าของโตเกียวก็สวยไม่แพ้กัน เทพีเสรีภาพแห่งโอไดบะ (Odaiba Statue of Liberty): รูปปั้นจำลองเทพีเสรีภาพอันโด่งดังที่ตั้งอยู่ด้านหน้าสะพานเรนโบว์ ทำให้มองดูหลอกตาเหมือนกับว่ามีขนาดใหญ่เท่าของจริง แต่จริงๆ แล้วมีขนาดเล็กกว่าของจริงที่อเมริกาถึง 7 เท่า เดิมที เทพีเสรีภาพแห่งโอไดบะ สร้างขึ้นเพื่อติดตั้งชั่วคราวสำหรับงานเฉลิมฉลองความสัมพันธ์ระหว่างญี่ปุ่นและฝรั่งเศส แต่กลายเป็นว่ารูปปั้นขนาด 39 ฟุตนี้ได้รับความนิยมในหมู่ชาวญี่ปุ่นและนักท่องเที่ยวจนได้ตั้งอยู่ถาวร รูปปั้น เทพีเสรีภาพแห่งโอไดบะ ตั้งอยู่ห่างจาก สถานี Daiba Station ของรถรางโมโนเรลสาย Yurikamome Line โดยใช้เวลาเดินเพียง 3 นาที หอสังเกตการณ์อาคารเทเลคอมเซ็นเตอร์ (Telecom Center Building Observatory): ถ้าอยากเห็นขอบฟ้าของโตเกียวในมุมที่สวยที่สุด ต้องไปที่นี่เลย อาคารเทเลคอมเซ็นเตอร์ ชั้น 21 ที่นี่เป็นลานชมวิวที่มีดีไซน์แปลกตาทำให้มองเห็นแหล่งท่องเที่ยวดังๆ ของโตเกียวในมุมมองสุดอลังการที่มีแสงไฟสว่างไสวของเมืองเป็นฉากหลัง ไม่ว่าจะเป็น สะพานเรนโบว์ หอโทรทัศน์โตเกียวสกายทรี (Tokyo SkyTree) โตเกียวทาวเวอร์ (Tokyo Tower) และ อาคารฟูจิทีวี (Fuji Television Building) อาคารเทเลคอมเซ็นเตอร์ตั้งอยู่ในย่านริมอ่าวบนเกาะโอไดบะ ติดกับ สถานี Telecom Center Station (รถรางโมโนเรลสาย Yurikamome Line) อาคารฟูจิทีวี (Fuji TV Headquarters): สำนักงานใหญ่ของสถานีโทรศัพท์ฟูจิมีหอจัดนิทรรศการเกี่ยวกับวงการโทรทัศน์ที่น่าสนใจมากมายรวมถึงการแสดงโชว์แสงสี จุดเด่นของที่นี่คือหอชมวิวทรงกลมที่ตั้งอยู่บนชั้น 25 ของอาคาร จากจุดนี้จะมองเห็นวิวพาโนรามาของอ่าวโตเกียวได้ ส่วนร้านขายของที่ระลึกจะตั้งอยู่ที่ชั้น 7 ที่ชั้นนี้มีสินค้าน่าสะสมจากรายการทีวีโด่งดังของญี่ปุ่นรวมถึงคาแรกเตอร์การ์ตูนฮิตอย่างวันพีซหรือดรากอนบอล z อาคารสำนักงานใหญ่ฟูจิทีวีตั้งอยู่เลขที่ 2-4-8 Daiba ใช้เวลาเดินทางไม่กี่นาทีจากสถานี Daiba Station (สาย Yurikamome Line) เปิดบริการเวลา 10:00 น. – 18:00 น. โตเกียวบิ๊กไซต์ (Tokyo Big Sight): หอประชุมและศูนย์จัดการแสดงนิทรรศการที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น ที่นี่เป็นสถานที่จัดอีเวนต์ดังแห่งปีหลายรายการ อย่างเช่น Tokyo Motor Show และ AnimeJapan ศูนย์ประชุมแห่งนี้ประกอบด้วย East Hall, West Hall และ Conference Tower ทรงพีรามิดขนาดใหญ่ยักษ์ซึ่งภายในมีห้องประชุม 22 ห้องและฮอลล์จัดงานขนาดใหญ่...
อ่านเพิ่มเติม
เกร็ดน่ารู้ก่อนเที่ยวโตเกียว : ข้อมูลสำคัญที่ควรรู้ไว้ จะได้เที่ยวสนุกไม่มีสะดุด
การวางแผนไปเที่ยว โตเกียว ไม่ใช่เรื่องยาก ยิ่งถ้าได้เรียนรู้ เกร็ดน่ารู้ก่อนเที่ยวโตเกียว ก็ยิ่งเที่ยวได้ราบรื่นขึ้น ถ้าหากรู้หลักทั่วไปในการท่องเที่ยวญี่ปุ่น อย่างการให้ทิป การเดินทางด้วยรถไฟ และความรู้เรื่องภาษีแล้ว ก็วางแผนไปเที่ยวสถานที่เด่นดังให้เป๊ะปังได้เลย ไม่ว่าจะไป โตเกียวดิสนีย์แลนด์ (Tokyo Disneyland) วัดอาซากุสะหรือวัดเซนโซจิ (Sensoji Temple) โตเกียวทาวเวอร์ (Tokyo Tower) หรือ พิพิธภัณฑ์จิบลิ (Ghibli Museum) ปัดฝุ่นความรู้เรื่องวีซ่ากันหน่อย ญี่ปุ่นยกเว้นวีซ่าให้กับประเทศต่างๆ กว่า 60 ประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา แคนาดา ประเทศในแถบละตินอเมริกา ทวีปยุโรป และอาเซียน ซึ่งรวมถึงประเทศไทยด้วย นักท่องเที่ยวที่ถือพาสปอร์ตของประเทศเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องขอวีซ่าเพื่อไปท่องเที่ยว ประชุม ทำการค้า หรือเยี่ยมเพื่อนและครอบครัวที่ โตเกียว ซึ่งโดยปกติการยกเว้นวีซ่าจะมีเวลา 90 วัน นักท่องเที่ยวจากประเทศที่ไม่ได้รับการยกเว้นวีซ่าจะต้องขออนุมัติวีซ่าจากสถานทูตญี่ปุ่นก่อน ซึ่งวีซ่าท่องเที่ยวและการเดินทางเพื่อธุรกิจจะมีอายุ 90 วัน ดังนั้นก่อนออกเดินทาง นักท่องเที่ยวควรตรวจสอบข้อมูลกับสถานทูตญี่ปุ่นที่อยู่ใกล้ที่สุดอีกครั้งว่าพาสปอร์ตที่ถืออยู่จะต้องขอวีซ่าหรือไม่ หากจัดการเอกสารทุกอย่างเสร็จแล้ว ก็เตรียมแผนการเดินทางและจองตั๋วเครื่องบินไปลงที่สนามบินหลัก 2 แห่ง คือ สนามบินฮาเนดะ (Haneda Airport) หรือ สนามบินนาริตะ (Narita Airport) เพื่อเดินทางเข้าสู่ โตเกียว ได้เลย เข้าพักที่ โรงแรมนาริตะ โทบุ แอร์พอร์ต แล้วออกไปเที่ยวแถว สนามบินนาริตะ ค้นหาที่พักราคาดีที่สุดใกล้ สนามบินนาริตะ ช้อมูลและสถิติเกี่ยวกับประชากรของโตเกียว โตเกียว มีประชากรราว 13.5 ล้านคน ซึ่งหมายความว่าประชากรในประเทศญี่ปุ่นกว่า 10% อาศัยอยู่ใน โตเกียว แม้ว่าขนาดพื้นที่ของโตเกียวจะน้อยกว่า 1% ของพื้นทั้งหมดในประเทศ แต่โตเกียวก็เป็นเมืองที่มีประชากรมากที่สุดและหนาแน่นที่สุดในบรรดา 47 จังหวัดของญี่ปุ่น จำนวนประชากรช่วงกลางวันในโตเกียวอาจเพิ่มขึ้นอีก 2.5 ล้านคน เนื่องจากมีคนเดินทางเข้า โตเกียว เพื่อมาทำงานและเรียนหนังสือ ส่วนชาวต่างชาติที่พักอาศัยอยู่ใน โตเกียว นั้นมีจำนวนไม่เกิน 500,000 คน เขตอภิมหานครโตเกียว (The Greater Tokyo Area) ประกอบด้วยมหานครโตเกียว (Tokyo Metropolis) และบริเวณใกล้เคียงอย่างจังหวัด ชิบะ (Chiba) คานากาวะ (Kanagawa) และ ไซตามะ (Saitama) ที่นี่มีประชากรประมาณ 38 ล้านคน ซึ่งคิดเป็นจำนวน 1 ใน 4 ของประชากรญี่ปุ่นทั้งหมด เขตอภิมหานครโตเกียวเป็นเมืองใหญ่ที่มีประชากรหนาแน่นมากที่สุดในโลก ซึ่งมีจำนวนประชากรมากกว่ากรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ถึง 1.5 เท่า แม้ โตเกียว จะมีจำนวนประชากรหนาแน่นมาก แต่ก็ยังมีสถานที่เงียบสงบให้พักผ่อนหย่อนใจอยู่หลายแห่ง อย่างสวนสาธารณะและพื้นที่สีเขียวที่ชาวญี่ปุ่นและนักท่องเที่ยวสามารถไปทำกิจกรรมกลางแจ้งและพักผ่อนสบายๆ ได้เต็มที่ เช่น สวนอุเอโนะ (Ueno Park) ศาลเจ้าเมจิและสวนโยโยหงิ (Meiji Shrine and Yoyogi park) สวนอาสุกะยามะ (Asukayama Park) และ สวนชินจูกุเงียวเอ็น...
อ่านเพิ่มเติม
แผนที่โตเกียว : ปักหมุดเที่ยวให้ทั่วมหานคร
โตเกียว เป็นมหานครขนาดใหญ่ที่ไปเที่ยวเพียงครั้งเดียวก็ยังเก็บไม่หมด แต่ถ้าลองกางแผนที่ โตเกียว แล้ววางแผนเที่ยวดีๆ ก็อาจเก็บสถานที่สุดฮิตให้ครบได้ ไม่ว่าจะเป็น พิพิธภัณฑ์แห่งชาติโตเกียว (Tokyo National Museum) โตเกียวทาวเวอร์ (Tokyo Tower) หรือ โตเกียวดิสนีย์แลนด์ (Tokyo Disneyland) และเพื่อให้เห็นภาพง่ายๆ เราจึงแบ่งมหานครโตเกียวออกเป็น 6 โซนหลักๆ 1. ใจกลางโตเกียว (Central Tokyo) ใจกลาง กรุงโตเกียว ประกอบไปด้วยเขต ชูโอ (Chuo) มินาโตะ (Minato) ชิโยดะ (Chiyoda) และ บุงเกียว (Bunkyo) ที่นี่ถือเป็นจุดศูนย์กลางของเมืองทั้งด้านภูมิศาสตร์และเศรษฐกิจ ที่ใจกลาง โตเกียว มีสถานีรถไฟ Tokyo Station เป็นศูนย์กลางการเดินทางทั้งขาเข้าและขาออกเมือง ไม่ว่าจะมองหาอะไรย่านนี้มีก็ทุกอย่าง ทั้งแหล่งช้อปปิ้ง อาหาร และความบันเทิง ที่เที่ยวยอดนิยมในย่านใจกลาง โตเกียว • กินซ่า (Ginza): ย่านสุดหรูที่มีทั้งแหล่งช้อปปิ้ง ที่กิน และที่เที่ยว • พระราชวังอิมพีเรียล (Imperial Palace): ที่ประทับขององค์จักรพรรดิทั้งในอดีตและปัจจุบัน • พิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยใหม่แห่งชาติ (National Museum of Modern Art): พิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งชาติที่แรกของญี่ปุ่น • อากิฮาบาระ (Akihabara): แหล่งช้อปปิ้งชื่อดังที่รวมสินค้าประเภทอุปกรณ์ไฟฟ้าไว้มากมาย • สวนโคอิชิกาว่า-โคระคุเอ็น (Koishikawa Korakuen Garden): สวนเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของโตเกียว • สวนฮามะริเคียว (Hama-Rikyu Gardens): สวนสวยริมอ่าวโตเกียว เข้าพักที่ โรงแรมมัสเซะ กินซา เมเตตสึ แล้วออกไปเที่ยวที่ กินซ่า ค้นหาที่พักราคาดีที่สุดใกล้ สถานี Tokyo Station 2.โตเกียวตอนเหนือ (Northern Tokyo) โตเกียว ตอนเหนือเป็นย่านที่อยู่อาศัย มีแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ ศาลเจ้า และตลาดนัดริมทาง เหมาะกับการไปท่องเที่ยวสัมผัสวิถีชีวิตความเป็นอยู่จริงๆ ของคนญี่ปุ่น และ โตเกียว ตอนเหนือยังถือว่าเป็นประตูสู่ภาคเหนือของประเทศอีกด้วย หากจะเดินทางไปภูมิภาค โทโฮคุ (Tohoku Region) ก็สามารถนั่งรถไฟจาก สถานี Ueno Station ได้เลย ที่เที่ยวยอดนิยมใน โตเกียว ตอนเหนือ • สวนสาธารณะอุเอโนะ (Ueno Park): สวนสาธารณะที่ได้รับความนิยมมากที่สุดแห่งหนึ่งของโตเกียวและเป็นสถานที่สุดฮิตสำหรับชมดอกซากุระ • โตเกียวโดม (Tokyo Dome): สถานที่จัดงานบันเทิงขนาดใหญ่ และเป็นสนามเหย้าของทีมเบสบอล Yomiuri Giants • พิพิธภัณฑ์แห่งชาติโตเกียว (Tokyo National Museum): พิพิธภัณฑ์ศิลปะที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก • พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติแห่งชาติ (National Science Museum): แหล่งศึกษาประวัติศาสตร์ธรรมชาติและสถานที่จัดนิทรรศการวิทยาศาสตร์ • สวนริคุงิเอน (Rikugien Garden): สวนที่มีภูมิทัศน์สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของโตเกียว...
อ่านเพิ่มเติม
จุดชมซากุระในญี่ปุ่น 2019 | ดูซากุระ พร้อมเที่ยวเทศกาลฤดูใบไม้ผลิ
เมื่อถึงเดือนมีนาคม ก็เข้าสู่ช่วงฤดูกาลใบไม้ผลิของญี่ปุ่น และกิจกรรมยอดฮิตของฤดูกาลนี้ก็คงต้องยกให้การไปชมดอกซากุระ ซึ่งจะค่อยๆ เริ่มต้นบานตั้งแต่ คิวชู ทางตอนใต้ ไล่ขึ้นไปเรื่อยๆ จนถึง ซัปโปโร ทางตอนเหนือ ไปสำรวจ จุดชมซากุระในญี่ปุ่น และดื่มด่ำกับความงดงามของดอกซากุระกันให้เต็มที่ นอกจากนี้ระบบการคมนาคมอันยอดเยี่ยมของญี่ปุ่นก็ยิ่งทำให้นักท่องเที่ยวสามารถไปชมซากุระได้ทั่วภูมิภาคของญี่ปุ่นตั้งแต่ นางาซากิ ไปจนถึงเทศกาลซากุระใน ฮอกไกโด – และทุกที่ที่มีจุดชมดอกซากุระเลยทีเดียว สวนมาอิซูรุ | ฟูกุโอกะ 1. ภูมิภาคคิวชู (Kyushu Region) ช่วงเวลาเหมาะสำหรับชมดอกซากุระในคิวชู: 18 มีนาคม - 6 เมษายน จุดชมดอกซากุระที่งดงามที่สุดในคิวชู สวนมาอิซูรุ (Maizuru Park), ฟุกุโอกะ: ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ซากุระมากกว่า 1,000 ต้นจะพร้อมใจกันบานสะพรั่งที่ ซากปราสาทฟุกุโอกะ (Fukuoka Castle Ruins) ซึ่งเป็นแลนด์มาร์กอันโด่งดังที่สุดแห่งหนึ่งของฟุกุโอกะ คุณสามารถไปเข้าร่วมชมเทศกาลชมดอกซากุระที่ปราสาทฟุกุโอกะได้ตั้งแต่ช่วงกลางเดือนมีนาคม ไปจนถึงช่วงต้นเดือนเมษายน ซึ่งภายในงานก็จะมีทั้งการประดับไฟช่วงกลางคืน ร้านขายอาหารอร่อยๆ และกิจกรรมน่าสนใจอื่นๆ ท่ามกลางบรรยากาศอันคึกคักและสวยงามของดอกซากุระ วิธีเดินทางไป สวนมาอิซุรุ: ลงสถานี Akasaka Station หรือ Ohori Koen Station และใช้เวลาเดินจากทั้งสองสถานีไป ซากปราสาทฟุกุโอกะ ประมาณห้านาที สวนโอมุระ (Omura Park), นางาซากิ: ทางด้านนอกของ ปราสาทคุชิม่า (Kushima Castle) จะเต็มไปด้วยดอกซากุระที่ผลิบานเต็มที่ในช่วงฤดูใบไม้ผลิในเมือง นางาซากิ ที่นี่มีต้นซากุระมากกว่า 2,000 ต้นจาก 21 สายพันธุ์เลยทีเดียว นอกจากนี้เมือง โอมุระ ยังถือเป็นสถานที่ยอดฮิตในการชมดอกโอมุระซากุระ ซึ่งเป็นสายพันธุ์ซากุระกลีบซ้อนหายาก และได้รับเลือกให้เป็นอนุสาวรีย์ทางธรรมชาติจากรัฐบาลญี่ปุ่นอีกด้วย วิธีเดินทางไปสวนโอมุระ: นั่งรถประจำทางไปลงที่ป้าย Shiyakushomae Bus Stop หรือ Park Iriguchi Bus Stop ซึ่งเป็นป้ายรถเมล์ที่ใกล้สวนโอมุระที่สุด สวนมิฟุเนะยะมะ ระคุเอ็น (Mifuneyama Rakuen), ซากะ: เมื่อถึงเดือนมีนาคมในเมือง ซากะ ต้นซากุระมากกว่า 2,000 ต้นและดอกกุหลาบพันปีกว่า 200,000 ต้นก็เริ่มออกดอกบานสะพรั่งปกคลุมบริเวณสวน มิฟุเนะยะมะ ระคุเอ็น ซึ่งดึงดูดนักท่องที่ยวมากมายและผู้คนจากทั่วญี่ปุ่นให้มาสัมผัสกับสวนวิวงามบริเวณเนินเขา พร้อมเฉลิมฉลองฤดูใบไม้ผลิในเทศกาลชมดอกไม้ประจำปีที่จัดขึ้นยาวนานถึงหนึ่งเดือนเลยทีเดียว วิธีเดินทางไป สวนมิฟุเนะยะมะ ระคุเอ็น: จาก ฟุกุโอกะ วิธีเดินทางไปสวนที่สะดวกที่สุดคือรถไฟ โดยขึ้นได้ที่สถานี Hakata Station ใน ฟุกุโอกะ และลงที่สถานี Takeo-Onsen Station ใน ทะเคะโอะ ซึ่งสถานีอยู่ห่างจากสวนประมาณ 2.4 กิโลเมตร ระยะเวลาเดินทางจากสนามบินไปสวนมิฟุเนะยะมะ ระคุเอ็น จาก สนามบินฟุกุโอกะ โดยรถยนต์: ประมาณ 1 ชั่วโมงนิดๆ จาก สนามบินนางาซะกิ โดยรถยนต์: ประมาณ 40 นาที จาก สนามบินซากะ โดยรถยนต์: ประมาณ 50...
อ่านเพิ่มเติม
เทศกาลฤดูใบไม้ผลิในญี่ปุ่น: เที่ยว 6 เทศกาลยอดฮิตช่วงซากุระ
สัญญาณหนึ่งที่บ่งบอกว่า เทศกาลฤดูใบไม้ผลิในญี่ปุ่น กำลังมาถึงก็คือดอกซากุระที่บานสะพรั่งไปทั่วเมือง นอกเหนือจากเทศกาลชมดอกซากุระแล้ว ก็ยังมีอีกหลากหลายเทศกาลน่าสนใจในฤดูใบไม้ผลิ ฤดูกาลนี้จึงเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสุดๆ ที่จะไปเที่ยวญี่ปุ่น ชื่นชมซากุระ แล้วไปร่วมงานเทศกาลต้อนรับฤดูกาลใหม่กับคนท้องถิ่น เทศกาลฤดูใบไม้ผลิอันดังๆ ของญี่ปุ่นส่วนใหญ่แล้วอยู่ใน โตเกียว แต่เทศกาลฉลองอื่นๆ อย่างเช่น เทศกาลในเมือง เกียวโต และ คาวาซากิ ก็ดึงดูดผู้คนและนักท่องเที่ยวให้มาเยือนมากมายเช่นกัน 1. ต้อนรับฤดูใบไม้ผลิในเทศกาลฮานามิที่วัดโดโกจิ | เกียวโต ช่วงเวลาจัดงานเทศกาลฮานามิ: มีนาคม - เมษายน เทศกาลฮานามิ (Hanami) หรือ เทศกาลชมดอกซากุระ คือการเฉลิมฉลองการมาถึงของฤดูใบไม้ผลิ ซึ่งบ่งบอกได้จากอากาศที่อุ่นขึ้นและดอกซากุระที่เริ่มเบ่งบานนั่นเอง ดอกซากุระจะเริ่มบานจากทางตอนใต้ของญี่ปุ่น และค่อยๆ บานไล่ขึ้นไปทางเหนือสุด โดยทุกปีจะมีการพยากรณ์ช่วงการบานของดอกซากุระทั่วญึ่ปุ่น และทั้งชาวญี่ปุ่นและนักท่องเที่ยวก็จะมารวมตัวกันตามสวนดังๆ และวัดวาต่างๆ เพื่อดื่มด่ำความงดงามของดอกซากุระ สถานที่ฉลองฤดูใบไม้ผลิชื่อดังที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่นนั้นอยู่ที่ วัดไดโกจิ (Daigoji) ใน เกียวโต วัดแห่งนี้รู้จักกันในชื่อ “Temple of Flowers” หรือวัดแห่งดอกไม้ เป็นแหล่งมรดกโลกของยูเนสโก้ที่มีการเฉลิมฉลองเทศกาลฮานามิมาตั้งแต่ปี 1598 ซึ่งเรียกกันว่าเทศกาล Hotaiko Hanami Gyoretsu และจัดขึ้นในวันอาทิตย์ที่สองของเดือนเมษายน สถานที่เที่ยวยอดฮิตในเกียวโตช่วงฤดูใบไม้ผลิ อาราชิยามะ (Arashiyama) วัดคิโยมิซุ (Kiyomizu-dera) วัดคิงกะกุ (Kinkaku-ji) ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ (Fushimi Inari Taisha) ปราสาทนิโจ (Nijo Castle) ย่านกิออน (Gion) เข้าพักที่ โรงแรม นิว มิยาโกะ เกียวโต, แล้วออกไปเที่ยว เทศกาลฤดูใบไม้ผลิในญี่ปุ่น ที่ วัดไดโกจิ ค้นหาที่พักราคาดีที่สุดใน เกียวโต ช่วง เทศกาลฤดูใบไม้ผลิในญี่ปุ่น 2. ร่วมฉลองเทศกาลคันดะที่ศาลเจ้าคันดะ | โตเกียว วันจัดงานเทศกาลคันดะปี 2562: 11 และ 12 พฤษภาคม (จัดในปีเลขคี่) ทุกๆ สองปี คนญี่ปุ่นจะมารวมตัวกันที่ ศาลเจ้าคันดะ (Kanda Myojin) เพื่อฉลองเทศกาลคันดะมัตสึริ (Kanda Matsuri) หนึ่งในเทศกาลของศาสนาชินโตที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น งานเฉลิมฉลองหลักๆ ของเทศกาลนี้จะจัดขึ้นในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ใกล้กับวันที่ 15 พฤษภาคมมากที่สุด แต่เทศกาลทั้งหมดจะกินเวลาถึงหกวันเลยทีเดียว ส่วนจุดเด่นของเทศกาลคันดะก็คือ Shinkousai หรือขบวนแห่ศาลเจ้าที่เคลื่อนผ่านไปตาม ย่านคันดะ (Kanda) และย่านโดยรอบอย่าง ย่านนิฮมบะชิ (Nihonbashi), ย่านอากิฮาบาระ และย่านอื่นๆ สถานที่เที่ยวใกล้ศาลเจ้าคันดะในเขตชิโยดะ พระราชวังอิมพีเรียล (Imperial Palace) ปราสาทเอโดะ (Edo Castle หรือ Fushimi-yagura Keep) ศาลเจ้ายาสุกุนิ (Yasukuni Shrine) สวนอุเอะโนะ (Ueno Park) สวนฝั่งตะวันออกแห่งพระราชวังอิมพีเรียล (The East Gardens of the Imperial Palace) เข้าพักที่ โรงแรมโตเกียว การ์เด้น พาเลส,...
อ่านเพิ่มเติม
ตะลุยกินถิ่นโอซาก้า สตรีทฟู้ดและอาหารจานเด็ดที่พลาดไม่ได้
โอซาก้าเป็นสวรรค์ของคนรักอาหาร มักถูกเรียกว่า "ครัวของญี่ปุ่น" เนื่องจากมีอาหารที่หลากหลายและวัฒนธรรมอาหารที่หยั่งรากลึก ไม่ว่าจะเดินเล่นในตลาดที่พลุกพล่านหรือตรอกซอกซอยที่ซ่อนอยู่ อาหารริมทางที่แสนอร่อยและอาหารที่ต้องลองก็อยู่ไม่ไกล เมืองนี้มีชื่อเสียงในด้านบรรยากาศการรับประทานอาหารที่มีชีวิตชีวาและเป็นกันเอง โดยคนในท้องถิ่นและนักท่องเที่ยวมารวมตัวกันรอบๆ ร้านปิ้งย่าง แผงขายอาหารเล็กๆ และร้านอิซากายะที่มีชีวิตชีวา เสน่ห์ประการหนึ่งของเมืองโอซาก้าก็คือวัฒนธรรมอาหารริมถนน พ่อค้าแม่ค้าที่เป็นมิตรในเมืองนี้เสิร์ฟอาหารที่เป็นเอกลักษณ์ของญี่ปุ่น เช่น ทาโกะยากิกรอบ (ลูกชิ้นปลาหมึก) ไปจนถึงโอโคโนมิยากิ (แพนเค้กสไตล์ญี่ปุ่น) ที่แสนอร่อย ของทานเล่นเหล่านี้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการทานเป็นของว่างขณะที่คุณเที่ยวชมย่านบันเทิงต่างๆ มากมายในเมือง นอกเหนือจากอาหารริมทางแล้ว โอซาก้ายังเป็นแหล่งรวมอาหารจานโปรดในตำนานที่สะท้อนให้เห็นถึงความรักในรสชาติอันเข้มข้น คูชิคัตสึ (เสียบไม้ทอด) ที่อิ่มอร่อยและราเมนซีอิ๊วรสเข้มข้นเป็นเพียงเมนูบางส่วนที่ต้องลอง อาหารพิเศษหลายอย่างมีต้นกำเนิดจากโอซากะและได้รับการสืบทอดต่อกันมาหลายชั่วรุ่น โอซาก้ามีอาหารหลายอย่างที่หาทานได้ง่ายๆ อยู่เต็มไปหมด แต่ถ้าอยากจะลองลิ้มชิมรสเมนูลับสุดยอดก็อาจจะต้องไปตามร้านที่ซ่อนอยู่ในซอกหลืบท้ายซอยหรือชั้นใต้ดิน คนญี่ปุ่นเรียกร้านอาหารสไตล์นี้ว่า “คัปโปะ” ถึงแม้ว่าอาจจะหายากไปสักหน่อย แต่ก็ถือว่าคุ้มที่ได้ชิมเมนูเด็ด และอาหารขึ้นชื่ออีกหลายๆ อย่างของโอซาก้าที่ได้ชื่อว่าเป็น “ห้องครัวแห่งญี่ปุ่น”   ทาโกะยากิ โอโคโนมิยากิ เนกิยากิ   อาหารพื้นเมืองจานเด็ดของโอซาก้า ทาโกะยากิ: เมนูสุดพิเศษของโอซาก้าที่ ทำจากปลาหมึกชิ้นเล็กๆ ขิง ต้นหอม และเศษแป้งเทมปุระทอด จากนั้นนำส่วนผสมไปย่างบนเตาให้เป็นก้อนกลม จะกินเปล่าๆ หรือราดหน้าด้วยมายองเนส แล้วโรยสาหร่ายกับแผ่นปลาแห้งก็ได้ - ราคาโดยประมาณสำหรับ 8 - 10 ลูก 450 - 600 เยน (ประมาณ 120 - 170 บาท) โอโคโนมิยากิ: คำนี้หมายความว่า “ย่างตามใจชอบ” อาหารจานนี้ คือแพนเค้กรสชาติเข้มข้นที่ทำจากไข่ แป้ง มันบด และกะหล่ำปลีฝอย เลือกหน้าได้ “ตามใจชอบ” อาจจะเป็นซีฟู้ด หมู ชีส หรือว่ามะเขือเทศก็ได้ หลังจากโปะหน้าเรียบร้อยก็ราดด้วยมายองเนส ซอสโอโคโนมิยากิ สาหร่าย และแผ่นปลาโอแห้ง - ราคาโดยประมาณ 700 เยนขึ้นไป ขึ้นอยู่กับหน้าที่เลือก (ประมาณ 200 บาท) เนกิยากิ: แพนเค้กรสชาติเข้มข้นคล้ายกับโอโคโนมิยากิ แต่ใช้ต้นหอมยักษ์ซอยเป็นส่วนผสมแทนกะหล่ำปลี - ราคาโดยประมาณ: 1,000 - 2,000 เยน (300 - 600 บาท)   คุชิคัตสึ คิตสึเนะอุด้ง   คุชิคัตสึ: อาหารเสียบไม้ที่ทำจากเนื้อสัตว์ อาหารทะเล หรือผัก นำมาชุบเกล็ดขนมปังและทอดในน้ำมันร้อนจัดจนสุกเป็นสีเหลืองทอง คนญี่ปุ่นนิยมกินแกล้มกับเบียร์ อาหารชนิดนี้จึงมีขายทั่วไปตามร้านอิซากายะ (บาร์สไตล์ญี่ปุ่น) - ราคาโดยประมาณ: 80 - 200 เยนต่อไม้ ขึ้นอยู่กับวัตถุดิบ (ประมาณ 20 - 60 บาท) คิตสึเนะอุด้ง: อูด้งเส้นอวบในน้ำซุปดาชิที่ทำจากอาหารทะเล และโปะด้วยเต้าหู้ทอดชิ้นใหญ่ - ราคาโดยประมาณ: 550 - 3,000 เยน (ประมาณ 160 - 900 บาท)   เทกชิริ โฮรุมง   ค้นหาโรงแรมและที่พักในโอซาก้า...
อ่านเพิ่มเติม
ข้อมูลท่องเที่ยวโอซาก้า: วิธีช้อปปิ้งแบบปลอดภาษี การให้ทิป และวีซ่าเข้าประเทศญี่ปุ่น
ศึกษา ข้อมูลท่องเที่ยวโอซาก้า ติดตัวไว้ก่อนไปญี่ปุ่นย่อมอุ่นใจกว่า พอถึงที่จะทำอะไรก็คล่องปรื๊ด แถมยังรู้ทริกช้อปปิ้งแบบปลอดภาษีอีกต่างหาก นอกจากนี้ประเทศญี่ปุ่นยังอนุญาตให้นักท่องเที่ยวกว่าหลายล้านคนเข้าประเทศได้โดยไม่ต้องใช้วีซ่า แถมยังมีไวไฟให้ใช้ฟรีๆ ทั่วทุกมุมเมืองอีกด้วย วีซ่าญี่ปุ่น ประเทศญี่ปุ่นมีมาตรการยกเว้นวีซ่าให้ประเทศต่างๆ กว่า 60 ประเทศ ซึ่งนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่สามารถเที่ยวได้อย่างสบายใจในญี่ปุ่นนานถึง 90 วัน ส่วนชาวไทยและชาวบรูไนได้วีซ่าท่องเที่ยวเป็นเวลา 15 วัน ในขณะที่ประชากรจากประเทศอื่นๆ ต้องดำเนินการขออนุญาตก่อนเข้าประเทศญี่ปุ่น ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับวีซ่าและข้อมูลการท่องเที่ยวได้ที่ กระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่น ประชากรในโอซาก้า เมือง โอซาก้า มีผู้อยู่อาศัยมากกว่า 3.2 ล้านคนในปี ค.ศ. 1940 จากนั้นในช่วงกลางทศวรรษที่ 20 จำนวนประชากรได้ลดลงมาอยู่ที่ราว 2 ล้านกว่าคน โอซาก้าถือเป็นเมืองใหญ่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่น โดยมีประชากรมากกว่าโตเกียวถึง 400,000 คน ในปัจจุบัน โอซาก้าเป็นเมืองใหญ่ที่สุดอันดับ 3 ของประเทศญี่ปุ่น มีทั้งหมด 24 เขต โดยแบ่งออกเป็นเขตตอนเหนือหรือคิตะ และเขตตอนใต้หรือมินามิ จังหวัดโอซาก้า ประกอบด้วย 42 เมืองซึ่งรวมถึง เมืองโอซาก้า ด้วย ในจังหวัดนี้มีประชากรมากกว่า 9 ล้านคน คิดเป็นจำนวนร้อยละ 7 ของประชากรทั้งหมดในประเทศญี่ปุ่น การช้อปปิ้งแบบเสียภาษีและปลอดภาษีในญี่ปุ่น นักท่องเที่ยวในญี่ปุ่นทุกคนยกเว้นเด็กเล็ก (อายุต่ำกว่า 2 ปี) จะต้องชำระภาษีเมื่อเดินทางออกนอกประเทศจำนวน 1,000 เยน ซึ่งรัฐบาลญี่ปุ่นระบุว่าจะนำภาษีส่วนนี้ไปพัฒนาคุณภาพการท่องเที่ยวและสนับสนุนแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมและแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติในญี่ปุ่น นอกจากนี้ทั่วประเทศญี่ปุ่น ยังมีการเก็บภาษีการขายหรือที่รู้จักกันทั่วไปว่าภาษีการบริโภค ซึ่งมีอัตราอยู่ที่ร้อยละ 8 (ข้อมูลในปี 2019) แต่ โอซาก้า มีร้านค้าปลอดภาษีอยู่มากมาย นักท่องเที่ยวต่างชาติจึงซื้อสินค้าได้โดยแทบจะไม่ต้องเสียภาษีเลย โดยร้านค้าส่วนมากจะคิดราคาสินค้าในราคาเต็มก่อน หากนักท่องเที่ยวต้องการขอคืนภาษีจะต้องแสดงพาสปอร์ตที่เคาน์เตอร์บริการลูกค้าซึ่งอยู่แยกต่างหาก การให้ทิปในญี่ปุ่น ที่ประเทศญี่ปุ่นนั้นไม่นิยมให้ทิป และพนักงานบริการส่วนมากจะไม่รับทิป แม้ว่าจะไม่มีสินน้ำใจพิเศษ แต่คุณภาพการบริการก็ไม่ได้ลดน้อยลงเลย นักท่องเที่ยวที่มาเยือน โอซาก้า จะได้รับบริการที่ดีเลิศจากพนักงานเสิร์ฟ การบริการรถแท็กซี่ที่ไร้ที่ติ และพนักงานโรงแรมที่เอาใจใส่ดูแลเป็นอย่างดี ซึ่งบริการด้วยมาตรฐานเดียวกันทั้งหมดในทุกๆ ที่ของประเทศญี่ปุ่น การใช้อินเทอร์เน็ต ฟรี Wi-Fi: โรงแรมและร้านอาหารหลายๆ แห่งในประเทศญี่ปุ่นมี Wi-Fi ให้บริการ และถ้าหากนักท่องเที่ยวต้องการเดินทางไปสถานที่ต่างๆ ก็ยังสบายใจได้ว่าจะมีเน็ตไว้ใช้ตลอดเวลา เพียงแค่ดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่น Japan Connected-free Wi-Fi แอปนี้มีแผนที่บอกว่าจุดไหนของเมืองมีบริการ Wi-Fi นักท่องเที่ยวจึงสามารถเล่นเฟสบุ๊คที่สนามบินหรืออัปรูปภาพลงอินสตราแกรมจากห้างดัง พิพิธภัณฑ์ หรือแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ของโอซาก้าได้สบายๆ ซิมการ์ด: นักท่องเที่ยวสามารถซื้อซิมการ์ดแบบเล่นอินเทอร์เน็ตอย่างเดียวเพื่อใช้ติดต่อสื่อสารระหว่างท่องเที่ยวได้ โดยซิมการ์ดแบบนี้มีจำหน่ายที่ สนามบินนานาชาติคันไซ (Kansai International Airport) และ สนามบินอิตามิ (Itami Airport) แต่ถ้าต้องการใช้เน็ตตั้งแต่ลงจากเครื่องบิน ก็สามารถซื้อซิมการ์ดที่ร้านสะดวกซื้อหรือแผนกไอทีในห้างทั่วไปได้ พ็อกเก็ตไวไฟแบบเช่า: หากไปเที่ยวเป็นครอบครัวหรือเที่ยวแบบกลุ่มใหญ่ การเช่าเราเตอร์ Wi-Fi แบบพกพาก็ดูเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่า ประเทศญี่ปุ่นมีบริษัทมากมายที่ให้บริการเช่าพ็อกเก็ต Wi-Fi ในราคาไม่แพงและมีบริการส่งตรงถึงโรงแรม แถมยังใช้งานได้ตลอดการเดินทาง นักท่องเที่ยวสามารถเช่าอุปกรณ์เหล่านี้ได้ที่สนามบินทั้งสองแห่งของโอซาก้า เข้าพักในที่พัก ย่านนัมบะ   โรงแรมฮิโนะเดะ โอซาก้า นิปปมบะชิ   เฟรเซอร์ เรสซิเดนซ์ นันไค โอซาก้า   โรงแรมฮิลลารีส์   แล้วออกไปเดินเที่ยวใน...
อ่านเพิ่มเติม
สถานที่พักใกล้สถานที่ท่องเที่ยวในโอซาก้า - โรงแรมในพื้นที่ท่องเที่ยวยอดนิยม
เมื่อไปเยือนโอซาก้า การเลือกสถานที่พักที่เหมาะสมสามารถสร้างความแตกต่างอย่างมากให้กับประสบการณ์ของคุณได้ เมืองนี้มีชื่อเสียงในเรื่องบรรยากาศที่มีชีวิตชีวา ย่านช้อปปิ้งที่คึกคัก และมรดกทางวัฒนธรรมอันหลากหลาย ซึ่งล้วนสามารถสำรวจได้อย่างง่ายดายเมื่อคุณเข้าพักใกล้สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม ไม่ว่าคุณจะกำลังมองหาที่พักที่หรูหรา สะดวกสบาย หรือราคาประหยัด โอซาก้าก็มีที่พักหลากหลายรูปแบบที่ตอบโจทย์นักเดินทางทุกประเภท การพักใกล้แหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมจะช่วยลดเวลาเดินทางและทำให้คุณดื่มด่ำกับพลังของเมืองได้ ย่านยอดนิยมหลายแห่งของโอซาก้าเชื่อมต่อไปยังแหล่งบันเทิงสมัยใหม่ แหล่งช้อปปิ้ง และสถานที่สำคัญแบบดั้งเดิมได้อย่างรวดเร็ว ตั้งแต่พื้นที่ที่มีสถานบันเทิงยามค่ำคืนที่คึกคักไปจนถึงสถานที่ที่เงียบสงบและมีทัศนียภาพสวยงามกว่า ก็มีชุมชนต่างๆ ที่เหมาะกับความชอบของนักเดินทางทุกคน นอกจากนี้ เมืองนี้ยังมีการเชื่อมต่อกับระบบขนส่งสาธารณะที่สะดวกสบาย ดังนั้น คุณจะไม่มีปัญหาในการเดินทางและเที่ยวชมสิ่งต่างๆ ที่เมืองอันน่าตื่นเต้นแห่งนี้มีให้ ไม่ว่าคุณจะมาเที่ยวเพื่อพักผ่อนวันหยุดสุดสัปดาห์หรือพักระยะยาว การเลือกพื้นที่ที่เหมาะสมใกล้กับสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของโอซาก้าจะช่วยให้คุณใช้เวลาเดินทางได้คุ้มค่าที่สุด ทำให้คุณสามารถเที่ยวชมสิ่งที่ดีที่สุดของเมืองได้อย่างง่ายดายและสะดวกสบาย เมืองที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศญี่ปุ่นแบ่งออกเป็นสองภูมิภาคหลัก คือ คิตะ หมายถึงเหนือ และมินามิ หมายถึงใต้ แต่ละภูมิภาคจะแบ่งออกเป็นเขตต่างๆ โดยเขตที่อยู่ใจกลางได้แก่ ชินไซบาชิ โดทงโบริ และนัมบะ เลือกสถานที่พักใกล้สถานที่ท่องเที่ยวในโอซาก้า และเดินเล่นระยะสั้นๆ ไปยังสถานที่ต่างๆ ที่คุณอยากเห็นมากที่สุด! 1. ค้นหาจุดช็อปปิ้งวันหยุดที่สมบูรณ์แบบในชินไซบาชิ ชินไซบาชิ เป็นจุดหมายปลายทางการช็อปปิ้งอันดับหนึ่งของโอซาก้า การเข้าพักในโรงแรมย่านชินไซบาชิทำให้คุณใกล้กับห้างสรรพสินค้า เช่น ไดมารู ชินไซบาชิ และนัมบะพาร์ค America Village (อเมริกามูระ) ยังเป็นที่นิยมในหมู่วัยรุ่นของโอซาก้าอีกด้วย สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญในย่านนี้คือชินไซบาชิช้อปปิ้งอาเขต ซึ่งมีทั้งร้านค้าหลักๆ และตรอกซอกซอยที่เต็มไปด้วยร้านบูติกท้องถิ่น อิซากายะ (บาร์ญี่ปุ่น) คาเฟ่ และสถานที่แสดงดนตรีสด เขตนี้เชื่อมต่อกับโดทงโบริ ซึ่งคุณสามารถรับประทานอาหารกลางวันที่ร้าน Kani Doraku และเดินตามเส้นทาง Tombori River Walk เพื่อไปยังสถานที่สำคัญ เช่น ป้ายโฆษณา Glico และ Kuidaore Taro ตัวตลกตีกลองที่อาคาร Nakaza Cuidaore เช็คอิน โรงแรมโอคินี่ ชินไซบาชิ เซ็นเนนโช อพาร์ทเมนท์, ออกเดินทางไปยังหมู่บ้านอเมริกา (Americamura) ค้นหาสถานที่พักใกล้สถานที่ท่องเที่ยวในโอซาก้า 2. พบกับชีวิตกลางคืนสุดหรูและการช้อปปิ้งสุดหรูในอุเมดะ การอยู่อาศัย อุเมดะ ทำให้คุณใกล้กับศูนย์กลางการขนส่งหลักของโอซาก้า สถานีโอซาก้าและสถานีอุเมดะ รถไฟเหล่านี้ไม่เพียงแต่เชื่อมต่อกับส่วนอื่นๆ ของเมืองเท่านั้น แต่ยังรับผู้โดยสารไปยังเกียวโตและโกเบอีกด้วย อุเมดะมีความพลุกพล่านมากกว่าชานเมืองส่วนใหญ่ในโอซาก้า และโรงแรมต่างๆ มักจะรองรับนักท่องเที่ยวชั้นธุรกิจและนักท่องเที่ยวระดับหรูหรา แต่ว่านักท่องเที่ยวก็ยังชื่นชอบความใกล้ชิดกับสถานที่สำคัญ เช่น ตึกอุเมดะสกายและคิตาชินจิ ซึ่งเป็นย่านสถานบันเทิงยามค่ำคืนที่หรูหราครั้งหนึ่งที่เคยโด่งดังในหมู่สาวเกอิชาและลูกค้าชนชั้นสูง สถานี Umeda อยู่ใจกลางแหล่งชอปปิ้งมอลล์ขนาดใหญ่ เช่น Grand Front Osaka และห้างสรรพสินค้า HANKYU Umeda และอยู่ติดกับคลองในนากาโนชิมะ ล่องเรือแม่น้ำนากาโนชิมะและผ่านสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ เช่น หอคอยเทศกาลนากาโนชิมะ สะพานสวนนากาโนชิมะ และพิพิธภัณฑ์เซรามิกตะวันออก โอซาก้า นอกจากนี้คุณยังจะพบพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์โอซาก้าในนากาโนชิมะอีกด้วย เช็คอิน โรงแรม อิล แกรนด์ อุเมดะ ออกไปเที่ยวสวนนากาโนชิมะ ค้นหาสถานที่พักใกล้สถานที่ท่องเที่ยวในโอซาก้า 3. เดินทางตรงจากสนามบินสู่เกสต์เฮาส์สุดแสนสบายใกล้สถานี NAMBA หากคุณลงจอดที่สนามบินนานาชาติคันไซ ที่พักที่ดีที่สุดในโอซาก้าอาจอยู่ใกล้ๆ สถานีนัมบะ - การเดินทางจากสถานีสนามบินคันไซไปยังสถานีนัมบะใช้เวลาประมาณ 45 นาที และสิ้นสุดที่บริเวณห้างสรรพสินค้านัมบะซิตี้และสิ่งอำนวยความสะดวกนันทนาการนัมบะพาร์ค นอกจากนี้ นัมบะยังอยู่ทางใต้ของคลองโดทงโบริและสะพานเอบิสุ ซึ่งเชื่อมต่อนักท่องเที่ยวไปยังชินไซบาชิ กระโดดร่มแบบฟรีดิ่งลงมาจากด้านหน้าอาคาร Namba HIPS หรือใช้เวลาหนึ่งวันในสวนสาธารณะ Nipponbashi และ Denden...
อ่านเพิ่มเติม
แพลนเที่ยวโอซาก้า: รวมที่เที่ยวโดนใจ โปรแกรม 2 วัน และ 5 วัน
โอซาก้าเป็นอีกหนึ่งเมืองยอดฮิตในญี่ปุ่นไม่แพ้โตเกียว มีแลนด์มาร์กเด่นๆ มากมาย ทั้งสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ ปราสาท สวนสนุก ไปจนถึงตึกสุดโมเดิร์นที่ทำให้โอซาก้าเป็นเมืองที่ความเก่าและใหม่ผสมผสานอยู่ร่วมกันได้ลงตัว แน่นอนว่าการมาเที่ยวเมืองที่อัดแน่นด้วยที่เที่ยวเด็ดๆ ขนาดนี้ ก็ต้องวางแผนการเดินทางให้ดีจะได้เก็บสถานที่สำคัญๆ ให้ครบ เราเลยมีแพลนเที่ยวโอซาก้าแบบ 2 วันสำหรับคนที่มีเวลาเที่ยวไม่มากนัก และแพลน 5 วันสำหรับคนที่อยากเช็คอินโอซาก้าทุกจุดแบบจัดเต็มกันไปเลย แพลนเที่ยวโอซาก้า 2 วัน วันที่ 1 ช่วงเช้า ยูนิเวอร์แซล สตูดิโอ เจแปน (Universal Studios Japan): เดินเล่นที่โซน The Wizarding World of Harry Potter และโซนฮอลลีวูดอื่นๆ ในสวนสนุกยูนิเวอร์แซล พาร์ก แอนด์ รีสอร์ตแห่งแรกของเอเชีย ช่วงเย็น ย่านนัมบะ ชินไซบาชิ และ โดทงโบริ (Namba, Shinsaibashi และ Dotonbori): เป็น 3 เขตที่เชื่อมติดกันและเป็นแหล่งรวมสถานที่ช้อปปิ้ง ที่เที่ยว และอาหารจานเด็ดมากมาย นักท่องเที่ยวสามารถไปพักผ่อนภายใน สวนสาธารณะนัมบะ (Namba Parks) แล้วไปช้อปปิ้งที่ร้านบูติกสไตล์ญี่ปุ่น และห้างดังในย่านชินไซบาชิ ปิดท้ายด้วยการเดินเล่นชมไฟประดับและกินของว่างที่ร้านริมทางในย่านโดทงโบริ วันที่ 2 ช่วงเช้า ปราสาทโอซาก้า (Osaka Castle) และ พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำไคยูคัง โอซาก้า (Osaka Aquarium Kaiyukan): หากต้องการเที่ยวแบบสบายๆ ก็เผื่อเวลาเที่ยวชมสถานที่ 2 แห่งนี้ได้ที่ละประมาณ 3 ชั่วโมง แต่ถ้าจะรวบตึงเที่ยวให้จบภายในเช้าวันเดียวก็ย่อมได้ เริ่มจากไป สวนสาธารณะปราสาทโอซาก้า ตั้งแต่เช้าตรู่ พอ 9 โมงเช้าก็รีบไปเข้าแถวเพื่อเข้าชมปราสาทโอซาก้า จากนั้นขึ้นรถไฟที่ สถานี Tanimachiyonchome Station นั่งแป๊บเดียวก็ถึงพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำไคยูคัง โอซาก้า ซึ่งเปิดให้เข้าชมตั้งแต่ 10 โมงเช้า ช่วงบ่ายและเย็น วัดชิเท็นโนจิ (Shitennoji temple) หอคอยซึเท็นคาคุ (Tsutenkaku tower) และ ย่านชินเซไก (Shinsekai): เที่ยววัดชิเท็นโนจิซึ่งเป็นวัดเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของโอซาก้า จากนั้นไปชมวิวอลังการบน หอคอยซึเท็นคาคุ ปิดท้ายวันด้วยการเดินเล่นในย่านชินเซไกที่มีบรรยากาศสุดคึกคัก สีสันฉูดฉาดบาดตา และเต็มไปด้วยร้านอาหารญี่ปุ่นและสตรีทฟู้ดแสนอร่อย เข้าพักในที่พักใกล้กับ สถานีนัมบะ แล้วออกไปเดินเที่ยวในโอซาก้าได้เลย โรงแรมอิล คูโอเร่ นัมบะ โรงแรมเอส-เพรสโซ-เดอะ นอร์ท โรงแรมอิชิเออิ   แพลนเที่ยวโอซาก้า 5 วัน (ต่อจาก 2 วันแรก) วันที่ 3 ทั้งวัน เกียวโต (Kyoto): นั่งรถไฟ 1 ชั่วโมงจากโอซาก้าไปเกียวโต เพื่อเที่ยวชมวัดเก่าแก่และสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ อย่าลืมไปเลือกซื้องานฝีมือแบบโบราณและเครื่องแต่งกายแบบญี่ปุ่นแท้ๆ ด้วยนะ ที่เที่ยวสุดฮิตในเกียวโต ศาลเจ้าเทพเจ้าจิ้งจอกอินาริ (Fushimi Inari Taisha) วัดคินคะคุจิหรือวัดทอง (Kinkaku-ji temple) วัดคิโยะมิซุหรือวัดน้ำใส (Kiyomizu-dera temple)...
อ่านเพิ่มเติม
รวมที่เที่ยวโอซาก้า ใกล้สถานีรถไฟชินไซบาชิ (Shinsaibashi Station)
หากใครมา โอซาก้า เพื่อช้อปปิ้งเป็นหลักละก็ แค่เที่ยวอยู่แถวๆ ชินไซบาชิ ก็ฟินแล้ว เพราะย่านนี้มีร้านเสื้อผ้า สินค้าแฟชั่น และห้างสรรพสินค้าแน่นขนัดทุกตรอกซอกซอย แถมยังมีเรือเฟอร์รีนำเที่ยวให้บริการอยู่ตาม ทางเดินเลียบแม่น้ำทมโบริ (Tombori River Walk) หากใครเป็นนักท่องเที่ยวสายธรรมะ ในย่านนี้ก็มีวัดวาอารามอยู่มากมาย ส่วนใครเป็นนักท่องเที่ยวสายบันเทิง ที่นี่ก็มีที่เที่ยวกลางคืนอยู่เยอะแยะไม่แพ้กัน ที่เที่ยวแนะนำในย่านชินไซบาชิ ถนนช้อปปิ้งชินไซบาชิ (Shinsaibashi Shopping Street): อภิมหาถนนสายช้อปปิ้งที่ยาวเกือบ 600 เมตรแห่งนี้ ตั้งอยู่ระหว่าง ถนนโดทงโบริ (Dotonbori) และ ถนนมิโดซูจิ (Midosuji Boulevard) ที่นี่มีตั้งแต่สินค้าแบรนด์เนมสุดหรูไปจนถึงสินค้าพื้นเมืองราคาย่อมเยา หากไปเดินเล่นตามตรอกซอกซอย ก็อาจจะเจอร้านอาหารเด็ดๆ คาเฟ่สุดชิก หรือไม่ก็ร้านเหล้าสไตล์ญี่ปุ่นแท้ๆ ก็เป็นได้ ศาลเจ้ามิตสึฮาจิมังกุ (Mitsuhachimangu Shrine): ศาลเจ้าแห่งนี้สร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 8 ที่นี่ตั้งอยู่ใน หมู่บ้านอเมริกา (Americamura) ระหว่าง สวนสาธารณะมิตสึ (Mitsu Park) และ วัดมิตสึเทระ (Mitsutera) ชาวญี่ปุ่นเชื่อกันว่าเทพผู้คุ้มครองย่านมินามิ (Minami) สถิตอยู่ที่ศาลเจ้าแห่งนี้ วัดมิสึเทระ (Mitsutera temple): วัดนี้เป็นวัดเล็กๆ ที่เงียบสงบ ตั้งอยู่ระหว่าง ชินไซบาชิช้อปปิ้งอาร์เคด (Shinsaibashi Shopping Arcade) และ ถนนมิโดซูจิ หากอยากปลีกตัวจากความวุ่นวายในแหล่งช้อปปิ้ง แนะนำให้ลองเข้าไปสัมผัสความสงบและชมสถาปัตยกรรมญี่ปุ่นแบบโบราณที่วัดนี้ดู แหล่งช้อปปิ้งห้ามพลาดในย่านชินไซบาชิ ชินไซบาชิช้อปปิ้งอาร์เคด: ห้างสรรพสินค้าสุดอลังการ แหล่งรวมสินค้าแฟชั่นนำเทรนด์ มีทั้งเสื้อผ้า รองเท้า เครื่องประดับและสินค้าอื่นๆ อีกมากมาย ห้างนี้รองรับนักช้อปได้กว่า 60,000 คน ต่อวันเลยทีเดียว ห้างสรรพสินค้าไดมารู (Daimaru department store): เดิมชื่อห้างมัตสึยะ (Matsuya) เปิดทำการครั้งแรกในปี 1726 โดยเริ่มจากการขายผ้าและกิโมโน ปัจจุบัน ไดมารู ถือเป็นห้างยอดนิยมแห่งหนึ่งในย่านชินไซบาชิที่ขายสินค้าแฟชั่นคุณภาพดี และราคาไม่แพง หมู่บ้านอเมริกา: แหล่งช้อปปิ้งเก๋ๆ ที่เป็นสถานที่แฮงเอาต์สุดฮิตในหมู่วัยรุ่นโอซาก้า มีทั้งร้านเสื้อผ้ามือสอง อาร์ตแกลเลอรี และคาเฟ่ หมู่บ้านอเมริกาตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตกของย่านชินไซบาชิ กินพื้นที่ตั้งแต่ ถนนนางาโฮริ (Nagahori Street) ยาวไปจนถึง ย่านโดทงโบริ ข้าวปั้นหน้าปลาดิบ ปิ้งย่างสไตล์ญี่ปุ่น ราเมง รวมร้านอร่อยย่านชินไซบาชิ Sushi Omasa: ห้ามพลาด! ซูชิชิ้นหนานุ่มที่เชฟมือโปรจะมาปั้นให้ดูกันสดๆ ตรงหน้า ราคาเฉลี่ยต่อคน: 10,000 เยน เปิด: วันอังคาร - เสาร์ เวลา 17.00 น. - 01.00 น. (ปิดรับออร์เดอร์เที่ยงคืน), วันอาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 17.00 น. – 23.00 น. (ปิดรับออร์เดอร์เวลา 22.00 น.) พิกัดร้าน Matsusakagyu Yakiniku Hozenji Hanare: เพลิดเพลินกับการดูเชฟมือฉมังแล่เนื้อตามสั่งอย่างบรรจง พร้อมลิ้มรสเนื้อย่างคุณภาพเยี่ยมในร้านอาหารบรรยากาศดี...
อ่านเพิ่มเติม
โอซาก้าวันเดย์ทริป: ตะลุยช้อปปิ้ง ท่องเที่ยวยามราตรี แช่ออนเซ็นในอะมะงะซากิ
อะมะงะซากิ (Amagasaki) หรือที่คนท้องถิ่นเรียกกันสั้นๆ ว่า “อะมะ” เป็นย่านที่ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของ โอซาก้า ในเขต จังหวัดเฮียวโงะ (Hyogo Prefecture) ที่นี่เป็นสถานที่พักผ่อนยอดนิยมของชาวโอซาก้าผู้ชื่นชอบออนเซ็นและร้านอิซากายะ (บาร์สไตล์ญี่ปุ่น) อะมะงะซากิ อยู่ห่างจากโอซาก้าเพียง 10 นาทีหากเดินทางโดยรถไฟ สะดวกแบบนี้ยิ่งทำให้น่าไปเที่ยวสุดๆ รับรองว่านักท่องเที่ยวที่ชอบสัมผัสวิถีชีวิตแบบญี่ปุ่นแท้ๆ จะต้องถูกใจอย่างแน่นอน อะมะงะซากิ: เที่ยวที่ไหน ทำอะไรดี พิพิธภัณฑ์ออมสินโลก (World Piggy Bank Museum): หรือที่เรียกกันว่า World Money Box Museum ตั้งอยู่ติดกับ พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์อะมะชิน (Amashin Historical Museum) ภายในพิพิธภัณฑ์ออมสินโลกมีกระปุกออมสินและกล่องเก็บเงินกว่า 13,000 ชิ้น รวมทั้งเงินตราของมีค่าจากทั่วโลก ในตอนจบของทัวร์แต่ละช่วงจะมีกิจกรรมธนาคารจำลองให้เด็กๆ และผู้ใหญ่ได้เล่นสนุกกัน ที่นี่จึงเป็นแหล่งท่องเที่ยวเหมาะกับครอบครัว ศูนย์วัฒนธรรมอะมะงะซากิ (Amagasaki Cultural Center): ชมคอนเสิร์ตวงซิมโฟนี และนิทรรศการที่จัดขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่ศิลปินท้องถิ่น ณ ห้อง Kazuo Shiraga Memorial Room ปราสาทอะมะงะซากิ (Site of Amagasaki Castle): เที่ยวชมปราสาทที่เพิ่งสร้างเสร็จใหม่ โดยจำลองแบบจากปราสาทเดิมในสมัยศตวรรษที่ 17 และชมซากกำแพงหินที่ใช้ป้องกันปราสาทในสมัยโบราณ ออนเซ็นและเซ็นโตแบบญี่ปุ่น อะมะงะซากิ ขึ้นชื่อเรื่องโรงอาบน้ำร้อนเซ็นโตและบ่อน้ำพุร้อนออนเซ็น ซึ่งน้ำที่ใช้ในเซ็นโตหรือซูเปอร์เซ็นโตนั้นเป็นน้ำร้อนธรรมดา ส่วนน้ำในออนเซ็นเป็นน้ำพุร้อนจากธรรมชาติ คนญี่ปุ่นชอบแช่น้ำร้อนทั้ง 2 แบบเพราะว่าแช่แล้วสบาย และผ่อนคลายทั้งคู่ แนะนำให้ลองไปแช่ออนเซ็นที่ Yomogawa Onsen Mizukinoyu ซึ่งตั้งอยู่ใกล้ๆ กับ สนามแข่งเรือ Boat Race Amagasaki แหล่งช้อปปิ้งที่ดีที่สุด Amagasaki Q’s Mall: เที่ยวชมแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์จนจุใจแล้ว ลองสลับบรรยากาศมาเที่ยวที่ห้างใหญ่สุดทันสมัยกันบ้าง ที่ชั้นบนสุดของห้างนี้มีโรงหนังด้วย หากใครอยากสัมผัสบรรยากาศโรงหนังของญี่ปุ่นก็ลองไปเที่ยวกันได้เลย ถนนช้อปปิ้งย่านคุอิเซะ (Kuise Shotengai shopping street): ย่านคุอิเซะขึ้นชื่อเรื่องของสด อาหารญี่ปุ่นต้นตำรับ และยังมีสาเกพื้นเมืองให้ชิมมากมาย นอกจากนี้ก็มีร้านค้าต่างๆ ให้ได้ไปเดินดูของกันเพลินๆ ร้านอาหารแนะนำน่าลอง Daikan Honten: ร้านราเมงระดับตำนานแห่งนี้เปิดมานานกว่า 100 ปี ว่ากันว่าเป็นร้านราเมงที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่นเลยทีเดียว แหล่งท่องเที่ยวยามราตรีที่ไม่ควรพลาด แหล่งท่องเที่ยวยามราตรีของอะมะงะซากิ ตั้งอยู่ใกล้กับ สถานีรถไฟ Tachibana Station ที่ย่านนี้มีบาร์ Bar Piggy’s และ Bar Primavera ที่มีช่วง Happy Hour เสิร์ฟค็อกเทลในบรรยากาศสบายๆ การเดินทาง เดินทางมาลงที่ สถานีรถไฟ Amagasaki Station หรือ JR Amagasaki Station ทั้ง 2 สถานีเชื่อมต่อกับ สถานี Kansai-Airport Station, Umeda Station, Namba Station และ Universal-City Station เข้าพักในที่พักใกล้กับ ปราสาทอะมะงะซากิ...
อ่านเพิ่มเติม
ไปเที่ยวโอซาก้าช่วงไหนดี: เตรียมตัวให้พร้อมแล้วออกไปเที่ยวให้สนุกทุกฤดูกาล
แน่นอนว่าช่วงดอกซากุระบานหรือช่วงใบไม้เปลี่ยนสีเป็นช่วงเวลาท่องเที่ยว โอซาก้า ที่ดีที่สุด แต่ช่วงเวลานอกฤดูท่องเที่ยวสุดฮิต อย่างฤดูหนาวและฤดูร้อนก็มีอะไรให้ทำเยอะแยะไม่แพ้กัน ฤดูใบไม้ผลิในโอซาก้า เดือน: มีนาคม – พฤษภาคม การแต่งกาย: ถ้าออกไปเที่ยวข้างนอกก็ควรพกแจ็กเก็ตบางๆ ติดตัวไว้พร้อมกับร่มสักคัน หรือเสื้อกันฝนก็ได้ กิจกรรมห้ามพลาด: ชมดอกซากุระบานสะพรั่งและดูการแข่งขันซูโม่ นอกจาก โอซาก้า จะมีซากุระให้ชมในฤดูใบไม้ผลิแล้ว ยังมีการแข่งขันซูโม่ให้ดูด้วยอีกอย่าง ลองเปลี่ยนบรรยากาศไปชมการแข่งกีฬาประจำชาติญี่ปุ่นสักครั้งก็น่าสนใจไม่น้อย จุดชมซากุระที่ดีที่สุดในโอซาก้า สวนนิชิโนะมารุ (Nishinomaru Garden) ในสวนสาธารณะปราสาทโอซาก้า (Osaka Castle Park): ชม ปราสาทโอซาก้า ที่โอบล้อมด้วยต้นซากุระที่ออกดอกบานสะพรั่งกว่า 600 ต้น โดยปกติสวนนี้เปิดให้บริการตั้งแต่ 09:00 น – 17:00 น. แต่จะขยายเวลาเข้าชมถึง 21:00 น. ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ชื่นชมสวนที่ประดับไฟอันสวยสดงดงาม หากต้องการชม สวนนิชิโนะมารุ จะต้องจ่ายค่าเข้าชมเพิ่มเติมจากค่าเข้าชม ปราสาทโอซาก้า โรงกษาปณ์ญี่ปุ่น (Japan Mint): โรงกษาปณ์ญี่ปุ่น และ พิพิธภัณฑ์เหรียญตรา (Mint Museum) จะเปิดพื้นที่สงวนอย่าง “อุโมงค์ซากุระ” ให้คนทั่วไปได้เข้าชมเป็นเวลาประมาณ 1 สัปดาห์ในช่วงกลางเดือนเมายน นอกจากนี้ยังสามารถเดินเล่นเลียบ แม่น้ำโอคาวะ (Okawa River) ได้ราว 30 นาทีโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ หากวางแผนจะเที่ยวให้ครบ แบบจ่ายครั้งเดียวจบ ก็อย่าลืมวางแผนให้ดีเพราะว่า พิพิธภัณฑ์เหรียญตรา ปิดทำการช่วงสัปดาห์ดอกซากุระบาน สวนสาธารณะอนุสรณ์งาน Expo '70 (Expo ’70 Commemorative Park): ใครชอบเที่ยวชมธรรมชาติ แนะนำให้ไป สวนญี่ปุ่น (Japanese Garden) ซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณสถานที่จัดงาน Japan World Exposition ในปี 1970 ซึ่งนอกจากจะมีต้นซากุระแล้ว ยังมีต้นบ๊วยเรียงรายสวยงามให้ชมอีกด้วย นอกจากนี้นักท่องเที่ยวยังสามารถเที่ยวชม พิพิธภัณฑ์หัตถกรรมพื้นบ้านญี่ปุ่น (Japan Folk Crafts Museum) ที่ตั้งอยู่ภายในบริเวณเดียวกันได้อีกด้วย สวนเคมะ ซากุระโนะมิยะ (Kema Sakuranomiya Park): นั่งปิกนิกใต้ร่มเงาต้นซากุระกว่า 5,000 ต้น ที่ริม แม่น้ำโอคาวะ สวนนากาอิ (Nagai Park): เดินชมดอกซากุระและดอกไม้ประจำฤดูกาลตามทางเดินใน สวนพฤกษชาตินากาอิ (Nagai Botanical Garden) การแข่งขันซูโม่ที่ดีที่สุดในโอซาก้า March Grand Tournament เป็นการแข่งขันซูโม่รายการใหญ่ที่กินเวลานานถึงสองสัปดาห์ การแข่งขันนี้จัดขึ้นในช่วงกลางเดือนมีนาคมของทุกปีที่ เอดิออน อารีนา โอซาก้า (EDION Arena Osaka) หรือศูนย์กีฬาประจำจังหวัดโอซาก้า นั่นเอง สามารถซื้อตั๋วออนไลน์หรือไปซื้อตั๋วที่หน้างานก็ได้ ที่พักใกล้กับ ปราสาทโอซาก้า ดอร์มี อินน์ โอซาก้า เนเชอรัล ฮอตสปริง (ทะนิมะชิ) โฮสเทล จิง โทโยโกะ อินน์ โอซาก้า ทานิยง โคซาเต็น ออกไปเที่ยวที่...
อ่านเพิ่มเติม
ปราสาทโอซาก้า: ซื้อตั๋วไปทัวร์ปราสาทเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่นกัน!
ปราสาทโอซาก้า ไม่ได้เป็นเพียงแค่สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมอันดับต้นๆ ของโอซาก้าเท่านั้น แต่ยังเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่นอีกด้วย ปราสาทโอซาก้า นั้นมีความเป็นมาที่ยาวนานตั้งแต่สมัยปลายศตวรรษที่ 16 เมื่ออดีตขุนพลและนักรบ โทโยโตมิ ฮิเดโยชิ (Toyotomi Hideyoshi) สั่งให้สร้างปราสาทแห่งนี้ขึ้นเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของการรวบรวมประเทศที่แตกแยกเนื่องจากสงคราม เที่ยวชมปราสาทโอซาก้า พร้อมศึกษาประวัติศาสตร์จากแลนด์มาร์กอันทรงคุณค่าแห่งนี้ อาคารหลัก ของปราสาทโอซาก้าถูกไฟไหม้เสียหายในปีค.ศ. 1615 และได้รับการสร้างขึ้นใหม่ในปี 1620 หากมองจากภายนอกจะเห็นว่ามีเพียง 5 ชั้นแต่ที่จริงแล้วภายในมีทั้งหมด 8 ชั้น ต่อมาในปี 1665 ปราสาทโอซาก้าก็ถูกฟ้าผ่าเสียหายอีกครั้ง จึงได้มีการบูรณะปราสาทเรื่อยมาจนถึงปี 1843 หลังจากนั้นในปี 1868 ปราสาทโอซาก้าถูกศัตรูตีแตกเป็นครั้งที่สามและถือเป็นครั้งสุดท้าย ตัวปราสาทเกือบทั้งหลังถูกไฟไหม้ย่อยยับ ต่อมามีการซ่อมแซมปราสาทเป็นบางส่วนในปี 1931 เมื่อกองทัพญี่ปุ่นใช้ปราสาทเป็นคลังสรรพาวุธเพื่อผลิตปืนและกระสุน ทว่าในสมัยสงครามโลกครั้งที่สองเมื่อปี 1945 ปราสาทก็ถูกโจมตีจนแทบพังพินาศอีกครั้ง ปราสาทโอซาก้าได้รับการบูรณะเป็นครั้งสุดท้ายในปี 1997 และนับแต่นั้นนักท่องเที่ยวก็เดินทางมาเยี่ยมชมสถานที่แห่งนี้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงที่ดอกซากุระบาน นักท่องเที่ยวจะได้ชมกำแพงหินและคูน้ำรอบตัวปราสาทดั้งเดิม รวมถึงสิ่งก่อสร้าง 13 อย่างที่รัฐบาลญี่ปุ่นกำหนดให้เป็นสมบัติสำคัญทางวัฒนธรรม แลนด์มาร์กทางประวัติศาสตร์ 13 อย่างภายในปราสาทโอซาก้า ประตูโอเตะมอน (Ote-mon Gate) ประตูซากุระมอน (Sakura-mon Gate) ป้อมอิจิบังยากุระ (Ichiban-yagura Turret) ป้อมอินุยยากุระ (Inui-yagura Turret) ป้อมโรคุบังยากุระ (Rokuban-yagura Turret) ป้อมเซ็นกังยากุระ (Sengan-yagura Turret) ป้อมทามอนยากุระ (Tamon-yagura Turret) บ่อน้ำคินเมซุย (Kinmeisui Well) ห้องคลังคินโซ (Kinzo Storehouse) โรงเก็บดินปืนเอ็นโชกุระ (Enshogura Gunpowder Magazine) กำแพงปราสาทรอบประตูโอเตมอน (สามส่วน) กิจกรรมที่น่าสนใจในปราสาทโอซาก้า พิพิธภัณฑ์ปราสาทโอซาก้า: พิพิธภัณฑ์ปราสาทโอซาก้าตั้งอยู่ในบริเวณอาคารหลัก เป็นสถานที่จัดแสดงเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่น ซึ่งนักท่องเที่ยวจะได้เรียนรู้เรื่องราวทางประวัติศาสตร์จากวัตถุโบราณ ภาพเขียน และนิทรรศการเคลื่อนไหว นอกจากนี้ยังมีภาพยนตร์ความยาว 5 ตอน ที่บอกเล่าเรื่องราวของฮิเดะโยชิและวิสัยทัศน์ของเขาในการสร้างปราสาทโอซาก้า ชมภาพยนตร์จบแล้ว อย่าลืมไปลองสวมชุดซามูไรเท่ๆ ที่ทางพิพิธภัณฑ์มีให้บริการ จุดชมวิว: นักท่องเที่ยวสามารถชมวิวอันสวยสดงดงามของเมืองโอซาก้าและสวนสาธารณะปราสาทโอซาก้าได้จากจุดชมวิวที่ชั้นบนสุดของพิพิธภัณฑ์ปราสาทโอซาก้า สวนสาธารณะปราสาทโอซาก้า: สวนแห่งนี้ตั้งอยู่ในบริเวณรอบๆ อาคารหลักของปราสาทโอซาก้า นักท่องเที่ยวนิยมมาเที่ยวชมกันเป็นจำนวนมากในฤดูใบไม้ผลิที่ดอกซะกุระบานสะพรั่ง ภายในสวนยังมีศาลเจ้าโฮโกคุ (Hokoku Shrine), สวนนิชิโนะมารุ (Nishinomaru Garden) และสวนดอกท้อปราสาทโอซาก้า (Osakajo Plum Grove) อีกด้วย นักท่องเที่ยวจะได้ดื่มด่ำบรรยากาศที่รายล้อมไปด้วยดอกไม้ตระกูลแอพริคอต อย่างดอกท้อ ดอกบ๊วย และดอกซากุระ ที่มีมากมายเกือบ 100 สายพันธุ์ในป่าต้นบ๊วย (Ume Grove) นอกจากนี้นักท่องเที่ยวยังชมใบไม้เปลี่ยนสีได้ที่ป่าโอะโมยเดะโนะโมริ (Omoide-no-mori) หรือป่าแห่งความทรงจำ ค่าเข้าชมและเวลาเปิดทำการของปราสาทโอซาก้า คุณสามารถเข้าชม สวนสาธารณะปราสาทโอซาก้า ได้ฟรี ส่วน อาคารหลัก, พิพิธภัณฑ์ปราสาทโอซาก้า และ สวนนิชิโนะมารุ ต้องซื้อบัตรเข้าชม บัตรเข้าชม อาคารหลัก และ พิพิธภัณฑ์ปราสาทโอซาก้า: ผู้ใหญ่ 600 เยน | เด็ก (อายุไม่เกิน 15 ปี) เข้าชมฟรี...
อ่านเพิ่มเติม
ยูนิเวอร์แซล สตูดิโอส์ เจแปน: เที่ยวธีมพาร์กโอซาก้าครั้งแรกแบบเซียนตัวจริง
ยูนิเวอร์แซล สตูดิโอส์ เจแปน หรือ USJ (Universal Studios Japan) สวนสนุกที่ใหญ่ที่สุดในโอซาก้าแห่งนี้เป็นสวนสนุกที่มีคนมาเที่ยวมากที่สุดเป็นอันดับสองของญี่ปุ่นรองจากโตเกียวดิสนีย์แลนด์ และเป็นหนึ่งในธีมพาร์ก แอนด์ รีสอร์ต ของยูนิเวอร์แซลซึ่งมีเพียง 4 แห่งในโลก แถมยังเป็นยูนิเวอร์แซลธีมพาร์กแห่งแรกในเอเชียอีกด้วย ไฮไลต์และกิจกรรมห้ามพลาดที่ USJ USJ แบ่งออกเป็น 9 โซน ตามธีมภาพยนตร์สุดฮิตของฮอลลีวูดและหนังดังจากค่ายยูนิเวอร์แซลสตูดิโอส์ Universal Wonderland: เหมาะกับเด็กเล็กและครอบครัว ที่นี่แบ่งออกเป็น 3 โซนย่อยๆ คือ Snoopy Studio, Hello Kitty Fashion Avenue และ Sesame Street Fun World เด็กๆ และผู้ใหญ่จะได้สนุกกับเครื่องเล่นอย่าง Flying Snoopy และ Moppy’s Balloon Trip Amity Village: ทำใจให้ดีๆ ล่ะ ตอนขึ้น “เรือสยองขวัญ” ในแอมิตี้วิลเลจ เพราะฉลามกินคนจากหนังดังเรื่อง Jaws จะโผล่มาสั่นประสาทคนชอบลองของ เราเตือนแล้วนะ Waterworld: ชมฉากต่อสู้แบบสดๆ ในสตูดิโอที่เจ๋งที่สุดแห่งหนึ่งของสวนสนุกนี้ ที่นี่ คุณจะไม่ได้แค่นั่งดูการสู้รบบนผิวน้ำเฉยๆ แต่จะรู้สึกเหมือนตัวเองได้ลงไปร่วมวงลุยเองเชียวละ The Wizarding World of Harry Potter: หยิบไม้กายสิทธิ์เข้าไปเรียนวิธีเสกคาถาให้ทั่วทั้งปราสาทฮอกวอตส์ เมื่อใช้ไม้กายสิทธ์เป็นแล้ว อย่าลืมไปลองวิชากับพ่อมดแม่มดตัวจริงที่หมู่บ้านฮ็อกส์มีด หรือต่อสู้กับผู้คุมวิญญาณบนเครื่องเล่นสุดมันอย่าง Harry Potter and the Forbidden Journey Jurassic Park: นั่ง The Flying Dinosaur ย้อนกลับไปยังโลกสมัยก่อนประวัติศาสตร์ แล้วเตรียมวิ่งหนีไดโนเสาร์ที่ Jurassic Park – The Ride หนึ่งในเครื่องเล่นทางน้ำที่ฮ็อตที่สุดของ USJ San Francisco: พบกับฉากไฟไหม้สุดตื่นเต้นเหมือนอย่างในภาพยนตร์เรื่อง Backdraft Minion Park: เล่นสนุกกับเหล่ามินเนียนตัวเหลืองสุดกวนที่โผล่ออกมาจากแล็บใต้ดิน แล้วหัวเราะให้สนั่นตอนนั่งเครื่องเล่น Despicable Me Minion Mayhem และ Freeze Ray Sliders New York: สัมผัสประสบการณ์ติดกับดักใยแมงมุมสามมิติสุดตื่นเต้นได้จากเครื่องเล่น The Amazing Adventures of Spider-Man – The Ride 4K3D Hollywood: ขาชี้ฟ้าหน้าสู้พื้นต้องนี่เลย Hollywood Dream – The Ride – Backdrop เครื่องเล่นที่จะพาผู้โดยสารแล่นฉิวแบบหันหลังไปบนโรลเลอร์โคสเตอร์ แต่ถ้าชอบพุ่งไปข้างหน้ามากกว่า เราขอแนะนำให้ขึ้น Hollywood Dream – The Ride ร้านอาหารและร้านขายของที่ระลึกที่ USJ ทุกโซนของ USJ (ยกเว้นโซนวอเตอร์เวิลด์) มีร้านค้าและร้านอาหารตามธีมของตัวเอง อย่าพลาดชิมของหวานอย่าง whoopie...
อ่านเพิ่มเติม
เที่ยวโตเกียว: 5 จุดชมใบไม้เปลี่ยนสีในโตเกียวแบบสวยสุดสุด
ช่วงเวลาปลายปีคือหนึ่งในช่วงเวลาสุดโปรดของเหล่าบรรดานักเดินทาง ซึ่งจะเริ่มวางแผนท่องเที่ยวส่งท้ายปลายปีกันอีกครั้ง และหากจะเอ่ยถึงประเทศยอดฮิตของนักเดินทางชาวไทย ประเทศญี่ปุ่นก็จะต้องติดโผเป็นอันดับต้นๆ อย่างแน่นอน ส่วนไฮไลต์เด็ดปลายปีของการท่องเที่ยวญี่ปุ่นที่เหล่านักเดินทางรอคอยก็คงหนีไม่พ้นการชมใบไม้เปลี่ยนสีในทุกทั่วภูมิภาคของญี่ปุ่น และหนึ่งในนั้นก็รวมถึงเมืองโตเกียว ซึ่งมีจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีให้คุณไปดื่มด่ำวิวงามๆ อย่างเต็มที่ไม่แพ้ที่ไหนๆ และนี่คือ 5 จุดชมใบไม้เปลี่ยนสีในโตเกียว ที่เราอยากให้คุณลองไปสัมผัสถึงสีสันแห่งฤดูใบไม้ร่วงสักครั้งหนึ่งในชีวิต 1. สวนโคอิชิกาวะ โคระคุเอ็น (Koishikawa Korakuen) หากเอ่ยถึง จุดชมใบไม้เปลี่ยนสีในโตเกียว ที่ห้ามพลาด สวนโคอิชิคาวะ โคระคุเอน คือหนึ่งในนั้น ที่นี่ขึ้นชื่อว่าเป็นหนี่งในสวนที่เก่าแก่ที่สุดในโตเกียว สร้างขึ้นในยุคเอโดะตอนต้น เพราะความสวยงามของสวนที่มีการจัดแต่งอย่างงดงามสไตล์สวนญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม ไม่ว่าจะเป็นต้นไม้ บ่อน้ำ หินประดับสวยงาม และทางเดินชมสวน จึงทำให้สวนแห่งนี้เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจยอดฮิตตลอดทั้งปีสำหรับนักท่องเที่ยวและคนญี่ปุ่นเอง แต่ช่วงที่สวยงามและดึงดูดนักท่องเที่ยวเป็นพิเศษก็คือช่วงฤดูใบไม้ร่วง ซึ่งคุณจะได้เห็นใบต้นเมเปิลแข่งขันกันสาดสีสันส้มแดงสดใสอยู่ตรงบริเวณบ่อน้ำทั้งสามบ่อของสวน หากแค่สองสีนั้นยังไม่จุใจ ก็อย่าลืมไปชมความงามของใบต้นแป๊ะก๊วยสีเหลืองสบายตาที่อยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของสวน รับรองว่าน่าประทับใจไม่แพ้กัน เข้าพักที่ โรงแรมโตเกียว โดม, แล้วออกไปชมใบไม้เปลี่ยนสีที่ สวนโคอิชิกาวะ โคระคุเอ็น ค้นหาที่พักราคาดีที่สุดใกล้โตเกียวโดม 2. สวนริคุงิเอ็น (Rikugien Garden) อีกหนึ่งสวนญี่ปุ่นที่ขึ้นชื่อว่างดงามที่สุดไม่แพ้ที่ไหนในโตเกียวก็คือ สวนริคุงิเอ็น สวนนี้ถือเป็นตัวอย่างที่ดีของสวนสมัยเอโดะเลยก็ว่าได้ ซึ่งประกอบด้วยบ่อน้ำตรงกลางขนาดใหญ่ ล้อมรอบด้วยเนินและต้นไม้ และทั้งหมดก็มีทางเดินเชื่อมถึงกัน ด้วยความที่สวนแห่งนี้ค่อนข้างกว้างมาก การจะใช้เวลาเดินเล่นดื่มด่ำชมความงามให้ทั่วสวนก็อาจกินเวลาสักเล็กน้อย แต่รับรองว่าคุ้มค่าแน่นอน ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงปลายเดือนพฤศจิกายนถึงต้นเดือนธันวาคม ที่นี่จะกลายเป็นจุดหมายปลายทางยอดฮิตที่ไม่ว่าใครก็ต้องมาเยือนเพื่อชมวิวใบไม้เปลี่ยนสีแบบอลังการงานสร้าง ส่วนไฮไลต์เด็ดคือใบต้นเมเปิ้ลสีแดงจัดส้มจัดที่แข่งกันโชว์ความงามท้าแสงแดด โดยเฉพาะวิวใบไม้แดงตรงใกล้ๆ ริมลำธารที่ไหลผ่านโรงน้ำชา และสะพานโทเง็ตสึเคียว กลายเป็นภาพทิวทัศน์ธรรมชาติที่งดงามดุจราวภาพวาดจนไม่ว่าใครก็อยากเก็บภาพความประทับใจ และดื่มด่ำวิวตรงหน้านี้ให้ยาวนานที่สุด เข้าพักที่ โรงแรมเอพีเอ ซุงะโมะ เอกิมะเอะ, แล้วออกไปชมใบไม้เปลี่ยนสีที่ สวนริคุงิเอ็น ค้นหาที่พักราคาดีที่สุดใกล้สวนสาธารณะอุเอะโนะ 3. ภูเขาทาคาโอะ (Mount Takao หรือ Takaosan) ภูเขาทาคาโอะ ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตกของโตเกียว แม้จะไม่ได้อยู่ในใจกลางเมือง แต่ก็ใช้เวลาไม่นานในการเดินทางมาที่นี่ แค่ประมาณหนึ่งชั่วโมงจากชินจูกุ คุณก็จะได้เจอกับวิวธรรมชาติอย่างจัดเต็ม ภูเขาแห่งนี้มีชื่อเสียงเรื่องเส้นทางเดินเขาสวยๆ มากมาย ใครฟิตๆ ก็ต้องลองไปเดินขึ้นยอดเขา โดยจะใช้เวลาประมาณ 90 นาที ที่นี่มีชื่อเสียงในเรื่องวิวทิวทัศน์หลักล้าน โดยเฉพาะในฤดูใบไม้ร่วงช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน ที่คุณจะได้เห็นความงามของใบไม้ทั้งสีส้มสีแดงที่แซมอยู่ทั่วทั้งภูเขา จึงทำให้ภูเขาทาคาโอะแห่งนี้เป็นสถานที่ที่ไม่ว่าใครก็อยากมาสัมผัสกับความงามแห่งสีสันใบไม้แดงท่ามกลางธรรมชาติให้ได้สักครั้ง นอกจากนี้ที่นี่ยังเป็นที่ตั้งของ วัดยะคุโอะอิน (Yakuoin Temple) วัดศาสนาพุทธนิกายชินโตอันศักดิ์สิทธิ์ที่ผู้คนนิยมไปสักการะขอพรเพื่อความโชคดีอีกด้วย เข้าพักที่ โรงแรมเอพีเอ ชินจุกุ - เกียวเอมมะเอะ, แล้วออกไปฟินกับธรรมชาติที่ ภูเขาทาคาโอะ ค้นหาที่พักราคาดีที่สุดในชินจูกุ 4. อิโชนามิกิ หรือ อุโมงค์ต้นแปะก๊วย (Icho Namiki หรือ Ginkgo Avenue) ถนนอิโชนามิกิ ตั้งอยู่ใน สวนเมจิจิงกูไกเอน (Meiji Jingu Gaien) ซึ่งเป็นถนนที่มีต้นแปะก๊วยเรียงรายสองข้างทางมากกว่า 100 ต้น กลายเป็นทิวทัศน์อุโมงค์ต้นแปะก๊วยที่ทอดยาวไปตามถนนระยะทาง 300 เมตรแห่งนี้ ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ถนนอิโชนามิกิจะคลาคล่ำไปด้วยผู้คนที่มาเดินเล่นชมความงามของใบต้นแปะก๊วยที่เปลี่ยนเป็นสีเหลืองอร่ามไปทั่วทั้งสาย และจะสวยสุดๆ ตอนช่วงพีคประมาณปลายเดือนพฤศจิกายน ลองนึกภาพว่าคุณกำลังเดินบนพรมใบแปะก๊วยที่ร่วงปกคลุมอยู่บนถนน ส่วนสองข้างทางก็เป็นต้นแปะก๊วยที่เปลี่ยนเป็นสีเหลืองสดใส มองไปทางไหนก็เห็นแต่สีเหลือง แถมมีมุมงามๆ ให้คุณได้เก็บภาพกันอย่างสะใจ แค่นี้ก็ฟินสุดๆ นอกจากนี้ในช่วงเทศกาลใบไม้เปลี่ยนสี ก็จะมีร้านค้าตามสองข้างทางที่ขายอาหาร ของกินเล่น และสินค้าน่ารักๆ ให้คุณช็อปเพลินๆ ระหว่างเดินเล่นไปตามอุโมงค์ต้นแปะก๊วยอันงดงามแห่งนี้ด้วย เข้าพักที่ ซูเปอร์ โฮเต็ล ชินจุกุ คาบุกิโชะ,...
อ่านเพิ่มเติม
5 สถานที่เที่ยวใกล้โตเกียวแบบฟินมากๆ
เพราะระบบขนส่งในญี่ปุ่นที่ขึ้นชื่อว่าสะดวกสบายและทันสมัยสุดๆ จึงทำให้การเดินทางไปไหนมาไหนจากโตเกียวช่างง่ายแสนง่าย ไม่ว่าคุณจะเลือกไปเดินเขาผจญภัย หรือจะไปชิลชมวิวริมทะเลแบบวันเดย์ทริป ก็สะดวกสุดๆ เราจึงขอนำเสนอ 5 สถานที่เที่ยวใกล้โตเกียว แบบฟินมากๆ ที่รับรองว่าไปแล้วไม่มีผิดหวังแน่นอน! เกร็ดน่ารู้: ดอกซากุระขึ้นชื่อว่าเป็นดอกไม้ประจำชาติของประเทศญี่ปุ่น และถือเป็นไฮไลต์หนึ่งของประเทศที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกให้มาชมความงดงามของดอกซากุระ ซึ่งพร้อมใจกันบานสะพรั่งในช่วงฤดูใบไม้ผลิ สถานที่ชมดอกซากุระที่เป็นที่นิยมอันดับต้นๆ ก็คือ สวนสาธารณะอุเอะโนะ (Ueno Park) ในช่วงเวลาพีคประมาณเดือนมีนาคม-เมษายน คุณจะได้เห็นดอกซากุระสีชมพูบานสะพรั่งไปทั่วทั้งสวน พร้อมผู้คนที่หลั่งไหลมาสัมผัสเทศกาลฮานามิหรือประเพณีชมดอกซากุระของญี่ปุ่นนั่นเอง 1. เดินขึ้นภูเขาไฟฟูจิ แล้วไปชมวิวหลักล้านริมทะเลสาบ ใครที่มาญี่ปุ่น ก็คงต้องอยากมาเห็น ภูเขาไฟฟูจิ (Mount Fuji) หรือ ฟูจิซัง ด้วยตาตัวเองให้ได้สักครั้งหนึ่งในชีวิต ภูเขาไฟลูกนี้สูง 12,388 ฟุต (3,776 เมตร) ซึ่งขึ้นชื่อว่าสูงที่สุดในญี่ปุ่น องค์การยูเนสโกได้ประกาศให้ภูเขาไฟฟูจิเป็นมรดกโลกด้านวัฒนธรรม ซึ่งประกอบด้วยสถานที่ท่องเที่ยว 25 แห่งที่อยู่ในบริเวณนั้น แน่นอนว่าที่นี่จึงมีกิจกรรมต่างๆ ให้นักท่องเที่ยวทำมากมาย คุณสามารถปีนขึ้นไปสัมผัสฟูจิซังใกล้ๆ หรือจะใช้เวลาด้านล่างชมวิวฟูจิซังให้เต็มตาริมทะเลสาบ และเก็บสถานที่เที่ยวรอบๆ ให้ครบก็ฟินไม่ต่างกันแน่นอน กิจกรรมและสถานที่เที่ยวน่าไปใกล้ภูเขาไฟฟูจิ ทะเลสาบคาวากูจิ (Lake Kawaguchi): ชมวิวภูเขาไฟฟูจิในตอนเช้า แล้วไปผ่อนคลายที่บ่อน้ำพุร้อนให้สบายใจในตอนบ่าย ฟูจิคิวไฮแลนด์ (Fuji-Q Highland): สนุกสุดเหวี่ยงอะดรีนาลีนหลั่งกับเครื่องเล่นหวาดเสียวนานาชนิด พร้อมชมวิวภูเขาฟูจิแบบฟินๆ ไปพร้อมกัน กระเช้าคาชิคาชิภูเขาเทนโจ (Tenjō-Yama Park Mount Kachi Kachi Ropeway): ขึ้นกระเช้าลอยฟ้าไปบน ภูเขาเทนโจ (Mount Tenjo) แล้วชมวิวมุมสูงของภูเขาไฟฟูจิ, ทะเลสาบคาวากูจิ และ ป่าอาโอะกิงะฮะระ (Aokigahara Forest) ถ้ำน้ำแข็งนารุซาวะ (Narusawa Ice Cave): สำรวจถ้ำน้ำแข็งที่หนาวเย็นตลอดทั้งปีซึ่งตั้งอยู่ในป่าอาโอะกิงะฮะระ โกเท็มบะ พรีเมียม เอาท์เล็ต (Gotemba Premium Outlets): เดินช็อปให้เพลินในร้านค้ามากกว่า 200 ร้านระหว่างทางไปภูเขาไฟฟูจิ วิธีการเดินทาง คุณสามารถเดินทางไปชมภูเขาไฟฟูจิได้ทั้งรถบัสและรถไฟ แต่รถบัสจะราคาประหยัดและเดินทางง่ายกว่า เช็คเวลาและขึ้นรถบัสได้ที่สถานีโตเกียว, สถานีชิบุยะ และสถานีชินจูกุ ซึ่งใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง ส่วนรถไฟจะใช้เวลารวดเร็วและตรงเวลากว่ารถบัส แต่ราคาก็อาจจะสูงขึ้นมาหน่อย เข้าพักที่ โรงแรมยาบูกิโซ, แล้วออกไปดื่มด่ำวิวงามๆ ที่ ภูเขาไฟฟูจิ ค้นหาที่พักราคาดีที่สุดใกล้ๆ สวนสนุกฟูจิคิวไฮแลนด์ 2. สัมผัสความสงบเงียบในอารามเซนและไปชิลริมหาดที่เมืองคามาคุระ ไปสักการะศาลเจ้าและชมวัดเก่าแก่ที่เมืองริมทะเลอย่าง เมืองคามาคุระ (Kamakura) เมืองที่มีไฮไลต์อย่าง องค์พระใหญ่ไดบุตซึ (Daibutsu) ซึ่งสูงเกือบ 50 ฟุต และเป็นพระพุทธรูปที่ผู้คนนิยมไปสักการะกันอย่างล้นหลามที่ วัดโคโทขุ (Kōtoku Temple) เดินชม เส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ (Ten'en Hiking Trail) แล้วไปดูวัดเซนที่เก่าแก่ที่สุดในเขตนี้ที่ วัดเคนโชจิ (Kenchō-ji Temple) และดูสวนหินที่ วัดซุยเซ็นจิ (Zuisen-ji Temple) ส่วนใครชอบทะเลและชายหาดก็ต้องไปแวะที่ หาดยูอิงาฮามะ (Yuigahama Beach) ตรง อ่าวซะงะมิ (Sagami Bay) แล้วรับลมทะเลกันให้สบายใจ วิธีการเดินทาง รถไฟ JR:...
อ่านเพิ่มเติม
ทัวร์โตเกียวเหรอ? 5 สถานที่พักที่ดีที่สุดพร้อมแหล่งท่องเที่ยวและโรงแรมใกล้เคียง
โตเกียว เมืองหลวงอันมีชีวิตชีวาของญี่ปุ่น เป็นแหล่งผสมผสานระหว่างประเพณีและความทันสมัยอย่างลงตัว ทำให้เป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับนักเดินทาง เมื่อวางแผนการเข้าพัก สิ่งสำคัญคือการเลือกย่านที่เหมาะสมเพื่อให้ได้รับประสบการณ์สูงสุด และโตเกียวมีสิ่งต่างๆ ให้กับนักเดินทางทุกประเภท บทความนี้จะเจาะลึกสถานที่พักที่ดีที่สุดในโตเกียว ซึ่งแต่ละแห่งนั้นมีสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นเอกลักษณ์และประสบการณ์ที่ไม่มีวันลืม ขั้นแรก ให้สำรวจชินจูกุ ซึ่งคุณสามารถรับประทานอาหารร่วมกับหุ่นยนต์ฉายแสงในร้านอาหารสุดล้ำยุค และเพลิดเพลินกับการช้อปปิ้งสุดหรูในห้างสรรพสินค้าระดับโลก อาซากุสะเหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ต้องการดื่มด่ำกับวัฒนธรรมแบบดั้งเดิม โดยคุณสามารถซื้อตั๋วเข้าร่วมการแข่งขันมวยปล้ำซูโม่และเที่ยวชมวัดเก่าแก่ในพื้นที่ไทโตะได้ หากต้องการบรรยากาศที่ทันสมัยและคึกคักมากขึ้น ให้มุ่งหน้าไปที่ชิบูย่า ซึ่งคุณสามารถเดินผ่านสี่แยกที่พลุกพล่านที่สุดในโลกและถ่ายรูปกับรูปปั้นสุนัขอากิตะที่คนญี่ปุ่นชื่นชอบมากที่สุด หากคุณเป็นผู้ที่ชื่นชอบศิลปะและประวัติศาสตร์ อุเอโนะคือสถานที่ที่ควรไป เนื่องจากเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของโตเกียว สุดท้ายนี้ สำหรับฐานที่พักที่สะดวกใกล้ศูนย์กลางการขนส่งหลัก สถานีโตเกียวให้การเดินทางที่สะดวกไปยังสถานที่ต่างๆ เช่น ชิโยดะ ชูโอ (กินซ่า) มินาโตะ และชิบะ ซึ่งเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการสำรวจสถานที่สำคัญอันเป็นสัญลักษณ์ของเมือง บทความนี้จะช่วยคุณค้นหาพื้นที่ที่เหมาะสมตามความสนใจและความชอบของคุณ อโกด้า เอ็กซ์ตร้า: นั่งรถไฟในโตเกียวช่วงชั่วโมงเร่งด่วน มีโอกาสโดนผลักให้ขึ้นรถไฟไม่ได้! โอชิยะ หรือพนักงานเข็นรถไฟ ทำหน้าที่ช่วยอัดผู้โดยสารเข้าไปในรถไฟฟ้าใต้ดินมาเป็นเวลาหลายทศวรรษแล้ว สถานีชินจูกุเป็นสถานีแรกที่จ้างพนักงานเข็นผู้โดยสาร แต่ในปัจจุบัน คุณจะพบพนักงานเข็นผู้โดยสารเข้าประตูตามอาคารผู้โดยสารที่พลุกพล่านหลายแห่งทั่วเมือง 1. รับประทานอาหารร่วมกับหุ่นยนต์ฉายแสง และช้อปปิ้งที่ห้างสรรพสินค้าหรูหราที่ดีที่สุดของโตเกียวในชินจูกุ หากต้องการสถานที่ที่ใหญ่ที่สุดและมีชีวิตชีวาที่สุดในโตเกียว ไม่ต้องมองหาที่อื่นนอกจากชินจูกุ ศูนย์กลางเมืองที่มีชื่อเสียงของโตเกียวทำให้คุณเดินทางไปยังห้างสรรพสินค้าทันสมัย เช่น Lumine EST, Takashimaya Times Square และห้างสรรพสินค้า Odakyu ได้อย่างง่ายดาย คุณจะไม่ไกลจากห้างสรรพสินค้าอิเซตัน ชินจูกุ และมารุอิ เมน อีกด้วย ออกจากสถานีชินจูกุทางฝั่งตะวันตก คุณจะพบกับศูนย์รวมกล้องแห่งโตเกียว ซึ่งนักสะสมและผู้ที่ชื่นชอบสามารถเลือกดูกล้องวินเทจและอุปกรณ์ล่าสุดสำหรับช่างภาพได้ หากอยากทานอาหารเย็นและเที่ยวกลางคืน ให้เดินเล่นไปตาม Memory Lane หรือ Shinjuku Omoide Yokochō เพื่อพบกับแผงขายอาหารริมถนนที่เป็นที่นิยมมากที่สุดของโตเกียว บาร์ในท้องถิ่น และร้านอาหารแบบดั้งเดิม หรือซื้อตั๋วออนไลน์สำหรับการแสดงเทคโนที่ดุเดือดที่สุดที่คุณเคยเห็นที่ Robot Restaurant สุดท้ายนี้ อย่าออกจากชินจูกุโดยไม่ได้ถ่ายรูปเซลฟี่กับรูปปั้น LOVE ที่ Shinjuku i-LAND Tower ค้นหาโรงแรมและที่พักในชินจูกุ 2. ซื้อตั๋วเข้าชมการแข่งขันมวยปล้ำซูโม่ และเยี่ยมชมวัดในอาซากุสะ ไทโตะ หากเป้าหมายหลักของคุณในญี่ปุ่นคือการค้นหานักมวยปล้ำซูโม่ในชีวิตจริง อาซากุสะคือจุดหมายที่คุณต้องการ เขตทางตะวันออกในเขตไทโตะแห่งนี้เป็นที่ตั้งของสนามกีฬาซูโม่แห่งชาติโคคุกิกัง (Ryogoku Kokugikan) ซึ่งมีการแข่งขันซูโม่เกือบทุกคืน สั่งซื้อตั๋วออนไลน์และรับตั๋วได้ที่ 7-Eleven ที่ใกล้ที่สุด มันง่ายขนาดนั้นเลย นอกจากซูโม่แล้ว อาซากุสะยังเต็มไปด้วยเสน่ห์แห่งประวัติศาสตร์ ซึ่งเป็นลักษณะที่ทำให้ที่นี่โดดเด่นจากเขตชานเมืองใกล้เคียง ก่อนที่จะมุ่งหน้าไปยังสนามกีฬา ลองเที่ยวชมวัดเซ็นโซจิ ศาลเจ้าอาซากุสะ และพิพิธภัณฑ์เอโดะ-โตเกียว หากคุณแค่ต้องการอะไรใหม่ๆ เพื่อสร้างสมดุลกับสิ่งเก่าๆ ก็ลองไปชมเส้นขอบฟ้าจากหอสังเกตการณ์โตเกียวสกายทรี และแวะไปที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะเมโทรโพลิแทนโตเกียว ค้นหาโรงแรมและที่พักใกล้สถานีอาซากุสะ 3. เดินผ่านสี่แยกที่พลุกพล่านที่สุดในโลก และถ่ายรูปกับสุนัขอากิตะที่ชาวญี่ปุ่นชื่นชอบมากที่สุดที่ SHIBUYA ให้ความบันเทิงกับวัยรุ่น? นั่งรถไฟไปสถานีชิบูย่า แล้วปล่อยให้พวกเขาออกมาโลดแล่นที่จัตุรัสฮาจิโกมาเอะ ซึ่งพวกเขาอาจจะเข้ากับกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของโตเกียวได้เป็นอย่างดี ชิบูย่าก็เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สนุกสนานสำหรับผู้ใหญ่เช่นกัน โดยมีสถานที่ท่องเที่ยวอย่างถนนช้อปปิ้ง Shibuya Center-gai และทางแยกชิบูย่า "Scramble" ซึ่งลือกันว่าเป็นทางแยกที่พลุกพล่านที่สุดในโลก ถ่ายรูปที่อนุสาวรีย์ฮาจิโก ซึ่งเป็นรูปปั้นสุนัขอากิตะที่ซื่อสัตย์และมีชื่อเสียงที่สุดของโตเกียวและเจ้าของของเขาที่สร้างด้วยทองสัมฤทธิ์ จากนั้นมุ่งหน้าไปที่สวนโยโยกิเพื่อชมศาลเจ้าเมจิและเลือกซื้อของที่ระลึกตามถนนช้อปปิ้งในฮาราจูกุและโอโมเตะซันโด ค้นหาโรงแรมและที่พักในชิบูย่า 4. เยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ศิลปะและประวัติศาสตร์ที่ดีที่สุดบางแห่งของโตเกียวในย่านอุเอโนะ ไทโตะ ผู้ที่ชื่นชอบประวัติศาสตร์และนักท่องเที่ยวที่มีงบจำกัดชื่นชอบอุเอโนะ ย่านเล็กๆ ของไทโตะแห่งนี้ตั้งอยู่ที่สถานีอุเอโนะ และเต็มไปด้วยพิพิธภัณฑ์ชั้นนำของเมือง วางแผนใช้เวลาส่วนใหญ่ในแต่ละวันอยู่ที่สวนอุเอโนะออนชิ ซึ่งคุณจะพบกับพิพิธภัณฑ์แห่งชาติโตเกียว พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติและวิทยาศาสตร์แห่งชาติ สวนสัตว์อุเอโนะ และอื่นๆ อีกมากมาย คุณสามารถค้นพบประวัติศาสตร์เพิ่มเติมได้ระหว่างการเดินทางสั้นๆ ไปทางเหนือสู่ยานากะ ซึ่งคุณจะได้พบกับวัฒนธรรมชิตะมาจิ วัดนับร้อย...
อ่านเพิ่มเติม
คู่มือเที่ยวโตเกียว: 5 สถานที่ท่องเที่ยวในโตเกียวแบบป็อปสุดๆ
โตเกียวขึ้นชื่อว่าเป็นมหานครขนาดใหญ่และเป็นเมืองท่องเที่ยวในฝันของใครหลายคน แน่นอนว่าโตเกียวจึงมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายอยู่ทั่วมุมเมือง ทั้งด้านประวัติศาสตร์ ธรรมชาติ และสิ่งก่อสร้างสมัยใหม่ บวกกับการคมนาคมขนส่งที่ขึ้นชื่อว่าทันสมัยและสะดวกสุดๆ ทำให้การไปไหนมาไหนในเมืองนั้นง่ายแสนง่าย และนี่คือ 5 สถานที่ท่องเที่ยวในโตเกียว ที่เราเลือกแล้วว่าป็อปสุดๆ เด็ดสุดๆ และไม่ควรพลาดจริงๆ เกร็ดน่ารู้: วัดที่ขึ้นชื่อว่าเก่าแก่ที่สุดในโตเกียวคือ วัดเซ็นโซจิ (Senso-ji Temple) หรือที่คนไทยรู้จักกันในชื่อวัดอาซากุสะหรือวัดโคมแดงนั่นเอง วัดนี้สร้างขึ้นตั้งแต่ปีค.ศ. 645 และที่น่าสนใจกว่านั้นก็คือวัดเก่าแก่แห่งนี้มีผู้มาเยือนมากกว่า 30 ล้านคนต่อปีเลยทีเดียว จึงทำให้วัดเซ็นโซจิกลายเป็นสถานที่สำคัญทางศาสนาที่มีคนมาเยือนมากที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้! 1. นั่งดื่มด่ำชมซากุระบานที่สวนชินจูกุเกียวเอ็น สวนชินจูกุเกียวเอ็น (Shinjuku Gyoen National Garden) แห่งนี้จะฮ็อตสุดๆ ในช่วงเดือนมีนาคมและเมษายน เมื่อต้นซากุระมากกว่า 1,000 ต้นพร้อมใจกันบานสะพรั่งอวดความงามต่อสาธารณชน แต่ถึงใครจะพลาดช่วงพีคอย่างซากุระก็ไม่ต้องเสียดาย เพราะในช่วงฤดูกาลอื่นๆ สวนชินจูกุเกียวเอ็นก็มีความสวยงามแตกต่างกันไป และนอกจากธรรมชาติอันงดงาม ที่นี่ยังมีการจัดกิจกรรมต่างๆ ตลอดทั้งปีอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นการแข่งขันถ่ายภาพ นิทรรศการภาพวาด และกิจกรรมเดินศึกษาธรรมชาติ หากคุณมีโอกาสมาเยือนในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงธันวาคม ก็จะได้เห็นทิวทัศน์ใบไม้เปลี่ยนสีที่สวยงามยิ่งใหญ่อลังการไม่แพ้สวนไหนๆ ในโตเกียวเลยทีเดียว เข้าพักที่ เคโอะ พลาซา โฮเต็ล โตเกียว, แล้วออกไปชมซากุระที่ สวนชินจูกุเกียวเอ็น ค้นหาที่พักราคาดีที่สุดใกล้ๆ สถานีรถไฟชินจูกุ 2. สัมผัสบรรยากาศตลาดปลาอันคึกคัก และชิมซาชิมิสดๆ ที่ตลาดปลาซึกิจิ ปลาและอาหารทะเลขึ้นชื่อว่าเป็นอาหารหลักของคนญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้ และ ตลาดปลาซึกิจิ (Tsukiji Market) ก็คือหนึ่งในที่ที่ดีที่สุด (และใหญ่ที่สุด) ที่คุณจะได้ลิ้มลองของสดใหม่จากทะเล และได้สัมผัสประสบการณ์การประมูลปลาทูน่าแบบใกล้ชิด ใครอยากได้บรรยากาศเรียลๆ แบบตลาดปลาแท้ๆ ก็ขอให้มาตั้งแต่เช้าตรู่ เพราะที่นี่จะเริ่มคึกคักตั้งแต่ตีสาม ส่วนการประมูลก็จะเริ่มต้นตั้งแต่ประมาณตีห้ากว่าไปจนถึงประมาณสิบโมงเช้า และนักท่องเที่ยวจะสามารถเข้าชมการประมูลได้ในบริเวณที่กำหนดไว้เท่านั้น ส่วนโซนด้านนอกก็จะมีร้านค้าและร้านอาหารอีกเพียบที่เปิดตั้งแต่เช้าตรู่ไปจนถึงบ่าย ซึ่งไฮไลต์ก็คือการได้ชิมซาชิมิและซูชิอร่อยๆ ในบรรยากาศของตลาดปลาเก่าแก่แห่งนี้นั่นเอง ในเดือนตุลาคม 2018 ตลาดปลาซึกิจิจะปิดตัวลงและย้ายไปตลาดปลาแห่งใหม่ที่ชื่อว่าตลาดปลาโทโยสุ (Toyosu) โดยสามารถขึ้นรถไฟสาย Yurikamome แล้วไปลงที่สถานี Shijo-mae Station เข้าพักที่ ไดวะ รอยเน็ท โฮเต็ล กินซา, แล้วออกไปชิมซาชิมิอร่อยๆ ที่ ตลาดปลาซึกิจิ ค้นหาที่พักราคาดีที่สุดใกล้ๆ สถานีรถไฟกินซ่า 3. ชมศิลปะญี่ปุ่นในพิพิธภัณฑ์ที่ดีที่สุดในโตเกียวที่พิพิธภัณฑ์แห่งชาติโตเกียว พิพิธภัณฑ์แห่งชาติโตเกียว (Tokyo National Museum) ขึ้นชื่อว่าเป็นพิพิธภัณฑ์ที่เก่าที่สุดและใหญ่ที่สุดในโตเกียว ซึ่งตั้งอยู่ใน สวนสาธารณะอุเอะโนะ (Ueno Park) ตัวพิพิธภัณฑ์แบ่งออกเป็นหกตึก โดยจัดแสดงศิลปะและโบราณวัตถุมากกว่า 110,000 ชิ้นทั้งจากญี่ปุ่นเองและจากประเทศอื่นๆ ในเอเชีย ชมคอลเล็คชั่นศิลปะญี่ปุ่นที่มีตั้งแต่เครื่องเซรามิคไปจนถึงชุดทหารในยุคสมัยเอโดะ และดื่มด่ำกับศิลปะวัตถุจากเอเชีย ไม่ว่าจะเป็นจีน เกาหลี อินเดีย อียิปต์ และประเทศอื่นๆ เมื่อชื่นชมศิลปะด้านในอย่างเต็มที่แล้ว ก็อย่าลืมออกมาดูโบราณวัตถุสำคัญทางประวัติศาสตร์ข้างนอก เช่น Demon Tile และ Kuromon (ประตูสีดำ) เป็นต้น เข้าพักที่ เซ็นจูเรียน โฮเต็ล แอนด์ สปา อุเอะโนะ สเตชั่น - อาร์ติฟิเชียล เรเดียม ฮอตสปริง, แล้วออกไปชมศิลปะที่ พิพิธภัณฑ์แห่งชาติโตเกียว ค้นหาที่พักราคาดีที่สุดใกล้ๆ สถานีรถไฟอุเอะโนะ 4. ชมสวน เที่ยวพิพิธภัณฑ์ แล้วไปเดินดูสัตว์ที่สวนสาธารณะอุเอะโนะ...
อ่านเพิ่มเติม
5 ที่เที่ยวในโตเกียวที่ห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง
5 ที่เที่ยวในโตเกียว ที่ห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง! แม้โตเกียวจะขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองแห่งเทคโนโลยีสุดล้ำ แต่วัฒนธรรมจากอดีตกาลก็ยังคงโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ ผสมผสานกับสถาปัตยกรรมแห่งโลกยุคใหม่ได้อย่างลงตัว และดึงดูดนักเดินทางจากทั่วทุกมุมโลก แถมโตเกียวยังมีกิจกรรมน่าสนใจให้ทำมากมาย ทั้งการชมวิวจากหอคอยสูงที่สุดในโลก ไปจนถึงการชมการแข่งขันซูโม่อันน่าตื่นตา เกร็ดน่ารู้: หากไปเที่ยวโตเกียว สถานที่แห่งหนึ่งที่คุณจะได้ไปเยือนไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ก็คือ สถานีรถไฟชินจูกุ (Shinjuku Station) ศูนย์กลางการเดินทางที่รองรับผู้โดยสารมากที่สุดในโลกถึง 3.5 ล้านคนต่อวัน และมีชานชาลามากถึง 36 ชานชาลา บวกกับอีก 17 ชานชาลาที่อยู่ด้านนอกสถานีซึ่งเชื่อมต่อกับทางรถไฟ แถมด้วยทางออกกว่าอีก 200 ทาง หากอยากทดสอบความเป็นเนวิเกเตอร์ในตัวละก็ เราขอท้าให้ไปสถานีชินจูกุดูสักครั้ง! 1. ศาลเจ้าเมจิ (ชิบุยะ) - ชมทางเข้าอลังการทำจากเสาไม้โทอิริขนาดใหญ่ และชมพิธีแต่งงานดั้งเดิมแบบชินโต ศาลเจ้าเมจิ (Meiji Shrine) สร้างขึ้นเพื่ออุทิศถวายแด่ดวงวิญญาณของสมเด็จพระจักรพรรดิเมจิ และสมเด็จพระจักรพรรดินีโชเก็ง พระพันปีหลวง สร้างแล้วเสร็จในปี ค.ศ. 1920 ต่อมาถูกทำลายลงในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 และได้รับการสร้างขึ้นใหม่ในปี ค.ศ. 1958 ศาลเจ้าเมจิตั้งอยู่ในพื้นที่ป่าของ สวนโยโยงิ (Yoyogi Park) แห่งเขต ชิบุยะ ทุกๆ ช่วงปีใหม่ ชาวญี่ปุ่นจะนิยมไปขอพรที่ศาลเจ้าแห่งนี้ เมื่อผ่านทางเข้าศาลเจ้าซึ่งเป็นเสาโทอิริทำจากไม้สนไซเปรสสูง 40 ฟุตเข้าไป คุณจะพบกับความร่มรื่นเย็นตาของต้นไม้จำนวนมากกว่า 1 แสนต้น และถ้าโชคดี คุณอาจได้เห็นพิธีแต่งงานดั้งเดิมแบบชินโตอีกด้วย ส่วนอีกหนึ่งกิจกรรมที่ไม่ควรพลาด คือการเขียนขอพรลงบนแผ่นไม้ "เอะมะ" (Ema) และซื้อเครื่องรางกลับไปเป็นที่ระลึก ซึ่งมีให้เลือกมากมาย ทั้งเครื่องรางด้านความรัก หรือด้านสุขภาพ เป็นต้น เข้าพักที่ ชิบุยะ เอ็กเซล โฮเต็ล โตเกียว แล้วออกไปเที่ยว ศาลเจ้าเมจิ ได้เลย ค้นหาที่พักราคาดีที่สุดใน ชิบุยะ 2. ชมย่านอาซากุสะในมุมสูงจากโตเกียวสกายทรี หอคอยที่สูงที่สุดในโลก หอโทรทัศน์ โตเกียวสกายทรี (Tokyo Skytree) คือหอคอยที่สูงที่สุดในโลก ตั้งอยู่ในเขต ซุมิดะ (Sumida) และเป็นทางเลือกที่น่าสนใจไม่น้อยสำหรับผู้ที่อยากชมวิวมุมสูงแบบ 360 องศาของย่านวัฒนธรรมเก่าแก่ของโตเกียว ซึ่งรวมถึงย่านยอดนิยมอย่าง อาซากุสะ (Asakusa) ใกล้ๆ กับโตเกียวสกายทรี ยังมีที่เที่ยวยอดนิยม เช่น พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำสุมิดะ (Sumida Aquarium) และ สวนสาธารณะสำหรับเด็กโคเมะ (Koume Children’s Park) แต่จะว่าไป ที่หอคอยโตเกียวสกายทรีก็มีกิจกรรมมากมายให้ทำได้ทั้งวันไม่มีเบื่อ เริ่มจากชมความอลังการของหอคอยจากฐานซึ่งเป็นศูนย์การค้าขนาดใหญ่ จากนั้นก็ขึ้นไปที่ความสูง 350 เมตร เที่ยวชมอาร์ตแกลเลอรี นิทรรศการต่างๆ มุมถ่ายภาพที่ระลึก และจุดชมวิวพื้นกระจก Tembo Deck ส่วนไฮไลท์ที่พลาดไม่ได้ก็คือ ชั้น 450 ของหอคอย ซึ่งขึ้นไปได้ด้วยลิฟต์หรือทางเดินโค้งวนขึ้นไป ซึ่งมอบวิวกรุงโตเกียวแบบพาโนรามาให้ฟินกันสุดๆ เข้าพักที่ โรงแรมฮอกเกะ คลับ อาซากุสะ แล้วออกไปเที่ยว โตเกียวสกายทรี ได้เลย ค้นหาที่พักราคาดีที่สุดใน เขตซุมิดะ 3. ห้าแยกชิบุยะ - เราจะข้ามถนนไปด้วยกัน นอกจากหอคอยโทรทัศน์ที่สูงที่สุดในโลก สถานีรถไฟที่มีจำนวนผู้โดยสารมากที่สุดในโลกแล้ว ถ้าโตเกียวจะครองแชมป์ทางแยกที่วุ่นวายที่สุดในโลกด้วยอีกอย่างจะเป็นไรไป ตอนกลางคืนคือช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการชมอานุภาพความวุ่นวายของ...
อ่านเพิ่มเติม
แหล่งช็อปปิ้งในโตเกียว: สำรวจแฟชั่นญี่ปุ่นและตลาดนัดน่าเดิน
ขึ้นชื่อว่าโตเกียว คงไม่น่าแปลกใจหากเมืองนี้ทำให้ใครต่อใครกระเป๋าฉีกมานักต่อนัก โตเกียวมีสินค้ามากมายน่าช็อป และหลายๆ ย่านก็เป็นแหล่งช็อปปิ้งขนาดใหญ่ มองไปทางไหนก็มีแต่ของน่ารัก เสื้อผ้าเก๋ๆ อะไรๆ ก็ดูน่าซื้อเต็มไปหมด ลองมาทำความรู้จัก แหล่งช็อปปิ้งในโตเกียว สำรวจห้างสรรพสินค้าทันสมัย ร้านค้ามากมาย ไปจนถึงตลาดนัดขายของมือสอง แล้วเก็บข้อมูลไว้เป็นคัมภีร์ช็อปปิ้งโตเกียว 101 ในทริปครั้งต่อไปของคุณได้เลย! เกร็ดน่ารู้: ตามถนนในโตเกียวนั้นเต็มไปด้วยตู้ขายของอัตโนมัติที่ขายทุกอย่างที่คุณต้องการระหว่างทริปในโตเกียวของคุณ ตั้งแต่กระดาษทิชชู่ เสื้อกล้าม เบียร์ ไปจนถึงเบอร์เกอร์! ลองสังเกตดูตู้ขายของตามสถานที่ต่างๆ แล้วคุณอาจเจอสินค้าแปลกๆ อยู่ในนั้นก็เป็นได้ 1. เดินช็อปหาอุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์ สินค้าแบรนด์หรู และอุปกรณ์กล้องที่ชินจูกุ (Shinjuku) ลงรถไฟที่สถานีรถไฟที่วุ่นวายที่สุดแห่งหนึ่งในโลก แล้วเตรียมตัวสำรวจย่านการค้าขนาดใหญ่ของเมืองโตเกียวที่คลาคล่ำไปด้วยคนท้องถิ่นและนักท่องเที่ยวใน ชินจูกุ (Shinjuku) ที่นี่มีห้างสรรพสินค้าชื่อดังมากมายอย่าง อิเซตัน (Isetan)  และ โอดะเคียว (Odakyu) ใครกำลังหาซื้ออุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์ ก็ขอให้ตรงไปทางทิศตะวันตกของ สถานีรถไฟชินจูกุ แล้วคุณจะได้ตื่นตาตื่นใจกับร้านค้ามากมาย ซึ่งรวมถึง ร้านกล้องโยโดบาชิ (Yodobashi Camera), ร้านขายเกม และร้านเอ้าท์เล็ตขายอุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์ต่างๆ แต่หากยังไม่จุใจ ก็มีห้างสรรพสินค้าอื่นๆ ให้คุณแวะช็อปจนกระเป๋าฉีกอีกเพียบ เช่น ห้างสรรพสินค้าเคโอ (Keio Department Store), ห้างสรรพสินค้าลูมิเน่ 1 (Lumine 1) และห้างสรรพสินค้าลูมิเน่ 2 (Lumine 2)  เข้าพักที่ โรงแรมชินจูกุ แกรนเบลล์, แล้วออกไปดูกล้องรุ่นใหม่ๆ ที่ ร้านกล้องโยโดบาชิ ค้นหาที่พักราคาดีที่สุดใกล้ๆ สถานีรถไฟชินจูกุ 2. เดินเล่นศูนย์การค้าหรูในเขตถนนคนเดินที่กินซ่า (Ginza) ช็อปอย่างไฮโซในย่านช็อปปิ้งที่หรูหราที่สุดแห่งหนึ่งในโตเกียวอย่าง ย่านกินซ่า (Ginza) คุณจะได้เจอกับห้างสรรพสินค้าและร้านค้าหรูหรามากมายบน ถนนชุโอ-โดริ (Chuo Dori) ถนนยาวหนึ่งกิโลเมตรที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสวรรค์ของคนเดินถนนเลยก็ว่าได้ ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ถนนแห่งนี้จะเต็มไปด้วยนักช็อปมากมาย แถมยังปิดถนนทั้งสายในช่วงบ่ายถึงเย็นให้คนเดินช็อปกันอย่างไม่ต้องเกรงกลัวรถจะเสย ใครที่กลัวจะกระเป๋าฉีกก็ไม่มีปัญหา เพราะการได้เดินเล่นวินโดว์ช็อปปิ้งเพลินๆ ก็น่าตื่นตาตื่นใจไม่แพ้กัน ไม่ว่าจะเป็นในศูนย์การค้าหรูอย่าง กินซ่า ซิกส์ (Ginza Six) และ ห้างสรรพสินค้ากินซ่า มิตซึโกชิ (Ginza Mitsukoshi) หากอยากเปลี่ยนบรรยากาศดูบ้าง ก็ไปเดินดูอุปกรณ์เครื่องเขียนสไตล์ญี่ปุ่นเพลินๆ ที่ กินซ่า อิโตยะ (Ginza Itoya) หรือจะพาเด็กๆ ไปเดินเที่ยวที่ ร้านขายของเล่นฮาคุฮินคัง (Hakuhinkan) และ ร้านดองกิโฮเตะหรือดองกี้ (Don Quijote) แล้วสปอยล์พวกเขาสักเล็กน้อยด้วยของเล่นสนุกๆ ส่วนคุณพ่อคุณแม่ก็หาซื้อของฝากกลับบ้านไปพลางๆ รับรองว่าฟินกันทุกคน เข้าพักที่ ไดวะ รอยเน็ท โฮเต็ล กินซา, แล้วออกไปช็อปที่ กินซ่า มิตซึโกชิ ค้นหาที่พักราคาดีที่สุดใน กินซ่า 3. แวะย่านสวรรค์ของเหล่าโอตาคุและดื่มด่ำกับวัฒนธรรมการ์ตูนญี่ปุ่นที่อากิฮาบาระ (Akihabara) ไม่ว่าใครที่ได้มาเดินที่ ย่านอากิฮาบาระ (Akihabara) หรืออกิบะ ก็จะต้องร้องว้าวไปตามๆ กัน เพราะที่นี่เป็นแหล่งช็อปเครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์อันดับหนึ่งของโตเกียว แถมมีทุกอย่างให้คุณเลือกสรรค์ ซึ่งถ้าใครใจไม่แข็งพออาจช็อปหมดตัวได้ในเวลาไม่นาน ใครชอบถ่ายรูปชอบกล้อง ก็อย่าลืมแวะที่ ร้านกล้องโยโดบาชิ (Yodobashi Camera) ส่วนร้านลาบี อากิฮาบาระ (LABI Akihabara) กับ ลาอ็อกซ์ (LAOX Akihabara Main Shop) ก็น่าช็อปไม่แพ้กัน ที่อากิฮาบาระยังขึ้นชื่อว่าเป็นสวรรค์ของเหล่าโอตาคุทั้งหลายที่คลั่งไคล้การ์ตูนอนิเมะและมังงะอีกด้วย เพราะที่นี่มีสินค้าและของสะสมมากมายเกี่ยวกับการ์ตูนญี่ปุ่น ทั้งเกมไพ่ ตุ๊กตา วีดีโอเกมเก่าๆ...
อ่านเพิ่มเติม
ที่เที่ยวใกล้เกียวโต | สำรวจ 5 เมืองน่ารักในญี่ปุ่นและสถานที่เที่ยวสุดฟิน
เกียวโตขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองท่องเที่ยวยอดนิยมของญี่ปุ่น จึงไม่เคยขาดแคลนนักท่องเที่ยวจากทั่วมุมโลกที่หวังจะมาสัมผัสเสน่ห์ของเมืองเก่าแห่งนี้ด้วยตัวเองสักครั้งในชีวิต แต่รู้หรือไม่ว่ารอบๆ เกียวโตก็มีเมืองสวยงามน่าไปเยือนไม่แพ้กัน เมื่อเที่ยวเกียวโตจนทั่วแล้ว ลองไปหาความสงบและสำรวจ ที่เที่ยวใกล้เกียวโต กันบ้าง รับรองว่าคุณจะหลงเสน่ห์เมืองเล็กๆ น่ารักเหล่านี้ไม่แพ้เมืองใหญ่อย่างเกียวโตแน่นอน 1. โอฮาระ (Ohara) – สัมผัสบรรยากาศชนบทแท้ๆ สไตล์ญี่ปุ่น โอฮาระเป็นเมืองเกษตรกรรมสไตล์ชนบทญี่ปุ่นอย่างแท้จริง เมืองเล็กๆ แห่งนี้ตั้งอยู่ทางเกียวโตเหนือ โอบล้อมด้วยภูเขาและมีความเป็นธรรมชาติแท้ๆ ช่วงฮ็อตฮิตที่สุดของที่นี่ก็คือช่วงฤดูใบไม้ร่วงประมาณกลางเดือนพฤศจิกายน ซึ่งเต็มไปด้วยวิวใบไม้เปลี่ยนสีสวยงามที่แข่งขันกันระเบิดสีสัน คุณสามารถเดินเท้าสำรวจสถานที่ท่องเที่ยวได้อย่างสบายๆ และไฮไลต์เด็ดก็คือวัดซานเซนอิน (Sanzenin Temple) วัดใหญ่นิกายเท็นไดที่สร้างขึ้นสมัยเฮอัน ภายในมีอาคารต่างๆ และสวนญี่ปุ่นสวยงาม นอกจากนี้ก็ยังมีวัดจัคโคอิน (Jakkoin Temple), วัดโฮเซ็นอิน (Hosenin Temple), วัดโชรินอิน (Shorinin Temple) และน้ำตกโอโตนาชิ (Otonashi no Taki) ที่ซ่อนความงามอยู่หลังวัดซานเซนอิน ระหว่างทางก็จะมีร้านรวงเล็กๆ น่ารักขายของกินของฝากสไตล์ญี่ปุ่นให้สายช็อปสายกินฟินกันไปข้าง ความดีงามอีกอย่างของเมืองนี้ก็คือบรรยากาศชนบทที่หาไม่ได้ในเมืองใหญ่ ทั้งบ้านเรือนน่ารักๆ แปลงเกษตรกรรมของชาวบ้าน วิถีชีวิตของคนโลคอลแท้ๆ ทั้งหมดนี้คือเสน่ห์ที่ทำให้หลายๆ คนต้องหลุมรักโอฮาระ ไปอย่างไร? นั่งรถไฟจากเกียวโต Karasuma Line ไปลงที่สถานี Kokusaikaikan จากนั้นก็ต่อรถเมล์สาย 19 ไปเมืองโอฮาระ ใช้เวลาเดินทางทั้งหมดประมาณหนึ่งชั่วโมงเท่านั้น เข้าพักที่ ยุโมะโตะ ออนเซน โอะฮะระซันโซ - เมาน์เท็น วิลเลจ, ออกไปเที่ยวที่ วัดซานเซนอิน ค้นหาที่พักราคาดีที่สุดในโอฮาระ 2. อุจิ (Uji) – ชิมชาเขียว ชมวิวแม่น้ำอุจิ ใครเป็นสาวกชาเขียวตัวยง บอกเลยว่าห้ามพลาดเมืองอุจิ เมืองชาเขียวแห่งนี้ ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนใต้ของจังหวัดเกียวโต ที่นี่คือ ที่เที่ยวใกล้เกียวโต ที่ห้ามพลาด เพราะเป็นแหล่งเพาะปลูกชาเขียวคุณภาพดี มีถนนสายชาเขียวที่ขายผลิตภัณฑ์จากชาเขียวล้วนๆ ให้เลือกชิมเลือกซื้อกันอย่างหนำใจ นอกจากชาเขียวอร่อยๆ คุณภาพดีแล้ว ไฮไลต์อื่นๆ ที่มีชื่อเสียงในหมู่นักท่องเที่ยวก็คือวัดเบียวโดอิน (Byodoin Temple) วัดเก่าแก่ตั้งแต่สมัยเฮอัน ซึ่งภายในมีพิพิธภัณฑ์จัดแสดงวัตถุโบราณของวัด และมีอาคาร Hoo-do หรือ Phoenix Hall อันสวยงามทรงคุณค่าจนได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลก แถมยังปรากฏอยู่บนเหรียญสิบเยนของญี่ปุ่นอีกด้วย สถานที่น่าสนใจอื่นๆ ก็เช่น ศาลเจ้าอูจิกามิ (Ujigami Shrine), วัดมามปูกุจิ (Mampukuji Temple) เป็นต้น เมืองนี้ยังมีแม่น้ำอุจิ (Uji River) ไหลตัดผ่านกลางเมือง หากมาในช่วงดอกซากุระบาน ก็จะยิ่งฟินเพราะจะได้ชมวิวดอกซากุระบานสะพรั่งริมฝั่งแม่น้ำอุจิ เช่นเดียวกับวิวในฤดูใบไม้ร่วงที่สวยงามโรแมนติก เหมาะแก่การนั่งจิบชาชมวิวริมแม่น้ำเป็นที่สุด ไปอย่างไร? คุณสามารถนั่งรถไฟ JR Nara Line จากสถานีเกียวโตไปยังสถานี Uji ได้เลย หากไม่ได้ซื้อตั๋วรถไฟของ JR คุณสามารถนั่งรถไฟ Kyoto City Subway แล้วไปต่อรถไฟสาย Keihan Uji Line เพื่อไปลงที่สถานี Uji ใช้เวลาเดินทางทั้งหมดประมาณ 30 นาทีเท่านั้น เข้าพักที่ เกียวโต อูจิ ฮานายาชิกิ อูกิฟูเนะ-เอ็น, ออกไปเที่ยวที่ วัดเบียวโดอิน ค้นหาที่พักราคาดีที่สุดในอุจิ 3....
อ่านเพิ่มเติม

คู่มือท่องเที่ยวญี่ปุ่น

ในโลกปัจจุบันนี้ ธรรมชาติที่งดงามและวัฒนธรรมที่ได้รับการสืบทอดมาแต่โบราณสูญหายไปตามความทันสมัยที่เพิ่มขึ้น  ขณะเดียวกันใน จังหวัดนีงาตะ ประเทศญี่ปุ่นกำลังพยายามอนุรักษ์วัฒนธรรมและธรรมชาติที่มีมาแต่โบราณ และส่งต่อให้กับคนรุ่นต่อไป เราขอแนะนำสถานที่ที่เรียกได้ว่าเป็นสมบัติล้ำค่าของ จังหวัดนีงาตะ ที่ทุกคนพยายามอนุรักษ์ไว้ เช่น ทิวทัศน์หิมะอันงดงาม ภูมิทัศน์หมู่บ้านชนบท เป็นต้น ล้วนแล้วแต่เป็นสถานที่ที่เหมาะกับการเปิดรับความรู้ใหม่และสัมผัสวัฒนธรรมและธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ที่หยั่งรากลึกในภูมิภาคนี้ ช่องแคบ Kiyotsukyoーความกลมกลืนที่ลงตัวระหว่างธรรมชาติและศิลปะ ช่องแคบ Kiyotsukyo ใน เมือง Tokamachi จังหวัดนีงาตะ เป็นหนึ่งในสามหุบเขาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น ซึ่งรวมไปถึงหุบเขา Kurobe ในจังหวัดโทะยามะ และหุบเขา Osugi ในจังหวัดมิเอะ ช่องแคบ Kiyotsukyo ใน เมือง Tokamachi จังหวัดนีงาตะ มีหินที่มีโครงสร้างแปลกที่เรียกว่า “Columnar joint” เรียงกันเป็นแถว “Columnar joint” คือแมกมาที่ไหลเข้ามาจากใต้ดิน และเมื่อเย็นตัวลงและแข็งตัวจะหดตัวกลายเป็นหินทรงแท่งรูปสี่เหลี่ยมหรือหกเหลี่ยม ภูมิทัศน์ที่ถูกร้อยเรียงโดยผิวหิน Columnar joint ขนาดมหึมาและลำธารสีเขียวมรกตที่ใสสะอาดสวยงามอย่างแท้จริง ถูกกำหนดให้เป็นทิวทัศน์สวยงามและอนุสรณ์สถานทางธรรมชาติของประเทศ อย่างไรก็ตาม แม้แต่ทิวทัศน์ที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่นก็ไม่อาจอวดโฉมแก่บุคคลทั่วไปได้ชั่วคราว เนื่องจากอุบัติเหตุต่างๆ รวมถึงเหตุที่มีหินตกลงมา หลังจากนั้นในปี 1996 มีการเจาะอุโมงค์หุบเขา Kiyosukyo ที่มีความยาวทั้งหมด 750 เมตร ทำให้ผู้คนได้ยลโฉมความงดงามของธรรมชาติอีกครั้ง ในปี 2018 อุโมงค์ทั้งหมดได้รับการออกแบบใหม่โดย Ma Yansong/MAD Architects ซึ่งเป็นบริษัทสถาปนิกของจีน เพื่อเป็น Tunnel of Light ผลงานส่วนหนึ่งของ Echigo-Tsumari Art Triennale ทิวทัศน์และพื้นที่ที่สร้างขึ้นโดยผลงานศิลปะและความงดงามของธรรมชาติที่มีมาตั้งแต่สมัยโบราณได้นำความเพลิดเพลินมากกว่าที่เคยเป็นมาสู่ผู้มาเยือน ในบรรดาจุดท่องเที่ยว จุดที่เป็นสถานที่ยอดนิยมสำหรับนักเดินทางคือ “สถานีพาโนรามา” ที่อยู่ลึกสุดของอุโมงค์ ช่องแคบ Kiyosukyo สะท้อนอยู่ในน้ำที่บางราวกับกระจก ทำให้เกิดทัศนียภาพอันน่าทึ่ง การอวดโฉมความงดงามที่แตกต่างกันไปตามกับฤดูกาล สภาพอากาศ เวลา และอืนๆ เป็นหนึ่งในความสุขที่ไม่เหมือนใครของ นีงาตะ ที่ซึ่งธรรมชาติอันเปี่ยมไปด้วยพลังยังหลงเหลืออยู่ เวลาเปิดให้บริการ : 8:30-17:00 น. (ปิดขายบัตร 16:30 น.) *ต้องจองบริการล่วงหน้าในช่วงฤดูท่องเที่ยว และในฤดูหนาวอาจปิดให้บริการชั่วคราวขึ้นอยู่กับสภาพหิมะ ที่อยู่ : 2119-2 Koide aoi,Tokamachi,Niigata Prefecture เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ : https://nakasato-kiyotsu.com/en/ ค้นหาที่พักใกล้ที่เที่ยวยอดนิยมในนีงาตะ Niigata Furumachiーเมืองแห่งเกอิชาที่สำคัญของญี่ปุ่นที่ยังคงสภาพเมืองในประวัติศาสตร์ Furumachi เป็นชื่อเรียกพื้นที่บริเวณใจกลาง นีงาตะ ซึ่งมีถนน Furumachi-dori เป็นศูนย์กลาง ตั้งแต่สมัยโบราณ บริเวณนี้เคยเป็นท่าเรือหลักสำหรับการขนส่งทางเรือทั้งทางแม่น้ำและทางทะเล มีการแลกเปลี่ยนปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้คน สินค้า และวัฒนธรรมมากมายเกิดขึ้น ในช่วงสมัยเอโดะ (1603-1868) เมือง นีงาตะ มีความเจริญรุ่งเรืองในฐานะท่าเรือที่จอดแวะของ Kitamae Bune เรือสินค้าที่เชื่อมระหว่างฮอกไกโดและโอซากา เมื่อย่างเท้าเข้าสู่ Furumachi คุณจะยังคงเห็นภูมิทัศน์เมืองที่สร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 17 สมัยก่อน Furumachi เป็นย่านเกอิชาที่มีชื่อเสียงเทียบเท่ากับ Gion (เกียวโต) และ Shinbashi (โตเกียว) ในเวลานั้นย่านนี้มีบทบาทสำคัญในการต้อนรับขับสู้บรรดานักวรรณกรรม บุคคลสำคัญในโลกการเมืองและธุรกิจที่เดินทางมาจากเมืองหลวง เกอิชาจะแต่งกายด้วยชุดกิโมโนที่งดงาม แสดงการร่ายรำและร้องเพลง สร้างบรรยากาศให้งานเลี้ยงครึกครื้นมีชีวิตชีวา ในเวลาเดียวกัน Furumachi ก็กลายเป็นที่รู้จักในฐานะเมืองแห่งอาหารรสเลิศที่คุณสามารถเพลิดเพลินกับอาหารและเหล้าสาเกที่เป็นเอกลักษณ์ของ นีงาตะ...
อ่านเพิ่มเติม
เสน่ห์อย่างหนึ่งเวลาการเดินทางคือการนั่งรถไฟเพื่อเพลิดเพลินกับทัศนียภาพอันเป็นเอกลักษณ์ของภูมิภาคนั้นๆ หรือการนั่งรถไฟเที่ยวชมสถานที่ซึ่งคุณจะสัมผัสได้ถึงลักษณะเฉพาะของภูมิภาคใช่หรือไม่? จังหวัดนีงาตะ เป็นพื้นที่ที่หันหน้าออกสู่ทะเลญี่ปุ่น ที่นี่จึงมีสถานีรถไฟมากมายที่มองเห็นทัศนียภาพอันตระการตาของทะเล และรถไฟท่องเที่ยวที่คุณสามารถเพลิดเพลินกับอาหารที่เป็นเอกลักษณ์ของนีกาตะซึ่งเป็นขุมทรัพย์ของอาหารรสเลิศ นอกจากนี้ยังมีสถานที่ภายในสถานีที่คุณสามารถเพลิดเพลินกับการจับจ่ายซื้อของฝากในท้องถิ่นอีกด้วย อีกทั้งใกล้ๆ สถานีรถไฟยังมีพิพิธภัณฑ์ศิลปะและโรงแรมที่มีออนเซ็นที่คุณอยากแวะในระหว่างการเดินทางด้วยรถไฟอีกด้วย ที่นี่เราจะแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวและรถไฟท่องเที่ยวที่เหมาะสำหรับการนั่งรถไฟเที่ยวใน นีงาตะ เลย พิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัย Echigo-Tsumari Satoyama (โมเนต์) - สถานที่จัดแสดงงานศิลปะระดับโลก พิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัย Echigo-Tsumari Satoyama MonET (โมเนต์) เป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะที่ตั้งอยู่ใน โทกะมาชิ ทางตอนใต้ของ จังหวัดนีงาตะ ใช้เวลาเดินจากสถานี JR Tokamachi หรือ Hokuetsu Express สาย Hokuhoku เพียง 10 นาที จึงเหมาะสำหรับการแวะเที่ยวระหว่างการเดินทางด้วยรถไฟ พิพิธภัณฑ์นี้ได้รับการออกแบบโดยสถาปนิกชาวญี่ปุ่นชื่อ Hiroshi Hara โดยออกแบบให้อาคารดูมีบรรยากาศราวกับอยู่นอกโลกและมีสระน้ำที่อยู่ตรงกลางของอาคาร พิพิธภัณฑ์นี้เปิดให้บริการในปี 2021 ผู้มาเยี่ยมชมสามารถเพลิดเพลินกับงานศิลปะร่วมสมัยและนิทรรศการพิเศษต่างๆ Echigo-Tsumari Art Triennale (ETAT) เป็นงานแสดงศิลปะระดับโลกที่จัดขึ้นทุกๆ 3 ปี ตั้งแต่ปี 2000 เป็นต้นมา โดยจัดขึ้นในพื้นที่ทั้งเมืองของ โทกะมาชิ และ ซึนัน ในช่วงที่มีงานแสดง พิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัย Echigo-Tsumari Satoyama MonET จะเป็นสถานที่หลักของงาน โดยจะมีการจัดแสดงผลงานศิลปะของศิลปินทั้งในและต่างประเทศ และมีการแสดงต่างๆ ซึ่งก่อนเกิดสถานการณ์ไวรัสโควิดในปี 2018 มีผู้มาเยี่ยมชมงานศิลปะราว 540,000 คน ในงาน Echigo-Tsumari Art Triennale 2022 ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งที่ 8 ระหว่างวันที่ 29 เมษายนถึง 13 พฤศจิกายนปี 2022 มีศิลปินใหม่ 95 กลุ่มจาก 13 ประเทศและภูมิภาคเข้าร่วมแสดงผลงานมากกว่า 300 ชิ้น และมีผลงานเชิงสัมผัสประสบการณ์มากมายที่สร้างจากหนังสือนิทานที่ไม่เพียงแต่ผู้ใหญ่เท่านั้นแต่เด็กๆ และเด็กเล็กก็สนุกได้ด้วย เวลาเปิดให้บริการ : 10:00-17:00 น. เปิดให้เข้าชมรอบสุดท้ายเวลา 16:30 น. (ปิดบริการในวันอังคารและพุธ หากถ้าวันอังคารและพุธเป็นวันวันหยุดนักขัตฤกษ์ติดกัน พิพิธภัณฑ์จะปิดบริการในวันทำการรุ่งขึ้น นอกจากนี้เวลาเปิดให้บริการอาจมีการเปลี่ยนแปลงในฤดูหนาวหรือในระหว่างการจัดเทศกาล Echigo-Tsumari Art Triennale) ที่อยู่ : 6-1-71-2 Honmachi,Tokamachi City,Niigata Prefecture Kairi – ขบวนรถไฟที่จะพาไปเพลิดเพลินกับอาหารและทิวทัศน์ของนีงาตะ Kairi โดดเด่นด้วยการใช้สีของตัวรถที่ได้แรงบันดาลมาจากพระอาทิตย์อัสดงและหิมะที่ตกใหม่ เป็นรถไฟท่องเที่ยวที่ให้คุณเที่ยวแบบชิลๆ โดยจะวิ่งจาก JR East สถานี Niigata ถึง สถานี Sakata ใน จังหวัดยามากาตะ คอนเซปต์ของ Kairi คือ "อาหารของ นีงาตะ" "อาหารของโชไน" (ตอนเหนือของ จังหวัดยามากาตะ) และ "ทิวทัศน์ของทะเลญี่ปุ่น" ขณะมองดูทิวทัศน์อันตระการตาของทะเลญี่ปุ่นที่ทอดยาวออกไปนอกหน้าต่าง คุณจะได้เพลิดเพลินกับอาหารรสเลิศที่มีเอกลักษณ์เฉพาะของ นีงาตะ และอาหารรสเลิศจากย่านโชไน ซึ่งเป็นที่รู้จักกันว่าเป็นเมืองหลวงแห่งอาหารของ จังหวัดยามากาตะ ขบวนรถไฟมีตั้งแต่โบกี้ที่ 1 ถึง...
อ่านเพิ่มเติม
จังหวัดนีงาตะ ซึ่งถือเป็นพื้นที่ที่มีหิมะตกอย่างมาก แท้จริงแล้วคือแหล่งผลิตข้าวอันดับหนึ่งของญี่ปุ่น นอกจากนี้ จังหวัดนีงาตะ ยังมีชื่อเสียงเรื่องข้าวเกรดเยี่ยมอย่าง Uonuma Koshihikari ซึ่งได้รับการกล่าวขานว่าเป็นแบรนด์ข้าวที่อร่อยที่สุดในญี่ปุ่นอีกด้วย จังหวัดนีงาตะ มีเหล้าสาเกและขนมข้าวมากมายที่ผลิตจากที่นี่ จังหวัดนี้ยังรายล้อมไปด้วยธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ มีอุตสาหกรรมปศุสัตว์และการประมงอันเฟื่องฟู ในบทความนี้ เราจะขอแนะนำของขึ้นชื่อ สถานที่สัมผัสประสบการณ์ และร้านอาหารญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมใน จังหวัดนีงาตะ ไปเพลิดเพลินกับประสบการณ์ด้านอาหารที่ไม่เหมือนใครในแหล่งขุมทรัพย์อาหารชั้นนำแห่งหนึ่งของญี่ปุ่นได้เลย! Bishokuya Yamashinーร้านขายเนื้อวากิวชั้นเยี่ยม “เนื้อมุราคามิ” เนื้อวากิวญี่ปุ่นที่มีลายหินอ่อนสวยงามเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกว่าเป็นเนื้อวัวคุณภาพสูง แบรนด์ที่มีชื่อเสียงได้แก่ เนื้อโกเบและเนื้อมัตสึซากะ แต่แบรนด์เนื้อวากิวไม่ได้มีแค่นั้น จังหวัดนีงาตะ เป็นที่รู้จักในฐานะแหล่งผลิตเนื้อวากิวเช่นกัน และวัวพันธุ์ขนดำญี่ปุ่นคุณภาพสูงที่เลี้ยงในธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ของจังหวัดก็เป็นที่รู้จักภายใต้ชื่อแบรนด์ "นีงาตะวากิว" เนื้อวากิวที่เลี้ยงในเมืองและรอบๆ เมืองมุราคามิซึ่งตั้งอยู่ทางเหนือสุดของ จังหวัดนีงาตะ ถูกเลี้ยงด้วยฟางข้าวโคชิฮิคาริ (พันธุ์ข้าวที่ได้รับความนิยมในญี่ปุ่น) มีลักษณะเด่นคือสีเนื้อที่สด เนื้อสัมผัสนุ่ม และรสชาติยอดเยี่ยม ด้วยเหตุนี้จึงได้รับการจัดประเภทเป็น “เนื้อนีงาตะวากิว มุราคามิ” ซึ่งถือเป็นระดับสุดพิเศษในบรรดา “เนื้อนีงาตะวากิว” อย่างไรก็ตาม แม้ว่า “เนื้อมุราคามิ” จะมีเกรดคุณภาพเทียบเท่ากับเนื้อโกเบ แต่ก็มีราคาย่อมเยาอย่างน่าประหลาดใจ ร้าน Bishokuya Yamashin คือร้านขายเนื้อที่มีความเชี่ยวชาญเรื่องเนื้อมุราคามิเป็นพิเศษ น่าเสียดายที่มีเนื้อปลอมจำนวนมากขายในตลาดเนื่องจากความนิยมของเนื้อมุราคามิ อย่างไรก็ตาม ร้าน Bishokuya Yamashin จะมีการคัดสรรเนื้ออย่างดีโดยประธานบริษัท และจำหน่ายเนื้อวัวจากหมายเลขประจำตัวของวัวแต่ละตัว เพื่อพิสูจน์ว่าเป็นแบรนด์เนื้อของแท้ นอกจากนี้ เนื้อวัวจะไม่ถูกแช่แข็ง แต่จะจำหน่ายแบบสดๆ และพิถีพิถันในเรื่องรสชาติอย่างจริงจัง นอกจากจะจำหน่ายเนื้อหลากหลายชนิดแล้ว ร้าน Bishokuya Yamashin ยังเปิดให้บริการเป็นร้านอาหารอีกด้วย โดยคุณสามารถเพลิดเพลินกับเนื้อมุราคามิได้อย่างหลากหลาย ทั้งสเต็กเนื้อ เนื้อย่าง และข้าวหน้าเนื้อกิวด้งสไตล์ญี่ปุ่นที่ไม่เหมือนใคร เวลาเปิดให้บริการ: 9:00-18:00 น. สำหรับร้านอาหาร (รับออเดอร์สุดท้ายเวลา 17:00 น. ปิดทุกวันพุธ) ที่อยู่: 3-2-1 Iino, Murakami City Imayo Tsukasa – โรงผลิตเหล้าสาเกที่ใกล้สถานีรถไฟนีงาตะมากที่สุด นีงาตะ เป็นที่รู้จักในฐานะจังหวัดที่มีจำนวนโรงผลิตเหล้าสาเกมากที่สุดในญี่ปุ่น โรงเหล้าสาเก Imayo Tsukasa ก่อตั้งขึ้นในปีค.ศ. 1767 และมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์อย่างยิ่ง โดยตั้งอยู่ไม่ไกลจาก สถานีรถไฟนีงาตะ ซึ่งเป็นศูนย์กลางการคมนาคมของ จังหวัดนีงาตะ และใช้เวลาเดินจากสถานีเพียง 15 นาที แรกเริ่มนั้น โรงเหล้าสาเก Imayo Tsukasa ก่อตั้งขึ้นเป็นสถานที่ขายส่งเหล้าสาเก ธุรกิจเรียวคัง และธุรกิจร้านอาหาร หลังจากนั้นในช่วงระยะกลางของสมัยเมจิ (1868-1912) บริษัทจึงได้เริ่มผลิตเหล้าสาเก โรงเหล้าสาเก Imayo Tsukasa ปกติจะผลิตเหล้าสาเกจากข้าว โคจิ และน้ำโดยไม่มีการเติมแอลกอฮอล์เลย นอกจากนี้ข้าวเกือบทั้งหมดที่ใช้ในการผลิตสาเกก็คือข้าวที่ปลูกใน จังหวัดนีงาตะ 100% และน้ำทั้งหมดที่ใช้ในการหมักก็เป็นน้ำจากแหล่งธรรมชาติแท้ๆ จากเทือกเขา Suganatake เหล้าสาเกของ Imayo Tsukasa คือผลผลิตจากความมุ่งมั่นจริงจังด้านคุณภาพ ทำให้เหล้าสาเกของที่นี่เป็นสิ่งที่จะมาเสริมความอร่อยของอาหารในทุกๆ มื้อได้เป็นอย่างดี นักท่องเที่ยวสามารถเข้าชมโรงเหล้าสาเกที่เป็นอาคารในสมัยเมจิที่ยังหลงเหลืออยู่ได้หากมีการจองล่วงหน้า ภายในโรงเหล้าสาเก มีสิ่งต่างๆ มากมายที่ทำให้รู้สึกถึงยุคสมัยในอดีต เช่น ป้ายและอุปกรณ์เก่าแก่ที่ใช้ในการผลิตเหล้าสาเก ไกด์จะเป็นผู้นำทัวร์และอธิบายเป็นภาษาอังกฤษ ให้ผู้เข้าชมได้เรียนรู้เกี่ยวกับความแตกต่างของเหล้าสาเก ลักษณะเด่นและประเภทของเหล้าสาเกใน จังหวัดนีงาตะ ช่วงท้ายของทัวร์ ผู้เข้าชมจะได้เพลิดเพลินกับการชิมเหล้าสาเกมากกว่า 10 ชนิด เหล้าสาเกหวานอามาซาเกะที่ไม่มีแอลกอฮอล์ก็เป็นที่นิยมเช่นกัน คุณสามารถหาซื้อเหล้าสาเกและขนมหวานหลากหลายชนิดได้ในร้านค้าที่ปรับปรุงใหม่ภายในโรงผลิตเหล้า ลองหาเหล้าสาเกที่คุณถูกใจสักขวดได้ที่นี่เลย!...
อ่านเพิ่มเติม
จังหวัดนีงาตะ คือภูมิภาคหนึ่งในญี่ปุ่นที่เหมาะสุดๆ สำหรับการเล่นสกีและสโนว์บอร์ดบนหิมะหนานุ่มแบบ powder snow นักเดินทางที่ชื่นชอบหิมะยังสามารถเพลิดเพลินกับทัวร์ขี่สโนว์โมบิลและกิจกรรมเกี่ยวกับหิมะอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งเหมาะกับทั้งเด็กๆ และมือใหม่ เราจะมาแนะนำสโนว์รีสอร์ทชื่อดังใน จังหวัดนีงาตะ ซึ่งจะทำให้คุณได้สัมผัสประสบการณ์หิมะหลากหลายรูปแบบ Gala Yuzawa - สกีรีสอร์ทที่ใช้เวลาเดินทางเพียง 74 นาทีจากโตเกียว คุณรู้หรือไม่ว่ามีลานสกีมากมายใกล้ๆ โตเกียวที่คุณสามารถเพลิดเพลินกับการเล่นสกีและสโนว์บอร์ดได้แบบไปเช้าเย็นกลับ สกีรีสอร์ทใกล้โตเกียวที่อยากจะแนะนำเป็นพิเศษคือ GALA Yuzawa ซึ่งใช้เวลาเดินทางเพียง 74 นาทีจากสถานีโตเกียวโดยชินคันเซ็น คุณสามารถลงที่สถานี GALA และเมื่อออกจากช่องตรวจตั๋ว ก็จะเจอเคาน์เตอร์จำหน่ายตั๋วของสกีรีสอร์ท ห้องล็อกเกอร์และเคาน์เตอร์เช่าอุปกรณ์ต่างๆ ก็อยู่ใกล้กัน โดยคุณสามารถเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดเล่นสกี และขึ้นกระเช้าเพื่อขึ้นไปบนยอดเขาได้ทันที ลานสกีของสกีรีสอร์ท GALA Yuzawa แบ่งออกเป็นสามส่วนคือตอนกลาง ตอนเหนือ และตอนใต้ พื้นที่ตอนกลางเป็นลานที่ใหญ่ที่สุดโดยสามารถขึ้นรถกระเช้าไปถึงระดับความสูง 800 เมตรได้โดยตรง ยอดเขา (ระดับความสูง 1,181 เมตร) เป็นจุดถ่ายภาพที่ยอดเยี่ยมและเหมาะสุดๆ สำหรับการเก็บภาพวิวทิวทัศน์อันสวยงาม หากใครต้องการเพิ่มทักษะการเล่นสกีและสโนว์บอร์ดให้เก่งขึ้น ที่นี่ก็มีคลาสสอนสกีเป็นภาษาอังกฤษและภาษาจีน โดยจะสอนวิธีสวมรองเท้าบูท วิธีเดินและวิธีเล่นสกีอย่างละเอียด มือใหม่หัดเล่นสกีสบายใจได้เลย! นอกจากนี้ สกีรีสอร์ท GALA Yuzawa ยังให้บริการทัวร์ที่หลากหลาย เช่น “ทัวร์ลากเลื่อนด้วยสโนว์โมบิล” จะทำให้คุณได้เพลิดเพลินไปกับพื้นที่ทางตอนเหนือบนรถเลื่อนหิมะขนาดใหญ่นั่งได้ถึง 6 คน ซึ่งลากด้วยสโนว์โมบิล คุณจะได้สัมผัสความรู้สึกตื่นเต้นเร้าใจจากการนั่งรถเลื่อนบนหิมะสุดแสนพิเศษในทัวร์นี้เท่านั้น เวลาเปิดให้บริการ: 8:00-16:30 น. (ช่วงฤดูหนาว), 8:00-16:00 น. (ช่วงฤดูใบไม้ผลิ) ที่อยู่: 1039-2, Kayadaira, Yuzawa, Yuzawa-cho, Minamiuonuma-gun ซื้อตั๋ว: JR TOKYO Wide Pass ใช้เดินทางได้ไม่จำกัดเป็นเวลาสามวันสำหรับ JR East ในภูมิภาคคันโต ค้นหารีสอร์ทในนีงาตะและสถานที่เล่นสกีในญี่ปุ่น ลานสกี Ishiuchi Maruyamaーโลเคชั่นสุดอลังการสำหรับคนรักหิมะทุกคน   Ishiuchi Maruyama คือลานสกีที่ตั้งอยู่ในเมือง มินะมิอุโนะนุมะ ที่นี่คือสถานที่ยอดเยี่ยมที่สุดแห่งหนึ่งในญี่ปุ่นซึ่งคุณสามารถเพลิดเพลินกับหิมะธรรมชาติจำนวนมาก และสถานที่ตั้งสุดอลังการซึ่งสร้างสรรค์โดยธรรมชาติ Ishiuchi Maruyama เปิดให้บริการในปีค.ศ. 1949 นับแต่นั้นมาก็เติบโตไปพร้อมกับคนรักหิมะที่แวะเวียนมาโดยตลอด และปัจจุบันก็ขยายพื้นที่ออกไปทั้งหมดถึง 236 เฮกเตอร์ โดยมีความสูงต่างกัน 664 เมตร และระยะทางวิ่งสูงสุด 4,000 เมตร ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีการพัฒนาปรับปรุงด้านความสะดวกสบายมากมาย เช่น “Sunrise Express” ลิฟท์อันล้ำสมัยที่สุดในโลก ซึ่งรวมเอาลิฟต์แบบเก้าอี้และกระเช้าแบบห้องโดยสารมาวิ่งอยู่บนสลิงเหนือศีรษะเส้นเดียวกัน ลักษณะพิเศษสุดๆ อย่างหนึ่งของลานสกี Ishiuchi Maruyama ก็คือคนทุกวัยสามารถเพลิดเพลินกับหิมะได้ ตรง “สโนว์การ์เด้น” เปิดใหม่ที่อยู่ติดกัน คุณสามารถชื่นชมทิวทัศน์อันยอดเยี่ยมของที่ราบอุโอนุมะและเทือกเขาสามลูกแห่งเอจิโกะได้พร้อมกับจิบเครื่องดื่มร้อนๆ ไปด้วย นอกจากนี้ “สโนว์การ์เด้น” ยังมีโดมหิมะ 2 แบบ ขนาดใหญ่และขนาดเล็ก อีกทั้งมีโรงเรียนสอนเล่นสกี และเนินลาดรถเลื่อนหิมะสำหรับเด็กด้วย ภายในลานสกี มีร้านอาหารมากกว่า 20 ร้าน รวมถึงคาเฟ่เก๋ๆ ชิคๆ และร้านเนื้อย่างแบบญี่ปุ่นแท้ๆ คุณภาพดีเหลือเชื่อสำหรับร้านที่สร้างขึ้นบนลานสกีเลยทีเดียว! ลานสกี Ishiuchi Maruyama ยังเดินทางไปได้สะดวกสุดๆ...
อ่านเพิ่มเติม
จังหวัดนีงาตะ ของประเทศญี่ปุ่นเป็นที่รู้จักในฐานะหนึ่งในพื้นที่ที่มีหิมะตกมากที่สุดในโลก หลายแห่งมีหิมะตกทับถมกันสูงเกิน 3 เมตร ด้วยเหตุนี้ ใน จังหวัดนีงาตะ จึงมีกิจกรรมฤดูหนาวมากมายให้ทุกคนได้สนุกเพลิดเพลิน นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวยังสามารถลิ้มลองเหล้าสาเกที่เก็บรักษาไว้ในห้องหิมะ และตื่นตากับดอกไม้ไฟในฤดูหนาวที่ส่องสว่างไปทั่วทุ่งหิมะได้ด้วย ไปสำรวจ 3 กิจกรรมฤดูหนาวสุดฮิตใน จังหวัดนีงาตะ กันได้เลย Uonuma no Sato – สถานที่ที่คุณสามารถสัมผัสวัฒนธรรมของเมืองหิมะได้อย่างลึกซึ้ง โรงผลิตเหล้าสาเก Hakkai Jozo ตั้งอยู่ในเมือง มินะมิอุโนะนุมะ ใน จังหวัดนีงาตะ ซึ่งเป็นที่รู้จักในฐานะแหล่งผลิตข้าวที่มีชื่อเสียง โรงผลิตเหล้าสาเกแห่งนี้มีชื่อเสียงเรื่องการผลิตเหล้าสาเก “Hakkaisan” เหล้าสาเกยอดนิยมที่คนรักเหล้าสาเกทุกคนต่างรู้จัก Uonuma no Sato ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโรงผลิตเหล้าสาเก Hakkai คือสถานที่ที่คุณสามารถสัมผัสวัฒนธรรมของเมืองหิมะได้อย่างเต็มที่ Uonuma no Sato ตั้งอยู่ตรงเชิงเขา Hakkaisan มีอาณาบริเวณกว้างขวางซึ่งประกอบด้วยร้านอาหาร ร้านกาแฟ ร้านขายของที่ระลึก และร้านขายเครื่องใช้ในครัว บริเวณโดยรอบยังเป็นเส้นทางเดินเล่นที่คุณสามารถเพลิดเพลินกับการเดินชมธรรมชาติ และสามารถใช้เวลาพักผ่อนหย่อนใจได้ตลอดวัน นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางไปได้สะดวกจาก สถานีรถไฟ Echigo Yuzawa สถานที่ยอดนิยมสำหรับการแช่น้ำพุร้อน เล่นสกี และกิจกรรมกลางแจ้ง จึงเป็นจุดที่เหมาะกับการแวะเที่ยวเป็นอย่างยิ่ง หนึ่งในไฮไลต์ของ Uonuma no Sato ที่ควรค่าแก่การเอ่ยถึงก็คือ “ห้องหิมะ Hakkaisan” ซึ่งสร้างขึ้นในปีค.ศ. 2013 ห้องนี้เป็นโกดังเก็บเหล้าสาเกที่ให้ความเย็นจากไอเย็นของหิมะ ซึ่งต้องใช้หิมะมากถึง 1,000 ตัน เพื่อคงอุณหภูมิภายในให้ต่ำกว่า 4°C อยู่เสมอ ว่ากันว่าห้องนี้เป็นห้องหิมะที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นที่ใช้เป็นโกดังเก็บเหล้าสาเก นอกจากนี้ยังมีการนำผักและของอื่นๆ มาเก็บไว้ในพื้นที่ว่างของห้องนี้ด้วย คุณสามารถเข้าร่วมทัวร์ชมห้องหิมะแห่งนี้โดยการจองทัวร์ในวันที่คุณมาถึงได้ อากาศภายในห้องนั้นหนาวทีเดียว แนะนำว่าให้นำเสื้อผ้าอุ่นๆ มาด้วยนะ! เนื่องจากที่ Uonuma no Sato มีบริการให้ชิมเหล้าสาเก เราจึงขอแนะนำให้นั่งแท็กซี่จากสถานีรถไฟเข้าไป โดยใช้เวลานั่งรถเพียง 15 นาทีเท่านั้นจากสถานีรถไฟชินคันเซ็น Urasa เวลาเปิดให้บริการ: 10:00-17:00 น. (เวลาเปิดบริการแตกต่างกันไปตามแต่ละสถานที่) ที่อยู่: 459 Nagamori, Minamiuonuma City ค้นหาที่พักใกล้กับสถานที่เที่ยวในนีงาตะ ดอกไม้ไฟในฤดูหนาวーค้นพบเสน่ห์ความงามที่หาไม่ได้ในฤดูร้อน เมื่อนึกถึงกิจกรรมที่น่าสนุกของฤดูหนาวในญี่ปุ่น เราอาจนึกถึงการเล่นสกี น้ำพุร้อน และอาหารรสเลิศ แต่ที่จริงแล้ว หากมาที่ จังหวัดนีงาตะ ในฤดูหนาว คุณก็สามารถเพลิดเพลินกับดอกไม้ไฟที่สวยงามได้เช่นกัน “แต่เอ๊ะ ดอกไม้ไฟที่ญี่ปุ่นจัดขึ้นในฤดูร้อนไม่ใช่หรือ” ผู้ที่รู้จักญี่ปุ่นเป็นอย่างดีอาจคิดเช่นนั้น และในความเป็นจริง เทศกาลดอกไม้ไฟครั้งใหญ่แห่งนางาโอกะ ที่จัดขึ้นใน จังหวัดนีงาตะ ในฤดูร้อนนั้นมีชื่อเสียงมากจนนับได้ว่าเป็น “หนึ่งในสามเทศกาลดอกไม้ไฟที่ยิ่งใหญ่ของญี่ปุ่น” เลยด้วย แต่อันที่จริง เทศกาลดอกไม้ไฟ นีงาตะ ก็จัดขึ้นในฤดูหนาวเช่นกัน! ดอกไม้ไฟฤดูหนาวมักจะไม่อลังการเท่าฤดูร้อน แต่ก็เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ความงามที่ไม่มีในฤดูร้อน เช่น การได้เห็นดอกไม้ไฟที่สว่างบนทุ่งหิมะ หรือการได้เพลิดเพลินกับดอกไม้ไฟไปพร้อมกับการประดับไฟ เป็นต้น ตัวอย่างเช่น Nagaoka Fireworks Winter Fantasy ที่จัดขึ้นในเดือนธันวาคมที่สวนสาธารณะ Echigo Hillside ในเมือง นากาโอกะ มีการจุดพลุ Starmine ขนาดใหญ่พร้อมดนตรีในธีมฤดูหนาว ซึ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวจำนวนมาก ในสถานที่จัดงานมีการประดับไฟและของประดับตกแต่งคริสต์มาส ซึ่งสามารถเดินชมไปพร้อมกับการดูดอกไม้ไฟได้ นอกจากนี้ New Greenpia...
อ่านเพิ่มเติม
เราขอแนะนำสถานที่ที่สามารถเรียกได้ว่าเป็น “สมบัติล้ำค่าของ จังหวัดนีงาตะ” ที่ทุกคนพยายามอนุรักษ์ไว้ เช่น ทิวทัศน์หิมะอันงดงาม และภูมิทัศน์หมู่บ้านชนบท ล้วนแล้วแต่เป็นสถานที่ที่เหมาะกับการเปิดรับความรู้ใหม่ อีกทั้งสัมผัสวัฒนธรรมและธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ที่หยั่งรากลึกในภูมิภาคนี้ ไปสำรวจสถานที่น่าพักใน จังหวัดนีงาตะ เพื่อเปิดรับประสบการณ์ใหม่จากการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนที่จะสร้างผลกระทบอันดีให้แก่จังหวัดที่สวยงามของญี่ปุ่นแห่งนี้ ใส่สโนว์ชูส์เดินป่าภูเขาซาโตะยามะ - ทัวร์เดินป่าบีชที่ปกคลุมไปด้วยหิมะในฤดูหนาว มัตสึโนะยามะออนเซ็น ตั้งอยู่บนภูเขาหิมะบริเวณชายแดน จังหวัดนีงาตะ และ จังหวัดนากาโนะ ที่นี่เป็นออนเซ็นรีสอร์ทที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน มีตำนานเล่าว่าเมื่อ 700 ปีก่อน คนตัดไม้ค้นพบน้ำพุร้อนพุ่งออกมาตอนที่เห็นเหยี่ยวตัวหนึ่งหยุดพักปีกที่บาดเจ็บ มัตสึโนะยามะ รายล้อมไปด้วยต้นบีชอายุกว่า 100 ปี เนื่องจากทิวทัศน์นั้นมีความงดงามมาก จึงถูกเรียกว่า “ป่า Bijin-bayashi (ป่าสาวสวย)” ช่วงปลายสมัยไทโช ต้นไม้บนภูเขาถูกตัดเพื่อนำไปทำถ่านจนกลายเป็นภูเขาหัวโล้น แต่ในปีถัดมา ต้นบีชบนภูเขานี้ก็แตกยอดและเจริญเติบโต จึงได้รับการคุ้มครองอีกครั้งเพื่อเป็นที่อยู่อาศัยของนกป่า ทุกปีในฤดูหนาว ป่า Bijin-bayashi จะถูกปกคลุมด้วยหิมะสูงประมาณ 3 เมตร คุณสามารถเพลิดเพลินกับการสวมสโนวชูส์เดินป่าในฤดูหนาวได้ที่นี่ และภาพของหิมะที่ส่องประกายท่ามกลางแสงแดดในป่าบีชที่เป็นสีเงินนั้นก็งดงามมาก หากจองล่วงหน้า ผู้เข้าพักที่ มัตสึโนะยามะออนเซ็น สามารถเช่าชุดและรองเท้าสำหรับเดินบนหิมะได้ฟรี และยังมีไกด์ท้องถิ่นเป็นผู้นำทางด้วย คุณจึงสามารถเดินสำรวจบนหิมะได้อย่างปลอดภัย ลองไปเดินเล่นกับคนท้องถิ่นและค้นพบเสน่ห์ของเมืองหิมะกันได้เลย เวลาเปิดให้บริการ: 9:30-11:30 น. ในฤดูหนาว (ยกเว้นวันอังคาร) ที่อยู่: 49-1 Matsunoyama Yumoto, Tokamachi City *ทัวร์ใส่สโนวชูส์เดินป่าเปิดให้บริการโดยผู้ประกอบการหลายราย จองห้องพักที่มัตสึโนะยามะออนเซ็น สนุกกับประสบการณ์ตั้งแคมป์กลางแจ้งที่ Snow Peak HEADQUARTERS Campfield เมืองซันโจใน จังหวัดนีงาตะ เป็นที่รู้จักในนามเมืองแห่งการผลิตและงานฝีมือ ซึ่งผลิตผลิตภัณฑ์โลหะคุณภาพสูง นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งกำเนิดของแบรนด์เอาท์ดอร์ที่มีชื่อเสียงระดับโลกอย่าง "Snow Peak" อีกด้วย Snow Peak HEADQUARTERS Campfield ตั้งอยู่ในพื้นที่สำนักงานใหญ่ของแบรนด์ Snow Peak ในเมือง ซันโจซิตี้ และครอบคลุมพื้นที่ถึง 50,000 ตารางเมตร แคมป์แห่งนี้ตั้งอยู่บริเวณเนินเขา มีทิวทัศน์ทุ่งหญ้าอันกว้างใหญ่ในฤดูใบไม้ผลิ และเป็นโลกที่ขาวโพลนปกคลุมไปด้วยหิมะในฤดูหนาว ในวันที่อากาศดีๆ คุณจะได้ชื่นชมพระอาทิตย์ตกอันสวยงาม ส่วนตอนกลางคืนก็จะได้เห็นท้องฟ้างดงามและดวงดาวพร่างพราวโดยไม่มีแสงไฟรอบๆ มารบกวน คุณสามารถเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การตั้งแคมป์ที่ Snow Peak HEADQUARTERS Campfield ได้เต็มที่ เพราะที่นี่มีบริการการตั้งแคมป์ต่างๆ มากมายที่คุณสามารถสนุกได้โดยที่ไม่ต้องเตรียมอุปกรณ์แคมป์ปิ้งมาเอง สัมผัสประสบการณ์ตั้งแคมป์กลางแจ้งได้ง่ายๆ พร้อมอุปกรณ์แคมป์ปิ้งคุณภาพสูงของ Snow Peak ที่ผลิตขึ้นจากเทคนิคและฝีมือที่สืบทอดกันมาจากเมืองแห่งการผลิตแห่งนี้ นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวยังสามารถเข้าพักใน “จูบาโกะ (JYUBAKO)” บ้านเคลื่อนที่ที่ Snow Peak พัฒนาร่วมกับ Kengo Kuma สถาปนิกระดับโลก คุณสามารถเลือกแผนที่เหมาะสมกับสไตล์ของคุณได้เลย (*) คุณสามารถใช้บริการ FIELD SUITE SPA HEADQUARTERS รีสอร์ทที่รวมออนเซ็น ร้านอาหาร และที่พักเข้าไว้ด้วยกัน โดยเปิดให้บริการเมื่อเดือนเมษายน ปีค.ศ. 2022 ที่นี่ยังให้บริการออนเซ็นแบบไปเช้าเย็นกลับด้วย ดังนั้นนักท่องเที่ยวที่ไม่ได้ใช้บริการสถานที่ตั้งแคมป์ก็สามารถเพลิดเพลินกับรีสอร์ทแห่งนี้ได้ *บางแผนจะไม่มีให้บริการในช่วงฤดูที่มีหิมะปกคลุม เวลาเปิดให้บริการ: 9:00 - 19:00 น. (ปิดทุกวันพุธ) ที่อยู่: 456 Nakanohara, Sanjo City...
อ่านเพิ่มเติม
จังหวัดโทชิกิ (Tochigi) พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวทุกคนด้วยกิจกรรมมากมายหลายแบบ สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ อาหารอร่อยๆ รวมไปถึงโรงแรมดีๆ ที่จะทำให้ทุกคนประทับใจ โรงแรมดีๆ หลายแห่งของ โทชิกิ ตั้งอยู่ในเมืองหลักอย่าง อุตสึโนมิยะ (Utsunomiya) ซึ่งเป็นพิกัดที่ดีให้เราเลือกพัก เพราะสะดวกกับการออกไปเที่ยวที่ต่างๆ แบบไปเช้าเย็นกลับ หรือออกชมเมืองชิลล์ๆ ส่วนเมืองที่เล็กรองลงมาหน่อยอย่างซาโนะ (Sano) และนาสุชิโอบาระ (Nasushiobara) ก็ดึงดูดนักท่องเที่ยวได้ด้วยน้ำพุร้อนสุดผ่อนคลาย แลนด์มาร์คเก่าแก่ และอยู่ใกล้การคมนาคมแบบต่างๆ 10 โรงแรมแนะนำนี้มีครบทุกสิ่งที่เราต้องการ และรับรองเลยว่าอยู่ได้สบายแน่ๆ ที่ โทชิกิ Chisun Hotel Utsunomiya อยู่ฝั่งตรงข้ามถนนของ สถานีอุตสึโนมิยะ (Utsunomiya Station) บริเวณใจกลางเมืองเลย โรงแรม Chisun Hotel Utsunomiya อยู่ในทำเลที่เพอร์เฟกต์มากสำหรับคนที่มาเที่ยว อุตสึโนมิยะ โรงแรมแสนสบายนี้อยู่ติดกับย่านธุรกิจ ศูนย์ประชุม และแหล่งช้อปปิ้งชั้นนำ Chisun Hotel Utsunomiya เป็นโรงแรมที่อนุญาตให้นำสัตว์เลี้ยงเข้าได้ และมีเจ้าหน้าที่อัธยาศัยดีที่ได้รับการอบรมมาอย่างเต็มที่ พูดได้ทั้งภาษาญี่ปุ่นและภาษาอังกฤษ ในห้องพักทุกห้องและบริเวณพื้นที่ส่วนกลางในโรงแรมมี Wi-Fi ให้ใช้ฟรี รวมถึงบริการซักรีด และเครื่องซักผ้า นอกจากนี้ ที่โรงแรมยังมีบริการนวด และร้านอาหารญี่ปุ่นด้วย ส่วนอาหารเช้า จะเป็นหน้าที่ของร้านไดได (Daidai) ร้านอาหารประจำโรงแรมที่ทำให้เราได้กินทุกวัน ค้นหาโรงแรมและที่พักในจังหวัดโทจิกิ  Smile Hotel Utsunomiya Higashiguchi เดินจาก สถานีอุตสึโนมิยะ เพียงนิดเดียวก็จะถึง Smile Hotel Utsunomiya Higashiguchi หนึ่งในโรงแรมยอดนิยมประจำเมือง โรงแรมนี้อยู่ห่างจากใจกลางเมืองราว 1 กิโลเมตรเท่านั้น ทำให้ปลายทางการท่องเที่ยวที่น่าไปต่างๆ นานาล้วนเดินทางไปง่ายทั้งหมด ที่นี่มีฟรี Wi-Fi ให้ทั้งในห้องพักและพื้นที่ส่วนกลางอื่นๆ มีบริการทำความสะอาดทุกวัน บริการแท็กซี่ และพนักงานต้อนรับที่พร้อมดูแลทุกคนตลอด 24 ชั่วโมง ขณะเข้าพักในโรงแรมที่เปิดรับสัตว์เลี้ยงด้วยนี้ เราสามารถใช้บริการนวดได้ รวมถึงบริการซักแห้ง เครื่องซักผ้า และฝากกระเป๋าเดินทางได้ ส่วนอาหารเช้านั้น เราเลือกได้ว่าจะกินอาหารญี่ปุ่นหรืออาหารสไตล์อเมริกัน ค้นหาโรงแรมและที่พักในจังหวัดโทจิกิ  Daiwa Roynet Hotel Utsunomiya Daiwa Roynet Hotel Utsunomiya ซุกตัวอยู่ใจกลางเมือง ล้อมรอบไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวและอะไรต่อมิอะไรที่น่าสำรวจไปหมด โรงแรมแห่งนี้มีบริการเหนือระดับ พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับทุกคนที่เข้าพัก รวมทั้ง Wi-Fi ฟรี ไม่ว่าจะในห้องพักหรือพื้นที่ส่วนกลาง มีระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง เครื่องซักผ้า และพนักงานตอนรับตลอด 24 ชั่วโมง พนักงานที่นี่ผ่านการอบรมมาอย่างดีเยี่ยม อัธยาศัยดี พูดได้ทั้งภาษาอังกฤษ ญี่ปุ่น จีนกวางตุ้ง จีนกลาง เพื่อให้บริการแขกที่เขาพักได้อย่างเต็มที่ และช่วยเหลือให้ได้มากที่สุด โรงแรมที่อนุญาตให้สัตว์เข้าได้แห่งนี้ มีบริการรูมเซอร์วิส คอฟฟี่ช็อป และบริการนวด รวมถึงเตรียมมชาไว้ให้ฟรี พร้อมโต๊ะทำงานสำหรับวางแล็บท็อปได้ในห้อง ส่วนอาหารญี่ปุ่นก็มีบริการทั้งมื้อเช้าและร้านอาหารในโรงแรม Daiwa Roynet Hotel Utsunomiya ตั้งอยู่ห่างจาก สถานีอุตสึโนมิยะ ในระยะเดินได้ใกล้ๆ ค้นหาโรงแรมและที่พักในโทชิกิ  Utsunomiya Tobu Hotel Grande ไม่ว่าจะมาเที่ยวที่นี่ด้วยเป้าหมายปลายทางอะไร Utsunomiya...
อ่านเพิ่มเติม
ประเทศที่สวยงามอย่างญี่ปุ่นนั้น แบ่งออกเป็น 47 จังหวัด โดยมี โทชิกิ (Tochigi) เป็นหนึ่งในนั้น อาหารที่เลื่องชื่อของเมืองนี้ไม่ได้มีแค่อาหารทะเลจากชายฝั่งในละแวกเท่านั้น แต่ จังหวัดโทชิกิ ยังมีดีที่อาหารพื้นเมืองและอาหารประจำถิ่น ที่รอเสิร์ฟความอร่อยให้นักท่องเที่ยวทุกคนอยู่เสมอ หิวกันขึ้นมาแล้วใช่ไหม มากินเกี๊ยวซ่ากรอบๆ ซดราเม็นอุ่นๆ ที่ซาโนะ และอาหารจานเด็ดอีกมากมายใน โทชิกิ กันเลย! ของอร่อยที่โทชิกิ | สตรอว์เบอร์รี่ สภาพอากาศหนาวเย็นของ จังหวัดโทชิกิ และฤดูหนาวแบบที่ยังมีแดดจ้าของที่นี่ ถือเป็นฤดูกาลเพาะปลูกสตรอว์เบอร์รี่ที่แท้จริง และด้วยสภาพอากาศที่เพอร์เฟกต์นี่แหละ ที่ทำให้จังหวัดนี้กลายเป็นแหล่งเพาะปลูกสตรอว์เบอร์รี่ที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นมาห้าทศวรรษติด! จังหวัดโทชิกิ คือแหล่งสตรอว์เบอร์รี่พันธุ์ที่โด่งดังไปทั่วโลกอย่างโทจิโอโตเมะ (Tochiotome) และสกายเบอร์รี่ (Skyberry) รวมถึงสายพันธุ์อื่นๆ ด้วย จนกระทั่งเมืองนี้ได้ฉายาน่ารักๆ ว่า "อาณาจักรสตรอว์เบอร์รี่" พื้นที่ที่อุดมสมบูรณ์นี้ก็เลยมีกิจกรรมไว้รองรับนักท่องเที่ยว ทั้งการเก็บสตรอว์เบอร์รี่ และการชิมผลิตผลที่เราเก็บมานี่ละ ฟาร์มท้องถิ่นหลายๆ แห่งใน โทชิกิ นั้นมีสตรอว์เบอร์รี่หลากหลายพันธุ์ที่โด่งดังระดับโลก ซึ่งแต่ละแห่งก็มีทั้งจัดทัวร์ จัดกิจกรรมเก็บสตรอว์เบอร์รี่ในช่วงที่สตรอว์เบอร์รี่สุก และพร้อมกิน แต่ต้องจำไว้ว่า ผู้เชียวชาญด้านการเก็บสตรอว์เบอร์รี่แนะนำให้เก็บก่อน 11 โมง จะได้ผลดีที่สุด ฟาร์มสตรอว์เบอร์ชื่อดัง 3 แห่งของโทชิกิ สวนสตรอว์เบอร์รี่โยชิมูระ (Yoshimura Strawberry Park) ที่อยู่ 520 Hanawa, Mashiko เปิดทุกวัน (ยกเว้นวันจันทร์) ตั้งแต่ 9.00 - 16.00 น. ในช่วงกลางเดือนธ.ค. - กลางเดือนพ.ค. ค่าเข้าต่อคนเริ่มต้นที่ 1,300 เยน (ประมาณ 370 บาท) ถึง 1,800 เยน (ประมาณ 510 บาท) ขึ้นอยู่กับฤดูกาล เด็กอายุต่ำกว่า 2 ขวบเข้าฟรี ค่าเข้านี้รวมค่าสตรอว์เบอร์รี่ที่เราเก็บกินได้แบบไม่อั้นและไม่จำกัดเวลา สวนสตรอว์เบอร์รี่นิกโก้ (Nikko Strawberrry Park) ที่อยู่ 3581 Serinuma, Nikko เปิดทุกวัน (ยกเว้นวันอังคาร) ตั้งแต่ 10.00 - 16.00 น. ในช่วงต้นเดือนธ.ค. - ปลายเดือนพ.ค. ค่าเข้าสำหรับผู้ใหญ่ เริ่มต้นที่ 1,600 เยน (ประมาณ 455 บาท) ถึง 1,800 เยน (ประมาณ 510 บาท) ส่วนเด็กๆ ค่าเข้าเริ่มต้น 1,100 เยน (ประมาณ 310 บาท) ถึง 1,300 เยน (ประมาณ 370 บาท) ขึ้นอยู่กับฤดูกาล ค่าเข้ารวมค่ากิจกรรมเก็บสตรอว์เบอร์รี่กินได้ไม่อั้นในเวลา 30 นาที นอกจากนี้ยังมีร้านขายสตรอว์เบอร์รี่และขนมต่างๆ แบบกลับบ้าน ฟาร์มอิชิโกะ โนะ ซาโตะ (Ichigo no Sato Farm) ที่อยู่...
อ่านเพิ่มเติม
จังหวัดโทชิกิ (Tochigi) ของญี่ปุ่นคืออีกหนึ่งเมืองท่องเที่ยวสุดฮิต เป็นเมืองภูเขาทางเหนือของ โตเกียว การเดินทางมาที่นี่ก็ง่ายมาก จังหวัดนี้จึงเป็นตัวเลือกที่ดีในการหลบความวุ่นวายจากเมืองใหญ่มาพักตัวพักใจ นักท่องเที่ยวมักวนเวียนมาเที่ยวที่นี่ตลอดทั้งปี เพื่อสัมผัสประสบการณ์ต่างๆ ในแต่ละฤดู ทั้งกิจกรรม งานอีเวนต์ต่างๆ รวมถึงบรรยากาศและทิวทัศน์อันสวยงาม ซึ่งแน่นอนว่ามีอะไรต่อมิอะไรให้ทำเต็มไปหมดที่ โทชิกิ ตั้งแต่ออกลุยเดินป่าที่ ทะเลสาบชูเซ็นจิ ไปจนถึงทิ้งตัวชิลล์ๆ ใน ชิโอบาระ ออนเซ็น แถมจังหวัดนี้ยังโด่งดังเรื่องศาลเจ้า วัด และมรดกทางวัฒนธรรมต่างๆ ด้วย 1. ออกไปเยือนศาลเจ้าและวัดแห่งนิโก้ ที่องค์การยูเนสโกยกย่องให้เป็นเขตมรดกโลก นิกโก้ คือเมืองที่เดินทางจาก โตเกียว ไปเที่ยวได้ง่ายๆ แบบวันเดียวจบ เป็นอีกจุดหมายปลายทางยอดนิยมของคนเมือง เมืองภูเขาแห่งนี้ไม่ใช่แค่ประตูบานใหญ่ที่พาเราเข้าสู่ธรรมชาติเท่านั้น แต่ยังเป็นที่ตั้งของเขตมรดกโลกอย่างศาลเจ้าและวัดแห่งนิกโก้ด้วย (Shrines and Temples of Nikko) ภายในประกอบไปด้วย ศาลเจ้า นิกโก้ โทโชกุ (Nikko Toshogu), ศาลเจ้า นิกโก้ ฟุตะระซัน จินจา (Nikko Futarasan Jinja) และ วัดนิกโก้ซัน รินโนจิ (Nikkozan Rinnoji Temple) ซึ่งรวมๆ แล้วมีอาคารและสิ่งปลูกสร้างทางศาสนาอยู่มากถึง 103 หลัง โดยที่ทั้งหมดล้วนสร้างขึ้นมาอย่างสวยงามในสภาพแวดล้อมที่อุดมสมบูรณ์ เราสามารถเดินเที่ยวแต่ละจุดได้เลย เพราะอยู่ในระยะไม่ไกลกันมาก ค้นหาโรงแรมและเรียวกังในโทชิกิได้เลย  2. ดื่มด่ำกับธรรมชาติสุดพิเศษ ณ ทะเลสาบชูเซ็นจิ ทะเลสาบชูเซ็นจิ (Lake Chuzenji) ทะเลสาบกลางหุบเขาที่งดงามมากใน อุทยานแห่งชาตินิกโก้ (Nikko National Park) ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตกของเมือง นิกโก้ ทะเลสาบอยู่บริเวณด้านล่างภูเขาไฟ นันไต (Mount Nantai) และทะเลสาบแห่งนี้ก็เกิดขึ้นมาจากภูเขาไฟระเบิดเมื่อ 20,000 ปีก่อน จนไปบล็อกแม่น้ำยูกาวะ (Yukawa River) ไว้ เมื่อมาถึงที่นี่แล้ว แนะนำให้เดินป่ารอบๆ ทะเลสาบ ระยะทางประมาณ 15.5 ไมล์ (25 กิโลเมตร) หรือจะเลือกล่องเรือเฟอร์รี่ชมวิวชิลล์ไปเรื่อยๆ ก็ได้ โดยลงเรือได้ที่ ท่าเรือทะเลสาบชูเซ็นจิ บริเวณชายฝั่งทิศตะวันออก ความเลิศเลอไม่ได้หมดเท่านี้ แต่ยังมีน้ำตกชื่อดังอีกสองแห่งที่ควรค่าแก่การไปเยือนเช่นกัน ได้แก่ น้ำตกเคงอน (Kegon Falls) ใน ชูเซ็นจิ ออนเซ็น และ น้ำตกริวซู (Ryuzu Falls) แถวชายฝั่งทางเหนือของทะเลสาบ ค้นหาโรงแรมและเรียวกังในโทชิกิได้เลย  3. เข้าหาธรรมชาติ ณ ที่ราบสูงนาสุ ที่ราบสูงนาสุ (Nasu Highlands) พื้นที่ภูเขาทางเหนือของจังหวัด โทชิกิ ที่ครอบครัวชั้นสูงนิยมหลบมาพักร้อนกันเสมอ ใจกลางของพื้นที่คือ เทือกเขานาสุ เขตภูเขาไฟอีกแห่ง ที่คนนิยมมาเดินเขากันมาก เพราะมีทั้งวิวสะพานแขวนและน้ำตกไปตลอดทางที่ไม่ชันนัก รวมถึงมีกระเช้าลอยฟ้าพาเราขึ้นไปบนยอดเขาด้วย บริเวณ ที่ราบสูงนาสุ (Nasu Highlands) มีรีสอร์ทและร้านอาหารกระจายตัวอยู่ตามที่ต่างๆ และหากใครอยากนั่งรถบัสทัวร์ให้ทั่วๆ ก็ไปขึ้นรถได้ตรงจุดพักรถ ยูไอ โนะ โมริ (Yuai no Mori)...
อ่านเพิ่มเติม
เมื่อมาเที่ยว จังหวัดโทชิกิ (Tochigi) ของญี่ปุ่นแล้ว ยังไงก็ต้องมาเยือนเมือง นิกโก้ (Nikko) ให้ได้ เพราะเมืองนี้ขึ้นชื่อเรื่องธรรมชาติอันสวยงาม ออนเซ็นดีๆ แถมยังมีสถานที่ที่เป็นมรดกโลกอยู่ด้วย เรียกได้ว่าเป็นเมืองที่เหมาะจะมาเที่ยวเป็นอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะแวะมาวันเดียว หรืออยู่เที่ยวยาวๆ ก็ตาม ลองแพลนทริปที่ทั้งสนุกและได้เรียนรู้อะไรต่อมิอะไรไปด้วยในตัว กับที่เที่ยวเลิศๆ ใน นิกโก้ ที่เราเตรียมมาให้ แช่ออนเซ็นอย่างผ่อนคลายที่คินุกาวะออนเซ็น ออนเซ็น หรือน้ำพุร้อนคือสิ่งที่ได้รับความนิยมมากๆ ทั้งในหมู่คนญี่ปุ่นเอง และนักท่องเทียว กิจกรรมอันแสนจะผ่อนคลายนี้ เป็นการแช่น้ำแร่ที่อุ่นและสบายอยู่เสมอ ลองมาแช่ออนเซ็นเพื่อคลายความเมื่อยล้ากันได้ที่ คินุกาวะ (Kinukawa) ย่านน้ำพุร้อนแสนงดงาม ซึ่งนั่งรถบัสจาก นิกโก้ มาได้ภายในเวลาเพียง 30 นาทีเท่านั้น ที่นี่มีโรงอาบน้ำหลายแห่งเปิดให้บริการระหว่างวัน เหมาะสำหรับคนที่มาเที่ยวแบบเช้าไปเย็นกลับ ส่วนใครที่อยากค้างคืนที่ คินุกาวะ ก็มีเรียวกังและโรงแรมสไตล์ญี่ปุ่นหลายแห่งที่อยู่เลียบแม่น้ำคินุกาวะ แถมมีออนเซ็นส่วนตัวที่มองเห็นวิวแม่น้ำด้วย ค้นหาโรงแรมออนเซ็นและเรียวกังใกล้สถานที่ท่องเที่ยวในนิกโก้ได้เลย  เข้าถึงประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น ที่นิกโก้ เขตมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก เราสามารถใช้เวลาทั้งวันในการเที่ยวและสำรวจ ศาลเจ้าและวัดแห่งนิกโก้ (Shrines and Temples of Nikko) ได้เลย ซึ่งที่นี่ได้รับการยกย่องจากองค์การยูเนสโก ขึ้นทะเบียนให้เป็นเขตมรดกโลกมาตั้งแต่ปีค.ศ. 1999 สถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้มีสิ่งปลูกสร้างรวม 103 หลัง ทั้งศาลเจ้าและอาคารต่างๆ ซึ่งบางส่วนนั้นสร้างขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 17 ศาสนสถานที่โด่งดังที่สุดในเขตนี้ คือวัดพุทธแห่งหนึ่ง กับศาลเจ้าชินโตอีกสองแห่ง โดยศูนย์กลางทางศาสนานี้สร้างอยู่บนลาดเขา ระหว่างที่เดินชมเราจึงจะได้สัมผัสบรรยากาศที่ทั้งสงบและร่มเย็นอย่างเต็มที่ อาคารต่างๆ โดยเฉพาะศาลเจ้าหลักและวัดครองใจผู้คนทั้งในแง่ประเพณีอันงดงาม และคุณค่าทางประวัติศาสตร์ 3 แลนด์มาร์คประจำศาลเจ้าและวัดแห่งนิกโก้ วัดนิกโก้ซัน รินโนจิ (Nikkozan Rinnoji Temple) - วัดพุทธแห่งนี้สร้างขึ้นมาตั้งแต่ปีค.ศ. 766 และปัจจุบันยังเป็นสถานปฏิบัติธรรมของพระนิกายเทนไดอยู่ สิ่งที่หลายคนอาจเคยได้ยินเกี่ยวกับที่นี่คือ วิหารพระพุทธรูปสามองค์ วิหารที่ภายในมีพระพุทธรูปทองคำอยู่รวมสามองค์ หอสมบัติรินโนจิ (Rinnoji Treasure House) ภายในจัดแสดงพระไตรปิฎก งานจิตรกรรม และงานศิลปะทางประวัติศาสตร์อื่นๆ และหากเดินออกมาด้านนอกก็จะได้เจอสวนญี่ปุ่นตามแบบฉบับยุคเอโดะล้อมรอบอยู่ นิกโก้ ฟุตาระซัน จินจา (Nikko Futarasan Jinja) - สร้างขึ้นเมื่อปีค.ศ. 767 ชื่อของศาลเจ้าลัทธิชินโตแห่งนี้ได้มาจาก เขานันไต (Mount Nantai) (หรืออีกชื่อหนึ่งคือ ฟุตาระซัน) ที่อยู่ใกล้ๆ แลนด์มาร์คที่โด่งดังของศาลเจ้าแห่งนี้คือ สะพานชินเคียว (Shinkyo Bridge) หรือสะพานศักดิ์สิทธิ์ ที่อยู่เหนือแม่น้ำไดยะ (Daiya River) ใกล้ๆ ทางเข้า นิกโก้ โทโชกุ (Nikko Toshogu) - ศาลเจ้าชินโตที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแด่โชกุนคนแรกของญี่ปุ่น ตัวศาลเจ้าประกอบด้วยสิ่งปลูกสร้างถึง 55 อย่าง อาทิ ประตูโทริอิ ตัวอาคารที่ประดับตกแต่งอย่างวิจิตร หอสวดมนต์ โรงเก็บของ คอกม้า และเจดีย์ห้าชั้น ค้นหาโรงแรมออนเซ็นและเรียวกังใกล้สถานที่ท่องเที่ยวในนิกโก้ได้เลย  กินอาหารค่ำกลางหิมะ ที่เทศกาลยูนิชิกาวะ คามาคุระ (Yunishigawa Kamakura Festival) ในทุกฤดูหนาว จะมีระยะเวลาประมาณหนึ่งเดือน ที่เมืองเล็กๆ ใน ยูนิชิกาวะ (Yunishigawa) จะกลายเป็นเมืองหิมะแสนพิเศษ ตลอดเดือนของเทศกาลยูนิชิกาวะ...
อ่านเพิ่มเติม
เมื่อปักหมุดแล้วว่าจะเที่ยว จังหวัดโทชิกิ ก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะแวะเที่ยวไปตามเมืองต่างๆ ในละแวกนี้ด้วย หนึ่งในที่เที่ยวยอดนิยมก็คือเมือง นิกโก้ (Nikko) ที่ขับรถมาได้ในระยะไม่ไกลจากทางเหนือของเมืองหลักประจำจังหวัดอย่าง อุตสึโนมิยะ (Utsunomiya) แพลนเที่ยว นิกโก้ นี้มีที่เที่ยวและอะไรต่อมิอะไรให้ทำมากพอสำหรับ 3 - 4 วันเลยทีเดียว ทั้งเที่ยวชมเมือง รวมถึงกิจกรรมเจ๋งๆ ใกล้ๆ อุตสึโนมิยะ Photo credit: uraomote_yamaneko /CC BY-SA 3.0 via Wikimedia Commons   อุทยานสถานทูตอังกฤษและอุทยานสถานทูตอิตาลี ทะเลสาบชูเซ็นจิ (Lake Chuzenji) ที่ นิกโก้ ไม่ได้เป็นเพียงจุดพักผ่อนวิวสวยสะกดตาเท่านั้น แต่ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวสองแห่งตั้งอยู่ข้างกันอีกด้วย นั่นคือ อุทยานสถานทูตอังกฤษ (British Embassy Villa Memorial Park) และ อุทยานสถานทูตอิตาลี (Italian Embassy Villa Memorial Park) ถ้าได้ลองไปเยือนทั้งสองที่นี้ และได้เห็นวิวอันงดงามเหนือคำบรรยายแล้วละก็ จะไม่แปลกใจเลยว่าทำไมอาคารทางประวัติศาสตร์ทั้งสองหลังถึงตั้งอยู่ริมฝั่ง ทะเลสาบชูเซ็นจิ วิลล่าสถานทูตอังกฤษเคยเป็นบ้านพักฤดูร้อนของเออร์เนสต์ ซาโตว์ (Ernest Satow) นักการทูตอังกฤษ ผู้มีส่วนร่วมในการฟื้นฟูสมัยเมจิของญี่ปุ่น โดยก่อสร้างขึ้นช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ปัจจุบันตัวบ้านจัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับวัฒนธรรมอังกฤษ และประวัติศาสตร์ของเขตโอคุนิกโก้ (Okunikko) วิลล่าหลังนี้ใช้เป็นบ้านพักตากอากาศประจำสถานทูตอังกฤษจนถึงปีค.ศ.2008 แล้วเมื่อถึงปีค.ศ.2010 ก็มีการบริจาคอาคารให้จังหวัดโทชิกิ จนกระทั่งได้เปิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำหรับคนทั่วไป เมื่อเดินชมส่วนต่างๆ ในบ้านแล้ว ยังขึ้นไปด้านบนที่เปิดเป็นร้านชาได้อีกด้วย ซึ่งหากขึ้นมานั่งจิบชาชมวิวบนนี้ ก็จะได้ดื่มด่ำวิวสวยๆ ของ ทะเลสาบชูเซ็นจิ ไปพร้อมๆ กัน ส่วนวิลล่าของสถานทูตอิตาลีนั้น สร้างขึ้นช่วงทศวรรษ 1920 และมีการใช้เป็นบ้านพักช่วงฤดูร้อนของทูตอิตาลีเรื่อยมาจนกระทั่งราวทศวรรษที่ 1990 ปัจจุบัน ตัวบ้านเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ทางประวัติศาสตร์ และให้เข้าชมวิว ทะเลสาบชูเซ็นจิ ได้เช่นกัน วิลล่าหลังนี้ออกแบบโดยสถาปนิกชาวเช็ก โดยมีผู้ช่วยของแฟรงก์ ลอยด์ ไรต์ (Frank Lloyd Wright) ที่ชื่อแอนโทนิน เรย์มอนด์ (Antonin Raymond) เป็นคนคอยดูแลจัดการให้ธรรมชาติในพื้นที่ อาทิ ต้นสนซีดาร์ อยู่ร่วมกับตัวอาคารได้อย่างลงตัว เมื่อเข้าสู่ด้านใน เราก็จะได้ชมงานไม้สวยๆ รวมถึงงานสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นมาก เสียจนเป็นตัวแทนของสิ่งปลูกสร้างที่สวยงามได้เลย ค้นหาที่พักที่เหมาะกับทริปนิกโก้  เล่น SUP (การพายเรือแบบยืน) ที่ทะเลสาบชูเซ็นจิ สายสปอร์ตหรือคนชอบแอดเวนเจอร์จะต้องตกหลุมรักการพายเรือแบบยืนยนบอร์ดที่ ทะเลสาบชูเซ็นจิ ใน นิกโก้ แน่ เราสามารถเช่าบอร์ดแล้วพายข้ามน้ำตัด ทะเลสาบชูเซ็นจิ พลางชมทัศนียภาพสวยๆ บริเวณนั้นได้ แถวทะเลสาบมีบอร์ดให้เช่าอยู่หลายแห่ง มาเช่าเล่นกันได้ตลอดทั้งปี ไม่มีจำกัดฤดู และพิเศษสำหรับช่วงเดือนที่อากาศหนาวเย็น จะมีเว็ตสูท (Wetsuit) ให้เช่าด้วย ค้นหาที่พักที่เหมาะกับทริปนิกโก้  ล่องเรือที่ทะเลสาบชูเซ็นจิ หนึ่งในวิธีเห็นวิวรอบ ทะเลสาบชูเซ็นจิ คือการล่องเรือ ซึ่งมีเรือนำเที่ยวออกให้บริการทุกครึ่งชั่วโมง เริ่มตั้งแต่ 9.30 - 15.30 น. โดยขึ้นเรือได้ที่ท่าเรือแถวๆ ย่าน ชูเซ็นจิออนเซ็น (Chuzenji Onsen) ตลอดเส้นทางนี้ เราจะได้เห็นสถานที่ต่างๆ ตามสองข้างทาง...
อ่านเพิ่มเติม
ใช้เวลาเดินทางราวๆ หนึ่งชั่วโมงขึ้นมาทางเหนือของ โตเกียว ก็จะได้พบเมืองแห่งประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมอย่าง จังหวัดโทชิกิ (Tochigi) เรียกได้ว่าที่นี่คือปลายทางการท่องเที่ยวแสนพิเศษเลยก็ว่าได้ ด้วยความที่มีบ่อน้ำพุร้อนตามธรรมชาติมากถึง 630 แห่ง แถมทางตอนเหนือของจังหวัดยังมีเมืองนิกโก้ และเทือกเขานาสุตั้งตระหง่านอยู่ด้วย หากใครวางแผนว่าจะมาเที่ยวกับเด็กๆ ละก็ ห้ามพลาดสถานที่ท่องเที่ยวสำหรับครอบครัวเหล่านี้ใน จังหวัดโทชิกิ อาณาจักรสัตร์นาสุ (Nasu Animal Kingdom) ที่นี่มีสัตว์ท้องถิ่นและสัตว์หายากอาศัยอยู่มากกว่า 600 ตัวเลยทีเดียว นอกจากนี้ใน อาณาจักรสัตว์นาสุ ยังมีกิจกรรมและความบันเทิงสำหรับครอบครัวอีกเพียบ อาณาจักรสัตว์นาสุ ตั้งอยู่ใน นาสุ พื้นที่หนึ่งของ จังหวัดโทชิกิ ซึ่งภายในมีส่วนจัดแสดงสัตว์ทั้งในร่มและกลางแจ้ง โดยสวนสัตว์ในร่มจะเรียกกันว่า "เมือง" และส่วนเอาต์ดอร์จะเรียกว่า "ฟาร์ม" อาณาจักรสัตว์นาสุ ขึ้นชื่อเรื่องการเปิดโอกาสให้เราได้สัมผัสประสบการณ์เกี่ยวกับสัตว์อย่างใกล้ชิด เราสามารถเข้าถึงสัตว์ต่างๆ ได้ด้วยการป้อนนม ลูบตัว และเล่นกับพวกมัน ซึ่งการมาเที่ยวสวนสัตว์แห่งนี้ เราจะได้เจอสัตว์แทบทุกอย่างไม่ว่าจะอัลปาก้า หมาป่า ไปจนถึงแมวและนกหายาก แล้วหลังจากชมความน่ารักของสัตว์ต่างๆ แล้ว ก็ยังแวะร้านขายของที่ระลึก หรือจะไปนั่งพักเหนื่อยในร้านอาหาร พร้อมเติมพลังด้วยของกินอร่อยๆ ก็ได้ เวลาทำการ: วันจันทร์ - ศุกร์ (หยุดทุกวันพุธ) เปิด 10.00 - 16.30 น. ส่วนวันเสาร์ - อาทิตย์และวันหยุด เปิด 9.00 -17.00 น. (เวลาเปิด-ปิดอาจเปลี่ยนแปลงตามฤดูกาล) ค่าเข้า: เดือนมี.ค. - พ.ย. ค่าเข้าสำหรับผู้ใหญ่ราคา 2,400 เยน (ประมาณ 680 บาท) ค่าเข้าสำหรับเด็กราคา 1,000 เยน (ประมาณ 285 บาท) ส่วนเดือนธ.ค. - ก.พ. ค่าเข้าสำหรับผู้ใหญ่ราคา 1,400 เยน (ประมาณ 395 บาท) และสำหรับเด็กราคา 700 เยน (ประมาณ 200 บาท) ค้นหาและจองที่พักใกล้ที่เที่ยวในโทชิกิได้เลย  เอโดะ วันเดอร์แลนด์ นิกโก้ เอโดะมูระ เอโดะ วันเดอร์แลนด์ นิกโก้ เอโดะมูระ (Edo Wonderland Nikko Edomura) สถานที่ท่องเที่ยวแบบธีมพาร์ค ซึ่งจำลองหมู่บ้านญี่ปุ่นสมัยหลายร้อยปีก่อนขึ้นมา หมู่บ้านแห่งนี้ตั้งอยู่ใกล้ดินแดนอันเขียวขจีอย่าง อุทยานแห่งชาตินิกโก้ (Nikko National Park) ภายในมีทั้งอาคารต่างๆ ที่ประดับตกแต่งอย่างวิจิตร มีหญิงงาม (โออิรัน) ออนเซ็น และการแสดงนินจาแบบของแท้ดั้งเดิม นอกจากนี้ เมื่อแวะมาเที่ยว เอโดะ วันเดอร์แลนด์ นิกโก้ เอโดะมูระ แล้ว เรายังจะได้ชมดอกไม้ญี่ปุ่นของแต่ละฤดูกาล ขณะเดินบนเส้นทางธรรมชาติเลียบลำธารไปเรื่อยๆ ด้วย เวลาทำการ: วันที่ 20 มี.ค. - 30 พ.ย. เปิดตั้งแต่ 9.00 - 17.00 น. ส่วนวันที่...
อ่านเพิ่มเติม
นอกจากซากุระบานสะพรั่งในฤดูใบไม้ผลิ และฤดูใบไม้เปลี่ยนสีที่งดงามสะกดทุกสายตาในช่วงเดือนที่อากาศเย็นแล้ว จังหวัดโทชิกิ (Tochigi) ยังมีกิจกรรมเอาต์ดอร์เยอะมากในทุกฤดู รถไฟความเร็วสูงที่วิ่งขึ้นมาทางเหนือของโตเกียว จะพาทุกคนมาเยือนอีกหนึ่งจังหวัดในญี่ปุ่นที่มีเสน่ห์และชวนให้ตกหลุมรักได้ง่ายๆ เป็นการหลบลี้หนีความอึกทึกคึกโครมในเมืองใหญ่ได้เป็นอย่างดี มาตะลุยทำกิจกรรมเอาต์ดอร์ที่ โทชิกิ กันดีกว่า เปิดประสบการณ์การผจญภัยทุกรูปแบบ ตั้งแต่ขี่จักรยาน ใส่สโนว์ชูลุยหิมะ ยืนพายเรือบนบอร์ด และล่องแก่ง Nature Adventure Outdoor Club (NAOC) ศูนย์กิจกรรมในคินุกาวะ ศูนย์ฯ แห่งนี้ตั้งอยู่บริเวณเชิงเขา อุทยานแห่งชาตินิกโกะ (Nikko National Park) และอยู่ใจกลาง คินุกาวะ ออนเซ็น (Kinugawa Onsen) Nature Adventure Outdoor Club (NAOC) มีกิจกรรมเอาต์ดอร์น่าตื่นเต้นมากมาย ท่ามกลางธรรมชาติเขียวขจีและอุดมสมบูรณ์ ไล่ไปตั้งแต่ล่องแก่งยันกระโดดหน้าผา ขี่จักรยานภูเขาไปจนถึงยืนพายเรือบนบอร์ด ศูนย์กิจกรรมทางธรรมชาติ NAOC แห่งนี้จะสร้างประสบการณ์อันน่าจดจำให้ทุกคนได้แน่นอนพร้อมๆ กับมอบความสุขและความเพลินเพลินใน จังหวัดโทชิกิ สิ่งสำคัญก่อนเริ่มตะลุยความสนุกในทริป คืออย่าปล่อยให้ทิวทัศน์และสภาพแวดล้อมที่สวยงามนี้กล่อมเราจนเข้าสู่โหมดผ่อนคลายแล้วนอนทิ้งร่างในวันหยุด เพราะในความงามยังมีความสนุกรออยู่เพียบ ทั้งการเดินป่า ลุยน้ำ หรือแม้กระทั่งขี่จักรยานฝ่าความหนาว NAOC ต้อนรับนักท่องเที่ยวทุกประเภท ไม่ว่าจะมาเป็นครอบครัว หรือเด็กๆ ช่วงอายุใดก็ตาม โดยที่ศูนย์กิจกรรมแห่งนี้จะช่วยวางแผนเดย์ทริปให้เหมาะกับคนทุกวัยในกลุ่มให้เอง ซึ่งหลายครั้งก็มีการเชิญกลุ่มคนทำงานมาเอ้าท์ติ้งกระชับความสัมพันธ์กัน โดยร่วมกิจกรรมต่างๆ ที่ NAOC จัดให้ กิจกรรมเอาต์ดอร์ของที่นี้มีทั้งล่องแก่ง ปีนและกระโดดหน้าผา กิจกรรมลุยน้ำปีนผาสำหรับครอบครัว ขี่จักรยาน ตกปลา ลุยหิมะ และเล่นแอร์บอร์ด เป็นต้น วิธีเดินทางไปศูนย์กิจกรรม NAOC NAOC นั้น ขับรถไปได้โดยใช้ทางด่วน Nikko Utsunomiya Toll Road แล้วออกทาง Imaichi IC เพื่อเข้าทางหลวงหมายเลข 121 หากเดินด้วยรถไฟ ต้องนั่งสายโทบุ - คินุกาวะ (Tobu-Kinugaka Line) แล้วลงที่สถานีคินุกาวะออนเซ็น (Kinugawa Onsen) แต่การเดินทางต่อจากสถานีต้องจองกับ NAOC เวลาเปิดบริการ : วันจันทร์ - เสาร์ เปิดเวลา 8.00 - 17.00 น. วันอาทิตย์เปิด 9.00 - 17.00 น. ที่อยู่ : 871-2 Kinugawaonsentaki, Nikko ค่าเข้า: ขึ้นอยู่กับกิจกรรม ค้นหาและจองที่พักในโทชิกิได้เลย  ทัวร์ขี่จักรยานกับ RIDE Experience ด้วยสภาพภูมิประเทศแบบภูเขา มีเนินอยู่ทั่วไป ทำให้เมือง นาสุ มีนักปั่นจักรยานแวะเวียนมาปั่นชมธรรมชาติอันงดงามของที่นี่ตลอด โดยมีทัวร์จักรยานที่ชื่อ "Nasu Satoyama Farm Ride" รับหน้าที่นำทุกคนออกทัวร์ชมชนบทอันงดงามของ นาสุ (Nasu) อย่าลืมพกน้ำดื่มไว้สักขวด แล้วมากระตุ้นความอยากอาหารไปพร้อมกัน ด้วยอาหารเที่ยงสดๆ จากฟาร์ม ที่ทำจากผักที่เราได้เก็บเองกับมือ ทีนี่มี "การขี่จักรยานบนทางกรวด" ที่ไม่ต้องมีประสบการณ์ก็ขี่ได้ เพราะเขามีจักรยานล้อใหญ่แบบโอเวอร์ไซส์ ที่ช่วยให้นักท่องเที่ยวทุกวัยทรงตัวเลียบแม่น้ำและทุ่งข้าวไปได้ไม่ยาก หลังจากนั้นไกด์จะให้เราได้พักเมื่อยกัน โดยมีกาแฟร้อนๆ เติมพลังงานก่อนขี่จักรยานกลับ มีทัวร์ทั้งแบบครึ่งวันและเต็มวัน...
อ่านเพิ่มเติม
ใช้เวลานั่งรถไฟจากโตเกียวไม่ถึงสองชั่วโมง เราก็จะถึง อาชิคางะ (Ashikaga) เมืองพักผ่อนแห่ง จังหวัดโทชิกิ (Tochigi) สองที่เที่ยวเด่นและใหญ่ที่สุดประจำเมืองคือ สวนดอกไม้อาชิคางะ (Ashikaga Flower Park) และ โรงเรียนอาชิคางะ (Ashikaga School) แล้วถ้ายิ่งเที่ยว อาชิคางะ ไปเรื่อยๆ ก็จะยิ่งค้นพบแลนด์มาร์คอื่นๆ ที่บอกเลยว่ามีสเน่ห์เหลือเกิน แพลนเที่ยวอาชิคางะนี้ เรารวมกิจกรรมและที่เที่ยวเอาไว้มากมาย พอให้เที่ยวกันได้ตลอด 3-4 วัน หรือใครจะรวบให้กระชับและใช้เวลาน้อยลง เป็นทริปวันเดียวหรือสองวันจบก็ได้เช่นกัน รูปภาพจาก: IG@lodeur_du_soleil   ล่องเรือชมวิวที่คุราโนะมาชิ เมืองใน โทชิกิ เหมาะแก่การท่องเที่ยวแบบเดย์ทริปมาก เริ่มตั้งแต่อาชิคางะ โดยหนึ่งในวิธีท่องเที่ยวที่ดีที่สุดที่จะช่วยให้เราได้เรียนรู้เรื่องราวเกี่ยวกับประวัติศาสตร์และประเพณีประจำท้องถิ่นนี้ คือการ ล่องเรือชมวิวที่คุราโนะมาชิ (Kuranomachi Pleasure Boat) การได้ลอยละล่องล่องเรือไปในแม่น้ำโทโมเอฮะ หรือแม่น้ำอุซึมะ (Tomoeha / Uzuma River) ก็เหมือนเราได้เป็นผู้ชมแถวหน้า ในการดูบ้านเรือนแถวนั้นและโกดังเก่าแก่ในอดีต กัปตันผู้พายเรือชมวิวของเราจะรับสองบทบาทพร้อมๆ กัน คือเป็นทั้งไกด์นำเที่ยว และคอยสร้างความบันเทิงให้เราไปในตัวตลอดทริป 20 นาทีนี้ ขณะล่องเรือ เราจะได้ฟังเรื่องราวในประวัติศาสตร์ของบริเวณที่เราเที่ยวอยู่ แถมยังจะได้ฟังเพลงพื้นบ้านของที่นี่ด้วย ใครสนใจสามารถไปขึ้นเรือได้ที่ Kuranomachi Pleasure Boat Agency พิกัดอยู่บริเวณเลขที่ 2-6 Yamatocho ใน โทชิกิ ข้างๆ อนุสรณ์สถานสึคาดะ (Tsukada Memorial Hall) เวลาทำการ : เปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่ 10.00 - 16.00 น. (เรือรอบสุดท้ายออกเวลา 15.50 น.) ในเดือนมี.ค. - พ.ย. และให้บริการตั้งแต่ 10.00 - 15.00 น. (เรือรอบสุดท้ายออกเวลา 14.50 น.) ในเดือนธ.ค. - ก.พ. ราคาตั๋ว : ผู้ใหญ่ ราคา 700 เยน (ประมาณ 200 บาท) เด็ก ราคา 500 เยน (ประมาณ 140 บาท) และสัตว์เลี้ยงราคา 100 เยน (ประมาณ 30 บาท และต้องปฏิบัติตามกฎ) ค้นหาที่พักสำหรับทริปเที่ยวอาชิคางะ  รับบทเป็นเชฟทำขนมวากาชิ เวลามาเที่ยวญี่ปุ่น นักทักท่องเที่ยวหลายคนก็จะได้เห็นวากาชิ (Wagashi) หรือขนมโบราณของญี่ปุ่นกันบ่อยๆ แต่เคยสงสัยกันไหมว่าขนมชิ้นเล็กๆ ขนาดพอดีคำ และดูปราณีตบรรจงนี้ เขาทำกันยังไง ขนมวากาชิมีหลายแบบและหลายรูปทรง ซึ่งวากาชิส่วนใหญ่ทำมาจากแป้งข้าวเหนียว (โมจิ) สอดไส้ถั่วแดง หรือถั่วชนิดต่างๆ ขนมหวานชนิดอาศัยความเชี่ยวชาญในการปั้นและประดิษฐ์ขึ้นมาเป็นรูปทรงต่างๆ ในธีมวันหยุด หรือเฉลิมฉลองอะไรสักอย่าง แม้วากาชิจะขึ้นชื่อว่าเป็นขนมประจำเทศกาล แต่ความจริงแล้วก็เป็นขนมที่พบเห็นได้ทั่วไปตลอดเวลาในญี่ปุ่น แน่นอนว่าทุกคนจะได้เจอวากาชิในร้านขนมหลายแห่งที่ โทชิกิ แต่สถานที่ที่จะทำให้เราได้เห็นขั้นตอนและลองทำขนมวากาชิจริงๆ ก็คือ ยามาโมโตะ โซฮอนเต็น (Yamamoto Sohonten) ร้านขายขนมญี่ปุ่นแห่งนี้...
อ่านเพิ่มเติม
นาสุ (Nasu) คือเมืองใน จังหวัดโทชิกิ ที่มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย ทั้งทางประวัติศาสตร์ ธรรมชาติ และเหล่าเทือกเขา โดยใช้เวลานั่งรถไฟจากโตเกียวเพียงสองชั่วโมงเท่านั้น แล้วที่นี่ก็มีทุกอย่างทุกรูปแบบให้เราได้มาพักผ่อนกัน ไม่ว่าจะมาเที่ยวแค่ช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ หรือจะเป็นทริปยาวขึ้นมาหน่อยสัก 3 - 4 วัน ใครที่ตัดสินใจว่าจะพักในเมือง นาสุ สำหรับทริปเที่ยวจังหวัด โทชิกิ แล้วละก็ รับรองว่าจะได้เจอที่เที่ยวและกิจกรรมต่างๆ นานากระจายอยู่ทั่วทุกสารทิศในระยะห่างกันเพียงหนึ่งหรือสองชั่วโมงเท่านั้น แพลนเที่ยว นาสุ นี้จะมีทั้งสถานที่ท็อปๆ สำหรับแช่ออนเซ็น แหล่งเดินเขาที่ดีที่สุด และของกินระดับ 5 ดาว น้ำพุร้อนชิโอบาระ ชิโอบาระ (Shiobara) คือชุมชนทางตะวันตกของ นาสุ ขึ้นชื่อมากเรื่องบ่อน้ำพุร้อน หรือออนเซ็น ย้อนกลับไปในประวัติศาสตร์ตั้งแต่ศตวรรษที่ 9 ชิโอบะระ เป็นพื้นที่ที่ทั้งคนญี่ปุ่นเองและนักท่องเที่ยวมักหลบลี้มาพักใจพักกาย เป็นเวลากว่าร้อยๆ ปีแล้ว น้ำในออนเซ็นหลายแห่งของที่นี่ เป็นน้ำคุณภาพสูงที่ไหลมาจากแถวๆ แม่น้ำโฮกิ น้ำพุร้อนชิโอบาระ เป็นอีกสถานที่ที่สวยงามมาก ไม่ว่าจะมาเที่ยวในช่วงไหนของปีก็ตาม แต่ถ้ามาช่วงฤดูใบไม้ร่วง ตอนที่ใบไม้ค่อยๆ เริ่มเปลี่ยนสี บอกเลยว่าที่นี่จะยิ่งงดงามจับใจ ใกล้ๆ กันยังมีเส้นทางเดินเขา สะพานแขวน น้ำตก และธรรมชาติที่สวยงามอีกมากมาย ซึ่งทำให้ ชิโอบาระ กลายเป็นสถานที่เที่ยวห้ามพลาดประจำเมือง นาสุ จองที่พักในโทชิกิสำหรับทริปเที่ยวนาสุ  โมมิจิดานิ โอตสึริบาชิ (สะพานแขวนขนาดใหญ่) สะพานแขวนโมมิจิดานิ (Momijidani Suspension Bridge) ยาวถึง 320 เมตร เป็นสะพานสำหรับเดิมข้ามเท่านั้น ส่วนวิวสวยๆ บริเวณนี้ที่เราจะไม่มีวันลืมก็คือวิวของหุบเขา ชิโอบาระ นั่นเอง สะพานแห่งนี้ได้ชื่อว่าเป็นสะพานแขวนแบบไม่มีตอม่อที่ยาวที่สุดในญี่ปุ่น พาดข้ามแม่น้ำโฮกิ และอยู่ห่างจาก น้ำพุร้อนชิโอบาระ ในระยะขับรถเพียง 10 นาทีเท่านั้น นอกจากนี้ สะพานแขวนโมมิจิดานิ ยังโด่งดังในฐานะ "สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของคู่รัก" เราจึงจะได้เห็นการขอแต่งงานที่นี่ แล้วหลายๆ คนก็มักเลือกสะพานแห่งนี้เป็นฉากหลังของภาพถ่ายสุดโรแมนติก ไม่เพียงแค่สะพานกับวิวสวยๆ เท่านั้น แต่บริเวณนี้ยังมีร้านขายของกระจุกกระจิกกับคาเฟ่อีกด้วย เพราะฉะนั้นที่นี่จึงเป็นที่เที่ยวอีกแห่งที่เหมาะจะมาใช้เวลาสักสองสามชั่วโมงกลางธรรมชาติอันงดงาม โดยมาเที่ยวได้ตลอดทั้งปี แต่หากใครแพลนจะมาช่วงฤดูใบไม้ร่วงก็จะได้เพลิดเพลินกับวิวใบไม้เปลี่ยนสีไปด้วยเลย จองที่พักในโทชิกิสำหรับทริปเที่ยวนาสุ  ฮันเตอร์เมาท์เทน ชิโอบะระ เตรียมตัวสนุกสุดเหวี่ยงท่ามกลางหิมะเย็นเจี๊ยบที่ ฮันเตอร์เมาน์เทน ชิโอบะระ (Hunter Mountain Shiobara) ความจริงแล้วสกีรีสอร์ทแห่งนี้มีพื้นที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่ง มีทั้งสกีทางลาดลงเขา สวนสนุกสำหรับเด็ก โรงเรียนฝึกสกีและสโนว์บอร์ด รวมทั้งเป็นทางเข้าสู่ น้ำพุร้อนชิโอบะระ ด้วย ก็เลยกล่าวได้ว่า นักท่องเที่ยวทุกช่วงอายุนั่นแหละที่สามารถมาสนุกและทิ้งตัวไถลลงมาตามทางลาดกันได้ที่ ฮันเตอร์เมาท์เทน ชิโอบะระ นอกจากนี้ ที่รีสอร์ทยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ รองรับสำหรับนอกฤดูหนาวด้วย หากเป็นช่วงเดือนที่อากาศอบอุ่น เนินหิมะก็จะกลายเป็นทุ่งดอกลิลี่ ส่วนฤดูใบไม้ร่วง เราก็สามารถขึ้นกระเช้าลอยฟ้าไปชมวิวมุมสูง พร้อมเก็บภาพใบไม้เปลี่ยนสีที่สว่างไสวเป็นสีแดง เหลือง ส้มไปทั่วจนสุดสายตาได้ อีกส่วนที่ลืมไม่ได้เลยก็คือ ฮันเตอร์เมาท์เทน ชิโอบะระ มีตัวเลือกด้านการกินเพียบ แถมร้านอาหารต่างๆ ยังมีบริการแพ็กอาหารเที่ยงให้เราพกออกไปกินระหว่างทางตอนทัวร์ดูโน่นเล่นนี่อีกด้วย จองที่พักในโทชิกิสำหรับทริปเที่ยวนาสุ  รูปภาพจาก: IG@haochi_instabae   ชีสการ์เดนนาสุ ชีสการ์เดนนาสุ (Cheese Garden Nasu) เปิดมาตั้งแต่ปีค.ศ.1944 และได้รับความนิยมมาก โดยเฉพาะกลุ่มคนรักชีสเค้ก และผลิตภัณฑ์ใดๆ ก็ตามที่ทำจากชีส! จากที่เคยเป็นแค่ทางผ่าน...
อ่านเพิ่มเติม
โทชิกิ (Tochigi) คือจังหวัดที่อยู่ทางเหนือของ โตเกียว เพราะฉะนั้นเลยเดินทางไปได้ง่ายมากๆ และด้วยความที่บ้านเมืองสวยบวกกับพิกัดที่อยู่ใกล้เมืองหลวงนี่เอง เลยทำให้นักท่องเที่ยวนิยมมาพักผ่อนกันตลอดทั้งปี จังหวัดนี้ไม่ติดชายฝั่งทะเลใดๆ เป็นเมืองแห่งภูเขา มีชุมชนบ่อน้ำพุร้อนอย่าง ยูนิชิงาวะออนเซ็น (Yunishigawa Onsen) พื้นที่ธรรมชาติขนาดใหญ่อย่าง ที่ราบสูงนาสุ (Nasu Highlands) และที่เที่ยวให้ได้ชมวิว ปีนเขา และอื่นๆ อีกเต็มไปหมด ในแต่ละฤดูนั้น ที่ โทชิกิ จะมีจุดเด่นและสเน่ห์ต่างกันออกไป ซึ่งนี่แหละที่ทำให้ โทชิกิ กลายเป็นจุดหมายปลายทางที่เที่ยวกันได้ตลอดทั้งปี! คราวนี้มาดูกันดีกว่าว่าในฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อน ฤดูใบไม้ร่วง และฤดูหนาว มีอะไรฮ็อตฮิตให้ทำกันบ้าง เที่ยวโทชิกิ | ที่เที่ยวประจำฤดูใบไม้ผลิ ฤดูใบไม้ผลิที่ โทชิกิ ดีงามตรงที่อากาศอุ่นสบาย แถมยังมีดอกไม้หลากสีบานสะพรั่งให้เราเก็บภาพกันอย่างตื่นตาตื่นใจด้วย แล้วก็เช่นเดียวกับจังหวัดอื่นๆ ในญี่ปุ่น ที่บรรยากาศจะมีชีวิตชีวาขึ้นมาจากหมู่มวลดอกซากุระสีชมพูอ่อนๆ นอกจากนี้ โทชิกิ ยังขึ้นชื่อเรื่องดอกวิสทีเรียที่แต่งแต้มทิวทัศน์ในจังหวัดให้กลายเป็นสีม่วงอ่อนดูเย็นตาสบายใจอีกด้วย สถานีคิตะโมโอกะ ถ้าใครอยากได้ภาพดอกซากุระของญี่ปุ่นแบบไม่ซ้ำใคร แนะนำให้ไปที่ สถานีคิตะโมโอกะ (Kito-Mo-Oka Station) ในเมือง โมโอกะ (Mo-Oka) ใกล้ๆ สถานีจะมีทางเดินที่มีต้นซากุระเรียงรายสวยงามเป็นทางยาว แล้วก็ใช่ว่าที่นี่จะมีดีแค่ความสวยงามเท่านั้น แต่ช่วงสุดสัปดาห์และวันหยุดต่างๆ สถานีรถไฟโมโอกะยังจะนำรถจักรไอน้ำออกมาวิ่งตรงนั้นอีกด้วย ซึ่งจะมีเหล่าช่างภาพและนักท่องเที่ยวมายืนเรียงรายรอเก็บภาพรถไฟที่แล่นฉึกฉักผ่านด้านหน้าดงต้นซากุระ เพราะฉะนั้นหากได้แวะไปเที่ยวตรงนั้นก็อย่าลืมเตรียมกล้องให้พร้อม คอยฟังเสียงหวูดรถไฟที่จะวิ่งผ่านมาดีๆ ละ สวนดอกไม้อาชิคางะ ถ้าจะพูดถึงสถานที่ที่เหมาะแก่การชมดอกวิสทีเรียใน โทชิกิ ก็ต้องยกให้ สวนดอกไม้อาชิคางะ (Ashikaga Flower Park) สวนดอกไม้แห่งนี้จัดแสดงดอกไม้ตามฤดูกาล แต่ที่โด่งดังและขึ้นชื่อมากที่สุดก็คือเทศกาลดอกวิสทีเรีย ประจำฤดูใบไม้ผลิ ซึ่งเราจะได้เห็นดอกวิสทีเรียหลากเฉดสีมากกว่า 350 ต้น มีทั้งดอกสีม่วง ชมพู น้ำเงิน ขาว และเหลือง แลนด์มาร์คห้ามพลาดประจำ สวนดอกไม้อาชิคางะ ก็คืออุโมงค์ดอกวิสทีเรียที่กินพื้นที่ถึง 87 หลา เปิดให้นักท่องเที่ยวเดินลอดผ่านเก็บภาพกันได้อย่างจุใจ นอกจากนี้ยังมีต้นวิสทีเรียเก่าแก่อายุราวร้อยปี ตั้งตระหง่านอยู่กลางสวนด้วย ดอกวิสทีเรียที่จังหวัด โทชิกิ มักบานช่วงต้นเดือนพฤษภาคม เวลาเปิดบริการ: สวนดอกไม้อาชิคางะ เปิดทุกวันตั้งแต่ 9.00 - 18.00 น. สำหรับฤดูร้อน (เดือนมี.ค. - ต.ค.) ส่วนช่วงฤดูหนาว (เดือนพ.ย. - ก.พ.) เปิด 10.00 - 17.00 น. ค่าบริการ: ค่าตั๋วเข้าชมสำหรับผู้ใหญ่เริ่มต้นที่ 400 เยน (ประมาณ 115 บาท) ถึง 1,900 เยน (ประมาณ 540 บาท) ส่วนตั๋วเด็กเริ่มต้นที่ 200 เยน (ประมาณ 60 บาท) ถึง 900 เยน (ประมาณ 255 บาท) ขึ้นอยู่กับฤดูกาลและดอกไม้ที่จัดแสดง ค้นหาและจองที่พักในโทชิกิได้เลย  เที่ยวโทชิกิ | ที่เที่ยวประจำฤดูร้อน ฤดูร้อนคืออีกช่วงเวลาที่เหมาะแก่การออกมาเที่ยวและตะลุยจังหวัด โทชิกิ หน้าร้อนของที่นี่จะเริ่มตั้งแต่ปลายเดือนมิถุนายนยาวไปจนถึงเดือนกันยายน อุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ราวๆ 26 องศาเซลเซียส...
อ่านเพิ่มเติม
จังหวัดมิยาซากิ คือแหล่งรวมของอร่อยประจำท้องถิ่น ซึ่งสร้างความภาคภูมิใจให้คนในจังหวัดอย่างยิ่ง ใครไปเที่ยวที่นี่ควรได้ลองเมนูอาหารที่ใช้วัตถุดิบท้องถิ่น ซึ่งรวมถึงเนื้อวากิวคุณภาพเยี่ยม และราเมงสูตรเด็ดที่เป็นซิกเนเจอร์ของจังหวัด อาหารประจำจังหวัด มิยาซากิ นั้นแตกต่างจากอาหารในจังหวัดอื่นๆ ของญี่ปุ่น ซึ่งใครได้ลองแล้วก็มักจะติดใจ อยากจัดทริปกินที่ มิยาซากิ ซ้ำอีกบ่อยๆ เมนูเด็ดห้ามพลาดในมิยาซากิ | เนื้อมิยาซากิ เหตุผลหนึ่งที่หลายคนปักหมุดไปเที่ยว มิยาซากิ ก็เพื่อไปชิมเนื้อมิยาซากิอันโด่งดังนั่นเอง เนื้อมิยาซากิเป็นเนื้อคุณภาพสูงที่ได้รับรางวัล Prime Minister's Prize ถึงสามปีซ้อนในการแข่งขันเนื้อวากิวระดับชาติ การแข่งขันนี้มีขึ้นทุก 5 ปี จนมีชื่อเล่นที่คนชอบเรียกกันว่าการแข่งขันโอลิมปิกเนื้อวากิว! เนื้อที่ได้เข้าประกวดในรายการนี้จะมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วประเทศในฐานะเนื้อระดับท็อปที่มีคุณภาพเยี่ยมสุดๆ เนื้อมิยาซากิได้รับเกียรตินี้ร่วมกับคู่แข่งซึ่งโด่งดังระดับโลกอีกเพียงไม่กี่รายเท่านั้น นั่นคือเนื้อโกเบและเนื้อมัตสึซากะ สายกินทั้งหลายลองไปชิมเนื้อมิยาซากิในหลากหลายเมนูได้เลย ไม่ว่าจะเป็นสเต็กหรือปิ้งย่างยากินิขุ ทั่วทั้งจังหวัดมีหลายร้านที่ราคาเข้าถึงได้ รวมทั้งยังมีร้านบุฟเฟต์ให้อิ่มอร่อยกับเนื้อมิยาซากิได้ไม่อั้นอีกด้วย ค้นหาที่พักใกล้ร้านอาหารในมิยาซากิ  อาหารจานเด็ดห้ามพลาดในมิยาซากิ | ไก่เลี้ยงแบบปล่อยแห่งมิยาซากิ ไก่ที่เลี้ยงแบบปล่อยธรรมชาติของ มิยาซากิ มีชื่อเรียกว่า "มิยาซากิ จิโดริ" (Miyazaki Jidori) ซึ่งสามารถนำมาทำเป็นอาหารได้หลายแบบ ทั้งย่าง ทอด หรือแม้แต่กินดิบ! อย่างไรก็ตาม วิธีที่คนนิยมกันมากที่สุดก็คือการย่างถ่าน ไก่จิโดริย่างถ่านถือเป็นเมนูซิกเนเนอร์ของจังหวัดมิยาซากิเลยทีเดียว เนื้อนุ่มของไก่กับกลิ่นหอมจางๆ ของควันให้ความฟินสุดๆ เมนูนี้มีให้กินในร้านอาหารแบบเชนมากมาย แต่สำหรับสายกินที่แท้ทรู ขอแนะนำให้ไปร้านอาหารท้องถิ่นที่มีไก่จิโดริเป็นเมนูจานเด็ดดู ค้นหาที่พักใกล้ร้านอาหารในมิยาซากิ  เมนูเด็ดห้ามพลาดในมิยาซากิ | ราเมงเผ็ดร้อน "คาราเมง" คาราเมง (Karamen) มีน้ำซุปรสเผ็ดจัดจ้านและถือเป็นเมนูเด็ดอีกอย่างของ มิยาซากิ ซึ่งบอกได้เลยว่าอร่อยจนหยุดไม่ได้ ราเมงในน้ำซุปใส่กระเทียมและพริกคือเมนูท้องถิ่นขึ้นชื่อของ มิยาซากิ โดยร้านอาหารต่างๆ ล้วนออกแบบผสมผสานรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง แต่ทั้งหมดจะมีส่วนประกอบหลักคือ กระเทียม ต้นหอม เนื้อสับ พริก ซีอิ้ว และไข่ คนมักนิยมกินคาราเมงเป็นมื้อดึกหลังการท่องเที่ยวยามราตรี ร้านส่วนใหญ่จะให้เลือกระดับความเผ็ดและเส้นราเมงที่ต้องการได้ ซึ่งเส้นที่คนนิยมกันก็คือเส้นที่ทำจากแป้งบัควีทแต่มีความหนึบๆ คล้ายบุก (คอนยัคคุ) อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าคาราเมงจะเสิร์ฟด้วยเส้นอะไรก็อร่อยชัวร์ กินแล้วอาจติดใจจนต้องขอเบิ้ลอีกชาม! ค้นหาที่พักใกล้ร้านอาหารในมิยาซากิ  ค้นหาโรงแรมและรีสอร์ตในมิยาซากิ Green Rich Hotel Miyazaki Dormy Inn Miyazaki Natural Hot Spring JR Kyushu Hotel Miyazaki    
อ่านเพิ่มเติม
มิยาซากิ เป็นจังหวัดที่ขึ้นชื่อเรื่องบรรยากาศของเมืองอันเก่าแก่ราวกับได้ย้อนเวลาไปยังเรื่องเล่าในอดีต แถมยังมีวัฒนธรรมและประเพณีอันโดดเด่นที่ถ่ายทอดต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่น หากใครได้มาเที่ยวที่ มิยาซากิ เราขอแนะนำให้เช่าชุดกิโมโนแล้วนั่งรถลากแบบดั้งเดิมชมเมือง รับรองว่าได้รูปสวยๆ เก็บไว้โพสต์เพียบ ค้นหาที่เที่ยวน่าสนใจอื่นๆ ใน มิยาซากิ และ โอบิ มิยาซากิ | แต่งชุดกิโมโนเที่ยวศาลเจ้ามิยาซากิ ศาลเจ้ามิยาซากิ (Miyazaki Shrine) นั้นเป็นที่รู้จักในฐานะจุดกำเนิดของตำนานเทพเจ้าญี่ปุ่น และยังเป็นที่ประทับของจักรพรรดิจิมมุซึ่งเป็นจักรพรรดิองค์แรกของญี่ปุ่นอีกด้วย ภายในอาคารหลักของศาลเจ้าจะมีพิธีกรรมสำคัญต่างๆ เช่น การเต้นระบำริวเตกิ ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถชมได้อย่างใกล้ชิด โดยในพิธีกรรมนี้มิโกะที่ได้รับคัดเลือกจะสวมเครื่องแบบของศาลเจ้าและเต้นรำประกอบเสียงดนตรีจากขลุ่ยริวเตกิเพื่ออุทิศแก่เทพเจ้า ซึ่งว่ากันว่าเสียงของขลุ่ยริวเตกินั้นเหมือนกับมังกรที่กำลังทะยานขึ้นฟ้า ถ้าอยากสัมผัสวัฒนธรรมดั้งเดิมของญี่ปุ่นใน มิยาซากิ แบบเต็มอิ่ม เราขอแนะนำให้เช่าชุดกิโมโนสักชุดแล้วลองใส่เที่ยวรอบๆ ศาลเจ้าแห่งนี้ รับรองว่าอินและฟินสุดๆ ค้นหาเรียวกังและที่พักในมิยาซากิ  มิยาซากิ | นั่งรถลากทัวร์ชมซากปราสาทโอบิ นักท่องเที่ยวสามารถเช่ารถลากแล้วนั่งไปรอบๆ ซากปราสาทโอบิ (Obi Castle Ruins) โดยเริ่มต้นจากประตูปราสาท แล้วนั่งต่อไปเรื่อยๆ เลียบ ถนนโยโกะบาบะ (Yokobaba Street) ที่มีบ้านซามูไรแบบดั้งเดิมตั้งอยู่มากมาย นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวยังสามารถนั่งรถลากชมรอบๆ เมืองโอบิ (Obi) เพื่อสัมผัสเสน่ห์และวัฒนธรรมของเมืองอันเก่าแก่แห่งนี้ได้อีกด้วย ขอบอกเลยว่าแค่ได้นั่งรถลากก็เหมือนได้ย้อนเวลากลับไปในยุคก่อนเลยล่ะ ค้นหาเรียวกังและที่พักในมิยาซากิ  ค้นหาโรงแรมและรีสอร์ตในโอบิ Nazuna Obi Onsen Resort Kanpo no Yado Nichinan Nichinankaigan Nango Prince Hotel    
อ่านเพิ่มเติม
จังหวัดมิยาซากิ เป็นจังหวัดที่มีบรรยากาศและสภาพอากาศอันอบอุ่น ที่นี่มีชายฝั่งทะเลอันสวยงามและที่เที่ยวห้ามพลาดมากมาย แถมยังมีประวัติความเป็นมาที่น่าค้นหา และมีวัฒนธรรมที่โดดเด่น ที่เที่ยวเด่นๆ ของ มิยาซากิ นั้นมีทั้งที่เที่ยวบนเกาะ หุบเขาน้ำตกตระการตา และเนินสุสานไซโตบารุที่มีดอกไม้บานสะพรั่งให้ชมตลอดปี เกาะอาโอชิมะ (Aoshima Island) อาโอชิมะ เป็นเกาะขนาดเล็กที่มีพืชพันธุ์เขตร้อนมากมาย เช่น ต้นปาล์มจีน แถมยังมีโขดหินรูปร่างแปลกตาที่เรียงตัวกันเป็นรูปทรงคล้ายคลื่นซึ่งชาวญี่ปุ่นเรียกกันว่า "กระดานซักผ้าของยักษ์" (Devil's Washboard) นอกจากนี้ยังมี ศาลเจ้าอาโอชิมะ (Aoshima Shrine) ที่ตั้งอยู่ใจกลางเกาะแห่งนี้ ศาลเจ้านี้เป็นศาลเจ้าชินโตที่สร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้แก่เทพเจ้าฮิโกโฮะ โฮเดมิ-โนะ-มิโกโตะ (Hikohohodemi-no-mikoto) หรืออีกชื่อหนึ่งคือ ยามาซาชิ-ฮิโคะ (Yamasachi-hiko) และเทพโทโยทามะ-ฮิเมะ (Toyotama-hime) ซึ่งเป็นสามีภรรยากัน โดยเทพทั้ง 2 องค์นั้นเป็นเทพเจ้าแห่งความรักและความสัมพันธ์ ค้นหาที่พักใกล้ที่เที่ยวในมิยาซากิ  หุบเขาทาคาชิโฮะ (Takachiho Gorge) หุบเขาทาคาชิโฮะ เกิดจากการกัดเซาะหน้าผาของลาวาหินภูเขาไฟที่ไหลอย่างรุนแรงและรวดเร็วจาก ภูเขาไฟอาโสะ (Mount Aso) ทำให้เกิดความสวยงามตามธรรมชาติจนได้รับการกำหนดให้เป็นจุดชมวิวแห่งชาติและอนุสรณ์สถานทางธรรมชาติอีกด้วย นอกจากนี้ที่นี่ยังมี น้ำตกมานาอิ (Manai Falls) ที่ไหลมาจากจุดสูงสุดของหุบเขาซึ่งมีความสูงกว่า 100 เมตรลงสู่แม่น้ำในบริเวณใกล้เคียง ซึ่งความสวยงามตระการตาของน้ำตกแห่งนี้ทำให้น้ำตกมานาอิเป็นหนึ่งใน 100 น้ำตกที่ดีที่สุดของญี่ปุ่น หากจะมาเที่ยวชมธรรมชาติอันสวยงามที่ หุบเขาทาคาชิโฮะ ก็มาได้เลยตลอดทั้งปี ช่วงฤดูใบไม้ผลิไปจนถึงช่วงต้นฤดูร้อน ที่หุบเขาแห่งนี้จะประดับประดาไปด้วยดอกซากุระ กุหลาบพันปี และดอกวิสทีเรีย ส่วนช่วงฤดูใบไม้ร่วงก็มีใบไม้เปลี่ยนสีให้ได้ชื่นชมมากมาย หากอยากชมภาพหุบเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะก็มาเที่ยวช่วงฤดูหนาวได้เลย ที่บริเวณใกล้ๆ หุบเขายังมี ศาลเจ้าทาคาชิโฮะ (Takachiho Shrine) ไฮไลต์ของศาลเจ้าแห่งนี้ก็คือการแสดงคากุระยามค่ำคืน (Night Kagura) ซึ่งเป็นมหกรรมแห่งการเล่นและการเล่าเรื่องราวตำนานเทพเจ้าอันโด่งดังของญี่ปุ่น การแสดงนี้ก็มีให้ชมได้เรื่อยๆ เลยตลอดทั้งปี ค้นหาที่พักใกล้ที่เที่ยวในมิยาซากิ  เนินสุสานไซโตบารุ (Saitobaru Burial Mounds) เนินสุสานไซโตบารุ เป็นที่เที่ยวห้ามพลาดอีกแห่งหนึ่งใน จังหวัดมิยาซากิ ที่นี่มีดอกไม้นานาพันธุ์ให้ชมตลอดปี โดยเฉพาะช่วงปลายเดือนมีนาคมถึงต้นเดือนเมษายนที่ต้นซากุระกว่า 2,000 ต้น และดอกคาโนล่ากว่า 300,000 ดอกจะบานสะพรั่งให้ได้ยลโฉมกันทั่วทั้งพื้นที่ นักท่องเที่ยวจะได้พบกับสีสันอันสวยงามของดอกซากุระที่ตัดกันกับสีเหลืองอันสดใสของดอกคาโนล่า ชวนให้บรรยากาศดูสดชื่นและผ่อนคลายสุดๆ นอกจากนี้ยังมีดอกคอมมอสเรียงรายให้ชื่นชมในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีอีกด้วย ขอบอกเลยว่าห้ามพลาด ค้นหาที่พักใกล้ที่เที่ยวในมิยาซากิ  จองโรงแรมและเรียวกังในมิยาซากิ Hotel Areaone Miyazaki APA Hotel Miyazakieki Tachibana-Dori Airline Hotel    
อ่านเพิ่มเติม
จังหวัดมิยาซากิ มีภูมิอากาศอบอุ่น เหมาะกับการเล่นกีฬาและทำกิจกรรมผ่อนคลายกลางแจ้งต่างๆ โดยมีสถานที่และสิ่งอำนวยความสะดวกให้บริการครบครัน ท่ามกลางธรรมชาติที่งดงามสดชื่น มิยาซากิ จึงตอบโจทย์นักเดินทางที่อยากท่องเที่ยวและเล่นกีฬาที่ชอบไปด้วยพร้อมๆ กัน กอล์ฟ | เล่นกอล์ฟ 18 หลุม พร้อมเยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียง มิยาซากิ มีอากาศเย็นสบาย ไม่ร้อนไม่หนาว จึงสามารถเล่นกอล์ฟได้ตลอดทั้งปี ใครที่รักกีฬากลางแจ้งเช่นกอล์ฟจึงมาวาดวงสวิงบนสนามกอล์ฟที่สวยงามมีหญ้าเขียวชอุ่มได้แม้แต่ในฤดูหนาว การตีกอล์ฟใน มิยาซากิ ถือเป็นไฮไลท์หนึ่งที่ไม่ควรพลาด ทั่วทั้งจังหวัดมีสนามกอล์ฟให้เลือกมากมาย ซึ่งทั้งหมดอยู่ใกล้กับสถานที่ท่องเที่ยว กิจกรรมพักผ่อนหย่อนใจต่างๆ รวมถึงร้านอาหารญี่ปุ่นรสเลิศประจำเกาะคิวชู ค้นหาโรงแรม รีสอร์ตใกล้สถานที่เล่นกีฬาในมิยาซากิ  จักรยาน | ปั่นจักรยานริมทะเลในเมืองนิชินัน (Nichinan) จังหวัดมิยาซากิ มีเส้นทางปั่นจักรยานมากมายสำหรับมือใหม่หัดปั่นไปจนถึงนักปั่นน่องเหล็กผู้ช่ำชอง เช่น เส้นทางปั่นจักรยานเมือง นิชินัน คือ เส้นทางปั่นเลียบชายฝั่งซึ่งนักปั่นสามารถชมวิวทะเลสวยๆ ไปได้พร้อมๆ กัน รูปภาพจาก: Kushima Cycling Association   ค้นหาโรงแรม รีสอร์ตใกล้สถานที่เล่นกีฬาในมิยาซากิ  สกี | เล่นสกีบนเนินเขาแห่งเมืองโกคาเสะ (Gokase) แม้ว่า มิยาซากิ จะเป็นจังหวัดที่คนมองว่ามีอากาศอบอุ่น แต่ที่นี่ก็มีสกีรีสอร์ทชื่อดังอยู่ในเมือง โกคาเสะ Gokase Highland Ski Resort ตั้งอยู่บนเนินสกีทางใต้สุดของญี่ปุ่น มีคอร์สเล่นสกีสำหรับครอบครัว มือใหม่พัดเล่น และมืออาชีพ รีสอร์ทยังมีชุดและอุปกรณ์สำหรับเล่นสกีและสโนว์บอร์ดให้เช่า นักท่องเที่ยวจึงสามารถเดินทางไปเล่นสกีและดื่มด่ำกับทิวเขาอันงดงามแห่ง จังหวัดมิยาซากิ ได้อย่างสบายใจไร้กังวล ค้นหาโรงแรม รีสอร์ตใกล้สถานที่เล่นกีฬาในมิยาซากิ  โรงแรมและเรียวกังแนะนำในมิยาซากิ Aoshima Grand Hotel K's Street Hotel Miyazaki Miyazaki Kanko Hotel    
อ่านเพิ่มเติม
การเที่ยวธรรมชาติใน มิยาซากิ จะพาเราไปเป็นส่วนหนึ่งของผืนป่าเขียวขจีซึ่งองค์การยูเนสโกรับรองให้เป็นอุทยานการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ อุทยานต่างๆ ใน จังหวัดมิยาซากิ ขึ้นชื่อว่ามีความงดงามตลอดทั้งปี โดยในแต่ละฤดูกาลก็ให้ความสวยงามที่แตกต่างกันไป ใครที่อยากพักกายมาสูดอากาศบริสุทธิ์และอิ่มเอมไปกับวิวธรรมชาติอันงดงามราวกับหลุดมาจากเทพนิยายต้องลองเดินทางมาที่นี่สักครั้ง เที่ยวธรรมชาติในมิยาซากิ | อุทยาน UNESCO Eco Park (ภูเขาโอกุเอะ เมืองอายะ) เมือง อายะ (Aya) ซึ่งตั้งอยู่ใจกลาง จังหวัดมิยาซากิ มีพื้นที่ป่าที่ใหญ่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่น โดยสวรรค์สีเขียวชอุ่มบน ภูเขาโอกุเอะ (Mt. Okue) ยังเป็นอุทยานการท่องเที่ยวเชิงนิเวศที่ได้รับการรับรองโดยองค์การยูเนสโกอีกด้วย หลบหนีความวุ่นวายมาพักกายผ่อนใจท่ามกลางธรรมชาติแห่งนี้ได้เลย ที่อุทยาน UNESCO Eco Park ยังมีสะพานแขวนขนาดใหญ่ให้เดินข้ามและชมวิวสุดตระการตาอีกด้วย ค้นหารีสอร์ทสำหรับทริปสุดสัปดาห์ในมิยาซากิ  เที่ยวธรรมชาติในมิยาซากิ | เส้นทางเดินเขา ที่ราบสูงเอบิโนะ ที่ราบสูงเอบิโนะ (Ebino Plateau) ใน จังหวัดมิยาซากิ คือ ขุมทรัพย์แห่งความหลากหลายทางธรรมชาติ ที่ราบสูงเอบิโนะ ได้รับการคัดเลือกให้เป็นหนึ่งในอุทยานแห่งชาติที่ดีที่สุดของญี่ปุ่น และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมอันดับหนึ่งในภูมิภาคนี้อีกด้วย ที่ราบสูงอันงดงามแห่งนี้ยังมีทะเลสาบปล่องภูเขาไฟ ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถเดินชมความงดงามของแอ่งภูเขาได้ อย่าลืมแวะศูนย์นักท่องเที่ยว Ebino Eco-Museum Center สำหรับข้อมูลเกี่ยวกับเส้นทางเดินเขาก่อนจะออกไปสำรวจ ที่ราบสูงเอบิโนะ แห่งนี้ ค้นหารีสอร์ทสำหรับทริปสุดสัปดาห์ในมิยาซากิ  โรงแรมและเรียวกังแนะนำในมิยาซากิ Luxze Hitotsuba Cottage Himuka Hotel Sky Tower Miyazaki Ekimae ANA Holiday Inn Resort Miyazaki    
อ่านเพิ่มเติม
หมายเหตุ: บทความนี้แปลโดยเครื่องมือแปลของ Google ของญี่ปุ่น จังหวัดนารา เป็นภูมิภาคที่เต็มไปด้วยวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์และชนบทจะสวยงามเป็นพิเศษในฤดูใบไม้ร่วง สำรวจใบไม้เปลี่ยนสีในสถานที่ต่างๆ เช่น ศาลเจ้าแทนซาน และในภูเขาโดยรอบ หมู่บ้านเทนคาวะ สามารถทำได้โดยรถไฟ แต่การเช่ารถเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการชมนาราแบบสบาย ๆ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการเดินทางในนาราสี่วันสามคืนสถานที่ท่องเที่ยวเหล่านี้มีธรรมชาติมากมายตลอดทั้งปีและทิวทัศน์ฤดูใบไม้ร่วงที่สวยงามในแต่ละฤดูใบไม้ร่วง เคล็ดลับการเดินทางของอโกด้า : การเช่ารถเป็นตัวเลือกที่ดีเมื่อต้องเดินทางแบบไปเช้าเย็นกลับจากใจกลางเมืองขนาดใหญ่และจะทำให้ง่ายต่อการเดินทาง ในการเช่ารถในญี่ปุ่นคุณต้องมีอายุอย่างน้อย 18 ปีและมีใบขับขี่สากล มี บริษัท หลายแห่งที่ให้บริการรถเช่าในญี่ปุ่น ได้แก่ Nippon Rent-A-Car, TOYOTA Rent a Car และ Nissan Rent a Car โดยทั่วไปค่าธรรมเนียมอยู่ระหว่าง 6,000 ถึง 15,000 เยนตลอด 24 ชั่วโมงขึ้นอยู่กับขนาดของรถ วันที่ 1 การเดินทาง: สำรวจ Tenkawa สำหรับวันแรกของทริปนาราคุณจะต้องมุ่งหน้าไปในอดีต นารา เมืองทางตอนใต้ของจังหวัดไปยังพื้นที่ที่งดงามของ หมู่บ้านเทนคาวะ นี่คือทริปหนึ่งวันที่น่าอัศจรรย์ของนาราที่จะทำให้คุณได้เห็นความงามตามธรรมชาติของภูมิภาค หากต้องการไปทางตอนใต้ของนารานักท่องเที่ยวสามารถเช่ารถได้ที่ สถานียามาโตะ - ยางิ การนั่งรถไฟ 1 ชั่วโมงจากโอซาก้าหรือเกียวโตก็เป็นความคิดที่ดี  [caption id="attachment_279389" align="aligncenter" width="1024"] ©奈良市観光協会, สงวนลิขสิทธิ์[/caption] วันที่ 1 ตอนเช้า: หมู่บ้านเทนคาวะ ตั้งอยู่ใน อำเภอโยชิโนะ หมู่บ้านเทนคาวะ เป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่มีประชากรกว่า 1,300 คน เรียกได้ว่าเป็นสถานที่แห่งพลังทางจิตวิญญาณ ในความเป็นจริง "Tenkawa" ซึ่งเป็นชื่อของหมู่บ้านเช่นเดียวกับแม่น้ำที่ไหลผ่านแปลว่า "แม่น้ำแห่งสวรรค์" ผู้คนจำนวนมากเดินทางไปแสวงบุญในพื้นที่และยังเป็นสถานที่ยอดนิยมสำหรับการเดินป่า ตามเส้นทางที่ได้รับการดูแลอย่างดีตลอดแนว แม่น้ำเทนคาวะ ขณะที่ลมพัดผ่าน Mitarai Valley เพื่อถ่ายภาพทิวทัศน์โดยรอบ คุณจะพบน้ำตกที่สวยงามและร้านค้าเล็ก ๆ มากมายตลอดทางที่ขายของที่ระลึกและสินค้าต่างๆ หนึ่งในสถานที่สำคัญที่สุดในหมู่บ้านคือ ศาลเจ้า Tenkawa Daibenzaiten ศาลเจ้าสร้างขึ้นในราวศตวรรษที่ 7 เพื่ออุทิศให้กับเทพธิดา Benzaiten เทพแห่งน้ำและสิ่งอื่น ๆ ที่ไหลเวียนรวมถึงเวลาคำพูดดนตรีความรู้และภูมิปัญญา เป็นหนึ่งในสามของศาลเจ้าที่ใหญ่ที่สุดในประเทศที่อุทิศให้กับ Benzaiten จักรพรรดิและบุคคลสำคัญของญี่ปุ่นมาเยี่ยมเยียนมากมายตลอดหลายศตวรรษที่ผ่านมาและถือได้ว่าเป็นสถานที่ที่มีอำนาจที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของพื้นที่ วันที่ 1 ช่วงบ่าย: ถ้ำหินปูน Tenkawa บนภูเขาเหนือเมืองใกล้เคียง โดโรกาว่า มีถ้ำหินปูนมหัศจรรย์สองแห่งที่คุณต้องไปเยี่ยมชมเมื่ออยู่ที่นี่ ถ้ำชื่อ Menfudo และ โกโยมัตสึ ต่างก็เป็นที่ตั้งของหินงอกหินย้อยและหินงอกหินย้อยที่ประดับประดาด้วยแสงไฟหลากสี ภายในถ้ำอาจลื่นได้เล็กน้อยดังนั้นควรสวมรองเท้าที่เหมาะสม แต่ละถ้ำยังมีหอดูดาวที่ทางเข้าซึ่งสามารถมองเห็นทิวทัศน์กว้างไกลของบริเวณโดยรอบและเป็นโอกาสในการถ่ายภาพที่ยอดเยี่ยม ในขณะที่คุณสามารถปีนขึ้นไปที่ทางเข้าของถ้ำทั้งสองได้ขอแนะนำให้คุณประหยัดเวลาและพลังงานด้วยการนั่งรถรางเดี่ยวที่ให้มาแทน มีรถไฟฟ้ารางเดี่ยวสองสายที่แตกต่างกันไปยังแต่ละถ้ำ รถไฟฟ้ารางเดี่ยวถึง ถ้ำหินปูน Menfudo ถูกสร้างขึ้นในรูปทรงที่สนุกสนานของท่อนไม้ในขณะที่โมโนเรลขึ้นไป ถ้ำหินปูนโกโยมัตสึ เปิดกว้างในการออกแบบมากขึ้น ทั้งสองลมผ่านป่าและขึ้นไปตามไหล่เขาทำให้การเดินทางไปถ้ำเป็นความสนุกครึ่งหนึ่งของประสบการณ์ทั้งหมด วันที่ 1 ตอนเย็น: น้ำพุร้อนโดโรกาวะ เมื่อคุณเสร็จสิ้นการผจญภัยในถ้ำที่กล้าหาญของคุณแล้วให้มุ่งหน้ากลับลงไปพักผ่อนในค่ำคืนที่ บ่อน้ำพุร้อนโดโรกาวะ และเพื่อนบ้าน โดโรกาวะสปา ผ่อนคลายกล้ามเนื้อของคุณหลังจากสำรวจมาทั้งวันในบ่อน้ำพุร้อนอ่อน ๆ หลังจากแช่น้ำเพื่อความผ่อนคลายแล้วออกไปสำรวจเมือง โดโรกาว่า . นี่เป็นพื้นที่ที่แปลกตาและน่ารักใน เท็นกะวะ ด้วยร้านอาหารโรงแรมและร้านขายของที่ระลึกมากมายที่คุณสามารถเลือกซื้อเครื่องประดับเล็ก ๆ น้อย ๆ...
อ่านเพิ่มเติม
หมายเหตุ: บทความนี้แปลโดยเครื่องมือแปลของ Google วัดเรียวอันจิ เป็นวัดที่สวยงามทางตะวันตกเฉียงเหนือของ เกียวโต ซึ่งเป็นที่ตั้งของสวนหินเซนที่มีชื่อเสียงที่สุดในประเทศ มันเป็นของโรงเรียน Myoshinji ของสาขารินไซของพุทธศาสนานิกายเซน คอมเพล็กซ์ทั้งหมดได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นทั้งมรดกโลกและเป็นหนึ่งในอนุสรณ์สถานทางประวัติศาสตร์ของเกียวโตโบราณ วัด Ryoanji เป็นสถานที่สำคัญที่คุณไม่ควรพลาดในการเที่ยวชมเมืองเนื่องจากเป็นที่แพร่หลายในประวัติศาสตร์และยังคงเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมที่สำคัญมาจนถึงทุกวันนี้ สามารถเข้าถึงได้ง่ายโดยรถไฟหรือรถบัสและล้อมรอบด้วยสถานที่สำคัญอื่น ๆ เช่นกัน ประวัติวัด Ryoanji เว็บไซต์ที่ วัด Ryoanji ตั้งอยู่ในวันนี้ย้อนกลับไปในศตวรรษที่ 11 เมื่อทำหน้าที่เป็นมรดกของตระกูล Fujiwara วัดแห่งนี้ก่อตั้งขึ้นในปี 1450 โดยรองผู้มีอำนาจชื่อ Hosokawa Katsumoto วัดดั้งเดิมถูกทำลายด้วยไฟเพียงสองทศวรรษต่อมา แต่ถูกสร้างขึ้นใหม่ในปี 1488 โดย Hosokawa Matsumoto ลูกชายของ Katsumoto แหล่งที่มาของความขัดแย้งเกี่ยวกับเมื่อสวนวัดถูกสร้างขึ้น บางคนแนะนำให้ก่อสร้างวันที่ใกล้ถึงจุดสิ้นสุดของศตวรรษที่ 15 และอื่น ๆ วันที่ในช่วงศตวรรษที่ 16 หรือแม้กระทั่งศตวรรษที่ 17 ไฟอีกครั้งในปีพ. ศ. 2340 ทำลายวิหารและสวนและทั้งสองถูกสร้างขึ้นใหม่ด้วยกันในตอนท้ายของศตวรรษที่ 18 Ryoanji วัดสวนหิน ไฮไลท์หลักของ วัดเรียวอันจิ คือสวนหินที่มีชื่อเสียง มีลานชมวิวตั้งอยู่บนเฉลียงของ Hojo ซึ่งเป็นที่พำนักเดิมของนักบวชหลักของวัด สวนครอบคลุมพื้นที่สี่เหลี่ยมจัตุรัส 248 ตารางเมตร (2,670 ตารางฟุต) มันเต็มไปด้วยกรวดสีขาวที่พระสงฆ์ raked ในแต่ละวันออกจากรูปแบบเชิงเส้น นอกจากนี้ยังมีหินขนาดใหญ่ปกคลุมไปด้วยมอส 15 ชนิดทั่วสวนแบ่งออกเป็นห้ากลุ่ม พื้นที่ถูกล้อมรอบด้วยกำแพงดินน้ำมันสูงหกฟุตซึ่งช่วยเพิ่มความสวยงามให้ไกลยิ่งขึ้น แม้ว่าสวนจะเอียงเล็กน้อยเพื่อให้มีการระบายน้ำที่เหมาะสม ผนังด้านตะวันตกนั้นเอียงในลักษณะที่ทำให้สวนมีความรู้สึกที่ลึกยิ่งขึ้น แง่มุมที่น่าสนใจอีกประการของการออกแบบของวัดคือมีเพียง 14 ก้อนหินที่มองเห็นได้จากทุกมุมมอง ประเพณีถือว่าคุณสามารถเห็นหินทั้ง 15 ก้อนในเวลาเดียวกันหลังจากบรรลุการตรัสรู้ ไม่มีใครรู้ว่าใครเป็นคนออกแบบสวนและความหมายของการออกแบบก็เป็นประเด็นที่ถกเถียงกันอยู่เช่นกัน บางคนเห็นก้อนหินขนาดใหญ่เป็นตัวแทนของเสือที่นำลูกของเธอข้ามลำธาร; คนอื่นเสนอว่าสวนเป็นภาพของยอดเขาที่โผล่ขึ้นมาผ่านชั้นของเมฆ หลายคนคิดว่าความตั้งใจดั้งเดิมนั้นเป็นเพียงการปล่อยให้จินตนาการของผู้ชมเป็นอิสระในการสร้างการตีความของตัวเอง บริเวณวัด Ryoanji หลังจากชมสวนแล้วขอแนะนำให้คุณเดินเล่นรอบ ๆ บริเวณ วัด Ryoanji ที่เหลือ บริเวณโดยรอบมีความสวยงามเป็นพิเศษในช่วงฤดูดอกซากุระ แต่น่ารักน่าเที่ยวทุกปี ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณแวะที่สวนอันกว้างขวางซึ่งตั้งอยู่ทางด้านซ้ายของทางเข้าวัด ที่นี่คุณสามารถเพลิดเพลินกับการเดินเล่นรอบสระน้ำที่สร้างขึ้นเมื่อสมัยที่เคยเป็นบ้านพักของตระกูลฟูจิวาระ มีแม้กระทั่งร้านอาหารชื่อ Ryoanji Yudofu Umegaean ที่คุณสามารถลองชิมเต้าหู้ต้ม เกียวโต บริเวณด้านหลังของวัดมีอ่างน้ำหินที่มีชื่อเสียงซึ่งมีน้ำไหลอย่างต่อเนื่องเพื่อชำระให้บริสุทธิ์ ความสูงต่ำของอ่างต้องให้ผู้ใช้งอลงเพื่อใช้งานซึ่งถูกมองว่าเป็นสัญลักษณ์ของความอ่อนน้อมถ่อมตน นอกจากนี้ยังมีสัญลักษณ์คันจิสี่ตัวบนพื้นผิวของอ่างซึ่งเมื่ออ่านด้วยกันจะเตือนผู้อ่านเกี่ยวกับความสำคัญของความพึงพอใจ ชั่วโมงวัด Ryoanji และค่าธรรมเนียมเข้าชม เวลาเปิดทำการของ วัด Ryoanji ขึ้นอยู่กับฤดูกาล ตั้งแต่เดือนมีนาคมถึงพฤศจิกายนวัดเปิดตั้งแต่ 8.00 น. ถึง 17.00 น. ทุกวัน. ตั้งแต่เดือนธันวาคมถึงเดือนกุมภาพันธ์วัดเปิดตั้งแต่ 8:30 น. ถึง 16:30 น. ทุกวัน. ค่าเข้าชมวัดเพียง 500 เยนสำหรับผู้ใหญ่และ 300 เยนสำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปีซื้อตั๋วได้ที่วัด วัด Ryoanji เป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมดึงดูดผู้เข้าชมนับร้อยในแต่ละวัน หากคุณต้องการหลีกเลี่ยงฝูงชนก็ควรมาให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ในตอนเช้า เช็คอินที่ เกสต์เฮาส์ kyorakuya kinkakuji ก้าวออกไป เกียวโต ค้นหาและจองโรงแรมใน KYOTO วันนี้ การเดินทางไปยังวัดเรียวอันจิ วิธีที่ง่ายที่สุดในการไป วัด...
อ่านเพิ่มเติม
หมายเหตุ: บทความนี้แปลโดยเครื่องมือแปลของ Google ไม่ว่าคุณกำลังมองหาอาหารอร่อย ๆ ที่จะทำให้คุณได้ลิ้มลองประวัติศาสตร์อันยาวนานหลายศตวรรษที่จะค้นพบหรือประสบการณ์ทางวัฒนธรรมทั่วไปที่จะทำให้คุณดื่มด่ำไม่ต้องมองหา ตลาดนิชิกิ ในตัวเมืองเกียวโต ฉายา "ครัวของ เกียวโต " โดยคนในท้องที่ถนนที่มีความยาว 400 เมตรนั้นเต็มไปด้วยแผงขายสินค้ากว่า 100 ร้านบางร้านขายอาหารทอดกรอบบางที่มีพื้นที่เล็ก ๆ สำหรับมื้ออาหารนั่งสบาย ๆ และร้านขายของชำจากปลาสด ผลผลิตที่ปลูก (อาจเกิดขึ้นโดยผู้ขายเอง) เวลาสถานที่และสิ่งที่คาดหวังที่ตลาดนิชิกิ ตลาดนิชิกิ ตั้งอยู่ในทำเลสะดวกใช้เวลาเดินเพียงห้านาทีจาก สถานีชิโจะ เปิดตั้งแต่ 9 โมงเช้าถึง 5 โมงครึ่ง วันจันทร์ถึงวันศุกร์และ 9:00 น. ถึง 16:30 น. ในวันเสาร์ทำให้เป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการหยุดพักกลางวันในขณะที่คุณกำลังเดินทาง อย่างไรก็ตามโปรดทราบว่าตลาดปิดทำการในวันอาทิตย์และผู้ขายบางรายอาจไม่ได้ถือเวลาทำการเดียวกันกับตลาด หากคุณตั้งใจที่จะเยี่ยมชมผู้ขายที่เฉพาะเจาะจงเราขอแนะนำให้ตรวจสอบเวลาของผู้จัดจำหน่ายก่อนการเยี่ยมชมของคุณ อาหารที่ตลาดนิชิกิ คุณจะพบกับผู้ค้าอาหารที่อุดมสมบูรณ์ที่ ตลาดนิชิกิ ตั้งแต่ร้านอาหารแบบนั่งลงไปจนถึงร้านขายของชำไปจนถึงการกัดอย่างรวดเร็วสำหรับการเดินทาง ไม่ว่าคุณจะกำลังมองหาส่วนผสมในท้องถิ่นที่น่าปรุงเพื่อปรุงอาหารของคุณเองประสบการณ์อาหารที่จัดเตรียมไว้อย่างสมบูรณ์หรือของว่างเล็ก ๆ เพื่อปรนเปรอความหิวโหยของคุณในระหว่างการสำรวจตลอดทั้งวัน ในความเป็นจริงผู้ขายจำนวนมากแจกตัวอย่างฟรีดังนั้นให้แน่ใจว่าคุณออกจากพื้นที่ในท้องของคุณเพื่อลิ้มรสการทดสอบตัวเลือกมากมาย Kyo Yasai Kanematsu หากผักที่ปลูกในท้องถิ่นเป็นสิ่งที่คุณชื่นชอบ Kyo Yasai Kanematsu เป็นสถานที่ที่ไม่ควรพลาดที่ ตลาดนิชิกิ ความภาคภูมิใจของการแสดงผักหลากหลายฤดูกาลต้อนรับคุณที่ร้านนี้ เนื่องจากผู้ขายรายนี้จัดหาแหล่งผลิตจากเขต เกียวโต เท่านั้นคุณอาจพบว่าราคาของพวกเขาสูงกว่าที่คุณพบในร้านขายของชำทั่วไป แต่เมื่อดูที่ผลิตบนจอแสดงผลจะเห็นได้ชัดว่าผลิตภัณฑ์เหล่านี้มีคุณภาพสูง ภาพที่สมบูรณ์แบบผักเหล่านี้กำลังรอที่จะหั่นบาง ๆ หั่นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าและคั่วในสูตรที่คุณชื่นชอบ หรือถ้าคุณอยู่ในอารมณ์ของการรับประทานอาหารที่นั่นและที่นั่นมีร้านอาหารนั่งลงเชื่อมต่อกับร้านค้า คิมูระปลาสด ญี่ปุ่นเป็นที่รู้จักกันในเรื่องของอาหารทะเลสดใหม่ดิบและแผงขายของที่เก่าแก่ที่สุดใน ตลาด Nishiki, Kimura Fresh Fish เป็นจุดหมายปลายทางสำหรับปลาสดที่ดีที่สุดที่คุณจะได้ลิ้มลองในชีวิต แผงขายอาหารแห่งนี้มีตัวเลือกในการยืนและกินอาหารที่เป็นไปได้ในพื้นที่นั่งเล็ก ๆ และตัวเลือกอาหารที่สั่งกลับบ้าน รายการโปรดที่แฟน ๆ ชื่นชอบเพื่อลองใช้กับผู้ขายรายนี้คือ: ซาชิมิ เสียบไม้ ปลาหมึก หอยนางรม หอย เม่นทะเล Shirako ทูน่า เนื้อหางเหลือง ponzu ตับ lionfish หอยนางรมที่ Watahan ในขณะที่เรากำลังพูดถึงปลาสด หอยนางรมที่ Watahan เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับอาหารทะเลทั้งแบบคลาสสิกและแปลกใหม่ รายการโปรดของแฟน ๆ ได้แก่ หอยนางรมปลาแซลมอนปูและปลาปักเป้า! แขกคนก่อน ๆ เล่าปลาปักเป้า (เรียกว่า fugu ในญี่ปุ่น) ว่าเป็นสิ่งแปลกใหม่โอชะให้ความรู้สึกแสบเล็กน้อยเพราะปลาปักเป้ามีบางสิ่งที่เรียกว่า tetrodotoxin พิษที่แข็งแกร่งกว่าไซยาไนด์ มีเพียงพ่อครัวที่มีประสบการณ์เท่านั้นที่เตรียมอาหารอันโอชะนี้เนื่องจากเป็นอาหารที่มีราคาสูง โดยรวมญี่ปุ่นกินฟูก 10,000 ตันต่อปีและมีคนน้อยมาก (สถิติบางคนบอกว่าเฉลี่ย 44 คน) ที่ป่วยหรือเสียชีวิตจากพิษฟูกูเป็นประจำทุกปี หากคุณยินดีที่จะเล่นราคาเหล่านั้น หอยนางรมที่ Watahan ก็เป็นที่ที่ควรไป Tanaka Keiran ทานากะเคอิราน กล่าวว่าเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการทานทามาโกะยากิของญี่ปุ่น Tamagoyaki (แปลตามตัวอักษรว่า "ไข่ดาว") เป็นไข่เจียวประเภทหนึ่งซึ่งมักจะเตรียมในถาดสี่เหลี่ยมที่เรียกว่า makiyakinabe หรือ tamagoyakiki มันทำโดยกลิ้งไข่หลายชั้นมารวมกันและสามารถเตรียมได้โดยใช้ส่วนผสมที่แตกต่างกันจำนวนมากซึ่งอาจส่งผลให้มีรสเค็มหวานหรือเผ็ดเผ็ดดังนั้นสิ่งที่คุณอยากอาหารจานนี้สามารถตอบสนอง ซุปที่จุดนี้ยังได้รับความคิดเห็นคลั่ง Kai หากคุณเคยได้ยินเกี่ยวกับอาหารอันโอชะที่ ตลาดนิชิกิ มาก่อนอาจเป็นไปได้ว่าทาโก้ทามาโกะ (แปลว่า "ไข่ปลาหมึก") Octopi ขนาดเล็กเหล่านี้มีไข่นกกระทาต้มแข็งยัดเข้าไปในหัวของพวกเขาจากนั้นพวกเขาจะเบ้เคลือบและย่าง จานที่ดูแปลก ๆ นี้เป็นสิ่งที่ต้องลองที่ตลาดเพราะนี่อาจเป็นโอกาสเดียวที่คุณจะทำเช่นนั้น Karikari Hakase...
อ่านเพิ่มเติม
หมายเหตุ: บทความนี้แปลโดยเครื่องมือแปลของ Google เกียวโต เป็นที่รู้จักจากสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์มากมายและ เกียวโต สถานที่ท่องเที่ยว ได้แก่ วัดพุทธที่มีชื่อเสียงสวนสวยศาลเจ้าชินโตพระราชวังและบ้านไม้แบบดั้งเดิมที่เรียกว่ามาจิยะ เกียวโต ยังเป็นหนึ่งในสถานที่ยอดนิยมสำหรับผู้คนที่มาเยี่ยมชมในช่วงฤดูซากุระบานรวมทั้งในช่วงฤดูใบไม้ร่วงที่ใบไม้เปลี่ยนสี เมืองที่สวยงามแห่งนี้เคยเป็นเมืองหลวงของ ญี่ปุ่น และยังคงเป็นหนึ่งในเมืองที่น่าทึ่งที่สุดในประเทศ ตั้งอยู่บนเกาะฮอนชูและทางตอนเหนือของ โอซาก้า , เกียวโต นอกจากนี้ยังมีชื่อเสียงในด้านการรับประทานอาหารญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมที่เรียกว่าไคเซกิซึ่งมีการเตรียมอาหารหลายคอร์สอย่างพิถีพิถันและเสิร์ฟให้กับแขกเช่นเดียวกับเกอิโกะ (หรือที่เรียกว่าเกอิชาใน โตเกียว ) และนักแสดงไมโกะที่ฝึกฝนฝีมือในด้านนี้มานานหลายศตวรรษ อุดมไปด้วยอาหารประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม เกียวโต สถานที่ท่องเที่ยวดึงดูดผู้รักประวัติศาสตร์ผู้ชื่นชอบอาหารและนักเดินทางที่ต้องการสัมผัสโลกเก่าในเมืองที่ทันสมัย สถานที่ท่องเที่ยวและกิจกรรมน่าสนใจในเกียวโต เกียวโต เป็นเมืองที่โดดเด่นซึ่งขึ้นชื่อเรื่องการอนุรักษ์วัฒนธรรมญี่ปุ่นไว้อย่างสวยงามด้วยศิลปะอาคารอาหารและผู้คน เมืองนี้เป็นที่รู้จักกันดีว่ามีความสวยงามและมีสวนเขียวชอุ่มป่าไม้และทางเดินเข้าไปในภูเขา บางส่วนของการเยี่ยมชมมากที่สุด เกียวโต สถานที่ท่องเที่ยวคือพื้นที่ทางประวัติศาสตร์ที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้ของเมืองเช่น กิออน และ เขตฮิกาชิยามะ นักท่องเที่ยวยังเพลิดเพลินไปกับการสำรวจศาลเจ้าและวัดเก่าแก่หลายแห่งในเมือง ด้วยร้านค้าเฉพาะทางมากมายรวมถึงโรงน้ำชาช่างฝีมือและช่างฝีมือในท้องถิ่นมีสถานที่ดีๆมากมายให้เลือกซื้อ เกียวโต เช่นกัน ภูเขา Atago ภูเขา Atago มีความสูงสูงสุดใน เกียวโต ที่ 924 เมตรและยังเป็นที่ตั้งของศาลเจ้า Atago ศาลเจ้าชินโตแห่งนี้ก่อตั้งขึ้นในปี 1603 แม้ว่าศาลเจ้าปัจจุบันบนยอดเขาอะทาโกะจะถูกสร้างขึ้นในปี 2501 ในการขึ้นไปยังศาลเจ้าต้องขึ้นบันได 86 ขั้นที่เรียกว่า "ขั้นบันไดหินสู่ความสำเร็จ" จากนั้นจึงจะสามารถเห็น ศาลเจ้าซึ่งตั้งอยู่บนยอดเขา Atago นักเดินทางไกลที่ต้องการเพลิดเพลินไปกับส่วนที่เหลือของภูเขายินดีที่ทราบว่ามีเส้นทางวน 12.9 กิโลเมตรที่จะพาพวกเขาผ่านภูเขา โดยทั่วไปเส้นทางนี้ได้รับการดูแลอย่างดีและสามารถเข้าถึงได้ตลอดทั้งปีและเป็นที่นิยม นักเดินป่าที่มีประสบการณ์บางคนเลือกที่จะเดินป่าข้ามคืน ทิวทัศน์จากด้านบนนั้นงดงามและคุ้มค่ากับการปีน ขึ้นอยู่กับความสามารถของนักปีนเขาควรใช้เวลาสองถึงสามชั่วโมงในการขึ้นไปยังยอดเขา Atago ที่อยู่: Sagaatagocho, เขต Ukyo ค่าธรรมเนียมแรกเข้า: ฟรี ชั่วโมงการทำงาน: เปิดตลอด 24 ชั่วโมงและศาลเจ้าเปิดตั้งแต่ 9.00 น. ถึง 17.00 น. ทุกวัน ศาลาทองคำ - Kinkaku-ji ศาลาทองคำ (หรือที่เรียกว่า Kinkaku-ji และมีชื่ออย่างเป็นทางการว่า Rokuon-ji) เป็นวัดพุทธและเป็นที่นิยมมากที่สุดแห่งหนึ่ง เกียวโต สถานที่ท่องเที่ยวและหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมใน ญี่ปุ่น สร้างขึ้นมองเห็นสระน้ำที่สวยงามโครงสร้างที่มีอยู่ในปัจจุบันถูกสร้างขึ้นใหม่หลังจากเกิดเพลิงไหม้ในปีพ. ศ. 2498 แม้ว่าจะมีวัดอยู่ในบริเวณนี้ตั้งแต่ปี 1408 วิหารสีทองที่สวยงามสร้างขึ้นในรูปแบบที่มีไว้เพื่อสักการะวัฒนธรรมที่ฟุ่มเฟือย แพร่หลายเมื่อสร้างขึ้นครั้งแรก แต่ละชั้นของอาคารมีรูปแบบสถาปัตยกรรมที่แตกต่างกัน นักท่องเที่ยวยังสามารถเพลิดเพลินไปกับธรรมชาติโดยรอบที่อยู่อาศัยเดิมของหัวหน้านักบวช (จากด้านนอกการตกแต่งภายในอาคารอยู่ใกล้กับสาธารณะ) ร้านขายของกระจุกกระจิกและสวนน้ำชาขนาดเล็กที่แขกสามารถดื่มชามัทฉะและขนมหวานได้ ของว่าง ที่อยู่: 1 Kinkakujicho, Kita Ward ค่าธรรมเนียมแรกเข้า: 400 เยน ชั่วโมง: 9.00 น. ถึง 17.00 น. ทุกวัน วัด Nishi Honganji วัด Nishi Honganji เป็นหนึ่งในสองวัดที่อุทิศให้กับนิกายย่อยของชินพุทธศาสนาและอีกวัดหนึ่ง วัด Higashi Honganji ซึ่งตั้งอยู่ใน เกียวโต ก่อตั้งขึ้นในปี 1591 หลายอาคารของ วัด Nishi Honganji รอดชีวิตมาได้ตั้งแต่ต้นวันที่ 17 และ 18 หลายศตวรรษทำให้ที่นี่เป็นจุดหมายปลายทางสำหรับผู้ชื่นชอบสถาปัตยกรรมที่ต้องการสัมผัสรูปแบบสถาปัตยกรรมญี่ปุ่นในอดีต วัดนี้ยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกและทำหน้าที่เป็นวิหารหลักของนิกาย ด้วยงานแกะสลักที่สวยงามและรายละเอียดของอาคารและประตูคารามงที่ตกแต่งอย่างวิจิตรอาคารและโครงสร้างเหล่านี้จึงล้ำค่าและควรค่าแก่การเยี่ยมชม ที่อยู่:...
อ่านเพิ่มเติม
ที่พักราคาประหยัดในโตเกียวนั้น นอกจากจะตั้งอยู่ในทำเลดีแล้วยังราคาถูกพอที่จะช่วยประหยัดงบเอาไว้ไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ ได้อีกด้วย โตเกียว เป็นเมืองหลวงและเป็นเมืองที่มีประชากรมากที่สุดในญี่ปุ่น ที่นี่จึงมีร้านอาหาร ร้านค้า และที่เที่ยวต่างๆ มากมาย ทริปนี้ลองประหยัดงบด้วยการจองที่พักดีๆ ในราคาเป็นมิตรจะได้เหลือเงินไว้เที่ยวที่ต่างๆ ในโตเกียว การหาที่พักราคาไม่แพงในโตเกียวไม่ได้หมายความว่าความสะดวกสบายจะถูกลดทอน โรงแรมราคาย่อมเยาว์หลายแห่งมีห้องพักขนาดกะทัดรัดที่สะอาดและมีสิ่งอํานวยความสะดวกที่จําเป็น มีตัวเลือกที่พักมากมายที่เหมาะกับสไตล์การเดินทางที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นที่พักแบบอบอุ่นผ่อนคลาย หรือโรงแรมทันสมัยที่มีการออกแบบที่เรียบง่าย ที่พักราคาประหยัดบางแห่งมอบประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร เช่น โรงแรมแคปซูล หรือโรงแรมสไตล์ดั้งเดิมเพื่อสัมผัสวัฒนธรรมญี่ปุ่น การเข้าพักในย่านที่ใกล้ระบบขนส่งสาธารณะจะช่วยให้เดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวชั้นนําของโตเกียวได้อย่างง่ายดาย หากวางแผนสักหน่อยก็สามารถเข้าพักในโรงแรมราคาประหยัดที่ช่วยให้ท่องเที่ยวโตเกียวได้อย่างสะดสกสบายในราคาสบายกระเป๋า ทริปนี้ลองประหยัดงบด้วยการจองที่พักดีๆ ในราคาเป็นมิตรจะได้เหลือเงินไว้เที่ยวที่ต่างๆ ในโตเกียว ที่พักราคาประหยัดในโตเกียว | โรงแรมแคปซูล โรงแรมแคปซูลนั้นเริ่มมาจากประเทศญี่ปุ่น ภายในโรงแรมจะมี "พ็อดส์" หรือ "แคปซูล" ส่วนตัว โดยแคปซูลเหล่านี้จะมีขนาดเท่ากับเตียงเดี่ยวและมีสิ่งอำนวยความสะดวกเล็กน้อยให้บริการในแคปซูล ที่พักราคาประหยัดส่วนใหญ่ในโตเกียวจะเป็นที่พักสไตล์โรงแรมแคปซูลมากกว่าโรงแรมทั่วไป หากนักท่องเที่ยวไม่มีอาการของโรคกลัวที่แคบ การเข้าพักในโรงแรมแคปซูลก็ถือเป็นตัวเลือกที่ดีเลยทีเดียว 1. Tokyo Ginza Bay Hotel Tokyo Ginza Bay ตั้งอยู่ใน ย่านกินซ่า อันคึกคัก ที่พักแห่งนี้เป็นโรงแรมแคปซูลที่มีมากกว่า 200 เตียง เตียงแคปซูลของที่นี่นั้นสะอาดสะอ้านและสะดวกสบาย แถมยังมีประตูบานเลื่อนเพื่อการพักผ่อนเป็นส่วนตัว และห้องแคปซูลบางห้องก็มีโทรทัศน์ด้วย ในที่พักนี้มีสิ่งอำนวยความสะดวกส่วนกลางให้บริการซึ่งรวมถึงพื้นที่นั่งเล่นส่วนกลางและเครื่องซักผ้า ที่เที่ยวใกล้ Tokyo Ginza Bay Hotel เดินไปไม่ไกลก็ถึง Shiseido Gallery สวนฮามาริคิว (Hamarikyu Gardens) แกลเลอรี Shiodome Museum Rouault Gallery การเดินทาง ที่อยู่: ที่พักราคาประหยัดแห่งนี้ตั้งอยู่ที่ 7-13-15 Ginza, Chuo-ku, Ginza, Tokyo, Japan, 104-0061 ที่พักอยู่ห่างจาก สถานี Higashi Ginza สายรถไฟใต้ดิน Toei Asakusa โดยใช้เวลาเดินไปที่พักเพียง 7 นาที ที่พักอยู่ห่างจาก สถานี Ginza สายรถไฟใต้ดิน Tokyo Metro Ginza โดยใช้เวลาเดินไปที่พักเพียง 8 นาที เข้าพักที่ Tokyo Ginza Bay Hotel แล้วออกไปเที่ยว GINZA SIX ห้างที่ฮอตฮิตที่สุดในย่านนี้ 2. Do-c Ebisu ในโตเกียวมีที่พักราคาประหยัดอยู่มากมาย แต่ขอบอกเลยว่า Do-c Ebisu นั้นเป็นที่พักที่ไม่เหมือนใคร เพราะที่นี่มีซาวน่าเพิ่มความสดชื่นให้สำหรับผู้เข้าพัก และที่พักแห่งนี้ก็ตกแต่งด้วยไม้เป็นหลักจึงให้ความรู้สึกเรียบง่ายและอบอุ่นอีกด้วย ที่เที่ยวใกล้ Do-c Ebisu เดินไปไม่ไกลก็ถึง สตูดิโอโยคะ YogaJaya พิพิธภัณฑ์เบียร์ Yebisu สวนสาธารณะ Naka-Meguro การเดินทาง ที่อยู่: ที่พักแห่งนี้ตั้งอยู่ที่ 1-8-1 Ebisu, Shibuya-ku, Ebisu, Tokyo, Japan, 150-0013 ที่พักอยู่ห่างจาก สถานี Ebisu สาย Yamanote Rail โดยใช้เวลาเดินไปที่พักเพียง 3...
อ่านเพิ่มเติม
ตลาดคุโระมง (Kuromon Market) เป็นตลาดเก่าแก่ที่มีประวัติย้อนกลับไปตั้งแต่ต้นปี ค.ศ. 1820 ตลาดแห่งนี้ยังคงความเป็นสถานที่ทางประวัติศาสตร์ไว้พอๆกับความทันสมัย ตลาดแห่งนี้เป็นที่รู้จักในอีกชื่อหนึ่งว่า ตลาดคุโรมอน อิชิบะ (Kuromon Ichiba) หรือ ตลาดประตูดำ ที่เคยชุกชุมไปด้วยพ่อค้าขายปลาจนกลายมาเป็นตลาดปลาโอซาก้าในปี ค.ศ. 1902 ปัจจุบันที่นี่มีร้านค้ามากกว่า 150 ร้าน มีพ่อครัวท้องถิ่นมากมายและมีลูกค้าโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 23,000 คนต่อวัน ข้าวหน้าปลามากุโร่ (ข้าวหน้าปลาทูน่า) เบอร์เกอร์ปูนิ่ม เนื้อวัวโกเบ อาหารน่าลองและร้านค้าชื่อดังในตลาดคุโระมง ถึงแม้ ตลาดคุโระมง จะเป็นแหล่งอาหารทะเลสดใหม่เพื่อจัดส่งให้กับร้านอาหารท้องถิ่นหลายพันร้านแต่ก็ยังเป็นย่านของกินสำหรับสายกินในโอซาก้าอีกด้วย ชมการชำแหละปลาทูน่าพร้อมอร่อยไปกับซูชิและซาชิมิสดใหม่ได้ที่นี่ ที่นี่ยังมีทาโกะยากิ หอยเชลล์ย่าง และฟูกู (ปลาปักเป้า) ให้เคี้ยวเต็มปากเต็มคำขณะเดินสำรวจร้านอาหาร รวมไปถึงร้านขายของที่ระลึก และร้านพิเศษมากมายที่เรียงรายยาวกว่า 600 เมตร ร้านปลาทูน่า คุโระกิน (Kurogin): ร้านปลาทูน่าสุดพิเศษที่เสิร์ฟเนื้อปลาทูน่าละลายในปากและมีเมนูที่โด่งดังคือ ข้าวหน้าปลามากุโร่ (ปลาทูน่าหมัก) ร้าน Kushisei: แวะมาแทะ คุชิคัตสึ (kushikatsu) แบบดั้งเดิม (เนื้อเสียบไม้ทอด) ได้ที่นี่ หรือจะจัดเต็มกับเบอร์เกอร์ปูนิ่มทอดก็ได้เหมือนกัน! ร้านเนื้อมารุเซ็น (Maruzen Meat Shop): ชมการสไลด์และหั่นเต๋าเนื้อวัวโกเบระดับมืออาชีพแล้วนำไปย่างให้น่าทานต่อหน้าต่อตาเรา การเดินทางไปที่ตลาดคุโระมง ตลาดคุโรมอนอิชิบะ ใช้เวลาเดินเพียง 5 นาทีจาก สถานี Nippombashi และ สถานี Kintetsu-Nippombashi หรือเดิน 10 นาทีจาก สถานี Namba ที่ สวนนัมบะ (Namba Parks) เข้าพักที่โรงแรมหรืออพาร์ตเมนต์ใกล้กับ สถานี Nippombashi Shell Nell Namba by WBF Minn Namba Business Hotel Nissei แล้วออกไปหาอะไรทานที่ ตลาดคุโระมง
อ่านเพิ่มเติม
โอซาก้า เป็นเมืองที่ครึกครื้นจนถึงดึก ที่นี่มีตัวเลือกทาง คลับ เครื่องดื่มและการเต้นสุดมันส์มากมาย ความหนาแน่นหนาของสถานบันเทิงยามค่ำคืนในโอซาก้าอย่าง ชินไซบาชิ และ อเมริกาวิลเลจ (อเมริบามุระ) หมายความว่าเรามีทางเลือกที่สองเสมอหากไม่เหนื่อยจากที่แรกแล้ว โดยทั่วไปแล้วราคาของคลับและบาร์ในโอซาก้านั้นจะสมเหตุสมผลและครอบคลุมค่าใช้จ่ายโดยที่อย่างน้อยต้องมีเครื่องดื่มฟรีหนึ่งรายการรวมอยู๋ (-> โอซาก้าเป็นเมืองที่นักท่องเที่ยวไม่อยากจบวันเร็วนักเพราะมีคลับที่เที่ยวสำหรับดื่มและเต้นเยอะแยะมากมายในย่านชินไซบาชิและหมู่บ้านอเมริกัน (อเมริกามูระ) หากไม่ชอบร้านแรกที่เข้าไปสามารถเปลี่ยนไปร้านอื่นใกล้ๆได้เลย และด้วยร้านที่เยอะราคาเครื่องดื่มจึงไม่สูงมากและรวมทุกอย่างแล้วและอาจมีเครื่องดื่มให้ฟรีหนึ่งแก้วด้วย) 1. คลับเซอร์คัสในหมู่บ้านอเมริกา (อเมริบามุระ) คลับเซอร์คัส (Club Circus) อาจเป็นสถานที่ที่ดีที่สุดในโอซาก้าสำหรับเทคโนโลยีและ EDM ที่จริงจัง ด้วยการผสมผสานของดีเจทั้งที่มีชื่อเสียงและอันเดอร์กราวด์ คลับเล็กๆแต่เต็มตลอดแห่งนี้ อัดแน่นไปด้วยไปด้วยเสียงที่ดังกึกก้องและเป็นแหล่งรวมของแฟนๆวงการเพลงเต้นและนักเที่ยวสถานบันเทิงยามค่ำคืนในโอซาก้า การแสดงสดโดยเฉพาะอย่างยิ่งฮิปฮอปและการแสดงของดีเจแบบโอล์สคูลก็เป็นจุดเด่นของ คลับเซอร์คัส บางครั้งศิลปะการแสดงที่ใช้ดนตรีเป็นแนวทดลองและมีศิลปะที่เหมือนจริงก็มีจัดอยูในตารางเช่นกัน (->คลับเซอร์คัสเรียกได้ว่าเป็นคลับที่เน้นเพลงแนวเทคโนและอีดีเอ็มที่ดีที่สุดในโอซาก้า สร้างสรรค์เสียงเพลงโดยดีเจที่มีชื่อเสียงและดีเจที่เล่นใต้ดิน คลับเซอร์คัสเล็กๆแต่แน่นไปด้วยเสียงเพลงแน่นๆหนักๆและนักเที่ยวแห่งนี้มีการแสดงสดอย่างฮิปฮอปและการสแครชแผ่นในสไตล์ old school รวมถึงดนตรีแนวทดลองและแนวทางเลือกในตารางอีเว้นท์ของร้านด้วย) ที่อยู่: 542-0086 Osaka Prefecture, Osaka, Chuo, Nishishinsaibashi 1-8-16 วิธีการเดินทาง: คลับเซอร์คัส ใช้เวลาเดินเพียง 3 นาทีจาก สถานีโยะสึบะชิ ตั้งอยู่หน้า หน้าห้างสรรพสินค้า ชินไซบาชิ โอพีเอ เข้าพักที่ Fuku Yado - Fuku Hostel- Nagomi- Namba Osaka แล้วออกไปเที่ยวที่ คลับเซอร์คัส ในอเมริกามุระ ค้นหา โรงแรมและอพาร์ตเมนต์อื่นๆ ใกล้กับชินไซบาชิ โอพีเอ 2. Sam and Dave One ใกล้ Souemoncho ในชินไซบาชิ Sam and Dave One เป็นสถาบันการศึกษาโอซาก้ามานานกว่า 20 ปี ดึงดูดฝูงชนนานาชาติจำนวนมากทุกคืนของสัปดาห์สู่ฟลอร์เต้นที่กว้างขวาง ด้วยธีมยามกลางคืนที่มีการเต้นเพลงลาตินและดนตรีอื่นๆที่หลากหลายตั้งแต่ฮิปฮอปจนถึงเพลงเคลิ้ม แซมและเดฟวัน ดึงดูดทุกคนที่กำลังมองหาสถานบันเทิงยามค่ำคืนในโอซาก้า ในขณะที่ดนตรีเปลี่ยนไปทุกคืนการแสดงแสงสีเสียงจะเต็มไปด้วยระเบิดไปด้วยความมันส์และเราสามารถอร่อยไปกับอาหารสไตล์ตะวันตกที่เป็นที่นิยมของสโมสรที่เปิดให้บริการจนกระทั่งดึก (-> Sam and Dave One เป็นสถาบันด้านความบันเทิงในโอซาก้ามามากกว่า 20 ปี ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งญี่ปุ่นและต่างชาติในทุกค่ำคืนสู่ฟลอร์เต้นอันกว้างขวาง ด้วยคลาสเรียนเต้นลาตินและแนวเพลงอื่นๆที่หลากหลายตั้งแต่ฮิปฮอปไปจนถึงแทรนซ์ Sam and Dave One เป็นที่สำหรับคนที่มองหาประสบการณ์การเที่ยวสถานบันเทิงในโอซาก้าในบรรยากาศเสียงเพลงที่เปลี่ยนไปในแต่ละคืน และการแสดงแสงสี นอกจากนี้ยังมีร้านอาหารตะวันตกยอดนิยมเสิร์ฟในไซส์ใหญ่จนถึงดึกด้วย) ที่อยู่: 542-0083 Ōsaka-fu, Ōsaka-shi, Chūō-ku, Higashishinsaibashi, 2 Chome−2−7-20 วิธีการเดินทาง: แซมและเดฟวันตั้งอยู่ในใจกลาง ชินไซบาชิ เดินเพียง 10 นาทีจาก สถานีนัมบะ, สถานีชินไซบาชิ, สถานีนิปปอนบาชิ และ สถานี คินเทดซุ-นิปปอนบาชิ เข้าพักที่ Hotel Shinsaibashi Lions Rock แล้วออกไปเที่ยวที่ Sam and Dave One ใกล้ Souemoncho เข้าพักที่ รีสอร์ทน้ำพุร้อนและเกสต์เฮาส์ใกล้สถานีนิปปอนบาชิ 3. GHOST Ultra Lounge ในหมู่บ้านอเมริกา (อเมริกามุระ) ฮิพฮอพเป็นจุดเด่นของ...
อ่านเพิ่มเติม
นางาซากิ มักถูกจดจำในฐานะโศกนาฏกรรมในสงครามโลกครั้งที่สอง แต่เหตุการณ์เหล่านั้นก็ได้ช่วยสร้างเมืองให้เป็นรูปเป็นร่าง ไม่ได้มีผลกับความเป็นอยู่หรือภูมิภาครอบๆ สิ่งที่ห้ามพลาดในนางาซากินั้นมีมากกว่าแค่ในตัวเมือง นางาซากิ การเดินทางสี่วันที่สมบูรณ์แบบใน นางาซากิ นั้น แน่นอนว่ารวมถึงการเยี่ยมชม พิพิธภัณฑ์ระเบิดปรมาณู และ สวนสันติภาพ (Peace Park) ของนางาซากิ นอกจากนี้ยังมีการนั่งเรือเฟอร์รี่ไปยังเกาะใกล้เคียง รวมถึงสนุกสนานในช่วงเย็นที่สวนสนุก เฮาส์ เทน บอช (Huis Ten Bosch) และผ่อนคลายที่น้ำพุร้อนใน อุนเซ็น (Unzen) อีกด้วย สิ่งที่ห้ามพลาดในนางาซากิ | วันที่ 1 - เลือกสักเกาะแล้วไปเที่ยวกันเลย เป็นปกติที่จะไปสถานที่ท่องเที่ยวชั้นนำของ นางาซากิก่อน ในตอนเช้าสามารถที่จะไปเที่ยวชม พิพิธภัณฑ์ระเบิดปรมาณู และ สวนสันติภาพ และเมื่อได้ทำการเที่ยวชมสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ของ นางาซากิแล้ว ก็ถึงเวลาเลือกเกาะที่จะไปเที่ยวกัน นางาซากิ เป็นที่ตั้งของหมู่เกาะที่สวยงามหลายแห่งรวมถึง เกาะอิกิ ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของนักท่องเที่ยว มีทั้งน้ำพุร้อน อาหารทะเลสด และ สวนโลมา (Dolphin Park) และ หมู่เกาะโกโตะ กลุ่มเกาะห้าเกาะที่รู้จักกันทางประวัติศาสตร์เกี่ยวกับคนที่นับถือศาสนาคริสต์ และยังมีชายหาดและอาหารญี่ปุ่นหายากด้วย ทั้งสองเกาะสามารถเดินทางด้วยเรือเฟอร์รี่หรือเครื่องบินได้ แต่เนื่องจาก เกาะอิกิ อยู่ทางเหนือ ส่วน เมืองโกโตะ อยู่ทางทิศตะวันตก จึงควรเลือกว่าจะไปที่เกาะไหนก่อนดีสำหรับวันแรกใน คิวชู เกาะอิกิ เกาะอิกิ ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของ คิวชู (จริงๆแล้วใกล้กับฟุกุโอกะและซากะมากกว่านางาซากิ) เป็นสถานที่พักผ่อนที่ดีเยี่ยมเหมาะสำหรับนักผจญภัยที่กำลังมองหาป่าไม้ที่มีชีวิตชีวา หาดทรายที่สดใสและออนเซ็นที่ผ่อนคลาย เกาะแห่งนี้มีขนาดเล็กพอที่จะขี่จักรยานไปรอบๆได้ แต่หากต้องการขับรถก็สามารถเช่ารถยนต์หรือรถจักรยานยนต์เพื่อไปยังสถานที่ต่างๆได้เร็วขึ้น เกาะอิกิ เป็นที่ตั้งของศาลเจ้ามากกว่า 150 แห่ง สวนโลมา และ น้ำพุร้อนยุโนโมโตะ (Yunomoto Hot Spring) รวมถึงสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆอีกมากมาย ซึ่งสามารถใช้เวลาในตอนบ่ายวันหนึ่งเที่ยวชมสถานที่ยอดนิยมบน เกาะอิกิ ได้ รวมทั้งยังสามารถใช้เวลายามค่ำคืนเพื่อพักผ่อนและเตรียมตัวไปเที่ยวชมสถานที่ต่างๆในเช้าวันรุ่งขึ้น ก่อนจะมุ่งหน้ากลับไปที่ นางาซากิ กิจกรรมน่าสนใจบนเกาะอิกิ Tsutsukihama Beach และ Nishikihama Beach Resort: เป็นหนึ่งในชายหาดที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น หาด Tsutsukihama เป็นหาดทรายสีขาวยาว 600 เมตรตั้งอยู่ใน อิชิดะ (Ishida) ทางตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะ Nishikihama บีชรีสอร์ต ก็ใช้เวลาเดินเพียง 5 นาทีและมีหาดทรายขาวสะอาดที่ค่อนข้างให้ความเป็นส่วนตัว หินรูปหน้าลิง (ซารุอิวะ): ตั้งอยู่ทางตะวันตกสุดของ เกาะอิกิ ที่ที่เราจะได้พบกับ หินรูปหน้าลิง สถานที่แปลกตาริมหน้าผาที่มีวิวทะเลที่สวยงาม Harahoge Jizo: รูปปั้นทั้งหกนี้ตั้งอยู่ริมทะเลทางตะวันออกของเกาะอิกิ ได้รับการนับถือว่าเป็นวิญญาณที่คอยช่วยชีวิต รูปปั้นหรือ jizo เชื่อว่าจะช่วยให้ปลดปล่อยความเจ็บปวดและความทุกข์ทรมานของทุกชีวิต ชาวบ้านจะดูแลรูปปั้นโดยรักษาสภาพแวดล้อมให้มีความสะอาดเรียบร้อยและมีการเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เป็นประจำ Sakyobana: พื้นที่ที่รู้จักกันในชื่อ Sakyobana ตั้งอยู่ทางตะวันออกของเกาะและสามารถชมวิวหน้าผาจาก ศาลเจ้า Sakyobanaryujin ได้ ศาลเจ้า Sai: อยู่ทางตอนเหนือของรูปปั้น Harahoge Jizo และ Sakyobana สามารถเที่ยวชม ศาลเจ้า Sai ซึ่งเป็นศาลเจ้าเล็กๆ ดั้งเดิมบน หาด Kuyoshi ได้...
อ่านเพิ่มเติม
เช่าชุดยูกาตะใส่เพื่อเที่ยวชมและไปดูสิ่งที่ห้ามพลาดในคุมะโมโตะซึ่งรวมถึงการเที่ยวชม ปราสาทคุมะโมโตะ (Kumamoto Castle) และชื่นชมงานศิลปะและหัตถกรรมแบบดั้งเดิม คุมะโมโตะ ตั้งอยู่ติดกับภูเขาไฟที่ยังมีพลังบนเกาะ คิวชู ซึ่งเต็มไปด้วยน้ำพุร้อนที่เดือดพล่าน และยังมีสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์และห้างสรรพสินค้าที่ทันสมัยอีกด้วย สิ่งที่ห้ามพลาดในคุมะโมโตะ | วันที่ 1 - มาถึงที่เมืองคุมะโมโตะ นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เดินทางมา เมืองคุมะโมโตะ ด้วยรถไฟจะลงที่ สถานี Kumamoto ซึ่งรถไฟชินคันเซ็นจะจอดที่สถานีนี้ เช่นเดียวกับสายรถไฟท้องถิ่นและภูมิภาค สถานี Kumamoto ตั้งอยู่ใจกลางเมือง มีป้ายรถรางอยู่ด้านนอกประตูทิศตะวันออกและมีสำนักงานข้อมูลการท่องเที่ยวอยู่ภายในสถานี มีตั๋วรถโดยสารและรถไฟไปยังจุดหมายปลายทางใน จังหวัดคุมะโมโตะ หรือที่อื่นๆ โดยสามารถจองตั๋วล่วงหน้าได้ถึง 30 วันก่อนการเดินทาง ดังนั้นนี่จะเป็นที่ที่สมบูรณ์แบบในการเที่ยวชมประวัติศาสตร์ของคุมะโมโตะและหลงใหลไปกับเสน่ห์ในภูมิภาคนี้ของญี่ปุ่น สถานี Kumamoto บริเวณรอบๆ สถานี Kumamoto เต็มไปด้วยโรงแรมที่สะดวกสบายซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณใกล้เคียง สถานี Kumamoto มีสองฝั่งด้วยกัน ซึ่งรถไฟชินคันเซ็นจะมีฝั่งเป็นของตัวเอง แต่ก็ง่ายในการเดินทางไปมาระหว่างฝั่ง สถานีนี้มีคาเฟ่และร้านขายของที่ระลึกอยู่ภายใน รวมถึงร้านราเมนและร้านแกงกะหรี่ด้วย สามารถออกจาก สถานี Kumamoto ผ่านประตูทิศตะวันออก เพื่อเดินเท้าไปยังร้านค้าท้องถิ่น ร้านอาหาร คาเฟ่และโรงแรม รวมถึงการขนส่งสาธารณะทั้งรถรางและรถบัสด่วนได้ ส่วนประตูทิศตะวันตกจะออกไปสู่ย่านที่อยู่อาศัยที่มีความเงียบสงบมาก สนามบินอะโซะคุมะโมโตะ สนามบินอะโซะคุมะโมโตะ (KMJ) เป็นสนามบินนานาชาติที่มีเที่ยวบินระยะใกล้มาจากระหว่างประเทศหลายแห่ง สนามบินแห่งนี้ส่วนใหญ่เป็นเที่ยวบินในญี่ปุ่นจากเมืองใหญ่ๆ อย่าง โตเกียว และ โอซาก้า สนามบินมีให้บริการรถบัส รถไฟและรถแท็กซี่ ทำให้สะดวกต่อการเดินทางเข้า เมืองคุมะโมโตะ และยังมีเที่ยวบินจาก โตเกียว เป็นประจำ จึงควรที่จะเพิ่มภูมิภาคอย่าง คุมะโมโตะ นี้เข้ามาในแผนเที่ยวญี่ปุ่น เข้าพักที่ Mitsui Garden Hotel Kumamoto แล้วออกไปเที่ยว คุมะโมโตะ ค้นหาที่พักราคาดีที่สุดในจังหวัดคุมะโมโตะ สิ่งที่ห้ามพลาดในคุมะโมโตะ | วันที่ 2 - เที่ยวชมเมือง ใช้เวลาวันที่สองไปกับการชมทิวทัศน์อันสวยงามของ คุมะโมโตะ ที่เต็มไปด้วยสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ ร้านค้า คาเฟ่และงานจากช่างฝีมือ ภูมิภาค คุมะโมโตะ นี้มีสถานที่ที่เหมาะกับการถ่ายรูปลง Instagram มากมาย ทำให้ควรค่าแก่การไปเที่ยวชม ปราสาทคุมะโมโตะ ปราสาทคุมะโมโตะ เหมาะสำหรับเป็นที่เริ่มต้นเที่ยวชม ปราสาทคุมะโมโตะ แห่งนี้ตั้งอยู่บนยอดเขาเป็นปราสาทที่ได้รับการบูรณะใหม่โดยมีโครงสร้างเดิมเหลืออยู่ ปราสาทได้รับความเสียหายและได้รับการบูรณะซ่อมแซมหลายต่อหลายครั้งนับตั้งแต่สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 15 ปราสาทคุมะโมโตะ มีอุโมงค์ใต้ดินที่ไม่เหมือนใครซึ่งนำไปสู่ปราสาทของผู้อยู่อาศัยเดิมตระกูลโฮโซคาวะ มีแผนจะเปิดพื้นที่ปราสาทให้สาธารณชนเข้าชมภายในปี พ.ศ. 2564 แต่สำหรับตอนนี้นักท่องเที่ยวไม่สามารถเข้าสู่อาคารหลักได้ อย่างไรก็ตามภาพปราสาทบนยอดเขานั้นเป็นของที่ระลึกจากคิวชูที่ห้ามพลาด อีกไม่นานนักท่องเที่ยวก็จะมีโอกาสได้เห็นวิวที่ใกล้ขึ้น เนื่องจากจะมีพลาซ่าแห่งใหม่เปิดทำการ ซึ่งพลาซ่าจะเปิดให้บริการตั้งแต่วันที่ 5 ถึง 14 ตุลาคมในช่วงการแข่งขันรักบี้เวิลด์คัพ 2019 และจะเปิดให้สาธารณชนใช้บริการในวันอาทิตย์และวันหยุดประจำชาติหลังจากกิจกรรมพิเศษ 10 วันนี้ ปราสาทแห่งนี้ใช้เวลานั่งรถรางจาก สถานี Kumamoto มาประมาณ 15 นาที ศิลปะหัตถกรรมดั้งเดิม คุมะโมโตะ เป็นเมืองที่มีชีวิตชีวาและมีประวัติเกี่ยวกับช่างฝีมือที่ยาวนาน เดินมาไม่ไกลจาก ปราสาทคุมะโมโตะ จะเป็น ศูนย์หัตถกรรมดั้งเดิมจังหวัดคุมะโมโตะ ที่สามารถซื้องานหัตถกรรมดั้งเดิมและเข้าร่วมชั้นเรียนศิลปะและหัตถกรรมญี่ปุ่นได้ ชมงานแกะสลักไม้ ผลิตภัณฑ์ที่ทำจากเครื่องปั้นดินเผา หรือตะกร้าสานที่ทำจากไม้ไผ่ และยังมีงานหัตถกรรมจากช่างฝีมือท้องถิ่นมากมายให้เลือกซื้อด้วย ศูนย์แห่งนี้มีการจัดแสดงผลงานศิลปะแบบดั้งเดิมจำนวนมาก แสดงถึงเทคนิคและรูปแบบศิลปะที่มีความหลากหลาย Higo Zogan งานหัตถกรรมที่โดดเด่นอย่าง Higo Zogan...
อ่านเพิ่มเติม
ท่าอากาศยานนานาชาติคันไซ เป็นสนามบินแห่งแรกที่ถูกสร้างบนเกาะที่สร้างขึ้นโดยมนุษย์ และเป็นสนามบินนานาชาติแห่งเดียวในโอซาก้า KIX รองรับนักท่องเที่ยวมากกว่า 28 ล้านคนในแต่ละปี โดยมีอาคารผู้โดยสารสองแห่ง อาคารผู้โดยสาร 1 เป็นอาคารสี่ชั้นที่มีฝั่งเหนือและใต้ ซึ่งเป็นแหล่งรวมร้านอาหารหลายแห่งและร้านค้าปลอดภาษี ส่วนอาคารผู้โดยสาร 2 เป็นแหล่งรวมประตูทางเข้าเครื่องบิน กิจกรรมในขณะหยุดพักที่สนามบินนานาชาติคันไซ Aeroplaza ตั้งอยู่บนชั้นสามของสนามบินระหว่างอาคารผู้โดยสาร 1 และอาคารผู้โดยสาร 2 ฆ่าเวลาไปขณะที่ท่องร้านบูติกนานาชาติและร้านขายของที่ระลึก Hotel Nikko Kansai Airport มีร้านขายของที่ระลึกสุดหรูมากมาย ที่เที่ยวใกล้ สนามบินนานาชาติคันไซ KIX Observation Hall View Sky: เราสามารถชมเครื่องบินบินขึ้นและลงจอดจากหอสังเกตการณ์ในพิพิธภัณฑ์สนามบินแห่งนี้ ที่นี่เปิดให้เข้าเยี่ยมชมได้ตั้งแต่เวลา 8.00 น. ถึง 22.00 น. เราสามารถขึ้นรถบัสรับส่งฟรีจากอาคารผู้โดยสาร 1 ไปยังดาดฟ้าชมวิว หรือแวะไป Sky Shop Town ที่ที่เราจะพบร้านกาแฟ เครื่องเอทีเอ็ม และ เลาจน์สนามบิน KIX Rinku Town: ใช้เวลาสองสามชั่วโมงระหว่างรอเที่ยวบิน ในการช็อปปิ้งที่ Rinku Town ใน Rinku Park พื้นที่นี้มี Rinku Pleasure Town Seacle ซึ่งมีสวนสนุก สปาน้ำพุร้อนและชิงช้าสวรรค์ Rinku Premium Outlets มีร้านค้าเอาท์เล็ตและร้านอาหารมากกว่า 200 ร้านและ AEON MALL Rinku Sennan ยังตั้งอยู่ใกล้ๆอีกด้วย รถรับส่งของที่นี่ออกทุกๆ 30 นาทีตั้งแต่ 10:00 น. ถึง 19:30 น. เพื่อพาผู้โดยสารไปยังเมือง Rinku Town สิ่งอำนวยความสะดวกที่สนามบินนานาชาติคันไซ ▪ ห้องอาบน้ำแบบหยอดเหรียญมีให้บริการภายในสนามบินสำหรับผู้โดยสารที่ต้องการความสดชื่นในช่วงพักระหว่างทาง ▪ ห้องเด็กเล่นอยู่บนชั้นสี่ของพื้นที่ผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ ผู้ปกครองที่มีเด็กอายุต่ำกว่า 7 ปี สามารถใช้ห้องเด็กเล่น ห้องเด็กอ่อนและห้องพยาบาลฟรี นอกจากนี้ที่นี่ยังมีอาหารเด็กและผ้าอ้อม (หนึ่งชิ้นต่อคน) พร้อมอีกด้วย ▪ มีห้องพยาบาลเพิ่มเติมที่ชั้นสองและสามในห้องสุขาผู้หญิง ▪ ศูนย์ธุรกิจในสนามบินเปิดทำการตั้งแต่ 8.00 น. ถึง 20.00 น. บนชั้นสี่ ▪ มีบริการถ่ายถาพหนังสือเดินด้วยตู้ถ่ายภาพหยอดเหรียญที่ชั้นสองและชั้นสี่ ▪ มีห้องสวดมนต์ที่ชั้นสี่ในอาคารขาออกระหว่างประเทศ ▪ ที่ทำการไปรษณีย์ของสนามบินเปิดทำการตั้งแต่ 8.00 น. ถึง 21.00 น. วันจันทร์ถึงวันศุกร์ และตั้งแต่ 9:00 น. ถึง 17:00 น. ในวันหยุดสุดสัปดาห์ ที่ทำการไปรษณีย์อยู่บนชั้นสองและมีตู้เอทีเอ็มที่รับบัตรเครดิตระหว่างประเทศ วิธีการเดินทางจากสนามบินนานาชาติคันไซไปยังโอซาก้าและเกียวโต นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางไปยัง โอซาก้า รวมถึงสถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียงเช่น เกียวโต โกเบ และ นารา จาก สถานีสนามบินคันไซ ขอเส้นทางจากชานชาลาและซื้อตั๋วได้ที่ โต้ะบริษัทนำเที่ยวของศูนย์ข้อมูลการท่องเที่ยวคันไซในสนามบิน รถไฟและรถลีมูซีนไปโอซาก้า ▪ บริการด่วนจากสนามบินคันไซไป สถานีโอซาก้า...
อ่านเพิ่มเติม
ของฝากจากญี่ปุ่นที่ดีที่สุดใน โอซาก้า จะสะท้อนให้เห็นถึงสไตล์ที่แปลกตาและน่าดึงดูด ลูกโลกหิมะจาก ปราสาทโอซาก้า จะทำให้เราระลึกถึงวันหยุดที่ญี่ปุ่น และอาหารของเล่นจาก ถนนช้อปปิ้ง Sennichimae Doguyasujiที่เราสามารถนำไปฝากหรือแกล้งเพื่อนได้! 1. เลือกซื้อจิ๊กซอว์ 3 มิติหลังจากทัวร์ปราสาทโอซาก้า เราต่อต้านการนำของที่ระลึกจากหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่นกลับบ้านได้อย่างไร หลังจากทัวร์ ปราสาทโอซาก้า แล้วเราสามารถแวะที่ร้านขายของที่ระลึกเพื่อซื้อของที่ระลึกกลับบ้าน และเราควรพยายามไม่จำกัดตัวเองกับแม่เหล็กติดตู้เย็นอย่างเดียวเท่านั้น! ของที่ระลึกใน ปราสาทโอซาก้า มีมากมายตั้งแต่ปริศนา 3 มิติไปจนถึงลูกโลกหิมะ ทุกอย่างในร้านราคาย่อมเยาสำหรับนักเดินทาง เข้าพักที่ Quintessa Hotel Osaka Bay แล้วออกไปเที่ยวที่ ปราสาทโอซาก้า ค้นหา โรงแรมและเกสต์เฮาส์ใกล้สวนปราสาทโอซาก้า 2. แกล้งเพื่อนด้วยอาหารปลอมจาก ถนนช้อปปิ้ง SENNICHIMAE DOGUYASUJI (SHOTENGAI) โอซาก้า เป็นที่รู้จักกันในนาม“ ครัวแห่งชาติ” และของที่ระลึกจากโอซาก้าบางอย่างดูดีมากจนเราอยากจะลองกิน! อย่าปล่อยให้มันหลอกเราได้ บน ถนนช้อปปิ้ง Sennichimae Doguyasuji (โชเทนไก) ของโอซาก้าในย่าน นัมบะ นั้นขึ้นชื่อในเรื่องของเครื่องครัวที่ และอาหารปลอมหรืออาหารของเล่นเช่นเดียวกัน เราสามารถนำราเมนพลาสติกกลับบ้านเพื่อระลึกถึงความรักที่มีให้กับอาหารญี่ปุ่นและยังสามารถหลอกเพื่อนเราไปด้วยซูชิม้วนอีกด้วย Design Pocket ตั้งอยู่ทางตอนเหนือสุดของถนนช้อปปิ้งซึ่งเป็นหนึ่งในร้านอาหารของเล่นที่ใหญ่ที่สุดในโอซาก้าและลูกค้าสามารถถ่ายรูปได้ตามที่ต้องการ เข้าพักที่ Grampus Inn Osaka แล้วออกไปเที่ยวที่ Sennichimae Doguyasuji (โชเทนไก) ในย่านนัมบะ ค้นหา โรงแรมและรีสอร์ทใกล้กับสวนสาธารณะนัมบะ 3. เที่ยวเหมือนคนท้องถิ่นในชุดกิโมโนฤดูร้อนต้นตำรับญี่ปุ่นที่เรียกว่ายูกาตะ การมาเที่ยวญี่ปุ่นจะเสียเที่ยวไปเลยหากเราไม่ได้นำชุดกิโมโนกลับบ้าน ชุดกิโมโนแบบดั้งเดิมอาจมีราคาแพงและจริงๆแล้วเราสามารถหาชุดกิโมโนใส่ได้ที่ไหน? ไปดูกัน ชุดยูกาตะเป็นตัวอย่างชุดกิโมโนที่ดีที่สุด โดยเสื้อคลุมตกแต่งเหล่านี้ทำจากผ้าบางเบาซึ่งแต่เดิมได้รับการออกแบบมาให้เป็นเสื้อคลุมอาบน้ำ แต่เนื่องจากสวมใส่สบายผู้ชายและผู้หญิงญี่ปุ่นจึงสวมใส่ชุดยูกาตะได้ทุกที่ ซื้อชุดหลากหลายไว้สำหรับเพื่อนและสมาชิกในครอบครัว (จะได้ไม่รู้สึกโดดเดี่ยวที่ต้องสวมเสื้อคลุมอาบน้ำญี่ปุ่นคนเดียว) เราสามารถหาชุดนี้ได้ที่ ถนนช้อปปิ้ง Tenjimbashisuji หรือ ห้างสรรพสินค้า HANKYU Umeda เข้าพักที่ Hotel New Otani Osaka แล้วออกไปเที่ยว ถนนช้อปปิ้ง Tenjimbashisuji ค้นหา โรงแรมและอพาร์ตเมนต์อื่นๆใกล้กับห้างสรรพสินค้า HANKYU Umeda 4. อย่าลืมของที่ระลึกจาก UNIVERSAL STUDIOS JAPAN & OSAKA AQUARIUM KAIYUKAN เนื่องจากเป็น สวนสนุก Universal Studios แห่งแรกในเอเชีย (แก้เนื่องจากข้อมูลไม่ได้รับการอัพเดท) ตั้งอยู๋ในโอซาก้าเราควรซื้อของที่ระลึกจากที่นั่นหากแวะไป เราจะพบกับร้านค้าที่ตั้งอยู่ทั่วสวนสนุกและ มีใครบ้างละที่จะไม่อยากได้ไม้กายสิทธิ์แฮร์รี่พอตเตอร์ไปครอบครอง? เช่นเดียวกันกับ พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำโอซาก้าไคยูคัน Osaka Aquarium Kaiyukan เราจะไม่เสียที่หลังแน่นอนหากเราได้มโลมาีของเล่นไว้ครอบครองแล้ว เข้าพักที่ The Park Front Hotel at Universal Studios Japan™ แล้วออกไปเที่ยวที่ ยูนิเวอร์แซลสตูดิโอญี่ปุ่น ค้นหา โรงแรมและรีสอร์ทใกล้ Osaka Aquarium Kaiyukan 5. ขนมขบเคี้ยวแท่งป็อกกี้รสเลิศที่ BATON D’OR เราอาจไม่เคยได้ยิน Bâton d'or - หรือแม้แต่ป็อกกี้ - ก่อนที่จะมาเที่ยวในญี่ปุ่น แต่เราไม่ควรออกจากเมืองโดยไม่มีขนมดั้งเดิมจากกูลิโกะ...
อ่านเพิ่มเติม
โอซาก้า เป็นแหล่งรวมของแหล่งช้อปปิ้งที่มีถนนช้อปปิ้งยอดนิยมกระจายอยู่ทั่วเขตทาง ตอนเหนือ และ ตอนใต้ ช้อปกระเป๋า Prada ไปพร้อมกับการชมทิวทัศน์อันงดงามที่ ตึกอาเบโนะ ฮารุกัส และเดินแหล่งช็อปปิ้งที่ดีที่สุดของโอซาก้าที่ ถนนช้อปปิ้ง Shinsaibashi-suji 1. ซื้อกิโมโนญี่ปุ่นและกระเป๋าถือของนักออกแบบชื่อดังในย่านแฟชั่นของโอซาก้าที่ชินไซบาชิ ชินไซบาชิ ในปัจจุบัน สามารถเปรียบเทียบกับย่านกินซ่าสุดทันสมัยของโตเกียวได้ทีเดียว ตามถนน ช้อปปิ้งชินไซบาชิ-ซุจิ ที่เริ่มต้นจาก สะพาน อิบิซุ ถัดจากป้าย กูลิโกะแมน ไปยัง ไดมารุ ชินไซบาชิ ที่มีการค้าขายชุดกิโมโนและงานทอของโอซาก้าจากต้นศตวรรษที่ 18 สถานที่ท่องเที่ยวหลักของพื้นที่คือ แหล่งช้อปปิ้งชินไซบาชิ ซึ่งเป็นที่ตั้งของร้านสินค้าแฟชั่นอินเทรนด์อย่าง H&M, Uniqlo, Zara และ Tommy Hilfiger เราสามารถออกไปตามตรอกซอกซอยที่คดเคี้ยวมาเกือบหนึ่งไมล์ (2 กิโลเมตร) ที่เต็มไปด้วยร้านค้าปลีกอิสระเสื้อผ้าญี่ปุ่นและร้านน้ำชา ร้านเครื่องสำอางและร้านอาหารมากมาย (-> ย่านชินไซบาชิปัจจุบันสามารถเทียบได้กับย่านแฟชั่นอย่างกินซ่าในโตเกียว โดยถนนช้อปปิ้งชินไซบาชิโดยนี้เริ่มต้นที่สะพานเอบิสึที่อยู่ข้างป้ายกูลิโกะยาวไปจนถึงห้างไดมารุ สาขาชินไซบาชิ สามารถหาซื้อกิโมโน และผ้าที่มีการค้าขายกันมาตั้งแต่ช่วงต้นศตวรรษที่18 ได้ที่ห้างนี้ สถานที่ท่องเที่ยวหลักในย่านนี้คือ ชินไซบาชิช้อปปิ้งอาเขต แหล่งรวมร้านเสื้อแฟชั่นอย่าง H&M Uniqlo Zara และ Tommy Hilfiger และเดินต่อไปที่ตรอกช้อปปิ้งยาว 2 กิโลเมตรเรียงรายด้วยร้านค้า ร้านเสื้อผ้าญี่ปุ่น ร้านชา ร้านเครื่องสำอาง และร้านอาหาร) เข้าพักที่ Quintessa Hotel Osaka Shinsaibashi แล้วออกไปเดินเล่นที่ ถนนช้อปปิ้ง Shinsaibashi-suji ค้นหา โฮสเทลและโรงแรมแคปซูลอื่นๆใกล้สถานีชินไซบาชิ 2. ซื้อของในสวนสาธารณะนัมบะและหาซื้ออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ Denden Town ในนัมบะ (มินามิ) นัมบะ และ มินามิ เป็นส่วนหนึ่งของ ย่านนานิวะ และเชื่อมต่อกับเขต ชินไซบาชิ และ โดทงโบริ วัยรุ่นส่วนใหญ่ย้ายเข้ามาที่ นัมบะ มารูอิ เพราะมีคาเฟ่สุดฮิปและร้านเสื้อผ้าแฟชั่นที่ไม่เหมือนใคร ค้นหาบรรยากาศที่ผ่อนคลายมใน สวนสาธารณะนัมบะ ซึ่งเป็นส่วนเสริมของแหล่งช้อปปิ้งใน เมืองนัมบะ เนื่องจากสร้างขึ้นบนสนามเบสบอลเก่า สวนสาธารณะนัมบะ มีพื้นที่สีเขียวพร้อมสโมสรกีฬาและสปาด้วย ย่าน นัมบะ และ มินามิ นั้นขึ้นชื่อในเรื่องห้างสรรพสินค้าหรูหราโดยเฉพาะ HERBIS PLAZA แถมในพื้นที่ดังกล่าวยังมี Nipponbashi Denden Town ซึ่งเป็นแหล่งช็อปปิ้งหลักสำหรับสินค้าอิเล็กทรอนิกส์และวัฒนธรรมป๊อป (-> นัมบะเป็นศูนย์กลางของเขตมินามิ (ทิศใต้) เชื่อมต่อกับเขตชินไซบาชิและโดทงโบริ วัยรุ่นส่วนใหญ่ชอบมาเดินเที่ยวห้างนัมบะ มารูอิ เพื่อเลือกซื้อสินค้าแฟชั่น นั่งทานขนมในคาเฟ่เก๋ๆกัน และเดินต่อไปยังห้างนัมบะพาร์คที่สร้างต่อมาจากห้างนัมบะซิตี้ โดยพื้นที่ของนัมบะพาร์คเดิมเคยเป็นสนามเบสบอลมาก่อน ประกอบด้วยพื้นที่สีเขียว สปอร์ตคลับและสปา ย่านนัมบะซึ่งเป็นศูนย์กลางของเขตมินามินี้เป็นที่รู้จักกันว่าเป็นย่านของลักซ์ชั่วรี่มอลล์โดยเฉพาะ ห้าง HERBIS PLAZA แต่ก็ไม่มีแค่ห้างหรูหราเพียงอย่างเดียว ยังมี Nippombashi Denden Town ที่เป็นแหล่งซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าและสินค้าเกี่ยวกับ J-pop, K-pop ด้วย) เข้าพักที่ Namba Oriental Hotel แล้วออกไปเที่ยวที่ Nipponbashi Denden Town ค้นหา เกสต์เฮาส์และเรียวกังอื่นๆในนัมบะ...
อ่านเพิ่มเติม
โอซาก้า ก่อตั้งขึ้นอย่างมั่นคงในฐานะเมืองหลวงแห่งความสนุกสนานของญี่ปุ่นโอซาก้าขยายความบันเทิงยามค่ำคืนให้เป็นเวลาหลังอาหาร Osakans ชอบนอนดึกในย่าน izakaya บาร์และไนท์คลับหลายแห่งที่แทรกซึมเข้าไปในเมือง เค้าโครงเลย์เอาต์สูงของ ย่าน Namba และ Shinsaibashi ยอดนิยมที่มีฉากเบียร์และกาแฟที่พัฒนาขึ้นเมื่อไม่นานมานี้เพิ่มความหลากหลายให้กับสถานบันเทิงยามค่ำคืนในโอซาก้าและกระตุ้นให้สถานที่ต่างๆ 1. CinqueCento ตามแบบฉบับของญี่ปุ่น CinqueCento มีขนาดเล็กและมีชื่อแปลกๆ ความหมาย "500" ในภาษาอิตาลี CinqueCento ตั้งอยู่ในทำเลสะดวกใน ชินไซบาชิ ภายในกลุ่มทางเลือกอื่น ๆ นับร้อยทำให้เป็นจุดแวะพักที่ดีสำหรับค่ำคืนแห่งการคลานผับ ด้วยสัดส่วนของชาวต่างชาติต่อคนในท้องถิ่นที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยเล็กน้อย CinqueCento เป็นสถานที่นัดพบสำหรับนักเดินทางที่กำลังมองหาเพื่อนใหม่หรือพูดคุยง่าย เหนือสิ่งอื่นใดเครื่องดื่มทุกแก้วที่นี่มีราคาเพียง 500 เยน (ประมาณ 4.50 USD) ดังนั้นชื่อ CinqueCento วิธีเดินทาง ที่อยู่: 2-1-10 Higashi Shinsaibashi Chuo-ku อาคาร 1F Matsumiya CinqueCento ใช้เวลาเดินเพียง 5 นาทีจาก สถานี Nagahoribashi เข้าพักที่ Chisun Inn Osaka Hommachi แล้วออกไปเที่ยว CinqueCento ค้นหาที่พักราคาดีที่สุดใกล้ สถานี Nagahoribashi 2. Balabushka บาลาบุชก้า ดึงดูดกลุ่มชาวบ้านที่หลากหลายซึ่งชอบผสมเกมกับการดื่ม บาร์สระว่ายน้ำแห่งนี้ตั้งอยู่ใน ชินไซบาชิ มี dartboards ห้าอัน, พินบอล, โต๊ะฟุตบอล foosball และโต๊ะพูลสามแห่งซึ่งสองแห่งนั้นฟรี ค่อนข้างใหญ่กว่าสถานที่ โอซาก้า โดยเฉลี่ย Balabushka มีลักษณะคล้ายกับสปอร์ตบาร์ตะวันตกมากกว่าดำน้ำญี่ปุ่น ด้วยทีวีขนาด 180 นิ้วสถานที่แห่งนี้เหมาะสำหรับการแข่งขันกีฬากับแฟนเพื่อนหรือกลุ่มใหญ่ที่อาจไม่เหมาะกับบาร์โอซาก้า 12 ที่นั่งแบบทั่วไป มักจะมีผู้คนหนาแน่นในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์บาลาบุชกาเป็นสถานบันเทิงยามค่ำคืนยอดนิยมของโอซาก้าที่มีคนหนุ่มสาวในท้องถิ่นเป็นจุดเริ่มต้นในช่วงเย็นก่อนที่จะเที่ยวคลับทุกคืน มีบริการเครื่องดื่มหลากหลายชนิดและอาหารว่างแบบทั่วไปที่บาร์ วิธีเดินทาง ที่อยู่: 2-9-5, Nishishinsaibashi, Chuo-ku Balabushka อยู่ไม่ไกลจาก สถานี Shinsaibashi หรือ สถานี Namba เข้าพักที่ Hotel EKICHIKA Nagahoribash แล้วออกไปเที่ยว Balabushka ค้นหาที่พักราคาดีที่สุดใกล้ สถานี Shinsaibashi 3. Captain Kangaroo หากคุณต้องมีชีสเบอร์เกอร์ในโอซาก้าบาร์สไตล์อเมริกันและร้านเบอร์เกอร์ในใจกลางเมือง อุเมดะ อย่างน้อยก็มีคุณภาพระดับญี่ปุ่น ด้วยเบียร์ 50 ขวดจากทั่วโลกจึงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะหยุดพักเพราะเห็นแก่ ลองไปที่บาร์ที่มืด แต่อบอุ่นแห่งนี้ในย่าน Kita-Shinchi ระหว่าง 6 และ 8 โมงเย็น สำหรับชั่วโมงแห่งความสุขพิเศษ Captain Kangaroo มีพนักงานที่พูดภาษาอังกฤษและรู้จักกับเพื่อนบ้าน วิธีเดินทาง ที่อยู่: 1-5-20 Sonezakishinchi Captain Kangaroo ใช้เวลาเดินเพียง 5 นาทีจากทั้ง สถานี JR โอซาก้า และ สถานี Kitashinchi เข้าพักที่ Hilton Osaka แล้วออกไปเที่ยว อุเมดะ ค้นหาที่พักราคาดีที่สุดใกล้กับ...
อ่านเพิ่มเติม
หากคุณกำลังวางแผนเดินทางไป โตเกียว หนึ่งในสิ่งที่ต้องพิจารณาก็คือสนามบินในโตเกียวที่คุณต้องการเดินทางไป โดยในเมืองหลวงของประเทศญี่ปุ่นนั้นมีสนามบินนานาชาติอยู๋ 2 แห่ง: สนามบินฮาเนดะ และสนามบินนาริตะ สนามบินฮาเนดะ อยู่ใกล้กับ โตเกียว จึงเดินทางไป สถานี Shinagawa ได้สะดวก ส่วน สนามบินนาริตะ อยู่ไกลออกไป แต่ทำให้สำรวจ เมืองนาริตะ ได้ง่ายเช่นกัน และต่อไปนี้คือภาพรวมคร่าวๆของสนามบินทั้ง 2 แห่ง รวมถึงรายละเอียดของแต่ละสนามบิน ภาพรวมของสนามบินทั้ง 2 แห่งของโตเกียว: สนามบินฮาเนดะและนาริตะ สนามบินฮาเนดะ มีชื่ออย่างเป็นทางการว่าท่าอากาศยานนานาชาติโตเกียว สนามบินนี้ตั้งอยู่ที่ เมืองโอตะ ใน โตเกียว เนื่องจากทำเลที่ตั้งของ สนามบินฮาเนดะ อยู่ห่างจากทางตอนใต้ของ สถานีโตเกียว ไป 9 ไมล์ จึงช่วยให้คุณเดินทางถึงใจกลางเมืองโตเกียวได้ในเวลาเพียง 30 นาที สนามบินฮาเนดะ เป็นศูนย์กลางสำหรับ 2 สายการบินของญี่ปุ่น คือสายการบิน All Nippon Airways (ซึ่งตั้งอยู่ที่เทอมินอล 2) และสายการบิน Japan Airlines (ซึ่งตั้งอยู่ที่เทอมินอล 1) ถ้านับจากจำนวนผู้โดยสาร สนามบินฮาเนดะ เป็นสนามบินอันดับที่ 4 ที่คึกคักที่สุดของสนามบินในโลก เป็นอันดับที่ 3 ที่คึกคักที่สุดในเอเชีย รองรับผู้โดยสารได้มากกว่า 80 ล้านคนต่อปี สนามบินนาริตะ มีชื่ออย่างเป็นทางการว่าสนามบินนานาชาตินาริตะ ตั้งอยู่ใน จังหวัดชิบะ ห่างจากใจกลาง โตเกียว ไปทางตะวันออกประมาณ 37 ไมล์ สนามบินนี้ตั้งอยู่บนเส้นชายแดนระหว่าง เมืองนาริตะ และ เมือง Shibayama แม้ว่าระยะทางจะไกลเกินกว่า สนามบินฮาเนดะ แต่ สนามบินนาริตะ ก็มีการเชื่อมโยงการขนส่งที่ดีไปยังตัวเมือง ช่วยให้เดินทางตรงไปยัง โตเกียว ได้ง่าย สนามบินนาริตะ เป็นสนามบินอันดับที่ 2 ที่คึกคักที่สุดในประเทศ (รองจากฮาเนดะ) และยังทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางของสายการบิน Japan Airlines และ Nippon Airways หากวัดจากจำนวนผู้โดยสาร สนามบบินนี้เป็นสนามบินที่มีคนพลุกพล่านที่สุดในโลกเป็นอันดับที่ 49 รองรับผู้โดยสารได้กว่า 40 ล้านคนต่อปี ในขณะที่นักท่องเที่ยวจำนวนมากที่เดินทางไปกรุงโตเกียวเลือกที่จะบินเข้า สนามบินฮาเนดะ เพราะระยะทางที่ใกล้ แต่ที่จริงแล้วยังมีปัจจัยอื่นๆ อีกมากมายที่อาจมีผลต่อการเลือกสนามบินในโตเกียวสำหรับคุณ ที่จริงแล้ว สนามบินนาริตะ ให้บริการเที่ยวบินระหว่างประเทศมากกว่า ส่วน สนามบิน ฮาเนดะ ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางของเที่ยวบินในประเทศ เมื่อจองเที่ยวบินคุณอาจจะเห็นตัวเลือกเที่ยวบินมากมายที่บินไปยัง สนามบินนาริตะ แต่ก็ยังมีตัวเลือกเที่ยวสำหรับบินไปสนามบินฮาเนดะด้วยเช่นกัน ทั้งฮาเนดะและนาริตะต่างเป็นสนามบินระดับโลกที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายและการเชื่อมโยงการขนส่งที่ยอดเยี่ยม ดังนั้นคุณควรเลือกเที่ยวบินที่เหมาะสมกับแผนการเดินทางและงบประมาณของคุณมากที่สุด เข้าพักที่ Omori Tokyu REI Hotel แล้วออกไปเที่ยว เมืองโอตะ ค้นหาที่พักราคาดีที่สุดใกล้ เมืองนาริตะ สนามบินฮาเนดะ: การเดินทาง ที่พัก และกิจกรรมที่น่าสนใจ หากแผนการเดินทางของคุณทำให้คุณต้องเดินทางมาลงที่ สนามบินฮาเนดะ หรือถ้าคุณกำลังตัดสินใจว่าจะลงที่สนามบินที่ไหนดี คุณยังพอมีเวลาเลือกสนามบินเพื่อการเดินทางที่ราบรื่น นี่คือข้อมูลบางส่วนที่สำคัญสำหรับการเดินทางไป โตเกียว จาก สนามบินฮาเนดะ รวมถึงที่พักที่คุณสามารถหาได้รอบ สนามบินฮาเนดะ...
อ่านเพิ่มเติม
หมายเหตุ: บทความนี้แปลโดยเครื่องมือแปลของ Google เกียวโต เป็นแหล่งกำเนิดมรดกโลกของยูเนสโกซึ่งเป็นเมืองทันสมัยที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานดังนั้นสิ่งที่ต้องทำในเกียวโตหาง่าย! นอกจากสถานที่ทางศาสนาเช่น ศาลเจ้า Fushimi Inari และ วัด Sanjyusangen-do ผู้เข้าชมเกียวโตจะต้องแน่ใจว่าได้เยี่ยมชมสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์หลายแห่งเช่น ปราสาท Nijo ซึ่งสร้างขึ้นในปี 1603 ไม่ได้เกี่ยวกับอดีตที่ผ่านมา แม้ เกียวโต นำเสนอความทันสมัยมากมายเช่นร้านอาหารที่ได้รับรางวัลดาวมิชลินโรงแรมหรูหราและระบบรถไฟที่ทันสมัยซึ่งทำให้การเดินทางไปรอบ ๆ เมืองเป็นเรื่องง่าย จิบน้ำบริสุทธิ์ของวัดคิโยมิซุ หนึ่งในมรดกโลกที่ได้รับการยกย่องจากองค์การยูเนสโกให้เป็นหนึ่งใน เกียวโต คือ วัดคิโยมิซุ คิโยมิซุ แปลว่าน้ำบริสุทธิ์และวัดนั้นมีชื่ออยู่เนื่องจาก น้ำตกโอโตวะ ที่สวยงามซึ่งตั้งอยู่ที่ฐานของห้องโถงใหญ่ น้ำจากน้ำตกนั้นถูกแบ่งเป็นสามช่องทางซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถดื่มจากการใช้ถ้วยที่ติดอยู่กับเสายาว ลำธารน้ำแต่ละลำมีคุณสมบัติแตกต่างกันและผู้เข้าชมเลือกที่จะดื่มน้ำจากบนพื้นฐานว่าพวกเขากำลังค้นหาอายุยืนความสำเร็จในโรงเรียนหรือโชคในความรัก วัดมีชื่อเสียงมากที่สุดสำหรับระเบียงไม้ขนาดใหญ่หรือเวทีที่ยื่นออกมาจากห้องโถงหลักและวนเวียน 13 เมตรเหนือเนินเขาด้านล่าง ก่อนที่การฝึกจะถูกห้ามในปี 1872 ผู้แสวงบุญจำนวนมากจะกระโดดจากเวทีด้วยความหวังว่าการรอดชีวิตจากการกระโดดจะส่งผลให้เกิดการขอพร ประเพณีนี้นำไปสู่การแสดงออกของญี่ปุ่น "กระโดดลงมาจากเวทีที่ Kiyomizu" ซึ่งคล้ายกับ "กระโดด" ในภาษาอังกฤษ อีกจุดที่ไม่ควรพลาดที่ วัดคิโยมิซุ คือ ศาลเจ้า Jishu-Jinja ซึ่งอุทิศให้กับความรักและการจับคู่ ว่ากันว่าหากคุณสามารถเดินไปมาระหว่างก้อนหินขนาดใหญ่สองก้อนที่ทางเข้าศาลเจ้าได้โดยที่ดวงตาของคุณหลับตาลงคุณจะโชคดีที่ได้พบรัก Kiyomizu Temple ใช้เวลาเดินประมาณ 20 นาทีจาก สถานีรถไฟ Kiyomizu Gojo หรือ 10 นาทีจากป้ายรถประจำทาง Kiyomizu-michi เวลาส่วนใหญ่วัดเปิดทุกวันตั้งแต่ 6 โมงเช้าถึง 6 โมงเย็น แต่จะเปิดจนถึง 18:30 น. ในเดือนสิงหาคมและกันยายนและในวันหยุดสุดสัปดาห์และวันหยุดตั้งแต่กลางเดือนเมษายนถึงกรกฎาคม ค่าเข้าชม 400 เยน ผู้ที่เข้าชมในช่วงกลางเดือนมีนาคมหรือปลายเดือนพฤศจิกายนจะได้รับการจัดแสดงแสงยามค่ำคืน เช็คอินที่ น้ำพุร้อนธรรมชาติดอร์มีอินน์พรีเมียมเกียวโต-เอกคิมาเอะ ก้าวออกจาก วัดคิโยมิซุ ค้นหาและจองโรงแรมใน KYOTO วันนี้ เช่ากิโมโนและสำรวจย่านกิออน ในเมืองที่เต็มไปด้วยการถ่ายภาพที่โดดเด่น เขตกิออน อาจได้รับรางวัลสำหรับภูมิภาคที่มีการถ่ายรูปมากที่สุดของ เกียวโต เขตกิออน ดูเหมือนภาพที่หลายคนนึกถึงเมื่อพวกเขานึกถึงญี่ปุ่น วัดและศาลเจ้าที่สง่างามตั้งอยู่ท่ามกลางบ้านไม้ประวัติศาสตร์ที่เรียงรายไปตามถนนหินกรวดแคบของเขต เจดีย์ Yasaka (Yasaka-no-Tou) ที่ วัดHōkan-ji ตั้งอยู่เหนืออาคารอื่น ๆ ทำให้เป็นจุดโฟกัสของพื้นที่ ในเวลากลางคืนโคมไฟกระดาษจะส่องแสงตามท้องถนนและผู้โชคดีอาจจะได้เห็นเกอิชาที่กำลังมองหาเธอเพื่อรับหน้าที่เป็นพนักงานต้อนรับที่บริการน้ำชาแบบดั้งเดิม หนึ่งในกิจกรรมที่ได้รับความนิยมมากที่สุดใน เขตกิออน คือการเช่าเครื่องแต่งกายแบบญี่ปุ่นดั้งเดิมเพื่อสวมใส่ในระหว่างการสำรวจพื้นที่ เมื่อแต่งตัวในชุดกิโมโนผู้เข้าชมจะต้องแน่ใจว่าได้ถ่ายรูปภาพบน สะพาน Gion Tatsumi ซึ่งมักเรียกกันว่าเป็นจุดที่งดงามที่สุดในภูมิภาคที่เต็มไปด้วยพวกเขา สะพานแห่งนี้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมสำหรับภาพถ่ายนักท่องเที่ยวหลังจากที่มีจุดเด่นในภาพยนตร์เรื่อง Memoirs of a Geisha จะหาเกอิชาในกิออนได้ที่ไหน การเพลิดเพลินกับมื้ออาหารหรือบริการชาซึ่งจัดโดยเกอิชานั้นเป็นเรื่องที่ไกลเกินเอื้อมสำหรับผู้เข้าชมส่วนใหญ่ในญี่ปุ่น แต่ผู้ที่เต็มใจจ่ายอาจพบเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกของโรงแรม อย่างไรก็ตามนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะพบว่าการแสดงทางวัฒนธรรมที่จัดขึ้นที่ กิออนคอร์เนอร์ นำเสนอมุมมองที่ดีเกี่ยวกับศิลปะญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมที่เกอิชาที่ทันสมัยฝึกฝน รายการจะจัดขึ้นวันละสองครั้งเวลา 19.00 น. และ 21.00 น. และมีราคา 3,150 เยน (ตรวจสอบคูปองออนไลน์เพื่อรับส่วนลด 350 เยน) สามารถเดินทางไปยัง ย่าน Gion โดยรถบัสจาก สถานีเกียวโต เช็คอินที่ Kyoto Nanzenji Ryokan Yachiyo แล้วออกเดินทางไปยัง เขต Gion ค้นหาและจองโรงแรมใน KYOTO วันนี้ ขอพรที่ศาลเจ้าฟุชิมิอินาริ...
อ่านเพิ่มเติม
หมายเหตุ: บทความนี้แปลโดยเครื่องมือแปลของ Google สวนมารุยามะ ตั้งอยู่ใกล้เนินเขาของ เขต Higashiyama ในเกียวโตเป็นโอเอซิสแห่งธรรมชาติที่สวยงามและมีเสน่ห์ เป็นที่ตั้งของต้นซากุระหลายร้อยต้นที่บานสะพรั่งท่ามกลางสายลมที่หอมกรุ่นในช่วงต้นเดือนเมษายนและเนื่องจากภูมิทัศน์ที่สวยงาม สวนมารุยามะ ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก อุทยานแห่งนี้มีความยาวกว่า 86,000 เมตรมอบการพักผ่อนอย่างสงบจากความวุ่นวายของ เกียวโต คู่มือการเยี่ยมชมสวนมารุยามะ สวนมารุยามะ มีบทบาทสำคัญในวัฒนธรรมของเมือง เกียวโต ผู้เข้าชมจากทั่วทุกมุมโลกด้วยความงามที่มีกลิ่นหอมและภูมิทัศน์ที่ตกแต่งอย่างสมบูรณ์แบบ สถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวในเดือนเมษายนเมื่อต้นซากุระบานเต็ม ภายใน อุทยานมารุยามะ นักท่องเที่ยวจะได้พบกับเส้นทางเดินหลากหลายที่ครอบคลุมระยะทางของสวนสาธารณะรวมทั้งม้านั่งและที่พักผ่อนหย่อนใจ ต้นซากุระกำลังร้องไห้อยู่กลางเวทีและดึงดูดผู้คนจำนวนมากหลังจากพระอาทิตย์ตกดินเพื่อทำพิธีจุดไฟยามค่ำคืน สวนสาธารณะเปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมงต่อวันและจัดกิจกรรมพิเศษเพื่อให้ประชาชนได้เพลิดเพลินตลอดทั้งปี ในขณะที่เยี่ยมชมสวนสาธารณะนักท่องเที่ยวจะได้รับเชิญให้นั่งลงริมสระน้ำหรือใต้ต้นไม้และเพลิดเพลินกับการปิกนิกเงียบ ๆ กับคนที่คุณรัก สถานที่ท่องเที่ยวใกล้กับสวน Maruyama หลังจากใช้เวลาช่วงหนึ่งท่ามกลางต้นซากุระที่พบใน สวนมารุยามะ นักท่องเที่ยวจะได้รับเชิญให้เยี่ยมชมสถานที่น่าสนใจอื่น ๆ ที่ชุมชนมีให้ ตั้งแต่หอศิลป์ท้องถิ่นไปจนถึงสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ที่มีมานานหลายศตวรรษนักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสกับวัฒนธรรมและประเพณีของญี่ปุ่น ลองดูที่สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมใกล้ สวนมารุยามะ ศาลเจ้า Yasaka ศาลเจ้ายาซากะ สร้างขึ้นเมื่อกว่า 1,000 ปีที่แล้วเป็นศาลเจ้าที่มีผู้เข้าชมมากที่สุดใน เกียวโต และเก่าแก่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่น เป็นที่รู้จักกันในชื่อศาลเจ้ากิออนโดยชาวบ้านและสถานที่ให้บริการประกอบด้วยศาลเจ้าหลักและอาคารขนาดเล็กหลายประเภท อาคารหลักของศาลเจ้ามีสถานที่ศักดิ์สิทธิ์และห้องโถงเสนอขายที่ผู้เข้าชมสามารถทัวร์ด้วยตัวเองหรือใน บริษัท ของมัคคุเทศก์ ผู้เข้าพักสามารถนั่งสมาธิหรือมีส่วนร่วมในการสะท้อนภาพในขณะเยี่ยมชม ด้านนอกของ ศาลเจ้า Yasaka นั้นประดับประดาด้วยสถาปัตยกรรมหรูหราที่มีอยู่มากมายในสมัย Heinan การตกแต่งภายในของอาคารนั้นเรียบง่ายในธรรมชาติด้วยศิลปะและสิ่งก่อสร้างทางประวัติศาสตร์ ในแต่ละคืนศาลเจ้าจะจัดพิธีปล่อยโคมไฟซึ่งผู้เข้าชมสามารถเพลิดเพลินกับการรับแสงจากลูกลอยลอยขึ้นสู่ท้องฟ้ายามค่ำคืนท่ามกลางบรรยากาศที่สว่างไสวของศาลเจ้า ฤดูร้อนถือเป็นช่วงเวลาพิเศษสำหรับการเฉลิมฉลองรอบ ศาลเจ้ายาซากะ เนื่องจากสถานที่แห่งนี้ยินดีต้อนรับผู้มาเยี่ยมชมเทศกาลฤดูร้อนประจำปีของ Gion Matsuri เป็นกิจกรรมที่เต็มไปด้วยความสนุกสนานที่แขกสามารถมีส่วนร่วมในเกมและกิจกรรมทางวัฒนธรรมรวมทั้งทานอาหารข้างถนนสไตล์ญี่ปุ่นแสนอร่อย การเฉลิมฉลองนี้เกิดขึ้นในช่วงเดือนกรกฎาคมและสนุกสำหรับทั้งครอบครัว ให้แน่ใจว่าได้เดินเล่นในสวนที่ตั้งอยู่ในศาลเจ้าเนื่องจากดอกไม้บานเต็มที่ในช่วงฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อน ศาลเจ้าเปิดให้บริการทุกวันตลอด 24 ชั่วโมงและไม่เสียค่าใช้จ่าย พิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยใหม่แห่งชาติเกียวโต พิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยใหม่แห่งชาติตั้งอยู่ในอาคารสไตล์อาร์ตเดโคที่สวยงามใน เกียวโต จัดแสดงผลงานศิลปะและเอกสารตั้งแต่ศตวรรษที่ 20 ถึงปัจจุบัน พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เปิดทำการเมื่อปี 2529 และนำเสนอผลงานชั้นดีจากศิลปินท้องถิ่นและศิลปินต่างประเทศ พิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยใหม่แห่งชาติเกียวโต ตั้งอยู่ในอาคารที่กว้างขวางซึ่งมีหลายชั้นสูงและมีพื้นที่จัดแสดงกว่า 2,000 ตารางฟุต ขอแนะนำให้แขกใช้เวลาอย่างน้อยสองสามชั่วโมงที่พิพิธภัณฑ์เพื่อชมผลงานที่ยอดเยี่ยมทั้งหมด พิพิธภัณฑ์แห่งนี้มีคอลเล็กชั่นถาวรรวมถึงนิทรรศการพิเศษอีกเกือบสิบชิ้น แขกจะได้พบกับภาพวาดภาพวาดรูปปั้นและอื่น ๆ ของญี่ปุ่นดั้งเดิม พิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยใหม่แห่งชาติเกียวโต เปิดให้บริการตั้งแต่ 9:30 น. ถึง 17:00 น. วันจันทร์ถึงวันพฤหัสบดีและ 9:30 น. ถึง 20:00 น. ในวันศุกร์และวันเสาร์ ค่าเข้าชมพิพิธภัณฑ์ 1,000 เยนสำหรับผู้ใหญ่ 500 เยนสำหรับนักเรียนและฟรีสำหรับเด็ก ถนนตำบลกิออน สำหรับผู้ที่ต้องการสำรวจวัฒนธรรมที่แท้จริงของย่าน กิออน อย่าลืมเดินเล่นไปตามถนนเขตกิออนที่ซึ่งผู้เข้าชมจะได้พบกับเกอิชาทั้งหมดที่เป็นที่รู้จักกันในพื้นที่ ถนน Gion District เป็นที่ตั้งของอาหารญี่ปุ่นทดลองบ้านประวัติศาสตร์ที่เปลี่ยนเป็นร้านค้าบูติกบาร์และโรงภาพยนตร์ที่แขกสามารถชมเกอิชาแสดงดนตรีและการเต้นรำแบบดั้งเดิม ถนน Gion District เป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมในช่วงเดือนที่มีการเดินทางไม่ว่างของปี ถนน Gion District เป็นสถานที่ที่สนุกสนานและน่าสนใจและดึงดูดผู้เข้าชมทุกวัย ถนนเปิดตลอด 24 ชั่วโมงต่อวันและธุรกิจในพื้นที่มีเวลาทำการพิเศษ ศาลเจ้าเฮอันจิงกู สร้างขึ้นในช่วงปลายปี 1800 เพื่อเฉลิมฉลอง เกียวโต ที่เด่นชัดเป็นเมืองหลวงของเกาะ ศาลเจ้าเฮอันจิงกุ ยกย่องความทรงจำของจักรพรรดิที่ทำให้เป็นไปได้ ศาลเจ้าอันหรูหราแห่งนี้สร้างขึ้นในสถาปัตยกรรมญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมและนำเสนอซุ้มที่สวยงามที่เชื้อเชิญให้ผู้เข้าชมเข้ามาและสำรวจการตกแต่งภายใน แวะชมทัวร์พร้อมไกด์ซึ่งนักประวัติศาสตร์จะอธิบายถึงความสำคัญของศาลเจ้านี้ต่อเมือง ภายนอกของ ศาลเจ้าเฮอันจิงกุ นั้นประดับประดาด้วยต้นซากุระและพืชพันธุ์พื้นเมืองที่ให้บรรยากาศที่ผ่อนคลายและแปลกใหม่ ศาลเจ้าสามารถมองเห็นสระน้ำที่เพิ่มความสง่างาม สำหรับผู้ที่จะอยู่ในพื้นที่ในเดือนตุลาคมศาลเจ้าเป็นเจ้าภาพจัดงานเฉลิมฉลองประจำปีที่เรียกว่าเทศกาล Jidai ซึ่งแขกสามารถเข้าร่วมในการเฉลิมฉลองการก่อตั้งของ เกียวโต ศาลเจ้าเฮอันจิงกุ เปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งแต่ 6 โมงเช้าถึง...
อ่านเพิ่มเติม
บทความนี้แปลโดย Google Machine Translation ชุมชน เกียวโต ที่ขึ้นชื่อเรื่องร้านขายไม้แบบดั้งเดิมและวัฒนธรรมเกอิชาที่อุดมไปด้วย กิออน เป็นย่านที่เฉลิมฉลองอดีตและปัจจุบันของญี่ปุ่น ในขณะที่อยู่ใน กิออน ผู้เข้าชมสามารถรับประทานอาหารที่ร้านอาหารที่ได้รับรางวัลเยี่ยมชมหนึ่งในเรียวกังของมันใช้เวลาในความงามตามธรรมชาติของถิ่นทุรกันดารชม Geishas ดำเนินการเต้นรำแบบดั้งเดิมและการแสดงละครและพักในห้องพัก ประสบการณ์ที่เงียบสงบ คู่มือฉบับสมบูรณ์สำหรับการสำรวจกิออนเกียวโต กิออน เป็นสถานที่พิเศษที่เสนอบทเรียนเกี่ยวกับประวัติศาสตร์วัฒนธรรมและประเพณีให้กับทุกคนที่มาเยี่ยมชม เป็นสถานที่ที่ผู้คนสามารถผ่อนคลายและดื่มด่ำกับจิตวิญญาณภายในของพวกเขาในขณะที่เพลิดเพลินกับสิ่งอำนวยความสะดวกที่ทันสมัยทั้งหมดของเขตเมืองใหญ่ ตั้งแต่โรงแรมชั้นดีไปจนถึงสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจและอาหารรสเลิศแขกจะเพลิดเพลินไปกับทุกสิ่งที่มีให้เห็นและทำใน กิออน สถานที่ท่องเที่ยวต้องห้ามในกิออน นอกจากศาลเจ้าและวัดโบราณแล้ว กิออน ยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวยุคใหม่ที่เน้นวัฒนธรรมและความหลากหลายของเมืองที่น่าทึ่งแห่งนี้ ไม่ว่าจะเป็นพิพิธภัณฑ์ไปจนถึงงานเลี้ยงอาหารค่ำกับงาน Maiko แขกผู้เข้าพักจะได้พบกับความสนุกและสถานที่ท่องเที่ยวเชิงโต้ตอบที่หลากหลาย ต่อไปนี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ดีที่สุดที่ กิออน มีให้: สะพาน Tatsumi สะพาน Tatsumi ที่งดงามและแปลกตานำพาผู้มาเยือนข้าม แม่น้ำ Kamo และความงามที่สมบูรณ์แบบของภาพ แขกจะต้องแน่ใจว่าได้นำกล้องติดตัวไปด้วยเมื่อเช็คเอาท์สะพานนี้! ถ้ามันดูคุ้น ๆ อาจเป็นเพราะสะพานจำลองนี้ถูกสร้างขึ้นสำหรับฉากในภาพยนตร์เรื่อง Memoirs of a Geisha ทางเดินเลียบสะพานทำจากหินธรรมชาติและเรียงรายไปด้วยต้นซากุระที่บานสะพรั่งในช่วงฤดูใบไม้ผลิ สะพาน Tatsumi เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าตื่นตาตื่นใจในช่วงกลางวันและกลางคืน เมื่อพระอาทิตย์ตกดินสะพานนี้จะถูกจุดไฟด้วยโคมไฟสีแดงที่ให้ความรู้สึกอบอุ่นและเป็นบรรยากาศเหมาะสำหรับการออกเดทกลางคืน สะพานนี้เปิดตลอด 24 ชั่วโมงเพื่อความสุขในการรับชมของคุณ พิพิธภัณฑ์และห้องสมุดญี่ปุ่นคันจิ ภาษาเขียนภาษาญี่ปุ่นประกอบด้วยตัวอักษรที่เขียนมากกว่า 5,000 ตัวและผู้เยี่ยมชมสามารถมองเห็นพวกเขาทุกคนในขณะที่เยี่ยมชม พิพิธภัณฑ์และห้องสมุดญี่ปุ่นคันจิ พิพิธภัณฑ์ที่สนุกและมีการโต้ตอบนี้อุทิศให้กับภาษาเขียนของประเทศและผู้เยี่ยมชมสามารถสัมผัสเล่นและเรียนรู้เกี่ยวกับตัวละครทั้งหมดและเกี่ยวกับประวัติของภาษาในขณะที่เยี่ยมชม พิพิธภัณฑ์และห้องสมุดญี่ปุ่นคันจิ เปิดในปี 2559 และให้ความรู้สึกทันสมัยตลอด ผนังในทางเดินหลักนั้นเรียงรายไปด้วยเส้นเวลาขนาดใหญ่ของการพัฒนาภาษาจากรากของมันในประเทศจีน มีหอคอยอยู่ข้างในซึ่งตัวละครทั้งหมดจะถูกแสดงเพื่อให้ผู้มาเยี่ยมชมได้ดู การจัดแสดงแบบอินเทอร์แอคทีฟสอนแขกเกี่ยวกับความหมายของอักขระแต่ละตัวและความสำคัญของตัวละคร พิพิธภัณฑ์และห้องสมุดญี่ปุ่นคันจิ เปิดให้บริการตั้งแต่ 9:30 น. ถึง 17:00 น. ทุกวันตลอดสัปดาห์ยกเว้นวันจันทร์ ค่าเข้าชมพิพิธภัณฑ์และห้องสมุด 500 เยนสำหรับผู้ใหญ่และ 300 เยนสำหรับเด็ก Gion Corner สถานที่ที่ผู้มาเยี่ยมชมจะได้สัมผัสกับศิลปะการแสดงของญี่ปุ่น Gion Corner ภายใน Yasaka Hall ล้วน แต่มีทั้งหมด ที่ผู้เข้าชม Gion Corner สามารถนั่งในโรงละครที่น่าสนใจและชมการแสดงเจ็ดประเภทที่แตกต่างกันโดยนักแสดงมืออาชีพและนักดนตรี ที่ Gion Corner แขกสามารถรับชมในฐานะ Maiko แสดงท่าเต้นแบบดั้งเดิมนักแสดงแสดงชีวิตในเรื่องตลกในการแสดงโรงละคร Kyogen และฟังเพลงที่เคยได้ยินที่ Imperial Palace แขกจะเข้าร่วมในรายการบันเทิงตลอดชีพเมื่อจองที่นั่งที่รายการใดรายการหนึ่งเหล่านี้ การแสดงเริ่มทุกวันเวลา 18:00 น. และ 19:00 น. และเข้าชมได้คือ 3,150 เยนสำหรับผู้ใหญ่ 2,200 เยนสำหรับนักเรียนและ 1,900 เยนสำหรับเด็ก ค้นหาและจองโรงแรมใน GION วันนี้ วัดและศาลเจ้าที่เป็นที่นิยมในกิออน กิออน เป็นที่ตั้งของศาลเจ้าและวัดที่มีอายุหลายศตวรรษและแขกสามารถสำรวจและเรียนรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์อันมีชีวิตชีวาของภูมิภาคนี้ สถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์เหล่านี้เฉลิมฉลองมรดกตกทอดของอดีตผู้นำรวมถึงบุคคลสำคัญทางศาสนาที่ส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อสิ่งที่ กิออน เป็นอยู่ในปัจจุบัน ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างของวัดและศาลเจ้าที่เป็นที่นิยมมากที่สุดในขณะที่คุณอยู่ในเมือง: ศาลเจ้า Yasaka ศาลเจ้ายาซากะ ตั้งอยู่ในใจกลางเมืองเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมากที่สุดแห่งหนึ่งในภูมิภาค ศาลเจ้าอันหรูหราแห่งนี้เป็นที่ตั้งของเทศกาลประจำปี Gion Matsuri ที่เกิดขึ้นในเดือนกรกฎาคมดึงดูดนักท่องเที่ยวและคนในท้องถิ่นนับพัน ศาลเจ้ายาซากะ สร้างขึ้นเมื่อกว่า 1300 ปีที่แล้วและเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการเยี่ยมชมทั้งกลางวันและกลางคืน มันเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ภายในห้องโถงเสนอขายและอาคารขนาดเล็กหลายแห่ง ผู้เข้าพักสามารถหยุดและตรวจสอบในระหว่างวันและเข้าร่วมทัวร์พร้อมไกด์ ในตอนกลางคืนศาลเจ้าจะมีชีวิตชีวาเมื่อสว่างไสวและผู้เข้าพักจะได้ชื่นชมความงามและร่วมพิธีปล่อยโคมไฟ วางแผนที่จะเยี่ยมชม ศาลเจ้ายาซากะ ในช่วงเดือนเมษายนเมื่อต้นซากุระบานสะพรั่งเพื่อชื่นชมความงามและสูดกลิ่นหอมของดอกไม้ ศาลเจ้า Yasaka เปิดให้บริการตลอด...
อ่านเพิ่มเติม
หมายเหตุ: บทความนี้แปลโดยเครื่องมือแปลของ Google หอคอยเกียวโต เป็นคุณลักษณะที่โดดเด่นที่สุดของเส้นขอบฟ้าของ เกียวโต การเข้าถึงความสูง 430 ฟุตโครงสร้างสีแดงและสีขาวตั้งอยู่เหนือส่วนที่เหลือของเมืองและให้ทัศนียภาพกว้างไกลจากหอสังเกตการณ์สูง 328 ฟุต เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมและเข้าถึงได้ง่ายตั้งอยู่ติดกับ สถานีเกียวโต หอคอยแห่งนี้ตั้งอยู่บนอาคารสูงเก้าชั้นที่รู้จักกันในชื่อ อาคารเกียวโตทาวเวอร์ ซึ่งประกอบด้วยห้างสรรพสินค้า เกียวโตทาวเวอร์ซานโดะ โรงแรมเกียวโตทาวเวอร์ สปาศูนย์ข้อมูลนักท่องเที่ยวและอีกมากมาย ใช้เวลาหลายชั่วโมงในการเที่ยวชมสถานที่ต่างๆและสำรวจทุกสิ่งที่ Kyoto Tower มีให้ ประวัติโดยย่อของหอคอยเกียวโต แผนสำหรับการก่อสร้าง หอคอยเกียวโต ถูกเสนอขึ้นครั้งแรกเมื่อปี 2503 โดยได้รับการออกแบบโดยสถาปนิกสมัยใหม่ชื่อมาโมรุยามาดะและเริ่มการก่อสร้างในปี 2506 บนเว็บไซต์ก่อนหน้านี้ ที่ทำการไปรษณีย์กลางของเกียวโต รูปร่างและสีโดยรวมของหอคอยนั้นมีจุดประสงค์คล้ายกับเทียนญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม มันถูกสร้างขึ้นเพื่อทนต่อกองกำลังของแผ่นดินไหวและไต้ฝุ่นขนาดใหญ่ การก่อสร้างใกล้จะแล้วเสร็จในปลายปีถัดไปและหอเปิดอย่างเป็นทางการในวันที่ 28 ธันวาคม 2507 แม้ว่าจะมีการคัดค้านต่อสาธารณะในการก่อสร้างอาคารขนาดใหญ่ทันสมัยในใจกลาง เกียวโต ประวัติศาสตร์ หนึ่งล้านคนในปีแรก การเดินทางไปยัง Kyoto Tower หอคอยเกียวโต ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของ สถานีเกียวโต ซึ่งเป็นศูนย์กลางการคมนาคมหลักของเมือง สถานีเกียวโต เป็นหนึ่งในอาคารที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นทั้งหมดเป็นสถานที่สำคัญเช่นกัน หากต้องการไปยัง หอคอยเกียวโต เพียงออกจากประตู Karasuma Central แล้วข้ามถนนหรือใช้ทางเดินใต้ดินเข้าสู่หอคอย คุณสามารถเข้าถึง สถานีเกียวโต ด้วยรถไฟหรือรถบัสจากที่ใดก็ได้ใน เกียวโต สถานีนี้มีเส้นทางรถไฟความเร็วสูงตรงไปยัง โตเกียว โอซาก้า และ นาโกย่า ทำให้การเดินทางไปชม หอคอยเกียวโต เป็นเรื่องง่ายแม้ว่าคุณจะไม่ได้อยู่ในเมืองก็ตาม เช็คอินที่ สถานี Mitsui Garden Hotel Kyoto ออกจาก สถานี Kyoto ค้นหาและจองโรงแรมใกล้ KYOTO TOWER TODAY วันนี้ หอสังเกตการณ์เกียวโตทาวเวอร์ แน่นอนว่าหอคอยหลักของ หอคอยเกียวโต นั้นแน่นอนว่าเป็นหอสังเกตการณ์อันสูงส่ง ตั้งอยู่บนชั้น 4 และ 5 ของหอคอยดาดฟ้าล้อมรอบศูนย์กลางของอาคารทำให้คุณเพลิดเพลินไปกับวิวทิวทัศน์มุมกว้าง 360 องศาทั่วเมือง เว็บไซต์ยอดนิยมรวมถึง สถานีเกียวโต ด้านล่างโดยตรง วัดโทจิ และเจดีย์ห้าชั้นไปทางตะวันตกเฉียงใต้และแม้กระทั่ง โอซาก้า ในระยะไกลในวันที่อากาศแจ่มใส! มุมมองสามารถเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงขึ้นอยู่กับฤดูกาลและแม้กระทั่งชั่วโมงที่คุณไป พระอาทิตย์ตกเป็นช่วงเวลาที่สวยงามเป็นพิเศษในการเยี่ยมชม หอคอยเกียวโต และคุณสามารถชมทิวทัศน์อันงดงามของท้องฟ้าสีส้มจากทางด้านบน ผู้เข้าชมยังสามารถใช้กล้องโทรทรรศน์บนชั้น 5 ได้ฟรีและมีการตรวจสอบข้อมูลการท่องเที่ยวเพื่อให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยว ในการเข้าถึงหอสังเกตการณ์คุณต้องซื้อตั๋วที่สำนักงานขายตั๋วชั้นหนึ่งก่อน กระโดดขึ้นลิฟต์ไปที่ชั้น 11 จากนั้นย้ายไปที่ลิฟต์มุ่งหน้าขึ้นหอคอย การเข้าชมหอคอยเกียวโตและเวลาทำการ หอคอยเกียวโต เปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งแต่ 9 โมงเช้าถึงสามทุ่มครึ่งโดยมีการลงทะเบียนครั้งสุดท้ายเวลา 21.00 น. ค่าธรรมเนียมเข้าชม 800 เยนสำหรับผู้ใหญ่ 650 เยนสำหรับนักเรียนมัธยมปลาย 550 เยนสำหรับนักเรียนประถมและมัธยมต้นและ 150 เยนสำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 6 ปีราคาถูกกว่าสำหรับกลุ่ม 10 คนขึ้นไป หอคอยเกียวโต รับบัตรเครดิตที่สำคัญที่สุดรวมถึงแอพชำระเงินมือถือหลายแห่งรวมถึง PayPay, WeChat Pay และ Alipay เช็คอินที่ โรงแรมริชมอนด์พรีเมียร์เกียวโตเอกิมาเอะ ก้าวออกจาก หอคอยเกียวโต ค้นหาและจองโรงแรมใกล้ KYOTO TOWER TODAY วันนี้ ร้านอาหารหอคอยเกียวโต หอคอยเกียวโต...
อ่านเพิ่มเติม
หมายเหตุ: บทความนี้แปลโดยเครื่องมือแปลของ Google สถานีเกียวโต เป็นแก้วและเหล็กที่มีความสูง 15 ชั้นซึ่งเป็นจุดแตกหักที่เกือบจะเป็นอนาคตของสิ่งปลูกสร้างที่มีอายุหลายศตวรรษซึ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกสู่ เกียวโต ในแต่ละปีมีผู้เข้าชมมากกว่า 50 ล้านคนมาที่เมืองและส่วนใหญ่จะผ่าน สถานีเกียวโต เมื่อถึงเวลาที่พวกเขาอยู่ เกียวโต เป็นที่อยู่อาศัยของประชากร 1.5 ล้านคนซึ่งหลายคนพึ่งพาการขนส่งสาธารณะที่ สถานีเกียวโต ทั้งหมดนี้พูดได้ว่า สถานีเกียวโต เป็นสถานที่ที่ยุ่งมาก! การเดินทางไปยังสถานีเกียวโตและสถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียง การเดินทางไปยัง สถานีเกียวโต นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ด้วยรถไฟความเร็วสูงใช้เวลาเดินทางประมาณสองชั่วโมงครึ่งจาก สถานีโตเกียว และ Haruka Express ใช้เวลาเดินทางจากสถานีรถไฟ สนามบินคันไซ ไปยัง สถานีเกียวโต ประมาณ 75 นาที จากภายใน เกียวโต สามารถเข้าถึงสถานีได้อย่างง่ายดายด้วยรถไฟใต้ดินสาย Karasuma นอกจากนี้ยังมีโรงแรมมากมายใกล้และแม้กระทั่ง ใน สถานีเกียวโต ดังนั้นการเดินทางสามารถทำได้ง่ายเพียงแค่เดินไม่กี่ก้าว ไม่เพียง แต่นักท่องเที่ยวจะสามารถเข้าถึงสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจที่สุดของ เกียวโต ผ่านทางรถไฟรถบัสและรถไฟใต้ดินจาก สถานีเกียวโต ได้ สถานีแห่งนี้ยังอยู่ในระยะที่สามารถเดินได้จากสองแหล่งมรดกโลกของเมืองยูเนสโก ได้แก่ Tō-ji Temple และ Higashi Honganji นอกจากนี้ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวให้ชมและทำมากมายทำให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของตัวเอง ประวัติสถานีเกียวโต การทำซ้ำครั้งแรกของ สถานีเกียวโต สร้างขึ้นในปี 1877 ด้วยวัสดุที่ทันสมัยที่สุดของยุคอิฐ จักรพรรดิเมจิเข้าร่วมการเปิดตัวของอาคารซึ่งถูกมองว่าเป็นจุดเริ่มต้นของยุคใหม่ของความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี 2457 โดยเพิ่มใช้จำเป็นต้องมีสถานีขนาดใหญ่ซึ่งถูกสร้างขึ้นจากไม้ไซเปรสบนเว็บไซต์ที่สถานีปัจจุบันนั่งอยู่ โชคไม่ดีที่สถานีนั้นถูกทำลายด้วยไฟในปี 1950 และโครงสร้างคอนกรีตที่แทนที่มันมีประสิทธิภาพ แต่ไม่ดึงดูดสายตาดังนั้นในปี 1990 การแข่งขันออกแบบได้ถูกจัดขึ้นเพื่อเลือกสถาปนิกที่จะมาสร้าง สถานีเกียวโต อีกครั้ง ฮิโรชิฮาร่าชนะสถาปนิกหกคนด้วยวิสัยทัศน์ที่ล้ำสมัยสำหรับสถานีใหม่ ในขณะที่บางคนคัดค้านในเวลานั้นด้วยความกลัวว่าอาคารกระจกและเหล็กอันสง่างามจะไม่เกิดขึ้นในเมืองแห่งสถาปัตยกรรมแบบดั้งเดิมการออกแบบ 15 ชั้นของ Hara ได้ดำเนินการแล้วและมีการเปิดสถานีใหม่ในเดือนกันยายน 1997 เพื่อเฉลิมฉลองเมือง วันครบรอบ 1,200 ปี ในทศวรรษที่ผ่านมา สถานีเกียวโต ได้กลายเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมที่สุดใน เกียวโต เช็คอินเข้าโรงแรม The Junei Hotel Kyoto Imperial Palace West ออกจากสถานี Kyoto ค้นหาและจองโรงแรมใน KYOTO วันนี้ การเดินทางรอบสถานีรถไฟเกียวโต สถานีเกียวโต เป็นหนึ่งในอาคารที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น แต่ไม่จำเป็นต้องกลัวที่จะนำทาง มีบูธข้อมูลหลายแห่งพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ที่ล่อแหลมและมัคคุเทศก์และแผนที่ของสถานีฟรีสำหรับทุกคนที่ต้องการ ที่กล่าวมาก็ควรที่จะทำการวางแผนล่วงหน้าเล็กน้อยเพื่อทำความคุ้นเคยกับการจัดวางของสถานี สถานีเกียวโต สามารถเดินทางจากทางเหนือหรือใต้ ด้านทิศเหนือของสถานีซึ่งหันหน้าไปทาง หอคอยเกียวโต และ ที่ทำการไปรษณีย์กลางของเกียวโต นั้นเรียกว่าฝั่งคาระซึมะ ที่นี่คือสถานที่ที่นักท่องเที่ยวจะพบประตู Chuo ที่ใช้ในการเดินทางด้วยรถไฟ JR และ Haruka Express ไปยังสนามบิน ปีกฝั่งตะวันออกของฝั่ง Karasuma เป็นที่ตั้งของ Hotel Granvia Kyoto ซึ่งตั้งอยู่ภายในสถานีเพียงไม่กี่ก้าวจากทางรถไฟหลายสาย พื้นที่ค้าปลีกสิบสามชั้นจะใช้พื้นที่ด้านตะวันตกของฝั่ง Karasuma ทางทิศใต้หรือฮาจิโจข้าง สถานีเกียวโต หันหน้าไปทางร้านค้าและโรงแรมบนถนนฮาจิโจและประกอบด้วยร้านค้าและร้านอาหารขนาดใหญ่สองแห่ง ทางเข้าด้าน Hachijo สะดวกที่สุดในการเข้าถึงรถไฟความเร็วสูงชินคันเซ็น หากต้องการย้ายระหว่างสถานี Karasuma และ Hachijo ผู้เข้าชมสามารถใช้ทางเดินใต้ดินหรือทางเดินเท้าบนชั้นสองของสถานี สถานีเกียวโต สถานีเกียวโต เป็นมากกว่าศูนย์การขนส่ง แม้ว่าจะเป็นประตูสู่เมือง เกียวโต...
อ่านเพิ่มเติม
หมายเหตุ: บทความนี้แปลโดยเครื่องมือแปลของ Google ทางตะวันตกของ เกียวโต เป็นที่ตั้งของหมู่บ้านแปลกตาใน อาราชิยามะ ที่อยู่อาศัยแรกในช่วงยุคเฮอัน มีประวัติความเป็นมาตั้งแต่ต้นปี ค.ศ. 700 อาราชิยามะ ยังคงต้อนรับผู้อยู่อาศัยและนักท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่องมาจนถึงทุกวันนี้ อาราชิยามะ ตั้งอยู่ริมฝั่ง แม่น้ำคัตสึระ ที่เต็มไปด้วยต้นซากุระที่บานสะพรั่งและป่าไผ่เขียวชอุ่ม อาราชิยามะ ถือเป็นเขตที่ซ่อนตัวอยู่ของ เกียวโต และมอบการพักผ่อนที่เงียบสงบจากเขตอื่นๆ ที่มีประชากรหนาแน่นของเมือง เป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางของคนรักธรรมชาติที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เพราะมีทั้งป่าลิงที่มีชื่อเสียง ดงไผ่และการผจญภัยในแม่น้ำ อาราชิยามะ ยังเป็นที่ตั้งของวัดและศาลเจ้าอันเก่าแก่มากมาย ร้านค้าบูติก ร้านอาหารชั้นดีและร้านนํ้าชาของเจ้าของท้องถิ่นต่างๆ สำหรับใครที่กำลังมองหาด้านที่เงียบสงบของญี่ปุ่น อย่าลืมเก็บ อาราชิยามะ ไว้ในลิสต์ด้วยนะ สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในอาราชิยามะ อาราชิยามะ ไม่เพียงแค่มีวัดและศาลเจ้าที่สวยที่สุดในญี่ปุ่นเท่านั้น แต่ยังมีธรรมชาติและสถานที่ท่องเที่ยวยุคใหม่มากมายสำหรับใครที่กำลังมองหาประสบการณ์การเรียนรู้ที่หลากหลาย ไม่ว่าจะต้องการปีนเขาที่สวยงามหรือต้องการสัมผัสศิลปะท้องถิ่น ก็มีที่ให้เที่ยวใน อาราชิยามะ สำหรับทุกคน สวนลิงอาราชิยามะ สวนลิงอะราชิยามะ เป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยธุรกิจของลิงเป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกจะได้รับความบันเทิงอย่างแน่นอน สวนลิงอะราชิยามะ เป็นที่อยู่อาศัยของลิงสายพันธุ์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในญี่ปุ่นและยินดีต้อนรับผู้เยี่ยมชมที่จะแวะเยี่ยมชมและชมไพรเมตขณะที่พวกเขาเล่นกินและสำรวจคุณ ผู้เยี่ยมชมจะได้ชมลิงญี่ปุ่นมากกว่า 120 ตัวในเขตอนุรักษ์ของอุทยาน สวนลิงอะราชิยามะ ตั้งอยู่ที่ด้านบนของ ภูเขาลิง ในการไปที่สวนสาธารณะแขกจะปีนขึ้นบันไดหินยาวที่ประดับด้วยใบไม้ที่หอมหวาน ครั้งหนึ่งที่สวนสาธารณะมีสัญญาณที่แสดงความยินดีกับทุกคนที่มีความแข็งแกร่งที่จะทำให้มันอยู่ด้านบน! ผู้เข้าพักจะได้พบกับม้านั่งสำหรับพักผ่อนและอาหารว่างที่สามารถนำไปส่งให้กับลิงที่สวน ให้แน่ใจว่าได้ตรวจสอบกฎความปลอดภัยก่อนที่จะมีปฏิสัมพันธ์กับลิง สวนลิงอาราชิยามะ เปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่ 9.00 น. ถึง 16.00 น. ป่ากิโมโน Kimono Forest เป็นเอกลักษณ์และสวยงามเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่แปลกตาที่มีสีสันสดใสและการออกแบบที่สนุกสนาน Kimono Forest เป็นงานศิลปะที่แท้จริงและมอบโอกาสให้แขกได้เห็นการออกแบบโรงเรียนทั้งเก่าและใหม่ที่เป็นแฟชั่นที่โดดเด่นที่สุดในญี่ปุ่น - ชุดกิโมโน! Kimono Forest ตั้งอยู่ไม่ไกลจาก สถานี Randen Arashiyama และมีเสาท่อทั้งในร่มและกลางแจ้งหลายร้อยต้นจัดแสดงผ้าที่ยอดเยี่ยมซึ่งเป็นชุดกิโมโนที่สวมใส่ในญี่ปุ่น ผ้าแต่ละผืนทำด้วยมือและมีการออกแบบที่น่าทึ่ง ผู้เข้าชมสามารถเดินขึ้นและลงบนเส้นทางเพื่อตรวจสอบผ้าทั้งหมดและหลงทางในเขาวงกต Kimono Forest เปิดให้บริการจนถึง 21:00 น. ทุกคืนและไม่เสียค่าเข้าชม Tenzan-no-yu Onsen เพลิดเพลินไปกับการบำบัดน้ำพุร้อนธรรมชาติที่ออนเซ็นแห่งเดียวในพื้นที่ที่ Tenzan-no-yu Onsen นอกเมือง Arashiyama Tenzan-no-yu Onsen เป็นโรงอาบน้ำที่มีบ่อน้ำพุร้อนกลางแจ้งที่สามารถแช่ได้ทั้งกลางวันและกลางคืน น้ำแร่ที่อุดมไปด้วยธรรมชาตินั้นมีสุขภาพดีและสามารถรักษาปัญหาที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพได้มากมาย สำหรับผู้ที่ต้องการอาบน้ำในอาคารมีห้องอาบน้ำในร่มและพื้นที่ทำความสะอาดภายในอาคาร ในขณะที่รอที่จะเข้าสู่อ่างแขกผู้เข้าพักสามารถเพลิดเพลินกับอาหารท้องถิ่นที่ร้านอาหารในร่มขนาดใหญ่หรือดึงที่นั่งบนเก้าอี้เลานจ์ มีบริการนวดในสถานที่สำหรับผู้ที่ต้องการผ่อนคลายกล้ามเนื้อ Tenzan-no-yu Onsen เปิดให้บริการตั้งแต่ 10.00 น. ถึง 01.00 น. ทุกวันในสัปดาห์ยกเว้นวันจันทร์ที่สามของแต่ละเดือน ค่าเข้าชมออนเซ็น 1,050 เยนสำหรับผู้ใหญ่และ 500 เยนสำหรับเด็ก สัมผัสกับพลังบำบัดตามธรรมชาติของน้ำพุร้อนที่ออนเซ็นแห่งนี้! รถไฟชมทัศนียภาพซากาโนะ กระโดดขึ้นรถรางโบราณหนึ่งคันและเตรียมพร้อมที่จะนั่งรถไฟชมทิวทัศน์ของชีวิตตลอดเส้นทางรถไฟ Sagano Scenic Railway ที่ตาม แม่น้ำ Hozugawa! เส้นทางนี้เป็นที่รู้จักกันดีในนามการขี่สุดโรแมนติก แต่ก็เป็นกิจกรรมที่เหมาะสำหรับเพื่อนและสมาชิกในครอบครัวและเป็นวิธีที่ไม่เหมือนใครในการชมเมืองและชนบท ขณะอยู่บนรถไฟผู้โดยสารจะได้เดินทาง 25 นาทีผ่านอุโมงค์ป่าทุ่งหญ้าและป่า รถยนต์รถไฟแต่ละคันมีหน้าต่างที่สามารถเปิดได้ในวันที่อากาศอบอุ่นและมีแดด รถไฟวิ่งทุกวันตั้งแต่ 9.00 น. ถึง 16.00 น. ยกเว้นวันพุธและค่าเข้าชมคือ 630 เยนต่อคน ควรจองล่วงหน้าเนื่องจาก Sagano Scenic Railway เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม สถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ใน Arashiyama อะราชิยามะ ตั้งอยู่ในภูมิภาคที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์และเป็นที่ตั้งของศาลเจ้าและวัดโบราณที่กระจายอยู่ทั่วทั้งภูมิภาค สำหรับผู้ที่ต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการปฏิบัติทางศาสนาโบราณและประเพณีของ Arashiyama...
อ่านเพิ่มเติม
หมายเหตุ: บทความนี้แปลโดยเครื่องมือแปลของ Google Beppu เป็นโอเอซิสที่ผ่อนคลายทางด้านตะวันออกของ เกาะคิวชู เป็นเมืองหลวงของโลกที่ให้บริการน้ำพุร้อนธรรมชาติมากกว่า 2,000 อ่างสำหรับผู้ที่มาเยี่ยมเยียนเพื่อคลายความกังวล ชุมชน เบปปุ เป็นที่ตั้งของรีสอร์ทหรูหราร้านอาหารชั้นเลิศวัดเก่าแก่และศาลเจ้าและตัวเลือกที่พักที่ผ่อนคลายมากมายที่เหมาะสมกับงบประมาณทุกประเภท ไม่ว่าเหตุผลของคุณสำหรับการเยี่ยมชม คิวชู ใช้เวลาให้คุ้มค่าที่สุดและพิจารณาจองหนึ่งในบ้านเช่าใหม่ล่าสุดในเบปปุ แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติในพื้นที่เบปปุของคิวชู เบปปุ เป็นเขตภูเขาที่สวยงามพร้อมแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติมากมายที่นักท่องเที่ยวสามารถออกสำรวจได้ในยามว่าง สำหรับผู้ที่ต้องการเดินออกจากเส้นทางที่ถูกตีและเชื่อมต่อกับธรรมชาติที่นี่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวชั้นนำสำหรับการเยี่ยมชม! Mount Yufu - เดินเข้าไปในประเทศด้านหลังและไต่เขาตามเส้นทางที่ตั้งอยู่รอบ ๆ Mount Yufu และหุบเขาโดยรอบ แขกจะได้รับโอกาสในการค้นพบพืชพรรณและสัตว์ป่าในท้องถิ่นและถ่ายภาพที่น่าทึ่ง สวน Beppu - ความงดงามตามธรรมชาติในช่วงฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อนเมื่อดอกไม้บานสะพรั่งสวนแห่งนี้มีเส้นทางปูลาดม้านั่งศิลปะกลางแจ้งและสถานที่เงียบสงบสำหรับนั่งชมและคิด มีดอกไม้นับพันที่จ้องมองและร้องเพลงให้ฟัง ทะเลสาบ Kinrin - ได้รับชื่อจากแสงสีทองอันสวยงามของทะเลสาบที่มีรูปร่างเป็นเกล็ดปลา ทะเลสาบคินริน เป็นทะเลสาบน้ำพุร้อนธรรมชาติที่สร้างความพึงพอใจให้กับผู้มาเยือนทุกฤดูกาลตลอดทั้งปี ทะเลสาบมีท่าเทียบเรือที่แขกสามารถเดินเล่นรวมถึงความอุดมสมบูรณ์ของต้นไม้นานาชนิดเพื่อชื่นชม สวนสัตว์ธรรมชาติ Takasakiyama - เดินเข้าไปในป่าของสวนสัตว์และชมลิงพื้นเมืองที่สนุกสนานและเล่นในที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติ แขกผู้เข้าพักจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับชีวิตและพฤติกรรมของสัตว์ประหลาดเหล่านี้ Beppu Beach Sand Bath - สัมผัสประสบการณ์สปาธรรมชาติอันงดงามแขกรับเชิญให้ลงไปที่ชายหาดปิดบังตัวเองในทรายและเพลิดเพลินไปกับความอบอุ่นที่เปล่งประกายร่างกายของพวกเขาในขณะที่มองออกไปในมหาสมุทรเกิน ชายหาดทอดยาวแห่งนี้มีพื้นที่ทรายที่ร้อนแรงด้วยไอน้ำที่ขึ้นมาจากใต้พื้นผิวและเป็นประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร Yufugawa canyon - สิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติสำหรับคนรักธรรมชาติที่แท้จริงเดินป่าเข้าไปในป่าและชื่นชมความงามของหุบเขานี้! มันมีลำธารน้ำตกที่มีน้ำตกพืชและสัตว์พื้นเมืองและเสียงนกนานาชนิด ค้นหาและจองโรงแรมใน BEPPU วันนี้ 10 Brand New Rental Homes in Beppu กำลังมองหาที่พักใน เบปปุ แต่ไม่ต้องการจองโรงแรม ชุมชนแห่งนี้มีอพาร์ทเมนท์ใหม่เอี่ยมหลายแห่งที่ผู้เข้าพักสามารถเช่าได้ต่อคืน แขกผู้เข้าพักสามารถใช้ประโยชน์จากความสะดวกสบายเหมือนอยู่บ้านในขณะที่โอบกอดวัฒนธรรมของ ญี่ปุ่น และสัมผัสกับสิ่งที่เป็นเหมือนอยู่ในท้องถิ่น! นี่คือบ้านเช่าใหม่ยอดนิยมใน เบปปุ 1. Newly built in 2019 ! designers room! Beppu Kiku2 ออกแบบโดยคำนึงถึงความสะดวกสบาย Newly built in 2019 ! designers room! Beppu Kiku2 เป็นบ้านใหม่ที่สวยงามที่สามารถจองน้อยกว่า 11,000 เยนต่อคืน! บ้านทันสมัยนี้ถูกสร้างขึ้นเองโดยนักออกแบบตกแต่งภายในมืออาชีพและตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์โทนสีกลางและอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้าใหม่เอี่ยม Newly built in 2019 ! designers room! Beppu Kiku2 เหมาะสำหรับครอบครัวที่มาพร้อมกับสามเตียงคู่และเตียงโซฟา เมื่อพักที่อพาร์ทเมนท์นี้นักเดินทางจะได้พักอย่างเป็นส่วนตัวและสะดวกสบายในขณะที่ยังคงใกล้กับสถานที่น่าดึงดูดทุกแห่งในใจกลางเมือง มีห้องครัวขนาดใหญ่สำหรับผู้ที่ต้องการทำอาหารและเตรียมอาหารขณะที่เพลิดเพลินกับการเข้าพัก อพาร์ทเมนท์แห่งนี้มาพร้อมกับเครื่องปรับอากาศเครื่องซักผ้า Wi-Fi และผลิตภัณฑ์เครื่องหอมสำหรับห้องน้ำ Newly built in 2019 ! designers room! Beppu Kiku2 ตั้งอยู่ในทำเลสะดวกห่างจาก สถานีรถไฟ Beppu ไม่ถึง 1 ไมล์ผู้เข้าพักสามารถเดินไปยังสถานีและขึ้นรถไฟไปยังสถานที่ท่องเที่ยวร้านอาหารและร้านค้าใน Beppu และที่อื่น ๆ เบปปุ เป็นชุมชนริมทะเลที่สวยงามที่เต็มไปด้วยวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ที่แขกไม่ควรพลาด! เช็คอินที่ Newly built in 2019 ! designers room! Beppu Kiku2 ก้าวออกจาก Hyotan Onsen 2. Newly...
อ่านเพิ่มเติม
หมายเหตุ: บทความนี้แปลโดยเครื่องมือแปลของ Google ก่อนที่จะย้ายไปที่ พระราชวังอิมพีเรียล โตเกียวในปี ค.ศ. 1869 จักรพรรดิญี่ปุ่นและราชวงศ์อิมพีเรียลอาศัยอยู่ใน เกียวโต พระราชวังอิมพีเรียลเกียวโต (หรือที่รู้จักกันในนามเกียวโตโกโช) ประกอบด้วยอาคารหลักสี่แห่งรวมถึงห้องโถงขนาดเล็กและบ้านพักหลายหลัง ในขณะที่อาคารสามารถชื่นชมได้จากภายนอกเท่านั้นผู้เข้าชมสามารถสำรวจบริเวณที่งดงามและทัวร์ไกด์นำเที่ยวเพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของ พระราชวังอิมพีเรียล ใน เกียวโต พระราชวังอิมพีเรียลเกียวโต: ค่าเข้าชมไกด์นำเที่ยวและเวลาเปิดทำการ นอกจากจะเป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์แล้วเหตุผลสำคัญที่ควรเยี่ยมชม พระราชวังอิมพีเรียลเกียวโต ก็คือการเข้าชมฟรี นักท่องเที่ยวที่มีงบ จำกัด จะรักการใช้จ่ายในช่วงเช้าหรือบ่ายสำรวจสวนสวยและชมอาคารพระราชวังโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ผู้เข้าชมยังสามารถใช้ประโยชน์จากทัวร์ไกด์นำเที่ยวภาษาอังกฤษฟรี 50 นาทีซึ่งเปิดให้บริการเวลา 10.00 น. และ 14.00 น. ทุกวันที่พระราชวังอิมพีเรียลเปิดทำการ สำนักงานครัวเรือนอิมพีเรียลดำเนินการทัวร์เหล่านี้ ไม่จำเป็นต้องลงทะเบียนล่วงหน้า: เพียงแค่มุ่งหน้าไปที่ห้องผู้เยี่ยมชมไม่นานก่อนที่ทัวร์จะเริ่มขึ้นเพื่อเข้าร่วมกลุ่ม มีบริการทัวร์ญี่ปุ่นและจีนตลอดทั้งวัน เวลาทำการของ พระราชวังอิมพีเรียลเกียวโต นั้นแตกต่างกันเล็กน้อยขึ้นอยู่กับช่วงเวลาของปีและการรับเข้าครั้งสุดท้ายมักจะเป็น 40 นาทีก่อนปิดทำการ ปิดทุกวันจันทร์วันหยุดราชการและทุกปีตั้งแต่วันที่ 28 ธันวาคมถึง 4 มกราคม พระราชวังอิมพีเรียล อาจปิดให้บริการแก่ผู้เยี่ยมชมเป็นระยะเพื่อจัดกิจกรรมจักรวรรดิดังนั้นนักท่องเที่ยวควรตรวจสอบกำหนดการก่อนวางแผนการเดินทาง เวลาทำการ กันยายนและมีนาคม: 9:00 น. ถึง 16:30 น. (รายการสุดท้ายเวลา 15:50 น.) ตุลาคมถึงกุมภาพันธ์: 9:00 น. ถึง 16:00 น. (รายการสุดท้ายเวลา 15:20 น.) เมษายนถึงสิงหาคม: 9:00 น. ถึง 17:00 น. (เข้าครั้งสุดท้ายเมื่อ 16:20 น.) เยี่ยมชมพระราชวังอิมพีเรียลเกียวโต เมื่อไปเยือน พระราชวังอิมพีเรียลเกียวโต นักท่องเที่ยวจะต้องประทับใจไปกับสถาปัตยกรรมที่งดงามและทิวทัศน์อันน่าทึ่งที่จะต้องสัมผัส การนำเที่ยวแบบมีไกด์เป็นวิธีที่ดีที่สุดวิธีหนึ่งในการสำรวจบริเวณพระราชวังโดยเฉพาะอย่างยิ่งเนื่องจากไม่มีค่าใช้จ่าย ทัวร์ช่วยให้ผู้เยี่ยมชมสามารถมองเห็นสถานที่สำคัญและรับฟังข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมในเวลาเดียวกัน พวกเขาอาจเรียนรู้เคล็ดลับเกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียง เกียวโต กลุ่มทัวร์จะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปในอาคารพระราชวัง แต่การได้ยินเกี่ยวกับพวกเขาจากผู้เชี่ยวชาญด้านพระราชวังที่มีความรู้นั้นยังคงเป็นประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยม นักท่องเที่ยวอาจเลือกที่จะเดินทางท่องเที่ยวด้วยตัวเอง อาคารที่สามารถมองเห็นได้จากด้านนอกบางส่วนเป็น ห้องโถงแห่งพิธีกรรม (Shishinden), Imperial Study (Ogakumonjo) และ ห้องพิจารณาคดี (Kogosho) อาคารเหล่านี้เป็นตัวอย่างที่น่าทึ่งของสถาปัตยกรรมยุคเฮอันคลาสสิก บางทีสิ่งที่สวยงามยิ่งกว่านั้นก็คือบริเวณพระราชวังซึ่งได้รับการดูแลอย่างพิถีพิถันและเต็มไปด้วยลำธารหินสะพานและแมกไม้เขียวขจี สำรวจอุทยานอิมพีเรียลเกียวโต หลังจากใช้เวลาสักครู่เพื่อชมพระราชวังอิมพีเรียลนักท่องเที่ยวสามารถหันเหความสนใจไปยังส่วนที่เหลือของ อุทยานอิมพีเรียลเกียวโต รู้จักกันในนาม อุทยานแห่งชาติเกียวโตเกียวเอ็น พื้นที่สีเขียวอันงดงามแห่งนี้เป็นที่ตั้งของสถานที่ท่องเที่ยวอื่น ๆ ของญี่ปุ่นที่สามารถเยี่ยมชมได้ฟรี บางแห่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมในขณะที่บางแห่งเป็นสถานที่สำคัญทางศาสนาหรือสถานที่พักผ่อนหย่อนใจที่สวยงาม Sento Imperial Palace: ตั้งอยู่ใกล้กับ พระราชวังอิมพีเรียลเกียวโต คือ Sento Imperial Palace ซึ่งเป็นพระราชวังขนาดเล็ก เดิมสร้างขึ้นเพื่อเป็นบ้านพักตากอากาศสำหรับจักรพรรดิ Gomizuno ในปี 1630 และเป็นบ้านของจักรพรรดิญี่ปุ่นอื่น ๆ อีกมากมายนับ แต่นั้นมา มีทัวร์ฟรีของ Sento Imperial Palace และแขกสามารถคาดหวังว่าจะได้เห็นบ่อน้ำทางทิศเหนือสระน้ำทางทิศใต้อาคารพระราชวังต่าง ๆ และโรงน้ำชา Seikatei สำนักงานครัวเรือนอิมพีเรียลยังดำเนินการทัวร์เหล่านี้ ศาลเจ้า Itsukushima: ศาลเจ้าชินโตที่เงียบสงบแห่งนี้ตั้งอยู่ใกล้กับประตูด้านทิศใต้ของสวนสาธารณะติดกับสระน้ำขนาดเล็ก แม้ว่าจะไม่สับสนกับศาลเจ้าอิซึกุชิมะที่ลอยอยู่ในอ่าวฮิโรชิม่าที่มีชื่อเสียงของมิยาจิมะศาลเจ้าเกียวโตยังคงคุ้มค่าแก่การเยี่ยมชมเพื่อชมหินโทริ (ประตูญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม) Kaninnomiya Mansion: อดีตที่อยู่อาศัยของสมาชิกเผ่า Fujiwara เปิดให้สาธารณชนเข้าชมตั้งแต่เวลา 9:00 น. ถึง 16:00...
อ่านเพิ่มเติม
ไปเที่ยว เมืองนารา อย่าลืมพกกล้องและมือถือให้พร้อมเพราะเมืองนาราเต็มไปด้วยสถานที่สำหรับการถ่ายรูปสวยๆ ลงอินสตราแกรมและโซเชียลมีเดียอื่นๆ มากมาย เริ่มเที่ยวจาก สวนสาธารณะนารา และแวะถ่ายรูปสวยๆ กับกวางซิก้าและ วัดโทไดจิ ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่ทางประวัติศาสตร์ ใครชอบเที่ยวแนวผจญภัย จาก วัดไทโดจิ จะลองเดินขึ้น ภูเขาวาคาคุสะ (Mount Wakakusa) ด้วยก็ได้ หรืออีกทางเลือกคือ นั่งรถไฟจากสถานี Abenobashi Station จากเมืองโอซาก้า ใช้เวลาประมาณ 75 นาที ไปเที่ยว ภูเขาโยชิโนะ (Yoshinoyama) เพื่อชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม รวมถึง วัดฮาเซเดระ (Hasedera Temple) ซึ่งมี Noborirou (ทางเดินขึ้นเขา) อันโด่งดังและทิวทัศน์อันงดงามจากห้องโถงหลัก [caption id="attachment_283367" align="aligncenter" width="500"] ©藤浪 秀明 สงวนลิขสิทธิ์[/caption] ไฮไลท์ในเมืองนารา | จุดถ่ายรูปห้ามพลาดในเมืองนารา เมืองนารา เต็มไปด้วยกิจกรรม วัดสวย ๆ และสถานที่เก่าแก่ทางประวัติศาสตร์มากมาย นักเดินทางจะได้มีโอกาสใกล้ชิดกับกวางซิก้าแบบฟินสุดๆ ที่ สวนสาธารณะนารา รอบๆ สวนมีวิวภูเขางดงาม และยังมีการแสดงดอกไม้ไฟเป็นครั้งคราวอีกด้วย [caption id="attachment_283287" align="aligncenter" width="500"] ©藤浪 秀明 สงวนลิขสิทธิ์[/caption] ภูเขาวาคาคุสะ (Wakakusayama) ภูเขาภูเขาวาคาคุสะ (Mount Wakakusa) เป็นวิวแรกที่เราจะเห็นเมื่อไปเที่ยว สวนสาธารณะนารา ภูเขานี้มีความสูง 342 เมตรและปกคลุมด้วยหญ้าสีเขียวสามชั้นกว่า 206 ไร่ หอดูดาวที่ตั้งอยู่ครึ่งทางระหว่างขึ้นยอดเขา วาคาคุสะ เป็นจุดแวะพักที่ดียิ่งในการชมวิวทิวทัศน์อันงดงามของ เมืองนารา และภูมิภาคโดยรอบ รวมไปถึงตัวยอดเขาวาคาคุสะเองด้วย ในช่วงกลางคืน วิวจาก ภูเขาวาคาคุสะ ถือเป็นหนึ่งในวิวติดอันดับท็อปทรีที่ต้องมาเยี่ยมชมให้ได้ในญี่ปุ่นเลยทีเดียว การพบเห็นกวางบน ภูเขาวะคะคุสะ เป็นเรื่องธรรมดา นักท่องเที่ยวสามารถถ่ายรูปกวางได้อย่างใกล้ชิดในขณะที่พวกมันกินหญ้าบนเนินเขาอีกด้วย การเยี่ยมชม ภูเขาวาคาคุสะ เข้าจากประตูทางเข้าทางเหนือหรือใต้ก็ได้ เข้าพักที่ Kotonoyado Musashino แล้วออกไปเที่ยว เมืองนารา ค้นหาและจองที่พักราคาดีที่สุดในนารา [caption id="attachment_283407" align="aligncenter" width="500"] ©藤浪 秀明 สงวนลิขสิทธิ์[/caption] ศาลเจ้าคาซุงะไทฉะ (Ksuga Taisha Shrine) ศาลเจ้าคาซุงะไทฉะ (Kasugataisha Shrine) เป็นหนึ่งในศาลเจ้าชินโตที่โด่งดังที่สุดในนารา ศาลเจ้านี้มีโคมไฟสำริดและโคมไฟหินเยอะที่สุด (มากกว่า 3,000 โคม!) ในญี่ปุ่น มาเยี่ยมชมวัดนี้รับรองว่าไม่เสียเที่ยวแน่นอน ศาลเจ้านี้ได้รับการสร้างขึ้นหลังจากที่เทพเจ้าจากเมืองคาชิมะ (Kashima) จังหวัดอิบารากิ (Ibaraki) ได้รับการประดิษฐานไว้ในภูเขาคาซุงะ ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นภูเขาศักดิ์สิทธิ์มาตั้งแต่สมัยโบราณ ศาลเจ้าแห่งนี้ได้รับการสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 768 และตอนนี้เป็นสถานที่จัดงานเทศกาลมากกว่า 2,200 งานต่อปี อีเวนต์ต่างๆ ที่ ศาลเจ้าคาซุงะไทฉะ เช่น พิธีแบบชินโตในช่วงเช้าและช่วงเย็น รวมถึงเทศกาลฤดูหนาวยอดนิยม คือ Kasuga Wakamiya Onmatsuri ซึ่งจัดขึ้นในวันที่ 17 ธันวาคม ส่วนช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์และกลางเดือนสิงหาคม ตะเกียงที่...
อ่านเพิ่มเติม
นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นรถไฟความเร็วสูงได้ที่ สถานีชินโอซาก้า (Shin-Osaka Station) จุดเริ่มต้นที่เหมาะกับการเที่ยว โอซาก้า และต่อไปยังสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมอื่นๆ เช่น เกียวโต และ ฮิโรชิม่า โดยรอบสถานีชินโอซาก้ามีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายที่ไม่ใช่แค่ที่เที่ยวทางประวัติศสาตร์เท่านั้นแต่ยังมีกิจกรรมต่างๆ ให้ทำอีกมากมาย แหล่งช้อปปิ้งและกิจกรรมใกล้สถานีชินโอซาก้า สวนสาธารณะโยโดกาวะ (Yodogawa Park): เช่าจักรยานขี่ชมวิว แม่น้ำโยโด (Yodo River) หากมีกระเป๋าสามารถเก็บกระเป๋าไว้ในล็อกเกอร์ได้ที่สถานี ห้าง Eki Marche Shin-Osaka และ ห้าง arde! Shin-Osaka: ซื้ออาหารและของฝากที่ศูนย์การค้าสองแห่งนี้ได้ อยู่ใกล้กับทางเชื่อมรถไฟ สุดยอดร้านอร่อยที่สถานีชินโอซาก้า นั่งกินอาหารราคาประหยัดที่สถานี หรือไปลง สถานี Nishinakajimaminamikata ที่อยู่ถัดไปอีก 1 สถานี เพื่อสำรวจร้านอาหารโลคอลใน Yodogawa ได้เลย ร้าน Kyochabana Shin-Osaka: กินโอโคโนมิยากิที่ชั้นสองของ ตึก Shin-Osaka Hankyu ทางทิศเหนือของสถานี หรือนั่งกินอาหารญี่ปุ่นที่ Yanaken Boo: ชั้นสามของ ตึก Shin-Osaka Hankyu และขึ้นรถไฟสาย Midosuji Line ไปลง สถานี Nishinakajimaminamikata เพื่อกินราเมงแบบดั้งเดิมที่ร้านราเมงยอดนิยม Ramen Uroko แวะนั่งชิลที่บาร์และเลานจ์ใกล้สถานีชินโอซาก้า Jim Beam Bar Shin-Osaka: จิบค็อกเทล Jim Beam และกินอาหารทานเล่นสไตล์อเมริกันที่ห้าง Eki Marche Shin-Osaka ร้าน Bar19: นั่งชมพระอาทิตย์ตกดินไปพร้อมกับเครื่องดื่มสูตรพิเศษบนชั้นสูงสุดของโรงแรม Courtyard by Marriott Shin-Osaka เดินจาก สถานีชินโอซาก้า เพียง 3 นาที (140 เมตร) การเดินทางที่สถานีชินโอซาก้า นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เดินทางมา สถานีชินโอซาก้า ด้วยรถไฟชินคันเซ็น สถานีรถไฟนี้แบ่งออกเป็น 4 แถมยังแบ่งสายรถไฟเป็นสี่สายตามจุดหมายปลายทางให้เข้าใจง่ายๆ อีกด้วย สาย Shinkansen Line Tokaido Shinkansen: เชื่อมระหว่างโตเกียว นาโกย่าและเกียวโตตะวันออก Kyushu Shinkansen: เชื่อมระหว่างฮิโรชิม่าและฮากาตะฝั่งตะวันตก Sanyo Shinkansen: เชื่อมระหว่างฟุกุโอกะ ฮิโรชิม่าและโอคายาม่าฝั่งตะวันตก สาย JR Line รถไฟด่วนพิเศษฮารุกะ (Haruka Limited Express): เชื่อมต่อไปสนามบินนานาชาติคันไซ คุโรชิโอะและรถไฟด่วนพิเศษซุปเปอร์ฮาคุโตะ (Kuroshio and Super Hakuto Limited Express): เชื่อมต่อไปเกียวโต รถไฟด่วนพิเศษทันเดอร์เบิร์ด (Thunderbird Limited Express): ให้บริการในหลายสายไปยังโกเบ ฟุกุจิยามะและเกียวโต รถไฟใต้ดินโอซาก้า สาย Midosuji Subway Line: เชื่อมระหว่างนัมบะ ชินไซบาชิและเท็นโนจิ ในโอซาก้า เข้าพักที่โรงแรมและโฮสเทลใกล้ สถานีชินโอซาก้า Residential Hotel Hare...
อ่านเพิ่มเติม
ย่านประวัติศาสตร์ เท็นโนจิ (Tennoji) ในโอซาก้า มีกิจกรรมน่าสนใจให้ทำมากมาย และยังมีที่พักแบบโรงแรมและหอพักราคาประหยัดเพียบ จะใช้เวลาทั้งวันกับครอบครัวที่ สวนสัตว์เท็นโนจิ แล้วไปชมพระอาทิตย์ตกดินจากหอสังเกตการณ์บนตึกระฟ้า อาเบโนะ ฮารุกัส ก็ได้นะ ที่เที่ยวห้ามพลาดและสถานที่สำคัญในเท็นโนจิ ตึกอาเบโนะ ฮารุกัส (Abeno Harukas): ขึ้นไปชมเส้นขอบฟ้าของโอซาก้า อ่าวโกเบ และชมเมือง โกเบ และ วาคายาม่า ที่หอชมเมือง ฮารุกัส 300 บนชั้น 58, 59 และ 60 ของตึกที่สูงที่สุดใน โอซาก้า แล้วไปใช้เวลาในช่วงบ่ายในสวนที่เงียบสงบรอบล้อมด้วยธรรมชาติสีเขียว และสระน้ำที่ สวนเท็นโนจิ (Tennoji-koen Park) แวะชม พิพิธภัณฑ์วิจิตรศิลป์โอซาก้า ซึ้งตั้งอยู่บนพื้นที่เก่าแก่ของตระกูล Sumimoto พิพิธภัณฑ์วิจิตรศิลป์แห่งโอซาก้า แห่งนี้จัดแสดงวัตถุโบราณ และประติมากรรมกลางแจ้ง จากนั้นเดินต่อไปที่ สวนเคทาคุเอ็น ที่สวยงาม เพื่อเดินเล่นชมเหล่าดอกไม้และสัตว์ท้องถิ่น แล้วแวะเพิ่มความสดชื่นให้ตัวเองด้วยการนั่งจิบน้ำชาที่บ้านน้ำชา หรือไปเพลิดเพลินกับบรรดาสัตว์ที่ สวนสัตว์เท็นโนจิ ที่มาทั้งจากในเขตทุ่งหญ้าสะวันน่าไปจนถึงเขตป่าดงดิบ ซึ่งมีให้ชมมากกว่า 200 สายพันธุ์ที่ใกล้สูญพันธุ์และสัตว์ป่าคุ้มครองจากทั่วโลก แวะไหว้พระขอพรที่ วัดชิเท็นโนจิ วัดในยุคศตวรรษที่ 6 ล้อมรอบด้วยป่าตามธรรมชาติ ที่แม้จะมีการบูรณะซ่อมแซมไปแล้วบ้าง แต่วัดโบราณแห่งนี้ยังคงรักษารูปลักษณ์ในอดีตไว้ได้ แหล่งช้อปปิ้งน่าไป Tennoji MIO: เพลิดเพลินกับการช้อปปิ้งแบบปลอดภาษีในร้านค้ากว่า 380 ร้านของห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ สามารถเดินจาก สถานีเท็นโนจิ เข้าห้างไปได้เลย แล้วเดินเลือกเสื้อผ้าแฟชั่นแบบอินเทรนด์ๆอย่าง Uniqlo และ Tokyu Hands ที่ ศูนย์การค้า Abeno Cues Town ด้านในยังมี ห้าง Abeno Q's Mall ที่กินพื้นที่ไปถึงห้าชั้น พร้อมสถานที่แสดงดนตรีสด Rocktown และ Bic Camera หลังจากนั้นก็ไปช้อปปิ้งกันต่อที่ ตลาดชิเท็นโนจิ: อยู่ใกล้กับ วัดชิเท็นโนจิ ซึ่งจัดขึ้นทุกวันที่ 21 และ 22 ของทุกเดือนจะมีสินค้างานฝีมือและเครื่องปั้นดินเผาให้ได้เลือกซื้อกันด้วย ทาโกะยากิ คุชิคัตสึและคุชิอาเกะ ไอศกรีมมัทฉะ ร้านอาหารญี่ปุ่นน่าลอง ยามะจัง (Yamachan): แวะซื้อทาโกยากิจากร้านสตรีทฟู้ดชื่อดังที่ได้รับการแนะนำโดยมิชลินไกด์พร้อมซุปหลากหลายสูตรพิเศษของร้านให้เลือก หรือลองชิมของทอดที่ คุชิคัตสึ ดารุมะ ชินเซไก (Kushikatsu Daruma Shinsekai): ร้านคุชิคัสตึเจ้าดัง เสิร์ฟในไซส์พอดีคำมีให้เลือกทั้งเนื้อสัตว์ ผักและปลา เหมาะจะเป็นอาหารว่างของคนรักสุขภาพหลังจากเดินเที่ยวตอนเย็นที่ชินเซไก และต่อด้วยของหวานอย่างไอศกรีมชาเขียวและชามัทฉะของ ร้าน Nana's green tea: ซึ่งเป็นร้านปลอดบุหรี่ที่ ห้าง Uehommachi YUFURA อยู่ที่ สถานี Osaka Uehonmachi แหล่งที่เที่ยวยามค่ำคืน Taneyoshi: แวะยืนจิบเบียร์กับชาวโอซาก้าที่บาร์ทะจิโนมิ (ทะจิ = ยืน โนมิ =ดื่ม) แห่งนี้ แกล้มด้วยเต้าหู้แผ่นรสพริกไทยในเมนู Jigokudofu และไปเดินเลือกร้านอิซากายะในย่านที่กลิ่นอายแบบเรโทรของนิวยอร์กและปารีสอย่าง ย่านชินเซไก การเดินทาง สถานีเท็นโนจิ เป็นหนึ่งในสถานีหลักของ ย่านเท็นโนจิ...
อ่านเพิ่มเติม
“อนุสรณ์สถานทางประวัติศาสตร์ของนาราโบราณ ” (Historic Monuments of Ancient Nara) เป็นแหล่งมรดกโลกของยูเนสโก ซึ่งครอบคลุมสถานที่สำคัญหลายแห่งในเมืองหลวงโบราณของ นารา สถานที่ทางศาสนาเหล่านี้มีความโดดเด่นในช่วงยุคนารา (ค.ศ. 710-794) อย่าลืมรวบรวมรายชื่อวัดอื่นๆ ในนาราก่อนไปเที่ยวชม วัดและศาลเจ้าหลายแห่งที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของความเจริญรุ่งเรืองทั่วประเทศ การเสนอชื่อทรัพย์สินทางวัฒนธรรมเหล่านี้ให้เป็นมรดกโลกเพียงแห่งเดียวเป็นหลักฐานการอุทิศตนของ นารา ในการอนุรักษ์ประวัติศาสตร์ที่ยาวนานกว่า 1,300 ปี ไปสัมผัสบรรยากาศแบบ นารา โบราณได้โดยการเที่ยวชมสถาปัตยกรรมประวัติศาสตร์ รูปปั้นพระพุทธรูปและธรรมชาติที่สวยงาม [caption id="attachment_283918" align="aligncenter" width="500"] ©東大寺 สงวนลิขสิทธิ์[/caption] 1. ทัวร์วัดในนารา | วัดโทไดจิ (Todaiji Temple) สิ่งที่น่าประทับใจที่สุดใน วัดโทไดจิ (Todaiji Temple) คือพระพุทธรูปที่สูงถึง 15 เมตร ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก พระพุทธเจ้าหรือที่รู้จักกันในนาม "ไดบุทสึ" ในภาษาญี่ปุ่นมีชื่ออย่างเป็นทางการว่า "Rusha-Na-Butsu" (ไวโรจนะพุทธเจ้า) และมีความสูงกว่าพระศากยมุนีประมาณ 10 เท่า ซึ่งตามพระพุทธประวัติเชื่อว่าพระพุทธเจ้าสูงเป็นสองเท่าของขนาดคนธรรมดา (สูงประมาณ 3.2 ม.) เนื่องจากเป็นรูปปั้นนั่งความสูงจึงมีขนาดประมาณครึ่งหนึ่ง เชื่อกันว่าพระพุทธรูปนี้ได้รับการสร้างขึ้นเพื่อสวดภาวนาให้มีความสงบและความสุขสำหรับทุกคน และพระพุทธรูปที่ยิ่งใหญ่แสดงถึงจักรวาลที่ไม่รู้จบ ไดบุทสึจึงเป็นพระพุทธรูปสำริดที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น ชาวบ้านและนักท่องเที่ยวต่างชาติต่างมาเที่ยวชมกันมากมายตลอดทั้งปี อย่าลืมมองไปตรงเสาไม้ที่มีรูอันโด่งดังซึ่งอยู่ในฐานก่อนออกจากห้องโถงใหญ่ เพราะว่ากันว่ารูนั้นมีขนาดเท่ากับจมูกของพระพุทธเจ้าผู้ยิ่งใหญ่และใครที่สามารถผ่านเข้าไปในรูนั้นได้ก็จะได้รับพร [caption id="attachment_283958" align="aligncenter" width="500"] ©東大寺 สงวนลิขสิทธิ์[/caption] [caption id="attachment_283998" align="aligncenter" width="500"] ©飛鳥園 สงวนลิขสิทธิ์[/caption] 2. ทัวร์วัดในนารา | วัดโคฟุกุจิ (Kohfukuji Temple) วัดโคฟุคุจิ (Kohfukuji Temple) ได้ย้ายมาตั้ง ณ ตำแหน่งปัจจุบันเมื่อปี ค.ศ. 710 ระหว่างการย้ายเมืองหลวงของประเทศจาก อะซุกะ (Asuka) มายัง นารา วัดแห่งนี้มีชื่อเสียงเรื่องงโครงสร้างดั้งเดิมทางประวัติศาสตร์ โดยหนึ่งในสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นคือเจดีย์ห้าชั้นที่สูงเป็นอันดับสองในญี่ปุ่น เรียกว่า Central Golden Hall (Chukondo) ซึ่งสร้างขึ้นใหม่เป็นครั้งแรกในรอบ 300 ปี โดยเปิดให้ประชาชนเข้าชมตั้งแต่ช่วงฤดูใบไม้ร่วงปี ค.ศ. 2018 หากได้ไปเที่ยว โคฟุกุจิ (Kohfukuji) ไม่ควรพลาดชม พิพิธภัณฑ์สมบัติแห่งชาติ (National Treasure Museum) ซึ่งเป็นหนึ่งในแหล่งรวมพระพุทธรูปที่ดีที่สุดของญี่ปุ่น โดยอาชูร่าเป็นรูปปั้นที่มีชื่อเสียงที่สุด มีอาวุธหกกร สามพักตร์ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้พิทักษ์ของพระพุทธเจ้า [caption id="attachment_289489" align="aligncenter" width="500"] ©新薬師寺 สงวนลิขสิทธิ์[/caption] 3. ทัวร์วัดในนารา | วัดชินยาคุชิจิ (Shin Yakushiji Temple) วัดชินยาคุชิจิ (Shin Yakushiji Temple) ก่อตั้งขึ้นโดยจักรพรรดินีโคเมียว (Empress Komyo) ในปี ค.ศ. 747 เพื่อพยายามรักษาสามีที่ป่วย และอุทิศให้กับพระไภษัชยคุรุหรือ Yakushi Nyorai ในภาษาญี่ปุ่น ห้องโถงหลักของวัดเป็นสถาปัตยกรรมชิ้นสำคัญของ นารา...
อ่านเพิ่มเติม
สนามบินอิตามิ (ITM) เป็นสนามบินภายในประเทศของโอซาก้า แม้จะเคยใช้ชื่อเก่า (และยังคงใช้กันทั่วไป) ว่า สนามบินนานาชาติโอซาก้า สนามบินอยู่ห่างจากใจกลางเมืองโอซาก้าประมาณ 10 กิโลเมตร และให้บริการเที่ยวบินไปยังจุดหมายปลายทางกว่า 30 แห่งในญี่ปุ่น สนามบินอิตามิ (ITM) เป็นสนามบินหลักสำหรับภูมิภาคคันไซซึ่งรองรับนักท่องเที่ยวจาก โอซาก้า เกียวโต และ โกเบ ที่เที่ยวระหว่างหยุดพักที่สนามบินอิตามิ สวน Itami Sky Park : เหยียดแข้งเหยีดขาพลางเพลิดเพลินไปกับวิวของเครื่องบินที่ขึ้นลงอยู่ใกล้ๆ ได้ที่สวนสาธารณะเปิดโล่งแห่งนี้ซึ่งมีพื้นที่สีเขียวมากมาย รวมถึงม้านั่ง และแม้กระทั่งสนามเด็กเล่นพร้อมที่ปืนป่าย สไลด์เดอร์และเขาวงกต 3 มิติ ในฤดูใบไม้ผลิเมื่อดอกอาเซเลียมากกว่า 14,000 ดอกบานบนเนินเขาใกล้เคียงก็ยิ่งเหมาะกับการเก็บรูปสวยๆ เลานจ์ Credit Card Holder Lounger : เปิดให้บริการสำหรับทุกคนที่ใช้บัตรเครดิต เปิดบริการเวลา 6:30 - 22:00 น. เลานจ์มีที่นั่งปลอดบุหรี่ 104 ที่นั่ง และที่นั่งสูบบุหรี่ 17 ที่นั่ง เพลิดเพลินไปกับน้ำอัดลม หนังสือพิมพ์และนิตยสารได้ฟรี เบียร์และบริการทางด้านธุรกิจก็มีเช่นกัน โดยมีค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม       - ค่าเข้าเลานจ์ (ล่าสุดปี ค.ศ. 2018): ผู้ใหญ่ 1,230 เยน (ประมาณ 369 บาท) เด็กอายุ 3-18 ปี 610 เยน (ประมาณ 183 บาท) เด็กอายุ 3 ปีหรือต่ำกว่าเข้าฟรี บริการนวดและร้านซาลอน : ให้บริการสำหรับผู้โดยสารที่ต้องการผ่อนคลายแต่ไม่ต้องการเปลี่ยนเสื้อผ้า Queen's Way และ Queensway Light ให้บริการนวดและซาลอนในอาคารผู้โดยสารด้านทิศเหนือและส่วนกลางตามลำดับ ช้อปปิ้ง : ไปร้านค้าปลอดภาษี ร้านขายยา ร้านขายของที่ระลึกและร้านอาหารมากมาย ที่อาคารผู้โดยสารด้านทิศใต้และตึกกลาง ที่เที่ยวใกล้สนามบินอิตามิ Cup Noodles Museum Osaka Ikeda : ลองชิมบะหมี่ถ้วยยอดนิยมของญี่ปุ่นและเรียนรู้ว่าบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแบบถ้วยนี้โด่งดังไปทั่วโลกได้อย่างไร นั่งรถไฟจาก สถานี Osaka Airport ไปยัง สถานีอิเคดะ (Ikeda Station) และเดินไปอีกประมาณ 5 นาที สวน Hattori Ryokuchi Park : แวะสูดอากาศบริสุทธิ์และเรียนรู้ประวัติศาสตร์ในสวนกว้างที่อยู่ห่างจาก สนามบินอิตามิ ประมาณ 20 นาที สถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมากที่สุดของสวนสาธารณะในเมืองคือ พิพิธภัณฑ์ Open Air Museum of Old Japanese Farm Houses และ Hattori Greenland Equestrian Center ส่วนสถานที่ท่องเที่ยวไม่เสียค่าใช้จ่ายมีทั้งเส้นทางเดิน สนามเทนนิส และบ่อนํ้า Yamaga วิธีเดินทางที่สะดวกที่สุดจากสนามบินอิตามิไปโอซาก้า รถบัสลีมูซีนของสนามบินอิตามิ เป็นวิธีการเดินทางที่สะดวกที่สุดในการไป โอซาก้า สามารถซื้อตั๋วได้ที่ตู้นอกสนามบิน รถบัสพานักท่องเที่ยวไปยังจุดศูนย์กลางสำคัญๆ ใน...
อ่านเพิ่มเติม
กิจกรรมในนาราเป็นโอกาสที่ยอดเยี่ยมที่จะได้เที่ยวชมสถานที่ที่สำคัญที่สุดในพื้นที่ เช่น ศาลเจ้าคาสึงะไทฉะ (Kasuga Taisha) และ วัดคินปุเซ็นจิ (Kinpusenji) จังหวัดนารา ของญี่ปุ่นมีความโดดเด่นในการเป็นแหล่งมรดกโลกของยูเนสโกมากกว่าจังหวัดอื่นๆ ในประเทศ นอกจากนี้ยังเป็นจุดกำเนิดของเทศกาลและกิจกรรมต่างๆ อีกมากมาย หลายแห่งที่เกิดขึ้นในเมืองหลวงของ นารา เช่นเดียวกับในเมืองเล็กๆ อย่าง โกโจ (Gojo) และ โยชิโนะ (Yoshino) ไปพบกับห้ากิจกรรมยอดนิยมที่ต้องเข้าร่วมใน จังหวัดนารา กันเลย (จังหวัดนารา มีสถานท่องเที่ยวที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกมากที่สุดในญี่ปุ่น และยังเป็นแหล่งกำเนิดของเทศกาลและกิจกรรมต่างๆมากมาย ซึ่งส่วนใหญ่ก็จัดขึ้นที่จังหวัดนารา ในเมืองเล็กๆอย่างโกโจ และ โยชิโนะ เทศกาลต่างๆเหล่านี้จะทำให้นักท่องเที่ยวสัมผัสประสบการณ์การเที่ยวสถานที่สำคัญๆของนารา เช่น ศาลเจ้าคาสึงะไทฉะ (Kasuga Taisha) และ วัดคินปุเซ็นจิ (Kinpusenji) ในอีกมุมมองนึงเลย ตอนนี้ไปดูห้าเทศกาลที่ต้องห้ามพลาดในนารากันเลย) 1. วิ่งผ่านสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ในนารามาราธอน (วิ่งกับกวางผ่านเมืองเก่าและโบราณสถานที่สวยงามในงานนารามาราธอน) นารามาราธอนจัดขึ้นทุกปีในวันอาทิตย์ที่สองของเดือนธันวาคม การแข่งขันเริ่มต้นที่ Konoike Athletic Stadium ใน นารา และ(วิ่ง)ผ่านสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์มากมายในพื้นที่ เมื่อนักวิ่งเข้าสู่ สวนสาธารณะนารา จะมีกวางที่เป็นมิตรนับร้อยตัวที่เดินเตร่รอบๆ จับตามองอยู่ (จะเจอกวางน้อยนับร้อยตัวเดินไปเดินมามองนักวิ่งวิ่งกัน) ระยะทางของนารามาราธอน (ระยะทางการวิ่งของนารามาราธอน) 3 กิโลเมตร: เส้นทางระยะสั้นเริ่มต้นที่ สวนกีฬา Konoike 10 กิโลเมตร: เส้นทางระยะ(ระยะมินิมาราธอน)วิ่งผ่าน นารา และ สวนสาธารณะนารา ใต้ต้นแปะก๊วยที่สวยงามและผ่านประตูโทริอิสีแดงที่ ศาลเจ้าคาสึงะไทฉะ 42.195 กิโลเมตร: การวิ่ง(ระยะ)มาราธอนเต็มรูปแบบ(วิ่ง)ผ่าน นารา สวนสาธารณะนารา และเมืองประวัติศาสตร์หลายแห่งบริเวณใกล้เคียง พร้อมจุดกลับตัวที่เมือง เทนริ (Tenri) และยังวิ่งผ่าน พระราชวังเฮโจ (Heijo Palace) ที่มีชื่อเสียงอีกด้วย [caption id="attachment_285227" align="aligncenter" width="1024"] ©桑原英文, สงวนลิขสิทธิ์[/caption] 2. ย้อนเวลากลับไปในช่วงเทศกาล KASUGA WAKAMIYA ONMATSURI (ร่วมย้อนวันวานในงานเทศกาลคาสุกะ วาคามิยะ (KASUGA WAKAMIYA ONMATSURI)) เทศกาลสี่วันนี้จัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 15 ถึง 18 ธันวาคมของทุกปีที่ ศาลเจ้า Wakamiya ซึ่งเป็นหนึ่งในศาลเจ้าของ ศาลเจ้าคาสึงะไทฉะ ใน นารา (เทศกาลคาสุกะ วาคามิยะจัดขึ้นทั้งหมด 4 วัน ตั้งแต่วันที่ 15 ถึง 18 ธันวาคมของทุกปีที่ศาลเจ้าคาสึงะ จังหวัดนารา เพื่อสักการะเทพเจ้าวาคามิยะ) โดยเทศกาลหลักจะจัดขึ้นในวันที่ 17 เทศกาลนี้เป็นช่วงเวลาที่จะได้อธิษฐานขอพรให้มีการเก็บเกี่ยวที่สมบูรณ์และมีความสงบสุข พร้อมกับบรรยากาศรื่นเริงทั่วทั้งเมือง ศาลเจ้า Wakamiya เป็นเจ้าภาพจัดงานเทศกาลมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 12 เป็นหนึ่งในศาลเจ้าที่โดดเด่นของ ศาลเจ้าคาสึงะไทฉะ หลังจากที่ผ่านประตู Nanmon สีแดงงดงาม ทางด้านใต้ของศาลเจ้าหลัก สามารถเดินตามเส้นทางที่เรียงรายไปด้วยโคมไฟหินผ่านต้นไม้ไปยัง ศาลเจ้า Wakamiya ได้ (เทศกาลคาสึกะ วาคามิยะจัดขึ้นทั้งหมด 4 วัน ตั้งแต่วันที่ 15 ถึง...
อ่านเพิ่มเติม
ฤดูกาลใบไม้แดงในญี่ปุ่นเป็นการเฉลิมฉลองเมื่อใบไม้เปลี่ยนจากสีเขียวเป็นสีแดง สีส้ม สีเหลือง และสีน้ำตาลที่สวยงาม นารา เป็นหนึ่งในสถานที่ที่ดีที่สุดในการชมใบไม้เปลี่ยนสี ใช้เวลาเพลิดเพลินไปกับวัดที่มีชื่อเสียงในประวัติศาสตร์ของนารา ศาลเจ้า และสวนสาธารณะต่างๆ ไปดูว่าทำไมการตามหา koyo (มองหาใบไม้ร่วง) จึงเป็นงานอดิเรกยอดนิยมในช่วงฤดูใบไม้ร่วงที่ นารา [caption id="attachment_289609" align="aligncenter" width="500"] ©奈良市観光協会, สงวนลิขสิทธิ์[/caption] ฤดูใบไม้ร่วงในเมืองนารา | ช่วงที่เหมาะจะไปชมฤดูใบไม้แดง โดยทั่วไปเวลาที่ดีที่สุดในการชมใบไม้เปลี่ยนสีช่วงฤดูใบไม้ร่วงใน นารา คือระหว่างเดือนตุลาคมถึงปลายเดือนพฤศจิกายน (บางครั้งก็ถึงต้นเดือนธันวาคม) ก่อนจะเริ่มต้นฤดูหนาว เวลาที่แน่นอนของใบไม้เปลี่ยนสีจะแตกต่างกันไปในแต่ละปี ดังนั้นควรเช็คพยากรณ์ใบไม้เปลี่ยนสีของ นารา จากข่าวเกี่ยวกับฤดูใบไม้ร่วงก่อน ไม่ว่าจะมาถึงในช่วงต้นฤดูกาลหรือหลังจากนั้นก็เป็นเวลาแห่งการเฉลิมฉลองฤดูใบไม้ร่วงที่ นารา ได้เช่นกัน สวนสาธารณะนารา สวนสาธารณะนารา เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ห้ามพลาดสำหรับการมาเที่ยวญี่ปุ่นและเป็นหนึ่งในสถานที่เที่ยวหลักของ นารา ตั้งอยู่ใจกลาง เมืองนารา และห่างจาก สถานี Kintetsu-Nara เพียงไม่กี่นาที สวนสาธารณะนารา เป็นที่อยู่ของกวางซิก้าที่มีชื่อเสียงและเป็นมิตรของนารา คนรักสัตว์และธรรมชาติควรวางแผนเที่ยวชมสวนสาธารณะแห่งนี้ เพื่อสัมผัสกับสัตว์ที่เป็นมิตรและสีสันอันสวยงามของฤดูใบไม้ร่วงไปพร้อมๆ กัน [caption id="attachment_283045" align="aligncenter" width="500"] ©東大寺, สงวนลิขสิทธิ์[/caption] ในขณะที่เดินผ่าน สวนสาธารณะนารา สามารถแวะชมและให้อาหารกวางได้ และยังสามารถใช้เวลาที่วัดทั้งสองแห่ง ได้แก่ โทไดจิ และ โคฟุคุจิ หรือเยี่ยมชม ศาลเจ้าคาสึงะไทฉะ ได้ สถานที่ยอดเยี่ยมอีกแห่งหนึ่งใน สวนสาธารณะนารา คือศาลาไม้ (ที่เรียกว่า ศาลาไม้อุคิมิโดะ) ตั้งอยู่กลาง สระน้ำ Sagichi (Sagiike) ศาลาที่สวยงามแห่งนี้ดูเหมือนลอยอยู่บนสระนํ้าและเป็นสถานที่ที่เงียบสงบสำหรับการเยี่ยมชม ศาลามักจะสว่างไสวในตอนกลางคืนและหากแวะมาที่ สวนสาธารณะนารา ระหว่างวันที่ 5 ถึง 14 สิงหาคม อาจจะโชคดีได้เข้าชมงานเทศกาลโคมไฟ Nara Tokae และเพลิดเพลินไปกับบรรยากาศที่หรูหราและเพ้อฝัน [caption id="attachment_282925" align="aligncenter" width="500"] ©奈良県ビジターズビューロー(สำนักงานผู้มาเยือนนารา), สงวนลิขสิทธิ์[/caption] ทริคการให้อาหารกวางในสวนสาธารณะนารา เมื่อเห็นกวาง อาจพบว่ากวางบางตัวเรียนรู้ที่จะโค้งให้เมื่อรอเราป้อนอาหาร เราสามารถซื้อแคร็กเกอร์กวาง (ซิก้าเซมเบ้) ซึ่งวางขายที่สวนสาธารณะได้ในราคา 150 เยน (ประมาณ 46 บาท) และเพลิดเพลินไปกับการให้อาหารกวางขณะชมทิวทัศน์ฤดูใบไม้ร่วงของ สวนสาธารณะนารา ถึงแม้กวางนั้นจะค่อนข้างคุ้นเคยกับผู้คนแต่ก็ยังเป็นสัตว์ป่า ดังนั้นจึงห้ามให้อาหารเสริมอื่นๆ แก่กวาง สวนสาธารณะนารา ไม่มีค่าเข้าชม และเนื่องจากมีพื้นที่มากกว่า 5 ตารางกิโลเมตร จึงควรวางแผนพักค้างคืนในนาราเพื่อเที่ยวชมสวนสาธารณะและสิ่งต่างๆ อย่างทั่วถึงในช่วงฤดูใบไม้ร่วงที่นารา กิจกรรมยอดนิยมในสวนสาธารณะนารา วัดโทไดจิ วัดโคฟุคุจิ ศาลเจ้าคาสึงะไทฉะ พิพิธภัณฑ์แห่งชาตินารา สวนอิซุยเอ็น สวน Yoshikien เข้าพักที่ Onyado Nono Nara Natural Hot Springs แล้วออกไปเที่ยว สวนสาธารณะนารา สัมผัสประสบการณ์ฤดูใบไม้ร่วงในนารา-วัดที่ดีที่สุด แม้ว่าจะมีสถานที่มากมายที่นักท่องเที่ยวสามารถชื่นชมฤดูใบไม้ร่วงใน นารา ได้ แต่ก็มีวัดและศาลเจ้าโดยเฉพาะที่ให้บรรยากาศดั้งเดิมในการรับชมแก่ผู้มาเยือน เนื่องจากวัดและศาลเจ้าเหล่านี้เป็นสถานที่สักการะ ดังนั้นจึงควรระลึกไว้เสมอว่าการถ่ายภาพควรถ่ายด้านนอกอาคารในบริเวณวัด ยากที่จะสามารถถ่ายรูปภายในอาคารได้ อย่างไรก็ตามควรสังเกตป้ายที่ระบุสถานที่และเวลาที่อนุญาตให้ถ่ายภาพได้   [caption id="attachment_282885" align="aligncenter" width="500"] ©奈良県ビジターズビューロー(สำนักงานผู้มาเยือนนารา), สงวนลิขสิทธิ์[/caption]...
อ่านเพิ่มเติม
การพักใกล้ สถานี Umeda เป็นวิธีที่ดีในการทำความรู้จักกับย่านศูนย์กลางธุรกิจของโอซาก้า พื้นที่นี้เต็มไปด้วยตึกระฟ้าที่ทันสมัย เช่น อาคารอุเมะดะสกาย (Umeda Sky Building) ร้านอาหารชั้นยอดและห้างสรรพสินค้าใต้ดินมากมาย สถานที่ท่องเที่ยวหลักและสถานที่สำคัญในอุเมดะ อาคารอุเมดะสกาย (Umeda Sky Building): นักท่องเที่ยวสามารถชมวิวของเมืองได้จากสะพานที่เชื่อมต่อระหว่างหอคอยทั้งสองของตึกระฟ้าที่น่าประทับใจแห่งนี้หรือปีนขึ้นไปด้านบนและชมเมืองจาก หอคอย Kuchu Teien (Garden in the Sky) HEP Five: ห้างสรรพสินค้ามีสินค้าแบรนด์เนมหลากหลายให้เลือกช้อปและทิวทัศน์อันงดงามของโอซาก้าให้เยี่ยมชมจาก ชิงช้าสวรรค์ HEP Five Ferris Wheel ถนนช้อปปิ้งเทนจินบาชิซูจิ (Tenjimbashi-suji Shopping Street): พบกับร้านบูติกญี่ปุ่นแท้ๆ ร้านเสื้อผ้าและร้านอาหารในแหล่งช้อปปิ้งที่ครอบคลุมพื้นที่กว่า 2.6 กิโลเมตร พิพิธภัณฑ์บ้านและความเป็นอยู่โอซาก้า (Osaka Museum of Housing and Living): สัมผัสกับชีวิตในญี่ปุ่นในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 19 และเดินเล่นในถนนช้อปปิ้งแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่นขนาดจำลองเท่าของจริง ห้างที่ควรไปช้อปในอุเมดะ ศูนย์การค้าแกรนด์ฟร้อนท์โอซาก้า (Grand Front Osaka): เป็นเรื่องง่ายมากที่เราจะหลงทางในศูนย์การค้าที่ใหญ่ขนาดนี้ที่เต็มไปด้วยร้านค้านานาชาติอินเทรนด์ ร้านอาหารและนิทรรศการในท้องถิ่นมากมาย ห้างโอซาก้าสเตชั่นซิตี้ (Osaka Station City): ก้าวออกจากชานชาลาที่ สถานี JR Osaka เพื่อตามหาร้านอาหารและร้านค้าชื่อดังระดับโลก ศูนย์การค้าใต้ดินไวท์ตี้อุเมดะ (Whity Umeda): เดินทางไปใต้ดินเพื่อค้นหาแบรนด์ดีไซเนอร์ที่ดีที่สุดของโอซาก้าและสินค้าท้องถิ่นราคาถูก ร้าน Yodobashi Camera Umeda Store: เลือกซื้ออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และกล้องถ่ายรูป หรือแวะซื้อซิมการ์ดที่ไม่ได้ซื้อมาจากสนามบิน ห้าง HANKYU Umeda Main Store: ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่และหลากหลาย มีร้านอาหารแสนอร่อยที่ทำให้ศูนย์การค้าแห่งนี้เป็นหนึ่งในสถานที่ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโอซาก้า แหล่งของกินยอดนิยมในโอซาก้า Shin-Umeda Shokudogai: เลือกรสชาติดั้งเดิมของญี่ปุ่นได้เลยที่ศูนย์อาหารแห่งนี้ซึ่งลือกันว่าเป็นสถานที่ที่ของกินถูกที่สุดในโอซาก้า ร้านราเม็ง Gunjou: ซดราเม็งแสนอร่อยในร้านอาหารบรรยากาศสบายๆ เป็นที่ชื่นชอบเพราะรสชาติและราคาของมัน ร้าน คิจิ (Kiji): ลองชิมโอโกโนมิยากิแท้ๆ (พิซซ่าญี่ปุ่น) ในร้านเล็กๆ แต่มีชื่อเสียงมาก สถานบันเทิงยามค่ำคืนที่มันสุดๆ ในโอซาก้า Captain Kangaroo: หยิบเบอร์เกอร์และเครื่องดื่มและสังสรรค์กับชาวต่างชาติแลกเปลี่ยนเรื่องราวเกี่ยวกับการผจญภัยในโอซาก้าได้ที่นี่ Club Piccadilly Umeda Osaka: ปลดปล่อยตัวเองที่คลับที่ใหญ่ที่สุดในโอซาก้าแห่งหนึ่ง Bar K: ลองชิมวิสกี้ญี่ปุ่นและค็อกเทลชั้นเยี่ยมจากบาร์เทนเดอร์ผู้เชี่ยวชาญ การเดินทางในอุเมดะ สถานีอุเมดะ (Umeda Station) ให้บริการขนส่งโดยตรงไปยังเกียวโต นารา โกเบ และฮิเมจิ รวมถึงสถานที่ส่วนใหญ่ในโอซาก้าด้วย สถานีโอซาก้า (Osaka Station) อยู่ห่างออกไปเพียงหนึ่งสถานีจาก สถานีชิน - โอซาก้า (Shin-Osaka Station) ที่นักท่องเที่ยวสามารถต่อรถไฟหัวกระสุนชินคันเซ็นได้ เข้าพักที่โรงแรมหรืออพาร์ตเมนต์ใกล้กับ อาคารอุเมะดะสกาย Hotel Hankyu International Arietta Hotel Osaka Rihga Nakanoshima Inn แล้วออกไปเที่ยวที่ สถานี Umeda
อ่านเพิ่มเติม
ชิบูย่า เป็นหนึ่งในย่านที่ทันสมัยที่สุดในโตเกียว แหล่งรวมศูนย์การค้าที่ทันสมัย คาเฟ่ชิค ๆ และแหล่งศิลปะอิสระที่เจริญรุ่งเรือง (แนวศิลปะอันหลากหลาย) เริ่มต้นสำรวจที่ (เริ่มต้นกันที่) แยกชิบูย่า (Shibuya Crossing) สี่แยกที่แสนวุ่นวายเป็นที่กล่าวขานว่าวุ่นวายที่สุดในโลก จากนั้นแวะไปที่แกลลอรี่แสดงงานศิลปะเพื่่อชมผลงานของศิลปินท้องถิ่นและภูมิภาค หรือจะแวะไปที่ย่านช้อปปิ้งเพื่อช้อปให้กระชุ่มกระชวยหัวใจเล็ก ๆ น้อย ๆ 1. ช้อปจนเหนื่อยที่ชิบูย่ามาร์คซิตี้ ชิบูย่ามาร์คซิตี้ เป็นสวรรค์ของนักช้อปอย่างแท้จริงที่มีร้านค้ามากมายขายทุกอย่างตั้งแต่เสื้อผ้าจนถึงอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน ศูนย์การค้าแห่งนี้ยังทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางการขนส่ง (ศูนย์กลางการเดินทาง) ด้วยการเชื่อมต่อกับเส้นทางรถไฟสายสำคัญหลายสาย ได้แก่ JR, Keio, Tokyo Metro และสาย Tokyu ชิบูย่ามาร์คซิตี้ เป็นที่ตั้งของ Shibuya Excel Hotel Tokyu และเชื่อมต่อกับสถานีชิบูย่า (Shibuya station) ศูนย์การค้าเปิดทุกวันตั้งแต่เวลา 11:00 ถึง 23:00 นาฬิกา แต่เวลาเปิดปิดอาจขึ้นอยู่กับแต่ละร้านด้วย (แต่เวลาเปิด-ปิดของร้านค้าภายในห้างแต่ละร้านจะต่างๆกันออกไป) ร้านค้ายอดนิยมที่ชิบูย่ามาร์คซิตี้ ร้านรองเท้า Birkenstock ร้านแว่นตา Zoff ร้านรองเท้า Regal Shoes แฟมิลี่มาร์ท ร้านเสื้อผ้าผู้หญิง aquagirl ร้านผลิตภัณฑ์บำรุงผิว Sabon เข้าพักที่ Shibuya Excel Hotel Tokyu แล้วออกไปช้อปที่ ชิบูย่ามาร์คซิตี้ ค้นหาที่พักราคาดีที่สุดใกล้ สถานีชิบูย่า (Shibuya station) 2. ผจญภัยในอวกาศที่ท้องฟ้าจำลอง Cosmo Planetarium Shibuya กำลังมองหากิจกรรมที่ไม่ต้องเสียเงินเยอะแต่สนุกได้ทั้งครอบครัวอยู่ใช่ไหม ลองแวะไปที่ ท้องฟ้าจำลอง Cosmo Planetarium Shibuya เพื่อดื่มด่ำกับความงามและความอัศจรรย์ของท้องฟ้ายามค่ำคืนเพียง 600 เยน (180 บาท) ต่อผู้ใหญ่หนึ่งท่านและ 300 เยน (90 บาท) ต่อเด็กหนึ่งท่าน ท้องฟ้าจำลองแห่งนี้มีหน้าจอทรงโดมขนาด 17 เมตรและที่นั่งแบบปรับเอนได้ 120 ที่นั่งซึ่งบางส่วนสามารถหมุนได้ 90 องศา มีการแสดงท้องฟ้าจำลองหลายครั้งต่อวันและรวมไปถึงโปรแกรมสำหรับเด็กโดยเฉพาะด้วย ท้องฟ้าจำลอง Cosmo Planetarium Shibuya ตั้งอยู่ห่างจาก สถานีชิบูย่า (Shibuya station) (ทางออกทิศตะวันตก) โดยใช้เวลาเดินไม่เกิน 5 นาที เวลาเปิดทำการคือ 12:00 ถึง 20.00 นาฬิกาในวันอังคารถึงวันศุกร์และตั้งแต่ 10:00 ถึง 20:00 นาฬิกาในวันเสาร์และวันอาทิตย์ การแสดงที่ผ่านมาที่ท้องฟ้าจำลอง Cosmo Planetarium Shibuya < ul> ลิฟต์อวกาศ ความทรงจำของท้องฟ้า เรื่องราวของสัญลักษณ์ราศี Starry Music ที่มีเสียงเพลงขับกล่อมท่ามกลางแสงของดวงดาว การผจญภัยไปยังดาวอังคารกับ Hachiko สิ่งอำนวยความสะดวกที่ท้องฟ้าจำลอง ลิฟต์ (ลิฟท์โดยสารสำหรับผู้พิการและผู้สูงอายุ) ที่เปลี่ยนผ้าอ้อมเด็ก ทางลาดรถเข็น (ทางลาดสำหรับรถเข็น) ห้องน้ำ (ห้องน้ำสำหรับผู้พิการและผู้สูงอายุ) เข้าพักที่ The Millennials Shibuya แล้วออกไปที่เที่ยวแถว...
อ่านเพิ่มเติม
ย่าน กินซ่า ตอนกลางของโตเกียวเป็นเมืองแห่งศิลปะและแหล่งช้อปปิ้งซึ่งเป็นที่ตั้งของแกลเลอรี่มากมายรวมถึงร้านสัญลักษณ์ของแบรนด์ทั้งในและต่างประเทศมากมาย แม้ว่าประวัติศาสตร์ของเมืองจะมีอายุย้อนไปถึงสมัยเอโดะ (ค.ศ. 1603-1867) แต่นักท่องเที่ยวในกินซ่าจะพบว่ากินซ่าเป็นย่านที่เต็มไปด้วยความทันสมัยตั้งแต่ห้างสรรพสินค้าที่ตั้งตระหง่านไปจนถึงโชว์รูมรถยนต์ที่ทันสมัย แลนด์มาร์คที่ต้องไปและสถานที่ท่องเที่ยวในกินซ่า กินซ่าเพลส (Ginza Place): กินซ่าเพลส เป็นการพัฒนาเชิงพาณิชย์ที่สำคัญของกินซ่าแทนที่ นิสสันแกลเลอรี่ เก่า ด้านหน้าของอาคารสีขาวล้วนที่สวยงามนี้ถูกสร้างขึ้นด้วยแผ่นอลูมิเนียม 5,315 ชิ้นเรียงรายเป็นรูปแบบตาข่ายที่ได้รับแรงบันดาลใจจากการสานตะกร้าแบบญี่ปุ่น การตกแต่งภายในของ กินซ่าเพลส ก็งดงามน่าประทับใจไม่แพ้ภายนอก โดยสองชั้นแรกเป็นโชว์รูมที่ดีที่สุดของนิสสันที่เรียกว่า นิสสันครอสซิ่ง (Nissan Crossing) นอกเหนือจากการจัดแสดงรถยนต์แนวคิดและรถยนต์คลาสสิกที่หายากแล้วโชว์รูมยังมีเครื่องจำลอง VR แบบ 360 องศาที่ให้ผู้ใช้ทดลองขับซูเปอร์คาร์ GT-R ได้อีกด้วย แคนนอนแกลเลอรี่กินซ่า (Canon Gallery Ginza): อย่าหลงกลด้วยขนาดจิ๋วของแกลเลอรี่นี้ พื้นที่ทางศิลปะแห่งนี้เป็นแหล่งรวบรวมภาพถ่ายและผลงานศิลปะที่น่าประทับใจจากทั้งนักถ่ายภาพมือใหม่และมืออาชีพ แคนนอนแกลเลอรี่กินซ่า เป็นหนึ่งในเจ็ดพื้นที่ที่คล้ายกันที่กระจายอยู่ทั่วประเทศซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก Canon ผู้ผลิตกล้อง กินซ่ากราฟฟิกแกลเลอรี (Ginza Graphic Gallery): ไม่จำเป็นต้องเป็นนักออกแบบกราฟิกเพื่อชื่นชมผลงานในแกลเลอรี่นี้ซึ่งมีห้องสมุดศิลปะมากมาย การจัดแสดงหมุนเวียนเป็นประจำและแสดงชิ้นงานมากมายที่ออกแบบโดยนักออกแบบและนักวาดภาพประกอบชื่อดัง กินซ่ากราฟฟิกแกลเลอรี ตั้งอยู่ห่างจาก สถานีกินซ่า (Ginza Station) โดยใช้เวลาเดินไม่เกิน 5 นาที แกลเลอรี่เปิดให้บริการตั้งแต่วันจันทร์ถึงวันเสาร์เวลา 11:00 ถึง 19:00 นาฬิกาและเข้าชมได้ฟรี โรงละครคาบุกิซะ (Kabukiza Theater): เพลิดเพลินไปกับการแสดงคาบุกิของญี่ปุ่นในโรงละครที่ได้รับการออกแบบอย่างสวยงามแห่งนี้ มีตั๋วการแสดงแบบฉากเดียวอีกด้วยสำหรับผู้ที่ไม่มีเวลาชมการแสดงแบบเต็ม หลังการแสดงจบลองขึ้นไปชั้นบนเพื่อเยี่ยมชมสตูดิโอเครื่องแต่งกายบนชั้น 5 และสวนบนชั้นดาดฟ้า สามารถเดินทางไปโรงละครได้โดยตรงจาก สถานี Higashi-ginza Station บนสาย Asakusa โตเกียวแกลเลอรี่: เปิดให้บริการครั้งแรกในปี ค.ศ.1950 หอศิลป์ร่วมสมัยแห่งนี้ได้จัดแสดงผลงานของศิลปินญี่ปุ่นที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติมาหลายสิบคน เช่น จิโร่ ทากามัตสึ/ คาซุโอะ ชิรากะ/ โมโนฮา และทาโร โอคาโมโตะ และเมื่อเร็ว ๆ นี้ โตเกียวแกลเลอรี่ ได้เริ่มจัดแสดงผลงานศิลปะและผลงานการทดลองโดยศิลปินจีนและตะวันตกที่ยังไม่ค่อยโด่งดังเท่าไรนัก การจัดแสดงที่ผ่านมา เช่น Erasure งานแสดงของสองศิลปินที่รวบรวมดนตรี การแสดงและงานศิลปะพลาสติกเข้าด้วยกัน และ Rough Stones งานนำเสนอประติมากรรมที่ทำจากหินแกรนิต ผนังดินเหนียวและกระเบื้องหลังคา โตเกียวแกลเลอรี่ ใช้เวลาเดินไม่เกิน 5 นาทีจาก สถานีกินซ่า (Ginza Station) (ทางออก A3) แกลเลอรี่เปิดทำการวันอังคารถึงวันศุกร์ตั้งแต่เวลา 11.00 ถึง 19.00 นาฬิกา สวนฮามะริคิว: สวนขนาดใหญ่นี้ครั้งหนึ่งเคยเป็นสถานที่พักผ่อนสำหรับขุนนางศักดินาและราชวงศ์ของจักรพรรดิในช่วงสมัยเอโดะ (ค.ศ.1603 - 1867) ตั้งแต่เปิดให้ประชาชนเข้าชมในปี พ.ศ. 2489 สวนแห่งนี้ก็ได้กลายเป็นสถานที่ยอดนิยมในการชมดอกซากุระในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ถึงต้นเดือนมีนาคมและสีสันของฤดูใบไม้ร่วงช่วงปลายเดือนตุลาคมถึงกลางเดือนพฤศจิกายน นอกจากเส้นทางเดินแล้วสวนยังมีเส้นทางเดินเท้า ทุ่งหญ้า ม้านั่ง ประภาคาร โรงน้ำชาและหนองน้ำที่เชื่อมต่อกับทะเล สวนฮามะริคิว ตั้งอยู่ห่างเพียงไม่กี่นาทีจากใจกลางกินซ่าใกล้กับสถานี Shiodome Station (สาย Yurikamome Monorail Oedo Line) สวนเปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่ 9:00 ถึง 17:00 นาฬิกา วัดสึคิจิฮงกันจิ (Tsukiji Honganji Temple): วัดพุทธแห่งนี้ตั้งอยู่นอกเขต แต่คุ้มค่ากับการนั่งรถไฟใต้ดินระยะสั้นๆ...
อ่านเพิ่มเติม
เมืองโอซาก้า ตั้งอยู่ในจังหวัดโอซาก้าเป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องของวัฒนธรรมที่มีชีวิตชีวาในด้านอาหารและเครื่องดื่มรวมถึงผู้คนที่เป็นมิตร นอกจากนี้ยังเป็นที่ตั้งของ ปราสาทโอซาก้า ที่งดงาม ซึ่งมีการสร้างขึ้นใหม่หลายครั้งบนพื้นที่ของปราสาทดั้งเดิมตั้งแต่ศตวรรษที่ 16 โอซาก้ายังมีชื่อเสียงในเรื่องแหล่งช็อปปิ้งซึ่งหนึ่งในนั้นคือ เขตนัมบะ (หนึ่งในนั้นคือนัมบะ) ย่านอันคึกคักแห่งนี้ตั้งอยู่ทางตอนใต้ (มินามิ) ของ โอซาก้า และยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมเนื่องจากอาหาร กิจกรรมและงานอีเว้นทั้งหมดจัดอยู่ที่นี่ (แหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมด้วยอาหารที่หลากหลาย กิจกรรมและงานเทศกาลต่างๆ) ที่นี่มีตัวเลือกที่พักมากมายรวมถึงการเช่าช่วงวันหยุด เมื่อไปเยือน โอซาก้า อย่าลืมไปหาบ้านพักตากอากาศในนัมบะที่อยู่ใกล้แหล่งกิจกรรมและสถานที่มีชีวิตชีวาของย่านที่ครึกครื้นแห่งนี้ < h2>นัมบะ ย่านช้อปปิ้งแสนสดใสของโอซาก้า ย่านนัมบะ เป็นย่านช็อปปิ้งและบันเทิงที่มีชีวิตชีวา มีร้านอาหารและร้านค้ามากมาย ย่านที่ค่อนข้างครึกครื้นแห่งนี้ตั้งอยู่รอบๆ สถานีนัมบะ ซึ่งเป็นศูนย์กลางการขนส่งสำคัญ ผู้เยี่ยมชมนัมบะสามารถเพลิดเพลินกับกิจกรรมทางวัฒนธรรม เทศกาล ช้อปปิ้งและตัวเลือกอาหารริมทางมากมายในพื้นที่รอบๆ ย่านนัมบะ เป็นจุดหมายปลายทางที่น่าตื่นเต้นพร้อมกิจกรรมสนุกๆสำหรับผู้เข้าชมทุกวัย ค้นหาที่พักตากอากาศที่เหมาะสมใน ย่านนัมบะ เพื่อให้วันหยุดพักผ่อนเป็นที่น่าจดจำ กิจกรรมน่าสนใจในย่านัมบะ Dotonbori เมือง Den Den โรงละครแห่งชาติ Bunraku Shinsaibashi-Suji ศาลเจ้า Namba Yasaka < h2>บ้านพักตากอากาศในนัมบะ บ้านพักตากอากาศใน นัมบะ มีความทันสมัยและอบอุ่นพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกที่มีประโยชน์และการตกแต่งที่สะดวกสบาย บ้านพักตากอากาศที่ดีสามารถทำให้การพักผ่อนใน นัมบะ สะดวกสบายและเป็นที่น่าจดจำยิ่งขึ้น ที่บ้านพักนั้นเราจะมีความสะดวกสบายในการมีพื้นที่ของตัวเองด้วยอิสระในการทำอาหาร นอน หรือไปไหนมาไหนได้ตามต้องการ เราสามารถหาที่พักสำหรับคนเดียวหรือมองหาที่ที่เหมาะสมสำหรับทั้งครอบครัว 1. Jakotel Namba C-503 อยู่พักซักสองสามคืนที่ Jakotel Namba C-503 ซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากศูนย์กลางย่าน นัมบะ และ สถานีนัมบะ อพาร์ทเมนต์หนึ่งห้องนอนทั้งหมดพร้อมทางเข้าที่ปลอดภัยเป็นของเราทั้งหมด ที่นี่จะให้ความเป็นส่วนตัวในการทำสิ่งที่เราต้องการ อพาร์ทเมนต์ที่ตกแต่งอย่างสวยงามมีสิ่งอำนวยความสะดวกทันสมัยรวมถึงอินเทอร์เน็ตไร้สายเพื่อให้การพักสะดวกสบายยิ่งขึ้น ทำเลที่เงียบสงบแห่งนี้ สะดวกต่อการเดินทาง ขนส่งอาหารและใกล้แหล่งช้อปปิ้ง รวมถึงใกล้ที่ตั้ง Don Quixote เจ้าบ้านนั้นมีประสบการณ์มากโดยจัดอพาร์ตเมนต์ให้เหมาะสำหรับครอบครัว ที่นี่มีสิ่งอำนวยความสะดวกในการทำอาหารซึ่งหมายความว่าเราสามารถรับประทานอาหารในบ้าน ออกไปที่หนึ่งในร้านอาหารใกล้เคียง หรือคว้าอาหารข้างถนนเพื่อนำกลับมา Jakotel Namba C-503 เป็นอพาร์ทเมนท์ส่วนตัวพร้อมทุกสิ่งที่ต้องการสัมผัสกับชีวิต นัมบะ เหมือนท้องถิ่น สำรวจพื้นที่ในท้องถิ่นและชม Nippombashi Denden Town แหล่งช็อปปิ้งที่เน้นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์รวมถึงอะไหล่และส่วนประกอบมากมาย อย่าลืมลองชิมอาหารจากพ่อค้าแม่ค้าริมทางในพื้นที่เพราะ นัมบะ ยังขึ้นชื่อเรื่องของอาหารอีกด้วย เข้าพักที่ Jakotel Namba C-503 แล้วออกไปเที่ยวที่ โรงละครแห่งชาติ Bunraku 2. Jakotel Namba C-301 เพลิดเพลินไปกับความสะดวกสบายในการเดินทาง ขนส่งอาหารและแหล่งช้อปปิ้งที่ Jakotel Namba C-301 อพาร์ตเมนต์ที่สะดวกสบาย เป็นส่วนตัวและปลอดภัยในทำเลดีๆ ที่นี่เช่าไว้เป็นอพาร์ตเมนต์ที่สมบูรณ์ พื้นที่นี้ไม่ถูกแชร์กับใครและรับรองความเป็นส่วนตัวแน่นอน Jakotel Namba C-301 ได้รับการตกแต่งด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกที่ต้องการสำหรับการเข้าพัก รวมถึงอุปกรณ์ทำอาหารและผ้าเช็ดตัว Jakotel Namba C-301 โดดเด่นในด้านสถานที่และความสะอาด ทุกสิ่งที่เราต้องการอยู่ในบริเวณใกล้เคียงรวมถึงอาหารและแหล่งช้อปปิ้ง อพาร์ทเมนท์แห่งนี้มีขนาดพอดีกับแขกสามคน เพียงเดินไปไม่ไกลก็จะถึง วัดเกนโซจิ Genshoji Temple วัดพุทธที่สวยงามล้อมรอบไปด้วยต้นไม้เขียวขจี เราสามารถหยุดและเพิ่มดอกไม้ในรูปปั้น "Flower Kannon" ข้างๆวัด เข้าพักที่ Jakotel Namba C-301 แล้วออกไปเที่ยว เมืองนัมบะ 3. Namba Sta...
อ่านเพิ่มเติม
เหตุผลที่ทำไมแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวมากมายจากหลากหลายพื้นที่ไปเที่ยวที่ย่าน รปปงงิ (Roppongi) นั่นเป็นเพราะว่าเป็นแหล่งช้อปปิ้งที่ยอดเยี่ยม ร้านอาหารที่เยอะแยะมากมาย พื้นที่สีเขียวอันเงียบสงบและสถานบันเทิงยามค่ำคืนที่คึกคัก นอกจากจะเป็นที่ตั้งของศูนย์การค้าที่ใหญ่ที่สุดอย่าง รปปงงิฮิลส์ (Roppongi Hills) และ โตเกียวมิดทาวน์ (Tokyo Midtown) แล้ว ย่านรปปงงิยังมีพิพิธภัณฑ์ วัดเก่าแก่ และบาร์ที่ยินดีจะต้อนรับนักท่องเที่ยว อีกมากมาย เริ่มต้นทัวร์ย่านนี้ที่ ศูนย์จัดแสดงงานศิลปะแห่งชาติโตเกียว (The National Art Center, Tokyo) และแวะช้อปปิ้งร้านค้าย่านนี้ หลังจากซูชิมื้อค่ำแล้ว ออกไปเที่ยวที่ ถนนรปปงงิ (Roppongi Street) สวรรค์ของคนชอบเที่ยวบาร์ สถานที่สำคัญและสถานท่องเที่ยวหลักในย่านรปปงงิ (Roppongi) หากใครอยากไปหอชมวิว Tokyo City View ขึ้นไปที่ชั้น 52 ของ ตึก Roppongi Hills Mori แล้วเราจะได้เห็นภาพของสถานที่สำคัญที่โด่งดังของเมืองโตเกียวจากมุมสูง เช่น ตึก National Diet โตเกียวสกายทรี (Tokyo Skytree) และ หอคอยโตเกียวทาวเวอร์ (Tokyo Tower) หอชมวิวที่เพิ่งปรับปรุงใหม่ประกอบด้วย 2 ชั้น ชั้นด้านใน (ในร่ม) จะมีหน้าต่างสูงจากพื้นจรดเพดานและแกลลอรี่ Sky Gallery และชั้นด้านบนเป็นชั้นดาดฟ้าที่นักท่องเที่ยวสามารถชมวิวของเมืองได้เกือบ 360 องศาเมื่ออากาศเป็นใจ ตึก Roppongi Hills Mori สามารถเดินจาก สถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน Roppongi หอชมวิวนี้เปิดทำการวันจันทร์-พฤหัสบดี เวลา 10.00-23.00 และวันศุกร์-เสาร์ เวลา 10.00-1.00 (ตีหนึ่ง) ราคาบัตรสำหรับหอชมวิว Tokyo City View and Sky Deck จะรวมค่าเข้าสำหรับ พิพิธภัณฑ์ศิลปะโมริ (Mori Art Museum) ด้วย พิพิธภัณฑ์ศิลปะโมริ: (Mori Art Museum) พิพิธภัณฑ์ตั้งอยู่ที่ หอคอยโมริ (Mori Tower) นั่นเอง พิพิธภัณฑ์ศิลปะโมริ (Mori Art Museum)เป็นพื้นที่แสดงงานศิลปะชั่วคราวที่จะจัดแสดงงานจำพวกศิลปะสมัยใหม่ที่สะท้อนสภาพสังคม รวมไปถึงสถาปัตยกรรม การออกแบบ แฟชั่น ภาพถ่าย และวิดีโอทดลอง นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ Minoru Mori ได้ก่อตั้งพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ขึ้นเพื่อจัดแสดงนิทรรศการผลงานของศิลปินญี่ปุ่นและศิลปินต่างชาติที่มีชื่อเสียงสับเปลี่ยนกันไป งานนิทรรศกาลที่ผ่านๆ มาก็จะมี "From Me, Belongs to You Only" ผลงานประติมากรรมของศิลปินนามว่า Lee Bul ที่ใช้เทคนิคสีอครีลิค คริสตัลและลูกปัดแก้ว และนิทรรศกาล "Japan in Architecture" ที่รวบรวมงานศิลปะไว้มากกว่า 400 รายการ เป็นศิลปะแนว interactive installations ที่ผู้ชมสามารถสำรวจสถาปัตยกรรมแบบเก่าและแบบใหม่ของญี่ปุ่นได้เลย พิพิธภัณฑ์ศิลปะโมริ (Mori Art Museum) ตั้งอยู่ที่ชั้น 52 ของ ตึก...
อ่านเพิ่มเติม
เป็นที่รู้กันว่าโอซาก้าคือเมืองขวัญใจนักท่องเที่ยวทั่วโลก และหนึ่งในของดีโอซาก้าที่มัดใจทุกคนได้อยู่หมัดก็คืออาหารนั่นเอง ร้านอาหารที่ดีที่สุดในโอซาก้ามีตั้งแต่ร้านอาหารหรูพร้อมดาวมิชลินการันตี ไปจนถึงซูชิสดสะอาดในราคาสบายกระเป๋า เช่นร้านอาหาร คานิ โดราคุ สาขาโดทงบุริ หรือสตรีทฟู้ดราคาย่อมเยาที่ ตลาดคุโรมง ด้วยตัวเลือกที่หลากหลายทำให้การตระเวนทานอาหารให้โอซาก้าไม่ใช่เรื่องยากและยังได้ลิ้มลองความแปลกใหม่อีกด้วย ร้านหรูระดับท็อปในโอซาก้า 1. ซูชิ Jinsei ร้านอาหารที่การันตีด้วยดาวมิชลิน 1 ดาวในย่าน ชินไซบาชิ Jinsei เสิร์ฟเมนูอย่างไข่หอยเม่นหวานฉ่ำ ซูชิทูน่า และซูชิปลาเนื้อขาว ร้านมีชื่อเสียงในด้านความสดของปลาที่ดึงดูดนักกินจากทั่วโลกสู่โอซาก้า เพื่อสร้างเป็นเมนูที่รสชาติดีที่สุด ราคาโดยประมาณเมื่อทานอาหารที่ร้าน Jinsei ในโอซาก้า ราคาโดยเฉลี่ยต่อจาน: JPY 20,000-29,999 (THB 6,000-9,000) พิกัด: 2-1-3, Shinsaibashisuji, Chuo-ku Osaka 2. คานิ โดรากุ(Kani Doraku) สาขาโดทงโบริ(Dotonbori Honten) นักชิมทุกคนรู้จักปูแดงยักษ์ที่ Kani Doraku Dotonbori Honten ร้านอาหารแห่งนี้เป็นสถานที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวของ Dotonbori มาตั้งแต่ปีค.ศ. 1960 ชื่อเสียงในเรื่องของรสชาติของเมนูปูต่างๆดังพอๆกับปูแดงยักษ์ที่เป็นสัญลักษณ์ของร้าน เมนูที่โด่งดังคือเมนูปูในน้ำซุปซีอิ๊วขาวสูตรเฉพาะของโดรากุ หรือจะสั่งเป็นเซ็ต Kani Kaiseiki ที่มีปูตั้งแต่ในอาหารเรียกน้ำย่อยไปจนถึงอาหารจานหลัก ราคาโดยประมาณเมื่อทานอาหารที่ร้าน คานิโดรากุ(Kani Doraku) สาขาโดทงบุริ(Dotomburi Honten) ในโอซาก้า ราคาโดยเฉลี่ยต่อจาน: มื้อกลางวัน JPY 3,000-4,000(THB 900-1,200), มื้อเย็น JPY 6,000-8,000(THB 1,800-2,400) พิกัด: 1-6-18, Dotonbori, Chuo-ku 3. Honkogetsu | ร้านอาหารประเภท Kaiseiki Honkogetsu ได้ชื่อว่าเป็นร้านอาหารที่ดีที่สุด หรูหรา(และราคาแพงที่สุด) ในโอซาก้า เชี่ยวชาญอาหารประเภท Kaiseiki อาหารดั้งเดิมของญี่ปุ่นที่มีการนำเสนอคอร์สเมนูอาหารเย็นที่หลากหลาย ที่จะเพิ่มประสบการณ์การทานอาหารครั้งนี้ โดยได้รับการการันตีด้วยมิชลินสองดาวจากการใช้วัตถุดิบตามฤดูกาลในการรังสรรค์รสชาติอันปราณีตและมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร อาหารทุกจานที่ Honkogetsu ทำขึ้นไม่เพียงแค่เพื่อให้รสชาติดีเท่านั้นยังมีการตกแต่งทีสวยงามตามธีมในฤดูกาลนั้นๆ และการจัดจานด้วยวัตถุดิบที่สามารถทานได้เพื่อช่วยเพิ่มความสมดุลในรสชาติ เนื้อสัมผัส และรูปลักษณ์ของแต่ละเมนูพิเศษ ราคาโดยประมาณเมื่อทานอาหารที่ร้าน Honkogetsu ในโอซาก้า ราคาโดยเฉลี่ยต่อจาน: JPY 20,000-22,000 (THB 6,000-6,600) พิกัด: 1-7-11, Dotonbori, Chuo-ku, Osaka-shi 4. Kashiwaya | ร้านอาหารประเภท Kaiseiki เพลิดเพลินไปกับการประสบการณ์ทานอาหารในห้องส่วนตัวที่ Kashiwaya ซึ่งเป็นหนึ่งในสี่ร้านอาหารในโอซาก้า ที่ได้รับมิชลินสามดาวหลายปีซ้อน อาหารของ Kashiwaya ได้รับแรงบันดาลใจมากจากวัตถุดิบตามฤดูกาลตั้งแต่ผลไม้เรียกน้ำย่อยสร้างความสดชื่นไปจนถึงเมนูปลาหมึกซึ่งเป็นอาหารจานหลัก ลูกค้าของร้านนี้จะได้รับประทานอาหารในห้องส่วนตัวที่แวดล้อมด้วยสวนมอสอันเงียบสงบเพื่อเน้นย้ำวัฒนธรรมและพิธีชงชาของญี่ปุ่น ราคาโดยประมาณเมื่อทานอาหารที่ร้าน Kashiwaya ในโอซาก้า ราคาโดยเฉลี่ยต่อจาน: มื้อกลางวัน JPY 12,000-36,000 (THB 3,600-10,800), มื้อเย็น JPY 20,000-36,000 (THB 6,000-10,800) พิกัด: 2-5-18 Senriyamanishi, Suita 5. Fujiya 1935 | ร้านอาหารยุโรป สัมผัสประสบการณ์ความแตกต่างของรสชาติ เนื้อสัมผัสและสีสันในการทานอาหารได้ที่ Fujiya...
อ่านเพิ่มเติม
คิวชู มีสถานที่ท่องเที่ยวสวยงามมากมายในช่วงฤดูหนาว นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาและต้องการชมทิวทัศน์ที่สวยงามให้ได้มากที่สุดบนเกาะนี้ ควรจะเช่าหรือขับรถส่วนตัวมาเที่ยว วางแผนการเที่ยวฤดูหนาวห้าวันในคิวชูที่เริ่มต้นและสิ้นสุดที่ ฟุกุโอกะ เมืองออนเซ็นหลายๆที่และร่วมกิจกรรมระหว่างทาง! เคล็ดลับสำหรับการท่องเที่ยวช่วงฤดูหนาวในคิวชู ฤดูหนาวใน คิวชู ทั่วไปแล้วจะไม่รุนแรงมาก นักท่องเที่ยวควรที่จะพกเสื้อผ้าหนาๆและกันน้ำ รองเท้าเกาะพื้นดีๆและร่ม หากมีถุงมือและหมวกด้วยจะดีขึ้นไปอีก อุณหภูมิในฤดูหนาวของ คิวชู ตกไปถึงต่ำกว่าจุดเยือกแข็งไม่บ่อยนัก แต่สายลมตามแนวชายฝั่งทะเลอาจจะเย็นขึ้นได้ตามเวลา นักท่องเที่ยวมักไม่ค่อยเผชิญหิมะขณะขับรถใน คิวชู อย่างไรก็ตามคนขับควรที่จะระมัดระวังทางชันและไม่เรียบนัก การขับรถอย่างระมัดระวังควรเป็นสิ่งที่คำนึงถึงตลอดเวลาในท้องถนนคิวชู วันที่ 1 - เที่ยวชมเมืองฟุกุโอกะ สำหรับวันแรกตามแผนการเดินทางฤดูหนาวที่คิวชู เราจะเริ่มเดินทางจาก ฟุกุโอกะ ซึ่งเป็นเมืองหลวงของ จังหวัดฟุกุโอกะ และแวะเที่ยวที่ สวนสาธารณะไมซารุ ที่มี ซากปราสาทฟุกุโอกะ จากศตวรรษที่ 17 ซากนี้มีตั้งแต่ปี ค.ศ. 1601 และเคยสูงถึงตึก 50 ชั้น นักท่องเที่ยวสามารถแวะชมสี่หอคอยที่อนุรักษ์ไว้และมองลงมาที่ the Wild Cyperus ohwii Kukenth ซึ่งเติบโตขึ้นในคูเมืองรอบปราสาท พืชที่งดงามถูกกำหนดให้เป็นสมบัติทางธรรมชาติของญี่ปุ่นและหอคอยที่เหลือเป็นสมบัติทางวัฒนธรรมที่สำคัญ ซากปราสาทฟุกุโอกะ อยู่ติดกับ สวนสาธารณะโอโฮริ หนึ่งในสถานที่ที่ผู้คนนิยมมาชมวิวมากที่สุด อุทยานแห่งนี้ได้ถูกนิยามให้เป็นแหล่งรวมความสวยงามที่มีเส้นทางเดินชมวิวรอบทะเลสาบ ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นส่วนหนึ่งของคูเมืองปราสาท นักท่องเที่ยวสามารถเช่าและล่องเรือหรือเดินออกไปยังเกาะสามแห่งในทะเลสาบเพื่อถ่ายรูปสภาพแวดล้อมที่สวยงาม สวนสาธารณะโอโฮริ ยังถือเป็นสวนน้ำที่ดีและสวยที่สุดแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น นอกจากนี้ยังเป็นอีกที่ที่นักท่องเที่ยวจะได้พบกับ พิพิธภัณฑ์ศิลปะฟุกุโอกะ และ สวนโอโฮริญี่ปุ่น สวนสาธารณะแห่งนี้มีสนามเด็กเล่นและโรงละครศิลปะการแสดงทำให้เป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับครอบครัวที่จะใช้เวลาทั้งวันใน ฟุกุโอกะ เข้าพักที่ Hakata Tokyu REI Hotel แล้วออกไปเที่ยวที่ ฟุกุโอกะ วันที่ 2 - เดินทางไป โคโคโนเอะ และเพลิดเพลินกับกิจกรรมกลางแจ้ง ในวันที่สอง นักท่องเที่ยวสามารถขับรถไปเที่ยวใน โคโคโนเอะ ซึ่งอยู่ใน จังหวัดโออิตะ ที่ห่างจาก ฟุกุโอกะ ไปทางตะวันออกเฉียงใต้ประมาณสองชั่วโมง ใน โคโคโนเอะ นักท่องเที่ยวจะชอบกิจกรรมนอกสถานที่ใน Kujyu Forest Park Skiing Ground ที่สามารถเล่นสกี สโนว์บอร์ดและไหลลงจาก เขาคูจู สวนแห่งนี้เปิดให้เข้าชมตามฤดูกาลตั้งแต่เดือนธันวาคมจนถึงมีนาคม โดยเวลาเยี่ยมชมในวันทำการอยู่ที่ 9.00 น. ถึง 17.00 น. และ 8.30 น. ถึง 17.30 น. ในสุดสัปดาห์ นักท่องเที่ยวที่ไม่มีอุปกรณ์เป็นของตนเองสามารถเช่าสกีและเสื้อผ้าก่อนขึ้นเขาได้ หลังจากนั้น นักเดินทางสามารถแวะที่ น้ำพุร้อนซูจิยุ ที่ทุกคนรู้จักในนาม บ่อออนเซ็นซูจิยุ หมู่บ้านที่นักท่องเที่ยวสามารถผ่อนคลายไปกับการแช่บ่อน้ำร้อน ตั้งอยู่ในช่องเขาที่ด้านล่างของ เขาวาอิตะ เมืองน้ำพุร้อนแห่งนี้ดึงดูดนักท่องเที่ยวมาหลายศตวรรษด้วยความงามของธรรมชาติและโรงอาบนํ้าที่แสนสบาย และยังเป็นสถานที่ที่ยอดเยี่ยมสำหรับการค้างหนึ่งคืนหลังจากเล่นสกีทั้งวันใน เขาคูจู เข้าพักที่ Suziyu Onsen Daikokuya แล้วออกไปเที่ยว โคโคโนเอะ วันที่ 3 - เปิดประสบการณ์เยี่ยมชมเมืองคุมาโมโตะ เริ่มต้นวันที่สามของการเที่ยวฤดูหนาวที่คิวชูแต่เช้าและขับรถจาก โคโคโนเอะ ไปยัง คุมาโมโตะ การเดินทางใช้เวลาน้อยกว่าสองชั่วโมงและนักผจญภัยสามารถขึ้นเล่นสเก็ตน้ำแข็งที่ Aqua Dome คุมาโมโตะ ศูนย์กีฬาแห่งนี้ได้รับความนิยมในการจัดกิจกรรมกีฬาว่ายน้ำและกีฬาอื่นๆในช่วงฤดูร้อน แต่ช่วงปลายเดือนธันวาคมถึงเดือนมีนาคมที่นี่จะถูกเปลี่ยนเป็นลานสเก็ตน้ำแข็ง นักสเก็ตมากประสบการณ์สามารถเล่นสเก็ตได้ที่ลานสเก็ตใหญ่ ส่วนนักสเก็ตสมัครเล่นสามารถเล่นที่ลานเล็กที่มีคนน้อยกว่า Aqua Dome คุมาโมโตะ โดยปกติแล้วจะปิดทำการในวันพุธและเปิดให้บริการตั้งแต่...
อ่านเพิ่มเติม
การเลือกซื้อของฝากที่สนุกสนานและน่าจดจำเป็นหนึ่งในส่วนที่ดีที่สุดของทุก ๆ ทริป จึงขอพาไปดูสิ่งที่ต้องซื้อใน คิวชู และจุดที่เป็นที่นิยมที่ดีที่สุดในการซื้อของฝากใน ฟุกุโอกะ และนางาซากิ ซึ่งนอกจากถ่ายรูปกับที่เที่ยวยอดนิยมและสถานที่สำคัญใน คิวชู แล้ว ยังมีของฝากตั้งแต่ขนมแปลกใหม่ เครื่องดื่ม เสื้อผ้าท้องถิ่น และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพอีกด้วย 1. สิ่งที่ต้องซื้อในคิวชู | ขนมที่เอากลับบ้านง่าย ๆ เมื่อซื้อขนมหวานและขนมที่น่ากินมากมายจาก คิวชู กลับบ้านนอกจากจะอร่อยแล้ว ผู้รับยังได้รู้เกี่ยวกับอาหารในญี่ปุ่นด้วย เช่น ขนมที่ปรุงรสด้วยเมนไทโกะ (ไข่ปลาค็อดหมัก) สามารถหาได้ทั่วไปใน ฟุกุโอกะ และของฝากที่ไม่ซํ้าใครสำหรับนักกินอย่าง Uma-kacchan ราเม็งกึ่งสำเร็จรูปชนิดหนึ่ง ที่เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกของฝากที่อร่อยที่สุด โดยราเมนนี้จะบรรจุอยู่ในกล่องและสามารถลองชิมก่อนได้ที่ร้านค้าและร้านสะดวกซื้อ นอกจากห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่หลายแห่งยังมีตัวเลือกขนมอีกมากมายที่อยู่ในกล่องบรรจุภัณฑ์ที่เหมาะแก่การใส่กระเป๋าเดินทางไปด้วย และคนที่ชอบของหวาน มีร้านค้าและซุ้มขนมหลายแห่ง ปรุงขนมด้วยวัตถุดิบพรีเมียม ทั้งสตรอเบอรี่สดๆ(ตามฤดูกาล) หรือผงมัทฉะ และบรรจุภัณฑ์ที่น่ารัก ทำให้ยอดขายสินค้าถล่มถลาย ของหวาน อื่นๆ จาก คิวชู ยังมีป๊อกกี้ ผลิตโดยบริษัทเอซากิกูลิโกะ (Ezaki Glico) ที่มีชื่อเสียง มีสำนักงานใหญ่อยู่ในโอซาก้า และคิทแคท ทั้งสองอย่างจะมีรสชาติที่หลากหลาย และรสพิเศษที่สามารถหาซื้อได้ในญี่ปุ่นเท่านั้น 2. สิ่งที่ต้องซื้อในคิวชู | เสื้อผ้า & เครื่องประดับ การซื้อของฝากจะไม่สมบูรณ์หากไม่ได้ซื้อเสื้อผ้าและเครื่องประดับใหม่กลับบ้านไปฝากเพื่อนและครอบครัว เสื้อผ้าหรูหราที่มีเอกลักษณ์สามารถพบได้ในเมืองใหญ่ ๆ โดยเฉพาะ ฟุกุโอกะ นักช้อปส่วนใหญ่ชอบซื้อเสื้อผ้าวินเทจและสินค้าหัตถกรรมท้องถิ่นในเมืองเล็ก ๆ ของคิวชู ทั้ง คะระสึ (Karatsu) ใน จังหวัดซากะ (Saga) ห้างสรรพสินค้าหลายแห่งยังมีของฝากชิ้นเล็กๆที่สามารถแพ็คลงกระเป๋าได้ เช่น แม่เหล็ก พวงกุญแจ และเสื้อยืดที่สกรีนชื่อเมืองหรือที่เที่ยวสำคัญใน คิวชู 3. สิ่งที่ต้องซื้อในคิวชู | เครื่องสำอาง แบรนด์เครื่องสำอางมากมายผลิตผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงในราคาที่เหมาะสม เครื่องสำอางญี่ปุ่นจึงเป็นที่รักของคนทั่วโลก สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยาส่วนใหญ่ ทั้งไว้ใช้เองที่บ้านหรือให้เป็นของฝาก เมื่อเดินตามร้านขายยาใน ฟุกุโอกะ นางาซากิ หรือ คาโกชิมะ (Kagoshima) จะพบผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ พร้อมกิ๊ฟเซตเครื่องสำอางมากมายในบรรจุภัณฑ์ที่น่ารัก ทั้งแบรนด์ความงามราคาประหยัดอย่าง Canmake และ Kate ที่ครองชั้นวางในร้านขายยา และแบรนด์เครื่องสำอางและบำรุงผิวราคาแพงของญี่ปุ่นอย่าง Shiseido, Shu Uemura และ SK-II ก็มีร้านของตัวเองอยู่ในห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ 4. สิ่งที่ต้องซื้อในคิวชู | เครื่องดื่ม เนื่องจากใบชาเป็นพืชสำคัญชนิดหนึ่งของเกาะ หากไม่ซื้อถือว่ามาไม่ถึง คิวชู ท่านสามารถเยี่ยมชมห้องชงชาต้นตำรับญี่ปุ่นเพื่อเพลิดเพลินไปกับการชิมชาที่สดใหม่ พร้อมบทเรียนเกี่ยวกับกรรมวิธีชงชาญี่ปุ่น และนำชาเขียวคุณภาพดีกลับบ้านด้วยเพื่อแชร์เรื่องราวเกี่ยวกับทริปการไปญี่ปุ่น เมืองYame ใน จังหวัดฟุกุโอกะ เป็นหนึ่งในพื้นที่ที่เป็นที่นิยมมากที่สุดในญี่ปุ่นสำหรับการปลูกชา ใน Yame ผู้เข้าชมไม่เพียงแต่สามารถลิ้มลองและซื้อชาที่ปลูกในท้องถิ่นได้ แต่ยังสามารถทัวร์ไร่ชาที่ Yame Central Tea Plantation ได้ด้วย ทุ่งที่โดดเด่นนี้ใช้เวลาเพียง 20 นาที จากร้านชา Yamuro Konomi Honke (Konomien) ธุรกิจชาเก่าแก่ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1704 และเป็นหนึ่งในร้านชาที่เก่าแก่ที่สุดในคิวชู นอกจากชาแล้ว ข้าวยังเป็นพืชยอดนิยมอีกชนิดหนึ่งใน คิวชู จึงมีการผลิตเครื่องดื่มข้าว amazake...
อ่านเพิ่มเติม
สนามบินโอซาก้ามีบริการขนส่งสาธารณะที่สะดวกสบายในการเดินทางเข้าสู่ตัวเมือง โอซาก้า เช่นเดียวกับสถานที่เที่ยวชื่อดังใกล้เคียง เช่น เกียวโต (Kyoto) และ เฮียวโงะ (Hyogo) เที่ยวบินระหว่างประเทศจะบินมาลงที่ สนามบินนานาชาติคันไซ (KIX) และเที่ยวบินในประเทศส่วนใหญ่มาลงที่ สนามบินอิตามิ (ITM) หรือที่คนโอซาก้ารู้จักกันในชื่อ สนามบินนานาชาติโอซาก้า 1. สนามบินนานาชาติคันไซ (KIX) ตั้งอยู่บนเกาะทีมีการสร้างขึ้นในอ่าวโอซาก้า สนามบินนานาชาติคันไซ ห่างออกไปประมาณ 52 กิโลเมตรทางตะวันตกเฉียงใต้จากใจกลางเมือง โอซาก้า เป็นโชคดีของนักท่องเที่ยวที่มีทางเลือกในการเดินทางหลายรูปแบบไปย่านยอดนิยมของโอซาก้า เช่น อุเมดะ (Umeda) นัมบะ (Namba) และ สถานี Shin-Osaka ผู้โดยสารสามารถขึ้นรถไฟโดยตรงไปที่ Universal Studios Japan และสถานที่เที่ยวเดย์ทริปอย่าง เกียวโต (Kyoto) โกเบ (Kobe) นารา (Nara) และ วากายามะ (Wakayama) สิ่งที่ต้องทำใกล้ สนามบินนานาชาติคันไซ เข้าพักที่โรงแรมหรืออพาร์ตเมนต์ใกล้ สนามบินนานาชาติคันไซ The Premium Hotel in Rinku HATAGO INN Kansai Airport Kansai Airport Washington Hotel แล้วออกไปเที่ยว โอซาก้า 2. สนามบินอิตามิ (สนามบินนานาชาติโอซาก้า) เที่ยวบินในประเทศของญี่ปุ่นส่วนใหญ่บินลงที่ สนามบินอิตามิ (ITM) ตั้งอยู่ห่างออกไปประมาณ 10 กิโลเมตรจากใจกลางเมือง โอซาก้า สนามบินที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นสนามบินนานาชาติของเมือง ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมคนในพื้นที่บางคนยังเรียกว่าสนามบินนานาชาติโอซาก้า ผู้โดยสารสามารถขึ้นรถไฟที่ สถานี Osaka Airport เพื่อไปที่ สถานี Hotarugaike ได้ ซึ่งที่สถานีนี้ นักท่องเที่ยวสามารถซื้อตั๋วเพื่อไปที่ สถานี Umeda หรือ เกียวโต (Kyoto) ได้ การเดินทางไป อุเมดะ (Umeda) ใช้เวลาโดยประมาณ 20 นาที และใช้เวลาประมาณ 45 นาทีไป เกียวโต (Kyoto) หรือนั่งรถบัสลีมูซีนพาผู้โดยสารจาก สนามบินอิตามิ ไป สถานี Umeda สถานี Shin-Osaka ตึก OCAT ใน นัมบะ (Namba) และ Universal Studios Japan สิ่งที่ต้องทำใกล้ สนามบินอิตามิ เข้าพักที่โรงแรมหรืออพาร์ตเมนต์ใกล้ สนามบินอิตามิ REFTEL Osaka Hotel A.P. Toyoko Inn Osaka Itami Airport แล้วออกไปเที่ยว โอซาก้า
อ่านเพิ่มเติม
คิวชู เกาะที่ใหญ่เป็นอันดับสามของญี่ปุ่น และเนื่องจากตั้งอยู่ทางตอนใต้ของเกาะหลัก จึงมีอากาศที่อบอุ่นและเย็นสบายเหมาะแก่การท่องเที่ยว สำหรับช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการเที่ยว คิวชู จะขึ้นอยู่สถานที่และกิจกรรมที่สนใจ ตั้งแต่ช่วงดอกไฮเดรนเยียบานที่ ศาลเจ้าฮาโคซากิกุ ไปจนถึงเทศกาลโคมไฟที่สวยงามในช่วงหน้าหนาวที่ นางาซากิ เชิญรับชมเทศกาลในฤดูกาลต่างๆและกิจกรรมที่เป็นที่นิยมใน คิวชู ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการเที่ยวคิวชู | ฤดูใบไม้ผลิ นักท่องเที่ยวนับล้านคนต่างลงความเห็นว่าฤดูใบไม้ผลิเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการเที่ยว คิวชู เพราะมีแสงแดดอ่อนๆ และอากาศที่อุ่นสบาย จึงไม่ต้องขนเสื้อกันหนาวมากเยอะนัก แต่อาจเจอฝนตกบ้างในช่วงปลายฤดู เช่นเดียวกับพื้นที่อื่นของประเทศในฤดูใบไม้ผลิ คิวชู มีชีวิตชีวาขึ้นจากดอกไม้ที่บานสะพรั่ง กิจกรรมในช่วงนี้จึงเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากการชมดอกไม้ ฤดูใบไม้ผลิในจังหวัดฟุกุโอกะ สถานที่ที่ดีที่สุดในการชมใบไม้ผลิใน คิวชู คือทางตอนเหนือของ จังหวัดฟุกุโอกะ ทั่วทั้งพื้นที่ราวกับถูกแต่งแต้มสีสันด้วยดอกไม้ที่บานสะพรั่ง มีหลายที่ที่สามารถชมความงามเหล่านี้ได้ใน จังหวัดฟุกุโอกะ และด้านล่างคือ 3 สถานที่ยอดนิยม เทศกาลชมดอกซากุระที่ปราสาทฟุกุโอกะ สถานที่อันเก่าแก่อย่าง ปราสาทฟุกุโอกะ เป็นหนึ่งในที่ที่ดีที่สุดในญี่ปุ่นสำหรับการชมดอกซากุระ เพราะมีต้นซากุระมากกว่า 1,000 ต้นและมีการประดับตกแต่งด้วยแสงไฟสำหรับการชมในเวลากลางคืน รวมทั้งมีแผงขายอาหารมากมาย และการแสดงต่างๆให้ได้ดูกัน โดยเทศกาลชมดอกซากุระนี้จัดขึ้นในช่วงปลายเดือนมีนาคมถึงต้นเดือนเมษายน อุโมงค์วิสเทอเรียที่ คาวาจิ ฟูจิ การ์เด้น ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของ คิตะคิวชู คาวาจิ ฟูจิ การ์เด้น เป็นหนึ่งในที่ที่สวยที่สุดในโลกสำหรับการชมดอกวิสทีเรียในช่วงปลายเดือนเมษายนถึงต้นเดือนพฤษภาคม ที่สวนแห่งนี้มีอุโมงค์ดอกวิสทีเรียขนาดใหญ่สองอุโมงค์ ผู้เข้าชมสามารถเดินลอดอุโมงค์ชมดอกวิสทีเรียหลากสีทั้งสีม่วง สีฟ้า สีขาว สีชมพูที่ห้อยระย้าอย่างสวยงาม ที่ คาวาจิ ฟูจิ การ์เด้น แห่งนี้มีต้นวิสทอเรียมากกว่า 150 ต้น จากมากกว่า 20 สายพันธุ์ให้ได้ชมกัน เทศกาลอาจิไซที่ศาลเจ้าฮาโคซากิกุ ตลอดเดือนมิถุนายนใน คิวชู จะมีฝกตกหนักตลอดทั้งเดือนและเป็นเดือนที่ดอกไฮเดรนเยียบานเต็มที่ที่สุด สถานที่เหมาะที่สุดในการชมดอกไฮเดรนเยีย คือที่เทศกาลอาจิไซ ณ ศาลเจ้าฮาโคซากิกุ ตั้งอยู่ใน จังหวัดฟุกุโอกะ สวนขนาดใหญ่ภายในศาลเจ้าแห่งนี้มีต้นไฮเดรนเยียมากกว่า 3,500 ต้น จากมากกว่า 100 สายพันธุ์ ผู้เข้าชมสามารถมาสัมผัสกลิ่นหอมและสีสันสดใสของสวนดอกไม้พร้อมนั่งฟังเพลงคลาสสิกแบบเล่นสดได้ เข้าพักที่ GUESTHOUSE HAKOZAKI GARDEN แล้วออกไปเที่ยว ศาลเจ้าฮาโคซากิกุ(Hakozakigu Shrine) ค้นหาและจองที่พักราคาดีที่สุดในฟุกุโอกะวันนี้ ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการเที่ยวคิวชู | ฤดูร้อน ฤดูร้อนใน คิวชู มีอุณหภูมิที่ค่อนข้างสูงเหมาะแก่การใช้เวลาที่ทะเลใน จังหวัดคาโกชิม่า ฤดูร้อนนี้เป็นอีกหนึ่งของปีช่วงเวลาที่คนมาเที่ยว จังหวัดคุมาโมโตะ มากที่สุด เพื่อชมมีเทศกาลดอกไม้ไฟที่มีเอกลักษณ์ เที่ยวทะเลจังหวัดคาโกชิม่า จังหวัดคาโกชิม่า อยู่ทางตอนใต้ของ คิวชู มีภูมิอากาศแบบกึ่งเขตร้อนและมีแนวชายฝั่งทะเลยาวสุดลูกหูลูกตา เป็นสถานที่ท่องเที่ยวอันดับต้นๆของญี่ปุ่นเหตุผลหลักเป็นเพราะมีหาดสวยที่สวยงามมากมาย และนี่คือรายชื่อหาดที่สวยงามบางส่วนในจังหวัดคาโกชิม่า หาดอิโซะ (Iso Beach) จังหวัดคาโกชิม่า หาดอิโซะ (Iso Beach) อยู่ในตัวเมือง คาโกชิม่า หาดทรายเป็นทรายสีขาว เป็นจุดว่ายน้ำที่ยอดเยี่ยมและเป็นที่นิยมสำหรับการเล่นกีฬาทางน้ำ เช่น เซิร์ฟบอร์ด พายเรือ และ วินด์เซิร์ฟ หาดอิโซะ (Iso Beach) ยังเป็นที่รู้จักว่าเป็นจุดชมวิวที่สวยงามของ ภูเขาซากุระจิมะ ผ่าน อ่าวกิงโกะ หาดยูริกาฮาม่า เกาะโยรอน เกาะโยรอน เกาะสวรรค์ในเขตร้อนตั้งอยู่ระหว่างเกาะหลักและ เกาะโอกินาว่า มีหลายหาดภายในเกาะ แต่ หาดยูริกาฮาม่า เป็นหาดที่มีความมหัศจรรย์มากที่สุดเพราะ หาดยูริงาฮาม่า มีการเปลี่ยนแปลงที่ตั้งและรูปร่างตามกระแสน้ำ น้ำทะเลสีฟ้าที่ล้อมรอบเกาะแห่งนี้เหมาะแก่การว่ายน้ำและดำน้ำดูประการัง...
อ่านเพิ่มเติม
ไม่ว่าคุณจะมองหาสถานที่เที่ยวโต้รุ่งหรือที่นั่งดื่มชิลๆกับเพื่อนๆ 10 ย่านเหล่านี้เหมาะสมที่สุด ตามหาบาร์และร้านอิซากายะ ใน Ebisu ร้านอาหารติดอันดับและไนท์คลับในฮาราจูกุ < h2>1. Tokyo Nightlife | ชินจูกุ เนื่องจากมีร้านค้า บาร์และร้านอาหารที่หลากหลาย ชินจูกุ จึงเป็นย่านที่คึกคักที่สุดในโตเกียวไม่ว่าจะเช้าหรือคํ่า ไนท์คลับและบาร์ดึงดูดให้ชาวต่างชาติมาท่องเที่ยวโดยมีทั้งป้ายและเมนูเป็นภาษาอังกฤษ สถานที่นี้เป็นใจกลางหลักของย่าน Ni-Chome ที่มีบาร์เกย์และไนท์คลับจำนวนมากและ Kabukicho ย่านเกอิชาที่โด่งดังที่สุดของเมือง < h3>เที่ยวชินจูกุ: Shinjuku Pit Inn - 2-12-4 Shinjuku B1F Accord Shinjuku Bldg., ชินจูกุ: ต้องทำการจองล่วงหน้าเพื่อที่จะได้เที่ยว Shinjuku Pit Inn แจ๊สคลับยอดนิยมแห่งนี้ ดื่มดำไปเครื่องดื่มเย็นๆและฟังวงดนตรีแจ๊สเล่นไปพร้อมๆกัน (เครื่องดื่มหนึ่งแก้วรวมค่าเข้าแล้ว) Golden Gai- 1 Chome-1-6 Kabukicho, ชินจูกุ: แม้จะมีบาร์ที่มีเมนูภาษาอังกฤษพร้อมบาร์เทนเดอร์ที่พูดภาษาอังกฤษอยู่มากมายในย่านนี้ Golden Gai เป็นที่ที่เหมาะสมที่สุดในย่านนี้ในการเที่ยวบาร์ Robot Restaurant - 1-7-1 Kabukicho, B2f, Kabukicho, ชินจูกุ: การแสดงคาบาเร่ต์ใน Robot Restaurant ที่คึกคักตลอดเวลา เหมาะสมสำหรับนักท่องเที่ยวทุกวัย ในร้านมีการจัดการแสดงพร้อมเสิร์ฟเซตเบนโตะให้รับประทาน เข้าพักที่ Keio Plaza Hotel Tokyo แล้วออกไปเที่ยวที่ Robot Restaurant ค้นหาที่เที่ยวกลางคืนของโตเกียวในย่าน ชินจูกุ < h2>2. Tokyo Nightlife | ชิบูย่า แม้ ชิบูย่า จะให้บรรยากาศความเป็นวัยรุ่นและมักดึงดูดนักท่องเที่ยววัยรุ่น แต่นักท่องเที่ยวทุกวัยสามารถมาสนุกและเพลิดเพลินไปกับอาหารอร่อยๆและเครื่องดื่มเย็นๆได้ ในย่านนี้ไนท์คลับตั้งอยู่บนถนนเส้นเดียวกับร้านอาหารและบาร์ < h3>เที่ยวชิบูย่า Spincoaster Music Bar - 2-26-2 Yoyogi, 1-C 2nd Kuwano Bldg., ชิบูย่า: นักท่องเที่ยวที่หลงรักในดนตรีจะตะลึงไปกับคุณภาพของเสียงดนตรีใน Spincoaster Music Bar ซึ่งเป็นบาร์ที่มีชื่อเสียงและเปิดดนตรีหลากหลายประเภท Womb - 2-1 6 Maruyamacho, ชิบูย่า: ปาร์ตี้สนุกทั้งคืนที่ Womb ไนท์คลับสี่ชั้นที่น่าหลงไหล ดีเจที่ Womb จัดการแสดงสุดอลังการที่เต็มไปด้วยแสงสีเสียง The Ruby Room - 2-25-17 Dogenzaka, 4F Kasumi Bldg, ชิบูย่า: ตั้งอยู่ห่างจาก สถานีรถไฟชิบูย่า แค่ไม่กี่นาที The Ruby Room เป็นสถานที่ที่เหมาะสมสำหรับการเที่ยวยามราตรี คลับแห่งนี้ดนตรีเพราะ เต้นสนุก บรรยากาศดี และยังมีห้องพิเศษสำหรับกิจกรรมที่จัดส่วนตัว เข้าพักที่ Shibuya Excel Hotel Tokyu แล้วออกไปเที่ยวที่ Womb ค้นหาที่เที่ยวกลางคืนของโตเกียวใกล้ ชิบูย่า < h2>3....
อ่านเพิ่มเติม
ในเมืองซัปโปโรมีคาเฟ่และร้านอาหารมากมายที่ขายขนมญี่ปุ่น ซึ่งแต่ละร้านได้ออกแบบบรรยากาศมาให้เข้ากับการพักผ่อนพร้อมด้วยขนมหวานสุดอร่อย ของหวานเป็นอีกหนึ่งเสน่ห์ของวัฒนธรรมฮอกไกโดซึ่งทำมาจากวัตถุดิบที่มีพร้อมอย่าง ข้าวสาลี golden, บีทรูทและนมวัวธรรมชาติ ซัปโปโรเป็นแหล่งรวมวัตถุดิบธรรมชาติที่นำมาจากทั่วทั้งฮอกไกโด เป็นผลให้ศิลปะการประดิษฐ์ขนมญี่ปุ่นโดยส่วนผสมที่สดและอร่อยกำลังเป็นที่นิยม ด้วยการแข่งขันสูงในตลาดร้านค้าทุกแห่งทำและจำหน่ายขนมญี่ปุ่นชั้นเลิศในขณะที่ขัดเกลาฝีมือของพวกเขา ร้านขนมหวานแต่ละร้านในเมืองซัปโปโรแต่ละมีแฟนๆท้องถิ่นมากมาย เยี่ยมชมซัปโปโรเพื่อค้นหาขนมญี่ปุ่นที่คุณชื่นชอบและติดใจสำหรับสาวกของหวาน 1. KINOTOYA BAKE: ลิ้มรสความอร่อยของชีสทาร์ตสดๆจากเตาของซัปโปโร ชีสทาร์ตของ KINOTOYA BAKE เป็นที่นิยมทั้งในและนอกประเทศญี่ปุ่น ยอดขายสูงถึง 6 ล้านชิ้นทุกๆปี! ชีสทาร์ตจากที่นี่มีส่วนประกอบที่เข้มข้นของมูสชีสที่นุ่มนวลและขนมปังอบร่วนที่ทำเอง ชีสเค้กญี่ปุ่นที่สดใหม่และพร้อมให้บริการตลอดเวลา นั่นคือสาเหตุที่ทำให้ KINOTOYA BAKE เต็มไปด้วยลูกค้าทุกวัน! ข้อมูลร้านค้า หาร้าน KINOTOYA BAKE ได้ที่สถานี JR Sapporo East ทางออก 3 Kita 6 Jōnishi Kita-ku Sapporo ติดกับประตูตรวจตั๋วตะวันออก เวลาทำการ: 9.00 น. - 22.00 น. 2. Maruyama Saryo: ดื่มด่ำไปกับชาญี่ปุ่นและ ichigo zenzai ในสภาพแวดล้อมที่แปลกตา Maruyama Saryo เป็นร้านขนมยอดนิยมสำหรับคนพื้นเมืองมาเป็นเวลานาน ขนมญี่ปุ่นที่นี่ไม่เหมือนใครและยังหาที่อื่นไม่ได้อีกด้วย เมนูยอดนิยม 'ichigo zenzai' เริ่มเสิร์ฟด้วยไอศกรีมสตรอเบอร์รี่ในชามขนาดใหญ่และถั่วแดงซึ่งไม่หวานเกินไป ทุกอย่างราดด้วยซอสสตรอเบอร์รี่รสหวานและเปรี้ยว เลเยอร์ที่สวยงามทำให้ของหวานฮอกไกโดนี้คุ้มค่ากับการถ่ายรูปลงบน Instagram และเพลิดเพลินกับรสชาติ การตกแต่งโดยใช้เฟอร์นิเจอร์แบบย้อนยุคและทำด้วยไม้ทำให้เกิดความรู้สึกเหมือนย้อนยุคไปเมื่อหลายสิบปีก่อน หากต้องการหลีกหนีจากความวุ่นวายและได้ลิ้มรสไปกับขนมหวานญี่ปุ่นเพื่อคลายเครียด ไม่ควรพลาดที่นี่ ข้อมูลร้านค้า หาร้าน Maruyama Saryo ได้ที่ 27-1-32, Kita 4 Jōnishi, Chūō-ku, ซัปโปโร เวลาทำการ 11.00 น. – 24.00 น. ปิดทุกวันพฤหัส เที่ยวคาเฟ่ในซัปโปโร! ค้นหาห้องพักใน ซัปโปโร Chateraise Gateaux Kingdom Sapporo Hotel Spa Resort Hanamomiji Hotel Shikanoyu 3. Parfait, Coffee, Sake (Liquor), Sato: การตกแต่งภายในญี่ปุ่นแบบชิคๆนำเสนอถึง 'shime-parfait' ของซัปโปโร Parfait, Coffee, Sake (Liquor), Sato ตั้งอยู่ในซอยหลัง Tanukikoji Shopping Street ซึ่งเป็นที่นิยมสำหรับของที่ระลึกและร้านขายยา การทานพาร์เฟ่ต์หลังอาหารหรือหลังการดื่มเป็นสิ่งยอดนิยมที่ต้องทำใน ซัปโปโร ร้านนี้ยังเป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกของ ‘shime-parfait' พาร์เฟ่ต์ (Parfait) ได้รับความนิยมใน ฮอกไกโด โดยเฉพาะ ‘seasonal fruit parfait’ ที่มีผลไม้โรยหน้าหลากชนิด โดยทางร้านให้ความสำคัญกับการจัดจานเพื่อให้ได้รูปสวยๆบนเมนู ร้านนี้ยังเลือกวัตถุดิบด้วยความพิถีพิถันอีกด้วย สามารถแวะชมได้หลังจากเหนื่อยล้าจากการเที่ยว ข้อมูลร้าน หาร้าน Parfait, Coffee, Sake, Sato ได้ที่ 1-6-1, Minami 2 Jōnishi, Chūō-ku,...
อ่านเพิ่มเติม
โตเกียว เมืองที่มีชื่อเสียงในเรื่องการผสมผสานระหว่างประเพณีและนวัตกรรมอย่างลงตัว มีที่พักสุดหรูที่หลากหลายเพื่อตอบโจทย์ทุกความต้องการ ไม่ว่าคุณจะมาเพื่อติดต่อธุรกิจ พักผ่อน หรือโอกาสพิเศษ โรงแรมหรูของโตเกียวนำเสนอบริการระดับ World Class สิ่งอำนวยความสะดวกที่เป็นเลิศ และทิวทัศน์เส้นขอบฟ้าเมือง สวนหย่อม และสถานที่สำคัญที่เป็นสัญลักษณ์ที่ไม่มีใครเทียบได้ ที่พักระดับ 5 ดาวของโตเกียวจะมอบประสบการณ์ที่แสนผ่อนคลายอย่างแท้จริง ตั้งแต่ตึกระฟ้าทันสมัยสุดล้ำไปจนถึงรีสอร์ทแบบดั้งเดิมที่เงียบสงบ ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปรู้จักกับโรงแรมหรูระดับ 5 ดาวของเมือง 15 แห่ง ซึ่งแต่ละแห่งล้วนมีคุณสมบัติพิเศษเฉพาะตัวที่ออกแบบมาเพื่อให้การเข้าพักของคุณน่าประทับใจไม่รู้ลืม ไม่ว่าคุณกำลังมองหาสถานพักผ่อนในเมืองที่ทันสมัยในย่านที่พลุกพล่านหรือโอเอซิสอันเงียบสงบใกล้สวนสาธารณะและวัด ก็มีโรงแรมที่ตอบโจทย์ความต้องการของคุณ ที่พักเหล่านี้ให้บริการสิ่งอำนวยความสะดวกชั้นยอด รวมถึงห้องอาหารชั้นเลิศ สปา ห้องรับรองส่วนตัว และบริการพิเศษต่างๆ ที่จะยกระดับการเข้าพักของคุณ โรงแรมเหล่านี้หลายแห่งตั้งอยู่ในทำเลชั้นเยี่ยม ทำให้เดินทางไปช้อปปิ้ง รับประทานอาหาร และท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมต่างๆ ได้อย่างสะดวก มาร่วมสำรวจรีสอร์ทและที่พักระดับ 5 ดาวในโตเกียว ที่ซึ่งความหรูหราบรรจบกับใจกลางเมืองหลวงที่มีชีวิตชีวาของญี่ปุ่นไปกับเราได้เลย 1. Imperial Hotel Tokyo พักผ่อนเติมพลังอย่างเหนือระดับที่ Imperial Hotel Tokyo โรงแรมดีไซน์สวยซึ่งมีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 120 ปี ส่วนเสี้ยวของประวัติศาสตร์ที่แสนสำคัญนี้ตั้งอยู่กลางกรุงโตเกียว ภายในมีสิ่งอำนวยความสะดวกสุดทันสมัย เช่น ซาวน่า สระว่ายน้ำในร่ม ร้านอาหาร และฟิตเนสเซ็นเตอร์ ที่เที่ยวใกล้โรงแรม เดินไปไม่ไกลก็ถึง Leica สาขากินซ่า สวนฮิบิยะ (Hibiya Park) รูปปั้นก็อตซิลลา (Godzilla Statue) ฮอลล์คอนเสิร์ตกลางแจ้งฮิบิยะ ตึก Sony การเดินทาง โรงแรมหรูระดับ 5 ดาวแห่งนี้ตั้งอยู่เลขที่ 1-1, Uchisaiwai-Cho 1-Chome Chiyoda-Ku, Ginza โรงแรมอยู่ห่างจากสถานีรถไฟ Hibiya Train Station เพียงเดินไป 5 นาที โรงแรมอยู่ห่างจากสถานีรถไฟ Uchisaiwaicho Subway Station เพียงเดินไป 8 นาที เข้าพักที่ Imperial Hotel Tokyo แล้วออกไปเที่ยว ร้าน Leica สาขากินซ่า 2. The Capitol Hotel Tokyu The Capitol Hotel Tokyu ตั้งอยู่ในย่านอะคาซากะ (Akasaka) ที่นี่เป็นที่พักสุดเพอร์เฟ็กต์สำหรับคนที่เดินทางมาเพื่อทำงานหรือพักผ่อน นักท่องเที่ยวรสนิยมหรูย่อมชอบใจสถาปัตยกรรมสุดอลังการในย่านนี้ เช่นเดียวกับแลนด์มาร์กใกล้ๆ ส่วนนักธุรกิจจะต้องเป็นปลื้มกับห้องสัมมนาที่ตกแต่งอย่างวิจิตรงดงามและการเดินทางที่ไม่ไกลจากใจกลางเมืองโตเกียว ที่เที่ยวใกล้โรงแรม เดินไปไม่ไกลก็ถึง ศาลเจ้าฮิเอะ (Hie Shrine) โรงละคร Akasaka Red Theater อาคารสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (National Diet Building) โรงละคร ACT Akasaka Theatre การเดินทาง โรงแรมห้าดาวแห่งนี้ตั้งอยู่เลขที่ 2-10-3, Nagata-cho, Chiyoda-ku, Akasaka โรงแรมอยู่ห่างจากสถานีรถไฟ Tameike-Sanno Subway Station เพียงเดินไป 1 นาที โรงแรมอยู่ห่างจากสถานีรถไฟ Kokkai...
อ่านเพิ่มเติม
ไหนมาดูกันซิว่าที่โตเกียวมีอะไรน่าซื้อ แล้วควรจะไปซื้อที่ไหนอย่างไรบ้าง เรารวบรวมสุดยอดร้านของฝาก ตลาด และถนนช้อปปิ้งมาไว้หมดแล้ว โตเกียวมีสินค้าประเภทของฝากให้เลือกสารพัด ทั้งของแปลกแหวกแนวและของธรรมดาทั่วไป อยากได้คิทแคทชาเขียวหรือว่าสร้อยไข่มุกเป็นชั้นระย้าดีล่ะ ส่วนใครอยากซื้ออาหารปลอมต้องไปที่คัปปะบาชิ (Kappabashi) แต่ถ้าเล็งพวกสาเกไว้ให้ไปMeishu Center เลย แหล่งซื้อไข่มุกที่ดีที่สุดในโตเกียว ไข่มุกนับเป็นเครื่องหมายของสถานะและความมั่งคั่งสำหรับชาวญี่ปุ่นมาตั้งแต่ศตวรรษที่หนึ่งเมื่อเริ่มมีคนดำน้ำลงไปงมหาหอยมุกอโกย่าที่ก้นทะเล ช่วงปลายทศวรรษที่ 1800 Kokichi Mikimoto พ่อค้าชาวญี่ปุ่นก็คิดค้นวิธีการเพาะเลี้ยงหอยมุกและเปิดร้านขายไข่มุกในย่านกินซ่า (Ginza) ของโตเกียว ทุกวันนี้ช้อปปิ้งไกด์ดีๆ จะต้องจัดรายการซื้อเครื่องประดับจำพวกไข่มุกไว้ในลิสต์ลำดับต้นๆ ชาวโตเกียวและนักท่องเที่ยวที่อยากมองหาเครื่องประดับคุณภาพดีควรไปร้านสาขาของ Mikimoto ซึ่งรู้จักกันในชื่อ Ginza Main ส่วนคนที่อยากซื้อไข่มุกในบรรยากาศสบายๆ ราคาเบากว่า ควรไปดูที่ Ginza 2 ตึกดีไซน์เก๋ขวัญใจช่างภาพ แหล่งซื้อไข่มุกอีก 6 แห่งในโตเกียว Yonamine Pearls Pearl Seiwa Amit Trading Tokyo Pearl Sinju Tasaki เข้าพักที่ Daiwa Roynet Hotel Ginza แล้วออกไปเที่ยว Ginza Main ค้นหาของน่าซื้ออื่นๆ ใน โตเกียว ช้อปปิ้งสารพันสินค้าด้านเทคโนโลยีที่โตเกียว ญี่ปุ่นขึ้นชื่อลือชาว่าเป็นศูนย์กลางด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม นักท่องเที่ยวที่หมายมั่นอยากได้แก็ดเจ็ตแปลกๆ หรืออุปกรณ์เล่นเกมแบบเอาจริงเอาจังจะได้ฟินกับตัวเลือกมากมายเมื่อมาช้อปปิ้งที่โตเกียว ไม่ว่าจะมองหาเทคโนโลยีกล้อง SLR แบบใหม่ล่าสุด แว่น VR สำหรับชมภาพเสมือนจริง หรือแค่สายชาร์จธรรมดา ดิ่งไปอะกิฮาบาระ (Akihabara) หรือที่รู้จักกันในชื่อว่าเมืองเครื่องใช้ไฟฟ้าแห่งโตเกียว (Tokyo’s Electric Town) เราจะได้พบกับร้านเครื่องใช้ไฟฟ้าละลานตา ใครเห็นแก็ดเจ็ตใหม่แปลกประหลาดอย่างเครื่องกำจัดกลิ่นรองเท้าก็ไม่ต้องตกใจไปนะ แหล่งช้อปปิ้งสินค้าเทคโนโลยีอีก 8 แห่งในโตเกียว Yodobashi Camera BIC CAMERA Ikebukuro Yamada Denki Edion AKIBA LAOX Akihabara Main Store Tokyu Hands เข้าพักที่ Mitsui Garden Hotel Otemachi แล้วออกไปเที่ยว อากิฮาบาระ ค้นหาของน่าซื้ออื่นๆ ใน โตเกียว คิทแคทสไตล์โตเกียว เราจะต้องเมินใส่คิทแคทรสนมช็อคโกแลตธรรมดาที่เคยกินๆ มาแน่นอน ถ้าได้ลองชิมคิทแคทรสชาติสุดครีเอทที่วางขายในโตเกียว ที่ญี่ปุ่น คิทแคทนั้นไม่ใช่แค่ขนม แต่เป็นความลุ่มหลงซึ่งส่วนหนึ่งเป็นเพราะคิทเเคทของที่นี่มีรสชาติหลากหลายจริงๆ ถ้าเกิดนึกไม่ออกว่าจะซื้ออะไรจากโตเกียวไปฝากเพื่อน คิทแคทถือว่าเป็นตัวเลือกแปลกใหม่ในราคาไม่แพง แถมหาซื้อคิทแคทรสอร่อยพวกนี้ได้ตามร้าน Don Quijote หรือจะไปเลือกซื้อให้ถึงแหล่งตามร้าน Kit Kat Chocolatory ในโตเกียวก็ได้ คิทแคทอีก 8 รสชาติห้ามพลาดที่โตเกียว วาซาบิ ชาเขียว สตรอเบอร์รี่ชีสเค้ก มันหวาน แอปเปิ้ล วิเนการ์ ช็อคโก้ บานาน่า องุ่น รัม เรซิน เข้าพักที่ MIMARU Tokyo Nihombashi Suitengumae แล้วออกไปเที่ยว ร้าน KitKat Chocolatory ค้นหาของน่าซื้ออื่นๆ ใน โตเกียว รวมแหล่งซื้อตะเกียบในโตเกียว...
อ่านเพิ่มเติม
วัดคิโยมิสึ (Kiyomizu Temple) หรือวัดโอโตวะซัง คิโยมิสึ-เดระ (Otowa-san Kiyomizu-dera) ที่คนไทยนิยมเรียกกันว่า วัดน้ำใส เป็นวัดพุทธเลื่องชื่อซึ่งตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของ เกียวโต ในเขตฮิกาชิยะมะ (Higashiyama) ซึ่งเป็นย่านประวัติศาสตร์ ก่อตั้งขึ้นใน ศตวรรษที่ 8 โดย วัดคิโยมิสึ นี้เป็นส่วนหนึ่งของอนุสรณ์สถานทางประวัติศาสตร์เกียวโตโบราณอันเป็นมรดกโลกที่ขึ้นทะเบียนโดยยูเนสโก และเป็นวัดที่โด่งดังที่สุดแห่งหนึ่งของ เกียวโต ในช่วงหลังมานี้มีการบูรณะก่อสร้างอย่างต่อเนื่อง จึงมีนั่งร้านบดบังส่วนต่างๆ ของวัดอยู่บ้าง แต่ถึงอย่างนั้นนักท่องเที่ยวก็ยังคงเข้าไปเที่ยวชมส่วนหลักของวัดได้อย่างไม่มีอุปสรรคขัดข้อง วัดคิโยมิสึ ตั้งอยู่บนยอดเขาโอโตวะ ตัวอาคารซึ่งเป็นไม้ลดหลั่นกันหลายชั้นทำให้มองเห็นวิวสวยงามประทับใจเมื่ออยู่บนลานระเบียงของวัด เป็นจุดมัดใจคนชอบถ่ายภาพ หรือใครก็ตามที่อยากมีช็อตปังๆ ไว้แชร์ในโซเชียลมีเดีย ทำความรู้จักวัดคิโยมิสึ วัดคิโยมิสึ คือความหัศจรรย์ทางสถาปัตยกรรมที่แท้จริง เพราะวัดไม้แห่งนี้ไม่ได้มีแค่ความสวยงาม แต่ยังก่อสร้างด้วยวิธีแบบ ญี่ปุ่น โบราณ ซึ่งไม่ใช้ตะปูเลยแม้แต่ตัวเดียว คิโยมิสึ-เดระ มีความหมายว่า “วัดน้ำใส” เป็นหนึ่งในวัดดังที่สุดของทั้งประเทศและตั้งอยู่ใกล้กับน้ำตกโอตาวะ ที่เที่ยวทางวัฒนธรรมแห่งนี้เป็นวัดที่ยังคงมีการประกอบศาสนกิจเป็นปกติ นักท่องเที่ยวจึงควรรับทราบข้อมูลเล็กน้อยก่อนเดินทางไปเยือน เมื่อเข้ามาเที่ยวชมวัดใน เกียวโต ควรแต่งกายสุภาพและแสดงออกอย่างสำรวม วัดพุทธแห่งนี้เป็นที่ประดิษฐานของเทพคันนงหรือเจ้าแม่กวนอิม ซึ่งเป็นเทพแห่งความเมตตา มีผู้ศรัทธาและนักท่องเที่ยวเดินทางมาเคารพสักการะเป็นจำนวนมาก   แนะนำให้สังเกตคนก่อนหน้าว่าควรปฏิบัติอย่างไรเมื่อเข้ามาในวัด เราจะได้ทำตัวถูก คร่าวๆ ก็คือ วัดส่วนใหญ่ใน ญี่ปุ่น จะมีโชสุยะ ซึ่งเป็นอ่างน้ำขนาดใหญ่ที่ให้เราชำระตัวเองให้สะอาดก่อนเข้ามาขอพร การล้างมือในอ่างน้ำเหล่านี้เป็นสัญลักษณ์แทนการชำระจิตใจให้บริสุทธิ์ผุดผ่องนั่นเอง   วัดบางแห่งจะมีขั้นตอนการทำระล้างแบบจำเพาะเจาะจง แต่ที่ วัดคิโยมิสึ นั้น เพียงชำระล้างมือด้วยน้ำมนต์ก็พอ หรือไม่เช่นนั้นผู้มาเยือนอาจใช้วิธีที่เคร่งครัดตามธรรมเนียมมากขึ้น ด้วยการใช้มือขวาถือกระบวยตักน้ำ เทน้ำล้างมือซ้าย จากนั้นเปลี่ยนไปใช้มือซ้ายถือกระบวย แล้วเทน้ำล้างมือขวา ก่อนจะกลับมาถือกระบวยมือขวา เทน้ำใส่อุ้งมือซ้ายแล้วจิบดื่ม ซึ่งที่วัดอื่นจะใช้น้ำส่วนนี้กลั้วปากแล้วบ้วนทิ้ง แต่น้ำที่วัดนี้เป็นน้ำที่ดื่มได้แถมยังขึ้นชื่อว่ามีแร่ธาตุต่างๆ มากมายด้วย หลังจากจิบน้ำ ควรล้างมือซ้าย ล้างด้ามกระบวย และคว่ำวางไว้ที่เดิม ทีนี้ก็ถือว่าเราชำระตัวเองให้สะอาดบริสุทธิ์ พร้อมเข้าไปนมัสการสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในวัดแล้ว   นอกจากนี้ วัดบางแห่งจะมีธูปเพื่อให้จุดบูชา เช่นเดียวกับที่ วัดคิโยมิสึ แห่งนี้ สามารถซื้อธูปได้ที่ศาลาหลักในราคา 10 เยน และใช้มือขวาถือธูปเพื่อจุดกับเทียนจุดไฟซึ่งมีไว้บริการ ถือธูปอย่างตั้งใจ ระวังอย่าให้ดับ จากนั้นปักธูปลงในกระถางเพื่อเป็นเครื่องบูชา   นักท่องเที่ยวสามารถขอพรกับเจ้าแม่กวนอิมได้ด้วยการยืนต่อหน้ารูปพระโพธิสัตว์กวนอิมในศาลาหลัก โค้งคำนับเล็กน้อย ถวายปัจจัย ก่อนจะประนมมือขอพร   ใครอยากมาวัดในบรรยากาศสงบ ไม่วุ่นวาย ควรมาตั้งแต่เช้าตรู่ (ตอนวัดใกล้เปิด) หรือไม่ก็ตอนวัดใกล้ปิด (ราวๆ ชั่วโมงสุดท้าย) ภายในบริเวณวัดกว้างขวาง ควรเผื่อเวลามาเยี่ยมชมอย่างน้อยสัก 2-3 ชั่วโมง และอย่าลืมคิดถึงข้อนี้ตอนแพลนเวลามาเที่ยวด้วยนะ ในบริเวณวัดมีอาคารมากมายซึ่งสร้างตั้งแต่สมัย ศตวรรษที่ 15 และ ศตวรรษที่ 16 นอกจากศาลาหลักของ วัดคิโยมิสึแล้ว ในเขตอารามยังมีทั้งสวนสวยๆ ประตูวัด น้ำตกโอโตวะ และบริเวณภายในที่งดงามน่าชม   ที่ วัดคิโยมิสึ มีการจัดกิจกรรมหลายอย่าง นักท่องเที่ยวอาจลองเช็คปฏิทินล่วงหน้าว่างมีงานพิเศษจัดขึ้นในช่วงที่เดินทางมาเที่ยวหรือไม่ อย่างโบนัสพิเศษช่วงหน้าซากุระในฤดูใบไม้ผลิหรือฤดูใบไม้ร่วงที่ใบไม้เปลี่ยนสีสวยงาม ทั้งสองช่วงเวลานักท่องเที่ยวจะเดินทางมาอย่างหนาแน่น ใครอยากหลีกเลี่ยงผู้คนแออัดควรเลือกมาเที่ยวช่วงอื่นนอกจากนี้ แต่แหม...วิวช่วงนั้นมันก็ว้าวสุดจริงๆ แหละนะ เอาเป็นว่า มาวัดนี้ช่วงไหนก็สวยงามน่าชมทั้งนั้นเลย   ที่พิเศษอีกอย่างหนึ่งคือ ภายในวัดจะมีร้านให้เช่าชุดกิโมโนด้วย ราคาก็แตกต่างกันไป โดยส่วนใหญ่เริ่มต้นที่ 500 เยน นอกจากนี้ยังมีซุ้มขายอาหารว่างกับเครื่องรางของขลัง เป็นโอกาสอันดีที่เราจะได้เข้าถึงวัฒนธรรมของญี่ปุ่นและเลือกซื้อหาของฝากกลับไปบ้านด้วย พิกัด: 294...
อ่านเพิ่มเติม
ในความรู้สึกของนักท่องเที่ยวทั้งหลาย เกียวโต คือสถานที่ที่กักเก็บหัวใจของความเป็นญี่ปุ่นเอาไว้อย่างไม่เสื่อมคลาย และการเช่าบ้านโบราณสักหลังใน เกียวโต ก็ยิ่งเพิ่มมนต์ขลังให้กับวันพักผ่อนในญี่ปุ่น ที่เกียวโตมีบ้านโบราณหรือมาจิยะ (machiya) เปิดให้เช่าอยู่ทั่วเมือง บ้านพักหลายๆ แห่งอยู่ใกล้กับที่เที่ยวยอดนิยมของ เกียวโต ลองมาดูมาจิยะแบบดั้งเดิมสำหรับให้เช่าใน เกียวโต แล้ววางแผนท่องเที่ยวโดยเริ่มจากที่พักสุดคลาสสิกได้เลย บ้านโบราณในเกียวโต หลายร้อยปีมาแล้ว ที่ใจกลางเมือง เกียวโต เต็มไปด้วย มาจิยะ หรือบ้านแบบญี่ปุ่นดั้งเดิม อาคารไม้หลายชั้นเหล่านี้โดยมากเป็นบ้านของพ่อค้าและช่างทำงานฝีมือซึ่งมักจะเปิดหน้าร้านขายของไปด้วย ร้านด้านหน้าจะแยกกับส่วนที่พักอาศัยด้วยประตูไม้บานเลื่อนหรือหรือประตูกระดาษที่เรียกว่าโชจิ (shoji) และด้วยความที่ภาษีจะประเมินตามความกว้างของหน้าร้านส่วนที่ติดกับถนน ไม่ใช่ขนาดโดยรวมของบ้าน มาจิยะจึงสร้างให้แคบ ยาว และมักเป็นทรงสูง มาจิยะใน เกียวโต จำนวนมากค่อยๆ หายไปตลอดช่วงเวลาหลายร้อยปีที่ผ่านมา แต่ก็ยังมีอีกหลายหลังที่อยู่รอดและใช้เป็นที่พักอาศัยส่วนตัวเสมอมา นักท่องเที่ยวที่สนใจอยากสัมผัสวัฒนธรรมแบบคลุกวงในจะได้พบกับบ้านโบราณใน เกียวโต ซึ่งเปิดเป็นที่พักผ่อนสำหรับวันหยุดมากมาย ทาวน์เฮ้าน์เหล่านี้เป็นสถาปัตยกรรมไม้สุดคลาสสิก พื้นปูด้วยเสื่อตาตามิของแท้ เช่นเดียวกับประตูโชจิ หลายแห่งมีสวนหลังบ้านเปิดโล่งและสวนหินด้วย แม้องค์ประกอบของบ้านจะเป็นแบบโบราณ แต่บ้านพักวันหยุดเหล่านี้ไม่ได้ล้าสมัย นักท่องเที่ยวมั่นใจได้ว่าจะได้พักผ่อนอย่างสุขสบายโดยมีสิ่งอำนวยความสะดวกทันสมัยครบครัน บ้านโบราณหลายหลังใน เกียวโต มี Wi-Fi แบบพกพา ซึ่งผู้เข้าพักสามารถนำติดตัวไปใช้ระหว่างเที่ยวสำรวจเมืองได้ด้วย Nearby Toufuji! Toufukuji sta. walk 9mins only! ที่พัก 2 ห้องนอนใกล้กับสถานีรถไฟ Tofukuji Station แห่งนี้มีที่ให้ผู้เข้าพักนอนได้ถึง 7 คน พร้อมด้วยครัวอุปกรณ์พร้อมสรรพ เหมาะกับนักเดินทางที่มากันทั้งครอบครัว บ้านพักตากอากาศอยู่ห่างจากสถานีรถไฟ Tofukuji Station เพียงเดินไม่ถึง 10 นาที เป็นที่พักสุดสะดวกสำหรับคนที่อยากเที่ยว เกียวโต ให้ถ้วนทั่ว อย่างหอคอย Kyoto Tower ก็อยู่ห่างไปไม่ถึง 2 กิโลเมตร ไม่ต้องขึ้นรถไฟก็ได้เยี่ยมชมที่เที่ยวที่ดังที่สุดแห่งหนึ่งในย่านนี้แล้ว เข้าพักที่ Nearby Toufuji! Toufukuji sta. walk 9mins only!, แล้วออกไปเที่ยว หอคอย Kyoto Tower ค้นหาโรงแรม ที่พัก อพาร์ตเมนต์ ราคาดีที่สุดในเกียวโต Toki Kyoto 1a★10min Kyoto sta!New design house! สตูดิโอ 2 ชั้นสุดทันสมัยกลางเกียวโต ผสมผสานความงามแบบโบราณกับความหรูหราทันสมัยไว้ด้วยกันอย่างลงตัว มาจิยะแห่งนี้มีเตียงคู่ 2 เตียงบนที่นอนยกพื้นสไตล์ญี่ปุ่น ผู้ใหญ่ 4 คนนอนได้สบายๆ แถมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกเลอค่าอย่างอ่างแช่ตัวและฝักบัวเรนชาวเวอร์ สวนภายในบ้านเปิดช่องให้แสงสว่างส่องถึง สร้างบรรยากาศสุขสงบให้กับพื้นที่นั่งเล่น บ้านพักวันหยุดสุดโอ่โถงแห่งนี้ตั้งอยู่ใจกลาง เกียวโต เดินไปไม่ไกลก็ถึงสถานีรถไฟและที่เที่ยวชื่อดังของเมืองอย่างเช่น ศาลเจ้าเทพเจ้าจิ้งจอกอินาริ (Fushimi Inari Shrine) เข้าพักที่ Toki Kyoto 1a★10min Kyoto sta!New design house!, แล้วอกไปเที่ยว ศาลเจ้าเทพเจ้าจิ้งจอกอินาริ ค้นหาโรงแรม ที่พัก อพาร์ตเมนต์ ราคาดีที่สุดในเกียวโต Toki Kyoto 2b ★10min Kyoto sta!New design house! ที่พักหนึ่งห้องนอนสุดแจ่ม...
อ่านเพิ่มเติม
ย่านฮิกาชิยาม่า (Higashiyama District) หรือจังหวัดฮิกาชิยาม่า (Higashiyama-ku) คือย่านอนุรักษ์เมืองเก่าที่สวยงามและยังคงภาพของ ญี่ปุ่น ในยุคระบบศักดินาไว้ได้อย่างสมบูรณ์ ย่านประวัติศาสตร์นี้เต็มไปด้วยบ้านเรือนและร้านรวงสไตล์ดั้งเดิม มีทั้งร้านชา ร้านภาชนะดินเผา รวมถึงร้านอาหาร วัดกับศาลเจ้าโบราณ และอื่นๆ อีกเพียบ แม้หลายคนจะแวะมาที่ฮิกาชิยามะในช่วงฤดูใบไม้ผลิที่ดอกซากุระบานสะพรั่ง แต่เมืองนี้ก็ถือว่าเหมาะมากๆ สำหรับคนที่รักการเที่ยวชมวัฒนธรรม และดูวิถีชีวิตในยุคศักดินาของ ญี่ปุ่น ด้วย ที่นี่ตั้งอยู่บริเวณพื้นที่ลาดต่ำของฮิกาชิยามะใน เกียวโต หรือภูเขาทางตะวันออก ถือเป็นจุดหมายปลายทางชั้นยอดสำหรับคนที่อยากซึมซับประวัติศาสตร์เลยนะ ทำความรู้จักย่านประวัติศาสตร์ "ฮิกาชิยาม่า" ย่านฮิกาชิยามะ มีบ้านโบราณสวยๆ อยู่เต็มไปหมด เป็นทั้งแหล่งวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ และศูนย์กลางการท่องเที่ยวของ เกียวโต ย่านสำคัญนี้เป็นที่นิยมของทั้งนักท่องเที่ยวและคนท้องถิ่น เพราะไม่เพียงแต่จะสวยบาดใจ แต่ยังเป็นที่ตั้งของวัดและศาลเจ้าที่โด่งดังอีกหลายแห่ง แล้วก็ยังมีร้านอาหารพื้นเมืองดีๆ กับสวนสาธารณะแจ่มๆ อีกด้วย บางคนใช้เวลาเที่ยวที่นี่ไม่กี่ชั่วโมง แต่สำหรับนักท่องเที่ยวสายละเมียดคงอยากอยู่ย่านนี้ทั้งวัน เพื่อค่อยๆ สำรวจถนนหนทางและร้านค้า พร้อมกับชิมของอร่อยไปด้วย หรือลิ้มรสอาหารมื้อค่ำแบบไคเซกิ (Kaiseki) ซึ่งเป็นคอร์สอาหารญี่ปุ่นขนานแท้ที่ปรุงและเสิร์ฟอย่างประณีตสุดๆ วัดและเทศกาลต่างๆ: ย่านนี้มีศาลเจ้าและวัดดังๆ อยู่หลายแห่ง ใครที่อยากสัมผัสวัฒนธรรมและลัทธิความเชื่อของชาวญี่ปุ่นต้องหลงรักการมาเดินเล่นที่นี่ชัวร์ ถ้าอยากได้ทริปที่พิเศษสักหน่อย ต้องมาที่ ย่านฮิกาชิยาม่า ในช่วงเทศกาลฮานาโตโระ (Hanatoro) ซึ่งจัดช่วงกลางเดือนมีนาคมที่ ย่านฮิกาชิยามะ และช่วงกลางเดือนธันวาคมที่ย่านอาราชิยามะ (Arashiyama) คำว่าฮานาโตโระแปลว่า “ถนนแห่งดอกไม้และแสงไฟ” ดังนั้น ในช่วงเทศกาล ถนนที่นี่ก็เลยสว่างสดใสไปด้วยโคมไฟ ที่สาดแสงลงบนตึกรามและวัดวาในย่านนี้ – เป็นช็อตถ่ายรูปที่เพอร์เฟคต์และเป็นภาพจำที่สวยสุดๆ ไปเลย!   บ้านโบราณและร้านกาแฟ: ใครอยากจะเข้าไปสัมผัสบ้านแบบมาชิยะ (Machiya - บ้านไม้แบบโบราณ) ขอให้มองหาร้านอาหารหรือร้านกาแฟกับชาเขียวในย่านนี้ แล้วเลือกสักร้านที่โดนใจ รับรองว่าจะได้ทั้งจิบเครื่องดื่ม และดูข้างในบ้านอันแสนมหัศจรรย์ไปพร้อมๆ กัน   ช้อปปิ้ง: ย่านฮิกาชิยาม่า คือแหล่งช้อปที่จัดว่าดีงามอีกแห่ง โดยเฉพาะสำหรับคนที่อยากเข้าใกล้ วัดคิโยมิสึ (Kiyomizu Temple) ให้มากขึ้น ร้านค้าที่นี่ขายของกระจุกกระจิกสุดจะน่ารัก แล้วก็ของสไตล์ญี่ปุ่นที่เป็นของขวัญหรือของที่ระลึกได้อย่างดี ยังไม่หมดเท่านั้น ย่านนี้ยังมีร้านขายของหรูหราที่มีทั้งของทำมือและงานอาร์ตที่สวยจนโลกตะลึง สำหรับขาช้อปใครที่พกเงินมาเพื่อช้อปให้กระจุยกระจาย ร้านค้าแถบนี้แหละคือคำตอบ   ถ่ายรูปเช็กอิน: ใครก็ตามที่ชอบถ่ายรูปมุมกว้าง แนะนำให้มาย่านนี้ตอนค่ำ รับรองว่าจะได้รูปที่สวยขาดใจ เพราะไม่เพียงจะได้ความสวยของแสงไฟวิบวับยามค่ำคืนเท่านั้น แต่ช่วงเวลาดังกล่าว ไม่ค่อยมีคนด้วย เพราะฉะนั้นทุกคนจะได้รูปเจ๋งๆ แบบไม่ยากเย็นเลย แต่ถ้าชอบถ่ายรูปร้านค้า ไม่ว่าจะภายในหรือภายนอกก็ตาม มองให้ชัวร์ก่อนนะว่าไม่มีป้าย "ห้ามถ่ายรูป" แต่ถ้าเห็นป้ายนี้เมื่อไหร่ ก็ขอให้เชื่อป้ายกันสักนิดว่าไม่ควรถ่ายรูปในบริเวณนั้น ถ้าจะให้ดีควรขออนุญาตเจ้าของร้านก่อนถ่ายรูป ไม่ว่าร้านนั้นจะมีหรือไม่มีป้ายห้ามถ่ายรูปก็ตาม ฉะนั้นอย่าลืมคุยกับเจ้าของร้านก่อนถ่ายรูปในร้านทุกครั้งนะ เข้าพักที่ The Royal Park Hotel Kyoto Sanjo แล้วออกไปเที่ยว วัดคิโยมิสึ ค้นหาโรงแรม ที่พัก อพาร์ตเมนต์ ราคาดีที่สุดในเกียวโต ที่เที่ยวห้ามพลาดในย่านฮิกาชิยาม่า ที่นี่ไม่ค่อยจะเหมือนเมืองอื่นๆ นัก เพราะ ย่านฮิกาชิยาม่า มีความสวยงามแบบเฉพาะตัว ที่ทำให้นักท่องเที่ยวเห็นว่า เกียวโต ฉบับดั้งเดิมหน้าตาเป็นอย่างไร ย่านนี้มีสายไฟและเสาโทรศัพท์น้อยมาก แถมสถาปัตยกรรมต่างๆ ก็มีแบบฉบับของตัวเอง ทำให้ย่านนี้สวยเป็นพิเศษ และแม้จะเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยว แต่ที่นี่ก็ขึ้นชื่อว่ามีวัดสวยๆ เต็มไปหมด จึงมีคนท้องถิ่นแวะเวียนมาเยอะด้วยเช่นกัน และเพราะมีร้านค้าเก๋ๆ ร้านชา ร้านอาหาร ศาลเจ้า วัด...
อ่านเพิ่มเติม
หอคอยสื่อสารและหอสังเกตการณ์สีส้มสด ณ ใจกลางกรุง โตเกียว หรือ โตเกียวทาวเวอร์ (Tokyo Tower) นั้นติดอันดับที่เที่ยวยอดนิยมของญี่ปุ่นเสมอมา หอคอยนี้ไม่เพียงเป็นสิ่งก่อสร้างที่สูงที่สุดเป็นอันดับสองของประเทศ (รองจากตึก โตเกียวสกายทรี - Tokyo Skytree) แต่ยังตั้งอยู่ใจกลางเมือง โตเกียว แบบสุดๆ เลยด้วย หอคอยแห่งนี้ทำให้เราได้เห็นวิวขอบฟ้าโตเกียวแบบ 360 องศาแบบที่ไม่สามารถเห็นได้จากที่ไหน มาเที่ยวเมืองหลวงของญี่ปุ่นเมื่อไหร่ ไม่ควรพลาดไปเยือนแลนด์มาร์กชื่อดังแห่งนี้ หน้าที่ของโตเกียวทาวเวอร์ แม้ โตเกียวทาวเวอร์ จะเป็นชื่อติดปากที่คนใช้เรียกแลนด์มาร์กสัญชาติญี่ปุ่นแห่งนี้ แต่ชื่ออย่างเป็นทางการของหอคอยคือนิปปอน เดนปาโตะ (Nippon Denpato) ซึ่งแปลว่า “หอส่งสัญญาณวิทยุญี่ปุ่น” หอคอยแห่งนี้สร้างเสร็จในปีค.ศ. 1958 มีนักท่องเที่ยวกว่า 150 ล้านคนไปเยือนนับจากนั้น แม้รายได้หลักของโตเกียวทาวเวอร์มาจากการท่องเที่ยว แต่หอคอยแห่งนี้ยังเป็นหอส่งสัญญาณโทรทัศน์ไปยังเครื่องรับสัญญาณทั้งหลายด้วย เสาอากาศปล่อยคลื่นโทรทัศน์ไปยังสถานีโทรทัศน์ญี่ปุ่นหลายช่อง อย่างเช่น Fuji TV, NHK และ TBS โครงสร้างที่เป็นช่องตาข่ายของ โตเกียวทาวเวอร์ ซึ่งเป็นฐานยึดเสาเอากาศนั้นอาจดูคุ้นๆ เหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน ซึ่งก็ใช่เลย เพราะอันที่จริงแล้วโตเกียวทาวเวอร์ได้รับแรงบันดาลใจมาจากหอไอเฟลของกรุงปารีส แต่หอไอเฟลทำด้วยเหล็กดัด ส่วนวัสดุโครงสร้างหลักของ โตเกียวทาวเวอร์ นั้นเป็นเหล็กกล้า นอกจากนี้ โตเกียวทาวเวอร์ ยังต่างจากหอไอเฟลที่เป็นสีบรอนซ์ แต่โตเกียวทาวเวอร์ทาด้วยสีขาวและสีที่เรียกกันว่า “สีส้มสากล” ซึ่งเป็นสีส้มออกแดงที่ใช้ในอุตสาหกรรมการบิน หอคอยจำเป็นต้องใช้สีเหล่านี้ตามกฎระเบียบว่าด้วยความปลอดภัยทางอากาศ จะมีการทาสีหอคอยใหม่ทุกๆ 5 ปี และเนื่องจากความสูงของหอคอย การทาสีจึงใช้เวลาถึง 1 ปีเต็มกว่าจะแล้วเสร็จ ความสูง จำนวนชั้น และวิวของโตเกียวทาวเวอร์ ด้วยความที่ โตเกียวทาวเวอร์ เป็นหนึ่งในสองหอคอยที่สูงที่สุดของญี่ปุ่น ที่นี่จึงเป็นจุดชมวิว โตเกียว มุมกว้างที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองด้วย โตเกียวทาวเวอร์ตั้งอยู่ในย่าน ชิบะโคเอ็น (Shibakoen) ในเขต มินาโตะ (Minato) หอคอยมีสองชั้นแยกกัน คือชั้นล่างและชั้นบน ซึ่งเราจะได้เห็นวิวสุดแจ่มจากตรงนี้ ชั้นที่อยู่ต่ำกว่ามีความสูง 150 เมตรนั้นเรียกว่า Main Deck หรือจุดชมวิวหลัก เหนือจากนั้นขึ้นไป 91 เมตร ที่ความสูง 250 เมตรก็คือ Top Deck ซึ่งมีขนาดเล็กกว่า การจะเข้าถึง Main Deck ของ โตเกียวทาวเวอร์ นั้นต้องขึ้นบันไดถึง 600 ขั้น แต่ไม่ต้องห่วง ที่นี่มีลิฟต์ให้ขึ้นได้นะ ที่จุดชมวิวหลักมีทั้งร้านขายของที่ระลึกและคาเฟ่ นอกจากนี้ยังมีพื้นกระจกให้เรามองลงไปที่พื้นด้านล่างได้ถ้าใจกล้าพอ หากจะไป Top Deck ต้องขึ้นลิฟท์แก้ว ขึ้นไปแล้วจะมองเห็นวิวมุมสูงเป็นตึกรามบ้านช่องที่ล้อมรอบหอคอย แม้คนที่ Main Deck จะน้อยกว่าที่ Top Deck มาก แต่วิวตรงนี้สวยงามน่าทึ่งไม่แพ้กัน หากมีเวลาน้อยหรือว่าอยากประหยัดเงินหน่อย ขึ้นไปแค่ Main Deck ก็ถือว่าได้ประสบการณ์สนุกสนานเร้าใจจาก โตเกียวทาวเวอร์ แล้ว ที่ โตเกียวทาวเวอร์ นักท่องเที่ยวจะได้ชมวิวอันเป็นเอกลักษณ์ของโตเกียวอย่างแท้จริง และจะมองเห็นทัศนียภาพสวยงามจับใจของย่านต่างๆ ใน โตเกียว ได้ทั้งหมด แต่ถ้าเพ่งมองไปทางเขต ชินจูกุ (Shinjuku) ให้ดี จะมองเห็นตึกสูงระฟ้าตั้งโดดเด่นของ รปปงงิฮิลส์...
อ่านเพิ่มเติม
พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำไคยูกังโอซาก้า (Osaka Aquarium Kaiyukan) จัดแสดงสัตว์ทะเลได้อย่างตื่นตาตื่นใจ ผู้เข้าชมจะได้พบสัตว์น้ำนานาชนิดของย่านมหาสมุทรแปซิฟิกกว่า 30,000 ตัวภายในโซนและแทงก์น้ำซึ่งล้วนมีชีวิตชีวาน่าชม เราจะได้เห็นโลมา สิงโตทะเล นาก หรือแม้กระทั่งฉลามวาฬในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมที่สุดแห่งหนึ่งของโอซาก้า นิทรรศการถาวรในพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำไคยูกัง Fish Underpass – Aqua Gate : เริ่มต้นดำดิ่งสู่ทะเลลึกที่ Aqua Gate หรืออุโมงค์ปลาซึ่งเป็นทางเดินใต้น้ำสุดอลังการของอะควาเรียม Japan Forest : ป่าญี่ปุ่นคือส่วนจัดแสดงเหนือน้ำซึ่งจำลองป่าญี่ปุ่นเอาไว้ ภายในมีสัตว์ต่างๆ ที่อาศัยอยู่ใกล้แม่น้ำและบนท้องน้ำ Aleutian Islands : เที่ยวชมหมู่เกาะอะลูเชียนอันเหน็บหนาวและโหดร้ายซึ่งสัตว์ที่อยู่อาศัยได้มีเพียงปลาและนกสายพันธุ์พิเศษ อย่างเช่น นกพัฟฟินคิ้วยาว Monterey Bay : ชมสิงโตทะเลและแมวน้ำซึ่งอาศัยอยู่บนหน้าผาตามแนวชายหาดเมืองมอนเทอเรย์เบย์ของแคลิฟอร์เนีย Gulf of Panama : ชมปลาและสัตว์ทะเลเขตร้อนซึ่งเคยอยู่อย่างชุกชุมในปานามา Ecuador Rain Forest : พื้นที่ลุ่มน้ำของโซนนี้มีพืชและสัตว์หลากสายพันธุ์ที่อาศัยอยู่บริเวณเส้นศูนย์สูตรในป่าฝนของทวีปอเมริกาใต้ Antarctica : ฝ่าความหนาวเข้ามาชมเพนกวินวิ่งเล่นดุ๊กดิ๊กบนหน้าผาน้ำแข็ง ก่อนจะไถลตัวลงมาในน้ำทะเลธรรมชาติที่เย็นยะเยือก Tasman Sea : ทำความรู้จักอุณหภูมิที่แตกต่างสุดขั้วของน้ำทะเลในทะเลแทสมัน ชมปลาโลมาคาดขาวซึ่งอาศัยอยู่ตามแนวชายฝั่งของประเทศนิวซีแลนด์ Great Barrier Reef : ชมปลาน้อยใหญ่สีสันสดใสหลายร้อยชนิดซึ่งอาศัยอยู่ใกล้กับแนวปะการังเกรตแบร์ริเออร์รีฟที่ออสเตรเลีย Pacific Ocean : ว่ากันว่าโซนทะเลแปซิฟิกนี้ป็อบปูลาร์ที่สุดแล้ว เพราะมีฉลามวาฬขนาดยักษ์และสัตว์โลกใต้ทะเลมากมาย Seto Inland Sea : ทะเลเซโตะใน แบ่งแยกเกาะสามในสี่ของญี่ปุ่นออกจากกัน โซนนี้มีสัตว์ทะเลพันธุ์พื้นเมืองและปลาที่มาตามกระแสน้ำจากพื้นที่ใกล้เคียง บัตรเข้าชมพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำไคยูกังโอซาก้า ผู้ใหญ่ (อายุตั้งแต่ 16 ปีขึ้นไป): 1,600 เยน ผู้ใหญ่ (อายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป): 2,000 เยน เด็ก (อายุ 7 - 15 ปี): 1,200 เยน เด็ก (อายุ 4 - 6 ปี): 600 yen เด็ก (อายุไม่เกิน 3 ปี): ฟรี มีส่วนลดค่าเข้าชมสำหรับนักท่องเที่ยวที่มาเป็นกลุ่มจำนวน 15 คนขึ้นไป และชาวญี่ปุ่นที่มาเป็นกลุ่มจำนวน 20 คนขึ้นไป ตั๋ว Osaka Kaiyu Ticket ใช้เข้าชมพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ และใช้เป็นตั๋วโดยสารรถไฟใต้ดินกับรถบัสของโอซาก้าได้ 1 วันโดยไม่จำกัดเที่ยว สามารถหาซื้อตั๋วได้ที่สถานีรถไฟทุกแห่ง นอกจากนี้ยังใช้เป็นส่วนลดค่าเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ของโอซาก้าได้ด้วย เช่น ชิงช้าสวรรค์เท็มโปซาน (Tempozan Ferris Wheel) และ พิพิธภัณฑ์ปราสาทโอซาก้า (Osaka Castle Museum) เวลาทำการ 10:00 น. - 20:00 น. ทุกวัน พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำเปิดให้บริการก่อนเวลาในช่วงเวลาที่แตกต่างกันตามฤดูกาลตลอดปี แผนที่พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำไคยูกังโอซาก้า การเดินทางไปพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำไคยูกังโอซาก้า พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำไคยูกังโอซาก้าตั้งอยู่ติดกับสถานีรถไฟ Osakako Station สาย...
อ่านเพิ่มเติม
โตเกียวดิสนีย์แลนด์ ใน จังหวัดชิบะ ได้รับแรงบันดาลใจมาจากดิสนีย์แลนด์แห่งแรกที่แคลิฟอร์เนียกับ Magic Kingdom ที่ฟลอริดา โดยอยู่ติดกับ โตเกียว เลย ที่นี่คือสวนสนุกระดับโลกที่มีมนต์ขลังเฉพาะตัวที่อยู่เหนือกาลเวลา เป็นสถานที่ที่ไม่ว่านักท่องเที่ยววัยเด็กหรือผู้ใหญ่ก็ต้องตกหลุมรัก ย้อนกลับไปปีค.ศ.1983 นี่คือสวนสนุกของดิสนีย์แห่งแรกที่สร้างขึ้นนอกสหรัฐอเมริกา โดยตั้งอยู่ใน โตเกียวดิสนีย์รีสอร์ต (Tokyo Disney Resort) ที่เดียวกับ Tokyo DisneySea ใครที่วางแผนว่าจะไปเที่ยวโตเกียวดิสนีย์แลนด์อยู่ละก็ เรารวมทุกสิ่งที่ต้องรู้ก่อนเดินทางเข้าสู่โลกแห่งเวทมนตร์มาให้แล้ว โตเกียวดิสนีย์แลนด์ : สัมผัสดินแดนแห่งเวทมนตร์ในโตเกียว Tokyo Disney Resort คือหนึ่งในดิสนีย์รีสอร์ตที่ประสบความสำเร็จสูงสุดและทำกำไรได้มากสุดด้วย โตเกียวดิสนีย์แลนด์ก็เลยกลายเป็นหนึ่งในสวนสนุกที่ได้รับความนิยมสูงที่สุดในโลกเช่นกัน สวนสนุกขนาด 115 เอเคอร์แห่งนี้สร้างโดยบริษัท WED Enterprises ซึ่ง Walt Disney ไม่ได้เป็นเจ้าของ แต่เป็นของบริษัท The Oriental Land ที่บริหารสวนสนุกแห่งนี้ โตเกียวดิสนีย์แลนด์กับ Tokyo DisneySea คือสวนสนุกดิสนีย์เพียงสองแห่งที่ดิสนีย์ไม่ได้เป็นเจ้าของ แต่ The Walt Disney Company เป็นผู้ควบคุมดูแลงานสร้างสรรค์ทั้งหมดของที่นี่ ตอนที่แผนการสร้างโตเกียวดิสนีย์แลนด์เริ่มขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1979 สถาปนิกและวิศวกรผู้ดูแลโครงการถึงขั้นต้องไปเยี่ยมชมดิสนีย์แลนด์ที่ Anaheim เพื่อเตรียมการก่อสร้าง จึงทำให้ที่นี่มีความคล้ายคลึงกับ Magic Kingdom แห่งแรกมากๆ และหากใครเคยไปดิสนีย์แลนด์ที่ Anaheim ก็จะรู้สึกคุ้นเคยมากทีเดียว แต่อย่าคิดว่านี่เป็นการลอกเลียนแบบนะ โตเกียวดิสนีย์แลนด์กลายเป็นสวนสนุกที่มีชื่อเสียงระดับโลกได้เอง ทั้งในแง่ของการออกแบบ พื้นที่ต่างๆ และการรองรับผู้คนจำนวนมากได้อย่างสบาย ที่นี่ทั้งสะอาดและได้รับการดูแลอย่างดี แถมยังมีแคสต์ (Cast – ดิสนีย์แลนด์เรียกพนักงานทุกคนว่าแคสต์) ที่พร้อมให้การต้อนรับทุกคนตามแบบฉบับของญี่ปุ่น ที่คนทั่วโลกติดใจ โตเกียวดิสนีย์แลนด์แบ่งออกเป็น 7 โซน ที่มีความสนุกรอทุกคนอยู่แบบไม่ซ้ำกันเลย โซนต่างๆ ในโตเกียวดิสนีย์แลนด์ World Bazaar : เดินทางเข้าสู่ถนนที่ตกแต่งสไตล์อเมริกันยุค 1950 ตรง World Bazaar นี้มีหลังคากระจกสไตล์วิกตอเรีย แถมยังเป็นศูนย์รวมร้านค้าและร้านอาหารของสวนสนุกแห่งนี้เลยด้วย Adventureland : ใครได้มา Adventureland จะรู้สึกเหมือนได้ออกสำรวจป่าที่แสนจะโลดโผนโจนทะยาน แถมยังให้ความรู้สึกแบบฮาวายๆ มากกว่าสวนสนุกดิสนีย์ที่อื่นอีกด้วย Westernland : นี่คือ Frontierland ของโตเกียวดิสนีย์แลนด์ Westernland จะพาทุกคนเข้าสู่อเมริกันตะวันตกรุ่นเก่า สมัยศตวรรษที่ 19 ซึ่งมาพร้อม Rivers of America ด้วย Tomorrowland : โตเกียวดิสนีย์แลนด์มี Tomorrowland ที่เป็นดินแดนอวกาศและไซไฟ มีโซนกิจกรรมที่มาจากภาพยนตร์หลายเรื่อง Fantasyland : น่าจะเป็นโซนที่มหัศจรรย์และมีเวทมนตร์เยอะสุดแล้ว Fantasyland อยู่ในโซนปราสาท โตเกียวดิสนีย์แลนด์มีเครื่องเล่นเบาๆ ที่เหมาะกับเด็กอยู่หลายชนิด Critter Country : โซนนี้สร้างมาเพื่อ Splash Mountain โดยเฉพาะ ถึง Critter Country จะเล็ก แต่เป็นโซนที่ได้รับความนิยมสูงมาก ก็เพราะว่ามีธีมที่แสนจะน่ารักนี่แหละ Mickey's Toontown : บ้านของมิคกี้และผองเพื่อน ใครได้ไป Mickey’s Toontown...
อ่านเพิ่มเติม
โตเกียว ได้ชื่อว่าเป็นเมืองท่องเที่ยวชั้นยอดที่มีกิจกรรมให้ทำมากมาย ไม่ว่าเราจะอยู่ในย่านช้อปปิ้งสุดคึกคักอย่าง ชิบูย่า (Shibuya) หรือย่านประวัติศาสตร์ อาซากุสะ (Asakusa) ก็ตาม สถานที่เที่ยวสุดฮ็อตนั้นมีอยู่ทั่วเมือง อย่างเช่น สวนสาธารณะอุเอโนะ (Ueno Park) ที่มีต้นซากุระเรียงราย หรือ ประตูคามินาริ (Kaminarimon Gate) ที่ วัดเซนโซจิ (Sensoji Temple) และต่อไปนี้คือที่เที่ยวใน โตเกียว 10 แห่งที่ไม่ควรพลาด 1. สวนอุเอโนะ (Ueno Park) สวนอุเอโนะ ในใจกลาง กรุงโตเกียว เป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่ชาวญี่ปุ่นและนักท่องเที่ยวนิยมเดินทางมาเที่ยวชม สถานที่น่าสนใจภายในสวนนั้นมีมากมาย ทั้งพิพิธภัณฑ์ วัด ศาลเจ้า และธรรมชาติอันงดงาม บริเวณสวนนั้นความจริงแล้วเคยเป็นส่วนหนึ่งของ วัดคันเอจิ (Kaneiji Temple) ที่ยิ่งใหญ่อลังการ สวนอุเนโนะ เปิดให้เข้าชมเมื่อปี 1873 ปัจจุบันดึงดูดนักท่องเที่ยวกว่า 10 ล้านคนต่อปี ที่นี่เป็นจุดชมซากุระที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของ โตเกียว ในยามที่ซากุระบานตอนปลายเดือนเมษายนถึงต้นพฤษภาคมของทุกปี ภายในสวนมีซากุระกว่า 1,000 ต้นเรียงรายตามเส้นทางเดิน ธรรมชาติที่งดงามน่าทึ่งอีกอย่างหนึ่งของ สวนอุเอโนะ ก็คือ สระชิโนบาสุ (Shinobazu Pond) ซึ่งเป็นสระน้ำขนาดใหญ่ทางมุมด้านตะวันตกเฉียงใต้ของสวน นักท่องเที่ยวสามารถเช่าเรือพายเล่นได้ ที่ สวนอุเอโนะ มีศาลเจ้าและวัดสวยงามราวกับภาพวาดมากมาย เช่น วัดคันเอจิ วัดคิโยมิสึแคนนอน (Kiyomizu Kannon Temple) และ ศาลเจ้าโทโชกุ (Toshogu Shrine) สวนนี้ยังเป็นที่ตั้งของ สวนสัตว์อุเอโนะ พิพิธภัณฑ์หลวงอุเอโนะ (Ueno Royal Museum) พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติโตเกียว (Tokyo National Museum) พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติและวิทยาศาสตร์แห่งชาติ (National Museum of Nature and Science) พิพิธภัณฑ์ศิลปะมหานครโตเกียว (Tokyo Metropolitan Art Museum) และ พิพิธภัณฑ์ศิลปะตะวันตกแห่งชาติ (National Museum of Western Art) สวนอุเอโนะ เปิด 24 ชั่วโมงทุกวันตลอดทั้งปี แม้ว่าสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ภายในสวนอาจมีเวลาเปิดทำการแตกต่างกันไป หลายแห่งปิดวันจันทร์ ดังนั้นควรตรวจสอบเวลาเปิด-ปิดล่วงหน้า วิธีขึ้นรถไฟไป สวนอุเอโนะ อย่างเร็วที่สุดคือขึ้นไปลงสถานี Ueno Station และออกที่ทางออก Ueno Park Exit เข้าพักที่ Mitsui Garden Hotel Ueno แล้วออกไปเที่ยว สวนอุเอโนะ (Ueno Park) ค้นหาที่พักราคาดีที่สุดใกล้สถานี Ueno Station ได้เวลาวางแผนจัดทริป!ค้นหาดีลสุดคุ้ม สำหรับจองโรงแรมและที่พักส่วนตัวได้เลยค้นหาที่พัก 2. พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติโตเกียว (Tokyo National Museum) ถ้าจะเลือกเข้าพิพิธภัณฑ์สักแห่งใน สวนอุเอโนะ ขอแนะนำให้ไป พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติโตเกียว ใน โตเกียว พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติโตเกียว...
อ่านเพิ่มเติม
เครือข่ายรถไฟความเร็วสูงของโตเกียวช่วยให้การหลีกหนีจากเมืองสักหนึ่งวันและออกสำรวจจุดหมายปลายทางอันน่าดึงดูดใจมากมายเป็นไปได้อย่างง่ายดาย ไม่ว่าคุณจะกำลังมองหาสถานที่ทางประวัติศาสตร์ ทัศนียภาพชายฝั่งทะเล บ่อน้ำพุร้อนอันผ่อนคลาย หรือสัมผัสกับรสชาติของญี่ปุ่นโบราณ ก็มีทริปท่องเที่ยวแบบไปเช้าเย็นกลับอันสมบูรณ์แบบอยู่ห่างออกไปเพียงระยะทางสั้นๆ ในคู่มือนี้ เราจะสำรวจสถานที่ท่องเที่ยวน่าทึ่ง 8 แห่งจากโตเกียว ซึ่งสามารถเดินทางได้ด้วยรถไฟชินคันเซ็นหรือบริการรถไฟด่วนอื่นๆ โยโกฮาม่าเต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวที่ทันสมัยและเสน่ห์ของริมน้ำ ในขณะที่เมืองคาวาซากิที่อยู่ใกล้เคียงก็ผสมผสานวัฒนธรรมและอุตสาหกรรมเข้ากับพิพิธภัณฑ์และวัดที่ไม่ซ้ำใคร เมืองคามาคุระมีพระพุทธรูปองค์ใหญ่และวัดอันเงียบสงบ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้รักประวัติศาสตร์ เช่นเดียวกับเมืองนิกโกะซึ่งเป็นที่ตั้งของศาลเจ้าโทโชกุที่งดงามและทิวทัศน์ธรรมชาติที่สวยงามตระการตา หากชอบชายฝั่งทะเล บรรยากาศของเกาะเอโนชิมะและทัศนียภาพมหาสมุทรอันกว้างไกลจะช่วยเพิ่มความผ่อนคลายจากการใช้ชีวิตในเมือง ในขณะเดียวกัน โอดาวาระและฮาโกเนะเป็นประตูสู่ปราสาทแบบดั้งเดิม ทั้งยังมีทะเลสาบที่สวยงาม และบ่อน้ำพุร้อนที่ผ่อนคลาย ในขณะที่ฮาโกเนะก็มอบทิวทัศน์อันสวยงามของภูเขาไฟฟูจิอีกด้วย ที่สุดท้ายคือ คาวาโกเอะ ซึ่งรู้จักกันในชื่อ “ลิตเติ้ลเอโดะ” ถนนประวัติศาสตร์ที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดีและขนมหวานแบบดั้งเดิมของที่นี่จะพาผู้มาเยือนย้อนเวลากลับไปสู่อดีต จุดหมายปลายทางแต่ละแห่งเหล่านี้ล้วนมีสิ่งพิเศษบางอย่าง ไม่ว่าจะเป็นมรดกทางวัฒนธรรม ธรรมชาติ หรือการพักผ่อนหย่อนใจ อ่านคู่มือของเราเพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับจุดหมายปลายทางน่าไปเที่ยวชมจากโตเกียวโตเกียวแบบไปเช้าเย็นกลับและวิธีที่จะทำให้การเดินทางคุ้มค่าที่สุด เคล็ดลับเพิ่มเติม: การเดินทางด้วยรถไฟญี่ปุ่นหรือ Japan Rail (JR) โดยใช้บัตร JR Pass คือวิธีคลาสสิกที่สะดวกที่สุดแล้วสำหรับทริปเที่ยว 1 วันแบบไปเช้าเย็นกลับใกล้โตเกียว บัตรโดยสารประเภทนี้เป็นบริการสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ใช้บริการของการรถไฟญี่ปุ่น โดยใช้ได้ทุกเส้นทางหลักของระบบ JR 1. โยโกฮาม่า - ตะลุยเมืองที่ใหญ่อันดับสองของญี่ปุ่น นี่คือหนึ่งในทริปสั้นๆ จาก โตเกียว ที่สะดวกและรวดเร็วที่สุดก็ว่าได้ โยโกฮาม่า คือเมืองที่จะทำให้ทุกคนได้สำรวจทัศนียภาพในเมืองที่ต่างออกไป และยังเป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสองของญี่ปุ่นด้วย โยโกฮาม่าเป็นเมืองหลักของจังหวัดคานางาวะ (Kanagawa) ตั้งอยู่บนอ่าวโตเกียว ทางทิศใต้ของโตเกียว เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจการค้าและมีประชากรอยู่เกือบสี่ล้านคนเลยทีเดียว แล้วโยโกฮาม่าก็เหมือนโตเกียวตรงที่มีที่เที่ยวหลากหลายมาก ทั้งสวน พิพิธภัณฑ์ แหล่งช้อปปิ้ง ย่านประวัติศาสตร์ แถมที่ Cup Noodle Meseum ยังมีราเม็นกับบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปทุกรูปแบบ เมืองที่แสนจะมีชีวิตชีวานี้คือส่วมผสมระหว่างสเน่ห์ของเมืองเก่ากับนวัตกรรมใหม่ๆ เรียกได้ว่ามีอะไรต่อมิอะไรให้นักท่องเที่ยวทุกคนได้ฟินแน่นอน แนะนำทริปเที่ยวแบบไปเช้าเย็นกลับจากโตเกียว | สถานที่เที่ยวยอดนิยมในโยโกฮาม่า ไชน่าทาวน์โยโกฮาม่า: นี่คือไชน่าทาวน์ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย เพราะฉะนั้น ไชน่าทาวน์โยโกฮาม่าจึงควรค่าแก่เที่ยวอย่างแท้จริง ที่นี่เต็มไปด้วยร้านรวงต่างๆ ภัตตาคาร และร้านสตรีตฟู้ด มีของฝากทุกชนิดให้เลือกสรร รวมถึงข้าวของแบบจีนๆ ด้วย แถมยังหาซื้ออาหารมื้อเที่ยงหรือมื้อเย็นซึ่งราคาไม่แพงได้อีกต่างหาก เป็นการเติมพลังให้การตะลุยสำรวจเมือง พิพิธภัณฑ์ Cup Noodle Museum: ไม่ว่าตามปกติแล้วจะเป็นคนชอบกินบะหมี่ถ้วยหรือ Cup Noodle Museum ก็คือที่เที่ยวที่ดีและเหมาะกับทุกครอบครัว รวมทั้งนักท่องเที่ยวทุกวัยด้วย ข้อมูลการจัดแสดงที่ดูตื่นตามีสีสันน่าสนใจดึงดูดนักท่องเที่ยวให้ได้เรียนรู้เรื่องประวัติและวิวัฒนาการของบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป แถมยังเปิดให้เราได้ลองทำบะหมี่ถ้วยในแบบของตัวเองอีกต่างหาก ใครชอบแบบไหนก็ทำแบบนั้นเลย สวนยามาชิตะ (Yamashita Park): โยโกฮาม่าเป็นเมืองท่า ส่วนสวนยามาชิตะก็คือหนึ่งในจุดชมวิวมหาสมุทรที่ดีที่สุดประจำเมือง มานั่งมองเรือล่องผ่านไปมา หรือมาชมพระอาทิตย์ตกก็ยังได้ แถมยังเป็นจุดที่มองเห็น ท่าเรือ Osanbashi และ สะพานข้ามอ่าวโยโกฮาม่า (Yokohama Bay Bridge) ด้วย อีกไฮไลต์ของสวนแห่งนี้คือดอกกุหลาบ ซึ่งมีอยู่มากกว่า 400 ดอกเลยทีเดียว สวน Sankeien Garden: สวนสไตล์ญี่ปุ่นโบราณแท้ๆ Sankeien Garden คือสถานที่ที่เหมาะแก่การแวะมาชมและดื่มด่ำธรรมชาติในเมือง ถ้ามาที่นี่ช่วงฤดูใบไม้ผลิหรือฤดูใบไม้ร่วงก็จะได้เห็นดอกซากุระกันแบบเต็มๆ นอกจากนี้ในสวนยังมีสถาปัตยกรรมแบบญี่ปุ่นดั้งเดิมให้ดู ซึ่งกลมกลืนและลงตัวกับทัศนียภาพงามๆ ในสวน การเดินทางจากโตเกียวไปยังโยโกฮาม่า: วิธีการเดินทางมาโยโกฮาม่าก็มีให้เลือกหลายรูปแบบ วิธีที่เร็วที่สุดคือขึ้นรถไฟสายโตเกียวโตโยโกะ (Tokyo Toyoko) มายัง Yokohama Station จาก Shibuya Station ใช้เวลาเพียง 25 นาทีเท่านั้น นี่คือรถไฟที่อยู่ในการดูแลของ Tokyu...
อ่านเพิ่มเติม
เมือง นิเซโกะ ที่ตั้งอยู่ทางตะวันตกของเมือง ซัปโปโร บนเกาะฮอกไกโด ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองสกีรีสอร์ทยอดฮิตซึ่งตั้งอยู่บนภูเขานิเซโกะ-อันนูปูริ แต่รู้หรือไม่ว่ากิจกรรมท่องเที่ยวใน นิเซโกะ นั้นมีอะไรมากกว่าเนินหิมะ เมืองบนภูเขาแห่งนี้ยังตั้งอยู่ติดกับ ภูเขาโยเทอิ ซึ่งมักถูกเรียกว่า "ภูเขาฟูจิแห่งฮอกไกโด" และมีกิจกรรมกลางแจ้งทั้งหลายที่นักท่องเที่ยวสายผจญภัยจะต้องเลิฟแน่นอน ไป เที่ยวนิเซโกะ และสำรวจสถานที่เที่ยวทางธรรมชาติและกิจกรรมน่าสนใจต่างๆ ทั้งสกี เดินเขา ล่องแก่ง หรือจะไปแช่น้ำพุร้อนทางธรรมชาติเฉยๆ ก็ฟินได้ไม่แพ้กัน! เที่ยวนิเซโกะ | 1. เล่นสกี & สโนว์บอร์ด นิเซโกะ คือเมืองสกีรีสอร์ทที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น ที่นี่ขึ้นชื่อเรื่องหิมะคุณภาพดี และเป็นแหล่งรวมของรีสอร์ทต่างๆ หลายแห่งมีแพ็คเกจให้นักท่องเที่ยวสามารถไปแวะเที่ยวได้ในหลายๆ รีสอร์ท และลองเล่นสกีในบริเวณต่างๆ กันของภูเขา อีกทั้งยังต้อนรับทั้งนักสกีมือใหม่และแอดวานซ์ บางแห่งยังจัดการแข่งขันสกีนานาชาติด้วย [5 สกีรีสอร์ทยอดฮิตในนิเซโกะ] Grand Hirafu – สกีรีสอร์ทที่ใหญ่ที่สุดใน นิเซโกะ มีคลาสสอนเล่นสกี และมีบริเวณเนินเขาสำหรับนักเล่นสกีระดับแอดวานซ์ รีสอร์ทนี้ตั้งอยู่บนเนินเขาไม่ไกลจากเมืองฮิราฟุ เมืองที่ขึ้นชื่อเรื่องไนท์ไลฟ์อันคึกคัก อีกทั้งมีที่พักและร้านอาหารดีๆ มากมาย Niseko Village – ประกอบด้วยโรงแรมสองแห่ง รวมถึงร้านอาหาร บาร์ ร้านค้าต่างๆ ในบริเวณที่เรียกว่า The Village Niseko Annupuri Kokusai Ski Area – มักมีนักท่องเที่ยวน้อยกว่าที่ Grand Hirafu หรือ Niseko Village โดยที่นี่จะมีเนินเขาเหมาะสำหรับนักสกีมือใหม่หรือคนที่อยากเล่นสกีสบายๆ ใครที่ชอบบรรยากาศไม่พลุกพล่านควรหลบมาที่ Niseko Annupuri Kokusai Ski Area แห่งนี้ Hanazono Niseko Resort – มีกิจกรรมหน้าหนาวบริการแบบเต็มรูปแบบ รวมถึงทัวร์ Niseko Weiss CAT Tours ด้วย Niseko Moiwa Ski Resort – หนึ่งในสกีรีสอร์ทเล็กๆ นอกเส้นทางยอดฮิตใน นิเซโกะ รีสอร์ทนี้เป็นที่นิยมสำหรับมือใหม่ และนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบความสงบ เที่ยวนิเซโกะ | 2. แช่ออนเซ็น ไม่บอกก็รู้ว่าญี่ปุ่นนั้นเต็มไปด้วยบ่อน้ำพุร้อนมากมาย และ นิเซโกะ ก็คือสถานที่ที่เหมาะสุดๆ สำหรับการไปแช่ออนเซ็นผ่อนคลายในญี่ปุ่น การได้แช่น้ำอุ่นๆ หลังจากเล่นสกีมาทั้งวันคือวิธีที่ดีในการผ่อนคลายกล้ามเนื้ออันอ่อนล้า และเมื่อขึ้นชื่อว่าญี่ปุ่นแล้ว ก็มั่นใจได้เลยว่าออนเซ็นแต่ละแห่งนั้นได้คุณภาพและจะมอบประสบการณ์ผ่อนคลายที่ทุกคนลืมไม่ลงแน่นอน [ออนเซ็นยอดฮิตในนิเซโกะ] Yugokorotei – มีน้ำพุร้อนธรรมชาติใต้ผืนดินและมีบริเวณให้แช่น้ำกลางแจ้งด้วย Yukichichibu Onsen – เปิดตั้งแต่ปีค.ศ. 1966 และปรับปรุงในปีค.ศ. 2015 ออนเซ็นแห่งนี้มีบ่อกลางแจ้งมากกว่า 10 บ่อ และมีบ่อโคลนให้อาบในโซนผู้หญิงด้วย Hilton Niseko Village – ไปแช่น้ำร้อนชิลๆ ในสวนญี่ปุ่นใกล้ๆ กับบ่อปลา พร้อมชื่นชมวิว ภูเขาโยเทอิ ที่มองเห็นอยู่ไกลๆ Niseko Grand Hotel Hokkaido – ใครที่มากันแบบครอบครัว ที่นี่เหมาะมากเพราะมีบ่อให้แช่แบบรวมชายหญิง อีกทั้งมีบ่อแบบในร่มและมีน้ำพุร้อนที่ผสมแร่ธาตุช่วยเพิ่มความกระปรี้กระเปร่า Makkari Hot...
อ่านเพิ่มเติม
ย่านใจกลางโตเกียวอย่างอากิฮาบาระ (Akihabra) หรือที่คนเรียกกันสั้นๆ ว่าอากิบะ ถือเป็นแดนสวรรค์ของแฟนการ์ตูนทั้งมังงะและอะนิเมะเลยทีเดียว ที่นี่ นักท่องเที่ยวจะหมกตัวอยู่ในร้านหนังสือและการ์ตูนนับสิบร้าน, เล่นวิดีโอเกมทั้งวันทั้งคืน, สนุกกับการแต่งชุดคอสเพลย์ หรือจะเลือกช้อปปิ้งในร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้าหลายสิบร้านซึ่งตั้งอยู่บน ถนน Chuo Dori ซึ่งเป็นถนนเส้นหลักของย่านนี้ก็ได้ ถ้าไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นเที่ยวย่านนี้อย่างไร เรามี 16 กิจกรรมสนุกๆ ในอากิฮะบาระมาแนะนำ นอกเหนือจากร้านขายอนิเมะและมังงะชื่อดังแล้ว บริเวณนี้ยังเป็นที่ตั้งของร้านกาแฟตามธีม ศูนย์เกมที่สมจริง และห้องเกมหลายชั้นที่ให้คุณได้ลองเล่นทุกอย่างตั้งแต่เกมคลาสสิกย้อนยุคไปจนถึงประสบการณ์ VR ล่าสุด สำหรับนักสะสม ร้านค้าเฉพาะทางมีจำหน่ายรูปจำลองหายาก ชุดโมเดล และสินค้าพิเศษที่คุณจะไม่พบจากที่อื่น แม้ว่าคุณจะไม่ใช่แฟนอนิเมะ แต่พลังของอากิฮาบาระก็ติดต่อได้ ด้วยป้ายนีออนที่สว่างสดใส การแสดงริมถนนที่มีชีวิตชีวา และเสียงแห่งความตื่นเต้นอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าคุณจะมาที่นี่เพื่อช้อปปิ้ง พักผ่อน หรือเพียงแค่ดื่มด่ำกับบรรยากาศอันเป็นเอกลักษณ์ อากิฮาบาระก็เป็นสถานที่ที่ต้องไปเยี่ยมชมสำหรับใครก็ตามที่กำลังมองหาสัมผัสกับวัฒนธรรมย่อยที่มีชีวิตชีวาของโตเกียว ตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเริ่มต้นทัวร์ชมย่านที่น่าสนใจนี้ที่ไหนใช่ไหม ดู 16 กิจกรรมน่าสนใจในอากิฮาบาระได้เลย 1. ไปตุนหนังสือการ์ตูนกับสินค้าอะนิเมะที่ห้าง ANIMATE แบ่งเวลาสักบ่ายไปลุย ANIMATE สาขาอากิฮาบาระ ห้างขนาดใหญ่แห่งนี้มีหนังสือการ์ตูน, ซีดี, เกม, โปสเตอร์, พวงกุญแจ และสินค้าเกี่ยวกับอะนิเมะเพียบ แถมยังเป็นแหล่งขายสินค้ารุ่นลิมิเต็ดกับผลิตภัณฑ์ของแท้ที่มีจำหน่ายเฉพาะในห้าง ANIMATE เท่านั้น สินค้ามีจำหน่ายตลอดทั้ง 7 ชั้น มีพนักงานใจดีคอยช่วยแนะนำว่าของที่เรามองหามีขายอยู่ตรงไหน ANIMATE ตั้งอยู่ห่างจากสถานีรถไฟ Akihabara Station เพียงเดินแค่ 5 นาที (ทางออก Electric Town) เปิดทำการตั้งแต่ 10.00-21.00 น. ทุกวัน ชั้นต่างๆ ในห้าง ANIMATE 1F - ของที่ระลึก, นิตยาสาร 2F - หนังสือการ์ตูน, ไลต์โนเวล 3F - หนังสือการ์ตูน, นิยาย 4F - สินค้าเกี่ยวกับตัวละคร 5F - ฟิกเกอร์, การ์ด 6F - เกม, เพลงประกอบเกม, voice actor CDs 7F - DVDs, แผ่น Blue-Ray เข้าพักที่ Web Hotel Tokyo Asakusabashi แล้วออกไปเที่ยว ห้าง ANIMATE ค้นหาที่พักราคาประหยัดใกล้ สถานีอากิฮาบาระ 2. ช้อปสินค้าทำมือที่ 2K540 AKI-OKA ARTISAN ศูนย์การค้าขนาด 5,000 ตารางฟุตแห่งนี้มีสตูดิโอหัตถกรรม ร้านค้างานฝีมือ และแกลเลอรีที่ขายสินค้าแฮนด์เมดต่างๆ มากมาย ร้านค้าหลายแห่งจัดเวิร์คช็อปเพื่อให้ลูกค้ามีโอกาสลองทำศิลปะและงานฝีมือด้วยตัวเอง อย่าลืมแวะไปที่ห้างสรรพสินค้า Nippon ที่ตั้งอยู่ใกล้ทางเข้าย่านช้อปปิ้งบนถนน Kuramae-dori ที่นี่ คุณจะพบกับงานแก้วเอโดะคิริโกะ เครื่องเหล็กนัมบุ และศิลปะโมเสกไม้โยเซมิตีหลากหลายประเภท ที่สร้างสรรค์โดยช่างฝีมือจากทั่วทั้งประเทศ 2k540 Aki-Oak ตั้งอยู่ห่างจากสถานี Okachimachi (ทางออกทิศใต้) โดยเดินเพียง 4 นาที โดยทั่วไปร้านค้าจะเปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 11.00...
อ่านเพิ่มเติม
เมืองที่เป็นแหล่งรวมสุดยอดอาหารประจำชาติ อาหารท้องถิ่น และอาหารนานาชาติก็คือ โตเกียว เมืองที่คนรักอาหารจากทั่วโลกไม่ควรพลาดเด็ดขาด เพราะที่นี่มีอาหารท้องถิ่นของโตเกียวทั้งซูชิ ราเม็น เทมปุระอยู่ทั่วทุกที่ แต่ที่เด็ดกว่านั้นคือการเดินทางไปยัง 5 ย่านใน โตเกียว ที่เป็นจุดหมายปลายทางห้ามพลาดของทัวร์กินทั้งหลาย อาหารญี่ปุ่นจานเด็ดในโตเกียว ไม่ว่าเราจะไปเที่ยวละแวกไหนในโตเกียวก็ตาม บอกเลยเลยว่าทุกที่มีอาหารญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมที่ควรสั่งอยู่ในเมนูเสมอ อาหารญี่ปุ่นในดวงใจเหล่านี้ดีงามและโดดเด่นทั้งด้านรสชาติและหน้าตาอาหาร ซูชิและซาชิมิ ราเมง โอโคโนมิยากิ ซูชิและซาชิมิ ทั้งซูชิและซาชิมิแบบต้นตำรับมีส่วนประกอบหลักเป็นอาหารทะเลสดๆ ที่เสิร์ฟแบบดิบ ซึ่งมีหลายแบบให้เลือกกินตามชอบ อย่างซูชิโรลล์ โดยทั่วไปก็จะมีอาหารทะเล ข้าวปรุงน้ำส้มสายชู และท็อปปิ้งอื่นๆ ที่ม้วนอยู่ในโนริ (แผ่นสาหร่ายที่ใช้ห่อข้าว) ส่วนซาชิมิก็คือปลาดิบแล่บาง กินกับซอสถั่วเหลือง และมีข้าวเป็นเครื่องเคียง เมนูทะเลทั้งสองแบบนี้อร่อยพอกัน และเป็นอาหารที่คนนิยมกินกันในโตเกียวมากพอกันด้วย ราเมง อาหารที่ขายดีประจำโตเกียวอีกอย่างก็คือราเมง บะหมี่ญี่ปุ่นในซุปร้อนๆ เป็นเมนูท้องถิ่นสุดคลาสสิกเลยก็ว่าได้ ราเมงมีทั้งน้ำซุปรสชาติเข้มข้น เส้นที่ทำจากแป้งสาลี ส่วนประกอบอื่นๆ ก็แตกต่างกันไปตามสูตรแต่ละสูตร ร้านราเมงบางร้านยังคงความเรียบง่ายของราเมงอยู่ ในขณะที่บางร้านก็เสิร์ฟมาในชามแบบมีเครื่องอัดแน่นทั้งเนื้อเป็นชิ้นๆ เต็มปากเต็มคำ ถั่วงอก ผักต่างๆ สาหร่าย และไข่ต้ม โอโคโนมิยากิ หลายคนรู้จักโอโคโนมิยากิ (Okonomiyaki) กันในชื่อ "พิซซ่าญี่ปุ่น" อาหารญี่ปุ่นอีกเมนูที่อร่อยเหลือเชื่อ ทำจากแป้ง ไข่ กระหล่ำซอย และเครื่องปรุงอีกเล็กน้อย เมื่อตีส่วนผสมทั้งหมดจนเข้ากันแล้วก็จะเทลงบนเตาเป็นรูปทรงกลมเหมือนพิซซ่า จากนั้นก็ทอดจนข้างนอกกรอบ โอโคโนมิยากิยังมีท็อปปิ้งอีกหลายแบบไม่ว่าจะเป็นเนื้อที่ทอดเป็นแผ่นๆ มายองเนสญี่ปุ่น ขิงดอง และผงสาหร่าย โซบะ ยากินิคุ โอนิกิริ โซบะ เส้นโซบะบักวีตคือส่วนประกอบหลักในอาหารญี่ปุ่นหลายจาน เส้นบะหมี่แบบนี้นำมาปรุงและเสิร์ฟได้ทั้งแบบร้อน แบบเย็น โซบะร้อนมักเสิร์ฟคู่กับพวกโปรตีนอย่างเนื้อ เต้าหู้ ไข่ หรือไม่ก็ลูกชิ้นปลาแผ่น โรยหน้าด้วยหัวหอมซอยและผักอื่นๆ ส่วนโซบะเย็นนี่กินอร่อยได้ด้วยตัวมันเองเลย หรือจะจุ่มซอสแล้วค่อยกินก็ได้ ซึ่งซอสที่ใช้กินกับโซบะเย็นทำจากซอสถั่วเหลืองแบบหวานและน้ำซุปดาชิ ยากินิคุ ยาคินิคุก็คล้ายๆ กับบาร์บีคิวในโลกตะวันตก ซึ่งคำว่ายาคินิคุ ภาษาญี่ปุ่นหมายถึงการย่างเนื้อบนถ่านหรือเตาย่างไฟฟ้า เนื้อวัวส่วนคุณภาพคือประเภทเนื้อทั่วไปที่มักเสิร์ฟในการกินปิ้งย่าง โดยมีเครื่องเคียงเป็นผักต่างๆ อาทิ เห็ด พริกหวาน ข้าวโพด ฯลฯ ร้านยาคินิคุส่วนใหญ่จะเป็นแบบที่เราต้องปิ้งย่างกันเองที่โต๊ะ โดยสั่งเนื้อดิบ ผัก ฯลฯ มาปิ้งกันเองจนกว่าจะได้ความสุกในแบบที่เราพอใจ โอนิกิริ แม้ข้าวจะเป็นเครื่องเคียงในอาหารญี่ปุ่นหลายๆ เมนู แต่ไม่มีเมนูไหนเสิร์ฟได้น่ารักเท่ากับโอนิกิริอีกแล้วละ โอนิกิริก็คือข้าวทรงสามเหลี่ยมกับทรงกระบอก ทำจากข้าวขาวหุงสุก ห่อด้วยแผ่นสาหร่าย หรือไม่ก็คลุกงา โอนิกิริบางประเภทก็เป็นแค่ข้าวเฉยๆ บางแบบมีไส้ข้างใน ทั้งแซลม่อนย่างเกลือ ทูน่ามายองเนส เต้าเจี้ยว บ๊วยดอง โดยที่เราหาข้าวปั้นหน้าตาหน้ารักเหล่านี้กินได้ง่ายๆ จากทั่วโตเกียว เครื่องดื่มญี่ปุ่นยอดนิยมในโตเกียว ความจริงแล้วการเลือกเครื่องดื่มให้เหมาะกับมื้ออาหารต่างๆ ในโตเกียวนั้นเป็นเรื่องสำคัญนะ ไม่ว่าจะมื้อเช้า มื้อเที่ยง หรือมื้อเย็นก็ตาม ซึ่งเครื่องดื่มดีๆ ในโตเกียวไม่ได้มีแค่ประเภทเดียวเท่านั้น แต่มีทั้งร้อน ทั้งเย็น มีแอลกอฮอล์หรือไม่มี เป็นเครื่องดื่มที่ดื่มได้ทุกวัย ซึ่งสิ่งหนึ่งที่เครื่องดื่มเหล่านี้มีเหมือนกันก็คือ ความอร่อย! มัทฉะ สาเก สาเกหวาน มัทฉะ ผงชาเขียวมัทฉะ ผลิตจากใบชาเขียวคุณภาพดี ซึ่งในญี่ปุ่นมักนำใบชามาใช้ประกอบอาหารและเครื่องดื่มมากมาย แต่การกินแบบต้นตำรับจริงๆ ก็คือการนำผงชามาผสมน้ำร้อนให้กลายเป็นชาเขียวมัทฉะ ทั้งนี้เครื่องดื่มแต่ละแก้วจะขมหรือรสละมุนๆ ก็ขึ้นอยู่กับปริมาณผงชาที่ใส่ลงไป เครื่องดื่มอีกชนิดที่ได้รับความนิยมมากก็คือมัตฉะลาเต้ มีทั้งแบบร้อนและเย็น โดยจะเติมนมกับน้ำผึ้งลงไปเพื่อเพิ่มความหวาน สาเก ที่ประเทศญี่ปุ่น มีการนำข้าวมาปรุงเป็นอย่างอื่นนอกจากอาหารด้วย โดยนำมาหมักและบ่มด้วยวิธีพิเศษ ขัดสีเมล็ดข้าวอย่างบรรจงเพื่อทำเป็นสาเก เครื่องดื่มแอลกอฮอล์รสเยี่ยม ตามปกติสาเกจะเสิร์ฟแบบเย็น โดยรินจากเยือกลงในถ้วยเซรามิก...
อ่านเพิ่มเติม
ใครกำลังจะไปเที่ยวญี่ปุ่น แต่ยังไม่แน่ใจว่าจะพักที่ไหนในโตเกียว เรามีที่พักมาแนะนำ ทำเลดีๆ บางแห่งในโตเกียวก็มีโรงแรมราคาจับต้องได้รอให้บริการนักท่องเที่ยวอยู่ จองโรงแรมในโตเกียว แล้วหาวิธีเดินทางไปเที่ยวตามแลนด์มาร์กฮิตๆ ของเมืองกัน คู่มือเที่ยวโตเกียว: ที่พักในโตเกียว - ญี่ปุ่น โตเกียว เป็นเมืองหลวงขนาดใหญ่โต ที่ยังคงรักษาวัฒนธรรม ธรรมเนียมต่างๆ และรากเหง้าของตนไว้ได้อย่างดี โตเกียว คือเมืองแสนวิเศษที่น่าเดินทางไปสำรวจ และด้วยความที่โตเกียวมีที่เที่ยวมากมาย การจัดทริปเที่ยว โตเกียว จึงต้องวางแผนเลือกว่าจะทำอะไรดี นอกจากนี้ด้วยความที่มีประชากรอยู่กว่า 9 ล้านคน บางพื้นที่ของ โตเกียว จึงค่อนข้างจะวุ่นวาย ถ้าใครชอบเมืองเล็กๆ ไม่ชินกับคนเยอะๆ แนะนำให้สูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วลองเอ็นจออยเปิดรับทุกสิ่งรอบตัวดู โตเกียว เป็นเมืองหลวงของ ญี่ปุ่น มาตั้งแต่ปีค.ศ.1869 โดยก่อนหน้านี้ใช้ชื่อว่าเอโดะ (Edo) ซึ่งเป็นเมืองวัฒนธรรมอันสำคัญของประเทศมากว่าร้อยปีแล้ว โตเกียว ยังได้รับมิชลินสตาร์มากที่สุดในบรรดาเมืองต่างๆ ทั่วโลกอีกด้วย นั่นย่อมแปลว่าถ้าไปเที่ยว โตเกียว ก็ไม่ต้องไปตามหาอาหารเลิศรสที่อื่นไกลอีก นอกจากนี้ ตึกสูงระฟ้าไปจนถึงวัดเก่าแก่ คลับสุดโมเดิร์น และอื่นๆ อีกมากมายในเมือง ยังทำให้ โตเกียว มีทุกสิ่งสำหรับทุกคน ดังนั้น ถ้าจองที่พักดีๆ ได้สักแห่ง เราก็จะได้ออกไปเที่ยวและสำรวจเมืองอันแสนวิเศษแห่งนี้ได้อย่างเต็มที่ เคล็ดไม่ลับสำหรับการเลือกที่พักในโตเกียว ไม่ว่านี่จะคือการเที่ยว โตเกียว ครั้งแรกหรือไม่ก็ตาม การพักใกล้ๆ สถานีขนส่งสาธารณะถือเป็นเรื่องดีที่สุดแล้ว เพราะช่วยประหยัดเวลา (และเงิน) ถ้าเป็นไปได้ เลือกพักใน โตเกียว แถวๆ รถไฟสาย Yamanote Line เพราะรถไฟสายนี้จะวิ่งวนตามแหล่งท่องเที่ยวหลักๆ ของ โตเกียว ช่วยให้การเดินทางเที่ยวทั่วเมืองกลายเป็นเรื่องง่ายดายสุดๆ ไปเลย โตเกียว มีโรงแรมที่น่าสนใจและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวให้เลือกเพียบ นอกจากนี้ยังมีโรงแรมทั่วๆ ไปที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกสุดโมเดิร์นครบครันด้วย อย่างไรก็ตาม ถ้าใครยังไม่เคยพักในโรงแรมแคปซูล (นอนในเตียงแคปซูล) หรือไม่เคยพักในโรงแรมที่มีธีมต่างๆ (บางโรงแรมมีห้องพักธีม Hello Kitty) การเลือกพักในโรงแรมแบบนี้ก็น่าจะสนุกและเติมสีสันให้ชีวิตได้ดีกว่าโรงแรมแบบเดิมๆ แต่หากใครชอบอะไรแบบดั้งเดิมละก็ แนะนำให้เลือกพักในเรียวกัง (Ryokan) ที่พักแบบดั้งเดิมของคนญี่ปุ่น ที่ส่วนใหญ่จะเป็นธุรกิจในครอบครัว เป็นสไตล์ญี่ปุ่นแท้ๆ (ได้นอนบนฟูกหรือไม่ก็เสื่อตาตามิ) ที่พักแบบนี้มักมีบริการอาหารในตัว (อาหารเช้าและอาหารเย็น) เพราะฉะนั้นถ้าเลือกนอนเรียวกังเราจะได้สัมผัสวัฒนธรรมความเป็นอยู่ของ ญี่ปุ่น จริงๆ เลือกพักในโรงแรมที่มีอาหารเช้า ถ้าพักใน โตเกียว มากกว่า 2-3 วัน ค่อยแพลนออกไปหาอะไรกินข้างนอก แต่จะเป็นการช่วยประหยัดเงินได้มาก หากเลือกพักในโรงแรมที่มีบริการอาหารเช้าในตัว (บางแห่งมีให้เลือกทั้งอาหารเช้าแบบฝรั่งและอาหารญี่ปุ่น) คอยระวังเรื่องบุหรี่ด้วย! แม้จะนอนในห้องปลอดบุหรี่ แต่ก็อาจจะได้กลิ่นบุหรี่อบอวลในห้องอยู่ดี เพราะฉะนั้นถ้าใครเซนซิทีฟกับกลิ่นบุหรี่จริงๆ จงหาโรงแรมที่ห้ามสูบบุหรี่ทั้งโรงแรมไปเลยดีกว่า ย่านน่าพักในโตเกียว โตเกียว เป็นเมืองใหญ่มากจึงมีตัวเลือกที่พักเยอะตามไปด้วย แนะนำให้ลองกำหนดสโคปให้แคบลงโดยการเลือกที่ที่ลงตัวกับแผนการเที่ยวพักผ่อนของเราดู ชินจูกุ (Shinjuku): คือย่านที่เดินทางสะดวกสุดๆ (ชินจูกุ อยู่ใกล้รถไฟฟ้าสาย Yamanote Line) นอกจากนี้ยังเป็นย่านที่มีตึกระฟ้า เป็นแหล่งช้อปปิ้งชั้นยอด ร้านอาหารมากมาย และจำนวนผู้คนก็เยอะเช่นกัน ชินจูกุ คืออีกหนึ่งสถานที่ที่น่ามหัศจรรย์ เป็นส่วนผสมระหว่างความทันสมัยสุดขีดกับความเก่าแก่ โดยมีตรอกซอกซอย ซึ่งในนั้นมีร้านอาหาร ร้านค้า และผู้คนที่ไม่ได้เปลี่ยนแปลงตามวันเวลาแม้จะผ่านมากี่ปีแล้วก็ตาม ชินจูกุ เหมาะแก่การเข้าพักที่สุดแล้วถ้านี่คือการมา โตเกียว ครั้งแรก และเหมาะกับคนที่ชอบอยู่ในละแวกที่มีทั้งความบันเทิง ที่กิน และที่ช้อปปิ้ง ชิบูย่า (Shibuya): สายช้อปปิ้ง ท่องราตรี...
อ่านเพิ่มเติม
ตลาดปลาโทโยสุ (Toyosu Fish Market) ตั้งอยู่ในย่าน โทโยสุ ย่านริมน้ำอันงดงาม เป็นแหล่งขายส่งปลาและอาหารทะเลขนาดใหญ่ที่ชาวโตเกียวและนักท่องเที่ยวชื่นชอบกันมาก ตลาดโทโยสุเปิดขึ้นมาแทนที่ ตลาดปลาสึกิจิ (Tsukiji Market) ดั้งเดิมในเดือนตุลาคมปี 2018 โดย ตลาดปลาโทโยสุ มีขนาดใหญ่กว่าตลาดปลาสึกิจิถึงสองเท่า และกลายเป็นตลาดขายส่งปลาที่ใหญ่ที่สุดในโตเกียว หรือเผลอๆ อาจจะใหญ่ที่สุดในโลกเลยก็ได้ ทำความรู้จักตลาดปลาโทโยสุ ตลาดปลาโทโยสุ ประกอบด้วยอาคาร 3 หลัง ได้แก่ อาคารประมูลอาหารทะเล (Wholesale Market Building) อาคารขายส่งอาหารทะเล (Intermediate Wholesale Market Building) สำหรับผู้ขายปลาและอาหารทะเล และอาคารผักและผลไม้ (Fruit & Vegetable Building) สำหรับผู้ขายผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร ตลาดเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมวันจันทร์ถึงวันเสาร์ (ยกเว้นวันหยุดราชการ) ตั้งแต่ตี 5 ถึง 5 โมงเย็น โดยไม่เสียค่าธรรมเนียมใดๆ แม้ว่าร้านค้าหลายร้านจะเปิดหลัง 7 โมงเช้า แต่นักท่องเที่ยวควรเข้ามาเที่ยวตลาดตั้งแต่เช้าตรู่เพื่อดูบรรยากาศสุดคึกคักอย่างเช่น การประมูลปลาทูน่าที่โด่งดังไปทั่วโลก อันนี้เป็นสิทธิพิเศษสำหรับคนตื่นเช้าเท่านั้นนะ แหล่งช้อปปิ้งและกิจกรรมน่าสนใจที่ตลาดปลาโทโยสุ ผู้ค้าปลาส่วนใหญ่ใน ตลาดปลาโทโยสุ จะขายปลาจำนวนมากให้กับผู้ซื้อที่มีใบอนุญาตเท่านั้น แต่ก็ยังมีแหล่งขายปลาขนาดใหญ่ในอาคาร Intermediate Wholesale Market Building สำหรับคนทั่วไปด้วย ซึ่งก็คือ ตลาดอุกาชิ โยโกะโจ (Uogashi Yokocho Market) ซึ่งถือเป็นตลาดย่อยในตลาดใหญ่ที่มีร้านค้ากว่า 60 ร้าน ขายสินค้าทุกอย่างตั้งแต่ชา ของขบเคี้ยว ไปจนกระทั่งของฝากอันเป็นเอกลักษณ์จากโตเกียว ร้านที่น่าสนใจก็อย่างเช่น Maruyama Noriten ซึ่งขายชาเขียวและสาหร่ายโนริ ร้าน Aritsugu ขายมีดทำครัวญี่ปุ่นขนานแท้ ร้าน Ito Uroko ขายรองเท้าบู๊ตและเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายอื่นๆ ร้าน Mosuke Dango ขายดังโงะและขนมหวาน ย่านโทโยสุยังเป็นที่ตั้งของห้าง LaLaport Toyosu ช้อปปิ้งมอลล์ใหญ่ยักษ์ที่มีร้านอาหารและร้านค้ากว่า 150 ร้าน ภายในมอลล์มีทั้งเสื้อผ้าสำหรับคนทุกเพศทุกวัย ของเล่น จิวเวลรี่และเครื่องประดับ สินค้าแต่งบ้าน เครื่องใช้ไฟฟ้า และอื่นๆ อีกมากมาย LaLaport Toyosu อยู่ห่างจากตลาดปลาโดยเดินไปประมาณ 20-30 นาที กิจกรรมน่าสนใจที่ตลาดปลาโทโยสุ ที่ ตลาดปลาโทโยสุ มีอะไรสนุกๆ ให้ทำมากมาย ทั้งช้อปปิ้ง กิน และเดินเที่ยว ถ้าจะสำรวจตลาดและเที่ยวให้ครบควรเผื่อเวลาไว้อย่างน้อยสัก 2-3 ชั่วโมง ดูการประมูลปลาทูน่า : การประมูลปลาทูน่าที่โด่งดังสุดๆ คือกิจกรรมที่น่าสนใจอย่างหนึ่งในตลาดปลาโทโยสุและยังคงดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เดินทางมาย่านโทโยสุกันอย่างคึกคัก แนะนำว่าควรมาจับจองทำเลดีๆ ที่หน้าต่างชมการประมูลตั้งแต่เช้าตรู่ เพื่อจะได้เห็นผู้ซื้อฟาดฟันราคาประมูลทูน่ายักษ์กัน การประมูลส่วนใหญ่อยู่ในช่วงเวลาประมาณ 05.30-06.30 น. เกร็ดสำหรับนักท่องเที่ยว : ถ้าอยากเห็นการประมูลแบบชัดๆ ให้สมัครลงทะเบียนล่วงหน้าเพื่อรับสิทธิเข้าพื้นที่ชมการประมูลด้านล่าง จะมีการเปิดรับสมัครล่วงหน้า 1 เดือนสำหรับวันประมูลที่กำหนดไว้ โดยใช้เกณฑ์การจับฉลาก แกลเลอรี่ด้านล่างเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวจะอยู่ใกล้ชิดการประมูลทูน่ามากที่สุด เดินเที่ยวแกลเลอรี่ชมบรรยากาศจากหลายมุมมอง : ชั้นที่ขายส่งสินค้าในตลาดปลาทั้ง 3 อาคารอาจไม่ได้เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าเยี่ยมชมทั้งหมด แต่ก็มีแกลเลอรี่กระจกใสที่เราจะมองเข้าไปเห็นภายในได้ บางช่วงอาจได้เห็นการประมูลผลิตภัณฑ์และอาหารทะเลอื่นๆ หรือดูบรรยากาศการซื้อขายสินค้าของชาวญี่ปุ่นด้วย เกร็ดสำหรับนักท่องเที่ยว...
อ่านเพิ่มเติม
อุเอโนะ (Ueno) เป็นอีกหนึ่งย่านยอดนิยมของโตเกียวเพราะเต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวโดดเด่นมากมาย ไม่ว่าจะเป็นพิพิธภัณฑ์ ร้านอาหาร สวนสัตว์ รวมถึงจุดชมซากุระที่คราคร่ำไปด้วยนักท่องเที่ยวจากทุกมุมโลก ซึ่งแหล่งท่องเที่ยวส่วนมากจะอยู่แถวๆ สวนอุเอโนะ (Ueno Park) ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟ Ueno Station เลย สำหรับใครที่กำลังจะไปเที่ยวย่านอุเอโนะครั้งแรกแล้วไม่รู้ว่าจะเริ่มเที่ยวจากตรงไหนดี เรามี 9 กิจกรรมรอบๆ สวนอุเอโนะมานำเสนอ 1. สัมผัสงานศิลปะและประวัติศาสตร์โบราณของญี่ปุ่นที่พิพิธภัณฑ์ TOKYO NATIONAL MUSEUM ใครวางแผนจะเที่ยวพิพิธภัณฑ์ในโตเกียวอยู่แล้ว แนะนำให้ใส่รายการท่องเที่ยวพิพิธภัณฑ์อุเอโนะไว้ในลำดับต้นๆ เลย พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติโตเกียว (Tokyo National Museum) คือพิพิธภัณฑ์แห่งชาติที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่น และเป็นหนึ่งในพิพิธภัณฑ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกด้วย พิพิธภัณฑสถานเก่าแก่แห่งนี้ตั้งอยู่ในสวนอุเอโนะมีศิลปวัตถุโบราณของญี่ปุ่นกว่า 110,000 ชิ้น อย่างเช่น หน้ากากคาบูกิ ดาบซามูไร เครื่องมือโบราณและของล้ำค่าทางพุทธศาสนา พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติโตเกียว มีทั้งนิทรรศการพิเศษและนิทรรศการหมุนเวียน นิทรรศการถาวรเกือบทั้งหมดมีบริการ audio guide ภาษาอังกฤษ นิทรรศการถาวรในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติโตเกียว Kuroda Memorial Hall Japanese Gallery (Honkan) Asian Gallery (Toyokan) The Gallery of Horyuji Treasures Highlights of Japanese Arts Azekura Repository เข้าพักที่ HOTEL MYSTAYS Ueno-Iriyaguchi แล้วออกไปเที่ยวพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติโตเกียว 2. ซึมซับวัฒนธรรมท้องถิ่นที่สวนอุเอโนะ สวนอุเอโนะซึ่งเดินจาก สถานี Ueno Station ไปไม่ไกล คือสวนสาธารณะใหญ่ที่มีแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมจำนวนมากอยู่ภายใน อย่างเช่นสวนสัตว์อุเอโนะ พิพิธภัณฑ์ วัด ศาลเจ้า ตลาดกลางแจ้ง และพระพุทธรูปขนาดใหญ่ ภายในบริเวณสวนมีต้นซากุระหลายร้อยต้น ซึ่งจะบานสะพรั่งในช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิ สวนสาธารณะมหานครโตเกียวอุเอโนะ (Tokyo Metropolitan Ueno Park) เปิดให้เข้าฟรี แต่สวนสัตว์อุเอโนะและที่เที่ยวบางแห่งอาจเก็บค่าธรรมเนียม ที่เที่ยวห้ามพลาดที่สวนอุเอโนะ เจดีย์ Gojunoto ศูนย์แสดงคอนเสิร์ต Tokyo Bunka Kaikan (Tokyo Culture Hall) พิพิธภัฑณ์ศิลปะแห่งโลกตะวันตกแห่งชาติ โตเกียว (National Museum of Western Art) พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติและวิทยาศาสตร์แห่งชาติ (National Museum of Nature & Science) พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติโตเกียว (Tokyo National Museum) รูปปั้นจิโซ (Jizoson statue) ศาลเจ้าโทโชกุ (Toshogu Shrine) วัดชิโนะบะสุโนะอิเคะ เบนเทนโด (Shinobazuike Bentendo Temple) พิพิธภัณฑ์ชิตามาชิ (Shitamachi Museum) ศาลเจ้ายูชิมะเท็นจิน (ยูชิมะ เท็นมังงุ) อนุสาวรีย์ไซโกะ ทาคาโมริ (Statue of Saigo Takamori) พิพิธภัณฑ์หลวงอุเอโนะ (Ueno Royal...
อ่านเพิ่มเติม
7 โรงแรมที่ดีที่สุดใน โอซาก้า ต่อไปนี้ได้รับคะแนนโหวตว่ามีสิ่งอำนวยความสะดวกดีเยี่ยม บริการประทับใจ และอยู่ใกล้ที่ท่องเที่ยว เรียกว่าเป็นที่พักในดวงใจของนักเดินทางที่อยากมาพักผ่อนวันหยุดแบบไม่มีสะดุดและอยากหาที่พักบรรยากาศเงียบสงบไว้ผ่อนคลายหลังจากเที่ยวชมเมืองมาทั้งวัน 1. Onyado Nono Namba Natural Hot Spring [Onyado Nono Namba Natural Hot Spring] - ที่นี่ตั้งอยู่ในเขต นัมบะ (Namba) นักท่องเที่ยวปลื้มปริ่มที่นี่กันมากเพราะอยู่ใกล้ที่เที่ยวดังของโอซาก้า และมีสิ่งอำนวยความสะดวกให้ผู้เข้าพักสดชื่นผ่อนคลาย อย่างซาวน่าและบ่อน้ำพุร้อน ที่เที่ยวใกล้ที่พักที่สามารถเดินไปได้ ย่านโดตมโบริ (Dotombori) ทางเดินริมแม่น้ำทงโบริ สะพานเอบิสุ ป้ายกูลิโกะ ถนนช้อปปิ้ง Souemoncho ตลาดคุโรมง อิจิบะ โรงละคร Namba Grand Kagetsu ตรอก Hozenji Yokocho โรงละครหุ่นแห่งชาติบุนราคุ (National Bunraku Theater) การเดินทาง จากสถานี Nippombashi Station เดินเพียง 5 นาทีก็ถึง Onyado Nono Namba Natural Hot Spring 2. Hearton Hotel Shinsaibashi Nagahoridori [Hearton Hotel Shinsaibashi Nagahoridori] - ที่พักนี้ชนะใจนักเดินทางตรงที่มีนโยบายปลอดบุหรี่และอาหารเช้านานาชาติ โรงแรมนี้ตั้งอยู่ใจกลางย่าน ชินไซบาชิ (Shinsaibashi) ผู้เข้าพักสามารถใช้เวลาช่วงวันหยุดได้อย่างสบายๆ โดยใช้บริการซักรีดของโรงแรม และพักผ่อนในห้องบรรยากาศอบอุ่นซึ่งมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เช่น เครื่องฟอกอากาศภายในห้อง ชุดอุปกรณ์อาบน้ำ และอินเทอร์เน็ตฟรี ที่เที่ยวใกล้ที่พัก แหล่งช้อปปิ้งชินไซบาชิ หมู่บ้านอเมริกัน (Americurana) ย่านโดตมโบริ (Dotombori) สวนปราสาทโอซาก้า ศาลเจ้านัมบะ สวน Mitsu แหล่งช้อปปิ้ง Namba Parks การเดินทาง จาก สถานี Shinsaibashi ใช้เวลาเดินเพียง 5 นาทก็ถึง Hearton Hotel Shinsaibashi Nagahoridori 3. Hotel Sunroute Osaka Namba [Hotel Sunroute Osaka Namba] - วันหยุดพักผ่อนที่ โอซาก้า จะยิ่งแสนสุขเมื่อได้พักที่โรงแรมนี้ ที่นี่เป็นที่พักที่ใครๆ ก็หลงรักการตกแต่งสีสันสดใส บรรยากาศอบอุ่น และบริการเกี่ยวกับธุรกิจครบวงจร พักผ่อนให้สบายในห้องพักสุดทันสมัย ครบครันด้วยเครื่องใช้ในห้องน้ำและฟรีWi-Fi ยามเช้าก็อิ่มอร่อยกับอาหารเช้าแบบตะวันตกในห้องอาหารดีไซน์เก๋ ที่เที่ยวใกล้ที่พักที่สามารถเดินไปได้ ทางเดินริมแม่น้ำทงโบริ ร้าน BIC CAMERA สาขานัมบะ นัมบะ ฮิปส์ (Namba HIPS) วัดชิเทนโนจิ โรงละคร Shochikuza ถนนช้อปปิ้งชินไซบาชิ Gyokuseiya Osaka Ninja Yashiki Suruga-ryu การเดินทาง จาก สถานี Nippombashi และ...
อ่านเพิ่มเติม
ใครกำลังมองหากิจกรรมสนุกๆ ในโอซาก้า แนะนำให้จองตั๋วออนไลน์ไปเที่ยวที่เที่ยวสมัยใหม่อย่าง ยูนิเวอร์ซัล สตูดิโอ เจแปน (Universal Studios Japan) และ พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำไคยูกังแห่งโอซาก้า (Osaka Aquarium Kaiyukan) หรือจะซึมซับวัฒนธรรมญี่ปุ่นที่สถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์อย่าง ปราสาทโอซาก้า (Osaka Castle) หรือไปเดินเล่นที่ ย่านโดตมโบริ (Dotombori) ก็ได้ 1. สนุกกับเครื่องเล่นไม่จำกัดด้วยตั๋วรวมเครื่องเล่น 2 วันที่ยูนิเวอร์ซัล สตูดิโอ เจแปน เป็นที่รู้กันว่ากิจกรรมน่าสนใจที่สุดอย่างหนึ่งในโอซาก้าก็คือการไปเที่ยว ยูนิเวอร์ซัล สตูดิโอ เจแปน แบบเต็มๆ วัน ทุกปีมีคนกว่า 10 ล้านคนก็มาเที่ยวที่สวนสนุกนี้ ถ้าอยากรู้ว่าเป็นอย่างไร ก็ลองซื้อตั๋ว Studio pass แบบ 1 หรือ 2 วันเพื่อเข้าไปเล่นในสวนสนุกทั้ง 8 โซนแบบไม่จำกัดดูได้เลย โซนดังๆ ของที่นี่ก็มี The Wizarding World of Harry Potter และ Minion Park ถ้าซื้อ USJ Express Pass เพิ่มก็จะสามารถเข้าช่องทางด่วนเพื่อไปเล่นเครื่องเล่นที่ฮิตสุดๆ ได้โดยไม่ต้องต่อคิวยาวนัก อย่างเช่น The Flying Dinosaur ในโซน Jurassic Park หรือ The Amazing Adventures of Spider-Man ของโซน New York โซนต่างๆ ในสวนสนุก Universal Studios Japan Universal Wonderland Amity Village Waterworld The Wizarding World of Harry Potter Jurassic Park San Francisco Minion Park New York Hollywood อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Universal Studios Japan ได้ที่นี่ เข้าพักที่ Hotel Sobial Osaka แล้วออกไปเที่ยวที่ Universal Studios Japan ค้นหาที่พักราคาดีที่สุดใกล้ Universal Studios Japan 2. ซึมซับประวัติศาสตร์อันงดงามพร้อมกับถ่ายภาพใบไม้เปลี่ยนสีที่ปราสาทโอซาก้า การเที่ยวชม ปราสาทโอซาก้า ไม่ได้เป็นเพียงกิจกรรมสุดป๊อบของโอซาก้าเท่านั้น แต่ปราสาทโอซาก้าถือเป็นแลนด์มาร์กสำคัญที่โด่งดังที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศญี่ปุ่นเลยทีเดียว ปราสาทแห่งนี้มีบทบาทสำคัญทางประวัติศาสตร์เมื่อสมัยรวมประเทศญี่ปุ่นในศตวรรษที่ 16 ซึ่งมีการสร้างหอคอยกลางขึ้นเป็นครั้งแรก ปัจจุบัน นักท่องเที่ยวสามารถชมวิวมุมกว้างของรอบๆ ปราสาทได้จากลานชมวิวที่ พิพิธภัณฑ์ปราสาทโอซาก้า (Osaka Castle Museum) ซึ่งตั้งอยู่ที่หอคอยกลาง และยังสามารถชมสิ่งก่อสร้างทางประวัติศาสตร์ 13 อย่างได้อย่างใกล้ชิดอีกด้วย ปราสาทโอซาก้า เปิดให้เข้าชมตลอดปี แต่ละฤดูกาล ภูมิทัศน์โดยรอบก็จะขับเน้นให้ปราสาทสวยงามด้วยบรรยากาศที่ต่างกัน ช่วงฤดูใบไม้ผลิ ต้นซากุระใน สวนนิชิโนะมารุ...
อ่านเพิ่มเติม
โอซาก้า (Osaka) คือเมืองหลวงของ จังหวัดโอซาก้า (Osaka Prefecture) และเป็นเมืองใหญ่อันดับสองของประเทศญี่ปุ่นรองจากโตเกียว (Tokyo) เมืองนี้ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองที่มีสีสันทางวัฒนธรรม บรรยากาศสบาย และมีย่านที่น่าสนใจมากมาย บ้านพักตากอากาศในโอซาก้ามีเสน่ห์เฉพาะตัว มีกิจกรรมหลากหลาย และมีสถานที่ท่องเที่ยวใกล้ๆ หลายแห่ง ย่านยอดนิยมที่เดินทางไปเที่ยวได้ง่ายๆ แล้วก็มีที่พักสำหรับวันหยุดดีๆ นั้นได้แก่ย่าน อุเมดะ (Umeda), นัมบะ (Namba), บริเวณสถานีรถไฟ Shin-Osaka Station และย่านเทนโนจิ (Tennoji) และต่อไปนี้คือคู่มือฉบับย่อที่จะพาไปทำความรู้จักย่านเหล่านี้ รวมทั้งที่พักที่ดีที่สุดในบริเวณใกล้ๆ กัน ที่พักส่วนตัวในโอซาก้า | อูเมดะ อุเมดะ ถือเป็นศูนย์กลางของกิจกรรมต่างๆ ในช่วงกลางวันของเมืองโอซาก้า ย่านนี้กินบริเวณรอบๆ สถานีรถไฟ Osaka Station และ Umeda Station ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางการคมนาคมขนส่ง เนื่องจากขบวนรถไฟสายหลักของเมืองล้วนมาบรรจบกันที่ 2 สถานีใหญ่นี้ อุเมดะยังเป็นย่านที่ดีที่สุดสำหรับการช้อปปิ้ง กินอาหาร และหาความบันเทิงอย่างเติ่มอิ่ม นักท่องเที่ยวมาเยือน อุเมดะ เพื่อสัมผัสด้านที่คึกคักและมีสีสันของ โอซาก้า ในย่านที่เต็มไปด้วยร้านสินค้าแฟชั่นหรูหราและภัตตาคารชั้นเลิศ นอกจากนี้ อุเมดะ ยังมีแลนด์มาร์กยอดฮิตและกิจกรรมสนุกๆ ให้ลองทำอีกมากมาย ที่เที่ยวในอูเมดะ ขึ้นชิงช้าสวรรค์ชื่อดังอย่าง HEP FIVE Ferris Wheel ที่ HEP FIVE ศูนย์รวมความบันเทิงและแหล่งช้อปปิ้ง ชิงช้าสวรรค์ที่คอมเพล็กซ์แห่งนี้โผล่พ้นขึ้นมาเหนืออาคาร มองลงไปเห็นวิวเมือง โอซาก้า สุดอลังการ เอาจริงๆ แล้วมองเห็นไกลไปถึงเมือง โกเบ (Kobe) เลยเชียวละ ถ้าอยากชมวิวเมืองโอซาก้าจากมุมสูงยิ่งขึ้น ต้องมองจากทางเดินบนชั้น 40 ของอาคาร Umeda Sky Building คู่รักมักจูงมือกันมาซื้อแม่กุญแจแล้วล็อกติดไว้กับทางเดินเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของรักนิรันดร์ ไปช้อปปิ้งที่ห้าง Grand Front Osaka ช้อปปิ้งคอมเพล็กซ์สุดทันสมัยที่อยู่ทางทิศเหนือของสถานีรถไฟ Osaka Station คอมเพล็กซ์แห่งนี้คือตึกสูงหลายตึกที่ภายในมีร้านค้าและร้านอาหารหลากหลาย ใครอยากช้อปแบบที่เดียวรู้เรื่องต้องไปที่นี่เลย เยี่ยมชม ศาลเจ้าโอฮัทสึ เทนจิน (Ohatsu Tenjin Shrine) เพื่อศึกษาประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของ โอซาก้า สักเล็กน้อย ศาลเจ้าแห่งนี้สร้างมากว่า 1,300 ปีและเป็นศาลเจ้าที่พิทักษ์รักษาย่าน อุเมดะ ชาวญี่ปุ่นนิยมมาขอพรกับศาลเจ้าแห่งนี้ โดยเฉพาะบรรดาคู่รัก แฟนโปเกม่อนต้องไม่พลาดไปเยือน Pokemon Center Osaka ซึ่งเป็นร้านใหญ่ยักษ์ที่มีสินค้าและของสะสมเกี่ยวกับโปเกม่อนเพียบ ทั้งเสื้อผ้า ขนม เครื่องเขียนธีมโปเกม่อน รวมถึงทุกอย่างที่โปเกม่อนเทรนเนอร์ต้องมีไว้ก่อนออกไปผจญภัย   Liz2 Free Parking Osaka station Nakazakicho D218. IRORI HOUSE Umeda Sky Building With Rooftop View     ที่พักส่วนตัวยอดนิยมใกล้อูเมดะ Liz2 Free Parking Osaka station Nakazakicho: อพาร์ตเมนต์ 1 ห้องนอน ดีไซน์เป็นเอกลักษณ์ด้วยการผสมผสานความทันสมัยและโบราณเข้าด้วยกัน สามารถเข้าพักได้ถึง 7...
อ่านเพิ่มเติม
เทศกาลฮาโลวีนนั้นกลายเป็นอีเว้นท์ใหญ่ทั่วประเทศญี่ปุ่นไปแล้ว โดยเฉพาะในเมืองหลวงอย่าง โตเกียว ในช่วงนี้ร้านค้าต่างๆ จะเริ่มขายของประดับตกแต่งสำหรับเทศกาลฮาโลวีนกันตั้งแต่ต้นเดือนกันยายน และจะมีการจัดงานเฉลิมฉลองเทศกาลรอบเมืองตลอดเดือนตุลาคมและจะยิ่งเข้มข้นและยิ่งใหญ่ขึ้นในช่วงปลายเดือน ส่วนบริเวณใหญ่ๆ ที่มีการเฉลิมฉลองเทศกาลฮาโลวีนกันอย่างคึกคักใน โตเกียว ก็มีอยู่ 2 จุดคือที่ ชิบูย่า (Shibuya) และ อิเคะบุคุโระ (Ikebukuro) ใครที่จะไปเที่ยวญี่ปุ่นช่วงฤดูใบไม้ร่วง ก็ลองเช่าที่พักที่ใกล้ๆ กับจุดจัดงานดูก็จะดีมาก ทีนี้ลองมาดูว่าใน โตเกียว มีอีเว้นท์ฮาโลวีนใหญ่ๆ ที่ไหนบ้าง และลองหาที่พักดีๆ ใกล้ที่จัดงานกัน เทศกาลฮาโลวีนในโตเกียว l ชิบูย่า ชิบูย่า เป็นแหล่งช้อปปิ้งที่ทันสมัยและเป็นย่านแห่งความบันเทิงของโตเกียว ในช่วงวันฮาโลวีนที่นี่จะกลายเป็นสถานที่จัดปาร์ตี้บนท้องถนนในเทศกาลฮาโลวีนที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น งานนี้จัดขึ้นตลอดช่วงสัปดาห์สุดท้ายของเดือนตุลาคม และจะมีผู้คนนับแสนที่แต่งกายในชุดแฟนซีแบบจัดเต็มมารวมตัวกันตามถนนรอบ สถานีชิบูย่า เพื่อปาร์ตี้มันๆ กันตลอดคืน ในปี 2018 มีผู้เข้าร่วมงานกว่า 300,000 คนเลยทีเดียว ผู้คนมากมายที่ออกมารวมตัวกันนี้ส่วนมากเป็นวัยรุ่นตอนปลายและคนวัย 30 ต้นๆ มีทั้งชาวญี่ปุ่นและนักท่องเที่ยว และถึงแม้งานฮาโลวีนที่ ชิบูย่า จะไม่ใช่เทศกาลอย่างเป็นทางการ แต่ตำรวจก็มักจะปิดถนนเพื่อความปลอดภัยของผู้เข้าร่วมงานเทศกาลนี้ ชิบูย่าฮาโลวีน 2019 งานฮาโลวีนที่ ชิบูย่า จะจัดขึ้นในคืนวันฮาโลวีนและช่วงสุดสัปดาห์ก่อนจะถึงวันฮาโลวีน ในปี 2019 นี้งานเฉลิมฉลองจะจัดขึ้นในวันศุกร์ที่ 25 ตุลาคม ไปจนถึงวันอาทิตย์ที่ 27 ตุลาคม และวันพฤหัสบดีที่ 31 ตุลาคม งานปาร์ตี้บนถนนจะจัดที่บริเวณ Shibuya Crossing หรือห้าแยกชิบูย่าอันโด่งดังระดับโลกไปจนถึงบริเวณถนน Shibuya Center-gai Shopping Street ไปร่วมงานได้ฟรีๆ แค่แต่งตัวให้เริ่ดสุดๆ แล้วก็ร่วมแจมได้เลย คนส่วนใหญ่จะรวมตัวกันราวๆ 5- 6 โมงเย็น แอบบอกก่อนว่างาน Shibuya Halloween 2019 นี้ ห้ามดื่มเหล้าบนถนนและสวนสาธารณะรอบๆ สถานีชิบูย่า นะ ถ้าอยากจะดื่มจริงๆ ให้แวะร้านอิซากายะ (บาร์ญี่ปุ่น) หรือร้านอาหารที่มีอยู่มากมายทั้งในและรอบๆ ชิบูย่า [กิจกรรมน่าสนใจในงาน Shibuya Halloween 2019] เดินเที่ยวที่ ห้าแยกชิบูย่า: ไปเที่ยวงานฮาโลวีนที่ ชิบูย่า ทั้งที ต้องไม่พลาดไปเยือนทางแยกโกลาหลอันโด่งดังท่ามกลางแสงสีอันเจิดจ้าและมีฉากหลังเป็นทีวีจอยักษ์ที่ติดตั้งอยู่ตามตึก ห้าแยกชิบูย่า เป็นหนึ่งในทางแยกที่พลุกพล่านที่สุดในโลกและมีคนหนาแน่นขึ้นอีกในวันฮาโลวีน วิธีไปห้าแยกชิบูย่านั้นง่ายมาก แค่เดินตามผู้คนที่หลั่งไหลแล้วก็เดินปนๆ ไปกับเขาได้เลย ถ่ายรูปกับคนอื่นๆ ในงานฮาโลวีน: คนส่วนใหญ่ที่ไปเที่ยวงานชิบูย่าฮาโลวีนจะแต่งหน้าแต่งตาและสวมชุดแฟนซีเต็มยศ มีทั้งแบบตลก สยองขวัญ และก็แบบธรรมดาสุดๆ ไปเลย ถ้าเกิดเห็นใครแต่งตัวโดนใจ ก็สามารถขอถ่ายรูปหรือถ่ายรูปคู่กับเขาได้เลย และถ้าเราแต่งตัวไปกระแทกตาใครเข้า ก็อาจจะมีคนมาขอถ่ายรูปได้เหมือนกันนะ ไปดูรูปปั้นฮาจิโกะ: ระหว่างเดินเที่ยวที่ ห้าแยกชิบูย่า ควรถือโอกาสนี้ไปชม อนุสาวรีย์ฮาจิโกะ (Hachiko Memorial Statue) เสียหน่อย อนุสาวรีย์แห่งนี้เป็นแลนด์มาร์กอย่างไม่เป็นทางการที่โด่งดังมากที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น ที่นี่เป็นที่ตั้งของรูปปั้นสุนัขที่รอคอยเจ้าของตรงที่เดิมทุกวันอย่างจงรักภักดี อนุสาวรีย์ฮาจิโกะตั้งอยู่ที่หน้าทางออก Hachiko ของ สถานีชิบูย่า คนญี่ปุ่นส่วนใหญ่ก็มักจะนัดหมายกันที่รูปปั้นนี้ ออกไปปาร์ตี้ตามไนต์คลับ: แรกเริ่มนั้นชิบูย่าฮาโลวีนคืออีเว้นท์ที่จัดกันตามแดนซ์คลับ และคลับในโซนยอดนิยมก็ยังคงจัดงานฮาโลวีนสนุกๆ ไปพร้อมกับปาร์ตี้ด้านนอก คลับดังใน ย่านชิบูย่า ที่น่าไปในช่วงเทศกาลฮาโลวีนและสุดสัปดาห์ก่อนถึงเทศกาลก็คือ WOMB, Club Camelot Night Club, และ Sound...
อ่านเพิ่มเติม
ถ้าใครกำลังมองหาบาร์เด็ดๆ ใน โตเกียว เพื่อจะได้ออกเริงร่ายามราตรีละก็ บอกได้เลยว่างานนี้ต้องสนุกแน่ เพราะบาร์ในโตเกียวถือว่าติดระดับท็อปของโลกเลยล่ะ บาร์และร้านอาหารที่น่าสนใจใน โตเกียว มีอยู่หลายแห่ง ส่วนใหญ่อยู่แถวๆ ย่าน ชินจูกุ (Shinjuku) ส่วนย่าน ชิบูย่า (Shibuya), มินาโตะ (Minato), ชูโอ (Chuo) และ เซตางะยะ (Setagaya) ก็เป็นแหล่งกินดื่มที่มีชื่อเสียงเช่นกัน 1. Ben Fiddich ถ้าอยากสัมผัสศิลปะการมิกซ์เครื่องดื่มขั้นสูงล่ะก็ ต้องไปที่ร้าน Ben Fiddich ใน ย่านชินจูกุ เลย ที่นี่เป็นค็อกเทลเล้าจน์เล็กๆ ขนาด 15 คนนั่ง ขอบอกว่าบรรยากาศชิลเว่อร์เลยล่ะ ร้านนี้เปิดมาตั้งแต่ปี 2013 และขึ้นแท่นบาร์สุดฮ็อตใน โตเกียว ได้อย่างรวดเร็ว ที่ร้านตกแต่งด้วยบรรยากาศของบาร์เก่าในยุโรปผสมกับร้านยาโบราณของญี่ปุ่น ทำให้าร้านดูมีเอกลักษณ์ เพลงคลาสสิกและแสงไฟสลัวๆ ช่วยผ่อนคลายจิตใจระหว่างนั่งจิบค็อกเทลรสชาติละมุน ตอนเสั่งเครื่องดื่มลูกค้าสามารถเลือกเหล้าเบสแบบที่เราชอบได้เลย แล้วบาร์เทนเดอร์จะชงค็อกเทลสูตรพิเศษให้โดยใช้เครื่องเทศและสมุนไพรท้องถิ่นเป็นตัวชูรสชาติ เจ้าของร้านอย่างคุณ Hiroyasu Kayama คือมือชงค็อกเทลขั้นเทพและยังเป็นแฟนตัวยงของเหล้าแอบแซ็งธ์อานุภาพรุนแรงอีกด้วย หากได้มาเยือนร้านนี้ก็อย่าลืมลองสั่งค็อกเทลแอบแซ็งธ์ที่เป็นเมนูเด็ดของทางร้านด้วยนะ ร้าน Ben Fiddich ตั้งอยู่ที่เลขที่ 1-13-7 Nishishinjuku, 9F Yamatoya Bldg., Shinjuku 160-0023 เข้าพักที่ โรงแรมซันรูท ฮิงาชิ ชินจูกุ แล้วออกไปเที่ยว ย่านชินจูกุ ค้นหาที่พักราคาดีที่สุดใกล้ สถานีชินจูกุ 2. What the Dickens! คงไม่มีใครคาดคิดว่าผับอังกฤษจะติดอันดับผับที่ดีที่สุดของ โตเกียวหรอกเนอะ แต่ในเมื่อร้าน What the Dickens! มันดีซะขนาดนั้น แล้วจะให้เราว่ายังไงล่ะ ผับแห่งนี้อยู่ห่างจากสถานีรถไฟ สถานี Ebisu ไปไม่กี่นาที ที่นี่มีอาหารคลาสสิกสไตล์ผับอังกฤษให้เราชิมในย่านใจกลาง กรุงโตเกียว เช่น พายกับมันฝรั่งทอดหรือไก่กับมันฝรั่งทอด นอกจากนี้ยังมีเบียร์อังกฤษแบบแท็บให้เลือกเพียบ ทั้ง stella artois, guinness และ london pride รวมทั้งเบียร์ลาเกอร์ สเตาท์ และเอล ไซเดอร์แบบเเท็บก็ยังมีเลยนะ สำหรับดนตรีสดของที่นี่ก็เป็นวงคนญี่ปุ่นที่เล่นเพลงคัฟเวอร์ ชมได้ทุกคืนไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม แถมบางคืนมีโชว์ตลกด้วยแน่ะ ที่ What the Dickens! มีของดีเพียบขนาดนี้ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมร้านนี้จึงเป็นร้านเด็ดที่เหมาะมาดื่มเบียร์ นั่งชิลๆ ฟังเพลงกันเพลินๆ ร้าน What the Dickens! ตั้งอยู่ที่เลขที่ 1-13-3 Ebisunishi, Shibuya 150-0021. เข้าพักที่ โตคิว สเตย์ ชิบูย่า ชิน มินามิ กูจิ แล้วออกไปนั่งชิลที่ What the Dickens! ค้นหาที่พักราคาดีที่สุดใกล้ สถานี Ebisu 3. Nikka Blender’s Bar วิสกี้นิกกะ (Nikka) ได้ชื่อว่าเป็นวิสกี้ที่ดีที่สุดในโลกยี่ห้อหนึ่ง ซึ่งโดดเด่นขึ้นมาเหนือคู่แข่งวิสกี้แบรนด์นานาชาติในช่วงยี่สิบปีมานี้ คนที่เป็นแฟนนิกกะและวิสกี้อื่นๆ ทั่วไปไม่ควรพลาดร้าน...
อ่านเพิ่มเติม
โตเกียว เป็นจุดหมายปลายทางที่ยอดเยี่ยมสำหรับครอบครัว โดยมีความสมดุลที่สมบูรณ์แบบระหว่างประสบการณ์ทางวัฒนธรรมและสถานที่ท่องเที่ยวที่ทันสมัย เมื่อถึงเวลาเลือกที่พัก โตเกียวมีตัวเลือกมากมายที่เหมาะกับความต้องการของครอบครัว โรงแรมที่เป็นมิตรกับครอบครัวหลายแห่งในโตเกียวได้รับการออกแบบโดยคำนึงถึงความสะดวกสบาย โดยมีห้องพักกว้างขวางที่สามารถรองรับทั้งพ่อแม่และเด็กๆ ได้อย่างสบาย โรงแรมเหล่านี้มักมีสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น พื้นที่เล่นสำหรับเด็ก ตัวเลือกการรับประทานอาหารสำหรับครอบครัว และแม้แต่โปรแกรมพิเศษสำหรับเด็กเพื่อให้แขกตัวน้อยได้รับความบันเทิง เคล็ดลับของการพักผ่อนกับครอบครัวในโตเกียวให้ราบรื่นคือการหาโรงแรมที่ตั้งอยู่ในทำเลที่ดี ใกล้กับระบบขนส่งสาธารณะ และสามารถเดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม เช่น สวนสนุก พิพิธภัณฑ์ และย่านช้อปปิ้งได้โดยสะดวก นอกจากนี้ โรงแรมสำหรับครอบครัวหลายแห่งยังมีบริการต่างๆ เช่น บริการดูแลเด็ก เมนูอาหารสำหรับเด็ก และกิจกรรมต่างๆ ที่ออกแบบมาเพื่อดึงดูดกลุ่มวัยต่างๆ เพื่อให้แน่ใจว่าทั้งพ่อแม่และลูกๆ จะมีช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยม ไม่ว่าจะมาพักระยะสั้นหรือยาว โรงแรมสำหรับครอบครัวในโตเกียวก็พร้อมให้การต้อนรับและมอบความสะดวกสบายเพื่อสร้างความทรงจำไม่รู้ลืม เวลาเดินทางกับเด็กๆ เรื่องสำคัญที่ควรขีดเส้นใต้ไว้ก็คือต้องจองโรงแรมที่มีพื้นที่กว้าง มีสิ่งอำนวยความสะดวกจำเป็น และอยู่ใกล้ระบบขนส่งและสถานที่เที่ยวสำหรับเด็ก และนี่คือโรงแรมสำหรับครอบครัว 15 แห่งใน โตเกียว ที่มีครบทุกอย่างที่ว่ามา ซึ่งจะทำให้วันหยุดของครอบครัวในเมืองอันแสนคึกคักนี้ราบรื่นและสนุกสนานมากขึ้น 1. Hotel Gracery Shinjuku ที่อยู่: 1-19-1 Kabukicho, Shinjuku, Tokyo, Japan, 160-0021 โรงแรมระดับ 4 ดาวแห่งนี้มีสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับครอบครัวครบครัน แถมยังตั้งอยู่ใกล้กับที่เที่ยวดังๆ สำหรับครอบครัวในโตเกียวอีกด้วย ผู้เข้าพักเลือกได้ทั้งห้องพักเดี่ยว ห้องพักเตียงแฝด และห้องพักสามเตียง พร้อมเครื่องปรับอากาศ ฟรี Wi-Fi และทีวีจอแบน แถมยังตู้กดอัตโนมัติ ส่วนร้านอาหาร 2 แห่งของโรงแรมก็เปิดจนถึงดึกเผื่อใครหิวตอนกลางคืน ที่เที่ยวน่าไปใกล้ที่พัก Robot Restaurant ชินจูกุแบตติ้งเซ็นเตอร์ (Shinjuku Batting Center) ชินจูกุ โกลเดน ไก (Shinjuku Golden Gai) สวนโอคุโบะ (Okubo Park) เข้าพักที่ Hotel Gracery Shinjuku (โรงแรมเกรเซอรี ชินจุกุ) แล้วออกไปกินอาหารค่ำและชมโชว์อลังการที่ ร้าน Robot Restaurant   ค้นหาที่พักราคาดีที่สุดสำหรับครอบครัวใกล้ ร้าน Robot Restaurant 2. Hundred Stay Tokyo Shinjuku ที่อยู่: 2-27-7 Hyakunin-cho, Shinjuku, Tokyo, Japan, 169-0073 ใครคิดจะพักโตเกียวนานๆ ลองดูโรงแรมนี้นะ ที่นี่เป็นห้องชุดสไตล์อพาร์ตเมนต์มีห้องครัวพร้อมอุปกรณ์ครบ ห้องน้ำส่วนตัว เครื่องซักผ้าและเครื่องอบผ้า กับห้องนั่งเล่นแยกต่างหาก ภายในห้องมีเตียงถึง 6 เตียง นอนรวมกันทั้งครอบครัวได้สบายๆ ที่เที่ยวน่าไปใกล้ที่พัก พิพิธภัณฑ์ซามูไร (Samurai Museum) สวนคิตะ ชินจูกุ (Kita-Shinjuku Park) พิพิธภัณฑ์ศิลปะซนโปะ เจแปน นิปปอนโคอะ (Sompo Japan Museum of Art) ตึก Shinjuku Grand Tower เข้าพักที่ Hundred Stay Tokyo Shinjuku (ฮันเดรด สเตย์ โตเกียว ชินจุกุ)...
อ่านเพิ่มเติม
การเลือกที่พักใกล้ที่เที่ยวดังใน โอซาก้า ไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องเอางบท่องเที่ยววันหยุดไปทุ่มกับโรงแรมจนหมด ลองไปเข้าพักในโรงแรมราคาประหยัดแล้วเก็บเงินไว้เอาไปเที่ยวสนุกๆ กันดีกว่า ขอบอกเลยว่าโรงแรมและที่พักราคาถูกทั้ง 7 แห่งที่เราจะแนะนำนี้มันดีมากๆ ช่วยประหยัดได้เยอะเลย 1. Sotetsu Fresa Inn Osaka-Yodoyabashi พักผ่อนสบายๆ แล้วตื่นมากินอาหารเช้าสไตล์ตะวันตกมื้อใหญ่ ก่อนออกไปทัวร์ให้ทั่ว โอซาก้า - Sotetsu Fresa Inn Osaka-Yodoyabashi เป็นโรงแรมทำเลดีใจกลางเมือง เริ่มเปิดให้บริการเมื่อเดือนเมษายน 2018 นี่เอง นักท่องเที่ยวที่มาพักจะได้นอนหลับสบายบนที่นอนคุณภาพเยี่ยม ภายในห้องพักมีเครื่องฟอกอากาศกับฟรีอินเทอร์เน็ตด้วย ที่เที่ยวใกล้ที่พักที่สามารถเดินไปได้ ปราสาทโอซาก้า พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์โอซาก้า ถนนช้อปปิ้งชินไซบาชิ พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์โอซาก้า อาคาร Shibakawa Building การเดินทาง จะเลือกเดิน 5 นาทีจาก สถานี Naniwabashi หรือเดิน 7 นาทีจาก สถานี Sakaisuji Hommachi ก็ไปถึง Sotetsu Fresa Inn Osaka-Yodoyabashi 2. Hotel Oriental Express Osaka Shinsaibashi เพิ่มความสะดวกสบายและความเก๋ไก๋ให้กับการพักผ่อนที่ โอซาก้า ด้วยการเข้าพักที่ Hotel Oriental Express Osaka Shinsaibashi ซึ่งตั้งอยู่ใจกลาง ย่านช้อปปิ้งชินไซบาชิ (Shinsaibashi shopping district) ดูสิ ที่นี่มีสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างที่ชาร์จโทรศัพท์ภายในห้อง พร้อมลำโพงความชัดระดับสูง ฟรี Wi-Fi และเครื่องซักอบผ้าภายในโรงแรม นอกจากนี้ยังมีคาเฟ่สเปซไว้นั่งสบายๆ รองรับผู้เข้าพักที่เดินทางมาทำธุรกิจด้วย ที่เที่ยวใกล้ที่พักที่สามารถเดินไปได้ ถนนช้อปปิ้งชินไซบาชิ โดทงโบริ และ ทางเดินริมแม่น้ำทงโบริ สวนนัมบะพาร์ค Free Space C FLAT cultural center แหล่งช้อปปิ้ง Minamisemba การเดินทาง จาก สถานี Shinsaibashi ใช้เวลาเดินเพียง 5 นาทก็ถึง Hotel Oriental Express Osaka Shinsaibashi 3. Sarasa Hotel Namba เข้าพักแบบลั้นลาที่ Sarasa Hotel Namba โรงแรมที่พนักงานน่ารัก มีเครื่องซักผ้าอบผ้าหยอดเหรียญ บริเวณสำหรับสูบบุหรี่ และฟรี Wi-Fi พนักงานที่นี่พร้อมให้บริการ 24 ชั่วโมง แถมมื้อเช้าของโรงแรมก็เป็นบุฟเฟ่ต์ที่มีทั้งอาหารตะวันตกและอาหารญี่ปุ่นให้เลือกเลย ที่เที่ยวใกล้ที่พักที่สามารถเดินไปได้ สวนนัมบะพาร์ค โรงละคร Shochikuza หอคอยซึเทนคาคุ แหล่งช้อปปิ้งชินไซบาชิ วัดชิเทนโนจิ วัดพุทธ Daijobo ถนนช้อปปิ้ง Sennichimae Doguyasuji การเดินทาง จาก สถานี Namba ใช้เวลาเดินเพียง 5 นาทก็ถึง Sarasa Hotel Namba 4. New Osaka Hotel...
อ่านเพิ่มเติม
สภาพอากาศที่ดีและอาหารท้องถิ่นแสนอร่อยถือเป็นไฮไลต์เรียกแขกของ โอซาก้า เลยละ และนอกจากชายหาดสวยๆ กับร้านอาหารอร่อยขั้นเทพแล้ว เมืองใหญ่อันดับสามของญี่ปุ่นแห่งนี้ยังมีที่เที่ยวเด็ดอีกเพียบ เช่น สวนสนุกสุดทันสมัยกับแลนด์มาร์กเก่าแก่ที่ผสานกันอย่างลงตัว บอกเลยว่าถ้าได้ไปเที่ยวโอซาก้าแล้วจะรู้สึกว่าวันหยุดนี้มันช่างคุ้มสุดคุ้มเสียจริง 1.ไถสไลเดอร์น้ำในฤดูร้อนแล้วร่อนไอซ์สเก็ตในฤดูหนาวที่สวนสนุกฮิราคาตะ ไปปล่อยพลังงานให้สุดๆ กับทุกๆ คนในครอบครัวที่สวนสนุกชื่อดังของโอซาก้ากันเถอะ สวนสนุกฮิราคาตะ (Hirakata Park) มีตั๋วรวมเครื่องเล่นสำหรับลูกค้าที่อยากเล่นเครื่องเล่นหวาดเสียวอย่างรถไฟเหาะตีลังกา ชิงช้าสวรรค์ หรือเครื่องเล่นทางน้ำ ส่วนกิจกรรมที่เหมาะกับทุกคนในครอบครัวก็มีสไลเดอร์น้ำ เกมยิงปืนเลเซอร์ และเกมผจญภัยในป่าซาฟารี สวนสนุกแห่งนี้เปิดทุกวันตลอดปี ส่วนในช่วงหน้าหนาว ลานจอดรถจะถูกดัดแปลงเป็นลานสเก็ตน้ำแข็ง ค่าตั๋ว (ค่าเข้าพร้อมตั๋วรวมเครื่องเล่น) ผู้ใหญ่ – 4,400 เยน เด็กวัยประถมศึกษา – 3,800 เยน เด็กก่อนวัยเรียน อายุ 2 ปี – 2,600 เยน เวลาเปิดทำการ 10:00 น. - 17:00 น. วันอังคาร - อาทิตย์ ปิดทุกวันจันทร์ วิธีการเดินทาง นั่งรถไฟ Keihan Railway ไปลงที่สถานี Hirakata-Koen เข้าพักในที่พักย่าน ฮิราคาตะ โกะเอง เลาจน์ แอนด์ สเตย์ Osaka English House โรงแรมชาเปล โคโคนัต   แล้วออกไปเที่ยวที่ สวนสนุกฮิราคาตะ 2. เที่ยวชมสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ในป่าฝนและเล่นกับสัตว์น้อยน่ารักที่สวนสัตว์โอซาก้าเทนโนจิ ชมสัตว์น้อยใหญ่ในสภาพแวดล้อมตามธรรมชาติที่ สวนสัตว์โอซาก้าเทนโนจิ (Osaka Tennoji Zoo) กันดีกว่า นอกจากสวนสัตว์แห่งนี้จะมีสัตว์ป่ากว่า 1,000 ตัวแล้ว ที่นี่ยังมีสัตว์น่ารักที่เราได้ชมอย่างใกล้ชิด มีป่าฝน กรงนกขนาดใหญ่ และบ้านหมีขั้วโลกด้วย แต่ละปีมีนักท่องเที่ยวกว่า 1.5 ล้านคนเข้ามาเที่ยวชมภายในสวนสัตว์ซึ่งแบ่งออกเป็นโซนต่างๆ ที่มีเอกลักษณ์ถึง 4 โซนใหญ่ๆ ได้แก่ ทุ่งหญ้าสะวันนาอัฟริกัน (African Savanna), ป่าฝนเขตร้อนเอเชีย และ บ้านโคอาล่า (Asian Tropical Rain Forest and Koala House), กรงนกยักษ์ และ บ้านหมีโพล่าร์ (Flight Aviary and Polar Bear House) และโซนสุดท้ายคือ จัตุรัสแห่งมิตรภาพ (Friendship Square) ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถเล่นกับหนูตะเภาและชมม้าแคระญี่ปุ่น Noma พันธุ์หายากได้ด้วย ตั๋วเข้าชมสวนสัตว์เทนโนจิ ผู้ใหญ่ (อายุตั้งแต่ 16 ปีขึ้นไป) – 500 เยน เด็ก (ประถมศึกษา-มัธยมศึกษาตอนต้น) – 200 เยน ผู้สูงอายุ (อายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไป) และผู้พิการ – เข้าฟรี (ผู้ที่มีถิ่นพำนักในโอซาก้าเท่านั้น) เวลาเปิดทำการ 09:30 น. - 18:00. น....
อ่านเพิ่มเติม
สถานีอิเคะบุคุโระ สถานีรถไฟที่จอแจเป็นอันดับสองของเมือง แต่ถึงอย่างนั้นย่าน อิเคะบุคุโระ ก็ยังเหมาะแก่การเป็นจุดเริ่มต้นในการเที่ยวโตเกียวอยู่ดี ที่นี่เราจะได้เจอทั้งแหล่งช้อปปิ้ง แหล่งรวมความบันเทิง สถาปัตยกรรมอันน่าสนใจ และสถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่ซ้ำใคร ที่สำคัญคือส่วนใหญ่แล้วเหมาะกับคนที่กังวลเรื่องงบอยู่พอดี และนี่คือ 15 ที่เที่ยวดีๆ ในอิเคะบุโระ ที่จะไม่มีวันทำให้ใครต้องปวดใจเรื่องเงินไม่พอแน่นอน 1. เดินเล่นที่ Sunshine City Sunshine City เปิดเมื่อปีค.ศ.1978 ที่อิเคะบุคุโระ เป็น "เมืองซ้อนเมือง" แห่งแรกของโตเกียว จุดเด่นที่ดังสุดๆ ของที่นี่คือมีตึก Sunshine 60 สูงถึง 787 ฟุต นอกจากนี้ยังมีศูนย์การค้าที่จุร้านต่างๆ ไว้กว่า 200 ร้าน กับร้านอาหารอีกเพียบ รวมถึงธีมปาร์กสองแห่ง ดาดฟ้าชมวิวสองจุด พิพิธภัณฑ์อีกหนึ่งแห่ง และท้องฟ้าจำลองด้วย ห้างสรรพสินค้าในศูนย์การค้า Sunshine City มีอยู่สองห้างคือ ALPA ที่มีร้านค้าประมาณ 180 ร้านกับคาเฟ่และร้านอาหารอีกเล็กน้อย ห้างที่สองคือ ALTA มีร้านให้ช้อปน้อยกว่า คือประมาณ 70 ร้าน แต่มีร้านอาหารให้เลือกเพียบ ส่วนการเดินทางมา Sunshine City ก็แสนสะดวกเพราะอยู่ติดกับทั้ง สถานี Higashi-Ikebukuro (ทางออก 6 และ 7) และติดกับ โรงแรม Sunshine City Prince Hotel Ikebukuro Tokyo [สินค้าน่าช้อปและที่เที่ยวใน Sunshine City] สินค้าแฟชั่นสำหรับผู้ชายและผู้หญิง สินค้าแฟชั่นสำหรับเด็ก สินค้าไลฟ์สไตล์ รองเท้า คาเฟ่ ห้องอาหาร SkyRestaurants อควาเรียม สวนสนุก Namja Town ท้องฟ้าจำลอง Konica Minolta Planetariu“Manten” จุดชมวิว เข้าพักที่ โรงแรมรูท อินน์ โตเกียว อิเกะบุกุโระ แล้วออกไปเที่ยว Sunshine City ค้นหาที่พักราคาประหยัดใกล้ Sunshine City 2. เพลินไปกับร้านอนิเมะและมังงะบนถนนโอโตเมะ (Otome) ต่อให้ไม่ใช่แฟนอนิเมะหรือมังงะก็ยังสนุกได้อยู่ดีที่ถนนโอโตเมะ ซึ่งอยู่ทางฝั่งตะวันตกของ ตึก Sunshine 60 ที่นี่เป็นอากิฮาบาระ (Akihabara) เวอร์ชั่นที่เหมาะกับผู้หญิงขึ้นมาหน่อย มีร้านอนิเมะและมังงะขายทั้งหนังสือ ดีวีดี ชุดคอสเพลย์ ของสะสมและโดจิน (นิตยสาร นิยาย และการ์ตูนที่แฟนๆ ตีพิมพ์เอง) นอกจากนี้ ถนนโอโตเมะ ยังเป็นที่ตั้งของ อนิเมท (Animate) สำนักงานใหญ่ ตึกสูง 7 ชั้นนี้มีสินค้าเกี่ยวกับอนิเมะอยู่อย่างครบครัน [ร้านน่าช้อปบนถนนโอโตเมะ] K-Books Mandarake Animate Lashinban HACOSTADIUM cosset เข้าพักที่ บุค แอนด์ เบด โตเกียว อิเคบุกุโระ แล้วออกไปเที่ยว ถนนโอโตเมะ ค้นหาเกสต์เฮาส์ราคาดีที่สุดใกล้ ตึก...
อ่านเพิ่มเติม
การตามล่าหาใบเมเปิ้ลสีแดงสด หรือต้นแปะก๊วยสีทองอร่ามที่เรียงรายเป็นทิวแถว และทุ่งดอกไม้ที่ไหนๆ ก็ไม่เหมือนที่ญี่ปุ่น Koyo หรือฤดูใบไม้เปลี่ยนสีของญี่ปุ่นเริ่มตั้งแต่กลางเดือนกันยายนที่ภาคเหนือ แล้วค่อยๆ ไล่ไปตามจังหวัดที่เหลือภายในเวลาเพียง 90 วัน แบ็กแพ็กเกอร์สายแข็งทั้งหลายที่อยากเดินทางไปตามที่ต่างๆ ที่ใบไม้เปลี่ยนสี ก็จงเก็บกระเป๋าแล้วเตรียมอุปกรณ์ล่าใบไม้เปลี่ยนสีให้พร้อม (ทั้งกล้อง มือถือ และไม้เซลฟี่) เพราะช่วงเวลาใบไม้เปลี่ยนสีไม่ได้อยู่นาน แถมยังเกิดขึ้นแค่ปีละครั้งเท่านั้น 1. อุทยานแห่งชาติไดเซ็ตสึซัง (Daisetsuzan National Park) ซัปโปโร ไม่มีโอกาสที่สองสำหรับการสร้างความประทับใจแรก ดังนั้นฤดูใบไม้ร่วงที่ ฮอกไกโด (Hokkaido) จึงเกิดขึ้นแบบตูมเดียว! "Playground of the Gods" คือสถานที่แห่งแรกในญี่ปุ่นที่ใบไม้จะเริ่มเปลี่ยนสีและกลายเป็นทะเลสีแดง ทอง และเขียวอย่างรวดเร็ว เราสามารถไปชมวิวสะกดสายตาได้จากมุมสูง เช่น ภูเขาอาซาฮี (Mount Asahi) และ ไดเซ็ตสึ โคเก็น ออนเซ็น (Daisetsu Kogen Onsen) หรือจะดื่มด่ำในบ่อน้ำพุร้อนกลางธรรมชาติที่ Sounkyo Hot Spring ก็ได้เช่นกัน เข้าพักที่ อะซาฮิดาเกะ ออนเซ็น โฮเต็ล เดียร์ วัลเลย์ แล้วออกไปเที่ยว อุทยานแห่งชาติไดเซ็ตสึซัง ค้นหาที่พักราคาดีที่สุดใกล้ ภูเขาอาซาฮี 2. Hitachi Seaside Park ที่อิบารากิ (Ibaraki) ต้นโคเชีย (Kochia) หรือที่รู้จักกันในชื่อ Burning Bush จะเปลี่ยนสีเหมือนไฟลุกพรึ่บในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี โดยจะเป็นสีแดงเข้มในช่วงฤดูในไม้ร่วงเท่านั้น และพุ่มไม้เหล่านี้จะยิ่งสวยสุดๆ หากเราได้มองมาจากด้านบนเขา จะเลือกเดินเขาขึ้นไปเพื่อดื่มด่ำกับวิวมหาสมุทรแปชิฟิกแบบสุดลูกหูลูกตา หรือจะขึ้นรถไฟที่สวนเพื่อชมทุ่งสีแดงเพลิง ทุ่งดอกคอสมอส ดอกซินเนีย ดอกลิลี่ และไม้อวบน้ำต่างๆ ที่บานในเดือนตุลาคมก็ได้เช่นกัน เข้าพักที่ โรงแรมคริสตัล พาเลซ แล้วออกไปเที่ยว Hitachi Seaside Park ค้นหาโรงแรม ที่พัก อพาร์ตเมนต์ ราคาดีที่สุดใน อิบารากิ 3. อุทยานแห่งชาติโอเซะ (Oze National Park) ตอนเหนือของโตเกียว แนวคิดหนึ่งอันแสนโรแมนติกของกวีก็คือ ไม่มีความทองใดๆ ที่ยั่งยืน ดังนั้นเราจึงไม่ควรพลาดฤดูใบไม้ร่วงของญี่ปุ่นเด็ดขาด โดยเฉพาะบริเวณบึงที่ใหญ่ที่สุดในเขตที่ราบสูงของญี่ปุ่นแห่งนี้ ซึ่งรับรองได้เลยว่าทุกคนจะได้เห็นภาพใบไม้เปลี่ยนสีประจำปีกันอย่างเต็มตาแน่นอนระหว่างเดินเขาตามเส้นทางธรรมชาติและทุ่งหญ้า หากมาถูกช่วงถูกเวลาก็จะได้เก็บภาพท้องทุ่งสีแดง-เหลือง ซึ่งจะเป็นอีกเรื่องดีๆ อันน่าประทับใจที่นำกลับไปแชร์ให้คนอื่นฟังได้ด้วย เข้าพักที่ ซันซัง-คาเฟ แอนด์ บาร์ แอนด์ แบ็กแพกเกอร์ แล้วออกไปเที่ยว อุทยานแห่งชาติโอเซะ ในหมู่บ้านคะตะชินะ ค้นหาเรียวกังราคาดีที่สุดใน กุนมะ 4. อุทยานแห่งชาติ Meiji no Mori Mino Quasi หรืออุทยานมิโนโอะ (Minoo Park) โอซากา นอกจาก Meiji no Mori Minō Quasi-National Park หรือ อุทยานมิโนโอะ จะมีน้ำตกขนาดใหญ่เป็นจุดขายแล้ว ยังมีสิ่งดึงดูดนักล่าใบไม้เปลี่ยนสีด้วย นั่นคือม่านใบสนและเมเปิ้ลหลากสี ลองเดินไปตามทางเลียบช่องเขาของอุทยาน แล้วลิ้มรสความหวานกรอบของโมมิจิเทมปุระ (Momiji Tempura)...
อ่านเพิ่มเติม
อาณาจักรอาหารแห่งซัปโปโรเต็มไปด้วยอาหารทะเลสดๆ ในฝันของใครหลายๆ คน วัตถุดิบต่างๆ จากทั่วฮอกไกโดมารวมกันอยู่ที่ ซัปโปโร ฉะนั้นไปเที่ยวซัปโปโรทั้งที มาทำทริปนี้ให้เป็นทริปแห่งความอร่อยกันดีกว่า ซัปโปโรมีอาหารทะเลสุดสร้างสรรค์รออยู่ เช่นเดียวกับอาหารญี่ปุ่นแท้ๆ อย่างราเม็ง และปิ้งย่างสไตล์ญี่ปุ่น ร้านอาหารซัปโปโรมีตัวเลือกมากมายที่นักกินตะลุยชิมไม่หมดภายในวันหรือสองวันแน่นอน เพราะฉะนั้นเราเลยคัดตัวอย่างอาหารญี่ปุ่นชั้นดีที่จะหาได้จาก ร้านอาหาร ที่ดีที่สุดใน ซัปโปโร มาให้ทุกคนตัดสินใจเลือกร้านกันได้ง่ายขึ้น 1. Okushiba Shoten Jikka : ฟินไปกับต้นตำรับซุปแกงกะหรี่น้ำสต็อกกุ้ง ร้านซุปแกงกะหรี่ร้านนี้ดังมาจากน้ำสต็อกดาชิกุ้งที่ต้มใหม่ทุกเช้า และใช้กุ้งถึง 4,000 ตัว! ซุปแกงกะหรี่ก็คือแกงกระหรี่แบบเหลวหน่อย ส่วนข้าวจะอยู่ข้างใต้ซุป การกินแบบนี้เกิดขึ้นที่ ซัปโปโร นี่แหละ ซุปแกงกะหรี่ของ Okushiba นั้นได้รสเครื่องเทศเข้มข้น แต่ก็ยังได้ความหวานอันเป็นเอกลักษณ์ของซุปดาชิกุ้งอยู่ แต่หากความเผ็ดร้อนไม่เข้าทางก็ไม่ต้องกังวลไป เพราะที่นี่เราเลือกได้ว่าอยากได้ความเผ็ดระดับไหน มีให้เลือกตั้งแต่ระดับ 0-12 แถมยังซื้อกลับบ้านได้ด้วย เผื่อใครติดใจแล้วอยากซื้อกลับไปกินอีกที่โรงแรมใน ซัปโปโร ที่ตั้งและเวลาเปิด-ปิด ร้าน Okushiba Shoten Jikka ตั้งอยู่ที่ เลขที่ 2, Kita 6 Jōnishi, Kita-ku, Sapporo. ห้าง PASEO WEST ชั้น G เวลาเปิด-ปิด: 11:00 น.–22:00 น. (รับออร์เดอร์สุดท้ายเวลา 21:00 น.) ค้นหาที่พักพร้อมอาหารอร่อยๆ ใน ซัปโปโร โรงแรมฮานะ โมมิจิ (Hana Momiji) โรงแรมชาเตอร์เรส กาโตว์ คิงดอม ซัปโปโร โฮเต็ล แอนด์ สปา รีสอร์ท (Chateraise Gateaux Kingdom Sapporo Hotel & SPA Resort) โรงแรมชิกาโนยุ (Hotel Shikanoyu)     2. Fujiya Noodle : มิโซะราเม็งรสเข้มข้น อร่อยจนหยดสุดท้าย Fujiya Noodle ได้รับรางวัล Bib Gourmand จากมิชลินไกด์ฉบับฮอกไกโดเมื่อปีค.ศ. 2017 ร้านนี้ตั้งอยู่ใน Shin Ramen Yokocho กลางย่าน Susukino เมนูมิโซะคือจานยอดนิยมประจำร้าน ส่วนเส้นราเม็งนุ่มหนึบก็ทำจากธัญพืชของ ฮอกไกโด 100% ส่วนผสมหลักของซุปทำจากน้ำสต็อกใส แต่เข้มข้นและได้ความรู้สึกครีมมี่ด้วย ที่พิเศษคือกลิ่นมิโซะอันทรงพลังของร้านนี้ทำให้หลายคนติดอกติดใจจนถึงขั้นต้องยกซดจนเกลี้ยงชามกันเลยทีเดียว ที่ตั้งและเวลาเปิด-ปิด ร้าน Fujiya NOODLE ตั้งอยู่ที่ เลขที่ 3, Minami 4 Jōnishi, Chūō-ku, Sapporo. ชั้น G อาคาร Green Building No. 3 (Shin Ramen Yokocho) เวลาเปิด-ปิด: 18:00 น.–03:00 น. ของวันถัดไป...
อ่านเพิ่มเติม
เมืองหลวงของญี่ปุ่นอย่าง โตเกียว นั้นมีอาหารชั้นเลิศอยู่ทั่วทุกมุมเมือง เพราะมีเชฟฝีมือจัดจ้านผู้มีไอเดียพลิกแพลงอาหารอยู่มากมาย และคนเหล่านี้แหละที่ยกระดับอาหารอย่างซูชิและราเมงให้กลายเป็นเมนูอินเตอร์ จนทำให้โตเกียวเป็นเมืองท่องเที่ยวเชิงอาหารที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลก สำหรับเมืองใหญ่ที่มีประชากรกว่า 9 ล้านคนอย่างโตเกียวนั้น เพียง 15 ร้านเด็ดที่เราคัดสรรมาอาจเป็นเพียงตัวอย่างอันน้อยนิดจากบรรดาสุดยอดร้านอาหารทั้งหมดในโตเกียว 1. Japanese Soba Noodles Tsuta – ราเมงระดับมิชลินสตาร์ ถ้าอยากกินราเมงร้านดังอย่าง Japanese Soba Noodles Tsuta คงต้องวางแผนล่วงหน้ากันสักหน่อย เพราะต้องไปรอรับบัตรคิวตั้งแต่เช้าตรู่เพื่อจะได้กินราเมงในช่วงกลางวันและเย็น แต่รับรองว่าคุ้มค่าความพยายามแน่นอน ราเมงของที่นี่มีน้ำซุปรสกลมกล่อมเป็นเอกลักษณ์ และเส้นที่ลวกสุกกำลังดี ดึงดูดชาวญี่ปุ่นและนักท่องเที่ยวผู้หิวโหยให้มาชิมราเมงที่ร้านนี้อย่างแน่นขนัดทุกวัน Japanese Soba Noodles Tsuta ตั้งอยู่ที่ 1 Chome-14, Sugamo, Toshima, Tokyo 170-0002, Japan เดินทางไปที่ร้านได้โดยนั่งรถไฟใต้ดินสาย Yamanote Rail Line ลงที่สถานี Sugamo Station จากนั้นเดินต่ออีก 2 นาที หรือจะลงที่สถานี Sengoku Station และ Komagome Station แล้วเดินต่อก็ได้เช่นกัน [เมนูแนะนำ] ที่ Japanese Soba Noodles Tsuta มีเมนูราเมงให้เลือกอย่างหลากหลาย โดยลูกค้าจะต้องเลือกรายการอาหารจากตู้อัตโนมัติ จากนั้นร้านจะทำราเมงสดใหม่ให้ตามออเดอร์ ราเมงธรรมดาราคาประมาณ 1,600 เยน ซึ่งถูกเหลือเชื่อเมื่อเทียบกับการได้กินอาหารระดับมิชลินสตาร์ เข้าพักที่ Smile Hotel Sugamo แล้วออกไปเที่ยว สถานี Sugamo Station ค้นหาร้านอาหารที่ดีที่สุดในโตเกียวและ ที่พักราคาดีในซูงะโมะ (Sugamo) 2. Narisawa – ศิลปะการรับประทานอย่างสร้างสรรค์ Narisawa เป็นร้านอาหารยอดนิยมของเชฟชื่อดังอย่าง Yoshihiro Narisawa ที่นี่ให้ความสำคัญกับเรื่องนวัตกรรมอาหาร ความยั่งยืน และการสร้างขยะจากอาหารให้น้อยที่สุด อาหารของ Narisawa จะเสิร์ฟสไตล์โอมากาเสะ (หมายถึง “ให้เชฟจัดมาเลย”) โดยมีเมนูใหม่ทุกวัน ขึ้นอยู่กับเนื้อสัตว์ สมุนไพร และวัตถุดิบใหม่ๆ ที่ได้ในฤดูกาลต่าง และที่ร้านเปิดรับเฉพาะลูกค้าที่จองล่วงหน้ามาก่อนเท่านั้น Narisawa ตั้งอยู่ที่ 2-6-15 Minami Aoyama, Minato 107-0062, Tokyo Prefecture. เดินทางไปที่ร้านได้โดยนั่งรถไฟใต้ดินสาย Tokyo Metro Ginza Subway Line ลงที่สถานี Aoyama-Itchome Station จากนั้นเดินต่อีก 4 นาที หรือจะลงที่สถานีใกล้เคียงอย่างสถานี Gaiemmae Station ก็ได้ [เมนูแนะนำ] แม้ว่าเมนูที่ Narisawa จะเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด แต่ตอนจองร้านอาหารลูกค้าสามารถแจ้งล่วงหน้าได้ว่าต้องการอาหารประเภทไหน เมนูส่วนใหญ่ที่ลูกค้าชอบสั่งคืออาหารทะเลสด เนื้อย่าง และเครื่องเคียงที่เป็นผักรสชาติอร่อย ร้าน Narisawa นั้นเป็นห้องอาหารหรูมีระดับ เราขอแนะนำให้เตรียมค่าใช้จ่ายไว้ราวๆ 15,0000 – 20,000 เยน ต่อมื้อ เข้าพักที่ Tokyu Stay...
อ่านเพิ่มเติม
ชินจูกุ เป็นย่านที่เต็มไปด้วยสีสัน ที่นี่มีตึกสูงระฟ้ามากมายและเป็นพิกัดห้ามพลาดสำหรับคนที่มาโตเกียวเพื่อหาความสนุกสนาน กินอาหาร แล้วก็ช้อปปิ้ง ย่านชินจูกุ ตั้งอยู่ล้อมรอบสถานีรถไฟที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่นอย่าง Shinjuku Station ทำให้คนที่อยู่ในย่านนี้เดินทางไปทั่วทุกที่ในโตเกียวได้อย่างสะดวกสบาย ที่เที่ยวและแลนด์มาร์กสำคัญในชินจูกุ [อุทยานแห่งชาติชินจูกุเกียวเอน (Shinjuku Gyoen National Garden)] สวนสาธารณะแห่งนี้เคยเป็นที่พำนักของผู้ครองเมืองหรือไดเมียวสมัยเอโดะของญี่ปุ่น (ปี ค.ศ. 1603 – 1867) นอกจากที่นี่จะมีซากุระมากกว่า 1,000 ต้นแล้ว สวนชินจูกุเกียวเอน ยังมีสวนให้ชมถึง 3 แบบ คือ สวนอังกฤษ สวนฝรั่งเศสแบบสมมาตร และสวนญี่ปุ่นโบราณ สวนแห่งนี้อยู่ห่างจาก สถานี Shinjuku-gyoemmae (Exit 1) เพียงเดินแค่ 1 นาที และที่นี่เปิดให้เข้าชมในวันอังคารถึงวันอาทิตย์ เวลา 9.00 น. -16.30 น. [อาคารชินจูกุพาร์กทาวเวอร์ (Shinjuku Park Tower)] ที่นี่เป็นอาคารสูงที่สุดเป็นอันดับ 2 ของชินจูกุและเป็นที่เที่ยวยอดฮิตของย่านนี้ พื้นที่ส่วนใหญ่ภายในอาคารเป็นสำนักงาน แต่ชั้นล่างๆ ก็มีร้านอาหารและร้านค้าต่างๆ อยู่ด้วย นักท่องเที่ยวสามารถเข้า อาคารชินจูกุพาร์กทาวเวอร์ ได้โดยตรงจาก สถานี Shinjuku Station (South Exit) และอาคารแห่งนี้ยังเชื่อมต่อโรงแรมหรูอย่าง Park Hyatt Tokyo อีกด้วย อาคารชินจูกุพาร์กทาวเวอร์ เปิดบริการทุกวันตั้งแต่ 7.00 น. - 23.00 น. แต่เวลาเปิด-ปิดของร้านแต่ละประเภทอาจแตกต่างกัน [พิพิธภัณฑ์ซามูไร (Samurai Museum)] ที่พิพิธภัณฑ์เปิดใหม่แห่งนี้จัดแสดงคอลเล็กชั่นดาบ เสื้อเกราะ และสิ่งประดิษฐ์ต่างๆ ตั้งแต่ยุคคามะคุระ (Kamakura) จนถึงเอโดะ (Edo) ซึ่งเป็นช่วงที่วัฒนธรรมซามูไร (“วิถีแห่งนักรบ”) มีอิทธิพลต่อสังคมญี่ปุ่นอย่างมาก นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมสนุกๆ อย่างเช่นการถ่ายรูปในชุดเกราะเต็มยศหรือชมการแสดงประลองดาบของจริง พิพิธภัณฑ์ซามูไร ตั้งอยู่ห่างจาก สถานี Shinjuku Station (East Exit) โดยใช้เวลาเดินเพียง 10 นาที และเปิดให้เข้าชมตั้งแต่ 10.30 น. - 21.00 น. [โตเกียวโดม (Tokyo Dome)] ที่นี่เป็นสถานที่จัดแสดงงานบันเทิง คอนเสิร์ต และเกมกีฬาขนาดยักษ์ ตั้งอยู่ไม่ไกลจากย่านชินจูกุ แค่นั่งรถไฟเพียง 15 นาทีก็ถึงโตเกียวโดม ภายในโดมมีพิพิธภัณฑ์อวกาศแบบอินเตอร์แอคทีฟ หอเกียรติยศเบสบอล ลานเล่นโรลเลอร์สเก็ต ร้านค้า ร้านอาหาร และสวนสนุกกลางแจ้ง นอกจากนี้ยังมีสปาขนาดใหญ่ ซึ่งมีบริการบ่อน้ำร้อนในร่มและกลางแจ้ง แถมยังมีซาวน่าอีกด้วย สำหรับ Tokyo Dome City Attractions หรือสวนสนุกของ โตเกียวโดม นั้นเปิดให้เข้าฟรีทุกวัน แต่ต้องซื้อตั๋วเครื่องเล่นแต่ละชนิดและบริการสปาแยกต่างหาก Tokyo Dome City Attractions เปิดบริการทุกวันตั้งแต่ 10:00 น. - 21:00 น. และ 11:00...
อ่านเพิ่มเติม
โรงแรมในโตเกียวสะท้อนถึงตัวเมืองได้อย่างงดงาม โดยผสมผสานอย่างลงตัวระหว่างประเพณีวัฒนธรรมและนวัตกรรมล้ำสมัย สำหรับนักเดินทาง การมีโรงแรมระดับ 5 ดาวมากมายให้เลือกถือเป็นความท้าทายที่น่ายินดี โดยแต่ละแห่งต่างก็มอบความหรูหราที่ไม่มีใครเทียบได้ สถานประกอบการเหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียงสถานที่พักผ่อนเท่านั้น แต่ยังเป็นประสบการณ์ที่ดื่มด่ำและล้ำค่า ซึ่งออกแบบมาเพื่อตอบสนองทุกความต้องการของนักเดินทาง ลองจินตนาการถึงการได้ผ่อนคลายไปกับสปาบำบัดแบบครบวงจรอันเงียบสงบ ซึ่งผสมผสานเทคนิคแบบญี่ปุ่นโบราณเข้ากับแนวทางการดูแลสุขภาพสมัยใหม่ ลองนึกภาพว่ากำลังเพลิดเพลินกับผลงานอาหารอันวิจิตรบรรจงในร้านอาหารระดับมิชลินสตาร์ โดยเชฟผู้เชี่ยวชาญจะรังสรรค์วัตถุดิบตามฤดูกาลให้กลายเป็นงานศิลปะที่กินได้ นอกเหนือจากห้องชุดอันหรูหราและการบริการที่ไร้ที่ติ โรงแรมเหล่านี้ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกด้านธุรกิจ การประชุม และงานเลี้ยงที่ทันสมัย ตอบสนองความต้องการของผู้บริหารระดับโลกและผู้วางแผนงานอีเวนต์ การแสวงหาโรงแรมที่สมบูรณ์แบบในโตเกียวอาจมีตัวเลือกมากมายจนเลือกไม่ถูก แต่ก็คุ้มค่าที่จะสละเวลาค้นหาโรงแรมถูกใจดู ไม่ว่าคุณจะมองหาสถานที่พักผ่อนอันเงียบสงบท่ามกลางสวนเขียวชอุ่ม ทิวทัศน์เส้นขอบฟ้าของเมืองแบบพาโนรามาจากตึกระฟ้าสูงตระหง่าน หรือการผสมผสานอย่างลงตัวระหว่างสุนทรียศาสตร์ญี่ปุ่นดั้งเดิมและการออกแบบร่วมสมัย โรงแรมที่ดีที่สุดของโตเกียวจะมอบประสบการณ์ที่หลากหลายให้กับคุณ เราได้คัดสรรโรงแรมที่ดีที่สุด 13 แห่งในโตเกียวมาเพื่อช่วยในการตัดสินใจ โดยมอบคำแนะนำที่ครอบคลุมเกี่ยวกับที่พักที่ยอดเยี่ยมที่สุดในเมือง เพื่อให้แน่ใจว่าการเข้าพักของคุณจะเป็นประสบการณ์ที่น่าประทับใจ 1. Palace Hotel Tokyo ตั้งอยู่ห่างจากใจกลางเมืองเพียง 2 กิโลเมตร ผู้เข้าพักจึงเดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังของโตเกียวได้อย่างง่ายดาย ไม่ว่าจะเป็นพระราชวังโตเกียวอิมพีเรียล (Tokyo Imperial Palace) อาคารมารุโนอูจิ (Marunouchi Building) และ พิพิธภัณฑ์ศิลปะอิเดมิตสึ (Idemitsu Museum of Arts) สิ่งอำนวยความสะดวกภายในโรงแรมมีทั้งอ่างอาบน้ำร้อน ฟิตเนสเซ็นเตอร์ สระว่ายน้ำในร่ม ซาวน่าและสปา ภายในห้องพักที่ Palace Hotel Tokyo มีตู้เซฟสำหรับใช้ในห้อง นาฬิกาปลุก ทีวีจอแบน โต๊ะทำงาน ตู้เย็น และที่เป่าผม ส่วนบุฟเฟ่ต์อาหารเช้าสำหรับผู้เข้าพักก็มีให้บริการฟรีที่ชั้น Club สิ่งอำนวยความสะดวกและบริการต่างๆ ของโรงแรม Palace Hotel Tokyo อินเทอร์เน็ตไร้สายฟรี ร้านกาแฟ ฟิตเนสเซ็นเตอร์ ซาวน่า ห้องอบไอน้ำ สระว่ายน้ำในร่ม อ่างแช่น้ำร้อน ห้องอาหาร การบริการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ร้านของขวัญ คิดส์คลับ บริการพี่เลี้ยงเด็ก บริการเช่าจักรยาน เข้าพักที่ โรงแรมพาเลซ โตเกียว แล้วออกไปเที่ยว พระราชวังโตเกียวอิมพีเรียล ค้นหาและจองโรงแรมในโตเกียว 2. Imperial Hotel Tokyo โรงแรม Imperial Tokyo สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1890 ใกล้กับพระราชวังอิมพีเรียลโตเกียว โรงแรมแห่งนี้เป็นที่ชื่นชอบของราชวงศ์ คนดัง และประมุขของรัฐ โดยมีสิ่งอำนวยความสะดวกทางธุรกิจที่หลากหลาย บริการจัดเลี้ยง และห้องประชุมอันทันสมัย แม้ว่าโรงแรม Imperial Hotel Tokyo จะได้รับการปรับปรุงใหม่ครั้งใหญ่ แต่ก็ยังคงรักษาความยิ่งใหญ่อลังการแบบเก่าแก่เอาไว้ได้ ซึ่งเห็นได้ชัดเจนจากการออกแบบอาคารที่ได้รับแรงบันดาลใจจากแฟรงก์ ลอยด์ ไรต์ ห้องพักจำนวน 931 ห้องของโรงแรมแบ่งเป็นอาคารหลักและอาคารทาวเวอร์ 31 ชั้น ห้องพักแต่ละห้องมีทีวีจอแบน เครื่องชงกาแฟ น้ำขวดฟรี อินเทอร์เน็ตไร้สายฟรี ตู้เซฟในห้อง และไดร์เป่าผม โรงแรม Imperial Hotel Tokyo ตั้งอยู่ไม่ไกลห่างจาก สถานี Hibiya และ สถานี Uchisaiwaicho สิ่งอำนวยความสะดวกและบริการต่างๆ ของโรงแรม Imperial Hotel Tokyo อินเทอร์เน็ตไร้สายฟรี สระว่ายน้ำในร่ม ฟิตเนสเซ็นเตอร์ ห้องอาหาร ร้านค้า คิดส์คลับ บริการพี่เลี้ยงเด็ก...
อ่านเพิ่มเติม
สุดยอดโรงแรมหรู 7 แห่งนี้ตั้งอยู่ใจกลางย่านสำคัญของโอซาก้า ไม่ว่าจะออกไปทำงานหรือพักผ่อนก็สะดวกสบาย เพราะแต่ละแห่งมีทั้งสปาส่วนตัว ข้อเสนอพิเศษสำหรับสมาชิก และยังเดินทางไปที่เที่ยวชื่อดังในโอซาก้าได้อย่างง่ายดายอีกด้วย 1. Hotel Hankyu International ที่โรงแรมนี้ ผู้เข้าพักจะได้ผ่อนคลายความอ่อนล้าในห้องพักหรูพร้อมวิวงดงามของขอบฟ้า ย่านอุเมะดะ (Umeda) โรงแรม Hotel Hankyu International ตกแต่งสไตล์คฤหาสน์ยุโรป มีอ่างอาบน้ำภายในห้องพัก แถมบริเวณโรงแรมยังมีพื้นที่จัดเลี้ยงและร้านอาหารอร่อยให้เลือกรับประทาน ที่เที่ยวใกล้ที่พักที่สามารถเดินไปได้ ตึกอูเมะดะสกาย (Umeda Sky Building) ศูนย์การค้าแกรนด์ฟรอนต์ (Grand Front Osaka) โยโดบาชิคาเมร่า มัลติมีเดียอุเมดะ (Yodobashi Camera Multimedia Umeda) ห้างสรรพสินค้า HEP FIVE shopping center ชิงช้าสวรรค์ HEP FIVE ตึก Applause Tower ศูนย์การค้า NU Chayamachi shopping mall การเดินทาง จาก สถานี Umeda เดินเพียง 7 นาทีก็ถึง โรงแรม Hotel Hankyu International 2. Candeo Hotels Osaka Namba ผู้เข้าพักที่ Candeo Hotels Osaka Namba จะได้ชมวิวมุมสูงของ ย่านชินไซบาชิ (Shinsaibashi) อย่างเพลิดเพลินในระหว่างแช่ตัวในสระอวลไอน้ำ ที่สกายสปา (Skyspa) ของโรงแรมมีสระแช่ตัวแยกหญิง-ชาย ทั้งเอาท์ดอร์และอินดอร์ ฝั่งของผู้ชายเชื่อมกับห้องซาวน่าแบบแห้ง ส่วนฝั่งของผู้หญิงติดกับสปาไอน้ำแสนผ่อนคลายที่จะช่วยขับผิวให้เปล่งปลั่ง ที่เที่ยวใกล้ที่พักที่สามารถเดินไปได้ ย่านโดทงโบริ (Dotombori) ถนนช้อปปิ้งชินไซบาชิ (Shinsaibashi Shopping Street) ห้าง Daimaru Shinsaibashi โรงละคร Shochikuza นัมบะ ฮิปส์ (Namba HIPS) วัดโฮเซนจิ (Hozenji Temple) การเดินทาง จาก สถานี Nippombashi และ สถานี Nagahoribashi เดินเพียง 5 นาทีก็ถึง โรงแรม Candeo Hotels Osaka Namba. 3. Swissotel Nankai Osaka Hotel ผ่อนคลายสบายตัวให้เต็มที่ที่ Purovel Spa & Sport ของโรงแรม Swissotel Nankai Osaka Hotel ซึ่งสร้างมาเพื่อรองรับไลฟ์สไตล์ของคนรักสุขภาพโดยเฉพาะ พื้นที่บนชั้น 11 ของโรงแรมแห่งนี้มียิม ซาวน่า อ่างอาบน้ำวน ออนเซ็นแบบญี่ปุ่น สระว่ายน้ำในร่ม ห้องนวดและบริการทรีตเม้นท์ส่วนตัว ส่วนในห้องพักมีสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างสมาร์ทโฟน “พกพา” ซึ่งผู้เข้าพักสามารถใช้โทรและเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ตลอดการเข้าพัก นอกจากนี้ยังมีเครื่องชงเนสเปรสโซ่ รวมถึงโต๊ะกว้างๆ สำหรับผู้เข้าพักที่เดินทางมาเพื่อทำงาน ที่เที่ยวใกล้ที่พักที่สามารถเดินไปได้ สวนนัมบะพาร์ค...
อ่านเพิ่มเติม
โรงแรมที่เหมาะสำหรับการเข้าพักเป็นครอบครัวเหล่านี้ตั้งอยู่ใกล้กับสุดยอดที่เที่ยวอันโด่งดังของ โอซาก้า หากได้ไปเที่ยวโอซาก้าก็ลองเลือกพักในโรงแรมห้องกว้างขวางที่เด็กๆ จะต้องชื่นชอบและสนุกสนานไปกับสิ่งอำนวยความสะดวกและที่เที่ยวใกล้ๆ รับรองว่าวันหยุดครั้งนี้จะไม่เหนื่อยยากวุ่นวาย แถมยังสนุกสุดมันกันได้เต็มๆ 1. Hotel Universal Port ที่โรงแรม Hotel Universal Port มีทั้งอาหารและสิ่งอำนวยความสะดวกที่คิดและออกแบบมาเพื่อเด็กๆ โดยเฉพาะ ที่นี่เป็นโรงแรมที่ครอบครัวเลือกพักเป็นอันดับต้นๆ ใน โอซาก้า เด็กๆ สามารถเล่นสนุกปลอดภัยได้ในห้องเด็กเล่น แถมโรงแรม Hotel Universal Port ยังอยู่ใกล้กับ Universal Studios Japan มากเพราะโรงแรมนี้เป็นโรงแรมในเครือเดียวกับ USJ ผู้เข้าพักก็สามารถไปช้อปปิ้ง ซื้อบัตรเข้า USJ และแลกเงินได้อย่างสะดวกสบาย ที่เที่ยวใกล้ที่พัก สวนสนุก Universal Studios Japan พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำไคยูกัง (Osaka Aquarium Kaiyukan) ตลาดเท็มโปซาน (Tempozan Market Place) สวนสาธารณะเท็มโปซาน (Tempozan Park) ชิงช้าสวรรค์เท็มโปซาน (Tempozan Giant Ferris Wheel) หมู่บ้านเท็มโพซานฮาร์บอร์ (Tempozan Harbor Village) ร้านขายของที่ระลึก Little Osaka Universal CityWalk Osaka การเดินทาง จาก สถานี Universal-City เดินเพียง 5 นาทีก็ถึง โรงแรม Hotel Universal Port 2. Hotel Universal Port Vita Hotel Universal Port Vita มีเส้นทางตัดตรงเข้าสู่ Universal Studios Japan และที่นี่ยังมีเคาน์เตอร์ขายบัตรในโรงแรมเพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้เข้าพัก ไม่ต้องไปต่รออคิวซื้อบัตรเข้า USJ เลยล่ะ ครอบครัวที่มาพักผ่อนในโรงแรมนี้จะได้พักผ่อนในห้องกว้างขวาง แต่ละห้องตกแต่งด้วยธีมสนุกๆ เพียบพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวัน นอกจากนี้ทางโรงแรมยังมีห้องสำหรับเด็กอ่อนซึ่งมาพร้อมที่เปลี่ยนผ้าอ้อม และเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญที่เปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง ที่เที่ยวใกล้ที่พัก สวนสนุก Universal Studios Japan พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำไคยูกัง (Osaka Aquarium Kaiyukan) ท่าเรือข้ามฝากเท็มโปซาน (Tempozan Ferry) สวนสาธารณะเท็มโปซาน (Tempozan Park) ชิงช้าสวรรค์เท็มโปซาน (Tempozan Giant Ferris Wheel) ตลาดเท็มโปซาน (Tempozan Market Place) พิพิธภัณฑ์ Osaka Culturarium Tempozan โรงแรมดับเบิลยูบีเอฟ นัมบะ เอะบิซุ (Hotel WBF Namba Ebisu) การเดินทาง จาก สถานี Universal-City เดินเพียง 5 นาทีก็ถึง โรงแรม Hotel Universal Port Vita 3. Hotel...
อ่านเพิ่มเติม
ลองไปเที่ยวเดย์ทริปไปเช้าเย็นกลับจากโอซาก้าดูสิ มีที่เที่ยวมากมายทั้งปราสาทเก่าแก่ น้ำพุร้อนธรรมชาติ และภูเขาเงียบสงบงดงามให้เที่ยวตั้งเยอะ
อ่านเพิ่มเติม
เที่ยวโตเกียวช่วงไหนดี? เอาจริงๆ โตเกียว เป็นเป็นเมืองที่เที่ยวได้ตลอดทั้งปี เพราะมีเทศกาลอันเป็นเอกลักษณ์และธรรมชาติตามฤดูกาลให้ชมไม่เว้นช่วง เวลาที่เหมาะกับการเที่ยว โตเกียว มากที่สุดนั้นขึ้นอยู่กับว่าเราอยากเดินทางไปทำอะไรมากกว่า เช่น อยากชมซากุระบานสะพรั่งใน สวนอุเอโนะ (Ueno Park) หรือชมแสงไฟงดงามของเทศกาลวันหยุดปลายปีที่ โตเกียวมิดทาวน์ (Tokyo Midtown) ถ้าใครเตรียมวางแผนเดินทางไป โตเกียว อยู่ ลองมาดูกันว่ามีอีเวนต์และกิจกรรมอะไรน่าสนใจในช่วงไหนบ้าง 1. ปลายเดือนมีนาคม/ต้นเดือนเมษายน ฤดูซากุระแห่งโตเกียว ความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติที่โด่งดังที่สุดของญี่ปุ่นคงหนีไม่พ้นฤดูกาลของดอกซากุระ ซึ่งจะบานสะพรั่งเป็นสัญลักษณ์บ่งบอกว่าอากาศอบอุ่นกำลังมาเยือน ดอกซากุระคือตัวแทนของความงาม ความมีชีวิตชีวา และการเริ่มต้นใหม่ เป็นองค์ประกอบสำคัญที่สอดแทรกอยู่ในศิลปะและดนตรีของญี่ปุ่นมานานหลายศตวรรษ ในช่วงสั้นๆ ของฤดูใบไม้ผลิ บริเวณสวนสาธารณะ สวนหย่อม วัดและศาลเจ้ามากมายใน โตเกียว จะเปลี่ยนเป็นสีชมพูอ่อนหวานหลายเฉด ดอกซากุระมักบานเต็มที่ในช่วงหนึ่งสัปดาห์หลังจากเริ่มผลิบาน และส่วนมากจะโรยจากต้นในหนึ่งสัปดาห์หลังจากนั้น ฤดูซากุระบานใน โตเกียว ส่วนมากเริ่มในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของเดือนมีนาคมหรือสัปดาห์แรกของเดือนเมษายน และยังเป็นช่วงที่ โตเกียว มีอากาศเย็นสบายกำลังดี พอดอกซากุระบาน คนญี่ปุ่นและนักท่องเที่ยวจะพร้อมใจกันออกมาทำกิจกรรมที่เรียกว่า “ฮานามิ (hanami)” ซึ่งมีหมายความว่าการ “ชมดอกไม้” นี่คือช่วงเวลาที่คนจะเลิกเก็บตัวอยู่บ้านเพื่อหนีหนาว และออกมาเดินเล่นข้างนอก หรือปิกนิกใต้ต้นซากุระกัน แม้แต่ถนนช้อปปิ้งอันวุ่นวายใน โตเกียว ก็ยังเปลี่ยนเป็นสีชมพูเมื่อพ่อค้าแม่ค้าต่างหันมาขายของต่างๆ เกี่ยวกับซากุระ ทั้งขนมรสซากุระ หรือกระจุกกระจิกต่างๆ ลายซากุระ สถานที่โด่งดังที่คนนิยมไปชมซากุระมากที่สุดใน โตเกียว คือ สวนอุเอโนะ ซึ่งมีซากุระกว่า 1,000 ต้น พอตกค่ำไฟประดับต้นซากุระจะสว่างไสวเพื่อให้ชมดอกไม้ในยามค่ำคืนได้ด้วย สวนชินจูกุเงียวเอน (Shinjuku Gyoen Park) เป็นอีกจุดที่เหมาะจะชมซากุระอันงดงาม และเดินจากสถานี Shinjuku Station ไปแค่ 10 นาที ที่นี่มีทั้งซากุระที่บานเร็วและบานช้าให้เลือกไปได้ตามเวลาที่สะดวก ส่วนที่อื่นๆ ใน โตเกียว ที่คนนิยมไปชมดอกไม้กันก็คือ สวนอาสุกะยามะ (Asukayama Park) สวนสุมิดะ (Sumida Park) และ สวนอาริสุกาวะ (Arisugawa Park) เข้าพักที่ มิตซุย การ์เด้น โฮเต็ล อุเอโนะ แล้วออกไปเที่ยว สวนอุเอโนะ ค้นหาที่พักราคาดีที่สุดใกล้ สวนอาสุกะยามะ 2. เดือนพฤษภาคมหรือมิถุนายน เที่ยวเทศกาลคันดะ มัตสึริ หรือ ซันโน มัตสึริ คันดะ มัตสึริ (Kanda Matsuri) และ ซันโน มัตสึริ (Sanno Matsuri) เป็นเทศกาลของลัทธิชินโตที่สำคัญและโด่งดังที่สุดใน โตเกียว โดยสองเทศกาลนี้จะจัดสลับกันปีเว้นปี คันดะ มัตสึริ จะจัดขึ้นในเดือนพฤษภาคม เฉพาะปีที่เป็นเลขคี่ ส่วนซันโน มัตสึริ จะจัดขึ้นกลางเดือนมิถุนายน เฉพาะในปีที่เป็นเลขคู่ ทั้งสองเทศกาลมีมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 17 ในสมัยเอโดะ (Edo Period) โดยแต่ดั้งเดิมเป็นการเฉลิมฉลองทางการเมืองการปกครอง สัปดาห์ที่มีการจัดงานเทศกาล คือช่วงที่เหมาะไปเยือน โตเกียว มากที่สุดหากอยากสัมผัสวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์อันรุ่งโรจน์ของเมืองหลวงญี่ปุ่น คันดะ มัตสึริ จัดขึ้นครั้งแรกเพื่อฉลองชัยชนะทางทหารของโทกูงาวะ อิเอยาซุ (Tokugawa Ieyasu) โชกุนคนแรกของรัฐบาลโชกุนโทกูงาวะของญี่ปุ่น และยังคงจัดต่อเนื่องเรื่อยมา เพื่อแสดงแสนยานุภาพของการปกครองระบอบโชกุน...
อ่านเพิ่มเติม
โตเกียว เป็นเมืองใหญ่ที่มีประชากรหนาแน่นมากที่สุดในโลก จึงไม่น่าแปลกที่นักท่องเที่ยวจะเจอแหล่งช้อปฯ มากมายทั่วทุกแห่ง ทั้งห้างสรรพสินค้า ตลาด และย่านช้อปปิ้ง เอาเป็นว่าจะช้อปที่ไหนใน โตเกียว สิ่งสำคัญอย่างแรกเลยคือ ต้องตัดสินใจก่อนว่าอยากซื้ออะไร แนะนำการช้อปในโตเกียว ถ้าจะดูสินค้าแฟชั่นรุ่นล่ามาแรงหรือเดินห้างต้องไป ชิบูย่า (Shibuya) หรือ ชินจูกุ (Shinjuku) แต่ถ้าอยากหาอุปกรณ์เทคโนโลยีหรือสินค้าจำพวกอะนิเมะ ให้ล็อกเป้าไปที่ อากิฮาบาระ (Akihabara) ได้เลย เหล่าแฟชั่นนิสต้ามีตัวเลือก 2 ที่ คือ ฮาราจูกุ สำหรับเสื้อผ้าแนวสตรีททันสมัย และ กินซ่า (Ginza) สำหรับเสื้อผ้าแบรนด์เนมหรู ส่วนนักช้อป ที่ชอบไล่ล่าหาของสุดคุ้มหรือเพชรในตม ต้องไป ชิโมคิตะซาวะ (Shimokitazawa) ย่านขายเสื้อผ้ามือสองและเสื้อผ้าวินเทจสำหรับคนแนวๆ ถ้าอยากหลบหนีความวุ่นวายจากย่านพลุกพล่านในเมือง จัดโปรแกรมไปช้อปที่ ไดคังยามะ (Daikanyama) กับ นากาเมงุโระ (Nakameguro) จะได้เดินเล่นริมแม่น้ำเมงุโระ (Meguro River) ระหว่างแวะช้อปฯ ตามร้านบูติกด้วย นักท่องเที่ยวที่อยากรวบโปรแกรมท่องเที่ยวกับโปรแกรมช้อปปิ้งในโตเกียวเข้าด้วยกันอาจแพลนไป อาซากุสะ ซึ่งจะได้เที่ยว วัดเซนโซจิ (Sensoji Temple) ก่อน แล้วค่อยไปช้อปฯ หรือจะสลับกันก็ได้ ส่วนใครอยากหาของฝากก่อนกลับบ้านแนะนำไป นิฮงบาชิ (Nihonbashi) ย่านที่ขึ้นชื่อเรื่องงานฝีมือสไตล์ญี่ปุ่นและอาหารอร่อย ช้อปปิ้งในโตเกียว | ชิบูย่า นอกจาก ชิบูย่า จะเป็นที่ตั้งของสถานีรถไฟ 2 แห่งที่พลุกพล่านมากที่สุดในโลกแล้ว ยังเป็นศูนย์รวมแฟชั่นสำคัญแห่งหนึ่งของญี่ปุ่นด้วย ร้านค้าในย่านนี้คึกคักมีสีสันโดนใจลูกค้าวัยรุ่น แค่ 100 กว่าร้านในห้าง Shibuya 109 ก็มีของสารพัดให้เลือกซื้อแทบไม่ไหว อีกห้างที่น่าไปคือ Shibuya Hikarie ซึ่งแต่ละชั้นจะมีธีมของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร ร้านบูติกขายสินค้าหลายประเภท ตั้งแต่เสื้อผ้าไปจนถึงของแต่งบ้าน ถ้าอยากหาอะไรกินหรืออยากไปเดินร้านเล็กๆ บ้าง ตรงไปนี่เลย Spain-zaka Slope ถนนคนเดินที่มีร้านอาหารและร้านบูติกเพียบ ระหว่างซอกแซกอยู่ใน ชิบูย่า ต้องไม่พลาดไปห้าแยกชิบูย่าหรือ “Scramble Crossing” ตรง สถานีชิบูย่า เวลาที่ไฟจราจรเป็นสีแดงพร้อมกันและคนเดินถนนพร้อมใจกับข้ามทางแยกนี้ตัดกับฉึบฉับดูน่าทึ่งมาก 6 ร้านห้ามพลาดในชิบูย่า UNIQLO – เสื้อผ้าแบรนด์ญี่ปุ่นยอดนิยม Shibuya MODI – ช้อปปิ้งคอมเพล็กซ์ 10 ชั้น Shibuya OIOI – ดีพาร์ทเม้นท์สโตร์แบบมีสาขา Bershka – แฟชั่นอัพเดทล่าสุด Postalco – เครื่องเขียน Mega Don Quijote – ร้านค้าปลีกแบบมีสาขา เป็นร้านใหญ่ขายของถูกที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในญี่ปุ่น เข้าพักที่ ชิบูย่า แกรนเบลล์ โฮเต็ล แล้วออกไปเที่ยว ชิบูย่า ช้อปปิ้งในโตเกียว | ไดคังยามะ และนากาเมงุโระ ถ้าอยากไปช้อปปิ้งแบบสบายๆ ในย่านที่วุ่นวายน้อยหน่อย ไปแถว ไดคังยามะ และ นากาเมงุโระ ที่สงบเงียบและเป็นย่านต่างชาติดูไหมล่ะ ย่านใกล้ๆ นี้มีบูติกหรู ร้านกาแฟเก๋ๆ และร้านหนังสือสุดฮิปหลายร้านเลย ไดคังยามะ...
อ่านเพิ่มเติม
การเดินทางในโตเกียวเป็นการผจญภัยที่เต็มไปด้วยความแตกต่างอันน่าตื่นตาตื่นใจ ตึกระฟ้าสุดล้ำสมัยตั้งอยู่เคียงข้างวัดเก่าแก่ และย่านการค้าที่พลุกพล่านเปลี่ยนทางไปสู่สวนอันเงียบสงบ ระบบขนส่งสาธารณะที่มีประสิทธิภาพของเมืองทำให้การสำรวจเมืองเป็นเรื่องง่าย ไม่ว่าคุณจะเดินทางระหว่างย่านที่มีชีวิตชีวา เยี่ยมชมสถานที่สำคัญที่มีชื่อเสียงระดับโลก หรือค้นพบอัญมณีที่ซ่อนอยู่ มีสิ่งที่ตอบโจทย์ทุกคน ตั้งแต่ประสบการณ์ด้านเทคโนโลยีขั้นสูงไปจนถึงประเพณีวัฒนธรรมอันหลากหลาย ด้วยสิ่งที่น่าดูและทำมากมาย การมาเยือนโตเกียวแต่ละครั้งจึงมอบประสบการณ์ใหม่และน่าจดจำให้กับคุณ คุณอาจไม่สามารถเที่ยวให้ครบทุกที่ในทริปเดียว แต่หากคุณวางแผนสักนิด คุณก็สามารถสร้างแผนการเดินทางในโตเกียว 3 หรือ 5 วันได้ ซึ่งรับรองว่าจะตอบโจทย์ความฝันในการเที่ยวชมของคุณได้อย่างแน่นอน เนื่องจากโตเกียวเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวแห่งหนึ่งของโลก จึงมีสถานที่ท่องเที่ยวอันน่าทึ่งมากมายไม่ขาดสาย! กำหนดการเดินทาง 3 วันในโตเกียว ด้วยเวลาเพียงสามวันอันสั้นในการเที่ยวชมโตเกียวเป็นครั้งแรก คุณคงอยากจะเที่ยวชมสถานที่ท่องเที่ยวที่ดีที่สุดของเมืองให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แม้ว่าการชมแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของเมืองจะเป็นสิ่งสำคัญ แต่คุณควรจัดสรรเวลาสำหรับช้อปปิ้งและกิจกรรมยามค่ำคืนในแผนการเดินทาง 3 วันของคุณด้วย วันที่ 1 - ตอนเช้า สัมผัสประสบการณ์พระราชวังหลวง หลังจากรับประทานอาหารเช้าแสนอร่อยที่โรงแรมของคุณแล้ว เริ่มต้นการเดินทาง 3 วันของคุณไปยังโตเกียวด้วยการเยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาดแห่งหนึ่งของเมือง พระราชวังหลวง - พระราชวังแห่งนี้ตั้งอยู่บนพื้นที่เดิมของปราสาทเอโดะที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ และเป็นที่ประทับของราชวงศ์ญี่ปุ่นในปัจจุบัน มีสองพื้นที่หลักที่ต้องสำรวจ: พระราชวังหลวง : สามารถเข้าชมบริเวณชั้นในของพระราชวังได้เฉพาะกับเจ้าหน้าที่จากสำนักพระราชวังเท่านั้น ทัวร์มีให้บริการเป็นภาษาอังกฤษและภาษาญี่ปุ่นเกือบทุกวันของปี (ปิดวันอาทิตย์ วันจันทร์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์) และสามารถจองได้ล่วงหน้าหนึ่งสัปดาห์ การจองทัวร์จะทำให้คุณได้ชมสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์อย่างใกล้ชิด และทราบภาพรวมเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของพระราชวังอย่างละเอียด ทัวร์ช่วงเช้าเริ่มเวลา 10.00 น. ใช้เวลา 75 นาที สวนตะวันออก: สวนเปิดให้สาธารณชนเข้าชมโดยไม่ต้องมีไกด์นำเที่ยว (ยกเว้นวันจันทร์ วันศุกร์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์) และสามารถสำรวจได้ตามจังหวะของตนเอง วางแผนที่จะใช้เวลาอย่างน้อยสองสามชั่วโมงที่นี่เพื่อสำรวจสวนเพื่อชมภูมิทัศน์ที่งดงามและต้นไม้และดอกไม้พื้นเมืองที่น่าทึ่ง เข้าพักที่ มิตซุย การ์เดน โฮเต็ล นิฮมบะชิ พรีเมียร์ แล้วออกไปเที่ยว พระราชวังอิมพีเรียล วันที่ 1 - บ่าย ไปช้อปปิ้งที่กินซ่า เมื่อคุณสำรวจ East Gardens เสร็จแล้ว ให้ออกทางประตู Otemon แล้วเดินต่อประมาณ 2 นาทีเพื่อ สถานีโอเทมาจิ - จากนั้นนั่งรถไฟใต้ดินสาย Marunouchi ไปต่อ สถานีกินซ่า - กินซ่า เป็นที่รู้จักในฐานะย่านช้อปปิ้งชั้นนำของโตเกียว และเต็มไปด้วยห้างสรรพสินค้าหรูหรา บูติกที่ไม่เหมือนใคร และร้านกาแฟและร้านอาหารยอดนิยมมากมาย มุ่งหน้าไปยังศูนย์การค้าหลักแห่งหนึ่งของเขต เช่น กินซ่าซิกซ์ โตคิวพลาซ่ากินซ่า หรือ กินซ่า มิซึโคชิ ที่จะใช้เวลาช่วงบ่ายอย่างสบายๆ กับการช็อปปิ้ง ทานอาหาร และเที่ยวชมกินซ่า เข้าพักที่ ไดวะ รอยเน็ท โฮเต็ล กินซา แล้วออกไปเที่ยว Ginza Six วันที่ 1 - ตอนเย็น ปล่อยตัวปล่อยใจที่รปปงงิ ทริปไปโตเกียวจะไม่สมบูรณ์หากไม่ได้สัมผัสกับชีวิตยามค่ำคืนอันเลื่องชื่อของเมืองนี้ เริ่มต้นคืนแรกของคุณในโตเกียวด้วยการใช้รถไฟใต้ดินสายฮิบิยะเพื่อเดินทางจาก สถานีฮิงาชิ-กินซ่า ถึง สถานีรปปงงิ - การ เขตรปปงงิ เป็นสถานบันเทิงยามค่ำคืนที่ได้รับความนิยมที่สุดแห่งหนึ่งของเมือง เต็มไปด้วยตั้งแต่อิซากายะ (ผับแบบญี่ปุ่น) แบบสบายๆ ไปจนถึงไนท์คลับที่พลุกพล่านและเสียงดัง สำรวจบาร์และคลับที่ดีที่สุดบางแห่งในเขตนี้ เช่น Geronimo Shot Bar ซึ่งเป็นบาร์สไตล์ตะวันตก Odeon Tokyo ซึ่งเป็นคลับเต้นรำตลอดคืน และ Sonidos Bar...
อ่านเพิ่มเติม
อาหารญี่ปุ่นในแต่ละภูมิภาคมีรสชาติแตกต่างกันไป แต่คนญี่ปุ่นไม่ว่าจะอยู่ส่วนไหนก็มีอาหารโปรดบางอย่างเหมือนกัน และจานเด็ดทั้งหมดล้วนอยู่ในโตเกียว ที่ที่ชื่อว่าเป็นเมืองหลวงแห่งอาหารโลก จะเป็นซูชิปั้นสดใหม่หรือว่าสาเกหมักเองรสชาติดีก็ขอแค่บอกมา เกร็ดน่ารู้: ถ้าว่าด้วยเรื่องสถิติโลกญี่ปุ่นเขาก็ไม่แพ้ชาติใดเหมือนกัน สำหรับเรื่องของกิน ที่ญี่ปุ่นก็มีตลาด Tsukiji Market ตลาดขายส่งปลาที่ใหญ่ที่สุดในโลก และ Meiji Jingu Stadium ที่นี่เคยเป็นสถานที่ที่มีการดื่มเบียร์พร้อมกันมากที่สุด แถมโตเกียวยังมีร้านอาหารระดับมิชลินสตาร์มากที่สุดอีกด้วย ร้านดังๆ ในโตเกียวได้มิชลินสตาร์เยอะกว่าร้านอาหารในปารีสกับนิวยอร์กรวมกันเสียอีก ส่วนร้านตัวท็อปของวงการอาหารอย่าง Usuki Fugu Yamadaya และ Sukiyabashi Jiro นั้นได้มิชลินสตาร์สามดวงหลายปีซ้อนเลยล่ะ 1. ซูชิ (SUSHI) ซูชิทำจากข้าวปรุงรสด้วย “น้ำส้มสายชู” หรือว่าข้าวซูชิ โปะๆ ม้วนๆ ด้วยเนื้อสัตว์หรือผักอะไรต่ออะไรก็ว่ากันไป สำหรับมือใหม่หัดกินอาจกลัวๆ กล้าๆ สักหน่อย วิธีที่ง่ายที่สุดในการเลือกกินซูชิก็คือชี้ชิ้นที่ดูกินได้ไว้ก่อน แต่ถ้ามุ่งมั่นจะกินอย่างโปรเลย ก็ลองเริ่มต้นจากซูชิเหล่านี้ดู: มากิซูชิ (Makizushi - โรลสาหร่าย): มากิซูชิเป็นซูชิโรลเบสิกๆ อาจห่อด้วยไข่เจียวแผ่นบาง แผ่นถั่วเหลือง แตงกวา หรือสาหร่าย ภายในข้าวหมักหรือข้าวปรุงรสจะยัดไว้อะไรก็ได้ อาจเป็นปู เนื้อริบอาย ไชเท้าดอง หรือรากบัว ส่วนฟูโตมากิ (Futomaki) คือโรลสาหร่ายไซส์ “ใหญ่พิเศษ” นิกิริซูชิ (Nigirizushi): นิกิริคล้ายๆ กับซาชิมิ คือทั้งสองอย่างมีส่วนประกอบของปลาดิบสไลด์ แต่นิกิริจะโปะมาบนข้าวปั้น ส่วนซาชิมิเสิร์ฟโดยไม่มีข้าวหรือมีข้าวขาววางเคียงมา อินาริซูชิ (Inari-zushi): ข้าวซูชิห่อด้วยเต้าหู้ทอด ชิราชิซูชิ (Chirashizushi): ในภาษาญี่ปุ่นแปลว่า “ซูชิแบบกระจัดกระจาย” ตามหน้าตาที่เป็นข้าวหน้าปลาดิบหรือข้าวซูชิใส่จาน ท็อปด้วยวัตถุดิบทำซูชิทั่วไปอย่างเช่น กุ้ง เห็ด ไข่เจียวซอย และหน่อไม้ ร้านซูชิเจ้าเด็ดในโตเกียว: Tsukiji Market: 5 Chome-2-1 Tsukiji, Chūō, near Tsukiji Station Sushi Saito: ARK Hills South Tower, 1 Chome – 4-5 Roppongi, Minato, near Roppongi-Itchome Station. Hatsune Sushi: 5 Chome-20-2 Nishikamata, Ōta, near Kamata Station Sugita: View Heights Nihonbashi, 1 Chome-33-6, Nihonbashi Kakigara-cho, Chūō เข้าพักที่ โรงแรมมัสเซะ กินซา เมเตตสึ แล้วออกไปเที่ยวที่ ตลาด Tsukiji Fish Market ค้นหาที่พักราคาดีที่สุดใกล้ สถานีรถไฟนิฮอนบาชิ 2. ราเมง (RAMEN) ราเมงในที่นี้ไม่ได้หมายถึงบะหมี่ห่อ เรากำลังพูดถึงอาหารกินง่ายยอดนิยมที่ซู้ด (ขอประดิษฐ์คำนี้ขึ้นมาเองเพราะดูเหมาะสุดๆ) ร้านราเมงส่วนใหญ่จะมีน้ำซุปคตเทริ (kotteri - แบบข้น) หรืออัซซาริ (assari - แบบใส) 4...
อ่านเพิ่มเติม
โอไดบะ (Odaiba) ทางตอนใต้ของโตเกียวเป็นเกาะที่สร้างโดยมนุษย์ในบริเวณอ่าวโตเกียว (Tokyo Bay) แรกเริ่มเกาะนี้สร้างขึ้นเพื่อป้องกันเมืองจากการโจมตีทางน้ำในช่วงยุคเอโดะ (ค.ศ.1603-1867) ส่วนทุกวันนี้กลายเป็นย่านคึกคักใกล้เมืองที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจำนวนมหาศาล ด้วยบรรยากาศทันสมัยริมทะเล เห็นวิวเมืองโตเกียวที่งดงาม และยังเต็มไปด้วยแหล่งช้อปปิ้งขนาดใหญ่ สวนสนุก พิพิธภัณฑ์ แหล่งบันเทิง และแลนด์มาร์กชื่อดังอย่างรูปปั้นกันดั้มขนาดยักษ์ หรือสะพานสายรุ้ง (Rainbow Bridge) ถือเป็นจุดหมายยอดฮิตที่เหมาะทั้งสำหรับครอบครัว คู่รัก และนักท่องเที่ยวสายถ่ายรูปที่อยากสัมผัสโตเกียวในมุมโมเดิร์นแบบมีสไตล์ แลนด์มาร์กและที่เที่ยวในโอไดบะ โอไดบะมารีนพาร์ก (Odaiba Marine Park): ที่เที่ยวริมอ่าวโตเกียวที่ผู้คนนิยมมาเล่นวินด์เซิร์ฟและพักผ่อนริมน้ำ หากใครได้มาเยือนโอไดบะมารีนพาร์ก ก็จะได้เห็นวิว สะพานเรนโบว์ (Rainbow Bridge) ที่สวยที่สุด สะพานนี้เป็นสะพานที่เชื่อมเกาะโอไดบะกับโตเกียวแผ่นดินใหญ่ หากเดินเล่นไปตามทางเดินที่ขนาบกับสะพานก็จะได้เห็นสะพานในมุมใกล้ๆ หรืออาจลองขึ้นวอเตอร์บัสเพื่อชมวิวสะพานที่มีฉากหลังเป็นขอบฟ้าของโตเกียวก็สวยไม่แพ้กัน เทพีเสรีภาพแห่งโอไดบะ (Odaiba Statue of Liberty): รูปปั้นจำลองเทพีเสรีภาพอันโด่งดังที่ตั้งอยู่ด้านหน้าสะพานเรนโบว์ ทำให้มองดูหลอกตาเหมือนกับว่ามีขนาดใหญ่เท่าของจริง แต่จริงๆ แล้วมีขนาดเล็กกว่าของจริงที่อเมริกาถึง 7 เท่า เดิมที เทพีเสรีภาพแห่งโอไดบะ สร้างขึ้นเพื่อติดตั้งชั่วคราวสำหรับงานเฉลิมฉลองความสัมพันธ์ระหว่างญี่ปุ่นและฝรั่งเศส แต่กลายเป็นว่ารูปปั้นขนาด 39 ฟุตนี้ได้รับความนิยมในหมู่ชาวญี่ปุ่นและนักท่องเที่ยวจนได้ตั้งอยู่ถาวร รูปปั้น เทพีเสรีภาพแห่งโอไดบะ ตั้งอยู่ห่างจาก สถานี Daiba Station ของรถรางโมโนเรลสาย Yurikamome Line โดยใช้เวลาเดินเพียง 3 นาที หอสังเกตการณ์อาคารเทเลคอมเซ็นเตอร์ (Telecom Center Building Observatory): ถ้าอยากเห็นขอบฟ้าของโตเกียวในมุมที่สวยที่สุด ต้องไปที่นี่เลย อาคารเทเลคอมเซ็นเตอร์ ชั้น 21 ที่นี่เป็นลานชมวิวที่มีดีไซน์แปลกตาทำให้มองเห็นแหล่งท่องเที่ยวดังๆ ของโตเกียวในมุมมองสุดอลังการที่มีแสงไฟสว่างไสวของเมืองเป็นฉากหลัง ไม่ว่าจะเป็น สะพานเรนโบว์ หอโทรทัศน์โตเกียวสกายทรี (Tokyo SkyTree) โตเกียวทาวเวอร์ (Tokyo Tower) และ อาคารฟูจิทีวี (Fuji Television Building) อาคารเทเลคอมเซ็นเตอร์ตั้งอยู่ในย่านริมอ่าวบนเกาะโอไดบะ ติดกับ สถานี Telecom Center Station (รถรางโมโนเรลสาย Yurikamome Line) อาคารฟูจิทีวี (Fuji TV Headquarters): สำนักงานใหญ่ของสถานีโทรศัพท์ฟูจิมีหอจัดนิทรรศการเกี่ยวกับวงการโทรทัศน์ที่น่าสนใจมากมายรวมถึงการแสดงโชว์แสงสี จุดเด่นของที่นี่คือหอชมวิวทรงกลมที่ตั้งอยู่บนชั้น 25 ของอาคาร จากจุดนี้จะมองเห็นวิวพาโนรามาของอ่าวโตเกียวได้ ส่วนร้านขายของที่ระลึกจะตั้งอยู่ที่ชั้น 7 ที่ชั้นนี้มีสินค้าน่าสะสมจากรายการทีวีโด่งดังของญี่ปุ่นรวมถึงคาแรกเตอร์การ์ตูนฮิตอย่างวันพีซหรือดรากอนบอล z อาคารสำนักงานใหญ่ฟูจิทีวีตั้งอยู่เลขที่ 2-4-8 Daiba ใช้เวลาเดินทางไม่กี่นาทีจากสถานี Daiba Station (สาย Yurikamome Line) เปิดบริการเวลา 10:00 น. – 18:00 น. โตเกียวบิ๊กไซต์ (Tokyo Big Sight): หอประชุมและศูนย์จัดการแสดงนิทรรศการที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น ที่นี่เป็นสถานที่จัดอีเวนต์ดังแห่งปีหลายรายการ อย่างเช่น Tokyo Motor Show และ AnimeJapan ศูนย์ประชุมแห่งนี้ประกอบด้วย East Hall, West Hall และ Conference Tower ทรงพีรามิดขนาดใหญ่ยักษ์ซึ่งภายในมีห้องประชุม 22 ห้องและฮอลล์จัดงานขนาดใหญ่...
อ่านเพิ่มเติม
การวางแผนไปเที่ยว โตเกียว ไม่ใช่เรื่องยาก ยิ่งถ้าได้เรียนรู้ เกร็ดน่ารู้ก่อนเที่ยวโตเกียว ก็ยิ่งเที่ยวได้ราบรื่นขึ้น ถ้าหากรู้หลักทั่วไปในการท่องเที่ยวญี่ปุ่น อย่างการให้ทิป การเดินทางด้วยรถไฟ และความรู้เรื่องภาษีแล้ว ก็วางแผนไปเที่ยวสถานที่เด่นดังให้เป๊ะปังได้เลย ไม่ว่าจะไป โตเกียวดิสนีย์แลนด์ (Tokyo Disneyland) วัดอาซากุสะหรือวัดเซนโซจิ (Sensoji Temple) โตเกียวทาวเวอร์ (Tokyo Tower) หรือ พิพิธภัณฑ์จิบลิ (Ghibli Museum) ปัดฝุ่นความรู้เรื่องวีซ่ากันหน่อย ญี่ปุ่นยกเว้นวีซ่าให้กับประเทศต่างๆ กว่า 60 ประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา แคนาดา ประเทศในแถบละตินอเมริกา ทวีปยุโรป และอาเซียน ซึ่งรวมถึงประเทศไทยด้วย นักท่องเที่ยวที่ถือพาสปอร์ตของประเทศเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องขอวีซ่าเพื่อไปท่องเที่ยว ประชุม ทำการค้า หรือเยี่ยมเพื่อนและครอบครัวที่ โตเกียว ซึ่งโดยปกติการยกเว้นวีซ่าจะมีเวลา 90 วัน นักท่องเที่ยวจากประเทศที่ไม่ได้รับการยกเว้นวีซ่าจะต้องขออนุมัติวีซ่าจากสถานทูตญี่ปุ่นก่อน ซึ่งวีซ่าท่องเที่ยวและการเดินทางเพื่อธุรกิจจะมีอายุ 90 วัน ดังนั้นก่อนออกเดินทาง นักท่องเที่ยวควรตรวจสอบข้อมูลกับสถานทูตญี่ปุ่นที่อยู่ใกล้ที่สุดอีกครั้งว่าพาสปอร์ตที่ถืออยู่จะต้องขอวีซ่าหรือไม่ หากจัดการเอกสารทุกอย่างเสร็จแล้ว ก็เตรียมแผนการเดินทางและจองตั๋วเครื่องบินไปลงที่สนามบินหลัก 2 แห่ง คือ สนามบินฮาเนดะ (Haneda Airport) หรือ สนามบินนาริตะ (Narita Airport) เพื่อเดินทางเข้าสู่ โตเกียว ได้เลย เข้าพักที่ โรงแรมนาริตะ โทบุ แอร์พอร์ต แล้วออกไปเที่ยวแถว สนามบินนาริตะ ค้นหาที่พักราคาดีที่สุดใกล้ สนามบินนาริตะ ช้อมูลและสถิติเกี่ยวกับประชากรของโตเกียว โตเกียว มีประชากรราว 13.5 ล้านคน ซึ่งหมายความว่าประชากรในประเทศญี่ปุ่นกว่า 10% อาศัยอยู่ใน โตเกียว แม้ว่าขนาดพื้นที่ของโตเกียวจะน้อยกว่า 1% ของพื้นทั้งหมดในประเทศ แต่โตเกียวก็เป็นเมืองที่มีประชากรมากที่สุดและหนาแน่นที่สุดในบรรดา 47 จังหวัดของญี่ปุ่น จำนวนประชากรช่วงกลางวันในโตเกียวอาจเพิ่มขึ้นอีก 2.5 ล้านคน เนื่องจากมีคนเดินทางเข้า โตเกียว เพื่อมาทำงานและเรียนหนังสือ ส่วนชาวต่างชาติที่พักอาศัยอยู่ใน โตเกียว นั้นมีจำนวนไม่เกิน 500,000 คน เขตอภิมหานครโตเกียว (The Greater Tokyo Area) ประกอบด้วยมหานครโตเกียว (Tokyo Metropolis) และบริเวณใกล้เคียงอย่างจังหวัด ชิบะ (Chiba) คานากาวะ (Kanagawa) และ ไซตามะ (Saitama) ที่นี่มีประชากรประมาณ 38 ล้านคน ซึ่งคิดเป็นจำนวน 1 ใน 4 ของประชากรญี่ปุ่นทั้งหมด เขตอภิมหานครโตเกียวเป็นเมืองใหญ่ที่มีประชากรหนาแน่นมากที่สุดในโลก ซึ่งมีจำนวนประชากรมากกว่ากรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ถึง 1.5 เท่า แม้ โตเกียว จะมีจำนวนประชากรหนาแน่นมาก แต่ก็ยังมีสถานที่เงียบสงบให้พักผ่อนหย่อนใจอยู่หลายแห่ง อย่างสวนสาธารณะและพื้นที่สีเขียวที่ชาวญี่ปุ่นและนักท่องเที่ยวสามารถไปทำกิจกรรมกลางแจ้งและพักผ่อนสบายๆ ได้เต็มที่ เช่น สวนอุเอโนะ (Ueno Park) ศาลเจ้าเมจิและสวนโยโยหงิ (Meiji Shrine and Yoyogi park) สวนอาสุกะยามะ (Asukayama Park) และ สวนชินจูกุเงียวเอ็น...
อ่านเพิ่มเติม
โตเกียว เป็นมหานครขนาดใหญ่ที่ไปเที่ยวเพียงครั้งเดียวก็ยังเก็บไม่หมด แต่ถ้าลองกางแผนที่ โตเกียว แล้ววางแผนเที่ยวดีๆ ก็อาจเก็บสถานที่สุดฮิตให้ครบได้ ไม่ว่าจะเป็น พิพิธภัณฑ์แห่งชาติโตเกียว (Tokyo National Museum) โตเกียวทาวเวอร์ (Tokyo Tower) หรือ โตเกียวดิสนีย์แลนด์ (Tokyo Disneyland) และเพื่อให้เห็นภาพง่ายๆ เราจึงแบ่งมหานครโตเกียวออกเป็น 6 โซนหลักๆ 1. ใจกลางโตเกียว (Central Tokyo) ใจกลาง กรุงโตเกียว ประกอบไปด้วยเขต ชูโอ (Chuo) มินาโตะ (Minato) ชิโยดะ (Chiyoda) และ บุงเกียว (Bunkyo) ที่นี่ถือเป็นจุดศูนย์กลางของเมืองทั้งด้านภูมิศาสตร์และเศรษฐกิจ ที่ใจกลาง โตเกียว มีสถานีรถไฟ Tokyo Station เป็นศูนย์กลางการเดินทางทั้งขาเข้าและขาออกเมือง ไม่ว่าจะมองหาอะไรย่านนี้มีก็ทุกอย่าง ทั้งแหล่งช้อปปิ้ง อาหาร และความบันเทิง ที่เที่ยวยอดนิยมในย่านใจกลาง โตเกียว • กินซ่า (Ginza): ย่านสุดหรูที่มีทั้งแหล่งช้อปปิ้ง ที่กิน และที่เที่ยว • พระราชวังอิมพีเรียล (Imperial Palace): ที่ประทับขององค์จักรพรรดิทั้งในอดีตและปัจจุบัน • พิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยใหม่แห่งชาติ (National Museum of Modern Art): พิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งชาติที่แรกของญี่ปุ่น • อากิฮาบาระ (Akihabara): แหล่งช้อปปิ้งชื่อดังที่รวมสินค้าประเภทอุปกรณ์ไฟฟ้าไว้มากมาย • สวนโคอิชิกาว่า-โคระคุเอ็น (Koishikawa Korakuen Garden): สวนเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของโตเกียว • สวนฮามะริเคียว (Hama-Rikyu Gardens): สวนสวยริมอ่าวโตเกียว เข้าพักที่ โรงแรมมัสเซะ กินซา เมเตตสึ แล้วออกไปเที่ยวที่ กินซ่า ค้นหาที่พักราคาดีที่สุดใกล้ สถานี Tokyo Station 2.โตเกียวตอนเหนือ (Northern Tokyo) โตเกียว ตอนเหนือเป็นย่านที่อยู่อาศัย มีแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ ศาลเจ้า และตลาดนัดริมทาง เหมาะกับการไปท่องเที่ยวสัมผัสวิถีชีวิตความเป็นอยู่จริงๆ ของคนญี่ปุ่น และ โตเกียว ตอนเหนือยังถือว่าเป็นประตูสู่ภาคเหนือของประเทศอีกด้วย หากจะเดินทางไปภูมิภาค โทโฮคุ (Tohoku Region) ก็สามารถนั่งรถไฟจาก สถานี Ueno Station ได้เลย ที่เที่ยวยอดนิยมใน โตเกียว ตอนเหนือ • สวนสาธารณะอุเอโนะ (Ueno Park): สวนสาธารณะที่ได้รับความนิยมมากที่สุดแห่งหนึ่งของโตเกียวและเป็นสถานที่สุดฮิตสำหรับชมดอกซากุระ • โตเกียวโดม (Tokyo Dome): สถานที่จัดงานบันเทิงขนาดใหญ่ และเป็นสนามเหย้าของทีมเบสบอล Yomiuri Giants • พิพิธภัณฑ์แห่งชาติโตเกียว (Tokyo National Museum): พิพิธภัณฑ์ศิลปะที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก • พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติแห่งชาติ (National Science Museum): แหล่งศึกษาประวัติศาสตร์ธรรมชาติและสถานที่จัดนิทรรศการวิทยาศาสตร์ • สวนริคุงิเอน (Rikugien Garden): สวนที่มีภูมิทัศน์สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของโตเกียว...
อ่านเพิ่มเติม
เมื่อถึงเดือนมีนาคม ก็เข้าสู่ช่วงฤดูกาลใบไม้ผลิของญี่ปุ่น และกิจกรรมยอดฮิตของฤดูกาลนี้ก็คงต้องยกให้การไปชมดอกซากุระ ซึ่งจะค่อยๆ เริ่มต้นบานตั้งแต่ คิวชู ทางตอนใต้ ไล่ขึ้นไปเรื่อยๆ จนถึง ซัปโปโร ทางตอนเหนือ ไปสำรวจ จุดชมซากุระในญี่ปุ่น และดื่มด่ำกับความงดงามของดอกซากุระกันให้เต็มที่ นอกจากนี้ระบบการคมนาคมอันยอดเยี่ยมของญี่ปุ่นก็ยิ่งทำให้นักท่องเที่ยวสามารถไปชมซากุระได้ทั่วภูมิภาคของญี่ปุ่นตั้งแต่ นางาซากิ ไปจนถึงเทศกาลซากุระใน ฮอกไกโด – และทุกที่ที่มีจุดชมดอกซากุระเลยทีเดียว สวนมาอิซูรุ | ฟูกุโอกะ 1. ภูมิภาคคิวชู (Kyushu Region) ช่วงเวลาเหมาะสำหรับชมดอกซากุระในคิวชู: 18 มีนาคม - 6 เมษายน จุดชมดอกซากุระที่งดงามที่สุดในคิวชู สวนมาอิซูรุ (Maizuru Park), ฟุกุโอกะ: ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ซากุระมากกว่า 1,000 ต้นจะพร้อมใจกันบานสะพรั่งที่ ซากปราสาทฟุกุโอกะ (Fukuoka Castle Ruins) ซึ่งเป็นแลนด์มาร์กอันโด่งดังที่สุดแห่งหนึ่งของฟุกุโอกะ คุณสามารถไปเข้าร่วมชมเทศกาลชมดอกซากุระที่ปราสาทฟุกุโอกะได้ตั้งแต่ช่วงกลางเดือนมีนาคม ไปจนถึงช่วงต้นเดือนเมษายน ซึ่งภายในงานก็จะมีทั้งการประดับไฟช่วงกลางคืน ร้านขายอาหารอร่อยๆ และกิจกรรมน่าสนใจอื่นๆ ท่ามกลางบรรยากาศอันคึกคักและสวยงามของดอกซากุระ วิธีเดินทางไป สวนมาอิซุรุ: ลงสถานี Akasaka Station หรือ Ohori Koen Station และใช้เวลาเดินจากทั้งสองสถานีไป ซากปราสาทฟุกุโอกะ ประมาณห้านาที สวนโอมุระ (Omura Park), นางาซากิ: ทางด้านนอกของ ปราสาทคุชิม่า (Kushima Castle) จะเต็มไปด้วยดอกซากุระที่ผลิบานเต็มที่ในช่วงฤดูใบไม้ผลิในเมือง นางาซากิ ที่นี่มีต้นซากุระมากกว่า 2,000 ต้นจาก 21 สายพันธุ์เลยทีเดียว นอกจากนี้เมือง โอมุระ ยังถือเป็นสถานที่ยอดฮิตในการชมดอกโอมุระซากุระ ซึ่งเป็นสายพันธุ์ซากุระกลีบซ้อนหายาก และได้รับเลือกให้เป็นอนุสาวรีย์ทางธรรมชาติจากรัฐบาลญี่ปุ่นอีกด้วย วิธีเดินทางไปสวนโอมุระ: นั่งรถประจำทางไปลงที่ป้าย Shiyakushomae Bus Stop หรือ Park Iriguchi Bus Stop ซึ่งเป็นป้ายรถเมล์ที่ใกล้สวนโอมุระที่สุด สวนมิฟุเนะยะมะ ระคุเอ็น (Mifuneyama Rakuen), ซากะ: เมื่อถึงเดือนมีนาคมในเมือง ซากะ ต้นซากุระมากกว่า 2,000 ต้นและดอกกุหลาบพันปีกว่า 200,000 ต้นก็เริ่มออกดอกบานสะพรั่งปกคลุมบริเวณสวน มิฟุเนะยะมะ ระคุเอ็น ซึ่งดึงดูดนักท่องที่ยวมากมายและผู้คนจากทั่วญี่ปุ่นให้มาสัมผัสกับสวนวิวงามบริเวณเนินเขา พร้อมเฉลิมฉลองฤดูใบไม้ผลิในเทศกาลชมดอกไม้ประจำปีที่จัดขึ้นยาวนานถึงหนึ่งเดือนเลยทีเดียว วิธีเดินทางไป สวนมิฟุเนะยะมะ ระคุเอ็น: จาก ฟุกุโอกะ วิธีเดินทางไปสวนที่สะดวกที่สุดคือรถไฟ โดยขึ้นได้ที่สถานี Hakata Station ใน ฟุกุโอกะ และลงที่สถานี Takeo-Onsen Station ใน ทะเคะโอะ ซึ่งสถานีอยู่ห่างจากสวนประมาณ 2.4 กิโลเมตร ระยะเวลาเดินทางจากสนามบินไปสวนมิฟุเนะยะมะ ระคุเอ็น จาก สนามบินฟุกุโอกะ โดยรถยนต์: ประมาณ 1 ชั่วโมงนิดๆ จาก สนามบินนางาซะกิ โดยรถยนต์: ประมาณ 40 นาที จาก สนามบินซากะ โดยรถยนต์: ประมาณ 50...
อ่านเพิ่มเติม
สัญญาณหนึ่งที่บ่งบอกว่า เทศกาลฤดูใบไม้ผลิในญี่ปุ่น กำลังมาถึงก็คือดอกซากุระที่บานสะพรั่งไปทั่วเมือง นอกเหนือจากเทศกาลชมดอกซากุระแล้ว ก็ยังมีอีกหลากหลายเทศกาลน่าสนใจในฤดูใบไม้ผลิ ฤดูกาลนี้จึงเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสุดๆ ที่จะไปเที่ยวญี่ปุ่น ชื่นชมซากุระ แล้วไปร่วมงานเทศกาลต้อนรับฤดูกาลใหม่กับคนท้องถิ่น เทศกาลฤดูใบไม้ผลิอันดังๆ ของญี่ปุ่นส่วนใหญ่แล้วอยู่ใน โตเกียว แต่เทศกาลฉลองอื่นๆ อย่างเช่น เทศกาลในเมือง เกียวโต และ คาวาซากิ ก็ดึงดูดผู้คนและนักท่องเที่ยวให้มาเยือนมากมายเช่นกัน 1. ต้อนรับฤดูใบไม้ผลิในเทศกาลฮานามิที่วัดโดโกจิ | เกียวโต ช่วงเวลาจัดงานเทศกาลฮานามิ: มีนาคม - เมษายน เทศกาลฮานามิ (Hanami) หรือ เทศกาลชมดอกซากุระ คือการเฉลิมฉลองการมาถึงของฤดูใบไม้ผลิ ซึ่งบ่งบอกได้จากอากาศที่อุ่นขึ้นและดอกซากุระที่เริ่มเบ่งบานนั่นเอง ดอกซากุระจะเริ่มบานจากทางตอนใต้ของญี่ปุ่น และค่อยๆ บานไล่ขึ้นไปทางเหนือสุด โดยทุกปีจะมีการพยากรณ์ช่วงการบานของดอกซากุระทั่วญึ่ปุ่น และทั้งชาวญี่ปุ่นและนักท่องเที่ยวก็จะมารวมตัวกันตามสวนดังๆ และวัดวาต่างๆ เพื่อดื่มด่ำความงดงามของดอกซากุระ สถานที่ฉลองฤดูใบไม้ผลิชื่อดังที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่นนั้นอยู่ที่ วัดไดโกจิ (Daigoji) ใน เกียวโต วัดแห่งนี้รู้จักกันในชื่อ “Temple of Flowers” หรือวัดแห่งดอกไม้ เป็นแหล่งมรดกโลกของยูเนสโก้ที่มีการเฉลิมฉลองเทศกาลฮานามิมาตั้งแต่ปี 1598 ซึ่งเรียกกันว่าเทศกาล Hotaiko Hanami Gyoretsu และจัดขึ้นในวันอาทิตย์ที่สองของเดือนเมษายน สถานที่เที่ยวยอดฮิตในเกียวโตช่วงฤดูใบไม้ผลิ อาราชิยามะ (Arashiyama) วัดคิโยมิซุ (Kiyomizu-dera) วัดคิงกะกุ (Kinkaku-ji) ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ (Fushimi Inari Taisha) ปราสาทนิโจ (Nijo Castle) ย่านกิออน (Gion) เข้าพักที่ โรงแรม นิว มิยาโกะ เกียวโต, แล้วออกไปเที่ยว เทศกาลฤดูใบไม้ผลิในญี่ปุ่น ที่ วัดไดโกจิ ค้นหาที่พักราคาดีที่สุดใน เกียวโต ช่วง เทศกาลฤดูใบไม้ผลิในญี่ปุ่น 2. ร่วมฉลองเทศกาลคันดะที่ศาลเจ้าคันดะ | โตเกียว วันจัดงานเทศกาลคันดะปี 2562: 11 และ 12 พฤษภาคม (จัดในปีเลขคี่) ทุกๆ สองปี คนญี่ปุ่นจะมารวมตัวกันที่ ศาลเจ้าคันดะ (Kanda Myojin) เพื่อฉลองเทศกาลคันดะมัตสึริ (Kanda Matsuri) หนึ่งในเทศกาลของศาสนาชินโตที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น งานเฉลิมฉลองหลักๆ ของเทศกาลนี้จะจัดขึ้นในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ใกล้กับวันที่ 15 พฤษภาคมมากที่สุด แต่เทศกาลทั้งหมดจะกินเวลาถึงหกวันเลยทีเดียว ส่วนจุดเด่นของเทศกาลคันดะก็คือ Shinkousai หรือขบวนแห่ศาลเจ้าที่เคลื่อนผ่านไปตาม ย่านคันดะ (Kanda) และย่านโดยรอบอย่าง ย่านนิฮมบะชิ (Nihonbashi), ย่านอากิฮาบาระ และย่านอื่นๆ สถานที่เที่ยวใกล้ศาลเจ้าคันดะในเขตชิโยดะ พระราชวังอิมพีเรียล (Imperial Palace) ปราสาทเอโดะ (Edo Castle หรือ Fushimi-yagura Keep) ศาลเจ้ายาสุกุนิ (Yasukuni Shrine) สวนอุเอะโนะ (Ueno Park) สวนฝั่งตะวันออกแห่งพระราชวังอิมพีเรียล (The East Gardens of the Imperial Palace) เข้าพักที่ โรงแรมโตเกียว การ์เด้น พาเลส,...
อ่านเพิ่มเติม
โอซาก้าเป็นสวรรค์ของคนรักอาหาร มักถูกเรียกว่า "ครัวของญี่ปุ่น" เนื่องจากมีอาหารที่หลากหลายและวัฒนธรรมอาหารที่หยั่งรากลึก ไม่ว่าจะเดินเล่นในตลาดที่พลุกพล่านหรือตรอกซอกซอยที่ซ่อนอยู่ อาหารริมทางที่แสนอร่อยและอาหารที่ต้องลองก็อยู่ไม่ไกล เมืองนี้มีชื่อเสียงในด้านบรรยากาศการรับประทานอาหารที่มีชีวิตชีวาและเป็นกันเอง โดยคนในท้องถิ่นและนักท่องเที่ยวมารวมตัวกันรอบๆ ร้านปิ้งย่าง แผงขายอาหารเล็กๆ และร้านอิซากายะที่มีชีวิตชีวา เสน่ห์ประการหนึ่งของเมืองโอซาก้าก็คือวัฒนธรรมอาหารริมถนน พ่อค้าแม่ค้าที่เป็นมิตรในเมืองนี้เสิร์ฟอาหารที่เป็นเอกลักษณ์ของญี่ปุ่น เช่น ทาโกะยากิกรอบ (ลูกชิ้นปลาหมึก) ไปจนถึงโอโคโนมิยากิ (แพนเค้กสไตล์ญี่ปุ่น) ที่แสนอร่อย ของทานเล่นเหล่านี้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการทานเป็นของว่างขณะที่คุณเที่ยวชมย่านบันเทิงต่างๆ มากมายในเมือง นอกเหนือจากอาหารริมทางแล้ว โอซาก้ายังเป็นแหล่งรวมอาหารจานโปรดในตำนานที่สะท้อนให้เห็นถึงความรักในรสชาติอันเข้มข้น คูชิคัตสึ (เสียบไม้ทอด) ที่อิ่มอร่อยและราเมนซีอิ๊วรสเข้มข้นเป็นเพียงเมนูบางส่วนที่ต้องลอง อาหารพิเศษหลายอย่างมีต้นกำเนิดจากโอซากะและได้รับการสืบทอดต่อกันมาหลายชั่วรุ่น โอซาก้ามีอาหารหลายอย่างที่หาทานได้ง่ายๆ อยู่เต็มไปหมด แต่ถ้าอยากจะลองลิ้มชิมรสเมนูลับสุดยอดก็อาจจะต้องไปตามร้านที่ซ่อนอยู่ในซอกหลืบท้ายซอยหรือชั้นใต้ดิน คนญี่ปุ่นเรียกร้านอาหารสไตล์นี้ว่า “คัปโปะ” ถึงแม้ว่าอาจจะหายากไปสักหน่อย แต่ก็ถือว่าคุ้มที่ได้ชิมเมนูเด็ด และอาหารขึ้นชื่ออีกหลายๆ อย่างของโอซาก้าที่ได้ชื่อว่าเป็น “ห้องครัวแห่งญี่ปุ่น”   ทาโกะยากิ โอโคโนมิยากิ เนกิยากิ   อาหารพื้นเมืองจานเด็ดของโอซาก้า ทาโกะยากิ: เมนูสุดพิเศษของโอซาก้าที่ ทำจากปลาหมึกชิ้นเล็กๆ ขิง ต้นหอม และเศษแป้งเทมปุระทอด จากนั้นนำส่วนผสมไปย่างบนเตาให้เป็นก้อนกลม จะกินเปล่าๆ หรือราดหน้าด้วยมายองเนส แล้วโรยสาหร่ายกับแผ่นปลาแห้งก็ได้ - ราคาโดยประมาณสำหรับ 8 - 10 ลูก 450 - 600 เยน (ประมาณ 120 - 170 บาท) โอโคโนมิยากิ: คำนี้หมายความว่า “ย่างตามใจชอบ” อาหารจานนี้ คือแพนเค้กรสชาติเข้มข้นที่ทำจากไข่ แป้ง มันบด และกะหล่ำปลีฝอย เลือกหน้าได้ “ตามใจชอบ” อาจจะเป็นซีฟู้ด หมู ชีส หรือว่ามะเขือเทศก็ได้ หลังจากโปะหน้าเรียบร้อยก็ราดด้วยมายองเนส ซอสโอโคโนมิยากิ สาหร่าย และแผ่นปลาโอแห้ง - ราคาโดยประมาณ 700 เยนขึ้นไป ขึ้นอยู่กับหน้าที่เลือก (ประมาณ 200 บาท) เนกิยากิ: แพนเค้กรสชาติเข้มข้นคล้ายกับโอโคโนมิยากิ แต่ใช้ต้นหอมยักษ์ซอยเป็นส่วนผสมแทนกะหล่ำปลี - ราคาโดยประมาณ: 1,000 - 2,000 เยน (300 - 600 บาท)   คุชิคัตสึ คิตสึเนะอุด้ง   คุชิคัตสึ: อาหารเสียบไม้ที่ทำจากเนื้อสัตว์ อาหารทะเล หรือผัก นำมาชุบเกล็ดขนมปังและทอดในน้ำมันร้อนจัดจนสุกเป็นสีเหลืองทอง คนญี่ปุ่นนิยมกินแกล้มกับเบียร์ อาหารชนิดนี้จึงมีขายทั่วไปตามร้านอิซากายะ (บาร์สไตล์ญี่ปุ่น) - ราคาโดยประมาณ: 80 - 200 เยนต่อไม้ ขึ้นอยู่กับวัตถุดิบ (ประมาณ 20 - 60 บาท) คิตสึเนะอุด้ง: อูด้งเส้นอวบในน้ำซุปดาชิที่ทำจากอาหารทะเล และโปะด้วยเต้าหู้ทอดชิ้นใหญ่ - ราคาโดยประมาณ: 550 - 3,000 เยน (ประมาณ 160 - 900 บาท)   เทกชิริ โฮรุมง   ค้นหาโรงแรมและที่พักในโอซาก้า...
อ่านเพิ่มเติม
ศึกษา ข้อมูลท่องเที่ยวโอซาก้า ติดตัวไว้ก่อนไปญี่ปุ่นย่อมอุ่นใจกว่า พอถึงที่จะทำอะไรก็คล่องปรื๊ด แถมยังรู้ทริกช้อปปิ้งแบบปลอดภาษีอีกต่างหาก นอกจากนี้ประเทศญี่ปุ่นยังอนุญาตให้นักท่องเที่ยวกว่าหลายล้านคนเข้าประเทศได้โดยไม่ต้องใช้วีซ่า แถมยังมีไวไฟให้ใช้ฟรีๆ ทั่วทุกมุมเมืองอีกด้วย วีซ่าญี่ปุ่น ประเทศญี่ปุ่นมีมาตรการยกเว้นวีซ่าให้ประเทศต่างๆ กว่า 60 ประเทศ ซึ่งนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่สามารถเที่ยวได้อย่างสบายใจในญี่ปุ่นนานถึง 90 วัน ส่วนชาวไทยและชาวบรูไนได้วีซ่าท่องเที่ยวเป็นเวลา 15 วัน ในขณะที่ประชากรจากประเทศอื่นๆ ต้องดำเนินการขออนุญาตก่อนเข้าประเทศญี่ปุ่น ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับวีซ่าและข้อมูลการท่องเที่ยวได้ที่ กระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่น ประชากรในโอซาก้า เมือง โอซาก้า มีผู้อยู่อาศัยมากกว่า 3.2 ล้านคนในปี ค.ศ. 1940 จากนั้นในช่วงกลางทศวรรษที่ 20 จำนวนประชากรได้ลดลงมาอยู่ที่ราว 2 ล้านกว่าคน โอซาก้าถือเป็นเมืองใหญ่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่น โดยมีประชากรมากกว่าโตเกียวถึง 400,000 คน ในปัจจุบัน โอซาก้าเป็นเมืองใหญ่ที่สุดอันดับ 3 ของประเทศญี่ปุ่น มีทั้งหมด 24 เขต โดยแบ่งออกเป็นเขตตอนเหนือหรือคิตะ และเขตตอนใต้หรือมินามิ จังหวัดโอซาก้า ประกอบด้วย 42 เมืองซึ่งรวมถึง เมืองโอซาก้า ด้วย ในจังหวัดนี้มีประชากรมากกว่า 9 ล้านคน คิดเป็นจำนวนร้อยละ 7 ของประชากรทั้งหมดในประเทศญี่ปุ่น การช้อปปิ้งแบบเสียภาษีและปลอดภาษีในญี่ปุ่น นักท่องเที่ยวในญี่ปุ่นทุกคนยกเว้นเด็กเล็ก (อายุต่ำกว่า 2 ปี) จะต้องชำระภาษีเมื่อเดินทางออกนอกประเทศจำนวน 1,000 เยน ซึ่งรัฐบาลญี่ปุ่นระบุว่าจะนำภาษีส่วนนี้ไปพัฒนาคุณภาพการท่องเที่ยวและสนับสนุนแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมและแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติในญี่ปุ่น นอกจากนี้ทั่วประเทศญี่ปุ่น ยังมีการเก็บภาษีการขายหรือที่รู้จักกันทั่วไปว่าภาษีการบริโภค ซึ่งมีอัตราอยู่ที่ร้อยละ 8 (ข้อมูลในปี 2019) แต่ โอซาก้า มีร้านค้าปลอดภาษีอยู่มากมาย นักท่องเที่ยวต่างชาติจึงซื้อสินค้าได้โดยแทบจะไม่ต้องเสียภาษีเลย โดยร้านค้าส่วนมากจะคิดราคาสินค้าในราคาเต็มก่อน หากนักท่องเที่ยวต้องการขอคืนภาษีจะต้องแสดงพาสปอร์ตที่เคาน์เตอร์บริการลูกค้าซึ่งอยู่แยกต่างหาก การให้ทิปในญี่ปุ่น ที่ประเทศญี่ปุ่นนั้นไม่นิยมให้ทิป และพนักงานบริการส่วนมากจะไม่รับทิป แม้ว่าจะไม่มีสินน้ำใจพิเศษ แต่คุณภาพการบริการก็ไม่ได้ลดน้อยลงเลย นักท่องเที่ยวที่มาเยือน โอซาก้า จะได้รับบริการที่ดีเลิศจากพนักงานเสิร์ฟ การบริการรถแท็กซี่ที่ไร้ที่ติ และพนักงานโรงแรมที่เอาใจใส่ดูแลเป็นอย่างดี ซึ่งบริการด้วยมาตรฐานเดียวกันทั้งหมดในทุกๆ ที่ของประเทศญี่ปุ่น การใช้อินเทอร์เน็ต ฟรี Wi-Fi: โรงแรมและร้านอาหารหลายๆ แห่งในประเทศญี่ปุ่นมี Wi-Fi ให้บริการ และถ้าหากนักท่องเที่ยวต้องการเดินทางไปสถานที่ต่างๆ ก็ยังสบายใจได้ว่าจะมีเน็ตไว้ใช้ตลอดเวลา เพียงแค่ดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่น Japan Connected-free Wi-Fi แอปนี้มีแผนที่บอกว่าจุดไหนของเมืองมีบริการ Wi-Fi นักท่องเที่ยวจึงสามารถเล่นเฟสบุ๊คที่สนามบินหรืออัปรูปภาพลงอินสตราแกรมจากห้างดัง พิพิธภัณฑ์ หรือแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ของโอซาก้าได้สบายๆ ซิมการ์ด: นักท่องเที่ยวสามารถซื้อซิมการ์ดแบบเล่นอินเทอร์เน็ตอย่างเดียวเพื่อใช้ติดต่อสื่อสารระหว่างท่องเที่ยวได้ โดยซิมการ์ดแบบนี้มีจำหน่ายที่ สนามบินนานาชาติคันไซ (Kansai International Airport) และ สนามบินอิตามิ (Itami Airport) แต่ถ้าต้องการใช้เน็ตตั้งแต่ลงจากเครื่องบิน ก็สามารถซื้อซิมการ์ดที่ร้านสะดวกซื้อหรือแผนกไอทีในห้างทั่วไปได้ พ็อกเก็ตไวไฟแบบเช่า: หากไปเที่ยวเป็นครอบครัวหรือเที่ยวแบบกลุ่มใหญ่ การเช่าเราเตอร์ Wi-Fi แบบพกพาก็ดูเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่า ประเทศญี่ปุ่นมีบริษัทมากมายที่ให้บริการเช่าพ็อกเก็ต Wi-Fi ในราคาไม่แพงและมีบริการส่งตรงถึงโรงแรม แถมยังใช้งานได้ตลอดการเดินทาง นักท่องเที่ยวสามารถเช่าอุปกรณ์เหล่านี้ได้ที่สนามบินทั้งสองแห่งของโอซาก้า เข้าพักในที่พัก ย่านนัมบะ   โรงแรมฮิโนะเดะ โอซาก้า นิปปมบะชิ   เฟรเซอร์ เรสซิเดนซ์ นันไค โอซาก้า   โรงแรมฮิลลารีส์   แล้วออกไปเดินเที่ยวใน...
อ่านเพิ่มเติม
เมื่อไปเยือนโอซาก้า การเลือกสถานที่พักที่เหมาะสมสามารถสร้างความแตกต่างอย่างมากให้กับประสบการณ์ของคุณได้ เมืองนี้มีชื่อเสียงในเรื่องบรรยากาศที่มีชีวิตชีวา ย่านช้อปปิ้งที่คึกคัก และมรดกทางวัฒนธรรมอันหลากหลาย ซึ่งล้วนสามารถสำรวจได้อย่างง่ายดายเมื่อคุณเข้าพักใกล้สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม ไม่ว่าคุณจะกำลังมองหาที่พักที่หรูหรา สะดวกสบาย หรือราคาประหยัด โอซาก้าก็มีที่พักหลากหลายรูปแบบที่ตอบโจทย์นักเดินทางทุกประเภท การพักใกล้แหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมจะช่วยลดเวลาเดินทางและทำให้คุณดื่มด่ำกับพลังของเมืองได้ ย่านยอดนิยมหลายแห่งของโอซาก้าเชื่อมต่อไปยังแหล่งบันเทิงสมัยใหม่ แหล่งช้อปปิ้ง และสถานที่สำคัญแบบดั้งเดิมได้อย่างรวดเร็ว ตั้งแต่พื้นที่ที่มีสถานบันเทิงยามค่ำคืนที่คึกคักไปจนถึงสถานที่ที่เงียบสงบและมีทัศนียภาพสวยงามกว่า ก็มีชุมชนต่างๆ ที่เหมาะกับความชอบของนักเดินทางทุกคน นอกจากนี้ เมืองนี้ยังมีการเชื่อมต่อกับระบบขนส่งสาธารณะที่สะดวกสบาย ดังนั้น คุณจะไม่มีปัญหาในการเดินทางและเที่ยวชมสิ่งต่างๆ ที่เมืองอันน่าตื่นเต้นแห่งนี้มีให้ ไม่ว่าคุณจะมาเที่ยวเพื่อพักผ่อนวันหยุดสุดสัปดาห์หรือพักระยะยาว การเลือกพื้นที่ที่เหมาะสมใกล้กับสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของโอซาก้าจะช่วยให้คุณใช้เวลาเดินทางได้คุ้มค่าที่สุด ทำให้คุณสามารถเที่ยวชมสิ่งที่ดีที่สุดของเมืองได้อย่างง่ายดายและสะดวกสบาย เมืองที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศญี่ปุ่นแบ่งออกเป็นสองภูมิภาคหลัก คือ คิตะ หมายถึงเหนือ และมินามิ หมายถึงใต้ แต่ละภูมิภาคจะแบ่งออกเป็นเขตต่างๆ โดยเขตที่อยู่ใจกลางได้แก่ ชินไซบาชิ โดทงโบริ และนัมบะ เลือกสถานที่พักใกล้สถานที่ท่องเที่ยวในโอซาก้า และเดินเล่นระยะสั้นๆ ไปยังสถานที่ต่างๆ ที่คุณอยากเห็นมากที่สุด! 1. ค้นหาจุดช็อปปิ้งวันหยุดที่สมบูรณ์แบบในชินไซบาชิ ชินไซบาชิ เป็นจุดหมายปลายทางการช็อปปิ้งอันดับหนึ่งของโอซาก้า การเข้าพักในโรงแรมย่านชินไซบาชิทำให้คุณใกล้กับห้างสรรพสินค้า เช่น ไดมารู ชินไซบาชิ และนัมบะพาร์ค America Village (อเมริกามูระ) ยังเป็นที่นิยมในหมู่วัยรุ่นของโอซาก้าอีกด้วย สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญในย่านนี้คือชินไซบาชิช้อปปิ้งอาเขต ซึ่งมีทั้งร้านค้าหลักๆ และตรอกซอกซอยที่เต็มไปด้วยร้านบูติกท้องถิ่น อิซากายะ (บาร์ญี่ปุ่น) คาเฟ่ และสถานที่แสดงดนตรีสด เขตนี้เชื่อมต่อกับโดทงโบริ ซึ่งคุณสามารถรับประทานอาหารกลางวันที่ร้าน Kani Doraku และเดินตามเส้นทาง Tombori River Walk เพื่อไปยังสถานที่สำคัญ เช่น ป้ายโฆษณา Glico และ Kuidaore Taro ตัวตลกตีกลองที่อาคาร Nakaza Cuidaore เช็คอิน โรงแรมโอคินี่ ชินไซบาชิ เซ็นเนนโช อพาร์ทเมนท์, ออกเดินทางไปยังหมู่บ้านอเมริกา (Americamura) ค้นหาสถานที่พักใกล้สถานที่ท่องเที่ยวในโอซาก้า 2. พบกับชีวิตกลางคืนสุดหรูและการช้อปปิ้งสุดหรูในอุเมดะ การอยู่อาศัย อุเมดะ ทำให้คุณใกล้กับศูนย์กลางการขนส่งหลักของโอซาก้า สถานีโอซาก้าและสถานีอุเมดะ รถไฟเหล่านี้ไม่เพียงแต่เชื่อมต่อกับส่วนอื่นๆ ของเมืองเท่านั้น แต่ยังรับผู้โดยสารไปยังเกียวโตและโกเบอีกด้วย อุเมดะมีความพลุกพล่านมากกว่าชานเมืองส่วนใหญ่ในโอซาก้า และโรงแรมต่างๆ มักจะรองรับนักท่องเที่ยวชั้นธุรกิจและนักท่องเที่ยวระดับหรูหรา แต่ว่านักท่องเที่ยวก็ยังชื่นชอบความใกล้ชิดกับสถานที่สำคัญ เช่น ตึกอุเมดะสกายและคิตาชินจิ ซึ่งเป็นย่านสถานบันเทิงยามค่ำคืนที่หรูหราครั้งหนึ่งที่เคยโด่งดังในหมู่สาวเกอิชาและลูกค้าชนชั้นสูง สถานี Umeda อยู่ใจกลางแหล่งชอปปิ้งมอลล์ขนาดใหญ่ เช่น Grand Front Osaka และห้างสรรพสินค้า HANKYU Umeda และอยู่ติดกับคลองในนากาโนชิมะ ล่องเรือแม่น้ำนากาโนชิมะและผ่านสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ เช่น หอคอยเทศกาลนากาโนชิมะ สะพานสวนนากาโนชิมะ และพิพิธภัณฑ์เซรามิกตะวันออก โอซาก้า นอกจากนี้คุณยังจะพบพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์โอซาก้าในนากาโนชิมะอีกด้วย เช็คอิน โรงแรม อิล แกรนด์ อุเมดะ ออกไปเที่ยวสวนนากาโนชิมะ ค้นหาสถานที่พักใกล้สถานที่ท่องเที่ยวในโอซาก้า 3. เดินทางตรงจากสนามบินสู่เกสต์เฮาส์สุดแสนสบายใกล้สถานี NAMBA หากคุณลงจอดที่สนามบินนานาชาติคันไซ ที่พักที่ดีที่สุดในโอซาก้าอาจอยู่ใกล้ๆ สถานีนัมบะ - การเดินทางจากสถานีสนามบินคันไซไปยังสถานีนัมบะใช้เวลาประมาณ 45 นาที และสิ้นสุดที่บริเวณห้างสรรพสินค้านัมบะซิตี้และสิ่งอำนวยความสะดวกนันทนาการนัมบะพาร์ค นอกจากนี้ นัมบะยังอยู่ทางใต้ของคลองโดทงโบริและสะพานเอบิสุ ซึ่งเชื่อมต่อนักท่องเที่ยวไปยังชินไซบาชิ กระโดดร่มแบบฟรีดิ่งลงมาจากด้านหน้าอาคาร Namba HIPS หรือใช้เวลาหนึ่งวันในสวนสาธารณะ Nipponbashi และ Denden...
อ่านเพิ่มเติม
โอซาก้าเป็นอีกหนึ่งเมืองยอดฮิตในญี่ปุ่นไม่แพ้โตเกียว มีแลนด์มาร์กเด่นๆ มากมาย ทั้งสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ ปราสาท สวนสนุก ไปจนถึงตึกสุดโมเดิร์นที่ทำให้โอซาก้าเป็นเมืองที่ความเก่าและใหม่ผสมผสานอยู่ร่วมกันได้ลงตัว แน่นอนว่าการมาเที่ยวเมืองที่อัดแน่นด้วยที่เที่ยวเด็ดๆ ขนาดนี้ ก็ต้องวางแผนการเดินทางให้ดีจะได้เก็บสถานที่สำคัญๆ ให้ครบ เราเลยมีแพลนเที่ยวโอซาก้าแบบ 2 วันสำหรับคนที่มีเวลาเที่ยวไม่มากนัก และแพลน 5 วันสำหรับคนที่อยากเช็คอินโอซาก้าทุกจุดแบบจัดเต็มกันไปเลย แพลนเที่ยวโอซาก้า 2 วัน วันที่ 1 ช่วงเช้า ยูนิเวอร์แซล สตูดิโอ เจแปน (Universal Studios Japan): เดินเล่นที่โซน The Wizarding World of Harry Potter และโซนฮอลลีวูดอื่นๆ ในสวนสนุกยูนิเวอร์แซล พาร์ก แอนด์ รีสอร์ตแห่งแรกของเอเชีย ช่วงเย็น ย่านนัมบะ ชินไซบาชิ และ โดทงโบริ (Namba, Shinsaibashi และ Dotonbori): เป็น 3 เขตที่เชื่อมติดกันและเป็นแหล่งรวมสถานที่ช้อปปิ้ง ที่เที่ยว และอาหารจานเด็ดมากมาย นักท่องเที่ยวสามารถไปพักผ่อนภายใน สวนสาธารณะนัมบะ (Namba Parks) แล้วไปช้อปปิ้งที่ร้านบูติกสไตล์ญี่ปุ่น และห้างดังในย่านชินไซบาชิ ปิดท้ายด้วยการเดินเล่นชมไฟประดับและกินของว่างที่ร้านริมทางในย่านโดทงโบริ วันที่ 2 ช่วงเช้า ปราสาทโอซาก้า (Osaka Castle) และ พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำไคยูคัง โอซาก้า (Osaka Aquarium Kaiyukan): หากต้องการเที่ยวแบบสบายๆ ก็เผื่อเวลาเที่ยวชมสถานที่ 2 แห่งนี้ได้ที่ละประมาณ 3 ชั่วโมง แต่ถ้าจะรวบตึงเที่ยวให้จบภายในเช้าวันเดียวก็ย่อมได้ เริ่มจากไป สวนสาธารณะปราสาทโอซาก้า ตั้งแต่เช้าตรู่ พอ 9 โมงเช้าก็รีบไปเข้าแถวเพื่อเข้าชมปราสาทโอซาก้า จากนั้นขึ้นรถไฟที่ สถานี Tanimachiyonchome Station นั่งแป๊บเดียวก็ถึงพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำไคยูคัง โอซาก้า ซึ่งเปิดให้เข้าชมตั้งแต่ 10 โมงเช้า ช่วงบ่ายและเย็น วัดชิเท็นโนจิ (Shitennoji temple) หอคอยซึเท็นคาคุ (Tsutenkaku tower) และ ย่านชินเซไก (Shinsekai): เที่ยววัดชิเท็นโนจิซึ่งเป็นวัดเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของโอซาก้า จากนั้นไปชมวิวอลังการบน หอคอยซึเท็นคาคุ ปิดท้ายวันด้วยการเดินเล่นในย่านชินเซไกที่มีบรรยากาศสุดคึกคัก สีสันฉูดฉาดบาดตา และเต็มไปด้วยร้านอาหารญี่ปุ่นและสตรีทฟู้ดแสนอร่อย เข้าพักในที่พักใกล้กับ สถานีนัมบะ แล้วออกไปเดินเที่ยวในโอซาก้าได้เลย โรงแรมอิล คูโอเร่ นัมบะ โรงแรมเอส-เพรสโซ-เดอะ นอร์ท โรงแรมอิชิเออิ   แพลนเที่ยวโอซาก้า 5 วัน (ต่อจาก 2 วันแรก) วันที่ 3 ทั้งวัน เกียวโต (Kyoto): นั่งรถไฟ 1 ชั่วโมงจากโอซาก้าไปเกียวโต เพื่อเที่ยวชมวัดเก่าแก่และสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ อย่าลืมไปเลือกซื้องานฝีมือแบบโบราณและเครื่องแต่งกายแบบญี่ปุ่นแท้ๆ ด้วยนะ ที่เที่ยวสุดฮิตในเกียวโต ศาลเจ้าเทพเจ้าจิ้งจอกอินาริ (Fushimi Inari Taisha) วัดคินคะคุจิหรือวัดทอง (Kinkaku-ji temple) วัดคิโยะมิซุหรือวัดน้ำใส (Kiyomizu-dera temple)...
อ่านเพิ่มเติม
หากใครมา โอซาก้า เพื่อช้อปปิ้งเป็นหลักละก็ แค่เที่ยวอยู่แถวๆ ชินไซบาชิ ก็ฟินแล้ว เพราะย่านนี้มีร้านเสื้อผ้า สินค้าแฟชั่น และห้างสรรพสินค้าแน่นขนัดทุกตรอกซอกซอย แถมยังมีเรือเฟอร์รีนำเที่ยวให้บริการอยู่ตาม ทางเดินเลียบแม่น้ำทมโบริ (Tombori River Walk) หากใครเป็นนักท่องเที่ยวสายธรรมะ ในย่านนี้ก็มีวัดวาอารามอยู่มากมาย ส่วนใครเป็นนักท่องเที่ยวสายบันเทิง ที่นี่ก็มีที่เที่ยวกลางคืนอยู่เยอะแยะไม่แพ้กัน ที่เที่ยวแนะนำในย่านชินไซบาชิ ถนนช้อปปิ้งชินไซบาชิ (Shinsaibashi Shopping Street): อภิมหาถนนสายช้อปปิ้งที่ยาวเกือบ 600 เมตรแห่งนี้ ตั้งอยู่ระหว่าง ถนนโดทงโบริ (Dotonbori) และ ถนนมิโดซูจิ (Midosuji Boulevard) ที่นี่มีตั้งแต่สินค้าแบรนด์เนมสุดหรูไปจนถึงสินค้าพื้นเมืองราคาย่อมเยา หากไปเดินเล่นตามตรอกซอกซอย ก็อาจจะเจอร้านอาหารเด็ดๆ คาเฟ่สุดชิก หรือไม่ก็ร้านเหล้าสไตล์ญี่ปุ่นแท้ๆ ก็เป็นได้ ศาลเจ้ามิตสึฮาจิมังกุ (Mitsuhachimangu Shrine): ศาลเจ้าแห่งนี้สร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 8 ที่นี่ตั้งอยู่ใน หมู่บ้านอเมริกา (Americamura) ระหว่าง สวนสาธารณะมิตสึ (Mitsu Park) และ วัดมิตสึเทระ (Mitsutera) ชาวญี่ปุ่นเชื่อกันว่าเทพผู้คุ้มครองย่านมินามิ (Minami) สถิตอยู่ที่ศาลเจ้าแห่งนี้ วัดมิสึเทระ (Mitsutera temple): วัดนี้เป็นวัดเล็กๆ ที่เงียบสงบ ตั้งอยู่ระหว่าง ชินไซบาชิช้อปปิ้งอาร์เคด (Shinsaibashi Shopping Arcade) และ ถนนมิโดซูจิ หากอยากปลีกตัวจากความวุ่นวายในแหล่งช้อปปิ้ง แนะนำให้ลองเข้าไปสัมผัสความสงบและชมสถาปัตยกรรมญี่ปุ่นแบบโบราณที่วัดนี้ดู แหล่งช้อปปิ้งห้ามพลาดในย่านชินไซบาชิ ชินไซบาชิช้อปปิ้งอาร์เคด: ห้างสรรพสินค้าสุดอลังการ แหล่งรวมสินค้าแฟชั่นนำเทรนด์ มีทั้งเสื้อผ้า รองเท้า เครื่องประดับและสินค้าอื่นๆ อีกมากมาย ห้างนี้รองรับนักช้อปได้กว่า 60,000 คน ต่อวันเลยทีเดียว ห้างสรรพสินค้าไดมารู (Daimaru department store): เดิมชื่อห้างมัตสึยะ (Matsuya) เปิดทำการครั้งแรกในปี 1726 โดยเริ่มจากการขายผ้าและกิโมโน ปัจจุบัน ไดมารู ถือเป็นห้างยอดนิยมแห่งหนึ่งในย่านชินไซบาชิที่ขายสินค้าแฟชั่นคุณภาพดี และราคาไม่แพง หมู่บ้านอเมริกา: แหล่งช้อปปิ้งเก๋ๆ ที่เป็นสถานที่แฮงเอาต์สุดฮิตในหมู่วัยรุ่นโอซาก้า มีทั้งร้านเสื้อผ้ามือสอง อาร์ตแกลเลอรี และคาเฟ่ หมู่บ้านอเมริกาตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตกของย่านชินไซบาชิ กินพื้นที่ตั้งแต่ ถนนนางาโฮริ (Nagahori Street) ยาวไปจนถึง ย่านโดทงโบริ ข้าวปั้นหน้าปลาดิบ ปิ้งย่างสไตล์ญี่ปุ่น ราเมง รวมร้านอร่อยย่านชินไซบาชิ Sushi Omasa: ห้ามพลาด! ซูชิชิ้นหนานุ่มที่เชฟมือโปรจะมาปั้นให้ดูกันสดๆ ตรงหน้า ราคาเฉลี่ยต่อคน: 10,000 เยน เปิด: วันอังคาร - เสาร์ เวลา 17.00 น. - 01.00 น. (ปิดรับออร์เดอร์เที่ยงคืน), วันอาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 17.00 น. – 23.00 น. (ปิดรับออร์เดอร์เวลา 22.00 น.) พิกัดร้าน Matsusakagyu Yakiniku Hozenji Hanare: เพลิดเพลินกับการดูเชฟมือฉมังแล่เนื้อตามสั่งอย่างบรรจง พร้อมลิ้มรสเนื้อย่างคุณภาพเยี่ยมในร้านอาหารบรรยากาศดี...
อ่านเพิ่มเติม
อะมะงะซากิ (Amagasaki) หรือที่คนท้องถิ่นเรียกกันสั้นๆ ว่า “อะมะ” เป็นย่านที่ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของ โอซาก้า ในเขต จังหวัดเฮียวโงะ (Hyogo Prefecture) ที่นี่เป็นสถานที่พักผ่อนยอดนิยมของชาวโอซาก้าผู้ชื่นชอบออนเซ็นและร้านอิซากายะ (บาร์สไตล์ญี่ปุ่น) อะมะงะซากิ อยู่ห่างจากโอซาก้าเพียง 10 นาทีหากเดินทางโดยรถไฟ สะดวกแบบนี้ยิ่งทำให้น่าไปเที่ยวสุดๆ รับรองว่านักท่องเที่ยวที่ชอบสัมผัสวิถีชีวิตแบบญี่ปุ่นแท้ๆ จะต้องถูกใจอย่างแน่นอน อะมะงะซากิ: เที่ยวที่ไหน ทำอะไรดี พิพิธภัณฑ์ออมสินโลก (World Piggy Bank Museum): หรือที่เรียกกันว่า World Money Box Museum ตั้งอยู่ติดกับ พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์อะมะชิน (Amashin Historical Museum) ภายในพิพิธภัณฑ์ออมสินโลกมีกระปุกออมสินและกล่องเก็บเงินกว่า 13,000 ชิ้น รวมทั้งเงินตราของมีค่าจากทั่วโลก ในตอนจบของทัวร์แต่ละช่วงจะมีกิจกรรมธนาคารจำลองให้เด็กๆ และผู้ใหญ่ได้เล่นสนุกกัน ที่นี่จึงเป็นแหล่งท่องเที่ยวเหมาะกับครอบครัว ศูนย์วัฒนธรรมอะมะงะซากิ (Amagasaki Cultural Center): ชมคอนเสิร์ตวงซิมโฟนี และนิทรรศการที่จัดขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่ศิลปินท้องถิ่น ณ ห้อง Kazuo Shiraga Memorial Room ปราสาทอะมะงะซากิ (Site of Amagasaki Castle): เที่ยวชมปราสาทที่เพิ่งสร้างเสร็จใหม่ โดยจำลองแบบจากปราสาทเดิมในสมัยศตวรรษที่ 17 และชมซากกำแพงหินที่ใช้ป้องกันปราสาทในสมัยโบราณ ออนเซ็นและเซ็นโตแบบญี่ปุ่น อะมะงะซากิ ขึ้นชื่อเรื่องโรงอาบน้ำร้อนเซ็นโตและบ่อน้ำพุร้อนออนเซ็น ซึ่งน้ำที่ใช้ในเซ็นโตหรือซูเปอร์เซ็นโตนั้นเป็นน้ำร้อนธรรมดา ส่วนน้ำในออนเซ็นเป็นน้ำพุร้อนจากธรรมชาติ คนญี่ปุ่นชอบแช่น้ำร้อนทั้ง 2 แบบเพราะว่าแช่แล้วสบาย และผ่อนคลายทั้งคู่ แนะนำให้ลองไปแช่ออนเซ็นที่ Yomogawa Onsen Mizukinoyu ซึ่งตั้งอยู่ใกล้ๆ กับ สนามแข่งเรือ Boat Race Amagasaki แหล่งช้อปปิ้งที่ดีที่สุด Amagasaki Q’s Mall: เที่ยวชมแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์จนจุใจแล้ว ลองสลับบรรยากาศมาเที่ยวที่ห้างใหญ่สุดทันสมัยกันบ้าง ที่ชั้นบนสุดของห้างนี้มีโรงหนังด้วย หากใครอยากสัมผัสบรรยากาศโรงหนังของญี่ปุ่นก็ลองไปเที่ยวกันได้เลย ถนนช้อปปิ้งย่านคุอิเซะ (Kuise Shotengai shopping street): ย่านคุอิเซะขึ้นชื่อเรื่องของสด อาหารญี่ปุ่นต้นตำรับ และยังมีสาเกพื้นเมืองให้ชิมมากมาย นอกจากนี้ก็มีร้านค้าต่างๆ ให้ได้ไปเดินดูของกันเพลินๆ ร้านอาหารแนะนำน่าลอง Daikan Honten: ร้านราเมงระดับตำนานแห่งนี้เปิดมานานกว่า 100 ปี ว่ากันว่าเป็นร้านราเมงที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่นเลยทีเดียว แหล่งท่องเที่ยวยามราตรีที่ไม่ควรพลาด แหล่งท่องเที่ยวยามราตรีของอะมะงะซากิ ตั้งอยู่ใกล้กับ สถานีรถไฟ Tachibana Station ที่ย่านนี้มีบาร์ Bar Piggy’s และ Bar Primavera ที่มีช่วง Happy Hour เสิร์ฟค็อกเทลในบรรยากาศสบายๆ การเดินทาง เดินทางมาลงที่ สถานีรถไฟ Amagasaki Station หรือ JR Amagasaki Station ทั้ง 2 สถานีเชื่อมต่อกับ สถานี Kansai-Airport Station, Umeda Station, Namba Station และ Universal-City Station เข้าพักในที่พักใกล้กับ ปราสาทอะมะงะซากิ...
อ่านเพิ่มเติม
แน่นอนว่าช่วงดอกซากุระบานหรือช่วงใบไม้เปลี่ยนสีเป็นช่วงเวลาท่องเที่ยว โอซาก้า ที่ดีที่สุด แต่ช่วงเวลานอกฤดูท่องเที่ยวสุดฮิต อย่างฤดูหนาวและฤดูร้อนก็มีอะไรให้ทำเยอะแยะไม่แพ้กัน ฤดูใบไม้ผลิในโอซาก้า เดือน: มีนาคม – พฤษภาคม การแต่งกาย: ถ้าออกไปเที่ยวข้างนอกก็ควรพกแจ็กเก็ตบางๆ ติดตัวไว้พร้อมกับร่มสักคัน หรือเสื้อกันฝนก็ได้ กิจกรรมห้ามพลาด: ชมดอกซากุระบานสะพรั่งและดูการแข่งขันซูโม่ นอกจาก โอซาก้า จะมีซากุระให้ชมในฤดูใบไม้ผลิแล้ว ยังมีการแข่งขันซูโม่ให้ดูด้วยอีกอย่าง ลองเปลี่ยนบรรยากาศไปชมการแข่งกีฬาประจำชาติญี่ปุ่นสักครั้งก็น่าสนใจไม่น้อย จุดชมซากุระที่ดีที่สุดในโอซาก้า สวนนิชิโนะมารุ (Nishinomaru Garden) ในสวนสาธารณะปราสาทโอซาก้า (Osaka Castle Park): ชม ปราสาทโอซาก้า ที่โอบล้อมด้วยต้นซากุระที่ออกดอกบานสะพรั่งกว่า 600 ต้น โดยปกติสวนนี้เปิดให้บริการตั้งแต่ 09:00 น – 17:00 น. แต่จะขยายเวลาเข้าชมถึง 21:00 น. ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ชื่นชมสวนที่ประดับไฟอันสวยสดงดงาม หากต้องการชม สวนนิชิโนะมารุ จะต้องจ่ายค่าเข้าชมเพิ่มเติมจากค่าเข้าชม ปราสาทโอซาก้า โรงกษาปณ์ญี่ปุ่น (Japan Mint): โรงกษาปณ์ญี่ปุ่น และ พิพิธภัณฑ์เหรียญตรา (Mint Museum) จะเปิดพื้นที่สงวนอย่าง “อุโมงค์ซากุระ” ให้คนทั่วไปได้เข้าชมเป็นเวลาประมาณ 1 สัปดาห์ในช่วงกลางเดือนเมายน นอกจากนี้ยังสามารถเดินเล่นเลียบ แม่น้ำโอคาวะ (Okawa River) ได้ราว 30 นาทีโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ หากวางแผนจะเที่ยวให้ครบ แบบจ่ายครั้งเดียวจบ ก็อย่าลืมวางแผนให้ดีเพราะว่า พิพิธภัณฑ์เหรียญตรา ปิดทำการช่วงสัปดาห์ดอกซากุระบาน สวนสาธารณะอนุสรณ์งาน Expo '70 (Expo ’70 Commemorative Park): ใครชอบเที่ยวชมธรรมชาติ แนะนำให้ไป สวนญี่ปุ่น (Japanese Garden) ซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณสถานที่จัดงาน Japan World Exposition ในปี 1970 ซึ่งนอกจากจะมีต้นซากุระแล้ว ยังมีต้นบ๊วยเรียงรายสวยงามให้ชมอีกด้วย นอกจากนี้นักท่องเที่ยวยังสามารถเที่ยวชม พิพิธภัณฑ์หัตถกรรมพื้นบ้านญี่ปุ่น (Japan Folk Crafts Museum) ที่ตั้งอยู่ภายในบริเวณเดียวกันได้อีกด้วย สวนเคมะ ซากุระโนะมิยะ (Kema Sakuranomiya Park): นั่งปิกนิกใต้ร่มเงาต้นซากุระกว่า 5,000 ต้น ที่ริม แม่น้ำโอคาวะ สวนนากาอิ (Nagai Park): เดินชมดอกซากุระและดอกไม้ประจำฤดูกาลตามทางเดินใน สวนพฤกษชาตินากาอิ (Nagai Botanical Garden) การแข่งขันซูโม่ที่ดีที่สุดในโอซาก้า March Grand Tournament เป็นการแข่งขันซูโม่รายการใหญ่ที่กินเวลานานถึงสองสัปดาห์ การแข่งขันนี้จัดขึ้นในช่วงกลางเดือนมีนาคมของทุกปีที่ เอดิออน อารีนา โอซาก้า (EDION Arena Osaka) หรือศูนย์กีฬาประจำจังหวัดโอซาก้า นั่นเอง สามารถซื้อตั๋วออนไลน์หรือไปซื้อตั๋วที่หน้างานก็ได้ ที่พักใกล้กับ ปราสาทโอซาก้า ดอร์มี อินน์ โอซาก้า เนเชอรัล ฮอตสปริง (ทะนิมะชิ) โฮสเทล จิง โทโยโกะ อินน์ โอซาก้า ทานิยง โคซาเต็น ออกไปเที่ยวที่...
อ่านเพิ่มเติม
ปราสาทโอซาก้า ไม่ได้เป็นเพียงแค่สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมอันดับต้นๆ ของโอซาก้าเท่านั้น แต่ยังเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่นอีกด้วย ปราสาทโอซาก้า นั้นมีความเป็นมาที่ยาวนานตั้งแต่สมัยปลายศตวรรษที่ 16 เมื่ออดีตขุนพลและนักรบ โทโยโตมิ ฮิเดโยชิ (Toyotomi Hideyoshi) สั่งให้สร้างปราสาทแห่งนี้ขึ้นเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของการรวบรวมประเทศที่แตกแยกเนื่องจากสงคราม เที่ยวชมปราสาทโอซาก้า พร้อมศึกษาประวัติศาสตร์จากแลนด์มาร์กอันทรงคุณค่าแห่งนี้ อาคารหลัก ของปราสาทโอซาก้าถูกไฟไหม้เสียหายในปีค.ศ. 1615 และได้รับการสร้างขึ้นใหม่ในปี 1620 หากมองจากภายนอกจะเห็นว่ามีเพียง 5 ชั้นแต่ที่จริงแล้วภายในมีทั้งหมด 8 ชั้น ต่อมาในปี 1665 ปราสาทโอซาก้าก็ถูกฟ้าผ่าเสียหายอีกครั้ง จึงได้มีการบูรณะปราสาทเรื่อยมาจนถึงปี 1843 หลังจากนั้นในปี 1868 ปราสาทโอซาก้าถูกศัตรูตีแตกเป็นครั้งที่สามและถือเป็นครั้งสุดท้าย ตัวปราสาทเกือบทั้งหลังถูกไฟไหม้ย่อยยับ ต่อมามีการซ่อมแซมปราสาทเป็นบางส่วนในปี 1931 เมื่อกองทัพญี่ปุ่นใช้ปราสาทเป็นคลังสรรพาวุธเพื่อผลิตปืนและกระสุน ทว่าในสมัยสงครามโลกครั้งที่สองเมื่อปี 1945 ปราสาทก็ถูกโจมตีจนแทบพังพินาศอีกครั้ง ปราสาทโอซาก้าได้รับการบูรณะเป็นครั้งสุดท้ายในปี 1997 และนับแต่นั้นนักท่องเที่ยวก็เดินทางมาเยี่ยมชมสถานที่แห่งนี้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงที่ดอกซากุระบาน นักท่องเที่ยวจะได้ชมกำแพงหินและคูน้ำรอบตัวปราสาทดั้งเดิม รวมถึงสิ่งก่อสร้าง 13 อย่างที่รัฐบาลญี่ปุ่นกำหนดให้เป็นสมบัติสำคัญทางวัฒนธรรม แลนด์มาร์กทางประวัติศาสตร์ 13 อย่างภายในปราสาทโอซาก้า ประตูโอเตะมอน (Ote-mon Gate) ประตูซากุระมอน (Sakura-mon Gate) ป้อมอิจิบังยากุระ (Ichiban-yagura Turret) ป้อมอินุยยากุระ (Inui-yagura Turret) ป้อมโรคุบังยากุระ (Rokuban-yagura Turret) ป้อมเซ็นกังยากุระ (Sengan-yagura Turret) ป้อมทามอนยากุระ (Tamon-yagura Turret) บ่อน้ำคินเมซุย (Kinmeisui Well) ห้องคลังคินโซ (Kinzo Storehouse) โรงเก็บดินปืนเอ็นโชกุระ (Enshogura Gunpowder Magazine) กำแพงปราสาทรอบประตูโอเตมอน (สามส่วน) กิจกรรมที่น่าสนใจในปราสาทโอซาก้า พิพิธภัณฑ์ปราสาทโอซาก้า: พิพิธภัณฑ์ปราสาทโอซาก้าตั้งอยู่ในบริเวณอาคารหลัก เป็นสถานที่จัดแสดงเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่น ซึ่งนักท่องเที่ยวจะได้เรียนรู้เรื่องราวทางประวัติศาสตร์จากวัตถุโบราณ ภาพเขียน และนิทรรศการเคลื่อนไหว นอกจากนี้ยังมีภาพยนตร์ความยาว 5 ตอน ที่บอกเล่าเรื่องราวของฮิเดะโยชิและวิสัยทัศน์ของเขาในการสร้างปราสาทโอซาก้า ชมภาพยนตร์จบแล้ว อย่าลืมไปลองสวมชุดซามูไรเท่ๆ ที่ทางพิพิธภัณฑ์มีให้บริการ จุดชมวิว: นักท่องเที่ยวสามารถชมวิวอันสวยสดงดงามของเมืองโอซาก้าและสวนสาธารณะปราสาทโอซาก้าได้จากจุดชมวิวที่ชั้นบนสุดของพิพิธภัณฑ์ปราสาทโอซาก้า สวนสาธารณะปราสาทโอซาก้า: สวนแห่งนี้ตั้งอยู่ในบริเวณรอบๆ อาคารหลักของปราสาทโอซาก้า นักท่องเที่ยวนิยมมาเที่ยวชมกันเป็นจำนวนมากในฤดูใบไม้ผลิที่ดอกซะกุระบานสะพรั่ง ภายในสวนยังมีศาลเจ้าโฮโกคุ (Hokoku Shrine), สวนนิชิโนะมารุ (Nishinomaru Garden) และสวนดอกท้อปราสาทโอซาก้า (Osakajo Plum Grove) อีกด้วย นักท่องเที่ยวจะได้ดื่มด่ำบรรยากาศที่รายล้อมไปด้วยดอกไม้ตระกูลแอพริคอต อย่างดอกท้อ ดอกบ๊วย และดอกซากุระ ที่มีมากมายเกือบ 100 สายพันธุ์ในป่าต้นบ๊วย (Ume Grove) นอกจากนี้นักท่องเที่ยวยังชมใบไม้เปลี่ยนสีได้ที่ป่าโอะโมยเดะโนะโมริ (Omoide-no-mori) หรือป่าแห่งความทรงจำ ค่าเข้าชมและเวลาเปิดทำการของปราสาทโอซาก้า คุณสามารถเข้าชม สวนสาธารณะปราสาทโอซาก้า ได้ฟรี ส่วน อาคารหลัก, พิพิธภัณฑ์ปราสาทโอซาก้า และ สวนนิชิโนะมารุ ต้องซื้อบัตรเข้าชม บัตรเข้าชม อาคารหลัก และ พิพิธภัณฑ์ปราสาทโอซาก้า: ผู้ใหญ่ 600 เยน | เด็ก (อายุไม่เกิน 15 ปี) เข้าชมฟรี...
อ่านเพิ่มเติม
ยูนิเวอร์แซล สตูดิโอส์ เจแปน หรือ USJ (Universal Studios Japan) สวนสนุกที่ใหญ่ที่สุดในโอซาก้าแห่งนี้เป็นสวนสนุกที่มีคนมาเที่ยวมากที่สุดเป็นอันดับสองของญี่ปุ่นรองจากโตเกียวดิสนีย์แลนด์ และเป็นหนึ่งในธีมพาร์ก แอนด์ รีสอร์ต ของยูนิเวอร์แซลซึ่งมีเพียง 4 แห่งในโลก แถมยังเป็นยูนิเวอร์แซลธีมพาร์กแห่งแรกในเอเชียอีกด้วย ไฮไลต์และกิจกรรมห้ามพลาดที่ USJ USJ แบ่งออกเป็น 9 โซน ตามธีมภาพยนตร์สุดฮิตของฮอลลีวูดและหนังดังจากค่ายยูนิเวอร์แซลสตูดิโอส์ Universal Wonderland: เหมาะกับเด็กเล็กและครอบครัว ที่นี่แบ่งออกเป็น 3 โซนย่อยๆ คือ Snoopy Studio, Hello Kitty Fashion Avenue และ Sesame Street Fun World เด็กๆ และผู้ใหญ่จะได้สนุกกับเครื่องเล่นอย่าง Flying Snoopy และ Moppy’s Balloon Trip Amity Village: ทำใจให้ดีๆ ล่ะ ตอนขึ้น “เรือสยองขวัญ” ในแอมิตี้วิลเลจ เพราะฉลามกินคนจากหนังดังเรื่อง Jaws จะโผล่มาสั่นประสาทคนชอบลองของ เราเตือนแล้วนะ Waterworld: ชมฉากต่อสู้แบบสดๆ ในสตูดิโอที่เจ๋งที่สุดแห่งหนึ่งของสวนสนุกนี้ ที่นี่ คุณจะไม่ได้แค่นั่งดูการสู้รบบนผิวน้ำเฉยๆ แต่จะรู้สึกเหมือนตัวเองได้ลงไปร่วมวงลุยเองเชียวละ The Wizarding World of Harry Potter: หยิบไม้กายสิทธิ์เข้าไปเรียนวิธีเสกคาถาให้ทั่วทั้งปราสาทฮอกวอตส์ เมื่อใช้ไม้กายสิทธ์เป็นแล้ว อย่าลืมไปลองวิชากับพ่อมดแม่มดตัวจริงที่หมู่บ้านฮ็อกส์มีด หรือต่อสู้กับผู้คุมวิญญาณบนเครื่องเล่นสุดมันอย่าง Harry Potter and the Forbidden Journey Jurassic Park: นั่ง The Flying Dinosaur ย้อนกลับไปยังโลกสมัยก่อนประวัติศาสตร์ แล้วเตรียมวิ่งหนีไดโนเสาร์ที่ Jurassic Park – The Ride หนึ่งในเครื่องเล่นทางน้ำที่ฮ็อตที่สุดของ USJ San Francisco: พบกับฉากไฟไหม้สุดตื่นเต้นเหมือนอย่างในภาพยนตร์เรื่อง Backdraft Minion Park: เล่นสนุกกับเหล่ามินเนียนตัวเหลืองสุดกวนที่โผล่ออกมาจากแล็บใต้ดิน แล้วหัวเราะให้สนั่นตอนนั่งเครื่องเล่น Despicable Me Minion Mayhem และ Freeze Ray Sliders New York: สัมผัสประสบการณ์ติดกับดักใยแมงมุมสามมิติสุดตื่นเต้นได้จากเครื่องเล่น The Amazing Adventures of Spider-Man – The Ride 4K3D Hollywood: ขาชี้ฟ้าหน้าสู้พื้นต้องนี่เลย Hollywood Dream – The Ride – Backdrop เครื่องเล่นที่จะพาผู้โดยสารแล่นฉิวแบบหันหลังไปบนโรลเลอร์โคสเตอร์ แต่ถ้าชอบพุ่งไปข้างหน้ามากกว่า เราขอแนะนำให้ขึ้น Hollywood Dream – The Ride ร้านอาหารและร้านขายของที่ระลึกที่ USJ ทุกโซนของ USJ (ยกเว้นโซนวอเตอร์เวิลด์) มีร้านค้าและร้านอาหารตามธีมของตัวเอง อย่าพลาดชิมของหวานอย่าง whoopie...
อ่านเพิ่มเติม
ช่วงเวลาปลายปีคือหนึ่งในช่วงเวลาสุดโปรดของเหล่าบรรดานักเดินทาง ซึ่งจะเริ่มวางแผนท่องเที่ยวส่งท้ายปลายปีกันอีกครั้ง และหากจะเอ่ยถึงประเทศยอดฮิตของนักเดินทางชาวไทย ประเทศญี่ปุ่นก็จะต้องติดโผเป็นอันดับต้นๆ อย่างแน่นอน ส่วนไฮไลต์เด็ดปลายปีของการท่องเที่ยวญี่ปุ่นที่เหล่านักเดินทางรอคอยก็คงหนีไม่พ้นการชมใบไม้เปลี่ยนสีในทุกทั่วภูมิภาคของญี่ปุ่น และหนึ่งในนั้นก็รวมถึงเมืองโตเกียว ซึ่งมีจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีให้คุณไปดื่มด่ำวิวงามๆ อย่างเต็มที่ไม่แพ้ที่ไหนๆ และนี่คือ 5 จุดชมใบไม้เปลี่ยนสีในโตเกียว ที่เราอยากให้คุณลองไปสัมผัสถึงสีสันแห่งฤดูใบไม้ร่วงสักครั้งหนึ่งในชีวิต 1. สวนโคอิชิกาวะ โคระคุเอ็น (Koishikawa Korakuen) หากเอ่ยถึง จุดชมใบไม้เปลี่ยนสีในโตเกียว ที่ห้ามพลาด สวนโคอิชิคาวะ โคระคุเอน คือหนึ่งในนั้น ที่นี่ขึ้นชื่อว่าเป็นหนี่งในสวนที่เก่าแก่ที่สุดในโตเกียว สร้างขึ้นในยุคเอโดะตอนต้น เพราะความสวยงามของสวนที่มีการจัดแต่งอย่างงดงามสไตล์สวนญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม ไม่ว่าจะเป็นต้นไม้ บ่อน้ำ หินประดับสวยงาม และทางเดินชมสวน จึงทำให้สวนแห่งนี้เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจยอดฮิตตลอดทั้งปีสำหรับนักท่องเที่ยวและคนญี่ปุ่นเอง แต่ช่วงที่สวยงามและดึงดูดนักท่องเที่ยวเป็นพิเศษก็คือช่วงฤดูใบไม้ร่วง ซึ่งคุณจะได้เห็นใบต้นเมเปิลแข่งขันกันสาดสีสันส้มแดงสดใสอยู่ตรงบริเวณบ่อน้ำทั้งสามบ่อของสวน หากแค่สองสีนั้นยังไม่จุใจ ก็อย่าลืมไปชมความงามของใบต้นแป๊ะก๊วยสีเหลืองสบายตาที่อยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของสวน รับรองว่าน่าประทับใจไม่แพ้กัน เข้าพักที่ โรงแรมโตเกียว โดม, แล้วออกไปชมใบไม้เปลี่ยนสีที่ สวนโคอิชิกาวะ โคระคุเอ็น ค้นหาที่พักราคาดีที่สุดใกล้โตเกียวโดม 2. สวนริคุงิเอ็น (Rikugien Garden) อีกหนึ่งสวนญี่ปุ่นที่ขึ้นชื่อว่างดงามที่สุดไม่แพ้ที่ไหนในโตเกียวก็คือ สวนริคุงิเอ็น สวนนี้ถือเป็นตัวอย่างที่ดีของสวนสมัยเอโดะเลยก็ว่าได้ ซึ่งประกอบด้วยบ่อน้ำตรงกลางขนาดใหญ่ ล้อมรอบด้วยเนินและต้นไม้ และทั้งหมดก็มีทางเดินเชื่อมถึงกัน ด้วยความที่สวนแห่งนี้ค่อนข้างกว้างมาก การจะใช้เวลาเดินเล่นดื่มด่ำชมความงามให้ทั่วสวนก็อาจกินเวลาสักเล็กน้อย แต่รับรองว่าคุ้มค่าแน่นอน ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงปลายเดือนพฤศจิกายนถึงต้นเดือนธันวาคม ที่นี่จะกลายเป็นจุดหมายปลายทางยอดฮิตที่ไม่ว่าใครก็ต้องมาเยือนเพื่อชมวิวใบไม้เปลี่ยนสีแบบอลังการงานสร้าง ส่วนไฮไลต์เด็ดคือใบต้นเมเปิ้ลสีแดงจัดส้มจัดที่แข่งกันโชว์ความงามท้าแสงแดด โดยเฉพาะวิวใบไม้แดงตรงใกล้ๆ ริมลำธารที่ไหลผ่านโรงน้ำชา และสะพานโทเง็ตสึเคียว กลายเป็นภาพทิวทัศน์ธรรมชาติที่งดงามดุจราวภาพวาดจนไม่ว่าใครก็อยากเก็บภาพความประทับใจ และดื่มด่ำวิวตรงหน้านี้ให้ยาวนานที่สุด เข้าพักที่ โรงแรมเอพีเอ ซุงะโมะ เอกิมะเอะ, แล้วออกไปชมใบไม้เปลี่ยนสีที่ สวนริคุงิเอ็น ค้นหาที่พักราคาดีที่สุดใกล้สวนสาธารณะอุเอะโนะ 3. ภูเขาทาคาโอะ (Mount Takao หรือ Takaosan) ภูเขาทาคาโอะ ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตกของโตเกียว แม้จะไม่ได้อยู่ในใจกลางเมือง แต่ก็ใช้เวลาไม่นานในการเดินทางมาที่นี่ แค่ประมาณหนึ่งชั่วโมงจากชินจูกุ คุณก็จะได้เจอกับวิวธรรมชาติอย่างจัดเต็ม ภูเขาแห่งนี้มีชื่อเสียงเรื่องเส้นทางเดินเขาสวยๆ มากมาย ใครฟิตๆ ก็ต้องลองไปเดินขึ้นยอดเขา โดยจะใช้เวลาประมาณ 90 นาที ที่นี่มีชื่อเสียงในเรื่องวิวทิวทัศน์หลักล้าน โดยเฉพาะในฤดูใบไม้ร่วงช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน ที่คุณจะได้เห็นความงามของใบไม้ทั้งสีส้มสีแดงที่แซมอยู่ทั่วทั้งภูเขา จึงทำให้ภูเขาทาคาโอะแห่งนี้เป็นสถานที่ที่ไม่ว่าใครก็อยากมาสัมผัสกับความงามแห่งสีสันใบไม้แดงท่ามกลางธรรมชาติให้ได้สักครั้ง นอกจากนี้ที่นี่ยังเป็นที่ตั้งของ วัดยะคุโอะอิน (Yakuoin Temple) วัดศาสนาพุทธนิกายชินโตอันศักดิ์สิทธิ์ที่ผู้คนนิยมไปสักการะขอพรเพื่อความโชคดีอีกด้วย เข้าพักที่ โรงแรมเอพีเอ ชินจุกุ - เกียวเอมมะเอะ, แล้วออกไปฟินกับธรรมชาติที่ ภูเขาทาคาโอะ ค้นหาที่พักราคาดีที่สุดในชินจูกุ 4. อิโชนามิกิ หรือ อุโมงค์ต้นแปะก๊วย (Icho Namiki หรือ Ginkgo Avenue) ถนนอิโชนามิกิ ตั้งอยู่ใน สวนเมจิจิงกูไกเอน (Meiji Jingu Gaien) ซึ่งเป็นถนนที่มีต้นแปะก๊วยเรียงรายสองข้างทางมากกว่า 100 ต้น กลายเป็นทิวทัศน์อุโมงค์ต้นแปะก๊วยที่ทอดยาวไปตามถนนระยะทาง 300 เมตรแห่งนี้ ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ถนนอิโชนามิกิจะคลาคล่ำไปด้วยผู้คนที่มาเดินเล่นชมความงามของใบต้นแปะก๊วยที่เปลี่ยนเป็นสีเหลืองอร่ามไปทั่วทั้งสาย และจะสวยสุดๆ ตอนช่วงพีคประมาณปลายเดือนพฤศจิกายน ลองนึกภาพว่าคุณกำลังเดินบนพรมใบแปะก๊วยที่ร่วงปกคลุมอยู่บนถนน ส่วนสองข้างทางก็เป็นต้นแปะก๊วยที่เปลี่ยนเป็นสีเหลืองสดใส มองไปทางไหนก็เห็นแต่สีเหลือง แถมมีมุมงามๆ ให้คุณได้เก็บภาพกันอย่างสะใจ แค่นี้ก็ฟินสุดๆ นอกจากนี้ในช่วงเทศกาลใบไม้เปลี่ยนสี ก็จะมีร้านค้าตามสองข้างทางที่ขายอาหาร ของกินเล่น และสินค้าน่ารักๆ ให้คุณช็อปเพลินๆ ระหว่างเดินเล่นไปตามอุโมงค์ต้นแปะก๊วยอันงดงามแห่งนี้ด้วย เข้าพักที่ ซูเปอร์ โฮเต็ล ชินจุกุ คาบุกิโชะ,...
อ่านเพิ่มเติม
เพราะระบบขนส่งในญี่ปุ่นที่ขึ้นชื่อว่าสะดวกสบายและทันสมัยสุดๆ จึงทำให้การเดินทางไปไหนมาไหนจากโตเกียวช่างง่ายแสนง่าย ไม่ว่าคุณจะเลือกไปเดินเขาผจญภัย หรือจะไปชิลชมวิวริมทะเลแบบวันเดย์ทริป ก็สะดวกสุดๆ เราจึงขอนำเสนอ 5 สถานที่เที่ยวใกล้โตเกียว แบบฟินมากๆ ที่รับรองว่าไปแล้วไม่มีผิดหวังแน่นอน! เกร็ดน่ารู้: ดอกซากุระขึ้นชื่อว่าเป็นดอกไม้ประจำชาติของประเทศญี่ปุ่น และถือเป็นไฮไลต์หนึ่งของประเทศที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกให้มาชมความงดงามของดอกซากุระ ซึ่งพร้อมใจกันบานสะพรั่งในช่วงฤดูใบไม้ผลิ สถานที่ชมดอกซากุระที่เป็นที่นิยมอันดับต้นๆ ก็คือ สวนสาธารณะอุเอะโนะ (Ueno Park) ในช่วงเวลาพีคประมาณเดือนมีนาคม-เมษายน คุณจะได้เห็นดอกซากุระสีชมพูบานสะพรั่งไปทั่วทั้งสวน พร้อมผู้คนที่หลั่งไหลมาสัมผัสเทศกาลฮานามิหรือประเพณีชมดอกซากุระของญี่ปุ่นนั่นเอง 1. เดินขึ้นภูเขาไฟฟูจิ แล้วไปชมวิวหลักล้านริมทะเลสาบ ใครที่มาญี่ปุ่น ก็คงต้องอยากมาเห็น ภูเขาไฟฟูจิ (Mount Fuji) หรือ ฟูจิซัง ด้วยตาตัวเองให้ได้สักครั้งหนึ่งในชีวิต ภูเขาไฟลูกนี้สูง 12,388 ฟุต (3,776 เมตร) ซึ่งขึ้นชื่อว่าสูงที่สุดในญี่ปุ่น องค์การยูเนสโกได้ประกาศให้ภูเขาไฟฟูจิเป็นมรดกโลกด้านวัฒนธรรม ซึ่งประกอบด้วยสถานที่ท่องเที่ยว 25 แห่งที่อยู่ในบริเวณนั้น แน่นอนว่าที่นี่จึงมีกิจกรรมต่างๆ ให้นักท่องเที่ยวทำมากมาย คุณสามารถปีนขึ้นไปสัมผัสฟูจิซังใกล้ๆ หรือจะใช้เวลาด้านล่างชมวิวฟูจิซังให้เต็มตาริมทะเลสาบ และเก็บสถานที่เที่ยวรอบๆ ให้ครบก็ฟินไม่ต่างกันแน่นอน กิจกรรมและสถานที่เที่ยวน่าไปใกล้ภูเขาไฟฟูจิ ทะเลสาบคาวากูจิ (Lake Kawaguchi): ชมวิวภูเขาไฟฟูจิในตอนเช้า แล้วไปผ่อนคลายที่บ่อน้ำพุร้อนให้สบายใจในตอนบ่าย ฟูจิคิวไฮแลนด์ (Fuji-Q Highland): สนุกสุดเหวี่ยงอะดรีนาลีนหลั่งกับเครื่องเล่นหวาดเสียวนานาชนิด พร้อมชมวิวภูเขาฟูจิแบบฟินๆ ไปพร้อมกัน กระเช้าคาชิคาชิภูเขาเทนโจ (Tenjō-Yama Park Mount Kachi Kachi Ropeway): ขึ้นกระเช้าลอยฟ้าไปบน ภูเขาเทนโจ (Mount Tenjo) แล้วชมวิวมุมสูงของภูเขาไฟฟูจิ, ทะเลสาบคาวากูจิ และ ป่าอาโอะกิงะฮะระ (Aokigahara Forest) ถ้ำน้ำแข็งนารุซาวะ (Narusawa Ice Cave): สำรวจถ้ำน้ำแข็งที่หนาวเย็นตลอดทั้งปีซึ่งตั้งอยู่ในป่าอาโอะกิงะฮะระ โกเท็มบะ พรีเมียม เอาท์เล็ต (Gotemba Premium Outlets): เดินช็อปให้เพลินในร้านค้ามากกว่า 200 ร้านระหว่างทางไปภูเขาไฟฟูจิ วิธีการเดินทาง คุณสามารถเดินทางไปชมภูเขาไฟฟูจิได้ทั้งรถบัสและรถไฟ แต่รถบัสจะราคาประหยัดและเดินทางง่ายกว่า เช็คเวลาและขึ้นรถบัสได้ที่สถานีโตเกียว, สถานีชิบุยะ และสถานีชินจูกุ ซึ่งใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง ส่วนรถไฟจะใช้เวลารวดเร็วและตรงเวลากว่ารถบัส แต่ราคาก็อาจจะสูงขึ้นมาหน่อย เข้าพักที่ โรงแรมยาบูกิโซ, แล้วออกไปดื่มด่ำวิวงามๆ ที่ ภูเขาไฟฟูจิ ค้นหาที่พักราคาดีที่สุดใกล้ๆ สวนสนุกฟูจิคิวไฮแลนด์ 2. สัมผัสความสงบเงียบในอารามเซนและไปชิลริมหาดที่เมืองคามาคุระ ไปสักการะศาลเจ้าและชมวัดเก่าแก่ที่เมืองริมทะเลอย่าง เมืองคามาคุระ (Kamakura) เมืองที่มีไฮไลต์อย่าง องค์พระใหญ่ไดบุตซึ (Daibutsu) ซึ่งสูงเกือบ 50 ฟุต และเป็นพระพุทธรูปที่ผู้คนนิยมไปสักการะกันอย่างล้นหลามที่ วัดโคโทขุ (Kōtoku Temple) เดินชม เส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ (Ten'en Hiking Trail) แล้วไปดูวัดเซนที่เก่าแก่ที่สุดในเขตนี้ที่ วัดเคนโชจิ (Kenchō-ji Temple) และดูสวนหินที่ วัดซุยเซ็นจิ (Zuisen-ji Temple) ส่วนใครชอบทะเลและชายหาดก็ต้องไปแวะที่ หาดยูอิงาฮามะ (Yuigahama Beach) ตรง อ่าวซะงะมิ (Sagami Bay) แล้วรับลมทะเลกันให้สบายใจ วิธีการเดินทาง รถไฟ JR:...
อ่านเพิ่มเติม
โตเกียว เมืองหลวงอันมีชีวิตชีวาของญี่ปุ่น เป็นแหล่งผสมผสานระหว่างประเพณีและความทันสมัยอย่างลงตัว ทำให้เป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับนักเดินทาง เมื่อวางแผนการเข้าพัก สิ่งสำคัญคือการเลือกย่านที่เหมาะสมเพื่อให้ได้รับประสบการณ์สูงสุด และโตเกียวมีสิ่งต่างๆ ให้กับนักเดินทางทุกประเภท บทความนี้จะเจาะลึกสถานที่พักที่ดีที่สุดในโตเกียว ซึ่งแต่ละแห่งนั้นมีสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นเอกลักษณ์และประสบการณ์ที่ไม่มีวันลืม ขั้นแรก ให้สำรวจชินจูกุ ซึ่งคุณสามารถรับประทานอาหารร่วมกับหุ่นยนต์ฉายแสงในร้านอาหารสุดล้ำยุค และเพลิดเพลินกับการช้อปปิ้งสุดหรูในห้างสรรพสินค้าระดับโลก อาซากุสะเหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ต้องการดื่มด่ำกับวัฒนธรรมแบบดั้งเดิม โดยคุณสามารถซื้อตั๋วเข้าร่วมการแข่งขันมวยปล้ำซูโม่และเที่ยวชมวัดเก่าแก่ในพื้นที่ไทโตะได้ หากต้องการบรรยากาศที่ทันสมัยและคึกคักมากขึ้น ให้มุ่งหน้าไปที่ชิบูย่า ซึ่งคุณสามารถเดินผ่านสี่แยกที่พลุกพล่านที่สุดในโลกและถ่ายรูปกับรูปปั้นสุนัขอากิตะที่คนญี่ปุ่นชื่นชอบมากที่สุด หากคุณเป็นผู้ที่ชื่นชอบศิลปะและประวัติศาสตร์ อุเอโนะคือสถานที่ที่ควรไป เนื่องจากเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของโตเกียว สุดท้ายนี้ สำหรับฐานที่พักที่สะดวกใกล้ศูนย์กลางการขนส่งหลัก สถานีโตเกียวให้การเดินทางที่สะดวกไปยังสถานที่ต่างๆ เช่น ชิโยดะ ชูโอ (กินซ่า) มินาโตะ และชิบะ ซึ่งเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการสำรวจสถานที่สำคัญอันเป็นสัญลักษณ์ของเมือง บทความนี้จะช่วยคุณค้นหาพื้นที่ที่เหมาะสมตามความสนใจและความชอบของคุณ อโกด้า เอ็กซ์ตร้า: นั่งรถไฟในโตเกียวช่วงชั่วโมงเร่งด่วน มีโอกาสโดนผลักให้ขึ้นรถไฟไม่ได้! โอชิยะ หรือพนักงานเข็นรถไฟ ทำหน้าที่ช่วยอัดผู้โดยสารเข้าไปในรถไฟฟ้าใต้ดินมาเป็นเวลาหลายทศวรรษแล้ว สถานีชินจูกุเป็นสถานีแรกที่จ้างพนักงานเข็นผู้โดยสาร แต่ในปัจจุบัน คุณจะพบพนักงานเข็นผู้โดยสารเข้าประตูตามอาคารผู้โดยสารที่พลุกพล่านหลายแห่งทั่วเมือง 1. รับประทานอาหารร่วมกับหุ่นยนต์ฉายแสง และช้อปปิ้งที่ห้างสรรพสินค้าหรูหราที่ดีที่สุดของโตเกียวในชินจูกุ หากต้องการสถานที่ที่ใหญ่ที่สุดและมีชีวิตชีวาที่สุดในโตเกียว ไม่ต้องมองหาที่อื่นนอกจากชินจูกุ ศูนย์กลางเมืองที่มีชื่อเสียงของโตเกียวทำให้คุณเดินทางไปยังห้างสรรพสินค้าทันสมัย เช่น Lumine EST, Takashimaya Times Square และห้างสรรพสินค้า Odakyu ได้อย่างง่ายดาย คุณจะไม่ไกลจากห้างสรรพสินค้าอิเซตัน ชินจูกุ และมารุอิ เมน อีกด้วย ออกจากสถานีชินจูกุทางฝั่งตะวันตก คุณจะพบกับศูนย์รวมกล้องแห่งโตเกียว ซึ่งนักสะสมและผู้ที่ชื่นชอบสามารถเลือกดูกล้องวินเทจและอุปกรณ์ล่าสุดสำหรับช่างภาพได้ หากอยากทานอาหารเย็นและเที่ยวกลางคืน ให้เดินเล่นไปตาม Memory Lane หรือ Shinjuku Omoide Yokochō เพื่อพบกับแผงขายอาหารริมถนนที่เป็นที่นิยมมากที่สุดของโตเกียว บาร์ในท้องถิ่น และร้านอาหารแบบดั้งเดิม หรือซื้อตั๋วออนไลน์สำหรับการแสดงเทคโนที่ดุเดือดที่สุดที่คุณเคยเห็นที่ Robot Restaurant สุดท้ายนี้ อย่าออกจากชินจูกุโดยไม่ได้ถ่ายรูปเซลฟี่กับรูปปั้น LOVE ที่ Shinjuku i-LAND Tower ค้นหาโรงแรมและที่พักในชินจูกุ 2. ซื้อตั๋วเข้าชมการแข่งขันมวยปล้ำซูโม่ และเยี่ยมชมวัดในอาซากุสะ ไทโตะ หากเป้าหมายหลักของคุณในญี่ปุ่นคือการค้นหานักมวยปล้ำซูโม่ในชีวิตจริง อาซากุสะคือจุดหมายที่คุณต้องการ เขตทางตะวันออกในเขตไทโตะแห่งนี้เป็นที่ตั้งของสนามกีฬาซูโม่แห่งชาติโคคุกิกัง (Ryogoku Kokugikan) ซึ่งมีการแข่งขันซูโม่เกือบทุกคืน สั่งซื้อตั๋วออนไลน์และรับตั๋วได้ที่ 7-Eleven ที่ใกล้ที่สุด มันง่ายขนาดนั้นเลย นอกจากซูโม่แล้ว อาซากุสะยังเต็มไปด้วยเสน่ห์แห่งประวัติศาสตร์ ซึ่งเป็นลักษณะที่ทำให้ที่นี่โดดเด่นจากเขตชานเมืองใกล้เคียง ก่อนที่จะมุ่งหน้าไปยังสนามกีฬา ลองเที่ยวชมวัดเซ็นโซจิ ศาลเจ้าอาซากุสะ และพิพิธภัณฑ์เอโดะ-โตเกียว หากคุณแค่ต้องการอะไรใหม่ๆ เพื่อสร้างสมดุลกับสิ่งเก่าๆ ก็ลองไปชมเส้นขอบฟ้าจากหอสังเกตการณ์โตเกียวสกายทรี และแวะไปที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะเมโทรโพลิแทนโตเกียว ค้นหาโรงแรมและที่พักใกล้สถานีอาซากุสะ 3. เดินผ่านสี่แยกที่พลุกพล่านที่สุดในโลก และถ่ายรูปกับสุนัขอากิตะที่ชาวญี่ปุ่นชื่นชอบมากที่สุดที่ SHIBUYA ให้ความบันเทิงกับวัยรุ่น? นั่งรถไฟไปสถานีชิบูย่า แล้วปล่อยให้พวกเขาออกมาโลดแล่นที่จัตุรัสฮาจิโกมาเอะ ซึ่งพวกเขาอาจจะเข้ากับกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของโตเกียวได้เป็นอย่างดี ชิบูย่าก็เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สนุกสนานสำหรับผู้ใหญ่เช่นกัน โดยมีสถานที่ท่องเที่ยวอย่างถนนช้อปปิ้ง Shibuya Center-gai และทางแยกชิบูย่า "Scramble" ซึ่งลือกันว่าเป็นทางแยกที่พลุกพล่านที่สุดในโลก ถ่ายรูปที่อนุสาวรีย์ฮาจิโก ซึ่งเป็นรูปปั้นสุนัขอากิตะที่ซื่อสัตย์และมีชื่อเสียงที่สุดของโตเกียวและเจ้าของของเขาที่สร้างด้วยทองสัมฤทธิ์ จากนั้นมุ่งหน้าไปที่สวนโยโยกิเพื่อชมศาลเจ้าเมจิและเลือกซื้อของที่ระลึกตามถนนช้อปปิ้งในฮาราจูกุและโอโมเตะซันโด ค้นหาโรงแรมและที่พักในชิบูย่า 4. เยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ศิลปะและประวัติศาสตร์ที่ดีที่สุดบางแห่งของโตเกียวในย่านอุเอโนะ ไทโตะ ผู้ที่ชื่นชอบประวัติศาสตร์และนักท่องเที่ยวที่มีงบจำกัดชื่นชอบอุเอโนะ ย่านเล็กๆ ของไทโตะแห่งนี้ตั้งอยู่ที่สถานีอุเอโนะ และเต็มไปด้วยพิพิธภัณฑ์ชั้นนำของเมือง วางแผนใช้เวลาส่วนใหญ่ในแต่ละวันอยู่ที่สวนอุเอโนะออนชิ ซึ่งคุณจะพบกับพิพิธภัณฑ์แห่งชาติโตเกียว พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติและวิทยาศาสตร์แห่งชาติ สวนสัตว์อุเอโนะ และอื่นๆ อีกมากมาย คุณสามารถค้นพบประวัติศาสตร์เพิ่มเติมได้ระหว่างการเดินทางสั้นๆ ไปทางเหนือสู่ยานากะ ซึ่งคุณจะได้พบกับวัฒนธรรมชิตะมาจิ วัดนับร้อย...
อ่านเพิ่มเติม
โตเกียวขึ้นชื่อว่าเป็นมหานครขนาดใหญ่และเป็นเมืองท่องเที่ยวในฝันของใครหลายคน แน่นอนว่าโตเกียวจึงมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายอยู่ทั่วมุมเมือง ทั้งด้านประวัติศาสตร์ ธรรมชาติ และสิ่งก่อสร้างสมัยใหม่ บวกกับการคมนาคมขนส่งที่ขึ้นชื่อว่าทันสมัยและสะดวกสุดๆ ทำให้การไปไหนมาไหนในเมืองนั้นง่ายแสนง่าย และนี่คือ 5 สถานที่ท่องเที่ยวในโตเกียว ที่เราเลือกแล้วว่าป็อปสุดๆ เด็ดสุดๆ และไม่ควรพลาดจริงๆ เกร็ดน่ารู้: วัดที่ขึ้นชื่อว่าเก่าแก่ที่สุดในโตเกียวคือ วัดเซ็นโซจิ (Senso-ji Temple) หรือที่คนไทยรู้จักกันในชื่อวัดอาซากุสะหรือวัดโคมแดงนั่นเอง วัดนี้สร้างขึ้นตั้งแต่ปีค.ศ. 645 และที่น่าสนใจกว่านั้นก็คือวัดเก่าแก่แห่งนี้มีผู้มาเยือนมากกว่า 30 ล้านคนต่อปีเลยทีเดียว จึงทำให้วัดเซ็นโซจิกลายเป็นสถานที่สำคัญทางศาสนาที่มีคนมาเยือนมากที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้! 1. นั่งดื่มด่ำชมซากุระบานที่สวนชินจูกุเกียวเอ็น สวนชินจูกุเกียวเอ็น (Shinjuku Gyoen National Garden) แห่งนี้จะฮ็อตสุดๆ ในช่วงเดือนมีนาคมและเมษายน เมื่อต้นซากุระมากกว่า 1,000 ต้นพร้อมใจกันบานสะพรั่งอวดความงามต่อสาธารณชน แต่ถึงใครจะพลาดช่วงพีคอย่างซากุระก็ไม่ต้องเสียดาย เพราะในช่วงฤดูกาลอื่นๆ สวนชินจูกุเกียวเอ็นก็มีความสวยงามแตกต่างกันไป และนอกจากธรรมชาติอันงดงาม ที่นี่ยังมีการจัดกิจกรรมต่างๆ ตลอดทั้งปีอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นการแข่งขันถ่ายภาพ นิทรรศการภาพวาด และกิจกรรมเดินศึกษาธรรมชาติ หากคุณมีโอกาสมาเยือนในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงธันวาคม ก็จะได้เห็นทิวทัศน์ใบไม้เปลี่ยนสีที่สวยงามยิ่งใหญ่อลังการไม่แพ้สวนไหนๆ ในโตเกียวเลยทีเดียว เข้าพักที่ เคโอะ พลาซา โฮเต็ล โตเกียว, แล้วออกไปชมซากุระที่ สวนชินจูกุเกียวเอ็น ค้นหาที่พักราคาดีที่สุดใกล้ๆ สถานีรถไฟชินจูกุ 2. สัมผัสบรรยากาศตลาดปลาอันคึกคัก และชิมซาชิมิสดๆ ที่ตลาดปลาซึกิจิ ปลาและอาหารทะเลขึ้นชื่อว่าเป็นอาหารหลักของคนญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้ และ ตลาดปลาซึกิจิ (Tsukiji Market) ก็คือหนึ่งในที่ที่ดีที่สุด (และใหญ่ที่สุด) ที่คุณจะได้ลิ้มลองของสดใหม่จากทะเล และได้สัมผัสประสบการณ์การประมูลปลาทูน่าแบบใกล้ชิด ใครอยากได้บรรยากาศเรียลๆ แบบตลาดปลาแท้ๆ ก็ขอให้มาตั้งแต่เช้าตรู่ เพราะที่นี่จะเริ่มคึกคักตั้งแต่ตีสาม ส่วนการประมูลก็จะเริ่มต้นตั้งแต่ประมาณตีห้ากว่าไปจนถึงประมาณสิบโมงเช้า และนักท่องเที่ยวจะสามารถเข้าชมการประมูลได้ในบริเวณที่กำหนดไว้เท่านั้น ส่วนโซนด้านนอกก็จะมีร้านค้าและร้านอาหารอีกเพียบที่เปิดตั้งแต่เช้าตรู่ไปจนถึงบ่าย ซึ่งไฮไลต์ก็คือการได้ชิมซาชิมิและซูชิอร่อยๆ ในบรรยากาศของตลาดปลาเก่าแก่แห่งนี้นั่นเอง ในเดือนตุลาคม 2018 ตลาดปลาซึกิจิจะปิดตัวลงและย้ายไปตลาดปลาแห่งใหม่ที่ชื่อว่าตลาดปลาโทโยสุ (Toyosu) โดยสามารถขึ้นรถไฟสาย Yurikamome แล้วไปลงที่สถานี Shijo-mae Station เข้าพักที่ ไดวะ รอยเน็ท โฮเต็ล กินซา, แล้วออกไปชิมซาชิมิอร่อยๆ ที่ ตลาดปลาซึกิจิ ค้นหาที่พักราคาดีที่สุดใกล้ๆ สถานีรถไฟกินซ่า 3. ชมศิลปะญี่ปุ่นในพิพิธภัณฑ์ที่ดีที่สุดในโตเกียวที่พิพิธภัณฑ์แห่งชาติโตเกียว พิพิธภัณฑ์แห่งชาติโตเกียว (Tokyo National Museum) ขึ้นชื่อว่าเป็นพิพิธภัณฑ์ที่เก่าที่สุดและใหญ่ที่สุดในโตเกียว ซึ่งตั้งอยู่ใน สวนสาธารณะอุเอะโนะ (Ueno Park) ตัวพิพิธภัณฑ์แบ่งออกเป็นหกตึก โดยจัดแสดงศิลปะและโบราณวัตถุมากกว่า 110,000 ชิ้นทั้งจากญี่ปุ่นเองและจากประเทศอื่นๆ ในเอเชีย ชมคอลเล็คชั่นศิลปะญี่ปุ่นที่มีตั้งแต่เครื่องเซรามิคไปจนถึงชุดทหารในยุคสมัยเอโดะ และดื่มด่ำกับศิลปะวัตถุจากเอเชีย ไม่ว่าจะเป็นจีน เกาหลี อินเดีย อียิปต์ และประเทศอื่นๆ เมื่อชื่นชมศิลปะด้านในอย่างเต็มที่แล้ว ก็อย่าลืมออกมาดูโบราณวัตถุสำคัญทางประวัติศาสตร์ข้างนอก เช่น Demon Tile และ Kuromon (ประตูสีดำ) เป็นต้น เข้าพักที่ เซ็นจูเรียน โฮเต็ล แอนด์ สปา อุเอะโนะ สเตชั่น - อาร์ติฟิเชียล เรเดียม ฮอตสปริง, แล้วออกไปชมศิลปะที่ พิพิธภัณฑ์แห่งชาติโตเกียว ค้นหาที่พักราคาดีที่สุดใกล้ๆ สถานีรถไฟอุเอะโนะ 4. ชมสวน เที่ยวพิพิธภัณฑ์ แล้วไปเดินดูสัตว์ที่สวนสาธารณะอุเอะโนะ...
อ่านเพิ่มเติม
5 ที่เที่ยวในโตเกียว ที่ห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง! แม้โตเกียวจะขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองแห่งเทคโนโลยีสุดล้ำ แต่วัฒนธรรมจากอดีตกาลก็ยังคงโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ ผสมผสานกับสถาปัตยกรรมแห่งโลกยุคใหม่ได้อย่างลงตัว และดึงดูดนักเดินทางจากทั่วทุกมุมโลก แถมโตเกียวยังมีกิจกรรมน่าสนใจให้ทำมากมาย ทั้งการชมวิวจากหอคอยสูงที่สุดในโลก ไปจนถึงการชมการแข่งขันซูโม่อันน่าตื่นตา เกร็ดน่ารู้: หากไปเที่ยวโตเกียว สถานที่แห่งหนึ่งที่คุณจะได้ไปเยือนไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ก็คือ สถานีรถไฟชินจูกุ (Shinjuku Station) ศูนย์กลางการเดินทางที่รองรับผู้โดยสารมากที่สุดในโลกถึง 3.5 ล้านคนต่อวัน และมีชานชาลามากถึง 36 ชานชาลา บวกกับอีก 17 ชานชาลาที่อยู่ด้านนอกสถานีซึ่งเชื่อมต่อกับทางรถไฟ แถมด้วยทางออกกว่าอีก 200 ทาง หากอยากทดสอบความเป็นเนวิเกเตอร์ในตัวละก็ เราขอท้าให้ไปสถานีชินจูกุดูสักครั้ง! 1. ศาลเจ้าเมจิ (ชิบุยะ) - ชมทางเข้าอลังการทำจากเสาไม้โทอิริขนาดใหญ่ และชมพิธีแต่งงานดั้งเดิมแบบชินโต ศาลเจ้าเมจิ (Meiji Shrine) สร้างขึ้นเพื่ออุทิศถวายแด่ดวงวิญญาณของสมเด็จพระจักรพรรดิเมจิ และสมเด็จพระจักรพรรดินีโชเก็ง พระพันปีหลวง สร้างแล้วเสร็จในปี ค.ศ. 1920 ต่อมาถูกทำลายลงในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 และได้รับการสร้างขึ้นใหม่ในปี ค.ศ. 1958 ศาลเจ้าเมจิตั้งอยู่ในพื้นที่ป่าของ สวนโยโยงิ (Yoyogi Park) แห่งเขต ชิบุยะ ทุกๆ ช่วงปีใหม่ ชาวญี่ปุ่นจะนิยมไปขอพรที่ศาลเจ้าแห่งนี้ เมื่อผ่านทางเข้าศาลเจ้าซึ่งเป็นเสาโทอิริทำจากไม้สนไซเปรสสูง 40 ฟุตเข้าไป คุณจะพบกับความร่มรื่นเย็นตาของต้นไม้จำนวนมากกว่า 1 แสนต้น และถ้าโชคดี คุณอาจได้เห็นพิธีแต่งงานดั้งเดิมแบบชินโตอีกด้วย ส่วนอีกหนึ่งกิจกรรมที่ไม่ควรพลาด คือการเขียนขอพรลงบนแผ่นไม้ "เอะมะ" (Ema) และซื้อเครื่องรางกลับไปเป็นที่ระลึก ซึ่งมีให้เลือกมากมาย ทั้งเครื่องรางด้านความรัก หรือด้านสุขภาพ เป็นต้น เข้าพักที่ ชิบุยะ เอ็กเซล โฮเต็ล โตเกียว แล้วออกไปเที่ยว ศาลเจ้าเมจิ ได้เลย ค้นหาที่พักราคาดีที่สุดใน ชิบุยะ 2. ชมย่านอาซากุสะในมุมสูงจากโตเกียวสกายทรี หอคอยที่สูงที่สุดในโลก หอโทรทัศน์ โตเกียวสกายทรี (Tokyo Skytree) คือหอคอยที่สูงที่สุดในโลก ตั้งอยู่ในเขต ซุมิดะ (Sumida) และเป็นทางเลือกที่น่าสนใจไม่น้อยสำหรับผู้ที่อยากชมวิวมุมสูงแบบ 360 องศาของย่านวัฒนธรรมเก่าแก่ของโตเกียว ซึ่งรวมถึงย่านยอดนิยมอย่าง อาซากุสะ (Asakusa) ใกล้ๆ กับโตเกียวสกายทรี ยังมีที่เที่ยวยอดนิยม เช่น พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำสุมิดะ (Sumida Aquarium) และ สวนสาธารณะสำหรับเด็กโคเมะ (Koume Children’s Park) แต่จะว่าไป ที่หอคอยโตเกียวสกายทรีก็มีกิจกรรมมากมายให้ทำได้ทั้งวันไม่มีเบื่อ เริ่มจากชมความอลังการของหอคอยจากฐานซึ่งเป็นศูนย์การค้าขนาดใหญ่ จากนั้นก็ขึ้นไปที่ความสูง 350 เมตร เที่ยวชมอาร์ตแกลเลอรี นิทรรศการต่างๆ มุมถ่ายภาพที่ระลึก และจุดชมวิวพื้นกระจก Tembo Deck ส่วนไฮไลท์ที่พลาดไม่ได้ก็คือ ชั้น 450 ของหอคอย ซึ่งขึ้นไปได้ด้วยลิฟต์หรือทางเดินโค้งวนขึ้นไป ซึ่งมอบวิวกรุงโตเกียวแบบพาโนรามาให้ฟินกันสุดๆ เข้าพักที่ โรงแรมฮอกเกะ คลับ อาซากุสะ แล้วออกไปเที่ยว โตเกียวสกายทรี ได้เลย ค้นหาที่พักราคาดีที่สุดใน เขตซุมิดะ 3. ห้าแยกชิบุยะ - เราจะข้ามถนนไปด้วยกัน นอกจากหอคอยโทรทัศน์ที่สูงที่สุดในโลก สถานีรถไฟที่มีจำนวนผู้โดยสารมากที่สุดในโลกแล้ว ถ้าโตเกียวจะครองแชมป์ทางแยกที่วุ่นวายที่สุดในโลกด้วยอีกอย่างจะเป็นไรไป ตอนกลางคืนคือช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการชมอานุภาพความวุ่นวายของ...
อ่านเพิ่มเติม
ขึ้นชื่อว่าโตเกียว คงไม่น่าแปลกใจหากเมืองนี้ทำให้ใครต่อใครกระเป๋าฉีกมานักต่อนัก โตเกียวมีสินค้ามากมายน่าช็อป และหลายๆ ย่านก็เป็นแหล่งช็อปปิ้งขนาดใหญ่ มองไปทางไหนก็มีแต่ของน่ารัก เสื้อผ้าเก๋ๆ อะไรๆ ก็ดูน่าซื้อเต็มไปหมด ลองมาทำความรู้จัก แหล่งช็อปปิ้งในโตเกียว สำรวจห้างสรรพสินค้าทันสมัย ร้านค้ามากมาย ไปจนถึงตลาดนัดขายของมือสอง แล้วเก็บข้อมูลไว้เป็นคัมภีร์ช็อปปิ้งโตเกียว 101 ในทริปครั้งต่อไปของคุณได้เลย! เกร็ดน่ารู้: ตามถนนในโตเกียวนั้นเต็มไปด้วยตู้ขายของอัตโนมัติที่ขายทุกอย่างที่คุณต้องการระหว่างทริปในโตเกียวของคุณ ตั้งแต่กระดาษทิชชู่ เสื้อกล้าม เบียร์ ไปจนถึงเบอร์เกอร์! ลองสังเกตดูตู้ขายของตามสถานที่ต่างๆ แล้วคุณอาจเจอสินค้าแปลกๆ อยู่ในนั้นก็เป็นได้ 1. เดินช็อปหาอุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์ สินค้าแบรนด์หรู และอุปกรณ์กล้องที่ชินจูกุ (Shinjuku) ลงรถไฟที่สถานีรถไฟที่วุ่นวายที่สุดแห่งหนึ่งในโลก แล้วเตรียมตัวสำรวจย่านการค้าขนาดใหญ่ของเมืองโตเกียวที่คลาคล่ำไปด้วยคนท้องถิ่นและนักท่องเที่ยวใน ชินจูกุ (Shinjuku) ที่นี่มีห้างสรรพสินค้าชื่อดังมากมายอย่าง อิเซตัน (Isetan)  และ โอดะเคียว (Odakyu) ใครกำลังหาซื้ออุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์ ก็ขอให้ตรงไปทางทิศตะวันตกของ สถานีรถไฟชินจูกุ แล้วคุณจะได้ตื่นตาตื่นใจกับร้านค้ามากมาย ซึ่งรวมถึง ร้านกล้องโยโดบาชิ (Yodobashi Camera), ร้านขายเกม และร้านเอ้าท์เล็ตขายอุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์ต่างๆ แต่หากยังไม่จุใจ ก็มีห้างสรรพสินค้าอื่นๆ ให้คุณแวะช็อปจนกระเป๋าฉีกอีกเพียบ เช่น ห้างสรรพสินค้าเคโอ (Keio Department Store), ห้างสรรพสินค้าลูมิเน่ 1 (Lumine 1) และห้างสรรพสินค้าลูมิเน่ 2 (Lumine 2)  เข้าพักที่ โรงแรมชินจูกุ แกรนเบลล์, แล้วออกไปดูกล้องรุ่นใหม่ๆ ที่ ร้านกล้องโยโดบาชิ ค้นหาที่พักราคาดีที่สุดใกล้ๆ สถานีรถไฟชินจูกุ 2. เดินเล่นศูนย์การค้าหรูในเขตถนนคนเดินที่กินซ่า (Ginza) ช็อปอย่างไฮโซในย่านช็อปปิ้งที่หรูหราที่สุดแห่งหนึ่งในโตเกียวอย่าง ย่านกินซ่า (Ginza) คุณจะได้เจอกับห้างสรรพสินค้าและร้านค้าหรูหรามากมายบน ถนนชุโอ-โดริ (Chuo Dori) ถนนยาวหนึ่งกิโลเมตรที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสวรรค์ของคนเดินถนนเลยก็ว่าได้ ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ถนนแห่งนี้จะเต็มไปด้วยนักช็อปมากมาย แถมยังปิดถนนทั้งสายในช่วงบ่ายถึงเย็นให้คนเดินช็อปกันอย่างไม่ต้องเกรงกลัวรถจะเสย ใครที่กลัวจะกระเป๋าฉีกก็ไม่มีปัญหา เพราะการได้เดินเล่นวินโดว์ช็อปปิ้งเพลินๆ ก็น่าตื่นตาตื่นใจไม่แพ้กัน ไม่ว่าจะเป็นในศูนย์การค้าหรูอย่าง กินซ่า ซิกส์ (Ginza Six) และ ห้างสรรพสินค้ากินซ่า มิตซึโกชิ (Ginza Mitsukoshi) หากอยากเปลี่ยนบรรยากาศดูบ้าง ก็ไปเดินดูอุปกรณ์เครื่องเขียนสไตล์ญี่ปุ่นเพลินๆ ที่ กินซ่า อิโตยะ (Ginza Itoya) หรือจะพาเด็กๆ ไปเดินเที่ยวที่ ร้านขายของเล่นฮาคุฮินคัง (Hakuhinkan) และ ร้านดองกิโฮเตะหรือดองกี้ (Don Quijote) แล้วสปอยล์พวกเขาสักเล็กน้อยด้วยของเล่นสนุกๆ ส่วนคุณพ่อคุณแม่ก็หาซื้อของฝากกลับบ้านไปพลางๆ รับรองว่าฟินกันทุกคน เข้าพักที่ ไดวะ รอยเน็ท โฮเต็ล กินซา, แล้วออกไปช็อปที่ กินซ่า มิตซึโกชิ ค้นหาที่พักราคาดีที่สุดใน กินซ่า 3. แวะย่านสวรรค์ของเหล่าโอตาคุและดื่มด่ำกับวัฒนธรรมการ์ตูนญี่ปุ่นที่อากิฮาบาระ (Akihabara) ไม่ว่าใครที่ได้มาเดินที่ ย่านอากิฮาบาระ (Akihabara) หรืออกิบะ ก็จะต้องร้องว้าวไปตามๆ กัน เพราะที่นี่เป็นแหล่งช็อปเครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์อันดับหนึ่งของโตเกียว แถมมีทุกอย่างให้คุณเลือกสรรค์ ซึ่งถ้าใครใจไม่แข็งพออาจช็อปหมดตัวได้ในเวลาไม่นาน ใครชอบถ่ายรูปชอบกล้อง ก็อย่าลืมแวะที่ ร้านกล้องโยโดบาชิ (Yodobashi Camera) ส่วนร้านลาบี อากิฮาบาระ (LABI Akihabara) กับ ลาอ็อกซ์ (LAOX Akihabara Main Shop) ก็น่าช็อปไม่แพ้กัน ที่อากิฮาบาระยังขึ้นชื่อว่าเป็นสวรรค์ของเหล่าโอตาคุทั้งหลายที่คลั่งไคล้การ์ตูนอนิเมะและมังงะอีกด้วย เพราะที่นี่มีสินค้าและของสะสมมากมายเกี่ยวกับการ์ตูนญี่ปุ่น ทั้งเกมไพ่ ตุ๊กตา วีดีโอเกมเก่าๆ...
อ่านเพิ่มเติม
เกียวโตขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองท่องเที่ยวยอดนิยมของญี่ปุ่น จึงไม่เคยขาดแคลนนักท่องเที่ยวจากทั่วมุมโลกที่หวังจะมาสัมผัสเสน่ห์ของเมืองเก่าแห่งนี้ด้วยตัวเองสักครั้งในชีวิต แต่รู้หรือไม่ว่ารอบๆ เกียวโตก็มีเมืองสวยงามน่าไปเยือนไม่แพ้กัน เมื่อเที่ยวเกียวโตจนทั่วแล้ว ลองไปหาความสงบและสำรวจ ที่เที่ยวใกล้เกียวโต กันบ้าง รับรองว่าคุณจะหลงเสน่ห์เมืองเล็กๆ น่ารักเหล่านี้ไม่แพ้เมืองใหญ่อย่างเกียวโตแน่นอน 1. โอฮาระ (Ohara) – สัมผัสบรรยากาศชนบทแท้ๆ สไตล์ญี่ปุ่น โอฮาระเป็นเมืองเกษตรกรรมสไตล์ชนบทญี่ปุ่นอย่างแท้จริง เมืองเล็กๆ แห่งนี้ตั้งอยู่ทางเกียวโตเหนือ โอบล้อมด้วยภูเขาและมีความเป็นธรรมชาติแท้ๆ ช่วงฮ็อตฮิตที่สุดของที่นี่ก็คือช่วงฤดูใบไม้ร่วงประมาณกลางเดือนพฤศจิกายน ซึ่งเต็มไปด้วยวิวใบไม้เปลี่ยนสีสวยงามที่แข่งขันกันระเบิดสีสัน คุณสามารถเดินเท้าสำรวจสถานที่ท่องเที่ยวได้อย่างสบายๆ และไฮไลต์เด็ดก็คือวัดซานเซนอิน (Sanzenin Temple) วัดใหญ่นิกายเท็นไดที่สร้างขึ้นสมัยเฮอัน ภายในมีอาคารต่างๆ และสวนญี่ปุ่นสวยงาม นอกจากนี้ก็ยังมีวัดจัคโคอิน (Jakkoin Temple), วัดโฮเซ็นอิน (Hosenin Temple), วัดโชรินอิน (Shorinin Temple) และน้ำตกโอโตนาชิ (Otonashi no Taki) ที่ซ่อนความงามอยู่หลังวัดซานเซนอิน ระหว่างทางก็จะมีร้านรวงเล็กๆ น่ารักขายของกินของฝากสไตล์ญี่ปุ่นให้สายช็อปสายกินฟินกันไปข้าง ความดีงามอีกอย่างของเมืองนี้ก็คือบรรยากาศชนบทที่หาไม่ได้ในเมืองใหญ่ ทั้งบ้านเรือนน่ารักๆ แปลงเกษตรกรรมของชาวบ้าน วิถีชีวิตของคนโลคอลแท้ๆ ทั้งหมดนี้คือเสน่ห์ที่ทำให้หลายๆ คนต้องหลุมรักโอฮาระ ไปอย่างไร? นั่งรถไฟจากเกียวโต Karasuma Line ไปลงที่สถานี Kokusaikaikan จากนั้นก็ต่อรถเมล์สาย 19 ไปเมืองโอฮาระ ใช้เวลาเดินทางทั้งหมดประมาณหนึ่งชั่วโมงเท่านั้น เข้าพักที่ ยุโมะโตะ ออนเซน โอะฮะระซันโซ - เมาน์เท็น วิลเลจ, ออกไปเที่ยวที่ วัดซานเซนอิน ค้นหาที่พักราคาดีที่สุดในโอฮาระ 2. อุจิ (Uji) – ชิมชาเขียว ชมวิวแม่น้ำอุจิ ใครเป็นสาวกชาเขียวตัวยง บอกเลยว่าห้ามพลาดเมืองอุจิ เมืองชาเขียวแห่งนี้ ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนใต้ของจังหวัดเกียวโต ที่นี่คือ ที่เที่ยวใกล้เกียวโต ที่ห้ามพลาด เพราะเป็นแหล่งเพาะปลูกชาเขียวคุณภาพดี มีถนนสายชาเขียวที่ขายผลิตภัณฑ์จากชาเขียวล้วนๆ ให้เลือกชิมเลือกซื้อกันอย่างหนำใจ นอกจากชาเขียวอร่อยๆ คุณภาพดีแล้ว ไฮไลต์อื่นๆ ที่มีชื่อเสียงในหมู่นักท่องเที่ยวก็คือวัดเบียวโดอิน (Byodoin Temple) วัดเก่าแก่ตั้งแต่สมัยเฮอัน ซึ่งภายในมีพิพิธภัณฑ์จัดแสดงวัตถุโบราณของวัด และมีอาคาร Hoo-do หรือ Phoenix Hall อันสวยงามทรงคุณค่าจนได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลก แถมยังปรากฏอยู่บนเหรียญสิบเยนของญี่ปุ่นอีกด้วย สถานที่น่าสนใจอื่นๆ ก็เช่น ศาลเจ้าอูจิกามิ (Ujigami Shrine), วัดมามปูกุจิ (Mampukuji Temple) เป็นต้น เมืองนี้ยังมีแม่น้ำอุจิ (Uji River) ไหลตัดผ่านกลางเมือง หากมาในช่วงดอกซากุระบาน ก็จะยิ่งฟินเพราะจะได้ชมวิวดอกซากุระบานสะพรั่งริมฝั่งแม่น้ำอุจิ เช่นเดียวกับวิวในฤดูใบไม้ร่วงที่สวยงามโรแมนติก เหมาะแก่การนั่งจิบชาชมวิวริมแม่น้ำเป็นที่สุด ไปอย่างไร? คุณสามารถนั่งรถไฟ JR Nara Line จากสถานีเกียวโตไปยังสถานี Uji ได้เลย หากไม่ได้ซื้อตั๋วรถไฟของ JR คุณสามารถนั่งรถไฟ Kyoto City Subway แล้วไปต่อรถไฟสาย Keihan Uji Line เพื่อไปลงที่สถานี Uji ใช้เวลาเดินทางทั้งหมดประมาณ 30 นาทีเท่านั้น เข้าพักที่ เกียวโต อูจิ ฮานายาชิกิ อูกิฟูเนะ-เอ็น, ออกไปเที่ยวที่ วัดเบียวโดอิน ค้นหาที่พักราคาดีที่สุดในอุจิ 3....
อ่านเพิ่มเติม